Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ปญฺจปกรณ-อนุฎีกา • Pañcapakaraṇa-anuṭīkā |
๓. นยมุขมาติกาวณฺณนา
3. Nayamukhamātikāvaṇṇanā
๓. นยานํ สงฺคหาทิปฺปการวิเสสานํ ปวตฺติ เทสนา, ตสฺสา วินิคฺคมฎฺฐานตาย ทฺวารํฯ ยถาวุตฺตธมฺมา ยถารหํ ขนฺธายตนธาตุโย อรูปิโน จ ขนฺธาติ เตสํ อุเทฺทโส นยมุขมาติกาฯ เตนาห ‘‘นยาน’’นฺติอาทิฯ วิยุชฺชนสีลา, วิโยโค วา เอเตสํ อตฺถีติ วิโยคิโน, ตถา สหโยคิโน, สงฺคหาสงฺคหธมฺมา จ วิโยคีสหโยคีธมฺมา จ สงฺคหา…เป.… ธมฺมา, สงฺคณฺหนาสงฺคณฺหนวเสน วิยุชฺชนสํยุชฺชนวเสน จ ปวตฺตนกสภาวาติ อโตฺถฯ จุทฺทสปีติอาทินา ตเมวตฺถํ ปากฎตรํ กโรติฯ เยหีติ เยหิ ขนฺธาทีหิ อรูปกฺขเนฺธหิ จฯ เต จตฺตาโรติ เต สงฺคหาทโย จตฺตาโรฯ สจฺจาทีหิปีติ สจฺจอินฺทฺริยปฎิจฺจสมุปฺปาทาทีหิปิ สหฯ ยถาสมฺภวนฺติ สมฺภวานุรูปํ, ยํ ยํ ปทํ สงฺคหิโต อสงฺคหิโตติ จ วตฺตุํ ยุตฺตํ, ตํ ตนฺติ อโตฺถฯ
3. Nayānaṃ saṅgahādippakāravisesānaṃ pavatti desanā, tassā viniggamaṭṭhānatāya dvāraṃ. Yathāvuttadhammā yathārahaṃ khandhāyatanadhātuyo arūpino ca khandhāti tesaṃ uddeso nayamukhamātikā. Tenāha ‘‘nayāna’’ntiādi. Viyujjanasīlā, viyogo vā etesaṃ atthīti viyogino, tathā sahayogino, saṅgahāsaṅgahadhammā ca viyogīsahayogīdhammā ca saṅgahā…pe… dhammā, saṅgaṇhanāsaṅgaṇhanavasena viyujjanasaṃyujjanavasena ca pavattanakasabhāvāti attho. Cuddasapītiādinā tamevatthaṃ pākaṭataraṃ karoti. Yehīti yehi khandhādīhi arūpakkhandhehi ca. Te cattāroti te saṅgahādayo cattāro. Saccādīhipīti saccaindriyapaṭiccasamuppādādīhipi saha. Yathāsambhavanti sambhavānurūpaṃ, yaṃ yaṃ padaṃ saṅgahito asaṅgahitoti ca vattuṃ yuttaṃ, taṃ tanti attho.
โส ปนาติ สงฺคหาสงฺคโหฯ สงฺคาหกภูเตหีติ สงฺคหณกิริยาย กตฺตุภูเตหิฯ เตหีติ สจฺจาทีหิฯ น สงฺคหภูเตหีติ สงฺคหณกิริยาย กรณภูเตหิ สจฺจาทีหิ สงฺคหาสงฺคโห น วุโตฺตฯ ตตฺถาปิ หิ ขนฺธายตนธาตุโย เอว กรณภูตาติ ทเสฺสติฯ ขนฺธาทีเหว สงฺคเหหีติ ขนฺธาทีหิเยว สงฺคณฺหนกิริยาย กรณภูเตหิ, ‘‘ขนฺธสงฺคเหน สงฺคหิตา, อายตนสงฺคเหน อสงฺคหิตา , ธาตุสงฺคเหน อสงฺคหิตา, เต ธมฺมา จตูหิ ขเนฺธหิ, ทฺวีหายตเนหิ, อฎฺฐหิ ธาตูหิ อสงฺคหิตา’’ติ สงฺคหาสงฺคโห นิยเมตฺวา วุโตฺตฯ ตสฺมาติ ยสฺมา สจฺจาทีนิ สงฺคาหกภาเวน วุตฺตานิ, น สงฺคหภาเวน, ขนฺธาทีนิเยว จ สงฺคหภาเวน วุตฺตานิ, ตสฺมาฯ
So panāti saṅgahāsaṅgaho. Saṅgāhakabhūtehīti saṅgahaṇakiriyāya kattubhūtehi. Tehīti saccādīhi. Na saṅgahabhūtehīti saṅgahaṇakiriyāya karaṇabhūtehi saccādīhi saṅgahāsaṅgaho na vutto. Tatthāpi hi khandhāyatanadhātuyo eva karaṇabhūtāti dasseti. Khandhādīheva saṅgahehīti khandhādīhiyeva saṅgaṇhanakiriyāya karaṇabhūtehi, ‘‘khandhasaṅgahena saṅgahitā, āyatanasaṅgahena asaṅgahitā , dhātusaṅgahena asaṅgahitā, te dhammā catūhi khandhehi, dvīhāyatanehi, aṭṭhahi dhātūhi asaṅgahitā’’ti saṅgahāsaṅgaho niyametvā vutto. Tasmāti yasmā saccādīni saṅgāhakabhāvena vuttāni, na saṅgahabhāvena, khandhādīniyeva ca saṅgahabhāvena vuttāni, tasmā.
กสฺมา ปเนตฺถ สจฺจาทโย สงฺคหวเสน น วุตฺตาติ? ตถาเทสนาย อสมฺภวโตฯ น หิ สกฺกา รูปกฺขนฺธาทีนํ สมุทยสจฺจาทีหิ, สญฺญาทีนํ วา อินฺทฺริยาทีหิ สงฺคหนเยน ปุจฺฉิตุํ วิสฺสชฺชิตุํ วาติฯ ตถา อริยผลาทีสุ อุปฺปนฺนเวทนาทีนํ สจฺจวินิมุตฺตตาย ‘‘เวทนากฺขโนฺธ กติหิ สเจฺจหิ สงฺคหิโต’’ติ ปุจฺฉิตฺวาปิ ‘‘เอเกน สเจฺจน สงฺคหิโต’’ติอาทินา นิยเมตฺวา สงฺคหํ ทเสฺสตุํ น สกฺกาติฯ ยถาสมฺภวนฺติ เยหิ สมฺปโยโค, เยหิ จ วิปฺปโยโค, ตทนุรูปํฯ
Kasmā panettha saccādayo saṅgahavasena na vuttāti? Tathādesanāya asambhavato. Na hi sakkā rūpakkhandhādīnaṃ samudayasaccādīhi, saññādīnaṃ vā indriyādīhi saṅgahanayena pucchituṃ vissajjituṃ vāti. Tathā ariyaphalādīsu uppannavedanādīnaṃ saccavinimuttatāya ‘‘vedanākkhandho katihi saccehi saṅgahito’’ti pucchitvāpi ‘‘ekena saccena saṅgahito’’tiādinā niyametvā saṅgahaṃ dassetuṃ na sakkāti. Yathāsambhavanti yehi sampayogo, yehi ca vippayogo, tadanurūpaṃ.
รูปํ รูเปน นิพฺพาเนน วา วิปฺปยุตฺตํ น โหติ, นิพฺพานํ วา รูเปนฯ กสฺมา? สมฺปยุตฺตนฺติ อนาสงฺกนียสภาวตฺตาฯ จตุนฺนญฺหิ ขนฺธานํ อญฺญมญฺญํ สมฺปโยคีภาวโต ‘‘รูปนิพฺพาเนหิปิ โส อตฺถิ นตฺถี’’ติ สิยา อาสงฺกา, ตสฺมา เตสํ อิตเรหิ, อิตเรสญฺจ เตหิ วิปฺปโยโค วุจฺจติ, น ปน รูปสฺส รูเปน, นิพฺพาเนน วา, นิพฺพานสฺส วา รูเปน กตฺถจิ สมฺปโยโค อตฺถีติ ตทาสงฺกาภาวโต วิปฺปโยโคปิ รูปสฺส รูปนิพฺพาเนหิ, นิพฺพานสฺส วา เตน น วุจฺจติ, อรูปกฺขเนฺธหิเยว ปน วุจฺจตีติ อาห ‘‘จตูเหวา’’ติอาทิฯ อนารมฺมณสฺส จกฺขายตนาทิกสฺสฯ อนารมฺมณอนารมฺมณมิสฺสเกหีติ อนารมฺมเณน โสตายตนาทินา อนารมฺมณมิสฺสเกน จ ธมฺมายตนาทินาฯ มิสฺสกสฺส ธมฺมายตนาทิกสฺสฯ อนารมฺมณอนารมฺมณมิสฺสเกหิ น โหตีติ โยเชตพฺพํฯ เยสํ ปน เยหิ โหติ, ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘อนารมฺมณสฺส ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ยถา หิ สารมฺมณสฺส อนารมฺมเณน อนารมฺมณมิสฺสเกน จ วิปฺปโยโค โหติ, เอวํ สารมฺมเณนปิ โส โหติเยวฯ เตน วิย อนารมฺมณสฺส อนารมฺมณมิสฺสกสฺส จาติ ทฎฺฐพฺพํฯ
Rūpaṃ rūpena nibbānena vā vippayuttaṃ na hoti, nibbānaṃ vā rūpena. Kasmā? Sampayuttanti anāsaṅkanīyasabhāvattā. Catunnañhi khandhānaṃ aññamaññaṃ sampayogībhāvato ‘‘rūpanibbānehipi so atthi natthī’’ti siyā āsaṅkā, tasmā tesaṃ itarehi, itaresañca tehi vippayogo vuccati, na pana rūpassa rūpena, nibbānena vā, nibbānassa vā rūpena katthaci sampayogo atthīti tadāsaṅkābhāvato vippayogopi rūpassa rūpanibbānehi, nibbānassa vā tena na vuccati, arūpakkhandhehiyeva pana vuccatīti āha ‘‘catūhevā’’tiādi. Anārammaṇassa cakkhāyatanādikassa. Anārammaṇaanārammaṇamissakehīti anārammaṇena sotāyatanādinā anārammaṇamissakena ca dhammāyatanādinā. Missakassa dhammāyatanādikassa. Anārammaṇaanārammaṇamissakehi na hotīti yojetabbaṃ. Yesaṃ pana yehi hoti, taṃ dassetuṃ ‘‘anārammaṇassa panā’’tiādi vuttaṃ. Yathā hi sārammaṇassa anārammaṇena anārammaṇamissakena ca vippayogo hoti, evaṃ sārammaṇenapi so hotiyeva. Tena viya anārammaṇassa anārammaṇamissakassa cāti daṭṭhabbaṃ.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / อภิธมฺมปิฎก • Abhidhammapiṭaka / ธาตุกถาปาฬิ • Dhātukathāpāḷi / ๓. นยมุขมาติกา • 3. Nayamukhamātikā
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / อภิธมฺมปิฎก (อฎฺฐกถา) • Abhidhammapiṭaka (aṭṭhakathā) / ปญฺจปกรณ-อฎฺฐกถา • Pañcapakaraṇa-aṭṭhakathā / ๓. นยมุขมาติกาวณฺณนา • 3. Nayamukhamātikāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / ปญฺจปกรณ-มูลฎีกา • Pañcapakaraṇa-mūlaṭīkā / ๓. นยมุขมาติกาวณฺณนา • 3. Nayamukhamātikāvaṇṇanā