Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / พุทฺธวํส-อฎฺฐกถา • Buddhavaṃsa-aṭṭhakathā |
๑๑. นารทพุทฺธวํสวณฺณนา
11. Nāradabuddhavaṃsavaṇṇanā
ปทุมพุเทฺธ ปน ปรินิพฺพุเต ตสฺส สาสเน จ อนฺตรหิเต วสฺสสตสหสฺสายุกา มนุสฺสา อนุกฺกเมน ปริหายมานา ทสวสฺสายุกา อเหสุํฯ ปุน วฑฺฒิตฺวา อสเงฺขฺยยฺยายุกา หุตฺวา ปริหายมานา นวุติวสฺสสหสฺสายุกา อเหสุํฯ ตทา ทสพลธโร เตวิโชฺช จตุเวสารชฺชวิสารโท วิมุตฺติสารโท นารโท นาม นรสตฺตุตฺตโม สตฺถา โลเก อุทปาทิฯ โส จตฺตาริ อสเงฺขฺยยฺยานิ กปฺปสตสหสฺสญฺจ ปารมิโย ปูเรตฺวา ตุสิตภวเน นิพฺพตฺติตฺวา ตโต จวิตฺวา ธญฺญวตี นาม นคเร สกวีริยวิชิตวาสุเทวสฺส สุเทวสฺส นาม รโญฺญ กุเล อคฺคมเหสิยา นิรูปมาย อโนมาย นาม เทวิยา กุจฺฉิสฺมิํ ปฎิสนฺธิํ อคฺคเหสิฯ โส ทสนฺนํ มาสานํ อจฺจเยน ธนญฺชยุยฺยาเน มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขมิฯ นามคฺคหณทิวเส ปน นามกรเณ กยิรมาเน สกลชมฺพุทีเป มนุสฺสานํ อุปโภคกฺขมานิ อนุรูปานิ อาภรณานิ อากาสโต กปฺปรุกฺขาทีหิ ปติํสุฯ เตนสฺส นรานํ อรหานิ อาภรณานิ อทาสีติ ‘‘นารโท’’ติ นามํ อกํสุฯ
Padumabuddhe pana parinibbute tassa sāsane ca antarahite vassasatasahassāyukā manussā anukkamena parihāyamānā dasavassāyukā ahesuṃ. Puna vaḍḍhitvā asaṅkhyeyyāyukā hutvā parihāyamānā navutivassasahassāyukā ahesuṃ. Tadā dasabaladharo tevijjo catuvesārajjavisārado vimuttisārado nārado nāma narasattuttamo satthā loke udapādi. So cattāri asaṅkhyeyyāni kappasatasahassañca pāramiyo pūretvā tusitabhavane nibbattitvā tato cavitvā dhaññavatī nāma nagare sakavīriyavijitavāsudevassa sudevassa nāma rañño kule aggamahesiyā nirūpamāya anomāya nāma deviyā kucchismiṃ paṭisandhiṃ aggahesi. So dasannaṃ māsānaṃ accayena dhanañjayuyyāne mātukucchito nikkhami. Nāmaggahaṇadivase pana nāmakaraṇe kayiramāne sakalajambudīpe manussānaṃ upabhogakkhamāni anurūpāni ābharaṇāni ākāsato kapparukkhādīhi patiṃsu. Tenassa narānaṃ arahāni ābharaṇāni adāsīti ‘‘nārado’’ti nāmaṃ akaṃsu.
โส นววสฺสสหสฺสานิ อคารมเชฺฌ วสิฯ วิชิโต วิชิตาวี วิชิตาภิราโมติ ติณฺณํ อุตูนํ อนุจฺฉวิกา ตโย ปาสาทา อเหสุํฯ ตสฺส นารทกุมารสฺส กุลสีลาจารรูปสมฺปนฺนํ มโนนุกูลํ วิชิตเสนํ นาม อติวิย ธญฺญํ ขตฺติยกญฺญํ อคฺคมเหสิํ อกํสุฯ ตํ อาทิํ กตฺวา วีสติสหสฺสาธิกํ อิตฺถีนํ สตสหสฺสํ อโหสิฯ ตสฺสา วิชิตเสนาย เทวิยา สพฺพโลกานนฺทกเร นนฺทุตฺตรกุมาเร นาม ชาเต โส จตฺตาริ นิมิตฺตานิ ทิสฺวา จตุรงฺคินิยา มหติยา เสนาย ปริวุโต นานาวิราคตนุวรวสนนิวสโน อามุกฺกมุตฺตาหารมณิกุณฺฑโล วรเกยูรมกุฎกฎกธโร ปรมสุรภิคนฺธกุสุมสมลงฺกโต ปทสาว อุยฺยานํ คนฺตฺวา สพฺพาภรณานิ โอมุญฺจิตฺวา ภณฺฑาคาริกสฺส หเตฺถ ทตฺวา สยเมว วิมลนีลกุวลยทลสทิเสนาตินิสิเตนาสินา ปรมรุจิรรตนวิจิตฺตํ สเกสมกุฎํ ฉินฺทิตฺวา คคนตเล ขิปิฯ ตํ สโกฺก เทวราชา สุวณฺณจโงฺกฎเกน ปฎิคฺคเหตฺวา ตาวติํสภวนํ เนตฺวา ติโยชนุเพฺพธํ สิเนรุมุทฺธนิ สตฺตรตนมยํ เจติยํ อกาสิฯ
So navavassasahassāni agāramajjhe vasi. Vijito vijitāvī vijitābhirāmoti tiṇṇaṃ utūnaṃ anucchavikā tayo pāsādā ahesuṃ. Tassa nāradakumārassa kulasīlācārarūpasampannaṃ manonukūlaṃ vijitasenaṃ nāma ativiya dhaññaṃ khattiyakaññaṃ aggamahesiṃ akaṃsu. Taṃ ādiṃ katvā vīsatisahassādhikaṃ itthīnaṃ satasahassaṃ ahosi. Tassā vijitasenāya deviyā sabbalokānandakare nanduttarakumāre nāma jāte so cattāri nimittāni disvā caturaṅginiyā mahatiyā senāya parivuto nānāvirāgatanuvaravasananivasano āmukkamuttāhāramaṇikuṇḍalo varakeyūramakuṭakaṭakadharo paramasurabhigandhakusumasamalaṅkato padasāva uyyānaṃ gantvā sabbābharaṇāni omuñcitvā bhaṇḍāgārikassa hatthe datvā sayameva vimalanīlakuvalayadalasadisenātinisitenāsinā paramaruciraratanavicittaṃ sakesamakuṭaṃ chinditvā gaganatale khipi. Taṃ sakko devarājā suvaṇṇacaṅkoṭakena paṭiggahetvā tāvatiṃsabhavanaṃ netvā tiyojanubbedhaṃ sinerumuddhani sattaratanamayaṃ cetiyaṃ akāsi.
มหาปุริโส ปน เทวทตฺตานิ กาสายานิ วตฺถานิ ปริทหิตฺวา ตเตฺถว อุยฺยาเน ปพฺพชิฯ ปุริสสตสหสฺสา จ ตํ อนุปพฺพชิํสุฯ โส สตฺตาหํ ตเตฺถว ปธานจริยํ จริตฺวา วิสาขปุณฺณมาย วิชิตเสนาย อคฺคมเหสิยา ทินฺนํ ปายาสํ ปริภุญฺชิตฺวา ตเตฺถว อุยฺยาเน ทิวาวิหารํ กตฺวา สุทสฺสนุยฺยานปาเลน ทินฺนา อฎฺฐ ติณมุฎฺฐิโย คเหตฺวา มหาโสณโพธิํ ปทกฺขิณํ กตฺวา อฎฺฐปณฺณาสหตฺถวิตฺถตํ ติณสนฺถรํ สนฺถริตฺวา นิสีทิตฺวา มารพลํ วิธมิตฺวา ตีสุ ยาเมสุ ติโสฺส วิชฺชา อุปฺปาเทตฺวา สพฺพญฺญุตญฺญาณํ ปฎิวิชฺฌิตฺวา – ‘‘อเนกชาติสํสารํ…เป.… ตณฺหานํ ขยมชฺฌคา’’ติ อุทานํ อุทาเนตฺวา สตฺตสตฺตาหานิ วีตินาเมตฺวา พฺรหฺมุโน ยาจิโต ปฎิญฺญํ ทตฺวา ธนญฺชยุยฺยาเน อตฺตนา สห ปพฺพชิเตหิ สตสหสฺสภิกฺขูหิ ปริวุโต ตตฺถ ธมฺมจกฺกํ ปวเตฺตสิฯ ตทา โกฎิสตสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิฯ เตน วุตฺตํ –
Mahāpuriso pana devadattāni kāsāyāni vatthāni paridahitvā tattheva uyyāne pabbaji. Purisasatasahassā ca taṃ anupabbajiṃsu. So sattāhaṃ tattheva padhānacariyaṃ caritvā visākhapuṇṇamāya vijitasenāya aggamahesiyā dinnaṃ pāyāsaṃ paribhuñjitvā tattheva uyyāne divāvihāraṃ katvā sudassanuyyānapālena dinnā aṭṭha tiṇamuṭṭhiyo gahetvā mahāsoṇabodhiṃ padakkhiṇaṃ katvā aṭṭhapaṇṇāsahatthavitthataṃ tiṇasantharaṃ santharitvā nisīditvā mārabalaṃ vidhamitvā tīsu yāmesu tisso vijjā uppādetvā sabbaññutaññāṇaṃ paṭivijjhitvā – ‘‘anekajātisaṃsāraṃ…pe… taṇhānaṃ khayamajjhagā’’ti udānaṃ udānetvā sattasattāhāni vītināmetvā brahmuno yācito paṭiññaṃ datvā dhanañjayuyyāne attanā saha pabbajitehi satasahassabhikkhūhi parivuto tattha dhammacakkaṃ pavattesi. Tadā koṭisatasahassānaṃ dhammābhisamayo ahosi. Tena vuttaṃ –
๑.
1.
‘‘ปทุมสฺส อปเรน, สมฺพุโทฺธ ทฺวิปทุตฺตโม;
‘‘Padumassa aparena, sambuddho dvipaduttamo;
นารโท นาม นาเมน, อสโม อปฺปฎิปุคฺคโลฯ
Nārado nāma nāmena, asamo appaṭipuggalo.
๒.
2.
‘‘โส พุโทฺธ จกฺกวตฺติสฺส, เชโฎฺฐ ทยิตโอรโส;
‘‘So buddho cakkavattissa, jeṭṭho dayitaoraso;
อามุกฺกมาลาภรโณ, อุยฺยานํ อุปสงฺกมิฯ
Āmukkamālābharaṇo, uyyānaṃ upasaṅkami.
๓.
3.
‘‘ตตฺถาสิ รุโกฺข ยสวิปุโล, อภิรูโป พฺรหฺมา สุจิ;
‘‘Tatthāsi rukkho yasavipulo, abhirūpo brahmā suci;
ตมชฺฌปฺปตฺวา อุปนิสีทิ, มหาโสณสฺส เหฎฺฐโตฯ
Tamajjhappatvā upanisīdi, mahāsoṇassa heṭṭhato.
๔.
4.
‘‘ตตฺถ ญาณวรุปฺปชฺชิ, อนนฺตํ วชิรูปมํ;
‘‘Tattha ñāṇavaruppajji, anantaṃ vajirūpamaṃ;
เตน วิจินิ สงฺขาเร, อุกฺกุชฺชมวกุชฺชกํฯ
Tena vicini saṅkhāre, ukkujjamavakujjakaṃ.
๕.
5.
‘‘ตตฺถ สพฺพกิเลสานิ, อเสสมภิวาหยิ;
‘‘Tattha sabbakilesāni, asesamabhivāhayi;
ปาปุณี เกวลํ โพธิํ, พุทฺธญาเณ จ จุทฺทสฯ
Pāpuṇī kevalaṃ bodhiṃ, buddhañāṇe ca cuddasa.
๖.
6.
‘‘ปาปุณิตฺวาน สโมฺพธิํ, ธมฺมจกฺกํ ปวตฺตยิ;
‘‘Pāpuṇitvāna sambodhiṃ, dhammacakkaṃ pavattayi;
โกฎิสตสหสฺสานํ, ปฐมาภิสมโย อหู’’ติฯ
Koṭisatasahassānaṃ, paṭhamābhisamayo ahū’’ti.
ตตฺถ จกฺกวตฺติสฺสาติ จกฺกวตฺติรโญฺญฯ เชโฎฺฐติ ปุพฺพโชฯ ทยิตโอรโสติ ทยิโต ปิโย โอรโส ปุโตฺต, ทยิโต โอรสิ คเหตฺวา ลาลิโต ปุโตฺต ทยิตโอรโส นามฯ อามุกฺกมาลาภรโณติ อามุกฺกมุตฺตาหารเกยูรกฎกมกุฎกุณฺฑลมาโลฯ อุยฺยานนฺติ พหินคเร ธนญฺชยุยฺยานํ นามารามํ อคมาสิฯ
Tattha cakkavattissāti cakkavattirañño. Jeṭṭhoti pubbajo. Dayitaorasoti dayito piyo oraso putto, dayito orasi gahetvā lālito putto dayitaoraso nāma. Āmukkamālābharaṇoti āmukkamuttāhārakeyūrakaṭakamakuṭakuṇḍalamālo. Uyyānanti bahinagare dhanañjayuyyānaṃ nāmārāmaṃ agamāsi.
ตตฺถาสิ รุโกฺขติ ตสฺมิํ อุยฺยาเน เอโก กิร รุโกฺข รตฺตโสโณ นาม อโหสิฯ โส กิร นวุติหตฺถุเพฺพโธ สมวฎฺฎกฺขโนฺธ สมฺปนฺนวิวิธวิฎปสาโข นีลพหลวิปุลปลาโส สนฺทจฺฉาโย เทวตาธิวุฎฺฐตฺตา วิคตวิวิธวิหคคณสญฺจาโร ธรณีตลติลกภูโต ตรุรชฺชํ วิย กุรุมาโน ปรมรมณียทสฺสโน รตฺตกุสุมสมลงฺกตสพฺพสาโข เทวมนุสฺสนยนรสายนภูโต อโหสิฯ ยสวิปุโลติ วิปุลยโส, สพฺพโลกวิขฺยาโต อตฺตโน สมฺปตฺติยา สพฺพตฺถ ปากโฎ วิสฺสุโตติ อโตฺถฯ เกจิ ‘‘ตตฺถาสิ รุโกฺข วิปุโล’’ติ ปฐนฺติฯ พฺรหาติ มหโนฺต, เทวานํ ปาริจฺฉตฺตกสทิโสติ อโตฺถฯ ตมชฺฌปฺปตฺวาติ ตํ โสณรุกฺขํ ปตฺวา อธิปตฺวา อุปคมฺมาติ อโตฺถฯ เหฎฺฐโตติ ตสฺส รุกฺขสฺส เหฎฺฐาฯ
Tatthāsi rukkhoti tasmiṃ uyyāne eko kira rukkho rattasoṇo nāma ahosi. So kira navutihatthubbedho samavaṭṭakkhandho sampannavividhaviṭapasākho nīlabahalavipulapalāso sandacchāyo devatādhivuṭṭhattā vigatavividhavihagagaṇasañcāro dharaṇītalatilakabhūto tarurajjaṃ viya kurumāno paramaramaṇīyadassano rattakusumasamalaṅkatasabbasākho devamanussanayanarasāyanabhūto ahosi. Yasavipuloti vipulayaso, sabbalokavikhyāto attano sampattiyā sabbattha pākaṭo vissutoti attho. Keci ‘‘tatthāsi rukkho vipulo’’ti paṭhanti. Brahāti mahanto, devānaṃ pāricchattakasadisoti attho. Tamajjhappatvāti taṃ soṇarukkhaṃ patvā adhipatvā upagammāti attho. Heṭṭhatoti tassa rukkhassa heṭṭhā.
ญาณวรุปฺปชฺชีติ ญาณวรํ อุทปาทิฯ อนนฺตนฺติ อปฺปเมยฺยํ อปฺปมาณํฯ วชิรูปมนฺติ วชิรสทิสํ ติขิณํ, อนิจฺจานุปสฺสนาทิกสฺส วิปสฺสนาญาณเสฺสตํ อธิวจนํฯ เตน วิจินิ สงฺขาเรติ เตน วิปสฺสนาญาเณน รูปาทิเก สงฺขาเร วิจินิฯ อุกฺกุชฺชมวกุชฺชกนฺติ สงฺขารานํ อุทยญฺจ วยญฺจ วิจินีติ อโตฺถฯ ตสฺมา ปจฺจยาการํ สมฺมสิตฺวา อานาปานจตุตฺถชฺฌานโต วุฎฺฐาย ปญฺจสุ ขเนฺธสุ อภินิวิสิตฺวา อุทยพฺพยวเสน สมปญฺญาส ลกฺขณานิ ทิสฺวา ยาว โคตฺรภุญาณํ วิปสฺสนํ วเฑฺฒตฺวา อริยมคฺคานุกฺกเมน สกเล พุทฺธคุเณ ปฎิลภีติ อโตฺถฯ
Ñāṇavaruppajjīti ñāṇavaraṃ udapādi. Anantanti appameyyaṃ appamāṇaṃ. Vajirūpamanti vajirasadisaṃ tikhiṇaṃ, aniccānupassanādikassa vipassanāñāṇassetaṃ adhivacanaṃ. Tena vicini saṅkhāreti tena vipassanāñāṇena rūpādike saṅkhāre vicini. Ukkujjamavakujjakanti saṅkhārānaṃ udayañca vayañca vicinīti attho. Tasmā paccayākāraṃ sammasitvā ānāpānacatutthajjhānato vuṭṭhāya pañcasu khandhesu abhinivisitvā udayabbayavasena samapaññāsa lakkhaṇāni disvā yāva gotrabhuñāṇaṃ vipassanaṃ vaḍḍhetvā ariyamaggānukkamena sakale buddhaguṇe paṭilabhīti attho.
ตตฺถาติ โสณรุเกฺขฯ สพฺพกิเลสานีติ สเพฺพปิ กิเลเส, ลิงฺควิปริยาสํ กตฺวา วุตฺตํฯ เกจิ ‘‘ตตฺถ สพฺพกิเลเสหี’’ติ ปฐนฺติฯ อเสสนฺติ นิรวเสสํฯ อภิวาหยีติ มโคฺคธินา จ กิเลโสธินา จ สเพฺพ กิเลเส อภิวาหยิ, วินาสมุปเนสีติ อโตฺถฯ โพธีติ อรหตฺตมคฺคญาณํฯ พุทฺธญาเณ จ จุทฺทสาติ พุทฺธญาณานิ จุทฺทสฯ ตานิ กตมานีติ? มคฺคผลญาณานิ อฎฺฐ, ฉ อสาธารณญาณานีติ เอวมิมานิ จุทฺทส พุทฺธญาณานิ นาม, จ-สโทฺท สมฺปิณฺฑนโตฺถ, เตน อปรานิปิ จตโสฺส ปฎิสมฺภิทาญาณานิ จตุเวสารชฺชญาณานิ จตุโยนิปริเจฺฉทกญาณานิ ปญฺจคติปริเจฺฉทกญาณานิ ทสพลญาณานิ สกเล จ พุทฺธคุเณ ปาปุณีติ อโตฺถฯ
Tatthāti soṇarukkhe. Sabbakilesānīti sabbepi kilese, liṅgavipariyāsaṃ katvā vuttaṃ. Keci ‘‘tattha sabbakilesehī’’ti paṭhanti. Asesanti niravasesaṃ. Abhivāhayīti maggodhinā ca kilesodhinā ca sabbe kilese abhivāhayi, vināsamupanesīti attho. Bodhīti arahattamaggañāṇaṃ. Buddhañāṇe ca cuddasāti buddhañāṇāni cuddasa. Tāni katamānīti? Maggaphalañāṇāni aṭṭha, cha asādhāraṇañāṇānīti evamimāni cuddasa buddhañāṇāni nāma, ca-saddo sampiṇḍanattho, tena aparānipi catasso paṭisambhidāñāṇāni catuvesārajjañāṇāni catuyoniparicchedakañāṇāni pañcagatiparicchedakañāṇāni dasabalañāṇāni sakale ca buddhaguṇe pāpuṇīti attho.
เอวํ พุทฺธตฺตํ ปตฺวา พฺรหฺมายาจนํ อธิวาเสตฺวา ธนญฺชยุยฺยาเน อตฺตนา สห ปพฺพชิเต สตสหสฺสภิกฺขู สมฺมุเข กตฺวา ธมฺมจกฺกํ ปวเตฺตสิฯ ตทา โกฎิสตสหสฺสสฺส ปฐมาภิสมโย อโหสิฯ ตทา กิร มหาโทณนคเร โทโณ นาม นาคราชา คงฺคาตีเร ปฎิวสติ มหิทฺธิโก มหานุภาโว มหาชเนน สกฺกโต ครุกโต มานิโต ปูชิโตฯ โส ยสฺมิํ วิสเย ชนปทวาสิโน มนุสฺสา ตสฺส พลิกมฺมํ น กโรนฺติ, เตสํ วิสยํ อวเสฺสน วา อติวเสฺสน วา สกฺขรวเสฺสน วา วินาเสติฯ
Evaṃ buddhattaṃ patvā brahmāyācanaṃ adhivāsetvā dhanañjayuyyāne attanā saha pabbajite satasahassabhikkhū sammukhe katvā dhammacakkaṃ pavattesi. Tadā koṭisatasahassassa paṭhamābhisamayo ahosi. Tadā kira mahādoṇanagare doṇo nāma nāgarājā gaṅgātīre paṭivasati mahiddhiko mahānubhāvo mahājanena sakkato garukato mānito pūjito. So yasmiṃ visaye janapadavāsino manussā tassa balikammaṃ na karonti, tesaṃ visayaṃ avassena vā ativassena vā sakkharavassena vā vināseti.
อถ ตีรทสฺสโน นารโท สตฺถา โทณสฺส นาคราชสฺส วินยเน พหูนํ ปาณีนํ อุปนิสฺสยํ ทิสฺวา มหตา ภิกฺขุสเงฺฆน ปริวาริโต ตสฺส นาคราชสฺส นิวาสฎฺฐานมคมาสิฯ ตโต ตํ มนุสฺสา ทิสฺวา เอวมาหํสุ – ‘‘ภควา, เอตฺถ โฆรวิโส อุคฺคเตโช มหิทฺธิโก มหานุภาโว นาคราชา ปฎิวสติ, โส ตํ มา วิเหเฐสฺสติ น คนฺตพฺพ’’นฺติฯ ภควา ปน เตสํ วจนํ อสุณโนฺต วิย อคมาสิฯ คนฺตฺวา จ ตตฺถสฺส นาคราชสฺส สกฺการตฺถาย กเต ปรมสุรภิคเนฺธ ปุปฺผสนฺถเร นิสีทิฯ มหาชโน กิร ‘‘นารทสฺส จ มุนิราชสฺส โทณสฺส จ นาคราชสฺส ทฺวินฺนมฺปิ ยุทฺธํ ปสฺสิสฺสามา’’ติ สนฺนิปติฯ
Atha tīradassano nārado satthā doṇassa nāgarājassa vinayane bahūnaṃ pāṇīnaṃ upanissayaṃ disvā mahatā bhikkhusaṅghena parivārito tassa nāgarājassa nivāsaṭṭhānamagamāsi. Tato taṃ manussā disvā evamāhaṃsu – ‘‘bhagavā, ettha ghoraviso uggatejo mahiddhiko mahānubhāvo nāgarājā paṭivasati, so taṃ mā viheṭhessati na gantabba’’nti. Bhagavā pana tesaṃ vacanaṃ asuṇanto viya agamāsi. Gantvā ca tatthassa nāgarājassa sakkāratthāya kate paramasurabhigandhe pupphasanthare nisīdi. Mahājano kira ‘‘nāradassa ca munirājassa doṇassa ca nāgarājassa dvinnampi yuddhaṃ passissāmā’’ti sannipati.
อถ อหินาโค มุนินาคํ ตถา นิสินฺนํ ทิสฺวา มกฺขํ อสหมาโน สนฺทิสฺสมานกาโย หุตฺวา ปธูปายิฯ ทสพโลปิ ปธูปายิฯ ปุน นาคราชา ปชฺชลิ ฯ มุนิราชาปิ ปชฺชลิฯ อถ โส นาคราชา ทสพลสฺส สรีรโต นิกฺขนฺตาหิ ธูมชาลาหิ อติวิย กิลนฺตสรีโร ทุกฺขํ อสหมาโน ‘‘วิสเวเคน นํ มาเรสฺสามี’’ติ วิสํ วิสฺสเชฺชสิฯ วิสสฺส เวเคน สกโลปิ ชมฺพุทีโป วินเสฺสยฺยฯ ตํ ปน วิสํ ทสพลสฺส สรีเร เอกโลมมฺปิ กเมฺปตุํ นาสกฺขิฯ อถ โส นาคราชา – ‘‘กา นุ โข สมณสฺส ปวตฺตี’’ติ โอโลเกโนฺต สรทสมเย สูริยํ วิย จนฺทํ วิย จ ปริปุณฺณํ ฉพฺพณฺณาหิ พุทฺธรสฺมีหิ วิโรจมานํ วิปฺปสนฺนวทนโสภํ ภควนฺตํ ทิสฺวา – ‘‘อโห! มหิทฺธิโก วตายํ สมโณ, มยา ปน อตฺตโน พลํ อชานเนฺตน อปรทฺธ’’นฺติ จิเนฺตตฺวา ตาณํ คเวสี ภควนฺตํเยว สรณมุปคญฺฉิฯ อถ นารโท มุนิราชา ตํ นาคราชํ วิเนตฺวา ตตฺถ สนฺนิปติตสฺส มหาชนสฺส จิตฺตปฺปสาทนตฺถํ ยมกปาฎิหาริยํ อกาสิฯ ตทา ปาณีนํ นวุติโกฎิสหสฺสานิ อรหเตฺต ปติฎฺฐหิํสุฯ โส ทุติโย อภิสมโย อโหสิฯ เตน วุตฺตํ –
Atha ahināgo munināgaṃ tathā nisinnaṃ disvā makkhaṃ asahamāno sandissamānakāyo hutvā padhūpāyi. Dasabalopi padhūpāyi. Puna nāgarājā pajjali . Munirājāpi pajjali. Atha so nāgarājā dasabalassa sarīrato nikkhantāhi dhūmajālāhi ativiya kilantasarīro dukkhaṃ asahamāno ‘‘visavegena naṃ māressāmī’’ti visaṃ vissajjesi. Visassa vegena sakalopi jambudīpo vinasseyya. Taṃ pana visaṃ dasabalassa sarīre ekalomampi kampetuṃ nāsakkhi. Atha so nāgarājā – ‘‘kā nu kho samaṇassa pavattī’’ti olokento saradasamaye sūriyaṃ viya candaṃ viya ca paripuṇṇaṃ chabbaṇṇāhi buddharasmīhi virocamānaṃ vippasannavadanasobhaṃ bhagavantaṃ disvā – ‘‘aho! Mahiddhiko vatāyaṃ samaṇo, mayā pana attano balaṃ ajānantena aparaddha’’nti cintetvā tāṇaṃ gavesī bhagavantaṃyeva saraṇamupagañchi. Atha nārado munirājā taṃ nāgarājaṃ vinetvā tattha sannipatitassa mahājanassa cittappasādanatthaṃ yamakapāṭihāriyaṃ akāsi. Tadā pāṇīnaṃ navutikoṭisahassāni arahatte patiṭṭhahiṃsu. So dutiyo abhisamayo ahosi. Tena vuttaṃ –
๗.
7.
‘‘มหาโทณํ นาคราชํ, วินยโนฺต มหามุนิ;
‘‘Mahādoṇaṃ nāgarājaṃ, vinayanto mahāmuni;
ปาฎิเหรํ ตทากาสิ, ทสฺสยโนฺต สเทวเกฯ
Pāṭiheraṃ tadākāsi, dassayanto sadevake.
๘.
8.
‘‘ตทา เทวมนุสฺสานํ, ตมฺหิ ธมฺมปฺปกาสเน;
‘‘Tadā devamanussānaṃ, tamhi dhammappakāsane;
นวุติโกฎิสหสฺสานิ, ตริํสุ สพฺพสํสย’’นฺติฯ
Navutikoṭisahassāni, tariṃsu sabbasaṃsaya’’nti.
ตตฺถ ปาฎิเหรํ ตทากาสีติ อกาสิ ยมกปาฎิหาริยนฺติ อโตฺถฯ อยเมว วา ปาโฐฯ ‘‘ตทา เทวมนุสฺสา วา’’ติปิ ปาโฐฯ ตตฺถ เทวมนุสฺสานนฺติ สามิอเตฺถ ปจฺจตฺตํฯ ตสฺมา เทวานํ มนุสฺสานญฺจ นวุติโกฎิสหสฺสานีติ อโตฺถฯ ตริํสูติ อติกฺกมิํสุฯ
Tattha pāṭiheraṃ tadākāsīti akāsi yamakapāṭihāriyanti attho. Ayameva vā pāṭho. ‘‘Tadā devamanussā vā’’tipi pāṭho. Tattha devamanussānanti sāmiatthe paccattaṃ. Tasmā devānaṃ manussānañca navutikoṭisahassānīti attho. Tariṃsūti atikkamiṃsu.
ยทา ปน อตฺตโน ปุตฺตํ นนฺทุตฺตรกุมารํ โอวทิ, ตทา อสีติยา โกฎิสหสฺสานํ ตติยาภิสมโย อโหสิฯ เตน วุตฺตํ –
Yadā pana attano puttaṃ nanduttarakumāraṃ ovadi, tadā asītiyā koṭisahassānaṃ tatiyābhisamayo ahosi. Tena vuttaṃ –
๙.
9.
‘‘ยมฺหิ กาเล มหาวีโร, โอวที สกมตฺรชํ;
‘‘Yamhi kāle mahāvīro, ovadī sakamatrajaṃ;
อสีติโกฎิสหสฺสานํ, ตติยาภิสมโย อหู’’ติฯ
Asītikoṭisahassānaṃ, tatiyābhisamayo ahū’’ti.
ยทา ปน ถุลฺลโกฎฺฐิตนคเร ภทฺทสาโล จ วิชิตมิโตฺต จ เทฺว พฺราหฺมณสหายกา อมตรหทํ คเวสมานา ปริสติ นิสินฺนํ อติวิสารทํ นารทสมฺมาสมฺพุทฺธํ อทฺทสํสุฯ เต ภควโต กาเย ทฺวตฺติํสมหาปุริสลกฺขณานิ ทิสฺวา – ‘‘อยํ โลเก วิวฎจฺฉโท สมฺมาสมฺพุโทฺธ’’ติ นิฎฺฐํ คนฺตฺวา ภควติ สญฺชาตสทฺธา สปริวารา ภควโต สนฺติเก ปพฺพชิํสุฯ เตสุ ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ ปเตฺตสุ ภควา ภิกฺขูนํ โกฎิสตสหสฺสมเชฺฌ ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิ, โส ปฐโม สนฺนิปาโต อโหสิฯ เตน วุตฺตํ –
Yadā pana thullakoṭṭhitanagare bhaddasālo ca vijitamitto ca dve brāhmaṇasahāyakā amatarahadaṃ gavesamānā parisati nisinnaṃ ativisāradaṃ nāradasammāsambuddhaṃ addasaṃsu. Te bhagavato kāye dvattiṃsamahāpurisalakkhaṇāni disvā – ‘‘ayaṃ loke vivaṭacchado sammāsambuddho’’ti niṭṭhaṃ gantvā bhagavati sañjātasaddhā saparivārā bhagavato santike pabbajiṃsu. Tesu pabbajitvā arahattaṃ pattesu bhagavā bhikkhūnaṃ koṭisatasahassamajjhe pātimokkhaṃ uddisi, so paṭhamo sannipāto ahosi. Tena vuttaṃ –
๑๐.
10.
‘‘สนฺนิปาตา ตโย อาสุํ, นารทสฺส มเหสิโน;
‘‘Sannipātā tayo āsuṃ, nāradassa mahesino;
โกฎิสตสหสฺสานํ, ปฐโม อาสิ สมาคโม’’ติฯ
Koṭisatasahassānaṃ, paṭhamo āsi samāgamo’’ti.
ยสฺมิํ สมเย นารโท สมฺมาสมฺพุโทฺธ ญาติสมาคเม อตฺตโน ปณิธานโต ปฎฺฐาย พุทฺธวํสํ กเถสิ, ตทา นวุติโกฎิภิกฺขุสหสฺสานํ ทุติโย สนฺนิปาโต อโหสิฯ เตน วุตฺตํ –
Yasmiṃ samaye nārado sammāsambuddho ñātisamāgame attano paṇidhānato paṭṭhāya buddhavaṃsaṃ kathesi, tadā navutikoṭibhikkhusahassānaṃ dutiyo sannipāto ahosi. Tena vuttaṃ –
๑๑.
11.
‘‘ยทา พุโทฺธ พุทฺธคุณํ, สนิทานํ ปกาสยิ;
‘‘Yadā buddho buddhaguṇaṃ, sanidānaṃ pakāsayi;
นวุติโกฎิสหสฺสานิ, สมิํสุ วิมลา ตทา’’ติฯ
Navutikoṭisahassāni, samiṃsu vimalā tadā’’ti.
ตตฺถ วิมลาติ วิคตมลา, ขีณาสวาติ อโตฺถฯ
Tattha vimalāti vigatamalā, khīṇāsavāti attho.
ยทา ปน มหาโทณนาคราชสฺส วินยเน ปสโนฺน เวโรจโน นาม นาคราชา คงฺคาย นทิยา ติคาวุตปฺปมาณํ สตฺตรตนมยํ มณฺฑปํ นิมฺมินิตฺวา สปริวารํ ภควนฺตํ ตตฺถ นิสีทาเปตฺวา สปริวาโร สชนปเท อตฺตโน ทานคฺคทสฺสนตฺถาย นิมเนฺตตฺวา นาคนาฎกานิ จ ตาฬาวจเร วิวิธเวสาลงฺการธเร สนฺนิปาเตตฺวา มหาสกฺกาเรน ภควโต สปริวารสฺส มหาทานํ อทาสิฯ โภชนาวสาเน ภควา มหาคงฺคํ โอตาเรโนฺต วิย อนุโมทนมกาสิฯ ตทา ภตฺตานุโมทเน ธมฺมํ สุตฺวา ปสนฺนานํ เอหิภิกฺขุปพฺพชฺชาย ปพฺพชิตานํ อสีติภิกฺขุสตสหสฺสานํ มเชฺฌ ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิ, โส ตติโย สนฺนิปาโต อโหสิฯ เตน วุตฺตํ –
Yadā pana mahādoṇanāgarājassa vinayane pasanno verocano nāma nāgarājā gaṅgāya nadiyā tigāvutappamāṇaṃ sattaratanamayaṃ maṇḍapaṃ nimminitvā saparivāraṃ bhagavantaṃ tattha nisīdāpetvā saparivāro sajanapade attano dānaggadassanatthāya nimantetvā nāganāṭakāni ca tāḷāvacare vividhavesālaṅkāradhare sannipātetvā mahāsakkārena bhagavato saparivārassa mahādānaṃ adāsi. Bhojanāvasāne bhagavā mahāgaṅgaṃ otārento viya anumodanamakāsi. Tadā bhattānumodane dhammaṃ sutvā pasannānaṃ ehibhikkhupabbajjāya pabbajitānaṃ asītibhikkhusatasahassānaṃ majjhe pātimokkhaṃ uddisi, so tatiyo sannipāto ahosi. Tena vuttaṃ –
๑๒.
12.
‘‘ยทา เวโรจโน นาโค, ทานํ ททาติ สตฺถุโน;
‘‘Yadā verocano nāgo, dānaṃ dadāti satthuno;
ตทา สมิํสุ ชินปุตฺตา, อสีติสตสหสฺสิโย’’ติฯ
Tadā samiṃsu jinaputtā, asītisatasahassiyo’’ti.
ตตฺถ อสีติสตสหสฺสิโยติ สตสหสฺสานํ อสีติโยฯ
Tattha asītisatasahassiyoti satasahassānaṃ asītiyo.
ตทา อมฺหากํ โพธิสโตฺต อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา หิมวนฺตปเสฺส อสฺสมํ มาเปตฺวา ปญฺจสุ อภิญฺญาสุ อฎฺฐสุ สมาปตฺตีสุ จ จิณฺณวสี หุตฺวา ปฎิวสติฯ อถ ตสฺมิํ อนุกมฺปาย นารโท ภควา อสีติยา อรหนฺตโกฎีหิ ทสหิ จ อนาคามิผลเฎฺฐหิ อุปาสกสหเสฺสหิ ปริวุโต ตํ อสฺสมปทํ อคมาสิฯ ตาปโส ภควนฺตํ ทิสฺวาว ปมุทิตหทโย สปริวารสฺส ภควโต นิวาสตฺถาย อสฺสมํ มาเปตฺวา สกลรตฺติํ สตฺถุคุณํ กิเตฺตตฺวา ภควโต ธมฺมกถํ สุตฺวา ปุนทิวเส อุตฺตรกุรุํ คนฺตฺวา ตโต อาหารํ อาหริตฺวา สปริวารสฺส พุทฺธสฺส มหาทานํ อทาสิฯ เอวํ สตฺตาหํ มหาทานํ ทตฺวา หิมวนฺตโต อนคฺฆํ โลหิตจนฺทนํ อาหริตฺวา เตน โลหิตจนฺทเนน ภควนฺตํ ปูเชสิฯ ตทา นํ ทสพโล อมรนรปริวุโต ธมฺมกถํ กเถตฺวา – ‘‘อนาคเต โคตโม นาม พุโทฺธ ภวิสฺสตี’’ติ พฺยากาสิฯ เตน วุตฺตํ –
Tadā amhākaṃ bodhisatto isipabbajjaṃ pabbajitvā himavantapasse assamaṃ māpetvā pañcasu abhiññāsu aṭṭhasu samāpattīsu ca ciṇṇavasī hutvā paṭivasati. Atha tasmiṃ anukampāya nārado bhagavā asītiyā arahantakoṭīhi dasahi ca anāgāmiphalaṭṭhehi upāsakasahassehi parivuto taṃ assamapadaṃ agamāsi. Tāpaso bhagavantaṃ disvāva pamuditahadayo saparivārassa bhagavato nivāsatthāya assamaṃ māpetvā sakalarattiṃ satthuguṇaṃ kittetvā bhagavato dhammakathaṃ sutvā punadivase uttarakuruṃ gantvā tato āhāraṃ āharitvā saparivārassa buddhassa mahādānaṃ adāsi. Evaṃ sattāhaṃ mahādānaṃ datvā himavantato anagghaṃ lohitacandanaṃ āharitvā tena lohitacandanena bhagavantaṃ pūjesi. Tadā naṃ dasabalo amaranaraparivuto dhammakathaṃ kathetvā – ‘‘anāgate gotamo nāma buddho bhavissatī’’ti byākāsi. Tena vuttaṃ –
๑๓.
13.
‘‘อหํ เตน สมเยน, ชฎิโล อุคฺคตาปโน;
‘‘Ahaṃ tena samayena, jaṭilo uggatāpano;
อนฺตลิกฺขจโร อาสิํ, ปญฺจาภิญฺญาสุ ปารคูฯ
Antalikkhacaro āsiṃ, pañcābhiññāsu pāragū.
๑๔.
14.
‘‘ตทาปาหํ อสมสมํ, สสงฺฆํ สปริชฺชนํ;
‘‘Tadāpāhaṃ asamasamaṃ, sasaṅghaṃ saparijjanaṃ;
อนฺนปาเนน ตเปฺปตฺวา, จนฺทเนนาภิปูชยิํฯ
Annapānena tappetvā, candanenābhipūjayiṃ.
๑๕.
15.
‘‘โสปิ มํ ตทา พฺยากาสิ, นารโท โลกนายโก;
‘‘Sopi maṃ tadā byākāsi, nārado lokanāyako;
อปริเมยฺยิโต กเปฺป, พุโทฺธ โลเก ภวิสฺสติฯ
Aparimeyyito kappe, buddho loke bhavissati.
๑๖.
16.
‘‘ปธานํ ปทหิตฺวาน…เป.… เหสฺสาม สมฺมุขา อิมํฯ
‘‘Padhānaṃ padahitvāna…pe… hessāma sammukhā imaṃ.
๑๗.
17.
‘‘ตสฺสาปิ วจนํ สุตฺวา, ภิโยฺย หาเสตฺว มานสํ;
‘‘Tassāpi vacanaṃ sutvā, bhiyyo hāsetva mānasaṃ;
อธิฎฺฐหิํ วตํ อุคฺคํ, ทสปารมิปูริยา’’ติฯ
Adhiṭṭhahiṃ vataṃ uggaṃ, dasapāramipūriyā’’ti.
ตตฺถ ตทาปาหนฺติ ตทาปิ อหํฯ อสมสมนฺติ อสมา นาม อตีตา พุทฺธา, เตหิ อสเมหิ สมํ ตุลฺยํ อสมสมํฯ อถ วา อสมา วิสมา, สมา อวิสมา สาธโว, เตสุ อสมสเมสุ สโม ‘‘อสมสมสโม’’ติ วตฺตเพฺพ เอกสฺส สมสทฺทสฺส โลปํ กตฺวา วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ, อสมาวิสมสมนฺติ อโตฺถฯ สปริชฺชนนฺติ สอุปาสกชนํฯ ‘‘โสปิ มํ ตทา นรมรูนํ, มเชฺฌ พฺยากาสิ จกฺขุมา’’ติปิ ปาโฐ , โส อุตฺตานโตฺถวฯ ภิโยฺย หาเสตฺว มานสนฺติ อุตฺตริมฺปิ หาเสตฺวา โตเสตฺวา หทยํฯ อธิฎฺฐหิํ วตํ อุคฺคนฺติ อุคฺคํ วตํ อธิฎฺฐาสิํฯ ‘‘อุตฺตริํ วตมธิฎฺฐาสิํ, ทสปารมิปูริยา’’ติปิ ปาโฐฯ
Tattha tadāpāhanti tadāpi ahaṃ. Asamasamanti asamā nāma atītā buddhā, tehi asamehi samaṃ tulyaṃ asamasamaṃ. Atha vā asamā visamā, samā avisamā sādhavo, tesu asamasamesu samo ‘‘asamasamasamo’’ti vattabbe ekassa samasaddassa lopaṃ katvā vuttanti veditabbaṃ, asamāvisamasamanti attho. Saparijjananti saupāsakajanaṃ. ‘‘Sopi maṃ tadā naramarūnaṃ, majjhe byākāsi cakkhumā’’tipi pāṭho , so uttānatthova. Bhiyyo hāsetva mānasanti uttarimpi hāsetvā tosetvā hadayaṃ. Adhiṭṭhahiṃ vataṃ ugganti uggaṃ vataṃ adhiṭṭhāsiṃ. ‘‘Uttariṃ vatamadhiṭṭhāsiṃ, dasapāramipūriyā’’tipi pāṭho.
ตสฺส ปน ภควโต นารทสฺส ธญฺญวตี นาม นครํ อโหสิ, สุเทโว นาม ขตฺติโย ปิตา, อโนมา นาม มาตา, ภทฺทสาโล จ ชิตมิโตฺต จ เทฺว อคฺคสาวกา, วาเสโฎฺฐ นาม อุปฎฺฐาโก, อุตฺตรา จ ผคฺคุนี จ เทฺว อคฺคสาวิกา, มหาโสณรุโกฺข โพธิ, สรีรํ อฎฺฐาสีติหตฺถุเพฺพธํ อโหสิฯ ตสฺส สรีรปฺปภา นิจฺจํ โยชนํ ผรติ, นวุติวสฺสสหสฺสานิ อายุ, ตสฺส ปน วิชิตเสนา นาม อคฺคมเหสี, นนฺทุตฺตรกุมาโร นามสฺส ปุโตฺต อโหสิ, วิชิโต วิชิตาวี วิชิตาภิราโมติ ตโย ปาสาทา อเหสุํฯ โส นววสฺสสหสฺสานิ อคารํ อชฺฌาวสิฯ โส ปทสาว มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมีติฯ เตน วุตฺตํ –
Tassa pana bhagavato nāradassa dhaññavatī nāma nagaraṃ ahosi, sudevo nāma khattiyo pitā, anomā nāma mātā, bhaddasālo ca jitamitto ca dve aggasāvakā, vāseṭṭho nāma upaṭṭhāko, uttarā ca phaggunī ca dve aggasāvikā, mahāsoṇarukkho bodhi, sarīraṃ aṭṭhāsītihatthubbedhaṃ ahosi. Tassa sarīrappabhā niccaṃ yojanaṃ pharati, navutivassasahassāni āyu, tassa pana vijitasenā nāma aggamahesī, nanduttarakumāro nāmassa putto ahosi, vijito vijitāvī vijitābhirāmoti tayo pāsādā ahesuṃ. So navavassasahassāni agāraṃ ajjhāvasi. So padasāva mahābhinikkhamanaṃ nikkhamīti. Tena vuttaṃ –
๑๘.
18.
‘‘นครํ ธญฺญวตี นาม, สุเทโว นาม ขตฺติโย;
‘‘Nagaraṃ dhaññavatī nāma, sudevo nāma khattiyo;
อโนมา นาม ชนิกา, นารทสฺส มเหสิโนฯ
Anomā nāma janikā, nāradassa mahesino.
๒๓.
23.
‘‘ภทฺทสาโล ชิตมิโตฺต, อเหสุํ อคฺคสาวกา;
‘‘Bhaddasālo jitamitto, ahesuṃ aggasāvakā;
วาเสโฎฺฐ นามุปฎฺฐาโก, นารทสฺส มเหสิโนฯ
Vāseṭṭho nāmupaṭṭhāko, nāradassa mahesino.
๒๔.
24.
‘‘อุตฺตรา ผคฺคุนี เจว, อเหสุํ อคฺคสาวิกา;
‘‘Uttarā phaggunī ceva, ahesuṃ aggasāvikā;
โพธิ ตสฺส ภควโต, มหาโสโณติ วุจฺจติฯ
Bodhi tassa bhagavato, mahāsoṇoti vuccati.
๒๖.
26.
‘‘อฎฺฐาสีติรตนานิ, อจฺจุคฺคโต มหามุนิ;
‘‘Aṭṭhāsītiratanāni, accuggato mahāmuni;
กญฺจนคฺฆิยสงฺกาโส, ทสสหสฺสี วิโรจติฯ
Kañcanagghiyasaṅkāso, dasasahassī virocati.
๒๗.
27.
‘‘ตสฺส พฺยามปฺปภา กายา, นิทฺธาวติ ทิโสทิสํ;
‘‘Tassa byāmappabhā kāyā, niddhāvati disodisaṃ;
นิรนฺตรํ ทิวารตฺติํ, โยชนํ ผรเต สทาฯ
Nirantaraṃ divārattiṃ, yojanaṃ pharate sadā.
๒๘.
28.
‘‘น เกจิ เตน สมเยน, สมนฺตา โยชเน ชนา;
‘‘Na keci tena samayena, samantā yojane janā;
อุกฺกาปทีเป อุชฺชาเลนฺติ, พุทฺธรํสีหิ โอตฺถฎาฯ
Ukkāpadīpe ujjālenti, buddharaṃsīhi otthaṭā.
๒๙.
29.
‘‘นวุติวสฺสสหสฺสานิ, อายุ วิชฺชติ ตาวเท;
‘‘Navutivassasahassāni, āyu vijjati tāvade;
ตาวตา ติฎฺฐมาโน โส, ตาเรสิ ชนตํ พหุํฯ
Tāvatā tiṭṭhamāno so, tāresi janataṃ bahuṃ.
๓๐.
30.
‘‘ยถา อุฬูหิ คคนํ, วิจิตฺตํ อุปโสภติ;
‘‘Yathā uḷūhi gaganaṃ, vicittaṃ upasobhati;
ตเถว สาสนํ ตสฺส, อรหเนฺตหิ โสภติฯ
Tatheva sāsanaṃ tassa, arahantehi sobhati.
๓๑.
31.
‘‘สํสารโสตํ ตรณาย, เสสเก ปฎิปนฺนเก;
‘‘Saṃsārasotaṃ taraṇāya, sesake paṭipannake;
ธมฺมเสตุํ ทฬฺหํ กตฺวา, นิพฺพุโต โส นราสโภฯ
Dhammasetuṃ daḷhaṃ katvā, nibbuto so narāsabho.
๓๒.
32.
‘‘โสปิ พุโทฺธ อสมสโม, เตปิ ขีณาสวา อตุลเตชา;
‘‘Sopi buddho asamasamo, tepi khīṇāsavā atulatejā;
สพฺพํ ตมนฺตรหิตํ, นนุ ริตฺตา สพฺพสงฺขารา’’ติฯ
Sabbaṃ tamantarahitaṃ, nanu rittā sabbasaṅkhārā’’ti.
ตตฺถ กญฺจนคฺฆิยสงฺกาโสติ วิวิธรตนวิจิตฺตกญฺจนมยคฺฆิกสทิสรูปโสโภฯ ทสสหสฺสี วิโรจตีติ ตสฺส ปภาย ทสสหสฺสีปิ โลกธาตุ วิโรจติ, วิราชตีติ อโตฺถฯ ตเมวตฺถํ ปกาเสโนฺต ภควา ‘‘ตสฺส พฺยามปฺปภา กายา, นิทฺธาวติ ทิโสทิส’’นฺติ อาหฯ ตตฺถ พฺยามปฺปภา กายาติ พฺยามปฺปภา วิยาติ พฺยามปฺปภา, อมฺหากํ ภควโต พฺยามปฺปภา วิยาติ อโตฺถฯ
Tattha kañcanagghiyasaṅkāsoti vividharatanavicittakañcanamayagghikasadisarūpasobho. Dasasahassī virocatīti tassa pabhāya dasasahassīpi lokadhātu virocati, virājatīti attho. Tamevatthaṃ pakāsento bhagavā ‘‘tassa byāmappabhā kāyā, niddhāvati disodisa’’nti āha. Tattha byāmappabhā kāyāti byāmappabhā viyāti byāmappabhā, amhākaṃ bhagavato byāmappabhā viyāti attho.
น เกจีติ เอตฺถ น-กาโร ปฎิเสธโตฺถ, ตสฺส อุชฺชาเลนฺติ-สเทฺทน สมฺพโนฺธ ทฎฺฐโพฺพฯ อุกฺกาติ ทณฺฑทีปิกาฯ อุกฺกา วา ปทีเป วา เกจิปิ ชนา น อุชฺชาเลนฺติ น ปชฺชาเลนฺติฯ กสฺมาติ เจ? พุทฺธสรีรปฺปภาย โอภาสิตตฺตาฯ พุทฺธรํสีหีติ พุทฺธรสฺมีหิฯ โอตฺถฎาติ อธิคตาฯ
Na kecīti ettha na-kāro paṭisedhattho, tassa ujjālenti-saddena sambandho daṭṭhabbo. Ukkāti daṇḍadīpikā. Ukkā vā padīpe vā kecipi janā na ujjālenti na pajjālenti. Kasmāti ce? Buddhasarīrappabhāya obhāsitattā. Buddharaṃsīhīti buddharasmīhi. Otthaṭāti adhigatā.
อุฬูหีติ ตาราหิ, ยถา ตาราหิ คคนตลํ วิจิตฺตํ โสภติ, ตเถว ตสฺส สาสนํ อรหเนฺตหิ วิจิตฺตํ อุปโสภตีติ อโตฺถฯ สํสารโสตํ ตรณายาติ สํสารสาครสฺส ตรณตฺถํฯ เสสเก ปฎิปนฺนเกติ อรหเนฺต ฐเปตฺวา กลฺยาณปุถุชฺชเนหิ สทฺธิํ เสเส เสกฺขปุคฺคเลติ อโตฺถฯ ธมฺมเสตุนฺติ มคฺคเสตุํ, เสสปุคฺคเล สํสารโต ตาเรตุํ ธมฺมเสตุํ ฐเปตฺวา กตสพฺพกิโจฺจ หุตฺวา ปรินิพฺพายีติ อโตฺถฯ เสสํ เหฎฺฐา วุตฺตตฺตา สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวาติฯ
Uḷūhīti tārāhi, yathā tārāhi gaganatalaṃ vicittaṃ sobhati, tatheva tassa sāsanaṃ arahantehi vicittaṃ upasobhatīti attho. Saṃsārasotaṃ taraṇāyāti saṃsārasāgarassa taraṇatthaṃ. Sesake paṭipannaketi arahante ṭhapetvā kalyāṇaputhujjanehi saddhiṃ sese sekkhapuggaleti attho. Dhammasetunti maggasetuṃ, sesapuggale saṃsārato tāretuṃ dhammasetuṃ ṭhapetvā katasabbakicco hutvā parinibbāyīti attho. Sesaṃ heṭṭhā vuttattā sabbattha uttānamevāti.
นารทพุทฺธวํสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Nāradabuddhavaṃsavaṇṇanā niṭṭhitā.
นิฎฺฐิโต นวโม พุทฺธวํโสฯ
Niṭṭhito navamo buddhavaṃso.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / พุทฺธวํสปาฬิ • Buddhavaṃsapāḷi / ๑๑. นารทพุทฺธวํโส • 11. Nāradabuddhavaṃso