Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / อิติวุตฺตก-อฎฺฐกถา • Itivuttaka-aṭṭhakathā |
๗. นิพฺพานธาตุสุตฺตวณฺณนา
7. Nibbānadhātusuttavaṇṇanā
๔๔. สตฺตเม เทฺวมาติ เทฺว อิมาฯ วานํ วุจฺจติ ตณฺหา, นิกฺขนฺตํ วานโต, นตฺถิ วา เอตฺถ วานํ, อิมสฺมิํ วา อธิคเต วานสฺส อภาโวติ นิพฺพานํ, ตเทว นิสฺสตฺตนิชฺชีวเฎฺฐน สภาวธารณเฎฺฐน จ ธาตูติ นิพฺพานธาตุฯ ยทิปิ ตสฺสา ปรมตฺถโต เภโท นตฺถิ , ปริยาเยน ปน ปญฺญายตีติ ตํ ปริยายเภทํ สนฺธาย ‘‘เทฺวมา, ภิกฺขเว, นิพฺพานธาตุโย’’ติ วตฺวา ยถาธิเปฺปตปฺปเภทํ ทเสฺสตุํ ‘‘สอุปาทิเสสา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ตณฺหาทีหิ ผลภาเวน อุปาทียตีติ อุปาทิ, ขนฺธปญฺจกํฯ อุปาทิเยว เสโสติ อุปาทิเสโส, สห อุปาทิเสเสนาติ สอุปาทิเสสา, ตทภาวโต อนุปาทิเสสาฯ
44. Sattame dvemāti dve imā. Vānaṃ vuccati taṇhā, nikkhantaṃ vānato, natthi vā ettha vānaṃ, imasmiṃ vā adhigate vānassa abhāvoti nibbānaṃ, tadeva nissattanijjīvaṭṭhena sabhāvadhāraṇaṭṭhena ca dhātūti nibbānadhātu. Yadipi tassā paramatthato bhedo natthi , pariyāyena pana paññāyatīti taṃ pariyāyabhedaṃ sandhāya ‘‘dvemā, bhikkhave, nibbānadhātuyo’’ti vatvā yathādhippetappabhedaṃ dassetuṃ ‘‘saupādisesā’’tiādi vuttaṃ. Tattha taṇhādīhi phalabhāvena upādīyatīti upādi, khandhapañcakaṃ. Upādiyeva sesoti upādiseso, saha upādisesenāti saupādisesā, tadabhāvato anupādisesā.
อรหนฺติ อารกกิเลโส, ทูรกิเลโสติ อโตฺถฯ วุตฺตเญฺหตํ ภควตา –
Arahanti ārakakileso, dūrakilesoti attho. Vuttañhetaṃ bhagavatā –
‘‘กถญฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อรหํ โหติ, อารกาสฺส โหนฺติ ปาปกา อกุสลา ธมฺมา, สํกิเลสิกา โปโนพฺภวิกา, สทรา ทุกฺขวิปากา, อายติํ ชาติชรามรณิยาฯ เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อรหํ โหตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๓๔)ฯ
‘‘Kathañca, bhikkhave, bhikkhu arahaṃ hoti, ārakāssa honti pāpakā akusalā dhammā, saṃkilesikā ponobbhavikā, sadarā dukkhavipākā, āyatiṃ jātijarāmaraṇiyā. Evaṃ kho, bhikkhave, bhikkhu arahaṃ hotī’’ti (ma. ni. 1.434).
ขีณาสโวติ กามาสวาทโย จตฺตาโรปิ อาสวา อรหโต ขีณา สมุจฺฉินฺนา ปหีนา ปฎิปฺปสฺสทฺธา อภพฺพุปฺปตฺติกา ญาณคฺคินา ทฑฺฒาติ ขีณาสโวฯ วุสิตวาติ ครุสํวาเสปิ อริยมเคฺคปิ ทสสุ อริยวาเสสุปิ วสิ ปริวสิ ปริวุโฎฺฐ วุฎฺฐวาโส จิณฺณจรโณติ วุสิตวาฯ กตกรณีโยติ ปุถุชฺชนกลฺยาณกํ อุปาทาย สตฺต เสขา จตูหิ มเคฺคหิ กรณียํ กโรนฺติ นาม, ขีณาสวสฺส สพฺพกรณียานิ กตานิ ปริโยสิตานิ, นตฺถิ อุตฺตริํ กรณียํ ทุกฺขกฺขยาธิคมายาติ กตกรณีโยฯ วุตฺตมฺปิ เจตํ –
Khīṇāsavoti kāmāsavādayo cattāropi āsavā arahato khīṇā samucchinnā pahīnā paṭippassaddhā abhabbuppattikā ñāṇagginā daḍḍhāti khīṇāsavo. Vusitavāti garusaṃvāsepi ariyamaggepi dasasu ariyavāsesupi vasi parivasi parivuṭṭho vuṭṭhavāso ciṇṇacaraṇoti vusitavā. Katakaraṇīyoti puthujjanakalyāṇakaṃ upādāya satta sekhā catūhi maggehi karaṇīyaṃ karonti nāma, khīṇāsavassa sabbakaraṇīyāni katāni pariyositāni, natthi uttariṃ karaṇīyaṃ dukkhakkhayādhigamāyāti katakaraṇīyo. Vuttampi cetaṃ –
‘‘ตสฺส สมฺมา วิมุตฺตสฺส, สนฺตจิตฺตสฺส ภิกฺขุโน;
‘‘Tassa sammā vimuttassa, santacittassa bhikkhuno;
กตสฺส ปฎิจโย นตฺถิ, กรณียํ น วิชฺชตี’’ติฯ (อ. นิ. ๖.๕๕; มหาว. ๒๔๔);
Katassa paṭicayo natthi, karaṇīyaṃ na vijjatī’’ti. (a. ni. 6.55; mahāva. 244);
โอหิตภาโรติ ตโย ภารา – ขนฺธภาโร, กิเลสภาโร, อภิสงฺขารภาโรติฯ ตสฺสิเม ตโยปิ ภารา โอหิตา โอโรปิตา นิกฺขิตฺตา ปาติตาติ โอหิตภาโรฯ อนุปฺปตฺตสทโตฺถติ อนุปฺปโตฺต สทตฺถํ, สกตฺถนฺติ วุตฺตํ โหติ, กการสฺส ทกาโร กโตฯ อนุปฺปโตฺต สทโตฺถ เอเตนาติ อนุปฺปตฺตสทโตฺถ, สทโตฺถติ จ อรหตฺตํ เวทิตพฺพํฯ ตญฺหิ อตฺตุปนิพนฺธเฎฺฐน อตฺตโน อวิชหนเฎฺฐน อตฺตโน ปรมเตฺถน จ อตฺตโน อตฺถตฺตา สกโตฺถ โหติฯ ปริกฺขีณภวสํโยชโนติ กามราคสํโยชนํ, ปฎิฆสํโยชนํ, มานทิฎฺฐิวิจิกิจฺฉาสีลพฺพตปรามาสภวราคอิสฺสามจฺฉริยอวิชฺชาสํโยชนนฺติ อิมานิ สเตฺต ภเวสุฯ ภวํ วา ภเวน สํโยเชนฺติ อุปนิพนฺธนฺตีติ ภวสํโยชนานิ นามฯ ตานิ อรหโต ปริกฺขีณานิ, ปหีนานิ, ญาณคฺคินา, ทฑฺฒานีติ ปริกฺขีณภวสํโยชโนฯ สมฺมทญฺญา วิมุโตฺตติ เอตฺถ สมฺมทญฺญาติ สมฺมา อญฺญาย, อิทํ วุตฺตํ โหติ – ขนฺธานํ ขนฺธฎฺฐํ, อายตนานํ อายตนฎฺฐํ, ธาตูนํ สุญฺญฎฺฐํ, ทุกฺขสฺส ปีฬนฎฺฐํ, สมุทยสฺส ปภวฎฺฐํ, นิโรธสฺส สนฺตฎฺฐํ, มคฺคสฺส ทสฺสนฎฺฐํ ‘‘สเพฺพ สงฺขารา อนิจฺจา’’ติ เอวมาทิเภทํ วา สมฺมา ยถาภูตํ อญฺญาย ชานิตฺวา ตีรยิตฺวา ตุลยิตฺวา วิภาเวตฺวา วิภูตํ กตฺวาฯ วิมุโตฺตติ เทฺว วิมุตฺติโย จิตฺตสฺส จ วิมุตฺติ นิพฺพานญฺจฯ อรหา หิ สพฺพกิเลเสหิ วิมุตฺตตฺตา จิตฺตวิมุตฺติยาปิ วิมุโตฺต, นิพฺพาเนปิ วิมุโตฺตติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘สมฺมทญฺญา วิมุโตฺต’’ติฯ
Ohitabhāroti tayo bhārā – khandhabhāro, kilesabhāro, abhisaṅkhārabhāroti. Tassime tayopi bhārā ohitā oropitā nikkhittā pātitāti ohitabhāro. Anuppattasadatthoti anuppatto sadatthaṃ, sakatthanti vuttaṃ hoti, kakārassa dakāro kato. Anuppatto sadattho etenāti anuppattasadattho, sadatthoti ca arahattaṃ veditabbaṃ. Tañhi attupanibandhaṭṭhena attano avijahanaṭṭhena attano paramatthena ca attano atthattā sakattho hoti. Parikkhīṇabhavasaṃyojanoti kāmarāgasaṃyojanaṃ, paṭighasaṃyojanaṃ, mānadiṭṭhivicikicchāsīlabbataparāmāsabhavarāgaissāmacchariyaavijjāsaṃyojananti imāni satte bhavesu. Bhavaṃ vā bhavena saṃyojenti upanibandhantīti bhavasaṃyojanāni nāma. Tāni arahato parikkhīṇāni, pahīnāni, ñāṇagginā, daḍḍhānīti parikkhīṇabhavasaṃyojano. Sammadaññā vimuttoti ettha sammadaññāti sammā aññāya, idaṃ vuttaṃ hoti – khandhānaṃ khandhaṭṭhaṃ, āyatanānaṃ āyatanaṭṭhaṃ, dhātūnaṃ suññaṭṭhaṃ, dukkhassa pīḷanaṭṭhaṃ, samudayassa pabhavaṭṭhaṃ, nirodhassa santaṭṭhaṃ, maggassa dassanaṭṭhaṃ ‘‘sabbe saṅkhārā aniccā’’ti evamādibhedaṃ vā sammā yathābhūtaṃ aññāya jānitvā tīrayitvā tulayitvā vibhāvetvā vibhūtaṃ katvā. Vimuttoti dve vimuttiyo cittassa ca vimutti nibbānañca. Arahā hi sabbakilesehi vimuttattā cittavimuttiyāpi vimutto, nibbānepi vimuttoti. Tena vuttaṃ ‘‘sammadaññā vimutto’’ti.
ตสฺส ติฎฺฐเนฺตว ปญฺจินฺทฺริยานีติ ตสฺส อรหโต จริมภวเหตุภูตํ กมฺมํ ยาว น ขียติ, ตาว ติฎฺฐนฺติเยว จกฺขาทีนิ ปญฺจินฺทฺริยานิฯ อวิฆาตตฺตาติ อนุปฺปาทนิโรธวเสน อนิรุทฺธตฺตาฯ มนาปามนาปนฺติ อิฎฺฐานิฎฺฐํ รูปาทิโคจรํฯ ปจฺจนุโภตีติ วินฺทติ ปฎิลภติฯ สุขทุกฺขํ ปฎิสํเวเทตีติ วิปากภูตํ สุขญฺจ ทุกฺขญฺจ ปฎิสํเวเทติ เตหิ ทฺวาเรหิ ปฎิลภติฯ
Tassa tiṭṭhanteva pañcindriyānīti tassa arahato carimabhavahetubhūtaṃ kammaṃ yāva na khīyati, tāva tiṭṭhantiyeva cakkhādīni pañcindriyāni. Avighātattāti anuppādanirodhavasena aniruddhattā. Manāpāmanāpanti iṭṭhāniṭṭhaṃ rūpādigocaraṃ. Paccanubhotīti vindati paṭilabhati. Sukhadukkhaṃ paṭisaṃvedetīti vipākabhūtaṃ sukhañca dukkhañca paṭisaṃvedeti tehi dvārehi paṭilabhati.
เอตฺตาวตา อุปาทิเสสํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ สอุปาทิเสสํ นิพฺพานธาตุํ ทเสฺสตุํ ‘‘ตสฺส โย’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ตสฺสาติ ตสฺส สอุปาทิเสสสฺส สโต อรหโตฯ โย ราคกฺขโยติ ราคสฺส ขโย ขีณากาโร อภาโว อจฺจนฺตมนุปฺปาโทฯ เอส นโย เสเสสุปิฯ เอตฺตาวตา ราคาทิกฺขโย สอุปาทิเสสา นิพฺพานธาตูติ ทสฺสิตํ โหติฯ
Ettāvatā upādisesaṃ dassetvā idāni saupādisesaṃ nibbānadhātuṃ dassetuṃ ‘‘tassa yo’’tiādi vuttaṃ. Tattha tassāti tassa saupādisesassa sato arahato. Yo rāgakkhayoti rāgassa khayo khīṇākāro abhāvo accantamanuppādo. Esa nayo sesesupi. Ettāvatā rāgādikkhayo saupādisesā nibbānadhātūti dassitaṃ hoti.
อิเธวาติ อิมสฺมิํเยว อตฺตภาเวฯ สพฺพเวทยิตานีติ สุขาทโย สพฺพา อพฺยากตเวทนา, กุสลากุสลเวทนา ปน ปุเพฺพเยว ปหีนาติฯ อนภินนฺทิตานีติ ตณฺหาทีหิ น อภินนฺทิตานิฯ สีติภวิสฺสนฺตีติ อจฺจนฺตวูปสเมน สงฺขารทรถปฎิปฺปสฺสทฺธิยา สีตลี ภวิสฺสนฺติ, อปฺปฎิสนฺธิกนิโรเธน นิรุชฺฌิสฺสนฺตีติ อโตฺถฯ น เกวลํ เวทยิตานิเยว, สเพฺพปิ ปน ขีณาสวสนฺตาเน ปญฺจกฺขนฺธา นิรุชฺฌิสฺสนฺติ, เวทยิตสีเสน เทสนา กตาฯ
Idhevāti imasmiṃyeva attabhāve. Sabbavedayitānīti sukhādayo sabbā abyākatavedanā, kusalākusalavedanā pana pubbeyeva pahīnāti. Anabhinanditānīti taṇhādīhi na abhinanditāni. Sītibhavissantīti accantavūpasamena saṅkhāradarathapaṭippassaddhiyā sītalī bhavissanti, appaṭisandhikanirodhena nirujjhissantīti attho. Na kevalaṃ vedayitāniyeva, sabbepi pana khīṇāsavasantāne pañcakkhandhā nirujjhissanti, vedayitasīsena desanā katā.
คาถาสุ จกฺขุมตาติ พุทฺธจกฺขุ, ธมฺมจกฺขุ, ทิพฺพจกฺขุ, ปญฺญาจกฺขุ, สมนฺตจกฺขูติ ปญฺจหิ จกฺขูหิ จกฺขุมตาฯ อนิสฺสิเตนาติ ตณฺหาทิฎฺฐินิสฺสยวเสน กญฺจิ ธมฺมํ อนิสฺสิเตน, ราคพนฺธนาทีหิ วา อพเนฺธนฯ ตาทินาติ ฉฬงฺคุเปกฺขาวเสน สพฺพตฺถ อิฎฺฐาทีสุ เอกสภาวตาสงฺขาเตน ตาทิลกฺขเณน ตาทินาฯ ทิฎฺฐธมฺมิกาติ อิมสฺมิํ อตฺตภาเว ภวา วตฺตมานาฯ ภวเนตฺติสงฺขยาติ ภวเนตฺติยา ตณฺหาย ปริกฺขยาฯ สมฺปรายิกาติ สมฺปราเย ขนฺธเภทโต ปรภาเค ภวาฯ ยมฺหีติ ยสฺมิํ อนุปาทิเสสนิพฺพาเนฯ ภวานีติ ลิงฺควิปลฺลาเสน วุตฺตํ, อุปปตฺติภวา สพฺพโส อนวเสสา นิรุชฺฌนฺติ, น ปวตฺตนฺติฯ
Gāthāsu cakkhumatāti buddhacakkhu, dhammacakkhu, dibbacakkhu, paññācakkhu, samantacakkhūti pañcahi cakkhūhi cakkhumatā. Anissitenāti taṇhādiṭṭhinissayavasena kañci dhammaṃ anissitena, rāgabandhanādīhi vā abandhena. Tādināti chaḷaṅgupekkhāvasena sabbattha iṭṭhādīsu ekasabhāvatāsaṅkhātena tādilakkhaṇena tādinā. Diṭṭhadhammikāti imasmiṃ attabhāve bhavā vattamānā. Bhavanettisaṅkhayāti bhavanettiyā taṇhāya parikkhayā. Samparāyikāti samparāye khandhabhedato parabhāge bhavā. Yamhīti yasmiṃ anupādisesanibbāne. Bhavānīti liṅgavipallāsena vuttaṃ, upapattibhavā sabbaso anavasesā nirujjhanti, na pavattanti.
เตติ เต เอวํ วิมุตฺตจิตฺตาฯ ธมฺมสาราธิคมาติ วิมุตฺติสารตฺตา อิมสฺส ธมฺมวินยสฺส, ธเมฺมสุ สารภูตสฺส อรหตฺตสฺส อธิคมนโตฯ ขเยติ ราคาทิกฺขยภูเต นิพฺพาเน รตา อภิรตาฯ อถ วา นิจฺจภาวโต เสฎฺฐภาวโต จ ธเมฺมสุ สารนฺติ ธมฺมสารํ, นิพฺพานํฯ วุตฺตเญฺหตํ ‘‘วิราโค เสโฎฺฐ ธมฺมานํ (ธ. ป. ๒๗๓), วิราโค เตสํ อคฺคมกฺขายตี’’ติ (อิติวุ. ๙๐; อ. นิ. ๔.๓๔) จฯ ตสฺส ธมฺมสารสฺส อธิคมเหตุ ขเย สพฺพสงฺขารปริกฺขเย อนุปาทิเสสนิพฺพาเน รตาฯ ปหํสูติ ปชหิํสุฯ เตติ นิปาตมตฺตํฯ เสสํ วุตฺตนยเมวฯ
Teti te evaṃ vimuttacittā. Dhammasārādhigamāti vimuttisārattā imassa dhammavinayassa, dhammesu sārabhūtassa arahattassa adhigamanato. Khayeti rāgādikkhayabhūte nibbāne ratā abhiratā. Atha vā niccabhāvato seṭṭhabhāvato ca dhammesu sāranti dhammasāraṃ, nibbānaṃ. Vuttañhetaṃ ‘‘virāgo seṭṭho dhammānaṃ (dha. pa. 273), virāgo tesaṃ aggamakkhāyatī’’ti (itivu. 90; a. ni. 4.34) ca. Tassa dhammasārassa adhigamahetu khaye sabbasaṅkhāraparikkhaye anupādisesanibbāne ratā. Pahaṃsūti pajahiṃsu. Teti nipātamattaṃ. Sesaṃ vuttanayameva.
สตฺตมสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Sattamasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / อิติวุตฺตกปาฬิ • Itivuttakapāḷi / ๗. นิพฺพานธาตุสุตฺตํ • 7. Nibbānadhātusuttaṃ