Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
[๒๘] ๘. นนฺทิวิสาลชาตกวณฺณนา
[28] 8. Nandivisālajātakavaṇṇanā
มนุญฺญเมว ภาเสยฺยาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต ฉพฺพคฺคิยานํ ภิกฺขูนํ โอมสวาทํ อารพฺภ กเถสิฯ ตสฺมิญฺหิ สมเย ฉพฺพคฺคิยา กลหํ กโรนฺตา เปสเล ภิกฺขู ขุํเสนฺติ วเมฺภนฺติ โอวิชฺฌนฺติ, ทสหิ อโกฺกสวตฺถูหิ อโกฺกสนฺติฯ ภิกฺขู ภควโต อาโรเจสุํฯ ภควา ฉพฺพคฺคิเย ปโกฺกสาเปตฺวา ‘‘สจฺจํ กิร ภิกฺขโว’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจ’’นฺติ วุเตฺต วิครหิตฺวา ‘‘ภิกฺขเว, ผรุสวาจา นาม ติรจฺฉานคตานมฺปิ อมนาปา, ปุเพฺพปิ เอโก ติรจฺฉานคโต อตฺตานํ ผรุเสน สมุทาจรนฺตํ สหสฺสํ ปราเชสี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ
Manuññamevabhāseyyāti idaṃ satthā jetavane viharanto chabbaggiyānaṃ bhikkhūnaṃ omasavādaṃ ārabbha kathesi. Tasmiñhi samaye chabbaggiyā kalahaṃ karontā pesale bhikkhū khuṃsenti vambhenti ovijjhanti, dasahi akkosavatthūhi akkosanti. Bhikkhū bhagavato ārocesuṃ. Bhagavā chabbaggiye pakkosāpetvā ‘‘saccaṃ kira bhikkhavo’’ti pucchitvā ‘‘sacca’’nti vutte vigarahitvā ‘‘bhikkhave, pharusavācā nāma tiracchānagatānampi amanāpā, pubbepi eko tiracchānagato attānaṃ pharusena samudācarantaṃ sahassaṃ parājesī’’ti vatvā atītaṃ āhari.
อตีเต คนฺธารรเฎฺฐ ตกฺกสิลายํ คนฺธารราชา รชฺชํ กาเรสิฯ ตทา โพธิสโตฺต โคโยนิยํ นิพฺพตฺติฯ อถ นํ ตรุณวจฺฉกกาเลเยว เอโก พฺราหฺมโณ โคทกฺขิณาทายกานํ สนฺติกา ลภิตฺวา ‘‘นนฺทิวิสาโล’’ติ นามํ กตฺวา ปุตฺตฎฺฐาเน ฐเปตฺวา สมฺปิยายมาโน ยาคุภตฺตาทีนิ ทตฺวา โปเสสิฯ โพธิสโตฺต วยปฺปโตฺต จิเนฺตสิ ‘‘อหํ อิมินา พฺราหฺมเณน กิเจฺฉน ปฎิชคฺคิโต, มยา จ สทฺธิํ สกลชมฺพุทีเป อโญฺญ สมธุโร โคโณ นาม นตฺถิ, ยํนูนาหํ อตฺตโน พลํ ทเสฺสตฺวา พฺราหฺมณสฺส โปสาวนิยํ ทเทยฺย’’นฺติ โส เอกทิวสํ พฺราหฺมณํ อาห ‘‘คจฺฉ, พฺราหฺมณ, เอกํ โควิตฺตกเสฎฺฐิํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘มยฺหํ พลิพโทฺท อติพทฺธํ สกฎสตํ ปวเฎฺฎตี’ติ วตฺวา สหเสฺสน อพฺภุตํ กโรหี’’ติฯ โส พฺราหฺมโณ เสฎฺฐิสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา กถํ สมุฎฺฐาเปสิ ‘‘อิมสฺมิํ นคเร กสฺส โคโณ ถามสมฺปโนฺน’’ติฯ อถ นํ เสฎฺฐิ ‘‘อสุกสฺส จ อสุกสฺส จา’’ติ วตฺวา ‘‘สกลนคเร ปน อมฺหากํ โคเณหิ สทิโส นาม นตฺถี’’ติ อาหฯ พฺราหฺมโณ ‘‘มยฺหํ เอโก โคโณ อติพทฺธํ สกฎสตํ ปวเฎฺฎตุํ สมโตฺถ อตฺถี’’ติ อาหฯ เสฎฺฐิ คหปติ ‘‘กุโต เอวรูโป โคโณ’’ติ อาหฯ พฺราหฺมโณ ‘‘มยฺหํ เคเห อตฺถี’’ติฯ ‘‘เตน หิ อพฺภุตํ กโรหี’’ติฯ ‘‘สาธุ กโรมี’’ติ สหเสฺสน อพฺภุตํ อกาสิฯ
Atīte gandhāraraṭṭhe takkasilāyaṃ gandhārarājā rajjaṃ kāresi. Tadā bodhisatto goyoniyaṃ nibbatti. Atha naṃ taruṇavacchakakāleyeva eko brāhmaṇo godakkhiṇādāyakānaṃ santikā labhitvā ‘‘nandivisālo’’ti nāmaṃ katvā puttaṭṭhāne ṭhapetvā sampiyāyamāno yāgubhattādīni datvā posesi. Bodhisatto vayappatto cintesi ‘‘ahaṃ iminā brāhmaṇena kicchena paṭijaggito, mayā ca saddhiṃ sakalajambudīpe añño samadhuro goṇo nāma natthi, yaṃnūnāhaṃ attano balaṃ dassetvā brāhmaṇassa posāvaniyaṃ dadeyya’’nti so ekadivasaṃ brāhmaṇaṃ āha ‘‘gaccha, brāhmaṇa, ekaṃ govittakaseṭṭhiṃ upasaṅkamitvā ‘mayhaṃ balibaddo atibaddhaṃ sakaṭasataṃ pavaṭṭetī’ti vatvā sahassena abbhutaṃ karohī’’ti. So brāhmaṇo seṭṭhissa santikaṃ gantvā kathaṃ samuṭṭhāpesi ‘‘imasmiṃ nagare kassa goṇo thāmasampanno’’ti. Atha naṃ seṭṭhi ‘‘asukassa ca asukassa cā’’ti vatvā ‘‘sakalanagare pana amhākaṃ goṇehi sadiso nāma natthī’’ti āha. Brāhmaṇo ‘‘mayhaṃ eko goṇo atibaddhaṃ sakaṭasataṃ pavaṭṭetuṃ samattho atthī’’ti āha. Seṭṭhi gahapati ‘‘kuto evarūpo goṇo’’ti āha. Brāhmaṇo ‘‘mayhaṃ gehe atthī’’ti. ‘‘Tena hi abbhutaṃ karohī’’ti. ‘‘Sādhu karomī’’ti sahassena abbhutaṃ akāsi.
โส สกฎสตํ วาลุกาสกฺขรปาสาณานํเยว ปูเรตฺวา ปฎิปาฎิยา ฐเปตฺวา สพฺพานิ อกฺขพนฺธนโยเตฺตน เอกโต พนฺธิตฺวา นนฺทิวิสาลํ นฺหาเปตฺวา คนฺธปญฺจงฺคุลิกํ กตฺวา กเณฺฐ มาลํ ปิฬนฺธิตฺวา ปุริมสกฎธุเร เอกกเมว โยเชตฺวา สยํ ธุเร นิสีทิตฺวา ปโตทํ อุกฺขิปิตฺวา ‘‘คจฺฉ กูฎ, วหสฺสุ กูฎา’’ติ อาหฯ โพธิสโตฺต ‘‘อยํ มํ อกูฎํ กูฎวาเทน สมุทาจรตี’’ติ จตฺตาโร ปาเท ถเมฺภ วิย นิจฺจเล กตฺวา อฎฺฐาสิฯ เสฎฺฐิ ตงฺขณเญฺญว พฺราหฺมณํ สหสฺสํ อาหราเปสิฯ พฺราหฺมโณ สหสฺสปราชิโต โคณํ มุญฺจิตฺวา ฆรํ คนฺตฺวา โสกาภิภูโต นิปชฺชิฯ นนฺทิวิสาโล จริตฺวา อาคโต พฺราหฺมณํ โสกาภิภูตํ ทิสฺวา อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘กิํ, พฺราหฺมณ, นิทฺทายสี’’ติ อาหฯ ‘‘กุโต เม, นิทฺทา, สหสฺสปราชิตสฺสาติ, พฺราหฺมณ, มยา เอตฺตกํ กาลํ ตว เคเห วสเนฺตน อตฺถิ กิญฺจิ ภาชนํ วา ภินฺทิตปุพฺพํ, โกจิ วา มทฺทิตปุโพฺพ, อฎฺฐาเน วา ปน อุจฺจารปสฺสาโว กตปุโพฺพ’’ติ? ‘‘นตฺถิ ตาตา’’ติฯ อถ ตฺวํ มํ กสฺมา กูฎวาเทน สมุทาจรสิ, ตเวเวโส โทโส, มยฺหํ โทโส นตฺถิ, คจฺฉ, เตน สทฺธิํ ทฺวีหิ สหเสฺสหิ อพฺภุตํ กโรหิ, เกวลํ มํ อกูฎํ กูฎวาเทน มา สมุทาจรสีติฯ
So sakaṭasataṃ vālukāsakkharapāsāṇānaṃyeva pūretvā paṭipāṭiyā ṭhapetvā sabbāni akkhabandhanayottena ekato bandhitvā nandivisālaṃ nhāpetvā gandhapañcaṅgulikaṃ katvā kaṇṭhe mālaṃ piḷandhitvā purimasakaṭadhure ekakameva yojetvā sayaṃ dhure nisīditvā patodaṃ ukkhipitvā ‘‘gaccha kūṭa, vahassu kūṭā’’ti āha. Bodhisatto ‘‘ayaṃ maṃ akūṭaṃ kūṭavādena samudācaratī’’ti cattāro pāde thambhe viya niccale katvā aṭṭhāsi. Seṭṭhi taṅkhaṇaññeva brāhmaṇaṃ sahassaṃ āharāpesi. Brāhmaṇo sahassaparājito goṇaṃ muñcitvā gharaṃ gantvā sokābhibhūto nipajji. Nandivisālo caritvā āgato brāhmaṇaṃ sokābhibhūtaṃ disvā upasaṅkamitvā ‘‘kiṃ, brāhmaṇa, niddāyasī’’ti āha. ‘‘Kuto me, niddā, sahassaparājitassāti, brāhmaṇa, mayā ettakaṃ kālaṃ tava gehe vasantena atthi kiñci bhājanaṃ vā bhinditapubbaṃ, koci vā madditapubbo, aṭṭhāne vā pana uccārapassāvo katapubbo’’ti? ‘‘Natthi tātā’’ti. Atha tvaṃ maṃ kasmā kūṭavādena samudācarasi, taveveso doso, mayhaṃ doso natthi, gaccha, tena saddhiṃ dvīhi sahassehi abbhutaṃ karohi, kevalaṃ maṃ akūṭaṃ kūṭavādena mā samudācarasīti.
พฺราหฺมโณ ตสฺส วจนํ สุตฺวา คนฺตฺวา ทฺวีหิ สหเสฺสหิ อพฺภุตํ กตฺวา ปุริมนเยเนว สกฎสตํ อติพนฺธิตฺวา นนฺทิวิสาลํ มเณฺฑตฺวา ปุริมสกฎธุเร โยเชสิฯ กถํ โยเชสีติ? ยุคํ ธุเร นิจฺจลํ พนฺธิตฺวา เอกาย โกฎิยา นนฺทิวิสาลํ โยเชตฺวา เอกํ โกฎิํ ธุรโยเตฺตน ปลิเวเฐตฺวา ยุคโกฎิญฺจ อกฺขปาทญฺจ นิสฺสาย มุณฺฑรุกฺขทณฺฑกํ ทตฺวา เตน โยเตฺตน นิจฺจลํ พนฺธิตฺวา ฐเปสิฯ เอวญฺหิ กเต ยุคํ เอโตฺต วา อิโต วา น คจฺฉติ, สกฺกา โหติ เอเกเนว โคเณน อากฑฺฒิตุํฯ อถสฺส พฺราหฺมโณ ธุเร นิสีทิตฺวา นนฺทิวิสาลสฺส ปิฎฺฐิํ ปริมชฺชิตฺวา ‘‘คจฺฉ ภทฺร, วหสฺสุ, ภนฺทฺรา’’ติ อาหฯ โพธิสโตฺต อติพทฺธํ สกฎสตํ เอกเวเคเนว อากฑฺฒิตฺวา ปจฺฉา ฐิตํ สกฎํ ปุรโต ฐิตสฺส สกฎสฺส ฐาเน ฐเปสิ ฯ โควิตฺตกเสฎฺฐิ ปราชิโต พฺราหฺมณสฺส เทฺว สหสฺสานิ อทาสิฯ อเญฺญปิ มนุสฺสา โพธิสตฺตสฺส พหุํ ธนํ อทํสุ, สพฺพํ พฺราหฺมณเสฺสว อโหสิฯ เอวํ โส โพธิสตฺตํ นิสฺสาย พหุํ ธนํ ลภิฯ
Brāhmaṇo tassa vacanaṃ sutvā gantvā dvīhi sahassehi abbhutaṃ katvā purimanayeneva sakaṭasataṃ atibandhitvā nandivisālaṃ maṇḍetvā purimasakaṭadhure yojesi. Kathaṃ yojesīti? Yugaṃ dhure niccalaṃ bandhitvā ekāya koṭiyā nandivisālaṃ yojetvā ekaṃ koṭiṃ dhurayottena paliveṭhetvā yugakoṭiñca akkhapādañca nissāya muṇḍarukkhadaṇḍakaṃ datvā tena yottena niccalaṃ bandhitvā ṭhapesi. Evañhi kate yugaṃ etto vā ito vā na gacchati, sakkā hoti ekeneva goṇena ākaḍḍhituṃ. Athassa brāhmaṇo dhure nisīditvā nandivisālassa piṭṭhiṃ parimajjitvā ‘‘gaccha bhadra, vahassu, bhandrā’’ti āha. Bodhisatto atibaddhaṃ sakaṭasataṃ ekavegeneva ākaḍḍhitvā pacchā ṭhitaṃ sakaṭaṃ purato ṭhitassa sakaṭassa ṭhāne ṭhapesi . Govittakaseṭṭhi parājito brāhmaṇassa dve sahassāni adāsi. Aññepi manussā bodhisattassa bahuṃ dhanaṃ adaṃsu, sabbaṃ brāhmaṇasseva ahosi. Evaṃ so bodhisattaṃ nissāya bahuṃ dhanaṃ labhi.
สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, ผรุสวจนํ นาม กสฺสจิ มนาป’’นฺติ ฉพฺพคฺคิเย ภิกฺขู ครหิตฺวา สิกฺขาปทํ ปญฺญเปตฺวา อภิสมฺพุโทฺธ หุตฺวา อิมํ คาถมาห –
Satthā ‘‘na, bhikkhave, pharusavacanaṃ nāma kassaci manāpa’’nti chabbaggiye bhikkhū garahitvā sikkhāpadaṃ paññapetvā abhisambuddho hutvā imaṃ gāthamāha –
๒๘.
28.
‘‘มนุญฺญเมว ภาเสยฺย, นามนุญฺญํ กุทาจนํ;
‘‘Manuññameva bhāseyya, nāmanuññaṃ kudācanaṃ;
มนุญฺญํ ภาสมานสฺส, ครุํ ภารํ อุททฺธริ;
Manuññaṃ bhāsamānassa, garuṃ bhāraṃ udaddhari;
ธนญฺจ นํ อลาเภสิ, เตน จตฺตมโน อหู’’ติฯ
Dhanañca naṃ alābhesi, tena cattamano ahū’’ti.
ตตฺถ มนุญฺญเมว ภาเสยฺยาติ ปเรน สทฺธิํ ภาสมาโน จตุโทสวิรหิตํ มธุรํ มนาปํ สณฺหํ มุทุกํ ปิยวจนเมว ภาเสยฺยฯ ครุํ ภารํ อุททฺธรีติ นนฺทิวิสาโล พลิพโทฺท อมนาปํ ภาสมานสฺส ภารํ อนุทฺธริตฺวา ปจฺฉา มนาปํ ปิยวจนํ ภาสมานสฺส พฺราหฺมณสฺส ครุํ ภารํ อุทฺธริ, อุทฺธริตฺวา กฑฺฒิตฺวา ปวเฎฺฎสีติ อโตฺถ, ท-กาโร ปเนตฺถ พฺยญฺชนสนฺธิวเสน ปทสนฺธิกโรฯ
Tattha manuññameva bhāseyyāti parena saddhiṃ bhāsamāno catudosavirahitaṃ madhuraṃ manāpaṃ saṇhaṃ mudukaṃ piyavacanameva bhāseyya. Garuṃ bhāraṃ udaddharīti nandivisālo balibaddo amanāpaṃ bhāsamānassa bhāraṃ anuddharitvā pacchā manāpaṃ piyavacanaṃ bhāsamānassa brāhmaṇassa garuṃ bhāraṃ uddhari, uddharitvā kaḍḍhitvā pavaṭṭesīti attho, da-kāro panettha byañjanasandhivasena padasandhikaro.
อิติ สตฺถา ‘‘มนุญฺญเมว ภาเสยฺยา’’ติ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา พฺราหฺมโณ อานโนฺท อโหสิ, นนฺทิวิสาโล ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ
Iti satthā ‘‘manuññameva bhāseyyā’’ti imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā brāhmaṇo ānando ahosi, nandivisālo pana ahameva ahosi’’nti.
นนฺทิวิสาลชาตกวณฺณนา อฎฺฐมาฯ
Nandivisālajātakavaṇṇanā aṭṭhamā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๒๘. นนฺทิวิสาลชาตกํ • 28. Nandivisālajātakaṃ