Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) |
๒. นนฺทติสุตฺตวณฺณนา
2. Nandatisuttavaṇṇanā
๑๒. นนฺทตีติ เอตฺถ นนฺทนํ สปฺปีติกกามตณฺหากิจฺจนฺติ อาห – ‘‘ตุสฺสตี’’ติ, ตสฺมา กามปริโตเสน หฎฺฐตุโฎฺฐ โหตีติ อโตฺถฯ ปุตฺติมาติ ปุตฺตวาฯ ปหูเต จายํ มา-สโทฺทติ อาห ‘‘พหุปุโตฺต’’ติฯ พหุปุตฺตตาคหเณน อิทํ ปโยชนนฺติ ทเสฺสโนฺต ‘‘ตสฺส หี’’ติอาทิมาหฯ ปูเรนฺตีติ ปทํ อเปกฺขิตฺวา ธญฺญสฺสาติ สามิวจนํฯ อิติ อาหาติ อิมมตฺถํ สนฺธายาห, เอวํอธิปฺปาโย หุตฺวาติ อโตฺถฯ โคสามิโกติ โคมาฯ อิธาปิ ปหูเต มา-สโทฺทฯ โครสสมฺปตฺตินฺติ โครเสหิ นิปฺผชฺชนสมฺปตฺติํฯ อุปธีติ ปจฺจตฺตพหุวจนํฯ หีติ เหตุอเตฺถ นิปาโตฯ นนฺทยนฺติ ปีติโสมนสฺสํ ชนยนฺตีติ นนฺทนาฯ กามํ ทุกฺขสฺส อธิฎฺฐานภาวโต นิปฺปริยายโต กามา ‘‘อุปธี’’ติ วตฺตพฺพตํ อรหนฺติ, ตสฺสา ปน เทวตาย อธิปฺปายวเสนาห ‘‘สุขสฺส อธิฎฺฐานภาวโต’’ติฯ กิเลสวตฺถุเหตุกตฺตา เสสปททฺวยสฺส กิญฺจาปิ สพฺพํ สํสารทุกฺขํ กิเลสเหตุกํ, วิเสสโต ปน ปาปธมฺมา อปายูปปตฺติํ นิพฺพเตฺตนฺตีติ อาห – ‘‘กิเลสาปิ อปายทุกฺขสฺส อธิฎฺฐานภาวโต’’ติฯ อุปสํหรมานาติ อุปเนนฺตา อุปฺปาเทนฺตาฯ มนุสฺสชาติโกปิ ทุลฺลภฆาสจฺฉาทนตาย ทุกฺขพหุโล เปโต วิยาติ มนุสฺสเปโตฯ มนุสฺสชาติโกปิ วุตฺตรูโป อนตฺถปาติโต ปเรหิ หิํสิโต สมาโน เนรยิโก วิยาติ มนุสฺสเนรยิโกฯ
12.Nandatīti ettha nandanaṃ sappītikakāmataṇhākiccanti āha – ‘‘tussatī’’ti, tasmā kāmaparitosena haṭṭhatuṭṭho hotīti attho. Puttimāti puttavā. Pahūte cāyaṃ mā-saddoti āha ‘‘bahuputto’’ti. Bahuputtatāgahaṇena idaṃ payojananti dassento ‘‘tassa hī’’tiādimāha. Pūrentīti padaṃ apekkhitvā dhaññassāti sāmivacanaṃ. Iti āhāti imamatthaṃ sandhāyāha, evaṃadhippāyo hutvāti attho. Gosāmikoti gomā. Idhāpi pahūte mā-saddo. Gorasasampattinti gorasehi nipphajjanasampattiṃ. Upadhīti paccattabahuvacanaṃ. Hīti hetuatthe nipāto. Nandayanti pītisomanassaṃ janayantīti nandanā. Kāmaṃ dukkhassa adhiṭṭhānabhāvato nippariyāyato kāmā ‘‘upadhī’’ti vattabbataṃ arahanti, tassā pana devatāya adhippāyavasenāha ‘‘sukhassa adhiṭṭhānabhāvato’’ti. Kilesavatthuhetukattā sesapadadvayassa kiñcāpi sabbaṃ saṃsāradukkhaṃ kilesahetukaṃ, visesato pana pāpadhammā apāyūpapattiṃ nibbattentīti āha – ‘‘kilesāpi apāyadukkhassa adhiṭṭhānabhāvato’’ti. Upasaṃharamānāti upanentā uppādentā. Manussajātikopi dullabhaghāsacchādanatāya dukkhabahulo peto viyāti manussapeto. Manussajātikopi vuttarūpo anatthapātito parehi hiṃsito samāno nerayiko viyāti manussanerayiko.
ผเลน รุกฺขโต ผลํ ปาเตโนฺต วิยฯ ตเถว นวหากาเรหีติ ยถา ตีสุ กาเลสุ นาสมรณเภทนวเสน ปุตฺติมา ปุตฺตนิมิตฺตํ, ตเถว โคมา โคนิมิตฺตํ โสจติ นวปฺปกาเรหิฯ ปญฺจ กามคุโณปธีปิ นรํ โสเจนฺตีติ โยชนาฯ ตสฺสาติ โย อุตฺตริ อนุคิชฺฌติ ตสฺสฯ กามยานสฺสาติ ชาตกามจฺฉนฺทสฺสฯ ชนฺตุโนติ สตฺตสฺสฯ ปริหายนฺติ เจ วินสฺสนฺติ เจฯ สลฺลวิโทฺธวาติ สเลฺลน วิโทฺธ วิยฯ รุปฺปตีติ วิการํ อาปชฺชติ, โสจตีติ อโตฺถฯ นรสฺส โสจนา โสกฆฎฺฎนปจฺจโยฯ อุปธโย นตฺถีติ กามํ กิเลสาภิสงฺขารูปธโย ตาว ขีณาสวสฺส นเตฺถว มคฺคาธิคเมน นิโรธิตตฺตา, ขนฺธูปธโย ปน กถนฺติ? เตปิ ตสฺส สอุปาทิเสสกาเลปิ อฎฺฐุปฺปตฺติเหตุภูตา น สเนฺตว, อยญฺจ อนุปาทิเสสกาเลฯ เตนาห ‘‘โส นิรุปธิ มหาขีณาสโว’’ติฯ
Phalena rukkhato phalaṃ pātento viya. Tatheva navahākārehīti yathā tīsu kālesu nāsamaraṇabhedanavasena puttimā puttanimittaṃ, tatheva gomā gonimittaṃ socati navappakārehi. Pañca kāmaguṇopadhīpi naraṃ socentīti yojanā. Tassāti yo uttari anugijjhati tassa. Kāmayānassāti jātakāmacchandassa. Jantunoti sattassa. Parihāyanti ce vinassanti ce. Sallaviddhovāti sallena viddho viya. Ruppatīti vikāraṃ āpajjati, socatīti attho. Narassa socanā sokaghaṭṭanapaccayo. Upadhayo natthīti kāmaṃ kilesābhisaṅkhārūpadhayo tāva khīṇāsavassa nattheva maggādhigamena nirodhitattā, khandhūpadhayo pana kathanti? Tepi tassa saupādisesakālepi aṭṭhuppattihetubhūtā na santeva, ayañca anupādisesakāle. Tenāha ‘‘so nirupadhi mahākhīṇāsavo’’ti.
นนฺทติสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Nandatisuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๒. นนฺทติสุตฺตํ • 2. Nandatisuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๒. นนฺทติสุตฺตวณฺณนา • 2. Nandatisuttavaṇṇanā