Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / จูฬวคฺค-อฎฺฐกถา • Cūḷavagga-aṭṭhakathā |
นวกมฺมทานกถา
Navakammadānakathā
๓๒๓. ภณฺฑิกาฎฺฐปนมเตฺตนาติ ทฺวารพาหานํ อุปริ กโปตภณฺฑิกโยชนมเตฺตนฯ ปริภณฺฑกรณมเตฺตนาติ โคมยปริภณฺฑกสาวปริภณฺฑกรณมเตฺตนฯ ธูมกาลิกนฺติ อิทํ ยาวสฺส จิตกธูโม น ปญฺญายติ, ตาว อยํ วิหาโร เอตเสฺสวาติ เอวํ ธูมกาเล อปโลเกตฺวา กตปริโยสิตํ วิหารํ เทนฺติฯ วิปฺปกตนฺติ เอตฺถ วิปฺปกโต นาม ยาว โคปานสิโย น อาโรหนฺติฯ โคปานสีสุ ปน อารุฬฺหาสุ พหุกโต นาม โหติ, ตสฺมา ตโต ปฎฺฐาย น ทาตโพฺพ, กิญฺจิเทว สมาทเปตฺวา กาเรสฺสติฯ ขุทฺทเก วิหาเร กมฺมํ โอโลเกตฺวา ฉปฺปญฺจวสฺสิกนฺติ กมฺมํ โอโลเกตฺวา จตุหตฺถวิหาเร จตุวสฺสิกํ, ปญฺจหเตฺถ ปญฺจวสฺสิกํ, ฉหเตฺถ ฉวสฺสิกํ ทาตพฺพํฯ อฑฺฒโยโค ปน ยสฺมา สตฺตฎฺฐหโตฺถ โหติ, ตสฺมา เอตฺถ ‘‘สตฺตฎฺฐวสฺสิก’’นฺติ วุตฺตํฯ สเจ ปน โส นวหโตฺถ โหติ นววสฺสิกมฺปิ ทาตพฺพํฯ มหลฺลเก ปน ทสหเตฺถ เอกาทสหเตฺถ วิหาเร วา ปาสาเท วา ทสวสฺสิกํ วา เอกาทสวสฺสิกํ วา ทาตพฺพํฯ ทฺวาทสหเตฺถ ปน ตโต อธิเก วา โลหปาสาทสทิเสปิ ทฺวาทสวสฺสิกเมว ทาตพฺพํ, น ตโต อุตฺตริฯ
323.Bhaṇḍikāṭṭhapanamattenāti dvārabāhānaṃ upari kapotabhaṇḍikayojanamattena. Paribhaṇḍakaraṇamattenāti gomayaparibhaṇḍakasāvaparibhaṇḍakaraṇamattena. Dhūmakālikanti idaṃ yāvassa citakadhūmo na paññāyati, tāva ayaṃ vihāro etassevāti evaṃ dhūmakāle apaloketvā katapariyositaṃ vihāraṃ denti. Vippakatanti ettha vippakato nāma yāva gopānasiyo na ārohanti. Gopānasīsu pana āruḷhāsu bahukato nāma hoti, tasmā tato paṭṭhāya na dātabbo, kiñcideva samādapetvā kāressati. Khuddake vihāre kammaṃ oloketvā chappañcavassikanti kammaṃ oloketvā catuhatthavihāre catuvassikaṃ, pañcahatthe pañcavassikaṃ, chahatthe chavassikaṃ dātabbaṃ. Aḍḍhayogo pana yasmā sattaṭṭhahattho hoti, tasmā ettha ‘‘sattaṭṭhavassika’’nti vuttaṃ. Sace pana so navahattho hoti navavassikampi dātabbaṃ. Mahallake pana dasahatthe ekādasahatthe vihāre vā pāsāde vā dasavassikaṃ vā ekādasavassikaṃ vā dātabbaṃ. Dvādasahatthe pana tato adhike vā lohapāsādasadisepi dvādasavassikameva dātabbaṃ, na tato uttari.
นวกมฺมิโก ภิกฺขุ อโนฺตวเสฺส ตํ อาวาสํ ลภติ, อุตุกาเล ปฎิพาหิตุํ น ลภติฯ สเจ โส อาวาโส ชีรติ, อาวาสสามิกสฺส วา ตสฺส วํเส อุปฺปนฺนสฺส วา กสฺสจิ กเถตพฺพํ – ‘‘อาวาโส เต นสฺสติ, ชคฺคถ เอตํ อาวาส’’นฺติฯ สเจ โส น สโกฺกติ, ภิกฺขูหิ ญาตี วา อุปฎฺฐาเก วา สมาทเปตฺวา ชคฺคิตโพฺพฯ สเจ เตปิ น สโกฺกนฺติ, สงฺฆิเกน ปจฺจเยน ชคฺคิตโพฺพฯ ตสฺมิมฺปิ อสติ เอกํ อาวาสํ วิสฺสเชฺชตฺวา อวเสสา ชคฺคิตพฺพาฯ พหู วิสฺสเชฺชตฺวา เอกํ สณฺฐาเปตุมฺปิ วฎฺฎติเยวฯ
Navakammiko bhikkhu antovasse taṃ āvāsaṃ labhati, utukāle paṭibāhituṃ na labhati. Sace so āvāso jīrati, āvāsasāmikassa vā tassa vaṃse uppannassa vā kassaci kathetabbaṃ – ‘‘āvāso te nassati, jaggatha etaṃ āvāsa’’nti. Sace so na sakkoti, bhikkhūhi ñātī vā upaṭṭhāke vā samādapetvā jaggitabbo. Sace tepi na sakkonti, saṅghikena paccayena jaggitabbo. Tasmimpi asati ekaṃ āvāsaṃ vissajjetvā avasesā jaggitabbā. Bahū vissajjetvā ekaṃ saṇṭhāpetumpi vaṭṭatiyeva.
ทุพฺภิเกฺข ภิกฺขูสุ ปกฺกเนฺตสุ สเพฺพ อาวาสา นสฺสนฺติ, ตสฺมา เอกํ วา เทฺว วา ตโย วา อาวาเส วิสฺสเชฺชตฺวา ตโต ยาคุภตฺตจีวราทีนิ ปริภุญฺชเนฺตหิ เสสาวาสา ชคฺคิตพฺพาเยวฯ กุรุนฺทิยํ ปน วุตฺตํ ‘‘สงฺฆิเก ปจฺจเย อสติ เอโก ภิกฺขุ ‘ตุยฺหํ เอกํ มญฺจฎฺฐานํ คเหตฺวา ชคฺคาหี’ติ วตฺตโพฺพฯ สเจ พหุตรํ อิจฺฉติ, ติภาคํ วา อุปฑฺฒภาคํ วา ทตฺวาปิ ชคฺคาเปตพฺพํฯ อถ ‘ถมฺภมตฺตเมเวตฺถ อวสิฎฺฐํ, พหุกมฺมํ กาตพฺพ’นฺติ น อิจฺฉติ, ‘ตุยฺหํ ปุคฺคลิกเมว กตฺวา ชคฺค; เอวมฺปิ หิ สงฺฆสฺส ภณฺฑกฎฺฐปนฎฺฐานํ นวกานญฺจ วสนฎฺฐานํ ลภิสฺสตี’ติ ชคฺคาเปตโพฺพฯ เอวํ ชคฺคิโต ปน ตสฺมิํ ชีวเนฺต ปุคฺคลิโก โหติ, มเต สงฺฆิโกเยว ฯ สเจ สทฺธิวิหาริกานํ ทาตุกาโม โหติ, กมฺมํ โอโลเกตฺวา ติภาคํ วา อุปฑฺฒํ วา ปุคฺคลิกํ กตฺวา ชคฺคาเปตโพฺพฯ เอวญฺหิ สทฺธิวิหาริกานํ ทาตุํ ลภติฯ เอวํ ชคฺคนเก ปน อสติ ‘เอกํ อาวาสํ วิสฺสเชฺชตฺวา’ติอาทินา นเยน ชคฺคาเปตโพฺพ’’ติฯ
Dubbhikkhe bhikkhūsu pakkantesu sabbe āvāsā nassanti, tasmā ekaṃ vā dve vā tayo vā āvāse vissajjetvā tato yāgubhattacīvarādīni paribhuñjantehi sesāvāsā jaggitabbāyeva. Kurundiyaṃ pana vuttaṃ ‘‘saṅghike paccaye asati eko bhikkhu ‘tuyhaṃ ekaṃ mañcaṭṭhānaṃ gahetvā jaggāhī’ti vattabbo. Sace bahutaraṃ icchati, tibhāgaṃ vā upaḍḍhabhāgaṃ vā datvāpi jaggāpetabbaṃ. Atha ‘thambhamattamevettha avasiṭṭhaṃ, bahukammaṃ kātabba’nti na icchati, ‘tuyhaṃ puggalikameva katvā jagga; evampi hi saṅghassa bhaṇḍakaṭṭhapanaṭṭhānaṃ navakānañca vasanaṭṭhānaṃ labhissatī’ti jaggāpetabbo. Evaṃ jaggito pana tasmiṃ jīvante puggaliko hoti, mate saṅghikoyeva . Sace saddhivihārikānaṃ dātukāmo hoti, kammaṃ oloketvā tibhāgaṃ vā upaḍḍhaṃ vā puggalikaṃ katvā jaggāpetabbo. Evañhi saddhivihārikānaṃ dātuṃ labhati. Evaṃ jagganake pana asati ‘ekaṃ āvāsaṃ vissajjetvā’tiādinā nayena jaggāpetabbo’’ti.
อิทมฺปิ จ อญฺญํ ตเตฺถว วุตฺตํ – เทฺว ภิกฺขู สงฺฆิกํ ภูมิํ คเหตฺวา โสเธตฺวา สงฺฆิกํ เสนาสนํ กโรนฺติฯ เยน สา ภูมิ ปฐมํ คหิตา, โส สามีฯ อุโภปิ ปุคฺคลิกํ กโรนฺติ, โสเยว สามีฯ โส สงฺฆิกํ กโรติ, อิตโร ปุคฺคลิกํ กโรติ, อญฺญํ เจ พหุํ เสนาสนฎฺฐานํ อตฺถิ , ปุคฺคลิกํ กโรโนฺตปิ น วาเรตโพฺพฯ อญฺญสฺมิํ ปน ตาทิเส ปฎิรูเป ฐาเน อสติ ตํ ปฎิพาหิตฺวา สงฺฆิกํ กโรเนฺตเนว กาตพฺพํฯ ยํ ปน ตสฺส ตตฺถ วยกมฺมํ กตํ, ตํ ทาตพฺพํฯ สเจ ปน กตาวาเส วา อาวาสกรณฎฺฐาเน วา ฉายูปคผลูปครุกฺขา โหนฺติ, อปโลเกตฺวา หาเรตพฺพาฯ ปุคฺคลิกา เจ โหนฺติ, สามิกา อาปุจฺฉิตพฺพา; โน เจ เทนฺติ, ยาวตติยํ อาปุจฺฉิตฺวา ‘‘รุกฺขอคฺฆนกมูลํ ทสฺสามา’’ติ หาเรตพฺพาฯ
Idampi ca aññaṃ tattheva vuttaṃ – dve bhikkhū saṅghikaṃ bhūmiṃ gahetvā sodhetvā saṅghikaṃ senāsanaṃ karonti. Yena sā bhūmi paṭhamaṃ gahitā, so sāmī. Ubhopi puggalikaṃ karonti, soyeva sāmī. So saṅghikaṃ karoti, itaro puggalikaṃ karoti, aññaṃ ce bahuṃ senāsanaṭṭhānaṃ atthi , puggalikaṃ karontopi na vāretabbo. Aññasmiṃ pana tādise paṭirūpe ṭhāne asati taṃ paṭibāhitvā saṅghikaṃ karonteneva kātabbaṃ. Yaṃ pana tassa tattha vayakammaṃ kataṃ, taṃ dātabbaṃ. Sace pana katāvāse vā āvāsakaraṇaṭṭhāne vā chāyūpagaphalūpagarukkhā honti, apaloketvā hāretabbā. Puggalikā ce honti, sāmikā āpucchitabbā; no ce denti, yāvatatiyaṃ āpucchitvā ‘‘rukkhaagghanakamūlaṃ dassāmā’’ti hāretabbā.
โย ปน สงฺฆิกวลฺลิมตฺตมฺปิ อคฺคเหตฺวา อาหริเมน อุปกรเณน สงฺฆิกาย ภูมิยา ปุคฺคลิกวิหารํ กาเรติ, อุปฑฺฒํ สงฺฆิกํ โหติ; อุปฑฺฒํ ปุคฺคลิกํฯ ปาสาโท เจ โหติ, เหฎฺฐาปาสาโท สงฺฆิโก; อุปริ ปุคฺคลิโกฯ สเจ โส เหฎฺฐาปาสาทํ อิจฺฉติ, ตสฺส โหติฯ อถ เหฎฺฐา จ อุปริ จ อิจฺฉติ, อุภยตฺถ อุปฑฺฒํ ลภติฯ เทฺว เสนาสนานิ กาเรติ – เอกํ สงฺฆิกํ, เอกํ ปุคฺคลิกํฯ สเจ วิหาเร อุฎฺฐิเตน ทพฺพสมฺภาเรน กาเรติ, ตติยภาคํ ลภติฯ สเจ อกตฎฺฐาเน จยํ วา ปมุขํ วา กโรติ, พหิกุเฎฺฎ อุปฑฺฒํ สงฺฆสฺส, อุปฑฺฒํ ตสฺสฯ อถ มหนฺตํ วิสมํ ปูเรตฺวา อปเท ปทํ ทเสฺสตฺวา กตํ โหติ, อนิสฺสโร ตตฺถ สโงฺฆฯ
Yo pana saṅghikavallimattampi aggahetvā āharimena upakaraṇena saṅghikāya bhūmiyā puggalikavihāraṃ kāreti, upaḍḍhaṃ saṅghikaṃ hoti; upaḍḍhaṃ puggalikaṃ. Pāsādo ce hoti, heṭṭhāpāsādo saṅghiko; upari puggaliko. Sace so heṭṭhāpāsādaṃ icchati, tassa hoti. Atha heṭṭhā ca upari ca icchati, ubhayattha upaḍḍhaṃ labhati. Dve senāsanāni kāreti – ekaṃ saṅghikaṃ, ekaṃ puggalikaṃ. Sace vihāre uṭṭhitena dabbasambhārena kāreti, tatiyabhāgaṃ labhati. Sace akataṭṭhāne cayaṃ vā pamukhaṃ vā karoti, bahikuṭṭe upaḍḍhaṃ saṅghassa, upaḍḍhaṃ tassa. Atha mahantaṃ visamaṃ pūretvā apade padaṃ dassetvā kataṃ hoti, anissaro tattha saṅgho.
เอกํ วรเสยฺยนฺติ เอตฺถ นวกมฺมทานฎฺฐาเน วา วสฺสเคฺคน ปตฺตฎฺฐาเน วา ยํ อิจฺฉติ, ตํ เอกํ วรเสยฺยํ อนุชานามีติ อโตฺถฯ
Ekaṃvaraseyyanti ettha navakammadānaṭṭhāne vā vassaggena pattaṭṭhāne vā yaṃ icchati, taṃ ekaṃ varaseyyaṃ anujānāmīti attho.
ปริโยสิเต ปกฺกมติ ตเสฺสเวตนฺติ ปุน อาคนฺตฺวา วสนฺตสฺส อโนฺตวสฺสํ ตเสฺสว ตํ; อนาคจฺฉนฺตสฺส ปน สทฺธิวิหาริกาทโย คเหตุํ น ลภนฺติฯ
Pariyosite pakkamati tassevetanti puna āgantvā vasantassa antovassaṃ tasseva taṃ; anāgacchantassa pana saddhivihārikādayo gahetuṃ na labhanti.
นวกมฺมทานกถา นิฎฺฐิตาฯ
Navakammadānakathā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / จูฬวคฺคปาฬิ • Cūḷavaggapāḷi / นวกมฺมทานกถา • Navakammadānakathā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / นวกมฺมทานกถาวณฺณนา • Navakammadānakathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / นวกมฺมทานกถาวณฺณนา • Navakammadānakathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / นวกมฺมทานกถาวณฺณนา • Navakammadānakathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / นวกมฺมทานกถา • Navakammadānakathā