Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya |
๑๐. นารทสุตฺตํ
10. Nāradasuttaṃ
๕๐. เอกํ สมยํ อายสฺมา นารโท ปาฎลิปุเตฺต วิหรติ กุกฺกุฎาราเมฯ เตน โข ปน สมเยน มุณฺฑสฺส รโญฺญ ภทฺทา เทวี กาลงฺกตา โหติ ปิยา มนาปาฯ โส ภทฺทาย เทวิยา กาลงฺกตาย ปิยาย มนาปาย เนว นฺหายติ 1 น วิลิมฺปติ น ภตฺตํ ภุญฺชติ น กมฺมนฺตํ ปโยเชติ – รตฺตินฺทิวํ 2 ภทฺทาย เทวิยา สรีเร อโชฺฌมุจฺฉิโตฯ อถ โข มุโณฺฑ ราชา ปิยกํ โกสารกฺขํ 3 อามเนฺตสิ – ‘‘เตน หิ, สมฺม ปิยก , ภทฺทาย เทวิยา สรีรํ อายสาย เตลโทณิยา ปกฺขิปิตฺวา อญฺญิสฺสา อายสาย โทณิยา ปฎิกุชฺชถ, ยถา มยํ ภทฺทาย เทวิยา สรีรํ จิรตรํ ปเสฺสยฺยามา’’ติฯ ‘‘เอวํ, เทวา’’ติ โข ปิยโก โกสารโกฺข มุณฺฑสฺส รโญฺญ ปฎิสฺสุตฺวา ภทฺทาย เทวิยา สรีรํ อายสาย เตลโทณิยา ปกฺขิปิตฺวา อญฺญิสฺสา อายสาย โทณิยา ปฎิกุชฺชิฯ
50. Ekaṃ samayaṃ āyasmā nārado pāṭaliputte viharati kukkuṭārāme. Tena kho pana samayena muṇḍassa rañño bhaddā devī kālaṅkatā hoti piyā manāpā. So bhaddāya deviyā kālaṅkatāya piyāya manāpāya neva nhāyati 4 na vilimpati na bhattaṃ bhuñjati na kammantaṃ payojeti – rattindivaṃ 5 bhaddāya deviyā sarīre ajjhomucchito. Atha kho muṇḍo rājā piyakaṃ kosārakkhaṃ 6 āmantesi – ‘‘tena hi, samma piyaka , bhaddāya deviyā sarīraṃ āyasāya teladoṇiyā pakkhipitvā aññissā āyasāya doṇiyā paṭikujjatha, yathā mayaṃ bhaddāya deviyā sarīraṃ cirataraṃ passeyyāmā’’ti. ‘‘Evaṃ, devā’’ti kho piyako kosārakkho muṇḍassa rañño paṭissutvā bhaddāya deviyā sarīraṃ āyasāya teladoṇiyā pakkhipitvā aññissā āyasāya doṇiyā paṭikujji.
อถ โข ปิยกสฺส โกสารกฺขสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อิมสฺส โข มุณฺฑสฺส รโญฺญ ภทฺทา เทวี กาลงฺกตา ปิยา มนาปาฯ โส ภทฺทาย เทวิยา กาลงฺกตาย ปิยาย มนาปาย เนว นฺหายติ น วิลิมฺปติ น ภตฺตํ ภุญฺชติ น กมฺมนฺตํ ปโยเชติ – รตฺตินฺทิวํ ภทฺทาย เทวิยา สรีเร อโชฺฌมุจฺฉิโตฯ กํ 7 นุ โข มุโณฺฑ ราชา สมณํ วา พฺราหฺมณํ วา ปยิรุปาเสยฺย, ยสฺส ธมฺมํ สุตฺวา โสกสลฺลํ ปชเหยฺยา’’ติ!
Atha kho piyakassa kosārakkhassa etadahosi – ‘‘imassa kho muṇḍassa rañño bhaddā devī kālaṅkatā piyā manāpā. So bhaddāya deviyā kālaṅkatāya piyāya manāpāya neva nhāyati na vilimpati na bhattaṃ bhuñjati na kammantaṃ payojeti – rattindivaṃ bhaddāya deviyā sarīre ajjhomucchito. Kaṃ 8 nu kho muṇḍo rājā samaṇaṃ vā brāhmaṇaṃ vā payirupāseyya, yassa dhammaṃ sutvā sokasallaṃ pajaheyyā’’ti!
อถ โข ปิยกสฺส โกสารกฺขสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อยํ โข อายสฺมา นารโท ปาฎลิปุเตฺต วิหรติ กุกฺกุฎาราเมฯ ตํ โข ปนายสฺมนฺตํ นารทํ เอวํ กลฺยาโณ กิตฺติสโทฺท อพฺภุคฺคโต – ‘ปณฺฑิโต วิยโตฺต 9 เมธาวี พหุสฺสุโต จิตฺตกถี กลฺยาณปฎิภาโน วุโทฺธ เจว 10 อรหา จ’ 11ฯ ยํนูน มุโณฺฑ ราชา อายสฺมนฺตํ นารทํ ปยิรุปาเสยฺย, อเปฺปว นาม มุโณฺฑ ราชา อายสฺมโต นารทสฺส ธมฺมํ สุตฺวา โสกสลฺลํ ปชเหยฺยา’’ติฯ
Atha kho piyakassa kosārakkhassa etadahosi – ‘‘ayaṃ kho āyasmā nārado pāṭaliputte viharati kukkuṭārāme. Taṃ kho panāyasmantaṃ nāradaṃ evaṃ kalyāṇo kittisaddo abbhuggato – ‘paṇḍito viyatto 12 medhāvī bahussuto cittakathī kalyāṇapaṭibhāno vuddho ceva 13 arahā ca’ 14. Yaṃnūna muṇḍo rājā āyasmantaṃ nāradaṃ payirupāseyya, appeva nāma muṇḍo rājā āyasmato nāradassa dhammaṃ sutvā sokasallaṃ pajaheyyā’’ti.
อถ โข ปิยโก โกสารโกฺข เยน มุโณฺฑ ราชา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา มุณฺฑํ ราชานํ เอตทโวจ – ‘‘อยํ โข, เทว, อายสฺมา นารโท ปาฎลิปุเตฺต วิหรติ กุกฺกุฎาราเมฯ ตํ โข ปนายสฺมนฺตํ นารทํ เอวํ กลฺยาโณ กิตฺติสโทฺท อพฺภุคฺคโต – ‘ปณฺฑิโต วิยโตฺต เมธาวี พหุสฺสุโต จิตฺตกถี กลฺยาณปฎิภาโน วุโทฺธ เจว อรหา จ’ 15ฯ ยทิ ปน เทโว อายสฺมนฺตํ นารทํ ปยิรุปาเสยฺย, อเปฺปว นาม เทโว อายสฺมโต นารทสฺส ธมฺมํ สุตฺวา โสกสลฺลํ ปชเหยฺยา’’ติฯ ‘‘เตน หิ, สมฺม ปิยก , อายสฺมนฺตํ นารทํ ปฎิเวเทหิฯ กถญฺหิ นาม มาทิโส สมณํ วา พฺราหฺมณํ วา วิชิเต วสนฺตํ ปุเพฺพ อปฺปฎิสํวิทิโต อุปสงฺกมิตพฺพํ มเญฺญยฺยา’’ติ ! ‘‘เอวํ, เทวา’’ติ โข ปิยโก โกสารโกฺข มุณฺฑสฺส รโญฺญ ปฎิสฺสุตฺวา เยนายสฺมา นารโท เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ นารทํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข ปิยโก โกสารโกฺข อายสฺมนฺตํ นารทํ เอตทโวจ –
Atha kho piyako kosārakkho yena muṇḍo rājā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā muṇḍaṃ rājānaṃ etadavoca – ‘‘ayaṃ kho, deva, āyasmā nārado pāṭaliputte viharati kukkuṭārāme. Taṃ kho panāyasmantaṃ nāradaṃ evaṃ kalyāṇo kittisaddo abbhuggato – ‘paṇḍito viyatto medhāvī bahussuto cittakathī kalyāṇapaṭibhāno vuddho ceva arahā ca’ 16. Yadi pana devo āyasmantaṃ nāradaṃ payirupāseyya, appeva nāma devo āyasmato nāradassa dhammaṃ sutvā sokasallaṃ pajaheyyā’’ti. ‘‘Tena hi, samma piyaka , āyasmantaṃ nāradaṃ paṭivedehi. Kathañhi nāma mādiso samaṇaṃ vā brāhmaṇaṃ vā vijite vasantaṃ pubbe appaṭisaṃvidito upasaṅkamitabbaṃ maññeyyā’’ti ! ‘‘Evaṃ, devā’’ti kho piyako kosārakkho muṇḍassa rañño paṭissutvā yenāyasmā nārado tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā āyasmantaṃ nāradaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho piyako kosārakkho āyasmantaṃ nāradaṃ etadavoca –
‘‘อิมสฺส , ภเนฺต, มุณฺฑสฺส รโญฺญ ภทฺทา เทวี กาลงฺกตา ปิยา มนาปาฯ โส ภทฺทาย เทวิยา กาลงฺกตาย ปิยาย มนาปาย เนว นฺหายติ น วิลิมฺปติ น ภตฺตํ ภุญฺชติ น กมฺมนฺตํ ปโยเชติ – รตฺตินฺทิวํ ภทฺทาย เทวิยา สรีเร อโชฺฌมุจฺฉิโตฯ สาธุ, ภเนฺต, อายสฺมา นารโท มุณฺฑสฺส รโญฺญ ตถา ธมฺมํ เทเสตุ ยถา มุโณฺฑ ราชา อายสฺมโต นารทสฺส ธมฺมํ สุตฺวา โสกสลฺลํ ปชเหยฺยา’’ติฯ ‘‘ยสฺสทานิ, ปิยก, มุโณฺฑ ราชา กาลํ มญฺญตี’’ติฯ
‘‘Imassa , bhante, muṇḍassa rañño bhaddā devī kālaṅkatā piyā manāpā. So bhaddāya deviyā kālaṅkatāya piyāya manāpāya neva nhāyati na vilimpati na bhattaṃ bhuñjati na kammantaṃ payojeti – rattindivaṃ bhaddāya deviyā sarīre ajjhomucchito. Sādhu, bhante, āyasmā nārado muṇḍassa rañño tathā dhammaṃ desetu yathā muṇḍo rājā āyasmato nāradassa dhammaṃ sutvā sokasallaṃ pajaheyyā’’ti. ‘‘Yassadāni, piyaka, muṇḍo rājā kālaṃ maññatī’’ti.
อถ โข ปิยโก โกสารโกฺข อุฎฺฐายาสนา อายสฺมนฺตํ นารทํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา เยน มุโณฺฑ ราชา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา มุณฺฑํ ราชานํ เอตทโวจ – ‘‘กตาวกาโส โข, เทว, อายสฺมตา นารเทนฯ ยสฺสทานิ เทโว กาลํ มญฺญตี’’ติฯ ‘‘เตน หิ, สมฺม ปิยก, ภทฺรานิ ภทฺรานิ ยานานิ โยชาเปหี’’ติฯ ‘‘เอวํ, เทวา’’ติ โข ปิยโก โกสารโกฺข มุณฺฑสฺส รโญฺญ ปฎิสฺสุตฺวา ภทฺรานิ ภทฺรานิ ยานานิ โยชาเปตฺวา มุณฺฑํ ราชานํ เอตทโวจ – ‘‘ยุตฺตานิ โข เต, เทว, ภทฺรานิ ภทฺรานิ ยานานิฯ ยสฺสทานิ เทโว กาลํ มญฺญตี’’ติฯ
Atha kho piyako kosārakkho uṭṭhāyāsanā āyasmantaṃ nāradaṃ abhivādetvā padakkhiṇaṃ katvā yena muṇḍo rājā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā muṇḍaṃ rājānaṃ etadavoca – ‘‘katāvakāso kho, deva, āyasmatā nāradena. Yassadāni devo kālaṃ maññatī’’ti. ‘‘Tena hi, samma piyaka, bhadrāni bhadrāni yānāni yojāpehī’’ti. ‘‘Evaṃ, devā’’ti kho piyako kosārakkho muṇḍassa rañño paṭissutvā bhadrāni bhadrāni yānāni yojāpetvā muṇḍaṃ rājānaṃ etadavoca – ‘‘yuttāni kho te, deva, bhadrāni bhadrāni yānāni. Yassadāni devo kālaṃ maññatī’’ti.
อถ โข มุโณฺฑ ราชา ภทฺรํ ยานํ 17 อภิรุหิตฺวา ภเทฺรหิ ภเทฺรหิ ยาเนหิ เยน กุกฺกุฎาราโม เตน ปายาสิ มหจฺจา 18 ราชานุภาเวน อายสฺมนฺตํ นารทํ ทสฺสนายฯ ยาวติกา ยานสฺส ภูมิ ยาเนน คนฺตฺวา, ยานา ปโจฺจโรหิตฺวา ปตฺติโกว อารามํ ปาวิสิฯ อถ โข มุโณฺฑ ราชา เยน อายสฺมา นารโท เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ นารทํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข มุณฺฑํ ราชานํ อายสฺมา นารโท เอตทโวจ –
Atha kho muṇḍo rājā bhadraṃ yānaṃ 19 abhiruhitvā bhadrehi bhadrehi yānehi yena kukkuṭārāmo tena pāyāsi mahaccā 20 rājānubhāvena āyasmantaṃ nāradaṃ dassanāya. Yāvatikā yānassa bhūmi yānena gantvā, yānā paccorohitvā pattikova ārāmaṃ pāvisi. Atha kho muṇḍo rājā yena āyasmā nārado tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā āyasmantaṃ nāradaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinnaṃ kho muṇḍaṃ rājānaṃ āyasmā nārado etadavoca –
‘‘ปญฺจิมานิ, มหาราช, อลพฺภนียานิ ฐานานิ สมเณน วา พฺราหฺมเณน วา เทเวน วา มาเรน วา พฺรหฺมุนา วา เกนจิ วา โลกสฺมิํฯ กตมานิ ปญฺจ? ‘ชราธมฺมํ มา ชีรี’ติ อลพฺภนียํ ฐานํ สมเณน วา พฺราหฺมเณน วา เทเวน วา มาเรน วา พฺรหฺมุนา วา เกนจิ วา โลกสฺมิํฯ ‘พฺยาธิธมฺมํ มา พฺยาธียี’ติ…เป.… ‘มรณธมฺมํ มา มียี’ติ… ‘ขยธมฺมํ มา ขียี’ติ… ‘นสฺสนธมฺมํ มา นสฺสี’ติ อลพฺภนียํ ฐานํ สมเณน วา พฺราหฺมเณน วา เทเวน วา มาเรน วา พฺรหฺมุนา วา เกนจิ วา โลกสฺมิํฯ
‘‘Pañcimāni, mahārāja, alabbhanīyāni ṭhānāni samaṇena vā brāhmaṇena vā devena vā mārena vā brahmunā vā kenaci vā lokasmiṃ. Katamāni pañca? ‘Jarādhammaṃ mā jīrī’ti alabbhanīyaṃ ṭhānaṃ samaṇena vā brāhmaṇena vā devena vā mārena vā brahmunā vā kenaci vā lokasmiṃ. ‘Byādhidhammaṃ mā byādhīyī’ti…pe… ‘maraṇadhammaṃ mā mīyī’ti… ‘khayadhammaṃ mā khīyī’ti… ‘nassanadhammaṃ mā nassī’ti alabbhanīyaṃ ṭhānaṃ samaṇena vā brāhmaṇena vā devena vā mārena vā brahmunā vā kenaci vā lokasmiṃ.
‘‘อสฺสุตวโต , มหาราช, ปุถุชฺชนสฺส ชราธมฺมํ ชีรติฯ โส ชราธเมฺม ชิเณฺณ น อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ – ‘น โข มเยฺหเวกสฺส ชราธมฺมํ ชีรติ, อถ โข ยาวตา สตฺตานํ อาคติ คติ จุติ อุปปตฺติ สเพฺพสํ สตฺตานํ ชราธมฺมํ ชีรติฯ อหเญฺจว โข ปน ชราธเมฺม ชิเณฺณ โสเจยฺยํ กิลเมยฺยํ ปริเทเวยฺยํ, อุรตฺตาฬิํ กเนฺทยฺยํ, สโมฺมหํ อาปเชฺชยฺยํ, ภตฺตมฺปิ เม นจฺฉาเทยฺย, กาเยปิ ทุพฺพณฺณิยํ โอกฺกเมยฺย, กมฺมนฺตาปิ นปฺปวเตฺตยฺยุํ, อมิตฺตาปิ อตฺตมนา อสฺสุ, มิตฺตาปิ ทุมฺมนา อสฺสู’ติฯ โส ชราธเมฺม ชิเณฺณ โสจติ กิลมติ ปริเทวติ, อุรตฺตาฬิํ กนฺทติ, สโมฺมหํ อาปชฺชติฯ อยํ วุจฺจติ, มหาราช – ‘อสฺสุตวา ปุถุชฺชโน วิโทฺธ สวิเสน โสกสเลฺลน อตฺตานํเยว ปริตาเปติ’’’ฯ
‘‘Assutavato , mahārāja, puthujjanassa jarādhammaṃ jīrati. So jarādhamme jiṇṇe na iti paṭisañcikkhati – ‘na kho mayhevekassa jarādhammaṃ jīrati, atha kho yāvatā sattānaṃ āgati gati cuti upapatti sabbesaṃ sattānaṃ jarādhammaṃ jīrati. Ahañceva kho pana jarādhamme jiṇṇe soceyyaṃ kilameyyaṃ parideveyyaṃ, urattāḷiṃ kandeyyaṃ, sammohaṃ āpajjeyyaṃ, bhattampi me nacchādeyya, kāyepi dubbaṇṇiyaṃ okkameyya, kammantāpi nappavatteyyuṃ, amittāpi attamanā assu, mittāpi dummanā assū’ti. So jarādhamme jiṇṇe socati kilamati paridevati, urattāḷiṃ kandati, sammohaṃ āpajjati. Ayaṃ vuccati, mahārāja – ‘assutavā puthujjano viddho savisena sokasallena attānaṃyeva paritāpeti’’’.
‘‘ปุน จปรํ, มหาราช, อสฺสุตวโต ปุถุชฺชนสฺส พฺยาธิธมฺมํ พฺยาธียติ…เป.… มรณธมฺมํ มียติ… ขยธมฺมํ ขียติ… นสฺสนธมฺมํ นสฺสติฯ โส นสฺสนธเมฺม นเฎฺฐ น อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ – ‘น โข มเยฺหเวกสฺส นสฺสนธมฺมํ นสฺสติ, อถ โข ยาวตา สตฺตานํ อาคติ คติ จุติ อุปปตฺติ สเพฺพสํ สตฺตานํ นสฺสนธมฺมํ นสฺสติฯ อหเญฺจว โข ปน นสฺสนธเมฺม นเฎฺฐ โสเจยฺยํ กิลเมยฺยํ ปริเทเวยฺยํ, อุรตฺตาฬิํ กเนฺทยฺยํ, สโมฺมหํ อาปเชฺชยฺยํ, ภตฺตมฺปิ เม นจฺฉาเทยฺย, กาเยปิ ทุพฺพณฺณิยํ โอกฺกเมยฺย, กมฺมนฺตาปิ นปฺปวเตฺตยฺยุํ, อมิตฺตาปิ อตฺตมนา อสฺสุ, มิตฺตาปิ ทุมฺมนา อสฺสู’ติฯ โส นสฺสนธเมฺม นเฎฺฐ โสจติ กิลมติ ปริเทวติ, อุรตฺตาฬิํ กนฺทติ, สโมฺมหํ อาปชฺชติฯ อยํ วุจฺจติ, มหาราช – ‘อสฺสุตวา ปุถุชฺชโน วิโทฺธ สวิเสน โสกสเลฺลน อตฺตานํเยว ปริตาเปติ’’’ฯ
‘‘Puna caparaṃ, mahārāja, assutavato puthujjanassa byādhidhammaṃ byādhīyati…pe… maraṇadhammaṃ mīyati… khayadhammaṃ khīyati… nassanadhammaṃ nassati. So nassanadhamme naṭṭhe na iti paṭisañcikkhati – ‘na kho mayhevekassa nassanadhammaṃ nassati, atha kho yāvatā sattānaṃ āgati gati cuti upapatti sabbesaṃ sattānaṃ nassanadhammaṃ nassati. Ahañceva kho pana nassanadhamme naṭṭhe soceyyaṃ kilameyyaṃ parideveyyaṃ, urattāḷiṃ kandeyyaṃ, sammohaṃ āpajjeyyaṃ, bhattampi me nacchādeyya, kāyepi dubbaṇṇiyaṃ okkameyya, kammantāpi nappavatteyyuṃ, amittāpi attamanā assu, mittāpi dummanā assū’ti. So nassanadhamme naṭṭhe socati kilamati paridevati, urattāḷiṃ kandati, sammohaṃ āpajjati. Ayaṃ vuccati, mahārāja – ‘assutavā puthujjano viddho savisena sokasallena attānaṃyeva paritāpeti’’’.
‘‘สุตวโต จ โข, มหาราช, อริยสาวกสฺส ชราธมฺมํ ชีรติฯ โส ชราธเมฺม ชิเณฺณ อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ – ‘น โข มเยฺหเวกสฺส ชราธมฺมํ ชีรติ, อถ โข ยาวตา สตฺตานํ อาคติ คติ จุติ อุปปตฺติ สเพฺพสํ สตฺตานํ ชราธมฺมํ ชีรติฯ อหเญฺจว โข ปน ชราธเมฺม ชิเณฺณ โสเจยฺยํ กิลเมยฺยํ ปริเทเวยฺยํ, อุรตฺตาฬิํ กเนฺทยฺยํ, สโมฺมหํ อาปเชฺชยฺยํ, ภตฺตมฺปิ เม นจฺฉาเทยฺย, กาเยปิ ทุพฺพณฺณิยํ โอกฺกเมยฺย, กมฺมนฺตาปิ นปฺปวเตฺตยฺยุํ, อมิตฺตาปิ อตฺตมนา อสฺสุ, มิตฺตาปิ ทุมฺมนา อสฺสู’ติฯ โส ชราธเมฺม ชิเณฺณ น โสจติ น กิลมติ น ปริเทวติ, น อุรตฺตาฬิํ กนฺทติ, น สโมฺมหํ อาปชฺชติฯ อยํ วุจฺจติ, มหาราช – ‘สุตวา อริยสาวโก อพฺพุหิ สวิสํ โสกสลฺลํ, เยน วิโทฺธ อสฺสุตวา ปุถุชฺชโน อตฺตานํเยว ปริตาเปติฯ อโสโก วิสโลฺล อริยสาวโก อตฺตานํเยว ปรินิพฺพาเปติ’’’ฯ
‘‘Sutavato ca kho, mahārāja, ariyasāvakassa jarādhammaṃ jīrati. So jarādhamme jiṇṇe iti paṭisañcikkhati – ‘na kho mayhevekassa jarādhammaṃ jīrati, atha kho yāvatā sattānaṃ āgati gati cuti upapatti sabbesaṃ sattānaṃ jarādhammaṃ jīrati. Ahañceva kho pana jarādhamme jiṇṇe soceyyaṃ kilameyyaṃ parideveyyaṃ, urattāḷiṃ kandeyyaṃ, sammohaṃ āpajjeyyaṃ, bhattampi me nacchādeyya, kāyepi dubbaṇṇiyaṃ okkameyya, kammantāpi nappavatteyyuṃ, amittāpi attamanā assu, mittāpi dummanā assū’ti. So jarādhamme jiṇṇe na socati na kilamati na paridevati, na urattāḷiṃ kandati, na sammohaṃ āpajjati. Ayaṃ vuccati, mahārāja – ‘sutavā ariyasāvako abbuhi savisaṃ sokasallaṃ, yena viddho assutavā puthujjano attānaṃyeva paritāpeti. Asoko visallo ariyasāvako attānaṃyeva parinibbāpeti’’’.
‘‘ปุน จปรํ, มหาราช, สุตวโต อริยสาวกสฺส พฺยาธิธมฺมํ พฺยาธียติ…เป.… มรณธมฺมํ มียติ… ขยธมฺมํ ขียติ… นสฺสนธมฺมํ นสฺสติฯ โส นสฺสนธเมฺม นเฎฺฐ อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ – ‘น โข มเยฺหเวกสฺส นสฺสนธมฺมํ นสฺสติ, อถ โข ยาวตา สตฺตานํ อาคติ คติ จุติ อุปปตฺติ สเพฺพสํ สตฺตานํ นสฺสนธมฺมํ นสฺสติฯ อหเญฺจว โข ปน นสฺสนธเมฺม นเฎฺฐ โสเจยฺยํ กิลเมยฺยํ ปริเทเวยฺยํ, อุรตฺตาฬิํ กเนฺทยฺยํ, สโมฺมหํ อาปเชฺชยฺยํ, ภตฺตมฺปิ เม นจฺฉาเทยฺย, กาเยปิ ทุพฺพณฺณิยํ โอกฺกเมยฺย, กมฺมนฺตาปิ นปฺปวเตฺตยฺยุํ, อมิตฺตาปิ อตฺตมนา อสฺสุ, มิตฺตาปิ ทุมฺมนา อสฺสู’ติฯ โส นสฺสนธเมฺม นเฎฺฐ น โสจติ น กิลมติ น ปริเทวติ, น อุรตฺตาฬิํ กนฺทติ, น สโมฺมหํ อาปชฺชติฯ อยํ วุจฺจติ, มหาราช – ‘สุตวา อริยสาวโก อพฺพุหิ สวิสํ โสกสลฺลํ, เยน วิโทฺธ อสฺสุตวา ปุถุชฺชโน อตฺตานํเยว ปริตาเปติฯ อโสโก วิสโลฺล อริยสาวโก อตฺตานํเยว ปรินิพฺพาเปติ ’’’ฯ
‘‘Puna caparaṃ, mahārāja, sutavato ariyasāvakassa byādhidhammaṃ byādhīyati…pe… maraṇadhammaṃ mīyati… khayadhammaṃ khīyati… nassanadhammaṃ nassati. So nassanadhamme naṭṭhe iti paṭisañcikkhati – ‘na kho mayhevekassa nassanadhammaṃ nassati, atha kho yāvatā sattānaṃ āgati gati cuti upapatti sabbesaṃ sattānaṃ nassanadhammaṃ nassati. Ahañceva kho pana nassanadhamme naṭṭhe soceyyaṃ kilameyyaṃ parideveyyaṃ, urattāḷiṃ kandeyyaṃ, sammohaṃ āpajjeyyaṃ, bhattampi me nacchādeyya, kāyepi dubbaṇṇiyaṃ okkameyya, kammantāpi nappavatteyyuṃ, amittāpi attamanā assu, mittāpi dummanā assū’ti. So nassanadhamme naṭṭhe na socati na kilamati na paridevati, na urattāḷiṃ kandati, na sammohaṃ āpajjati. Ayaṃ vuccati, mahārāja – ‘sutavā ariyasāvako abbuhi savisaṃ sokasallaṃ, yena viddho assutavā puthujjano attānaṃyeva paritāpeti. Asoko visallo ariyasāvako attānaṃyeva parinibbāpeti ’’’.
‘‘อิมานิ โข, มหาราช, ปญฺจ อลพฺภนียานิ ฐานานิ สมเณน วา พฺราหฺมเณน วา เทเวน วา มาเรน วา พฺรหฺมุนา วา เกนจิ วา โลกสฺมิ’’นฺติฯ
‘‘Imāni kho, mahārāja, pañca alabbhanīyāni ṭhānāni samaṇena vā brāhmaṇena vā devena vā mārena vā brahmunā vā kenaci vā lokasmi’’nti.
‘‘น โสจนาย ปริเทวนาย,
‘‘Na socanāya paridevanāya,
อโตฺถธ ลพฺภา อปิ อปฺปโกปิ;
Atthodha labbhā api appakopi;
โสจนฺตเมนํ ทุขิตํ วิทิตฺวา,
Socantamenaṃ dukhitaṃ viditvā,
ปจฺจตฺถิกา อตฺตมนา ภวนฺติฯ
Paccatthikā attamanā bhavanti.
‘‘ยโต จ โข ปณฺฑิโต อาปทาสุ,
‘‘Yato ca kho paṇḍito āpadāsu,
น เวธตี อตฺถวินิจฺฉยญฺญู;
Na vedhatī atthavinicchayaññū;
ปจฺจตฺถิกาสฺส ทุขิตา ภวนฺติ,
Paccatthikāssa dukhitā bhavanti,
ทิสฺวา มุขํ อวิการํ ปุราณํฯ
Disvā mukhaṃ avikāraṃ purāṇaṃ.
‘‘ชเปฺปน มเนฺตน สุภาสิเตน,
‘‘Jappena mantena subhāsitena,
อนุปฺปทาเนน ปเวณิยา วา;
Anuppadānena paveṇiyā vā;
ยถา ยถา ยตฺถ ลเภถ อตฺถํ,
Yathā yathā yattha labhetha atthaṃ,
ตถา ตถา ตตฺถ ปรกฺกเมยฺยฯ
Tathā tathā tattha parakkameyya.
‘‘สเจ ปชาเนยฺย อลพฺภเนโยฺย,
‘‘Sace pajāneyya alabbhaneyyo,
มยาว อเญฺญน วา เอส อโตฺถ;
Mayāva aññena vā esa attho;
อโสจมาโน อธิวาสเยยฺย,
Asocamāno adhivāsayeyya,
อถ โข มุโณฺฑ ราชา ปิยกํ โกสารกฺขํ อามเนฺตสิ – ‘‘เตน หิ, สมฺม ปิยก, ภทฺทาย เทวิยา สรีรํ ฌาเปถ; ถูปญฺจสฺสา กโรถฯ อชฺชตเคฺค ทานิ มยํ นฺหายิสฺสาม เจว วิลิมฺปิสฺสาม ภตฺตญฺจ ภุญฺชิสฺสาม กมฺมเนฺต จ ปโยเชสฺสามา’’ติฯ ทสมํฯ
Atha kho muṇḍo rājā piyakaṃ kosārakkhaṃ āmantesi – ‘‘tena hi, samma piyaka, bhaddāya deviyā sarīraṃ jhāpetha; thūpañcassā karotha. Ajjatagge dāni mayaṃ nhāyissāma ceva vilimpissāma bhattañca bhuñjissāma kammante ca payojessāmā’’ti. Dasamaṃ.
มุณฺฑราชวโคฺค ปญฺจโมฯ
Muṇḍarājavaggo pañcamo.
ตสฺสุทฺทานํ –
Tassuddānaṃ –
อาทิโย สปฺปุริโส อิฎฺฐา, มนาปทายีภิสนฺทํ;
Ādiyo sappuriso iṭṭhā, manāpadāyībhisandaṃ;
สมฺปทา จ ธนํ ฐานํ, โกสโล นารเทน จาติฯ
Sampadā ca dhanaṃ ṭhānaṃ, kosalo nāradena cāti.
ปฐมปณฺณาสกํ สมตฺตํฯ
Paṭhamapaṇṇāsakaṃ samattaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๑๐. นารทสุตฺตวณฺณนา • 10. Nāradasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๑๐. นารทสุตฺตวณฺณนา • 10. Nāradasuttavaṇṇanā