Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ปริวารปาฬิ • Parivārapāḷi |
๒. นปฺปฎิปฺปสฺสมฺภนวโคฺค
2. Nappaṭippassambhanavaggo
๔๒๐. ‘‘กติหิ นุ โข, ภเนฺต, อเงฺคหิ สมนฺนาคตสฺส ภิกฺขุโน กมฺมํ นปฺปฎิปฺปสฺสเมฺภตพฺพ’’นฺติ?
420. ‘‘Katihi nu kho, bhante, aṅgehi samannāgatassa bhikkhuno kammaṃ nappaṭippassambhetabba’’nti?
‘‘ปญฺจหุปาลิ, อเงฺคหิ สมนฺนาคตสฺส ภิกฺขุโน กมฺมํ นปฺปฎิปฺปสฺสเมฺภตพฺพํฯ กตเมหิ ปญฺจหิ ? อาปตฺติํ อาปโนฺน กมฺมกโต อุปสมฺปาเทติ, นิสฺสยํ เทติ, สามเณรํ อุปฎฺฐาเปติ, ภิกฺขุโนวาทกสมฺมุติํ สาทิยติ, สมฺมโตปิ ภิกฺขุนิโย โอวทติ – อิเมหิ โข, อุปาลิ, ปญฺจหเงฺคหิ สมนฺนาคตสฺส ภิกฺขุโน กมฺมํ นปฺปฎิปฺปสฺสเมฺภตพฺพํฯ
‘‘Pañcahupāli, aṅgehi samannāgatassa bhikkhuno kammaṃ nappaṭippassambhetabbaṃ. Katamehi pañcahi ? Āpattiṃ āpanno kammakato upasampādeti, nissayaṃ deti, sāmaṇeraṃ upaṭṭhāpeti, bhikkhunovādakasammutiṃ sādiyati, sammatopi bhikkhuniyo ovadati – imehi kho, upāli, pañcahaṅgehi samannāgatassa bhikkhuno kammaṃ nappaṭippassambhetabbaṃ.
1 ‘‘อปเรหิปิ, อุปาลิ, ปญฺจหเงฺคหิ สมนฺนาคตสฺส ภิกฺขุโน กมฺมํ นปฺปฎิปฺปสฺสเมฺภตพฺพํฯ กตเมหิ ปญฺจหิ? ยาย อาปตฺติยา สเงฺฆน กมฺมํ กตํ โหติ ตํ อาปตฺติํ อาปชฺชติ, อญฺญํ วา ตาทิสิกํ, ตโต วา ปาปิฎฺฐตรํ, กมฺมํ ครหติ, กมฺมิเก ครหติ – อิเมหิ โข, อุปาลิ, ปญฺจหเงฺคหิ สมนฺนาคตสฺส ภิกฺขุโน กมฺมํ นปฺปฎิปฺปสฺสเมฺภตพฺพํฯ
2 ‘‘Aparehipi, upāli, pañcahaṅgehi samannāgatassa bhikkhuno kammaṃ nappaṭippassambhetabbaṃ. Katamehi pañcahi? Yāya āpattiyā saṅghena kammaṃ kataṃ hoti taṃ āpattiṃ āpajjati, aññaṃ vā tādisikaṃ, tato vā pāpiṭṭhataraṃ, kammaṃ garahati, kammike garahati – imehi kho, upāli, pañcahaṅgehi samannāgatassa bhikkhuno kammaṃ nappaṭippassambhetabbaṃ.
‘‘อปเรหิปิ, อุปาลิ, ปญฺจหเงฺคหิ สมนฺนาคตสฺส ภิกฺขุโน กมฺมํ นปฺปฎิปฺปสฺสเมฺภตพฺพํฯ กตเมหิ ปญฺจหิ? พุทฺธสฺส อวณฺณํ ภาสติ, ธมฺมสฺส อวณฺณํ ภาสติ, สงฺฆสฺส อวณฺณํ ภาสติ, มิจฺฉาทิฎฺฐิโก จ โหติ, อาชีววิปโนฺน จ – อิเมหิ โข, อุปาลิ, ปญฺจหเงฺคหิ สมนฺนาคตสฺส ภิกฺขุโน กมฺมํ นปฺปฎิปฺปสฺสเมฺภตพฺพํฯ
‘‘Aparehipi, upāli, pañcahaṅgehi samannāgatassa bhikkhuno kammaṃ nappaṭippassambhetabbaṃ. Katamehi pañcahi? Buddhassa avaṇṇaṃ bhāsati, dhammassa avaṇṇaṃ bhāsati, saṅghassa avaṇṇaṃ bhāsati, micchādiṭṭhiko ca hoti, ājīvavipanno ca – imehi kho, upāli, pañcahaṅgehi samannāgatassa bhikkhuno kammaṃ nappaṭippassambhetabbaṃ.
‘‘อปเรหิปิ, อุปาลิ, ปญฺจหเงฺคหิ สมนฺนาคตสฺส ภิกฺขุโน กมฺมํ นปฺปฎิปฺปสฺสเมฺภตพฺพํฯ กตเมหิ ปญฺจหิ? อลชฺชี จ โหติ, พาโล จ, อปกตโตฺต จ, โอมทฺทการโก จ โหติ, วเตฺตสุ สิกฺขาย จ น ปริปูรการี – อิเมหิ โข, อุปาลิ, ปญฺจหเงฺคหิ สมนฺนาคตสฺส ภิกฺขุโน กมฺมํ นปฺปฎิปฺปสฺสเมฺภตพฺพ’’นฺติฯ
‘‘Aparehipi, upāli, pañcahaṅgehi samannāgatassa bhikkhuno kammaṃ nappaṭippassambhetabbaṃ. Katamehi pañcahi? Alajjī ca hoti, bālo ca, apakatatto ca, omaddakārako ca hoti, vattesu sikkhāya ca na paripūrakārī – imehi kho, upāli, pañcahaṅgehi samannāgatassa bhikkhuno kammaṃ nappaṭippassambhetabba’’nti.
๔๒๑. ‘‘สงฺคามาวจเรน, ภเนฺต, ภิกฺขุนา สงฺฆํ อุปสงฺกมเนฺตน กติ ธเมฺม อชฺฌตฺตํ อุปฎฺฐาเปตฺวา สโงฺฆ อุปสงฺกมิตโพฺพ’’ติ?
421. ‘‘Saṅgāmāvacarena, bhante, bhikkhunā saṅghaṃ upasaṅkamantena kati dhamme ajjhattaṃ upaṭṭhāpetvā saṅgho upasaṅkamitabbo’’ti?
3 ‘‘สงฺคามาวจเรน, อุปาลิ, ภิกฺขุนา สงฺฆํ อุปสงฺกมเนฺตน ปญฺจ ธเมฺม อชฺฌตฺตํ อุปฎฺฐาเปตฺวา สโงฺฆ อุปสงฺกมิตโพฺพฯ กตเม ปญฺจ? สงฺคามาวจเรน, อุปาลิ, ภิกฺขุนา สงฺฆํ อุปสงฺกมเนฺตน นีจจิเตฺตน สโงฺฆ อุปสงฺกมิตโพฺพ, รโชหรณสเมน จิเตฺตน, อาสนกุสเลน ภวิตพฺพํ นิสฺสชฺชกุสเลน, เถเร ภิกฺขู อนุปขชฺชเนฺตน, นเว ภิกฺขู อาสเนน อปฺปฎิพาหเนฺตน ยถาปติรูเป อาสเน นิสีทิตพฺพํ, อนานากถิเกน ภวิตพฺพํ อติรจฺฉานกถิเกน, สามํ วา ธโมฺม ภาสิตโพฺพ, ปโร วา อเชฺฌสิตโพฺพ, อริโย วา ตุณฺหิภาโว นาติมญฺญิตโพฺพ, สเจ, อุปาลิ, สโงฺฆ สมคฺคกรณียานิ กมฺมานิ กโรติ ตตฺร เจ, อุปาลิ, ภิกฺขุโน นกฺขมติ, อปิ ทิฎฺฐาวิกมฺมํ กตฺวา ญาเปตพฺพา สามคฺคีฯ ตํ กิสฺสเหตุ? มาหํ สเงฺฆน นานโตฺต อสฺสนฺติฯ สงฺคามาวจเรนุปาลิ , ภิกฺขุนา สงฺฆํ อุปสงฺกมเนฺตน อิเม ปญฺจ ธเมฺม อชฺฌตฺตํ อุปฎฺฐาเปตฺวา สโงฺฆ อุปสงฺกมิตโพฺพ’’ติฯ
4 ‘‘Saṅgāmāvacarena, upāli, bhikkhunā saṅghaṃ upasaṅkamantena pañca dhamme ajjhattaṃ upaṭṭhāpetvā saṅgho upasaṅkamitabbo. Katame pañca? Saṅgāmāvacarena, upāli, bhikkhunā saṅghaṃ upasaṅkamantena nīcacittena saṅgho upasaṅkamitabbo, rajoharaṇasamena cittena, āsanakusalena bhavitabbaṃ nissajjakusalena, there bhikkhū anupakhajjantena, nave bhikkhū āsanena appaṭibāhantena yathāpatirūpe āsane nisīditabbaṃ, anānākathikena bhavitabbaṃ atiracchānakathikena, sāmaṃ vā dhammo bhāsitabbo, paro vā ajjhesitabbo, ariyo vā tuṇhibhāvo nātimaññitabbo, sace, upāli, saṅgho samaggakaraṇīyāni kammāni karoti tatra ce, upāli, bhikkhuno nakkhamati, api diṭṭhāvikammaṃ katvā ñāpetabbā sāmaggī. Taṃ kissahetu? Māhaṃ saṅghena nānatto assanti. Saṅgāmāvacarenupāli , bhikkhunā saṅghaṃ upasaṅkamantena ime pañca dhamme ajjhattaṃ upaṭṭhāpetvā saṅgho upasaṅkamitabbo’’ti.
๔๒๒. ‘‘กติหิ นุ โข, ภเนฺต, อเงฺคหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ สเงฺฆ โวหรโนฺต พหุชนอกโนฺต จ โหติ พหุชนอมนาโป จ พหุชนอรุจิโต จา’’ติ?
422. ‘‘Katihi nu kho, bhante, aṅgehi samannāgato bhikkhu saṅghe voharanto bahujanaakanto ca hoti bahujanaamanāpo ca bahujanaarucito cā’’ti?
‘‘ปญฺจหุปาลิ, อเงฺคหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ สเงฺฆ โวหรโนฺต พหุชนอกโนฺต จ โหติ พหุชนอมนาโป จ พหุชนอรุจิโต จฯ กตเมหิ ปญฺจหิ? อุสฺสิตมนฺตี จ โหติ, นิสฺสิตชปฺปี จ, น จ ภาสานุสนฺธิกุสโล โหติ, น ยถาธเมฺม ยถาวินเย ยถาปตฺติยา โจเทตา โหติ, น ยถาธเมฺม ยถาวินเย ยถาปตฺติยา กาเรตา โหติ – อิเมหิ โข, อุปาลิ, ปญฺจหเงฺคหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ สเงฺฆ โวหรโนฺต พหุชนอกโนฺต จ โหติ พหุชนอมนาโป จ พหุชนอรุจิโต จฯ ปญฺจหุปาลิ, อเงฺคหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ สเงฺฆ โวหรโนฺต พหุชนกโนฺต จ โหติ พหุชนมนาโป จ พหุชนอรุจิโต จฯ กตเมหิ ปญฺจหิ? น อุสฺสิตมนฺตี จ โหติ, น นิสฺสิตชปฺปี จ, ภาสานุสนฺธิกุสโล จ โหติ, ยถาธเมฺม ยถาวินเย ยถาปตฺติยา โจเทตา โหติ, ยถาธเมฺม ยถาวินเย ยถาปตฺติยา กาเรตา โหติ – อิเมหิ โข, อุปาลิ, ปญฺจหเงฺคหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ สเงฺฆ โวหรโนฺต พหุชนกโนฺต จ โหติ พหุชนมนาโป จ พหุชนรุจิโต จฯ
‘‘Pañcahupāli, aṅgehi samannāgato bhikkhu saṅghe voharanto bahujanaakanto ca hoti bahujanaamanāpo ca bahujanaarucito ca. Katamehi pañcahi? Ussitamantī ca hoti, nissitajappī ca, na ca bhāsānusandhikusalo hoti, na yathādhamme yathāvinaye yathāpattiyā codetā hoti, na yathādhamme yathāvinaye yathāpattiyā kāretā hoti – imehi kho, upāli, pañcahaṅgehi samannāgato bhikkhu saṅghe voharanto bahujanaakanto ca hoti bahujanaamanāpo ca bahujanaarucito ca. Pañcahupāli, aṅgehi samannāgato bhikkhu saṅghe voharanto bahujanakanto ca hoti bahujanamanāpo ca bahujanaarucito ca. Katamehi pañcahi? Na ussitamantī ca hoti, na nissitajappī ca, bhāsānusandhikusalo ca hoti, yathādhamme yathāvinaye yathāpattiyā codetā hoti, yathādhamme yathāvinaye yathāpattiyā kāretā hoti – imehi kho, upāli, pañcahaṅgehi samannāgato bhikkhu saṅghe voharanto bahujanakanto ca hoti bahujanamanāpo ca bahujanarucito ca.
‘‘อปเรหิปิ, อุปาลิ, ปญฺจหเงฺคหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ สเงฺฆ โวหรโนฺต พหุชนอกโนฺต จ โหติ พหุชนอมนาโป จ พหุชนอรุจิโต จฯ กตเมหิ ปญฺจหิ? อุสฺสาเทตา จ โหติ, อปสาเทตา จ, อธมฺมํ คณฺหาติ, ธมฺมํ ปฎิพาหติ, สมฺผญฺจ พหุํ ภาสติ – อิเมหิ โข, อุปาลิ, ปญฺจหเงฺคหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ สเงฺฆ โวหรโนฺต พหุชนอกโนฺต จ โหติ พหุชนอมนาโป จ พหุชนอรุจิโต จฯ ปญฺจหุปาลิ, อเงฺคหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ สเงฺฆ โวหรโนฺต พหุชนกโนฺต จ โหติ พหุชนมนาโป จ พหุชนรุจิโต จฯ กตเมหิ ปญฺจหิ? น อุสฺสาเทตา จ โหติ, น อปสาเทตา จ, ธมฺมํ คณฺหาติ, อธมฺมํ ปฎิพาหติ, สมฺผญฺจ น พหุํ ภาสติ – อิเมหิ โข, อุปาลิ, ปญฺจหเงฺคหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ สเงฺฆ โวหรโนฺต พหุชนกโนฺต จ โหติ พหุชนมนาโป จ พหุชนรุจิโต จฯ
‘‘Aparehipi, upāli, pañcahaṅgehi samannāgato bhikkhu saṅghe voharanto bahujanaakanto ca hoti bahujanaamanāpo ca bahujanaarucito ca. Katamehi pañcahi? Ussādetā ca hoti, apasādetā ca, adhammaṃ gaṇhāti, dhammaṃ paṭibāhati, samphañca bahuṃ bhāsati – imehi kho, upāli, pañcahaṅgehi samannāgato bhikkhu saṅghe voharanto bahujanaakanto ca hoti bahujanaamanāpo ca bahujanaarucito ca. Pañcahupāli, aṅgehi samannāgato bhikkhu saṅghe voharanto bahujanakanto ca hoti bahujanamanāpo ca bahujanarucito ca. Katamehi pañcahi? Na ussādetā ca hoti, na apasādetā ca, dhammaṃ gaṇhāti, adhammaṃ paṭibāhati, samphañca na bahuṃ bhāsati – imehi kho, upāli, pañcahaṅgehi samannāgato bhikkhu saṅghe voharanto bahujanakanto ca hoti bahujanamanāpo ca bahujanarucito ca.
‘‘อปเรหิปิ, อุปาลิ, ปญฺจหเงฺคหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ สเงฺฆ โวหรโนฺต พหุชนอกโนฺต จ โหติ พหุชนอมนาโป จ พหุชนอรุจิโต จฯ กตเมหิ ปญฺจหิ? ปสยฺหปวตฺตา โหติ, อโนกาสกมฺมํ กาเรตฺวา ปวตฺตา โหติ, น ยถาธเมฺม ยถาวินเย ยถาปตฺติยา โจเทตา โหติ, น ยถาธเมฺม ยถาวินเย ยถาปตฺติยา กาเรตา โหติ, น ยถาทิฎฺฐิยา พฺยากตา โหติ – อิเมหิ โข, อุปาลิ, ปญฺจหเงฺคหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ สเงฺฆ โวหรโนฺต พหุชนอกโนฺต จ โหติ พหุชนอมนาโป จ พหุชนอรุจิโต จฯ ปญฺจหุปาลิ, อเงฺคหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ สเงฺฆ โวหรโนฺต พหุชนกโนฺต จ โหติ พหุชนมนาโป จ พหุชนรุจิโต จฯ กตเมหิ ปญฺจหิ? น ปสยฺหปวตฺตา โหติ, โอกาสกมฺมํ กาเรตฺวา ปวตฺตา โหติ, ยถาธเมฺม ยถาวินเย ยถาปตฺติยา โจเทตา โหติ, ยถาธเมฺม ยถาวินเย ยถาปตฺติยา กาเรตา โหติ, ยถาทิฎฺฐิยา พฺยากตา โหติ – อิเมหิ โข, อุปาลิ, ปญฺจหเงฺคหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ สเงฺฆ โวหรโนฺต พหุชนกโนฺต จ โหติ พหุชนมนาโป จ พหุชนรุจิโต จา’’ติฯ
‘‘Aparehipi, upāli, pañcahaṅgehi samannāgato bhikkhu saṅghe voharanto bahujanaakanto ca hoti bahujanaamanāpo ca bahujanaarucito ca. Katamehi pañcahi? Pasayhapavattā hoti, anokāsakammaṃ kāretvā pavattā hoti, na yathādhamme yathāvinaye yathāpattiyā codetā hoti, na yathādhamme yathāvinaye yathāpattiyā kāretā hoti, na yathādiṭṭhiyā byākatā hoti – imehi kho, upāli, pañcahaṅgehi samannāgato bhikkhu saṅghe voharanto bahujanaakanto ca hoti bahujanaamanāpo ca bahujanaarucito ca. Pañcahupāli, aṅgehi samannāgato bhikkhu saṅghe voharanto bahujanakanto ca hoti bahujanamanāpo ca bahujanarucito ca. Katamehi pañcahi? Na pasayhapavattā hoti, okāsakammaṃ kāretvā pavattā hoti, yathādhamme yathāvinaye yathāpattiyā codetā hoti, yathādhamme yathāvinaye yathāpattiyā kāretā hoti, yathādiṭṭhiyā byākatā hoti – imehi kho, upāli, pañcahaṅgehi samannāgato bhikkhu saṅghe voharanto bahujanakanto ca hoti bahujanamanāpo ca bahujanarucito cā’’ti.
๔๒๓. ‘‘กติ นุ โข, ภเนฺต, อานิสํสา วินยปริยตฺติยา’’ติ?
423. ‘‘Kati nu kho, bhante, ānisaṃsā vinayapariyattiyā’’ti?
‘‘ปญฺจิเม, อุปาลิ, อานิสํสา วินยปริยตฺติยาฯ กตเม ปญฺจ? อตฺตโน สีลกฺขโนฺธ สุคุโตฺต โหติ สุรกฺขิโต, กุกฺกุจฺจปกตานํ ปฎิสรณํ โหติ, วิสารโท สงฺฆมเชฺฌ โวหรติ, ปจฺจตฺถิเก สหธเมฺมน สุนิคฺคหิตํ นิคฺคณฺหาติ, สทฺธมฺมฎฺฐิติยา ปฎิปโนฺน โหติ – อิเมหิ โข, อุปาลิ, ปญฺจานิสํสา วินยปริยตฺติยา’’ฯ
‘‘Pañcime, upāli, ānisaṃsā vinayapariyattiyā. Katame pañca? Attano sīlakkhandho sugutto hoti surakkhito, kukkuccapakatānaṃ paṭisaraṇaṃ hoti, visārado saṅghamajjhe voharati, paccatthike sahadhammena suniggahitaṃ niggaṇhāti, saddhammaṭṭhitiyā paṭipanno hoti – imehi kho, upāli, pañcānisaṃsā vinayapariyattiyā’’.
นปฺปฎิปฺปสฺสมฺภนวโคฺค นิฎฺฐิโต ทุติโยฯ
Nappaṭippassambhanavaggo niṭṭhito dutiyo.
ตสฺสุทฺทานํ –
Tassuddānaṃ –
อาปโนฺน ยายวณฺณญฺจ, อลชฺชี สงฺคาเมน จ;
Āpanno yāyavaṇṇañca, alajjī saṅgāmena ca;
อุสฺสิตา อุสฺสาเทตา จ, ปสยฺห ปริยตฺติยาติฯ
Ussitā ussādetā ca, pasayha pariyattiyāti.
ปฐมยมกปญฺญตฺติฯ
Paṭhamayamakapaññatti.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / ปริวาร-อฎฺฐกถา • Parivāra-aṭṭhakathā / นปฺปฎิปฺปสฺสมฺภนวคฺควณฺณนา • Nappaṭippassambhanavaggavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / อุปาลิปญฺจกวณฺณนา • Upālipañcakavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / นปฺปฎิปฺปสฺสมฺภนวคฺควณฺณนา • Nappaṭippassambhanavaggavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / นปฺปฎิปฺปสฺสมฺภนวคฺควณฺณนา • Nappaṭippassambhanavaggavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / นปฺปฎิปฺปสฺสมฺภนวคฺควณฺณนา • Nappaṭippassambhanavaggavaṇṇanā