Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā

    [๓๗๙] ๔. เนรุชาตกวณฺณนา

    [379] 4. Nerujātakavaṇṇanā

    กาโกลา กากสงฺฆา จาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต อญฺญตรํ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิฯ โส กิร สตฺถุ สนฺติเก กมฺมฎฺฐานํ คเหตฺวา เอกํ ปจฺจนฺตคามํ อคมาสิฯ มนุสฺสา ตสฺส อิริยาปเถ ปสีทิตฺวา ตํ โภเชตฺวา ปฎิญฺญํ คเหตฺวา อรเญฺญ ปณฺณสาลํ กตฺวา ตตฺถ วสาเปสุํ, อติวิย จสฺส สกฺการํ กริํสุฯ อเถเก สสฺสตวาทา อาคมํสุฯ เต เตสํ วจนํ สุตฺวา เถรสฺส วาทํ วิสฺสเชฺชตฺวา สสฺสตวาทํ คเหตฺวา เตสเญฺญว สกฺการํ กริํสุฯ ตโต อุเจฺฉทวาทา อาคมํสุ เต สสฺสตวาทํ วิสฺสเชฺชตฺวา อุเจฺฉทวาทเมว คณฺหิํสุฯ อถเญฺญ อเจลกา อาคมิํสุฯ เต อุเจฺฉทวาทํ วิสฺสเชฺชตฺวา อเจลกวาทํ คณฺหิํสุฯ โส เตสํ คุณาคุณํ อชานนฺตานํ มนุสฺสานํ สนฺติเก ทุเกฺขน วสิตฺวา วุตฺถวโสฺส ปวาเรตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา กตปฎิสนฺถาโร ‘‘กหํ วสฺสํวุโตฺถสี’’ติ วุเตฺต ‘‘ปจฺจนฺตํ นิสฺสาย, ภเนฺต’’ติ วตฺวา ‘‘สุขํ วุโตฺถสี’’ติ ปุโฎฺฐ ‘‘ภเนฺต, คุณาคุณํ อชานนฺตานํ สนฺติเก ทุกฺขํ วุโตฺถสฺมี’’ติ อาหฯ สตฺถา ‘‘ภิกฺขุ โปราณกปณฺฑิตา ติรจฺฉานโยนิยํ นิพฺพตฺตาปิ คุณาคุณํ อชานเนฺตหิ สทฺธิํ เอกทิวสมฺปิ น วสิํสุ, ตฺวํ อตฺตโน คุณาคุณํ อชานนฎฺฐาเน กสฺมา วสี’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริฯ

    Kākolā kākasaṅghā cāti idaṃ satthā jetavane viharanto aññataraṃ bhikkhuṃ ārabbha kathesi. So kira satthu santike kammaṭṭhānaṃ gahetvā ekaṃ paccantagāmaṃ agamāsi. Manussā tassa iriyāpathe pasīditvā taṃ bhojetvā paṭiññaṃ gahetvā araññe paṇṇasālaṃ katvā tattha vasāpesuṃ, ativiya cassa sakkāraṃ kariṃsu. Atheke sassatavādā āgamaṃsu. Te tesaṃ vacanaṃ sutvā therassa vādaṃ vissajjetvā sassatavādaṃ gahetvā tesaññeva sakkāraṃ kariṃsu. Tato ucchedavādā āgamaṃsu te sassatavādaṃ vissajjetvā ucchedavādameva gaṇhiṃsu. Athaññe acelakā āgamiṃsu. Te ucchedavādaṃ vissajjetvā acelakavādaṃ gaṇhiṃsu. So tesaṃ guṇāguṇaṃ ajānantānaṃ manussānaṃ santike dukkhena vasitvā vutthavasso pavāretvā satthu santikaṃ gantvā katapaṭisanthāro ‘‘kahaṃ vassaṃvutthosī’’ti vutte ‘‘paccantaṃ nissāya, bhante’’ti vatvā ‘‘sukhaṃ vutthosī’’ti puṭṭho ‘‘bhante, guṇāguṇaṃ ajānantānaṃ santike dukkhaṃ vutthosmī’’ti āha. Satthā ‘‘bhikkhu porāṇakapaṇḍitā tiracchānayoniyaṃ nibbattāpi guṇāguṇaṃ ajānantehi saddhiṃ ekadivasampi na vasiṃsu, tvaṃ attano guṇāguṇaṃ ajānanaṭṭhāne kasmā vasī’’ti vatvā tena yācito atītaṃ āhari.

    อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต สุวณฺณหํสโยนิยํ นิพฺพตฺติ, กนิฎฺฐภาตาปิสฺส อตฺถิฯ เต จิตฺตกูฎปพฺพเต วสนฺตา หิมวนฺตปเทเส สยํชาตสาลิํ ขาทนฺติฯ เต เอกทิวสํ ตตฺถ จริตฺวา จิตฺตกูฎํ อาคจฺฉนฺตา อนฺตรามเคฺค เอกํ เนรุํ นาม กญฺจนปพฺพตํ ทิสฺวา ตสฺส มตฺถเก นิสีทิํสุฯ ตํ ปน ปพฺพตํ นิสฺสาย วสนฺตา สกุณสงฺฆา จตุปฺปทา จ โคจรภูมิยํ นานาวณฺณา โหนฺติ, ปพฺพตํ ปวิฎฺฐกาลโต ปฎฺฐาย เต สเพฺพ ตโสฺสภาเสน สุวณฺณวณฺณา โหนฺติฯ ตํ ทิสฺวา โพธิสตฺตสฺส กนิโฎฺฐ ตํ การณํ อชานิตฺวา ‘‘กิํ นุ โข เอตฺถ การณ’’นฺติ ภาตรา สทฺธิํ สลฺลปโนฺต เทฺว คาถา อภาสิ –

    Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto suvaṇṇahaṃsayoniyaṃ nibbatti, kaniṭṭhabhātāpissa atthi. Te cittakūṭapabbate vasantā himavantapadese sayaṃjātasāliṃ khādanti. Te ekadivasaṃ tattha caritvā cittakūṭaṃ āgacchantā antarāmagge ekaṃ neruṃ nāma kañcanapabbataṃ disvā tassa matthake nisīdiṃsu. Taṃ pana pabbataṃ nissāya vasantā sakuṇasaṅghā catuppadā ca gocarabhūmiyaṃ nānāvaṇṇā honti, pabbataṃ paviṭṭhakālato paṭṭhāya te sabbe tassobhāsena suvaṇṇavaṇṇā honti. Taṃ disvā bodhisattassa kaniṭṭho taṃ kāraṇaṃ ajānitvā ‘‘kiṃ nu kho ettha kāraṇa’’nti bhātarā saddhiṃ sallapanto dve gāthā abhāsi –

    ๒๐.

    20.

    ‘‘กาโกลา กากสงฺฆา จ, มยญฺจ ปตตํ วรา;

    ‘‘Kākolā kākasaṅghā ca, mayañca patataṃ varā;

    สเพฺพว สทิสา โหม, อิมํ อาคมฺม ปพฺพตํฯ

    Sabbeva sadisā homa, imaṃ āgamma pabbataṃ.

    ๒๑.

    21.

    ‘‘อิธ สีหา จ พฺยคฺฆา จ, สิงฺคาลา จ มิคาธมา;

    ‘‘Idha sīhā ca byagghā ca, siṅgālā ca migādhamā;

    สเพฺพว สทิสา โหนฺติ, อยํ โก นาม ปพฺพโต’’ติฯ

    Sabbeva sadisā honti, ayaṃ ko nāma pabbato’’ti.

    ตตฺถ กาโกลาติ วนกากาฯ กากสงฺฆาติ ปกติกากสงฺฆา จฯ ปตตํ วราติ ปกฺขีนํ เสฎฺฐาฯ สทิสา โหมาติ สทิสวณฺณา โหมฯ

    Tattha kākolāti vanakākā. Kākasaṅghāti pakatikākasaṅghā ca. Patataṃ varāti pakkhīnaṃ seṭṭhā. Sadisā homāti sadisavaṇṇā homa.

    ตสฺส วจนํ สุตฺวา โพธิสโตฺต ตติยํ คาถมาห –

    Tassa vacanaṃ sutvā bodhisatto tatiyaṃ gāthamāha –

    ๒๒.

    22.

    ‘‘อิมํ เนรูติ ชานนฺติ, มนุสฺสา ปพฺพตุตฺตมํ;

    ‘‘Imaṃ nerūti jānanti, manussā pabbatuttamaṃ;

    อิธ วเณฺณน สมฺปนฺนา, วสนฺติ สพฺพปาณิโน’’ติฯ

    Idha vaṇṇena sampannā, vasanti sabbapāṇino’’ti.

    ตตฺถ อิธ วเณฺณนาติ อิมสฺมิํ เนรุปพฺพเต โอภาเสน วณฺณสมฺปนฺนา หุตฺวาฯ

    Tattha idha vaṇṇenāti imasmiṃ nerupabbate obhāsena vaṇṇasampannā hutvā.

    ตํ สุตฺวา กนิโฎฺฐ เสสคาถา อภาสิ –

    Taṃ sutvā kaniṭṭho sesagāthā abhāsi –

    ๒๓.

    23.

    ‘‘อมานนา ยตฺถ สิยา, อนฺตานํ วา วิมานนา;

    ‘‘Amānanā yattha siyā, antānaṃ vā vimānanā;

    หีนสมฺมานนา วาปิ, น ตตฺถ วิสติํวเสฯ

    Hīnasammānanā vāpi, na tattha visatiṃvase.

    ๒๔.

    24.

    ‘‘ยตฺถาลโส จ ทโกฺข จ, สูโร ภีรุ จ ปูชิยา;

    ‘‘Yatthālaso ca dakkho ca, sūro bhīru ca pūjiyā;

    น ตตฺถ สโนฺต วสนฺติ, อวิเสสกเร นเรฯ

    Na tattha santo vasanti, avisesakare nare.

    ๒๕.

    25.

    ‘‘นายํ เนรุ วิภชติ, หีนอุกฺกฎฺฐมชฺฌิเม;

    ‘‘Nāyaṃ neru vibhajati, hīnaukkaṭṭhamajjhime;

    อวิเสสกโร เนรุ, หนฺท เนรุํ ชหามเส’’ติฯ

    Avisesakaro neru, handa neruṃ jahāmase’’ti.

    ตตฺถ ปฐมคาถาย อยมโตฺถ – ยตฺถ สนฺตานํ ปณฺฑิตานํ สีลสมฺปนฺนานํ มานนสฺส อภาเวน อมานนา อวมญฺญนา จ อวมานวเสน วิมานนา วา หีนานํ วา ทุสฺสีลานํ สมฺมานนา สิยา, ตตฺถ นิวาเส น วเสยฺยฯ ปูชิยาติ เอเต เอตฺถ เอกสทิสาย ปูชาย ปูชนียา โหนฺติ, สมกํ สกฺการํ ลภนฺติฯ หีนอุกฺกฎฺฐมชฺฌิเมติ ชาติโคตฺตกุลปฺปเทสสีลาจารญาณาทีหิ หีเน จ มชฺฌิเม จ อุกฺกเฎฺฐ จ อยํ น วิภชติฯ หนฺทาติ ววสฺสคฺคเตฺถ นิปาโตฯ ชหามเสติ ปริจฺจชามฯ เอวญฺจ ปน วตฺวา อุโภปิ เต หํสา อุปฺปติตฺวา จิตฺตกูฎเมว คตาฯ

    Tattha paṭhamagāthāya ayamattho – yattha santānaṃ paṇḍitānaṃ sīlasampannānaṃ mānanassa abhāvena amānanā avamaññanā ca avamānavasena vimānanā vā hīnānaṃ vā dussīlānaṃ sammānanā siyā, tattha nivāse na vaseyya. Pūjiyāti ete ettha ekasadisāya pūjāya pūjanīyā honti, samakaṃ sakkāraṃ labhanti. Hīnaukkaṭṭhamajjhimeti jātigottakulappadesasīlācārañāṇādīhi hīne ca majjhime ca ukkaṭṭhe ca ayaṃ na vibhajati. Handāti vavassaggatthe nipāto. Jahāmaseti pariccajāma. Evañca pana vatvā ubhopi te haṃsā uppatitvā cittakūṭameva gatā.

    สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน โส ภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐหิฯ ตทา กนิฎฺฐหํโส อานโนฺท อโหสิ, เชฎฺฐกหํโส ปน อหเมว อโหสินฺติฯ

    Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā saccāni pakāsetvā jātakaṃ samodhānesi, saccapariyosāne so bhikkhu sotāpattiphale patiṭṭhahi. Tadā kaniṭṭhahaṃso ānando ahosi, jeṭṭhakahaṃso pana ahameva ahosinti.

    เนรุชาตกวณฺณนา จตุตฺถาฯ

    Nerujātakavaṇṇanā catutthā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๓๗๙. เนรุชาตกํ • 379. Nerujātakaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact