Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / อปทาน-อฎฺฐกถา • Apadāna-aṭṭhakathā |
๓. นนฺทเตฺถรอปทานวณฺณนา
3. Nandattheraapadānavaṇṇanā
ปทุมุตฺตรสฺส ภควโตติอาทิกํ อายสฺมโต นนฺทเตฺถรสฺส อปทานํฯ อยมฺปิ ปุริมพุเทฺธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฎฺฎูปนิสฺสยานิ ปุญฺญานิ อุปจินโนฺต ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล หํสวตีนคเร เอกสฺมิํ กุเล นิพฺพตฺติตฺวา วิญฺญุตํ ปโตฺต ภควโต สนฺติเก ธมฺมํ สุณโนฺต สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวารานํ อคฺคฎฺฐาเน ฐเปนฺตํ ทิสฺวา สยํ ตํ ฐานนฺตรํ ปเตฺถโนฺต ภควโต ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ ปูชาสกฺการพหุลํ มหาทานํ ปวเตฺตตฺวา ‘‘อหํ, ภเนฺต, อนาคเต ตุมฺหาทิสสฺส พุทฺธสฺส เอวรูโป สาวโก ภเวยฺย’’นฺติ ปณิธานํ อกาสิฯ
Padumuttarassabhagavatotiādikaṃ āyasmato nandattherassa apadānaṃ. Ayampi purimabuddhesu katādhikāro tattha tattha bhave vivaṭṭūpanissayāni puññāni upacinanto padumuttarassa bhagavato kāle haṃsavatīnagare ekasmiṃ kule nibbattitvā viññutaṃ patto bhagavato santike dhammaṃ suṇanto satthāraṃ ekaṃ bhikkhuṃ indriyesu guttadvārānaṃ aggaṭṭhāne ṭhapentaṃ disvā sayaṃ taṃ ṭhānantaraṃ patthento bhagavato bhikkhusaṅghassa ca pūjāsakkārabahulaṃ mahādānaṃ pavattetvā ‘‘ahaṃ, bhante, anāgate tumhādisassa buddhassa evarūpo sāvako bhaveyya’’nti paṇidhānaṃ akāsi.
โส ตโต ปฎฺฐาย เทวมนุเสฺสสุ สํสรโนฺต อตฺถทสฺสิสฺส ภควโต กาเล ธมฺมตาย นาม นทิยา มหโนฺต กจฺฉโป หุตฺวา นิพฺพโตฺต เอกทิวสํ สตฺถารํ นทิํ ตริตุํ ตีเร ฐิตํ ทิสฺวา สยํ ภควนฺตํ ตาเรตุกาโม สตฺถุ ปาทมูเล นิปชฺชิฯ สตฺถา ตสฺส อชฺฌาสยํ ญตฺวา ปิฎฺฐิํ อภิรุหิฯ โส หฎฺฐตุโฎฺฐ เวเคน โสตํ ฉินฺทโนฺต สีฆตรํ ปรตีรํ ปาเปสิฯ ภควา ตสฺส อนุโมทนํ วทโนฺต ภาวินิํ สมฺปตฺติํ กเถตฺวา ปกฺกามิฯ
So tato paṭṭhāya devamanussesu saṃsaranto atthadassissa bhagavato kāle dhammatāya nāma nadiyā mahanto kacchapo hutvā nibbatto ekadivasaṃ satthāraṃ nadiṃ tarituṃ tīre ṭhitaṃ disvā sayaṃ bhagavantaṃ tāretukāmo satthu pādamūle nipajji. Satthā tassa ajjhāsayaṃ ñatvā piṭṭhiṃ abhiruhi. So haṭṭhatuṭṭho vegena sotaṃ chindanto sīghataraṃ paratīraṃ pāpesi. Bhagavā tassa anumodanaṃ vadanto bhāviniṃ sampattiṃ kathetvā pakkāmi.
โส เตน ปุญฺญกเมฺมน สุคตีสุเยว สํสรโนฺต อิมสฺมิํ พุทฺธุปฺปาเท กปิลวตฺถุสฺมิํ สุโทฺธทนมหาราชสฺส อคฺคมเหสิยา มหาปชาปติโคตมิยา กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพโตฺต, ตสฺส นามคฺคหณทิวเส ญาติสงฺฆํ นนฺทยโนฺต ชาโตติ ‘‘นโนฺท’’เตฺวว นามํ อกํสุฯ ตสฺส วยปฺปตฺตกาเล ภควา ปวตฺติตวรธมฺมจโกฺก โลกานุคฺคหํ กโรโนฺต อนุกฺกเมน กปิลวตฺถุํ คนฺตฺวา ญาติสมาคเม โปกฺขรวสฺสํ อฎฺฐุปฺปตฺติํ กตฺวา เวสฺสนฺตรชาตกํ (ชา. ๒.๒๒.๑๖๕๕ อาทโย) กเถตฺวา ทุติยทิวเส ปิณฺฑาย ปวิโฎฺฐ ‘‘อุตฺติเฎฺฐ นปฺปมเชฺชยฺยา’’ติ (ธ. ป. ๑๖๘) คาถาย ปิตรํ โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐาเปตฺวา นิเวสนํ คนฺตฺวา ‘‘ธมฺมญฺจเร สุจริต’’นฺติ (ธ. ป. ๑๖๙) คาถาย มหาปชาปติํ โสตาปตฺติผเล ราชานํ สกทาคามิผเล ปติฎฺฐาเปตฺวา ตติยทิวเส นนฺทกุมารสฺส อภิเสกเคหปเวสนอาวาหมงฺคเลสุ วตฺตมาเนสุ ปิณฺฑาย ปาวิสิฯ สตฺถา นนฺทกุมารสฺส หเตฺถ ปตฺตํ ทตฺวา มงฺคลํ วตฺวา ตสฺส หตฺถโต ปตฺตํ อคฺคเหตฺวาว วิหารํ คโต , ตํ ปตฺตหตฺถํ วิหารํ อาคตํ อนิจฺฉมานํเยว ปพฺพาเชตฺวา ตถาปพฺพาชิตตฺตาเยว อนภิรติยา ปีฬิตํ ญตฺวา อุปาเยน ตสฺส ตํ อนภิรติํ วิโนเทสิฯ โส โยนิโส ปฎิสงฺขาย วิปสฺสนํ ปฎฺฐเปตฺวา นจิรเสฺสว อรหตฺตํ ปาปุณิฯ เถโร ปุน ทิวเส ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวมาห – ‘‘ยํ เม, ภเนฺต, ภควา ปาฎิโภโค ปญฺจนฺนํ อจฺฉราสตานํ ปฎิลาภาย กกุฎปาทานํ, มุญฺจามหํ, ภเนฺต, ภควนฺตํ เอตสฺมา ปฎิสฺสวา’’ติฯ ภควาปิ ‘‘ยเทว เต, นนฺท, อนุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตํ วิมุตฺตํ, ตทาหํ มุโตฺต เอตสฺมา ปฎิสฺสวา’’ติ อาหฯ อถสฺส ภควา สวิเสสํ อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวารตํ ญตฺวา ตํ คุณํ วิภาเวโนฺต ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวารานํ ยทิทํ นโนฺท’’ติ (อ. นิ. ๑.๒๑๙, ๒๓๐) อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวารภาเวน นํ เอตทเคฺค ฐเปสิฯ เถโร หิ ‘‘อินฺทฺริยาสํวรํ นิสฺสาย อิมํ วิปฺปการํ ปโตฺต, ตมหํ สุฎฺฐุ นิคฺคณฺหิสฺสามี’’ติ อุสฺสาหชาโต พลวหิโรตฺตโปฺป ตตฺถ จ กตาธิการตฺตา อินฺทฺริยสํวเร อุกฺกํสปารมิํ อคมาสิฯ
So tena puññakammena sugatīsuyeva saṃsaranto imasmiṃ buddhuppāde kapilavatthusmiṃ suddhodanamahārājassa aggamahesiyā mahāpajāpatigotamiyā kucchimhi nibbatto, tassa nāmaggahaṇadivase ñātisaṅghaṃ nandayanto jātoti ‘‘nando’’tveva nāmaṃ akaṃsu. Tassa vayappattakāle bhagavā pavattitavaradhammacakko lokānuggahaṃ karonto anukkamena kapilavatthuṃ gantvā ñātisamāgame pokkharavassaṃ aṭṭhuppattiṃ katvā vessantarajātakaṃ (jā. 2.22.1655 ādayo) kathetvā dutiyadivase piṇḍāya paviṭṭho ‘‘uttiṭṭhe nappamajjeyyā’’ti (dha. pa. 168) gāthāya pitaraṃ sotāpattiphale patiṭṭhāpetvā nivesanaṃ gantvā ‘‘dhammañcare sucarita’’nti (dha. pa. 169) gāthāya mahāpajāpatiṃ sotāpattiphale rājānaṃ sakadāgāmiphale patiṭṭhāpetvā tatiyadivase nandakumārassa abhisekagehapavesanaāvāhamaṅgalesu vattamānesu piṇḍāya pāvisi. Satthā nandakumārassa hatthe pattaṃ datvā maṅgalaṃ vatvā tassa hatthato pattaṃ aggahetvāva vihāraṃ gato , taṃ pattahatthaṃ vihāraṃ āgataṃ anicchamānaṃyeva pabbājetvā tathāpabbājitattāyeva anabhiratiyā pīḷitaṃ ñatvā upāyena tassa taṃ anabhiratiṃ vinodesi. So yoniso paṭisaṅkhāya vipassanaṃ paṭṭhapetvā nacirasseva arahattaṃ pāpuṇi. Thero puna divase bhagavantaṃ upasaṅkamitvā evamāha – ‘‘yaṃ me, bhante, bhagavā pāṭibhogo pañcannaṃ accharāsatānaṃ paṭilābhāya kakuṭapādānaṃ, muñcāmahaṃ, bhante, bhagavantaṃ etasmā paṭissavā’’ti. Bhagavāpi ‘‘yadeva te, nanda, anupādāya āsavehi cittaṃ vimuttaṃ, tadāhaṃ mutto etasmā paṭissavā’’ti āha. Athassa bhagavā savisesaṃ indriyesu guttadvārataṃ ñatvā taṃ guṇaṃ vibhāvento ‘‘etadaggaṃ, bhikkhave, mama sāvakānaṃ bhikkhūnaṃ indriyesu guttadvārānaṃ yadidaṃ nando’’ti (a. ni. 1.219, 230) indriyesu guttadvārabhāvena naṃ etadagge ṭhapesi. Thero hi ‘‘indriyāsaṃvaraṃ nissāya imaṃ vippakāraṃ patto, tamahaṃ suṭṭhu niggaṇhissāmī’’ti ussāhajāto balavahirottappo tattha ca katādhikārattā indriyasaṃvare ukkaṃsapāramiṃ agamāsi.
๒๗. เอวํ โส เอตทคฺคฎฺฐานํ ปตฺวา อตฺตโน ปุพฺพกมฺมํ สริตฺวา โสมนสฺสปฺปโตฺต ปุพฺพจริตาปทานํ ปกาเสโนฺต ปทุมุตฺตรสฺส ภควโตติอาทิมาหฯ วตฺถํ โขมํ มยา ทินฺนนฺติ โขมรเฎฺฐ ชาตํ วตฺถํ ภควติ จิตฺตปฺปสาเทน คารวพหุมาเนน มยา ปรมสุขุมํ โขมวตฺถํ ทินฺนนฺติ อโตฺถฯ สยมฺภุสฺสาติ สยเมว ภูตสฺส ชาตสฺส อริยาย ชาติยา นิพฺพตฺตสฺสฯ มเหสิโนติ มหเนฺต สีลสมาธิปญฺญาวิมุตฺติวิมุตฺติญาณทสฺสนกฺขเนฺธ เอสิ คเวสีติ มเหสิ, ตสฺส มเหสิโน สยมฺภุสฺส จีวรตฺถาย โขมวตฺถํ มยา ทินฺนนฺติ สมฺพโนฺธฯ
27. Evaṃ so etadaggaṭṭhānaṃ patvā attano pubbakammaṃ saritvā somanassappatto pubbacaritāpadānaṃ pakāsento padumuttarassa bhagavatotiādimāha. Vatthaṃ khomaṃ mayā dinnanti khomaraṭṭhe jātaṃ vatthaṃ bhagavati cittappasādena gāravabahumānena mayā paramasukhumaṃ khomavatthaṃ dinnanti attho. Sayambhussāti sayameva bhūtassa jātassa ariyāya jātiyā nibbattassa. Mahesinoti mahante sīlasamādhipaññāvimuttivimuttiñāṇadassanakkhandhe esi gavesīti mahesi, tassa mahesino sayambhussa cīvaratthāya khomavatthaṃ mayā dinnanti sambandho.
๒๘. ตํ เม พุโทฺธ วิยากาสีติ เอตฺถ ตนฺติ สามฺยเตฺถ อุปโยควจนํ, ตสฺส วตฺถทายกสฺส เม ทานผลํ วิเสเสน อกาสิ กเถสิ พุโทฺธติ อโตฺถฯ ชลชุตฺตมนามโกติ ปทุมุตฺตรนามโกฯ ‘‘ชลรุตฺตมนายโก’’ติปิ ปาโฐ, ตสฺส ชลมานานํ เทวพฺรหฺมานํ อุตฺตมนายโก ปธาโนติ อโตฺถฯ อิมินา วตฺถทาเนนาติ อิมินา วตฺถทานสฺส นิสฺสเนฺทน ตฺวํ อนาคเต เหมวโณฺณ สุวณฺณวโณฺณ ภวิสฺสสิฯ
28.Taṃ me buddho viyākāsīti ettha tanti sāmyatthe upayogavacanaṃ, tassa vatthadāyakassa me dānaphalaṃ visesena akāsi kathesi buddhoti attho. Jalajuttamanāmakoti padumuttaranāmako. ‘‘Jalaruttamanāyako’’tipi pāṭho, tassa jalamānānaṃ devabrahmānaṃ uttamanāyako padhānoti attho. Iminā vatthadānenāti iminā vatthadānassa nissandena tvaṃ anāgate hemavaṇṇo suvaṇṇavaṇṇo bhavissasi.
๒๙. เทฺว สมฺปตฺติํ อนุโภตฺวาติ ทิพฺพมนุสฺสสงฺขาตา เทฺว สมฺปตฺติโย อนุภวิตฺวาฯ กุสลมูเลหิ โจทิโตติ กุสลาวยเวหิ กุสลโกฎฺฐาเสหิ โจทิโต เปสิโต, ‘‘ตฺวํ อิมินา ปุเญฺญน สตฺถุ กุลํ ปสวาหี’’ติ เปสิโต วิยาติ อโตฺถฯ ‘‘โคตมสฺส ภควโต กนิโฎฺฐ ตฺวํ ภวิสฺสสี’’ติ พฺยากาสีติ สมฺพโนฺธฯ
29.Dvesampattiṃ anubhotvāti dibbamanussasaṅkhātā dve sampattiyo anubhavitvā. Kusalamūlehi coditoti kusalāvayavehi kusalakoṭṭhāsehi codito pesito, ‘‘tvaṃ iminā puññena satthu kulaṃ pasavāhī’’ti pesito viyāti attho. ‘‘Gotamassa bhagavato kaniṭṭho tvaṃ bhavissasī’’ti byākāsīti sambandho.
๓๐. ราครโตฺต สุขสีโลติ กิเลสกาเมหิ รโตฺต อลฺลีโน กายสุขจิตฺตสุขานุภวนสภาโวฯ กาเมสุ เคธมายุโตติ วตฺถุกาเมสุ เคธสงฺขาตาย ตณฺหาย อายุโต โยชิโตติ อโตฺถฯ พุเทฺธน โจทิโต สโนฺต, ตทา ตฺวนฺติ ยสฺมา กาเมสุ เคธิโต, ตทา ตสฺมา ตฺวํ อตฺตโน ภาตุเกน โคตมพุเทฺธน โจทิโต ปพฺพชฺชาย อุโยฺยชิโต ตสฺส สนฺติเก ปพฺพชิสฺสสีติ สมฺพโนฺธฯ
30.Rāgaratto sukhasīloti kilesakāmehi ratto allīno kāyasukhacittasukhānubhavanasabhāvo. Kāmesu gedhamāyutoti vatthukāmesu gedhasaṅkhātāya taṇhāya āyuto yojitoti attho. Buddhena codito santo, tadā tvanti yasmā kāmesu gedhito, tadā tasmā tvaṃ attano bhātukena gotamabuddhena codito pabbajjāya uyyojito tassa santike pabbajissasīti sambandho.
๓๑. ปพฺพชิตฺวาน ตฺวํ ตตฺถาติ ตสฺมิํ โคตมสฺส ภควโต สาสเน ตฺวํ ปพฺพชิตฺวา กุสลมูเลน มูลภูเตน ปุญฺญสมฺภาเรน โจทิโต ภาวนายํ นิโยชิโต สพฺพาสเว สกลาสเว ปริญฺญาย ชานิตฺวา ปชหิตฺวา อนามโย นิทฺทุโกฺข นิพฺพายิสฺสสิ อทสฺสนํ ปาเปสฺสสิ, อปณฺณตฺติกภาวํ คมิสฺสสีติ อโตฺถฯ
31.Pabbajitvāna tvaṃ tatthāti tasmiṃ gotamassa bhagavato sāsane tvaṃ pabbajitvā kusalamūlena mūlabhūtena puññasambhārena codito bhāvanāyaṃ niyojito sabbāsave sakalāsave pariññāya jānitvā pajahitvā anāmayo niddukkho nibbāyissasi adassanaṃ pāpessasi, apaṇṇattikabhāvaṃ gamissasīti attho.
๓๒. สตกปฺปสหสฺสมฺหีติ อิโต กปฺปโต ปุเพฺพ สตกปฺปาธิเก สหสฺสเม กปฺปมฺหิ เจฬนามกา จตฺตาโร จกฺกวตฺติราชาโน อเหสุนฺติ อโตฺถฯ สฎฺฐิ กปฺปสหสฺสานีติ กปฺปสหสฺสานิ สฎฺฐิ จ อติกฺกมิตฺวา เหฎฺฐา เอกสฺมิํ กเปฺป จตฺตาโร ชนา อุปเจฬา นาม จกฺกวตฺติราชาโน จตูสุ ชาตีสุ อเหสุนฺติ อโตฺถฯ
32.Satakappasahassamhīti ito kappato pubbe satakappādhike sahassame kappamhi ceḷanāmakā cattāro cakkavattirājāno ahesunti attho. Saṭṭhi kappasahassānīti kappasahassāni saṭṭhi ca atikkamitvā heṭṭhā ekasmiṃ kappe cattāro janā upaceḷā nāma cakkavattirājāno catūsu jātīsu ahesunti attho.
๓๓. ปญฺจกปฺปสหสฺสมฺหีติ ปญฺจกปฺปาธิเก สหสฺสเม กปฺปมฺหิ เจฬา นาม จตฺตาโร ชนา จกฺกวตฺติราชาโน สตฺตหิ รตเนหิ สมฺปนฺนา สมงฺคีภูตา ชมฺพุทีปอปรโคยานอุตฺตรกุรุปุพฺพวิเทหทีปสงฺขาเต จตุทีปมฺหิ อิสฺสรา ปธานา วิสุํ อเหสุนฺติ อโตฺถฯ เสสํ วุตฺตนยเมวาติฯ
33.Pañcakappasahassamhīti pañcakappādhike sahassame kappamhi ceḷā nāma cattāro janā cakkavattirājāno sattahi ratanehi sampannā samaṅgībhūtā jambudīpaaparagoyānauttarakurupubbavidehadīpasaṅkhāte catudīpamhi issarā padhānā visuṃ ahesunti attho. Sesaṃ vuttanayamevāti.
นนฺทเตฺถรอปทานวณฺณนา สมตฺตาฯ
Nandattheraapadānavaṇṇanā samattā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / อปทานปาฬิ • Apadānapāḷi / ๓. นนฺทเตฺถรอปทานํ • 3. Nandattheraapadānaṃ