Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรคาถา-อฎฺฐกถา • Theragāthā-aṭṭhakathā |
๙. นนฺทเตฺถรคาถาวณฺณนา
9. Nandattheragāthāvaṇṇanā
อโยนิโส มนสิการาติ อายสฺมโต นนฺทเตฺถรสฺส คาถาฯ กา อุปฺปตฺติ? อยํ กิร ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล หํสวตีนคเร กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิญฺญุตํ ปโตฺต ภควโต สนฺติเก ธมฺมํ สุณโนฺต สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวารานํ อคฺคฎฺฐาเน ฐเปนฺตํ ทิสฺวา สยมฺปิ ตํ ฐานนฺตรํ ปเตฺถโนฺต ภควโต ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ ปูชาสกฺการพหุลํ มหาทานํ ปวเตฺตตฺวา, ‘‘อหมฺปิ อนาคเต ตุมฺหาทิสสฺส พุทฺธสฺส เอวรูโป สาวโก ภเวยฺย’’นฺติ ปณิธานํ กตฺวา ตโต ปฎฺฐาย เทวมนุเสฺสสุ สํสรโนฺต อตฺถทสฺสิสฺส ภควโต กาเล วินตาย นาม นทิยา มหโนฺต กจฺฉโป หุตฺวา นิพฺพโตฺต เอกทิวสํ สตฺถารํ นทิยา ปารํ คนฺตุํ ตีเร ฐิตํ ทิสฺวา สยํ ภควนฺตํ ตาเรตุกาโม สตฺถุ ปาทมูเล นิปชฺชิ ฯ สตฺถา ตสฺส อชฺฌาสยํ โอโลเกตฺวา ปิฎฺฐิํ อภิรุหิฯ โส หฎฺฐตุโฎฺฐ เวเคน โสตํ ฉินฺทโนฺต สีฆตรํ ปรตีรเมว ปาเปสิฯ ภควา ตสฺส อนุโมทนํ วทโนฺต ภาวินิํ สมฺปตฺติํ กเถตฺวา ปกฺกามิฯ
Ayoniso manasikārāti āyasmato nandattherassa gāthā. Kā uppatti? Ayaṃ kira padumuttarassa bhagavato kāle haṃsavatīnagare kulagehe nibbattitvā viññutaṃ patto bhagavato santike dhammaṃ suṇanto satthāraṃ ekaṃ bhikkhuṃ indriyesu guttadvārānaṃ aggaṭṭhāne ṭhapentaṃ disvā sayampi taṃ ṭhānantaraṃ patthento bhagavato bhikkhusaṅghassa ca pūjāsakkārabahulaṃ mahādānaṃ pavattetvā, ‘‘ahampi anāgate tumhādisassa buddhassa evarūpo sāvako bhaveyya’’nti paṇidhānaṃ katvā tato paṭṭhāya devamanussesu saṃsaranto atthadassissa bhagavato kāle vinatāya nāma nadiyā mahanto kacchapo hutvā nibbatto ekadivasaṃ satthāraṃ nadiyā pāraṃ gantuṃ tīre ṭhitaṃ disvā sayaṃ bhagavantaṃ tāretukāmo satthu pādamūle nipajji . Satthā tassa ajjhāsayaṃ oloketvā piṭṭhiṃ abhiruhi. So haṭṭhatuṭṭho vegena sotaṃ chindanto sīghataraṃ paratīrameva pāpesi. Bhagavā tassa anumodanaṃ vadanto bhāviniṃ sampattiṃ kathetvā pakkāmi.
โส เตน ปุญฺญกเมฺมน สุคตีสุเยว สํสรโนฺต อิมสฺมิํ พุทฺธุปฺปาเท กปิลวตฺถุสฺมิํ สุโทฺธทนมหาราชสฺส ปุโตฺต หุตฺวา มหาปชาปติยา โคตมิยา กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺติฯ ตสฺส นามคฺคหณทิวเส ญาติสงฺฆํ นเนฺทโนฺต ชาโตติ นโนฺทเตฺวว นามํ อกํสุฯ ตสฺส วยปฺปตฺตกาเล สตฺถา ปวตฺตวรธมฺมจโกฺก โลกานุคฺคหํ กโรโนฺต กปิลวตฺถุํ คนฺตฺวา ญาติสมาคเม โปกฺขรวสฺสํ อฎฺฐุปฺปตฺติํ กตฺวา เวสฺสนฺตรชาตกํ (ชา. ๒.๒๒.๑๖๕๕ อาทโย) กเถตฺวา ทุติยทิวเส ปิณฺฑาย ปวิโฎฺฐ ‘‘อุตฺติเฎฺฐ นปฺปมเชฺชยฺยา’’ติ (ธ. ป. ๑๖๘) คาถาย ปิตรํ โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐาเปตฺวา นิเวสนํ คนฺตฺวา ‘‘ธมฺมํ จเร สุจริต’’นฺติ (ธ. ป. ๑๖๙) คาถาย มหาปชาปติํ โสตาปตฺติผเล ราชานํ สกทาคามิผเล ปติฎฺฐาเปตฺวา ตติเย ทิวเส นนฺทกุมารสฺส อภิเสกนิเวสนปฺปเวสนวิวาหมงฺคเลสุ วตฺตมาเนสุ ปิณฺฑาย ปวิสิตฺวา นนฺทกุมารสฺส หเตฺถ ปตฺตํ ทตฺวา มงฺคลํ วตฺวา ตสฺส หตฺถโต ปตฺตํ อคเหตฺวาว วิหารํ คโต ตํ ปตฺตหตฺถํ วิหารํ อาคตํ อนิจฺฉมานํเยว ปพฺพาเชตฺวา ตถา ปพฺพชิตตฺตาเยว อนภิรติยา ปีฬิตํ ญตฺวา อุปาเยน ตสฺส ตํ อนภิรติํ วิโนเทสิฯ โส โยนิโส ปฎิสงฺขาย วิปสฺสนํ ปฎฺฐเปตฺวา นจิรเสฺสว อรหตฺตํ ปาปุณิฯ เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๔๙.๑๔๘-๑๖๓) –
So tena puññakammena sugatīsuyeva saṃsaranto imasmiṃ buddhuppāde kapilavatthusmiṃ suddhodanamahārājassa putto hutvā mahāpajāpatiyā gotamiyā kucchimhi nibbatti. Tassa nāmaggahaṇadivase ñātisaṅghaṃ nandento jātoti nandotveva nāmaṃ akaṃsu. Tassa vayappattakāle satthā pavattavaradhammacakko lokānuggahaṃ karonto kapilavatthuṃ gantvā ñātisamāgame pokkharavassaṃ aṭṭhuppattiṃ katvā vessantarajātakaṃ (jā. 2.22.1655 ādayo) kathetvā dutiyadivase piṇḍāya paviṭṭho ‘‘uttiṭṭhe nappamajjeyyā’’ti (dha. pa. 168) gāthāya pitaraṃ sotāpattiphale patiṭṭhāpetvā nivesanaṃ gantvā ‘‘dhammaṃ care sucarita’’nti (dha. pa. 169) gāthāya mahāpajāpatiṃ sotāpattiphale rājānaṃ sakadāgāmiphale patiṭṭhāpetvā tatiye divase nandakumārassa abhisekanivesanappavesanavivāhamaṅgalesu vattamānesu piṇḍāya pavisitvā nandakumārassa hatthe pattaṃ datvā maṅgalaṃ vatvā tassa hatthato pattaṃ agahetvāva vihāraṃ gato taṃ pattahatthaṃ vihāraṃ āgataṃ anicchamānaṃyeva pabbājetvā tathā pabbajitattāyeva anabhiratiyā pīḷitaṃ ñatvā upāyena tassa taṃ anabhiratiṃ vinodesi. So yoniso paṭisaṅkhāya vipassanaṃ paṭṭhapetvā nacirasseva arahattaṃ pāpuṇi. Tena vuttaṃ apadāne (apa. thera 2.49.148-163) –
‘‘อตฺถทสฺสี ตุ ภควา, สยมฺภู โลกนายโก;
‘‘Atthadassī tu bhagavā, sayambhū lokanāyako;
วินตานทิยา ตีรํ, อุปาคจฺฉิ ตถาคโตฯ
Vinatānadiyā tīraṃ, upāgacchi tathāgato.
‘‘อุทกา อภินิกฺขมฺม, กจฺฉโป วาริโคจโร;
‘‘Udakā abhinikkhamma, kacchapo vārigocaro;
พุทฺธํ ตาเรตุกาโมหํ, อุเปสิํ โลกนายกํฯ
Buddhaṃ tāretukāmohaṃ, upesiṃ lokanāyakaṃ.
‘‘อภิรูหตุ มํ พุโทฺธ, อตฺถทสฺสี มหามุนิ;
‘‘Abhirūhatu maṃ buddho, atthadassī mahāmuni;
อหํ ตํ ตารยิสฺสามิ, ทุกฺขสฺสนฺตกโร ตุวํฯ
Ahaṃ taṃ tārayissāmi, dukkhassantakaro tuvaṃ.
‘‘มม สงฺกปฺปมญฺญาย, อตฺถทสฺสี มหายโส;
‘‘Mama saṅkappamaññāya, atthadassī mahāyaso;
อภิรูหิตฺวา เม ปิฎฺฐิํ, อฎฺฐาสิ โลกนายโกฯ
Abhirūhitvā me piṭṭhiṃ, aṭṭhāsi lokanāyako.
‘‘ยโต สรามิ อตฺตานํ, ยโต ปโตฺตสฺมิ วิญฺญุตํ;
‘‘Yato sarāmi attānaṃ, yato pattosmi viññutaṃ;
สุขํ เม ตาทิสํ นตฺถิ, ผุเฎฺฐ ปาทตเล ยถาฯ
Sukhaṃ me tādisaṃ natthi, phuṭṭhe pādatale yathā.
‘‘อุตฺตริตฺวาน สมฺพุโทฺธ, อตฺถทสฺสี มหายโส;
‘‘Uttaritvāna sambuddho, atthadassī mahāyaso;
นทิตีรมฺหิ ฐตฺวาน, อิมา คาถา อภาสถฯ
Naditīramhi ṭhatvāna, imā gāthā abhāsatha.
‘‘ยาวตา วตฺตเต จิตฺตํ, คงฺคาโสตํ ตรามหํ;
‘‘Yāvatā vattate cittaṃ, gaṅgāsotaṃ tarāmahaṃ;
อยญฺจ กจฺฉโป ราชา, ตาเรสิ มม ปญฺญวาฯ
Ayañca kacchapo rājā, tāresi mama paññavā.
‘‘อิมินา พุทฺธตรเณน, เมตฺตจิตฺตวตาย จ;
‘‘Iminā buddhataraṇena, mettacittavatāya ca;
อฎฺฐารเส กปฺปสเต, เทวโลเก รมิสฺสติฯ
Aṭṭhārase kappasate, devaloke ramissati.
‘‘เทวโลกา อิธาคนฺตฺวา, สุกฺกมูเลน โจทิโต;
‘‘Devalokā idhāgantvā, sukkamūlena codito;
เอกาสเน นิสีทิตฺวา, กงฺขาโสตํ ตริสฺสติฯ
Ekāsane nisīditvā, kaṅkhāsotaṃ tarissati.
‘‘ยถาปิ ภทฺทเก เขเตฺต, พีชํ อปฺปมฺปิ โรปิตํ;
‘‘Yathāpi bhaddake khette, bījaṃ appampi ropitaṃ;
สมฺมาธารํ ปเวจฺฉเนฺต, ผลํ โตเสติ กสฺสกํฯ
Sammādhāraṃ pavecchante, phalaṃ toseti kassakaṃ.
‘‘ตเถวิทํ พุทฺธเขตฺตํ, สมฺมาสมฺพุทฺธเทสิตํ;
‘‘Tathevidaṃ buddhakhettaṃ, sammāsambuddhadesitaṃ;
สมฺมาธารํ ปเวจฺฉเนฺต, ผลํ มํ โตสยิสฺสติฯ
Sammādhāraṃ pavecchante, phalaṃ maṃ tosayissati.
‘‘ปธานปหิตโตฺตมฺหิ, อุปสโนฺต นิรูปธิ;
‘‘Padhānapahitattomhi, upasanto nirūpadhi;
สพฺพาสเว ปริญฺญาย, วิหรามิ อนาสโวฯ
Sabbāsave pariññāya, viharāmi anāsavo.
‘‘อฎฺฐารเส กปฺปสเต, ยํ กมฺมมกริํ ตทา;
‘‘Aṭṭhārase kappasate, yaṃ kammamakariṃ tadā;
ทุคฺคติํ นาภิชานามิ, ตรณาย อิทํ ผลํฯ
Duggatiṃ nābhijānāmi, taraṇāya idaṃ phalaṃ.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป.… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติฯ
‘‘Kilesā jhāpitā mayhaṃ…pe… kataṃ buddhassa sāsana’’nti.
อรหตฺตํ ปน ปตฺวา วิมุตฺติสุขํ อนุภวโนฺต ‘‘อโห สตฺถุ อุปายโกสลฺลํ, เยนาหํ ภวปงฺกโต อุทฺธริตฺวา นิพฺพานถเล ปติฎฺฐาปิโต’’ติ อตฺตโน ปหีนสํกิเลสํ ปฎิลทฺธญฺจ สุขํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา สญฺชาตโสมนโสฺส อุทานวเสน –
Arahattaṃ pana patvā vimuttisukhaṃ anubhavanto ‘‘aho satthu upāyakosallaṃ, yenāhaṃ bhavapaṅkato uddharitvā nibbānathale patiṭṭhāpito’’ti attano pahīnasaṃkilesaṃ paṭiladdhañca sukhaṃ paccavekkhitvā sañjātasomanasso udānavasena –
๑๕๗.
157.
‘‘อโยนิโส มนสิการา, มณฺฑนํ อนุยุญฺชิสํ;
‘‘Ayoniso manasikārā, maṇḍanaṃ anuyuñjisaṃ;
อุทฺธโต จปโล จาสิํ, กามราเคน อฎฺฎิโตฯ
Uddhato capalo cāsiṃ, kāmarāgena aṭṭito.
๑๕๘.
158.
‘‘อุปายกุสเลนาหํ, พุเทฺธนาทิจฺจพนฺธุนา;
‘‘Upāyakusalenāhaṃ, buddhenādiccabandhunā;
โยนิโส ปฎิปชฺชิตฺวา, ภเว จิตฺตํ อุทพฺพหิ’’นฺติฯ – คาถาทฺวยํ อภาสิ;
Yoniso paṭipajjitvā, bhave cittaṃ udabbahi’’nti. – gāthādvayaṃ abhāsi;
ตตฺถ อโยนิโส มนสิการาติ อนุปายมนสิการโต อสุภํ กายํ สุภโต มนสิ กริตฺวา สุภโต มนสิการเหตุ, อสุภํ กายํ สุภสญฺญายาติ อโตฺถฯ มณฺฑนนฺติ หตฺถูปคาทิอาภรเณหิ เจว มาลาคนฺธาทีหิ จ อตฺตภาวสฺส อลงฺกรณํฯ อนุยุญฺชิสนฺติ อนุยุญฺชิํ, สรีรสฺส วิภูสนปฺปสุโต อโหสินฺติ อโตฺถฯ อุทฺธโตติ ชาติโคตฺตรูปโยพฺพนมทาทีหิ อุทฺธโต อวูปสนฺตจิโตฺตฯ จปโลติ วนมกฺกโฎ วิย อนวฎฺฐิตจิตฺตตาย โลโล, กายมณฺฑนวตฺถมณฺฑนาทิจาปเลฺย ยุตฺตตาย วา จปโล จฯ อาสินฺติ อโหสิํฯ กามราเคนาติ วตฺถุกาเมสุ ฉนฺทราเคน อฎฺฎิโต ปีฬิโต วิพาธิโต อาสินฺติ โยชนาฯ
Tattha ayoniso manasikārāti anupāyamanasikārato asubhaṃ kāyaṃ subhato manasi karitvā subhato manasikārahetu, asubhaṃ kāyaṃ subhasaññāyāti attho. Maṇḍananti hatthūpagādiābharaṇehi ceva mālāgandhādīhi ca attabhāvassa alaṅkaraṇaṃ. Anuyuñjisanti anuyuñjiṃ, sarīrassa vibhūsanappasuto ahosinti attho. Uddhatoti jātigottarūpayobbanamadādīhi uddhato avūpasantacitto. Capaloti vanamakkaṭo viya anavaṭṭhitacittatāya lolo, kāyamaṇḍanavatthamaṇḍanādicāpalye yuttatāya vā capalo ca. Āsinti ahosiṃ. Kāmarāgenāti vatthukāmesu chandarāgena aṭṭito pīḷito vibādhito āsinti yojanā.
อุปายกุสเลนาติ วิเนยฺยานํ ทมนูปายเจฺฉเกน โกวิเทน พุเทฺธน ภควตา เหตุภูเตนฯ เหตุอเตฺถ หิ เอตํ กรณวจนํฯ ปลุฎฺฐมกฺกฎีเทวจฺฉราทสฺสเนน หิ อุปกฺกิตวาทโจทนาย อตฺตโน กามราคาปนยนํ สนฺธาย วทติฯ ภควา หิ อายสฺมนฺตํ นนฺทเตฺถรํ ปฐมํ ชนปทกลฺยาณิํ อุปาทาย ‘‘ยถายํ มกฺกฎี, เอวํ กกุฎปาทินิโย อุปาทาย ชนปทกลฺยาณี’’ติ มหติยา อาณิยา ขุทฺทกํ อาณิํ นีหรโนฺต ฉฑฺฑโก วิย, สิเนหปาเนน สรีรํ กิเลเทตฺวา วมนวิเรจเนหิ โทสํ นีหรโนฺต ภิสโกฺก วิย จ กกุฎปาทินิทสฺสเนน ชนปทกลฺยาณิยํ วิรตฺตจิตฺตํ กาเรตฺวา ปุน อุปกฺกิตวาเทน กกุฎปาทินีสุปิ จิตฺตํ วิราเชตฺวา สมฺมเทว สมถวิปสฺสนานุโยเคน อริยมเคฺค ปติฎฺฐาเปสิฯ เตน วุตฺตํ ‘‘โยนิโส ปฎิปชฺชิตฺวา, ภเว จิตฺตํ อุทพฺพหิ’’นฺติฯ อุปาเยน ญาเยน สมฺมเทว สมถวิปสฺสนาย วิสุทฺธิปฎิปทํ ปฎิปชฺชิตฺวา ภเว สํสารปเงฺก นิมุคฺคญฺจ เม จิตฺตํ อริยมเคฺคน หเตฺถน อุตฺตาริํ, นิพฺพานถเล ปติฎฺฐาเปสินฺติ อโตฺถฯ
Upāyakusalenāti vineyyānaṃ damanūpāyacchekena kovidena buddhena bhagavatā hetubhūtena. Hetuatthe hi etaṃ karaṇavacanaṃ. Paluṭṭhamakkaṭīdevaccharādassanena hi upakkitavādacodanāya attano kāmarāgāpanayanaṃ sandhāya vadati. Bhagavā hi āyasmantaṃ nandattheraṃ paṭhamaṃ janapadakalyāṇiṃ upādāya ‘‘yathāyaṃ makkaṭī, evaṃ kakuṭapādiniyo upādāya janapadakalyāṇī’’ti mahatiyā āṇiyā khuddakaṃ āṇiṃ nīharanto chaḍḍako viya, sinehapānena sarīraṃ kiledetvā vamanavirecanehi dosaṃ nīharanto bhisakko viya ca kakuṭapādinidassanena janapadakalyāṇiyaṃ virattacittaṃ kāretvā puna upakkitavādena kakuṭapādinīsupi cittaṃ virājetvā sammadeva samathavipassanānuyogena ariyamagge patiṭṭhāpesi. Tena vuttaṃ ‘‘yoniso paṭipajjitvā, bhave cittaṃ udabbahi’’nti. Upāyena ñāyena sammadeva samathavipassanāya visuddhipaṭipadaṃ paṭipajjitvā bhave saṃsārapaṅke nimuggañca me cittaṃ ariyamaggena hatthena uttāriṃ, nibbānathale patiṭṭhāpesinti attho.
อิมํ อุทานํ อุทาเนตฺวา เถโร ปุนทิวเส ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวมาห – ‘‘ยํ เม, ภเนฺต, ภควา ปาฎิโภโค ปญฺจนฺนํ อจฺฉราสตานํ ปฎิลาภาย กกุฎปาทานํ, มุญฺจามหํ, ภเนฺต, ภควนฺตํ เอตสฺมา ปฎิสฺสวา’’ติ (อุทา. ๒๒)ฯ ภควาปิ, ‘‘ยเทว โข เต, นนฺท, อนุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตํ วิมุตฺตํ, อถาหํ มุโตฺต เอตสฺมา ปฎิสฺสวา’’ติ (อุทา. ๒๒) อาหฯ อถสฺส ภควา สวิเสสํ อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวารตํ ญตฺวา ตํ คุณํ วิภาเวโนฺต, ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวารานํ ยทิทํ นโนฺท’’ติ (อ. นิ. ๑.๒๑๙, ๒๓๐) อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวารภาเวน อคฺคฎฺฐาเน ฐเปสิฯ เถโร หิ ‘‘ยเมวาหํ อินฺทฺริยานํ อสํวรํ นิสฺสาย อิมํ วิปฺปการํ ปโตฺต, ตเมวาหํ สุฎฺฐุ นิคฺคเหสฺสามี’’ติ อุสฺสาหชาโต พลวหิโรตฺตโปฺป ตตฺถ จ กตาธิการตฺตา อินฺทฺริยสํวเร อุกฺกํสปารมิํ อคมาสีติฯ
Imaṃ udānaṃ udānetvā thero punadivase bhagavantaṃ upasaṅkamitvā evamāha – ‘‘yaṃ me, bhante, bhagavā pāṭibhogo pañcannaṃ accharāsatānaṃ paṭilābhāya kakuṭapādānaṃ, muñcāmahaṃ, bhante, bhagavantaṃ etasmā paṭissavā’’ti (udā. 22). Bhagavāpi, ‘‘yadeva kho te, nanda, anupādāya āsavehi cittaṃ vimuttaṃ, athāhaṃ mutto etasmā paṭissavā’’ti (udā. 22) āha. Athassa bhagavā savisesaṃ indriyesu guttadvārataṃ ñatvā taṃ guṇaṃ vibhāvento, ‘‘etadaggaṃ, bhikkhave, mama sāvakānaṃ bhikkhūnaṃ indriyesu guttadvārānaṃ yadidaṃ nando’’ti (a. ni. 1.219, 230) indriyesu guttadvārabhāvena aggaṭṭhāne ṭhapesi. Thero hi ‘‘yamevāhaṃ indriyānaṃ asaṃvaraṃ nissāya imaṃ vippakāraṃ patto, tamevāhaṃ suṭṭhu niggahessāmī’’ti ussāhajāto balavahirottappo tattha ca katādhikārattā indriyasaṃvare ukkaṃsapāramiṃ agamāsīti.
นนฺทเตฺถรคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Nandattheragāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรคาถาปาฬิ • Theragāthāpāḷi / ๙. นนฺทเตฺถรคาถา • 9. Nandattheragāthā