Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) |
๔. ชมฺพุขาทกสํยุตฺตํ
4. Jambukhādakasaṃyuttaṃ
๑. นิพฺพานปญฺหสุตฺตวณฺณนา
1. Nibbānapañhasuttavaṇṇanā
๓๑๔. นิพฺพานํ อาคมฺมาติ เอตฺถ อาคมฺมาติ สพฺพสงฺขาเรหิ นิพฺพินฺนสฺส วิสงฺขารนินฺนสฺส โคตฺรภุนา วิวฎฺฎิตมานสสฺส มเคฺคน สจฺฉิกรเณนาติ อโตฺถฯ สจฺฉิกิริยมานญฺหิ ตํ อธิคนฺตฺวา อารมฺมณปจฺจยภูตญฺจ ปฎิจฺจ อธิปติปจฺจยภูเต จ ตสฺมิํ ปรมสฺสาสภาเวน วิมุตฺตสงฺขารสฺส ปรมคติภาเวน จ ปติฎฺฐานภูเต ปติฎฺฐาย ขยสงฺขาโต มโคฺค ราคาทิเก เขเปตีติ ตํสจฺฉิกรณาภาเว ราคาทีนํ อนุปฺปตฺตินิโรธคมนาภาวโต ‘‘นิพฺพานํ อาคมฺม ราโค ขียตี’’ติ วุตฺตํฯ
314.Nibbānaṃāgammāti ettha āgammāti sabbasaṅkhārehi nibbinnassa visaṅkhāraninnassa gotrabhunā vivaṭṭitamānasassa maggena sacchikaraṇenāti attho. Sacchikiriyamānañhi taṃ adhigantvā ārammaṇapaccayabhūtañca paṭicca adhipatipaccayabhūte ca tasmiṃ paramassāsabhāvena vimuttasaṅkhārassa paramagatibhāvena ca patiṭṭhānabhūte patiṭṭhāya khayasaṅkhāto maggo rāgādike khepetīti taṃsacchikaraṇābhāve rāgādīnaṃ anuppattinirodhagamanābhāvato ‘‘nibbānaṃ āgamma rāgo khīyatī’’ti vuttaṃ.
อิมินาว สุเตฺตนาติ อิมินาว ชมฺพุขาทกสุเตฺตนฯ กิเลสกฺขยมตฺตํ นิพฺพานนฺติ วเทยฺย ‘‘ราคกฺขโย’’ติอาทินา สุเตฺต อาคตตฺตาฯ ‘‘กิเลสกฺขยมตฺต’’นฺติ อวิเสเสน วุตฺตตฺตา อาห ‘‘กสฺสา’’ติอาทิฯ อทฺธา อตฺตโนติ วกฺขติ ‘‘ปรสฺส กิเลสกฺขเยน ปรสฺส นิพฺพานสมฺปตฺติ น ยุตฺตา’’ติฯ นิพฺพานารมฺมณกรเณน โคตฺรภุกฺขเณ กิเลสกฺขยปฺปตฺติตา จ อาปนฺนาติ อาห – ‘‘กิํ ปน เตสุ อขีเณสุเยวา’’ติอาทิฯ นนุ อารมฺมณกรณมเตฺตน กิเลสกฺขโย อนุปฺปโตฺตติ น สกฺกา วตฺตุํฯ จิตฺตญฺหิ อตีตานาคตาทิสพฺพํ อาลมฺพนํ กโรติ, น นิปฺผนฺนเมวาติฯ โคตฺรภูปิ มเคฺคน ยา กิเลสานํ อนุปฺปตฺติธมฺมตา กาตพฺพา, ตํ อารพฺภ ปวตฺติสฺสตีติ? น, อปฺปตฺตนิพฺพานสฺส นิพฺพานารมฺมณญาณาภาวโตฯ น หิ อเญฺญ ธมฺมา วิย นิพฺพานํ, ตํ ปน อติคมฺภีรตฺตา อปฺปเตฺตน อาลมฺพิตุํ น สกฺกา, ตสฺมา เตน โคตฺรภุนา ปตฺตเพฺพน ติกาลิกสภาวาติกฺกนฺตคมฺภีรภาเวน ภวิตพฺพํ, กิเลสกฺขยมตฺตตํ วา อิจฺฉโต โคตฺรภุโต ปุเรตรํ นิปฺผเนฺนน กิเลสกฺขเยน ภวิตพฺพํฯ อปฺปตฺตกิเลสกฺขยารมฺมณกรเณ หิ สติ โคตฺรภุโต ปุเรตรจิตฺตานิปิ อาลเมฺพยฺยุนฺติฯ
Imināva suttenāti imināva jambukhādakasuttena. Kilesakkhayamattaṃ nibbānanti vadeyya ‘‘rāgakkhayo’’tiādinā sutte āgatattā. ‘‘Kilesakkhayamatta’’nti avisesena vuttattā āha ‘‘kassā’’tiādi. Addhā attanoti vakkhati ‘‘parassa kilesakkhayena parassa nibbānasampatti na yuttā’’ti. Nibbānārammaṇakaraṇena gotrabhukkhaṇe kilesakkhayappattitā ca āpannāti āha – ‘‘kiṃ pana tesu akhīṇesuyevā’’tiādi. Nanu ārammaṇakaraṇamattena kilesakkhayo anuppattoti na sakkā vattuṃ. Cittañhi atītānāgatādisabbaṃ ālambanaṃ karoti, na nipphannamevāti. Gotrabhūpi maggena yā kilesānaṃ anuppattidhammatā kātabbā, taṃ ārabbha pavattissatīti? Na, appattanibbānassa nibbānārammaṇañāṇābhāvato. Na hi aññe dhammā viya nibbānaṃ, taṃ pana atigambhīrattā appattena ālambituṃ na sakkā, tasmā tena gotrabhunā pattabbena tikālikasabhāvātikkantagambhīrabhāvena bhavitabbaṃ, kilesakkhayamattataṃ vā icchato gotrabhuto puretaraṃ nipphannena kilesakkhayena bhavitabbaṃ. Appattakilesakkhayārammaṇakaraṇe hi sati gotrabhuto puretaracittānipi ālambeyyunti.
ตสฺมาติอาทิ วุตฺตเสฺสว อตฺถสฺส นิคมนํฯ ตํ ปเนตํ นิพฺพานํฯ รูปิโน ธมฺมา อรูปิโน ธมฺมาติอาทีสูติ อาทิสเทฺทน โลกุตฺตรอนาสวาทีนํ สงฺคโห ทฎฺฐโพฺพฯ อรูปธมฺมาทิภาวคฺคหเณน จสฺส ปรินิปฺผนฺนตา ทีปิตาฯ เตนาห ‘‘น กิเลสกฺขยมตฺตเมวา’’ติฯ กิเลสกฺขยมตฺตตาย หิ สติ นิพฺพานสฺส พหุตา อาปชฺชติ ‘‘ยตฺตกา กิเลสา ขียนฺติ, ตตฺตกานิ นิพฺพานานี’’ติฯ อภาวสฺสภาวโต คมฺภีราทิภาโว อสงฺขตาทิภาโว จ น สิยา, วุโตฺต จ โส นิพฺพานสฺส, ตสฺมาสฺส ปเจฺจตโพฺพ ปรินิปฺผนฺนภาโวฯ ยสฺมา จ สมฺมุติสจฺจารมฺมณํ สงฺขตธมฺมารมฺมณํ วา สมุเจฺฉทวเสน กิเลเส ปชหิตุํ น สโกฺกติ, ยโต มหคฺคตญาณํ วิปสฺสนาญาณํ วา กิเลสวิกฺขมฺภนวเสน ตทงฺควเสน วา ปชหติ, ตสฺมา อริยมคฺคญาณสฺส สมฺมุติสจฺจสงฺขตธมฺมารมฺมเณหิ วิปรีตสภาเวน อารมฺมเณน ภวิตพฺพํฯ ตถา หิ ตํ สมุเจฺฉทวเสน กิเลเส ปชหีติ เอวํ ปรินิปฺผนฺนาสงฺขตสภาวํ นิพฺพานนฺติ นิฎฺฐเมตฺถ คนฺตพฺพนฺติฯ
Tasmātiādi vuttasseva atthassa nigamanaṃ. Taṃ panetaṃ nibbānaṃ. Rūpino dhammā arūpino dhammātiādīsūti ādisaddena lokuttaraanāsavādīnaṃ saṅgaho daṭṭhabbo. Arūpadhammādibhāvaggahaṇena cassa parinipphannatā dīpitā. Tenāha ‘‘na kilesakkhayamattamevā’’ti. Kilesakkhayamattatāya hi sati nibbānassa bahutā āpajjati ‘‘yattakā kilesā khīyanti, tattakāni nibbānānī’’ti. Abhāvassabhāvato gambhīrādibhāvo asaṅkhatādibhāvo ca na siyā, vutto ca so nibbānassa, tasmāssa paccetabbo parinipphannabhāvo. Yasmā ca sammutisaccārammaṇaṃ saṅkhatadhammārammaṇaṃ vā samucchedavasena kilese pajahituṃ na sakkoti, yato mahaggatañāṇaṃ vipassanāñāṇaṃ vā kilesavikkhambhanavasena tadaṅgavasena vā pajahati, tasmā ariyamaggañāṇassa sammutisaccasaṅkhatadhammārammaṇehi viparītasabhāvena ārammaṇena bhavitabbaṃ. Tathā hi taṃ samucchedavasena kilese pajahīti evaṃ parinipphannāsaṅkhatasabhāvaṃ nibbānanti niṭṭhamettha gantabbanti.
นิพฺพานปญฺหสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Nibbānapañhasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๑. นิพฺพานปญฺหาสุตฺตํ • 1. Nibbānapañhāsuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๑. นิพฺพานปญฺหาสุตฺตวณฺณนา • 1. Nibbānapañhāsuttavaṇṇanā