Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) |
๕. นตฺถิทินฺนสุตฺตวณฺณนา
5. Natthidinnasuttavaṇṇanā
๒๑๐. ทินฺนนฺติ เทยฺยธมฺมสีเสน ทานํ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘ทินฺนสฺส ผลาภาวํ สนฺธายา’’ติ, ทินฺนํ ปน อนฺนาทิวตฺถุํ กถํ ปฎิกฺขิปนฺติฯ เอส นโย ‘‘ยิฎฺฐํ หุต’’นฺติ เอตฺถาปิฯ มหายาโคติ สพฺพสาธารณํ มหาทานํฯ ปเหณกสกฺกาโรติ ปาหุนกานํ กาตพฺพสกฺกาโรฯ ผลนฺติ อานิสํสผลํ นิสฺสนฺทผลญฺจฯ วิปาโกติ สทิสผลํฯ ปรโลเก ฐิตสฺส อยํ โลโก นตฺถีติ ปรโลเก ฐิตสฺส กมฺมุนา ลทฺธโพฺพ อยํ โลโก น โหติฯ อิธโลเก ฐิตสฺสปิ ปรโลโก นตฺถีติ อิธโลเก ฐิตสฺส กมฺมุนา ลทฺธโพฺพ ปรโลโก น โหติฯ ตตฺถ การณมาห – ‘‘สเพฺพ ตตฺถ ตเตฺถว อุจฺฉิชฺชนฺตี’’ติฯ อิเม สตฺตา ยตฺถ ยตฺถ ภเว โยนิอาทีสุ จ ฐิตา, ตตฺถ ตเตฺถว อุจฺฉิชฺชนฺติ นิรุทยวินาสวเสน นสฺสนฺติฯ ผลาภาววเสนาติ มาตาปิตูสุ สมฺมาปฎิปตฺติมิจฺฉาปฎิปตฺตีนํ ผลสฺส อภาววเสน ‘‘นตฺถิ มาตา, นตฺถิ ปิตา’’ติ วทนฺติ, น มาตาปิตูนํ, นาปิ เตสุ อิทานิ กริยมานสกฺการาสกฺการานํ อภาววเสน เตสํ โลกปจฺจกฺขตฺตาฯ ปุพฺพุฬกสฺส วิย อิเมสํ สตฺตานํ อุปฺปาโท นาม เกวโล, น ภวโต จวิตฺวา อาคมนปุพฺพโกติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘นตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา’’ติ วุตฺตนฺติ อาห – ‘‘จวิตฺวา อุปฺปชฺชนกสตฺตา นาม นตฺถี’’ติฯ สมเณน นาม ยาถาวโต ชานเนฺตน กสฺสจิ อกเถตฺวา สญฺญเตน ภวิตพฺพํ, อญฺญถา อาโหปุริสิกา นาม สิยาฯ กิญฺหิ ปโร ปรสฺส กริสฺสติ, ตถา จ อตฺตโน สมฺปาทนสฺส กสฺสจิ อวสฺสโย เอว น สิยา ตตฺถ ตเตฺถว อุจฺฉิชฺชนโตติ อาห ‘‘เย อิมญฺจ…เป.… ปเวเทนฺตี’’ติฯ
210.Dinnanti deyyadhammasīsena dānaṃ vuttanti āha ‘‘dinnassa phalābhāvaṃ sandhāyā’’ti, dinnaṃ pana annādivatthuṃ kathaṃ paṭikkhipanti. Esa nayo ‘‘yiṭṭhaṃ huta’’nti etthāpi. Mahāyāgoti sabbasādhāraṇaṃ mahādānaṃ. Paheṇakasakkāroti pāhunakānaṃ kātabbasakkāro. Phalanti ānisaṃsaphalaṃ nissandaphalañca. Vipākoti sadisaphalaṃ. Paraloke ṭhitassa ayaṃ loko natthīti paraloke ṭhitassa kammunā laddhabbo ayaṃ loko na hoti. Idhaloke ṭhitassapi paraloko natthīti idhaloke ṭhitassa kammunā laddhabbo paraloko na hoti. Tattha kāraṇamāha – ‘‘sabbe tattha tattheva ucchijjantī’’ti. Ime sattā yattha yattha bhave yoniādīsu ca ṭhitā, tattha tattheva ucchijjanti nirudayavināsavasena nassanti. Phalābhāvavasenāti mātāpitūsu sammāpaṭipattimicchāpaṭipattīnaṃ phalassa abhāvavasena ‘‘natthi mātā, natthi pitā’’ti vadanti, na mātāpitūnaṃ, nāpi tesu idāni kariyamānasakkārāsakkārānaṃ abhāvavasena tesaṃ lokapaccakkhattā. Pubbuḷakassa viya imesaṃ sattānaṃ uppādo nāma kevalo, na bhavato cavitvā āgamanapubbakoti dassanatthaṃ ‘‘natthi sattā opapātikā’’ti vuttanti āha – ‘‘cavitvā uppajjanakasattā nāma natthī’’ti. Samaṇena nāma yāthāvato jānantena kassaci akathetvā saññatena bhavitabbaṃ, aññathā āhopurisikā nāma siyā. Kiñhi paro parassa karissati, tathā ca attano sampādanassa kassaci avassayo eva na siyā tattha tattheva ucchijjanatoti āha ‘‘ye imañca…pe… pavedentī’’ti.
จตูสุ มหาภูเตสุ นิยุโตฺตติ จาตุมหาภูติโกฯ ยถา ปน มตฺติกาย นิพฺพตฺตํ ภาชนํ มตฺติกามยํ, เอวมยํ จตูหิ มหาภูเตหิ นิพฺพโตฺตติ อาห ‘‘จตุมหาภูตมโย’’ติฯ อชฺฌตฺติกา ปถวีธาตูติ สตฺตสนฺตานคตา ปถวีธาตุฯ พาหิรํ ปถวีธาตุนฺติ พหิทฺธา มหาปถวิํฯ อนุยาตีติ ตสฺส อนุรูปภาเวน ยาติ อุเปติฯ อุปคจฺฉตีติ ปุเพฺพ พาหิรปถวีกายโต ตเทกเทสภูตา ปถวี อาคนฺตฺวา อชฺฌตฺติกภาวปฺปตฺติยา สตฺตภาเวน สณฺฐิตา อิทานิ ฆฎาทิปถวี วิย ตเมว พาหิรปถวีกายํ อุเปติ อุปคจฺฉติ, สพฺพโส เตน นิพฺพิเสสตํ เอกีภาวเมว คจฺฉตีติ อโตฺถฯ อาปาทีสุปิ เอเสว นโยติ เอตฺถ ปชฺชุเนฺนน มหาสมุทฺทโต คหิตอาโป วิย วโสฺสทกภาเวน ปุนปิ มหาสมุทฺทํ, สูริยรํสิโต คหิตอินฺทคฺคิสงฺขาตเตโช วิย ปุนปิ สูริยรํสิํ, มหาวายุขนฺธโต นิคฺคตมหาวาโย วิย ตเมว วายุขนฺธํ อุเปติ อุปคจฺฉตีติ ทิฎฺฐิคติโก สยเมว อตฺตโน วาทํ ภินฺทติฯ อุมฺมตฺตกปจฺฉิสทิสญฺหิ ทิฎฺฐิคติกทสฺสนํฯ มนจฺฉฎฺฐานิ อินฺทฺริยานิ อากาสํ ปกฺขนฺทนฺติ เตสํ วิสยภาวา วิสยาปีติ วทติฯ วิสยิคฺคหเณน หิ วิสยา คหิตา เอว โหนฺตีติฯ คุณาคุณปทานีติ คุณโทสโกฎฺฐาสาฯ สรีรเมว ปทานีติ อธิเปฺปตํ สรีเรน ตํตํกิริยาย ปชฺชิตพฺพโตฯ ทพฺพนฺติ มุยฺหนฺตีติ ทตฺตู, มูฬฺหปุคฺคลาฯ เตหิ ทตฺตูหิ พาลมนุเสฺสหิ ปญฺญตฺตํฯ
Catūsu mahābhūtesu niyuttoti cātumahābhūtiko. Yathā pana mattikāya nibbattaṃ bhājanaṃ mattikāmayaṃ, evamayaṃ catūhi mahābhūtehi nibbattoti āha ‘‘catumahābhūtamayo’’ti. Ajjhattikā pathavīdhātūti sattasantānagatā pathavīdhātu. Bāhiraṃ pathavīdhātunti bahiddhā mahāpathaviṃ. Anuyātīti tassa anurūpabhāvena yāti upeti. Upagacchatīti pubbe bāhirapathavīkāyato tadekadesabhūtā pathavī āgantvā ajjhattikabhāvappattiyā sattabhāvena saṇṭhitā idāni ghaṭādipathavī viya tameva bāhirapathavīkāyaṃ upeti upagacchati, sabbaso tena nibbisesataṃ ekībhāvameva gacchatīti attho. Āpādīsupi eseva nayoti ettha pajjunnena mahāsamuddato gahitaāpo viya vassodakabhāvena punapi mahāsamuddaṃ, sūriyaraṃsito gahitaindaggisaṅkhātatejo viya punapi sūriyaraṃsiṃ, mahāvāyukhandhato niggatamahāvāyo viya tameva vāyukhandhaṃ upeti upagacchatīti diṭṭhigatiko sayameva attano vādaṃ bhindati. Ummattakapacchisadisañhi diṭṭhigatikadassanaṃ. Manacchaṭṭhāni indriyāni ākāsaṃ pakkhandanti tesaṃ visayabhāvā visayāpīti vadati. Visayiggahaṇena hi visayā gahitā eva hontīti. Guṇāguṇapadānīti guṇadosakoṭṭhāsā. Sarīrameva padānīti adhippetaṃ sarīrena taṃtaṃkiriyāya pajjitabbato. Dabbanti muyhantīti dattū, mūḷhapuggalā. Tehi dattūhi bālamanussehi paññattaṃ.
นตฺถิทินฺนสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Natthidinnasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๕. นตฺถิทินฺนสุตฺตํ • 5. Natthidinnasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๕. นตฺถิทินฺนสุตฺตวณฺณนา • 5. Natthidinnasuttavaṇṇanā