Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) |
๒. นนฺทติสุตฺตวณฺณนา
2. Nandatisuttavaṇṇanā
๑๒. ทุติเย นนฺทตีติ ตุสฺสติ อตฺตมโน โหติฯ ปุตฺติมาติ พหุปุโตฺตฯ ตสฺส หิ เอกเจฺจ ปุตฺตา กสิกมฺมํ กตฺวา ธญฺญสฺส โกเฎฺฐ ปูเรนฺติ, เอกเจฺจ วณิชฺชํ กตฺวา หิรญฺญสุวณฺณํ อาหรนฺติ, เอกเจฺจ ราชานํ อุปฎฺฐหิตฺวา ยานวาหนคามนิคมาทีนิ ลภนฺติฯ อถ เตสํ อานุภาวสงฺขาตํ สิริํ อนุภวมานา มาตา วา ปิตา วา นนฺทติฯ ฉณทิวสาทีสุ วา มณฺฑิตปสาธิเต ปุเตฺต สมฺปตฺติํ อนุภวมาเน ทิสฺวา นนฺทตีติ, ‘‘นนฺทติ ปุเตฺตหิ ปุตฺติมา’’ติ อาหฯ โคหิ ตเถวาติ ยถา ปุตฺติมา ปุเตฺตหิ, ตถา โคสามิโกปิ สมฺปนฺนํ โคมณฺฑลํ ทิสฺวา คาโว นิสฺสาย โครสสมฺปตฺติํ อนุภวมาโน โคหิ นนฺทติฯ อุปธี หิ นรสฺส นนฺทนาติ, เอตฺถ อุปธีติ จตฺตาโร อุปธี – กามูปธิ, ขนฺธูปธิ, กิเลสูปธิ, อภิสงฺขารูปธีติฯ กามาปิ หิ ‘‘ยํ ปญฺจ กามคุเณ ปฎิจฺจ อุปฺปชฺชติ สุขํ โสมนสฺสํ, อยํ กามานํ อสฺสาโท’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๖๖) เอวํ วุตฺตสฺส สุขสฺส อธิฎฺฐานภาวโต ‘‘อุปธิยติ เอตฺถ สุข’’นฺติ อิมินา วจนเตฺถน อุปธีติ วุจฺจติฯ ขนฺธาปิ ขนฺธมูลกสฺส ทุกฺขสฺส อธิฎฺฐานภาวโต, กิเลสาปิ อปายทุกฺขสฺส อธิฎฺฐานภาวโต, อภิสงฺขาราปิ ภวทุกฺขสฺส อธิฎฺฐานภาวโตติฯ อิธ ปน กามูปธิ อธิเปฺปโตฯ ปญฺจ หิ กามคุณา เตภูมิกาทิปาสาท-อุฬารสยน-วตฺถาลงฺการ-นาฎกปริวาราทิวเสน ปจฺจุปฎฺฐิตา ปีติโสมนสฺสํ อุปสํหรมานา นรํ นนฺทยนฺติฯ ตสฺมา ยถา ปุตฺตา จ คาโว จ, เอวํ อิเมปิ อุปธี หิ นรสฺส นนฺทนาติ เวทิตพฺพาฯ น หิ โส นนฺทติ โย นิรูปธีติ โย กามคุณสมฺปตฺติรหิโต ทลิโทฺท ทุลฺลภฆาสจฺฉาทโน , น หิ โส นนฺทติฯ เอวรูโป มนุสฺสเปโต จ มนุสฺสเนรยิโก จ กิํ นนฺทิสฺสติ ภควาติ อาหฯ
12. Dutiye nandatīti tussati attamano hoti. Puttimāti bahuputto. Tassa hi ekacce puttā kasikammaṃ katvā dhaññassa koṭṭhe pūrenti, ekacce vaṇijjaṃ katvā hiraññasuvaṇṇaṃ āharanti, ekacce rājānaṃ upaṭṭhahitvā yānavāhanagāmanigamādīni labhanti. Atha tesaṃ ānubhāvasaṅkhātaṃ siriṃ anubhavamānā mātā vā pitā vā nandati. Chaṇadivasādīsu vā maṇḍitapasādhite putte sampattiṃ anubhavamāne disvā nandatīti, ‘‘nandati puttehi puttimā’’ti āha. Gohi tathevāti yathā puttimā puttehi, tathā gosāmikopi sampannaṃ gomaṇḍalaṃ disvā gāvo nissāya gorasasampattiṃ anubhavamāno gohi nandati. Upadhī hi narassa nandanāti, ettha upadhīti cattāro upadhī – kāmūpadhi, khandhūpadhi, kilesūpadhi, abhisaṅkhārūpadhīti. Kāmāpi hi ‘‘yaṃ pañca kāmaguṇe paṭicca uppajjati sukhaṃ somanassaṃ, ayaṃ kāmānaṃ assādo’’ti (ma. ni. 1.166) evaṃ vuttassa sukhassa adhiṭṭhānabhāvato ‘‘upadhiyati ettha sukha’’nti iminā vacanatthena upadhīti vuccati. Khandhāpi khandhamūlakassa dukkhassa adhiṭṭhānabhāvato, kilesāpi apāyadukkhassa adhiṭṭhānabhāvato, abhisaṅkhārāpi bhavadukkhassa adhiṭṭhānabhāvatoti. Idha pana kāmūpadhi adhippeto. Pañca hi kāmaguṇā tebhūmikādipāsāda-uḷārasayana-vatthālaṅkāra-nāṭakaparivārādivasena paccupaṭṭhitā pītisomanassaṃ upasaṃharamānā naraṃ nandayanti. Tasmā yathā puttā ca gāvo ca, evaṃ imepi upadhī hi narassa nandanāti veditabbā. Na hi so nandati yo nirūpadhīti yo kāmaguṇasampattirahito daliddo dullabhaghāsacchādano , na hi so nandati. Evarūpo manussapeto ca manussanerayiko ca kiṃ nandissati bhagavāti āha.
อิทํ สุตฺวา สตฺถา จิเนฺตสิ – ‘‘อยํ เทวตา โสกวตฺถุเมว นนฺทวตฺถุํ กโรติ, โสกวตฺถุภาวมสฺสา ทีเปสฺสามี’’ติ ผเลน ผลํ ปาเตโนฺต วิย ตาเยว อุปมาย ตสฺสา วาทํ ภินฺทโนฺต ตเมว คาถํ ปริวเตฺตตฺวา โสจตีติ อาหฯ ตตฺถ โสจติ ปุเตฺตหีติ วิเทสคมนาทิวเสน ปุเตฺตสุ นเฎฺฐสุปิ นสฺสเนฺตสุปิ อิทานิ นสฺสิสฺสนฺตีติ นาสสงฺกีปิ โสจติ, ตถา มเตสุปิ มรเนฺตสุปิ โจเรหิ ราชปุริเสหิ คหิเตสุ วา ปจฺจตฺถิกานํ หตฺถํ อุปคเตสุ วา มรณสงฺกีปิ หุตฺวา โสจติฯ รุกฺขปพฺพตาทีหิ ปติตฺวา หตฺถปาทาทีนํ เภทวเสน ภิเนฺนสุปิ ภิชฺชเนฺตสุปิ เภทสงฺกีปิ หุตฺวา โสจติฯ ยถา จ ปุเตฺตหิ ปุตฺติมา, โคสามิโกปิ ตเถว นวหากาเรหิ โคหิ โสจติฯ อุปธี หิ นรสฺส โสจนาติ ยถา จ ปุตฺตคาโว, เอวํ ปญฺจ กามคุโณปธีปิ –
Idaṃ sutvā satthā cintesi – ‘‘ayaṃ devatā sokavatthumeva nandavatthuṃ karoti, sokavatthubhāvamassā dīpessāmī’’ti phalena phalaṃ pātento viya tāyeva upamāya tassā vādaṃ bhindanto tameva gāthaṃ parivattetvā socatīti āha. Tattha socati puttehīti videsagamanādivasena puttesu naṭṭhesupi nassantesupi idāni nassissantīti nāsasaṅkīpi socati, tathā matesupi marantesupi corehi rājapurisehi gahitesu vā paccatthikānaṃ hatthaṃ upagatesu vā maraṇasaṅkīpi hutvā socati. Rukkhapabbatādīhi patitvā hatthapādādīnaṃ bhedavasena bhinnesupi bhijjantesupi bhedasaṅkīpi hutvā socati. Yathā ca puttehi puttimā, gosāmikopi tatheva navahākārehi gohi socati. Upadhī hi narassa socanāti yathā ca puttagāvo, evaṃ pañca kāmaguṇopadhīpi –
‘‘ตสฺส เจ กามยานสฺส, ฉนฺทชาตสฺส ชนฺตุโน;
‘‘Tassa ce kāmayānassa, chandajātassa jantuno;
เต กามา ปริหายนฺติ, สลฺลวิโทฺธว รุปฺปตี’’ติฯ (สุ. นิ. ๗๗๓) –
Te kāmā parihāyanti, sallaviddhova ruppatī’’ti. (su. ni. 773) –
วุตฺตนเยน นรํ โสจนฺติฯ ตสฺมา นรสฺส โสจนา โสกวตฺถุกเมวาติ เวทิตพฺพาฯ น หิ โส โสจติ, โย นิรูปธีติ ยสฺส ปน จตุพฺพิธาเปเต อุปธิโย นตฺถิ, โส นิรุปธิ มหาขีณาสโว กิํ โสจิสฺสติ, น โสจติ เทวเตติฯ
Vuttanayena naraṃ socanti. Tasmā narassa socanā sokavatthukamevāti veditabbā. Na hi so socati, yo nirūpadhīti yassa pana catubbidhāpete upadhiyo natthi, so nirupadhi mahākhīṇāsavo kiṃ socissati, na socati devateti.
นนฺทติสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Nandatisuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๒. นนฺทติสุตฺตํ • 2. Nandatisuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๒. นนฺทติสุตฺตวณฺณนา • 2. Nandatisuttavaṇṇanā