Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā)

    ๒. รถการวโคฺค

    2. Rathakāravaggo

    ๑. ญาตสุตฺตวณฺณนา

    1. Ñātasuttavaṇṇanā

    ๑๑. ทุติยสฺส ปฐเม ญาโตติ ปญฺญาโต ปากโฎฯ อนนุโลมิเกติ สาสนสฺส น อนุโลเมตีติ อนนุโลมิกํ, ตสฺมิํ อนนุโลมิเกฯ กายกเมฺมติ ปาณาติปาตาทิมฺหิ กายทุจฺจริเตฯ โอฬาริกํ วา เอตํ, น เอวรูเป สมาทเปตุํ สโกฺกติฯ ทิสา นมสฺสิตุํ วฎฺฎติ, ภูตพลิํ กาตุํ วฎฺฎตีติ เอวรูเป สมาทเปติ คณฺหาเปติฯ วจีกเมฺมปิ มุสาวาทาทีนิ โอฬาริกานิ, อตฺตโน สนฺตกํ ปรสฺส อทาตุกาเมน ‘‘นตฺถี’’ติ อยํ วญฺจนมุสาวาโท นาม วตฺตุํ วฎฺฎตีติ เอวรูเป สมาทเปติฯ มโนกเมฺมปิ อภิชฺฌาทโย โอฬาริกา, กมฺมฎฺฐานํ วิสํวาเทตฺวา กเถโนฺต ปน อนนุโลมิเกสุ ธเมฺมสุ สมาทเปติ นาม ทกฺขิณวิหารวาสิเตฺถโร วิยฯ ตํ กิร เถรํ เอโก อุปฎฺฐาโก อมจฺจปุโตฺต อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘เมตฺตายเนฺตน ปฐมํ กีทิเส ปุคฺคเล เมตฺตายิตพฺพ’’นฺติ ปุจฺฉิฯ เถโร สภาควิสภาคํ อนาจิกฺขิตฺวา ‘‘ปิยปุคฺคเล’’ติ อาหฯ ตสฺส จ ภริยา ปิยา โหติ มนาปา, โส ตํ อารพฺภ เมตฺตายโนฺต อุมฺมาทํ ปาปุณิฯ กถํ ปเนส พหุชนอหิตาย ปฎิปโนฺน โหตีติ? เอวรูปสฺส หิ สทฺธิวิหาริกาทโย เจว อุปฎฺฐากาทโย จ เตสํ อารกฺขเทวตา อาทิํ กตฺวา ตาสํ ตาสํ มิตฺตภูตา ยาว พฺรหฺมโลกา เสสเทวตา จ ‘‘อยํ ภิกฺขุ น อชานิตฺวา กริสฺสตี’’ติ เตน กตเมว กโรนฺติ, เอวเมส พหุชนอหิตาย ปฎิปโนฺน โหติฯ

    11. Dutiyassa paṭhame ñātoti paññāto pākaṭo. Ananulomiketi sāsanassa na anulometīti ananulomikaṃ, tasmiṃ ananulomike. Kāyakammeti pāṇātipātādimhi kāyaduccarite. Oḷārikaṃ vā etaṃ, na evarūpe samādapetuṃ sakkoti. Disā namassituṃ vaṭṭati, bhūtabaliṃ kātuṃ vaṭṭatīti evarūpe samādapeti gaṇhāpeti. Vacīkammepi musāvādādīni oḷārikāni, attano santakaṃ parassa adātukāmena ‘‘natthī’’ti ayaṃ vañcanamusāvādo nāma vattuṃ vaṭṭatīti evarūpe samādapeti. Manokammepi abhijjhādayo oḷārikā, kammaṭṭhānaṃ visaṃvādetvā kathento pana ananulomikesu dhammesu samādapeti nāma dakkhiṇavihāravāsitthero viya. Taṃ kira theraṃ eko upaṭṭhāko amaccaputto upasaṅkamitvā ‘‘mettāyantena paṭhamaṃ kīdise puggale mettāyitabba’’nti pucchi. Thero sabhāgavisabhāgaṃ anācikkhitvā ‘‘piyapuggale’’ti āha. Tassa ca bhariyā piyā hoti manāpā, so taṃ ārabbha mettāyanto ummādaṃ pāpuṇi. Kathaṃ panesa bahujanaahitāya paṭipanno hotīti? Evarūpassa hi saddhivihārikādayo ceva upaṭṭhākādayo ca tesaṃ ārakkhadevatā ādiṃ katvā tāsaṃ tāsaṃ mittabhūtā yāva brahmalokā sesadevatā ca ‘‘ayaṃ bhikkhu na ajānitvā karissatī’’ti tena katameva karonti, evamesa bahujanaahitāya paṭipanno hoti.

    สุกฺกปเกฺข ปาณาติปาตา เวรมณิอาทีนํเยว วเสน กายกมฺมวจีกมฺมานิ เวทิตพฺพานิฯ กมฺมฎฺฐานํ ปน อวิสํวาเทตฺวา กเถโนฺต อนุโลมิเกสุ ธเมฺมสุ สมาทเปติ นาม โกฬิตวิหารวาสี จตุนิกายิกติสฺสเตฺถโร วิยฯ ตสฺส กิร เชฎฺฐภาตา นนฺทาภยเตฺถโร นาม โปตลิยวิหาเร วสโนฺต เอกสฺมิํ โรเค สมุฎฺฐิเต กนิฎฺฐํ ปโกฺกสาเปตฺวา อาห – ‘‘อาวุโส, มยฺหํ สลฺลหุกํ กตฺวา เอกํ กมฺมฎฺฐานํ กเถหี’’ติฯ กิํ, ภเนฺต, อเญฺญน กมฺมฎฺฐาเนน, กพฬีการาหารํ ปริคฺคณฺหิตุํ วฎฺฎตีติ? กิมตฺถิโก เอส, อาวุโสติ? ภเนฺต, กพฬีการาหาโร อุปาทารูปํ, เอกสฺมิญฺจ อุปาทารูเป ทิเฎฺฐ เตวีสติ อุปาทารูปานิ ปากฎานิ โหนฺตีติ ฯ โส ‘‘วฎฺฎิสฺสติ, อาวุโส, เอตฺตก’’นฺติ ตํ อุโยฺยเชตฺวา กพฬีการาหารํ ปริคฺคณฺหิตฺวา อุปาทารูปํ สลฺลเกฺขตฺวา วิวเฎฺฎตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิฯ อถ นํ เถรํ พหิวิหารา อนิกฺขนฺตเมว ปโกฺกสิตฺวา, ‘‘อาวุโส, มหาอวสฺสโยสิ มยฺหํ ชาโต’’ติ กนิฎฺฐเตฺถรสฺส อตฺตนา ปฎิลทฺธคุณํ อาโรเจสิฯ พหุชนหิตายาติ เอตสฺสปิ หิ สทฺธิวิหาริกาทโย ‘‘อยํ น อชานิตฺวา กริสฺสตี’’ติ เตน กตเมว กโรนฺตีติ พหุชนหิตาย ปฎิปโนฺน นาม โหตีติฯ

    Sukkapakkhe pāṇātipātā veramaṇiādīnaṃyeva vasena kāyakammavacīkammāni veditabbāni. Kammaṭṭhānaṃ pana avisaṃvādetvā kathento anulomikesu dhammesu samādapeti nāma koḷitavihāravāsī catunikāyikatissatthero viya. Tassa kira jeṭṭhabhātā nandābhayatthero nāma potaliyavihāre vasanto ekasmiṃ roge samuṭṭhite kaniṭṭhaṃ pakkosāpetvā āha – ‘‘āvuso, mayhaṃ sallahukaṃ katvā ekaṃ kammaṭṭhānaṃ kathehī’’ti. Kiṃ, bhante, aññena kammaṭṭhānena, kabaḷīkārāhāraṃ pariggaṇhituṃ vaṭṭatīti? Kimatthiko esa, āvusoti? Bhante, kabaḷīkārāhāro upādārūpaṃ, ekasmiñca upādārūpe diṭṭhe tevīsati upādārūpāni pākaṭāni hontīti . So ‘‘vaṭṭissati, āvuso, ettaka’’nti taṃ uyyojetvā kabaḷīkārāhāraṃ pariggaṇhitvā upādārūpaṃ sallakkhetvā vivaṭṭetvā arahattaṃ pāpuṇi. Atha naṃ theraṃ bahivihārā anikkhantameva pakkositvā, ‘‘āvuso, mahāavassayosi mayhaṃ jāto’’ti kaniṭṭhattherassa attanā paṭiladdhaguṇaṃ ārocesi. Bahujanahitāyāti etassapi hi saddhivihārikādayo ‘‘ayaṃ na ajānitvā karissatī’’ti tena katameva karontīti bahujanahitāya paṭipanno nāma hotīti.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya / ๑. ญาตสุตฺตํ • 1. Ñātasuttaṃ

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๑. ญาตสุตฺตวณฺณนา • 1. Ñātasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact