Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya |
๓. นนฺทิยสุตฺตํ
3. Nandiyasuttaṃ
๑๓. เอกํ สมยํ ภควา สเกฺกสุ วิหรติ กปิลวตฺถุสฺมิํ นิโคฺรธาราเมฯ เตน โข ปน สมเยน ภควา สาวตฺถิยํ วสฺสาวาสํ อุปคนฺตุกาโม โหติ 1ฯ
13. Ekaṃ samayaṃ bhagavā sakkesu viharati kapilavatthusmiṃ nigrodhārāme. Tena kho pana samayena bhagavā sāvatthiyaṃ vassāvāsaṃ upagantukāmo hoti 2.
อโสฺสสิ โข นนฺทิโย สโกฺก – ‘‘ภควา กิร สาวตฺถิยํ วสฺสาวาสํ อุปคนฺตุกาโม’’ติฯ อถ โข นนฺทิยสฺส สกฺกสฺส เอตทโหสิ – ‘‘ยํนูนาหมฺปิ สาวตฺถิยํ วสฺสาวาสํ อุปคเจฺฉยฺยํฯ ตตฺถ กมฺมนฺตเญฺจว อธิฎฺฐหิสฺสามิ, ภควนฺตญฺจ ลจฺฉามิ กาเลน กาลํ ทสฺสนายา’’ติฯ
Assosi kho nandiyo sakko – ‘‘bhagavā kira sāvatthiyaṃ vassāvāsaṃ upagantukāmo’’ti. Atha kho nandiyassa sakkassa etadahosi – ‘‘yaṃnūnāhampi sāvatthiyaṃ vassāvāsaṃ upagaccheyyaṃ. Tattha kammantañceva adhiṭṭhahissāmi, bhagavantañca lacchāmi kālena kālaṃ dassanāyā’’ti.
อถ โข ภควา สาวตฺถิยํ วสฺสาวาสํ อุปคจฺฉิ 3ฯ นนฺทิโยปิ โข สโกฺก สาวตฺถิยํ วสฺสาวาสํ อุปคจฺฉิฯ ตตฺถ กมฺมนฺตเญฺจว อธิฎฺฐาสิ 4, ภควนฺตญฺจ ลภิ 5 กาเลน กาลํ ทสฺสนายฯ เตน โข ปน สมเยน สมฺพหุลา ภิกฺขู ภควโต จีวรกมฺมํ กโรนฺติ – ‘‘นิฎฺฐิตจีวโร ภควา เตมาสจฺจเยน จาริกํ ปกฺกมิสฺสตี’’ติฯ
Atha kho bhagavā sāvatthiyaṃ vassāvāsaṃ upagacchi 6. Nandiyopi kho sakko sāvatthiyaṃ vassāvāsaṃ upagacchi. Tattha kammantañceva adhiṭṭhāsi 7, bhagavantañca labhi 8 kālena kālaṃ dassanāya. Tena kho pana samayena sambahulā bhikkhū bhagavato cīvarakammaṃ karonti – ‘‘niṭṭhitacīvaro bhagavā temāsaccayena cārikaṃ pakkamissatī’’ti.
อโสฺสสิ โข นนฺทิโย สโกฺก – ‘‘สมฺพหุลา กิร ภิกฺขู ภควโต จีวรกมฺมํ กโรนฺติ – ‘นิฎฺฐิตจีวโร ภควา เตมาสจฺจเยน จาริกํ ปกฺกมิสฺสตี’’’ติฯ อถ โข นนฺทิโย สโกฺก เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข นนฺทิโย สโกฺก ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สุตํ เมตํ, ภเนฺต – ‘สมฺพหุลา กิร ภิกฺขู ภควโต จีวรกมฺมํ กโรนฺติ – นิฎฺฐิตจีวโร ภควา เตมาสจฺจเยน จาริกํ ปกฺกมิสฺสตี’ติฯ เตสํ โน, ภเนฺต, นานาวิหาเรหิ วิหรตํ เกนสฺส วิหาเรน วิหาตพฺพ’’นฺติ?
Assosi kho nandiyo sakko – ‘‘sambahulā kira bhikkhū bhagavato cīvarakammaṃ karonti – ‘niṭṭhitacīvaro bhagavā temāsaccayena cārikaṃ pakkamissatī’’’ti. Atha kho nandiyo sakko yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho nandiyo sakko bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘sutaṃ metaṃ, bhante – ‘sambahulā kira bhikkhū bhagavato cīvarakammaṃ karonti – niṭṭhitacīvaro bhagavā temāsaccayena cārikaṃ pakkamissatī’ti. Tesaṃ no, bhante, nānāvihārehi viharataṃ kenassa vihārena vihātabba’’nti?
‘‘สาธุ สาธุ, นนฺทิย! เอตํ โข, นนฺทิย, ตุมฺหากํ ปติรูปํ กุลปุตฺตานํ, ยํ ตุเมฺห ตถาคตํ อุปสงฺกมิตฺวา ปุเจฺฉยฺยาถ – ‘เตสํ โน, ภเนฺต, นานาวิหาเรหิ วิหรตํ เกนสฺส วิหาเรน วิหาตพฺพ’นฺติ? สโทฺธ โข, นนฺทิย, อาราธโก โหติ, โน อสฺสโทฺธ; สีลวา อาราธโก โหติ, โน ทุสฺสีโล; อารทฺธวีริโย อาราธโก โหติ, โน กุสีโต; อุปฎฺฐิตสฺสติ อาราธโก โหติ, โน มุฎฺฐสฺสติ; สมาหิโต อาราธโก โหติ, โน อสมาหิโต; ปญฺญวา อาราธโก โหติ, โน ทุปฺปโญฺญฯ อิเมสุ โข เต, นนฺทิย, ฉสุ ธเมฺมสุ ปติฎฺฐาย ปญฺจสุ ธเมฺมสุ อชฺฌตฺตํ สติ อุปฎฺฐาเปตพฺพาฯ
‘‘Sādhu sādhu, nandiya! Etaṃ kho, nandiya, tumhākaṃ patirūpaṃ kulaputtānaṃ, yaṃ tumhe tathāgataṃ upasaṅkamitvā puccheyyātha – ‘tesaṃ no, bhante, nānāvihārehi viharataṃ kenassa vihārena vihātabba’nti? Saddho kho, nandiya, ārādhako hoti, no assaddho; sīlavā ārādhako hoti, no dussīlo; āraddhavīriyo ārādhako hoti, no kusīto; upaṭṭhitassati ārādhako hoti, no muṭṭhassati; samāhito ārādhako hoti, no asamāhito; paññavā ārādhako hoti, no duppañño. Imesu kho te, nandiya, chasu dhammesu patiṭṭhāya pañcasu dhammesu ajjhattaṃ sati upaṭṭhāpetabbā.
‘‘อิธ ตฺวํ, นนฺทิย, ตถาคตํ อนุสฺสเรยฺยาสิ – ‘อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ วิชฺชาจรณสมฺปโนฺน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ , สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุโทฺธ ภควา’ติฯ อิติ โข เต, นนฺทิย, ตถาคตํ อารพฺภ อชฺฌตฺตํ สติ อุปฎฺฐาเปตพฺพาฯ
‘‘Idha tvaṃ, nandiya, tathāgataṃ anussareyyāsi – ‘itipi so bhagavā arahaṃ sammāsambuddho vijjācaraṇasampanno sugato lokavidū anuttaro purisadammasārathi , satthā devamanussānaṃ buddho bhagavā’ti. Iti kho te, nandiya, tathāgataṃ ārabbha ajjhattaṃ sati upaṭṭhāpetabbā.
‘‘ปุน จปรํ ตฺวํ, นนฺทิย, ธมฺมํ อนุสฺสเรยฺยาสิ – ‘สฺวากฺขาโต ภควตา ธโมฺม สนฺทิฎฺฐิโก อกาลิโก เอหิปสฺสิโก โอปเนยฺยิโก ปจฺจตฺตํ เวทิตโพฺพ วิญฺญูหี’ติฯ อิติ โข เต, นนฺทิย, ธมฺมํ อารพฺภ อชฺฌตฺตํ สติ อุปฎฺฐาเปตพฺพาฯ
‘‘Puna caparaṃ tvaṃ, nandiya, dhammaṃ anussareyyāsi – ‘svākkhāto bhagavatā dhammo sandiṭṭhiko akāliko ehipassiko opaneyyiko paccattaṃ veditabbo viññūhī’ti. Iti kho te, nandiya, dhammaṃ ārabbha ajjhattaṃ sati upaṭṭhāpetabbā.
‘‘ปุน จปรํ ตฺวํ, นนฺทิย, กลฺยาณมิเตฺต อนุสฺสเรยฺยาสิ – ‘ลาภา วต เม, สุลทฺธํ วต เม, ยสฺส เม กลฺยาณมิตฺตา อนุกมฺปกา อตฺถกามา โอวาทกา อนุสาสกา’ติฯ อิติ โข เต, นนฺทิย, กลฺยาณมิเตฺต อารพฺภ อชฺฌตฺตํ สติ อุปฎฺฐาเปตพฺพาฯ
‘‘Puna caparaṃ tvaṃ, nandiya, kalyāṇamitte anussareyyāsi – ‘lābhā vata me, suladdhaṃ vata me, yassa me kalyāṇamittā anukampakā atthakāmā ovādakā anusāsakā’ti. Iti kho te, nandiya, kalyāṇamitte ārabbha ajjhattaṃ sati upaṭṭhāpetabbā.
‘‘ปุน จปรํ ตฺวํ, นนฺทิย, อตฺตโน จาคํ อนุสฺสเรยฺยาสิ – ‘ลาภา วต เม, สุลทฺธํ วต เม, โยหํ มเจฺฉรมลปริยุฎฺฐิตาย ปชาย วิคตมลมเจฺฉเรน เจตสา อคารํ อชฺฌาวสามิ มุตฺตจาโค ปยตปาณิ โวสฺสคฺครโต ยาจโยโค ทานสํวิภาครโต’ติฯ อิติ โข เต, นนฺทิย, จาคํ อารพฺภ อชฺฌตฺตํ สติ อุปฎฺฐาเปตพฺพาฯ
‘‘Puna caparaṃ tvaṃ, nandiya, attano cāgaṃ anussareyyāsi – ‘lābhā vata me, suladdhaṃ vata me, yohaṃ maccheramalapariyuṭṭhitāya pajāya vigatamalamaccherena cetasā agāraṃ ajjhāvasāmi muttacāgo payatapāṇi vossaggarato yācayogo dānasaṃvibhāgarato’ti. Iti kho te, nandiya, cāgaṃ ārabbha ajjhattaṃ sati upaṭṭhāpetabbā.
‘‘ปุน จปรํ ตฺวํ, นนฺทิย, เทวตา อนุสฺสเรยฺยาสิ – ‘ยา เทวตา อติกฺกเมฺมว กพฬีการาหารภกฺขานํ 9 เทวตานํ สหพฺยตํ อญฺญตรํ มโนมยํ กายํ อุปปนฺนา, ตา กรณียํ อตฺตโน น สมนุปสฺสนฺติ กตสฺส วา ปติจยํฯ เสยฺยถาปิ, นนฺทิย, ภิกฺขุ อสมยวิมุโตฺต กรณียํ อตฺตโน น สมนุปสฺสติ กตสฺส วา ปติจยํ; เอวเมวํ โข, นนฺทิย, ยา ตา เทวตา อติกฺกเมฺมว กพฬีการาหารภกฺขานํ เทวตานํ สหพฺยตํ อญฺญตรํ มโนมยํ กายํ อุปปนฺนา, ตา กรณียํ อตฺตโน น สมนุปสฺสนฺติ กตสฺส วา ปติจยํฯ อิติ โข เต, นนฺทิย, เทวตา อารพฺภ อชฺฌตฺตํ สติ อุปฎฺฐาเปตพฺพาฯ
‘‘Puna caparaṃ tvaṃ, nandiya, devatā anussareyyāsi – ‘yā devatā atikkammeva kabaḷīkārāhārabhakkhānaṃ 10 devatānaṃ sahabyataṃ aññataraṃ manomayaṃ kāyaṃ upapannā, tā karaṇīyaṃ attano na samanupassanti katassa vā paticayaṃ. Seyyathāpi, nandiya, bhikkhu asamayavimutto karaṇīyaṃ attano na samanupassati katassa vā paticayaṃ; evamevaṃ kho, nandiya, yā tā devatā atikkammeva kabaḷīkārāhārabhakkhānaṃ devatānaṃ sahabyataṃ aññataraṃ manomayaṃ kāyaṃ upapannā, tā karaṇīyaṃ attano na samanupassanti katassa vā paticayaṃ. Iti kho te, nandiya, devatā ārabbha ajjhattaṃ sati upaṭṭhāpetabbā.
‘‘อิเมหิ โข, นนฺทิย, เอกาทสหิ ธเมฺมหิ สมนฺนาคโต อริยสาวโก ปชหเตว ปาปเก อกุสเล ธเมฺม, น อุปาทิยติฯ เสยฺยถาปิ, นนฺทิย, กุโมฺภ นิกฺกุโชฺช 11 วมเตว อุทกํ, โน วนฺตํ ปจฺจาวมติ 12; เสยฺยถาปิ วา ปน, นนฺทิย, สุเกฺข ติณทาเย อคฺคิ มุโตฺต ฑหเญฺญว คจฺฉติ, โน ทฑฺฒํ ปจฺจุทาวตฺตติ ; เอวเมวํ โข, นนฺทิย, อิเมหิ เอกาทสหิ ธเมฺมหิ สมนฺนาคโต อริยสาวโก ปชหเตว ปาปเก อกุสเล ธเมฺม, น อุปาทิยตี’’ติฯ ตติยํฯ
‘‘Imehi kho, nandiya, ekādasahi dhammehi samannāgato ariyasāvako pajahateva pāpake akusale dhamme, na upādiyati. Seyyathāpi, nandiya, kumbho nikkujjo 13 vamateva udakaṃ, no vantaṃ paccāvamati 14; seyyathāpi vā pana, nandiya, sukkhe tiṇadāye aggi mutto ḍahaññeva gacchati, no daḍḍhaṃ paccudāvattati ; evamevaṃ kho, nandiya, imehi ekādasahi dhammehi samannāgato ariyasāvako pajahateva pāpake akusale dhamme, na upādiyatī’’ti. Tatiyaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๓. นนฺทิยสุตฺตวณฺณนา • 3. Nandiyasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๑-๔. ปฐมมหานามสุตฺตาทิวณฺณนา • 1-4. Paṭhamamahānāmasuttādivaṇṇanā