Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ธมฺมสงฺคณิ-อฎฺฐกถา • Dhammasaṅgaṇi-aṭṭhakathā

    นิทานกถา

    Nidānakathā

    ตตฺถ เกนเฎฺฐน อภิธโมฺม? ธมฺมาติเรกธมฺมวิเสสเฎฺฐนฯ อติเรกวิเสสตฺถทีปโก เหตฺถ ‘อภิ’-สโทฺทฯ ‘‘พาฬฺหา เม ทุกฺขา เวทนา อภิกฺกมนฺติ โน ปฎิกฺกมนฺติ’’ (ม. นิ. ๓.๓๘๔; สํ. นิ. ๕.๑๙๕) ‘‘อภิกฺกนฺตวณฺณา’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๑-๒) วิยฯ ตสฺมา ยถา สมุสฺสิเตสุ พหูสุ ฉเตฺตสุ เจว ธเชสุ จ ยํ อติเรกปฺปมาณํ วิเสสวณฺณสณฺฐานญฺจ ฉตฺตํ, ตํ ‘อติจฺฉตฺต’นฺติ วุจฺจติ, โย อติเรกปฺปมาโณ นานาวิราควณฺณวิเสสสมฺปโนฺน จ ธโช โส ‘อติธโช’ติ วุจฺจติ, ยถา จ เอกโต สนฺนิปติเตสุ พหูสุ ราชกุมาเรสุ เจว เทเวสุ จ โย ชาติโภคยสอิสฺสริยาทิสมฺปตฺตีหิ อติเรกตโร เจว วิเสสวนฺตตโร จ ราชกุมาโร โส ‘อติราชกุมาโร’ติ วุจฺจติ, โย อายุวณฺณอิสฺสริยยสสมฺปตฺติอาทีหิ อติเรกตโร เจว วิเสสวนฺตตโร จ เทโว โส ‘อติเทโว’ติ วุจฺจติ, ตถารูโป พฺรหฺมาปิ ‘อติพฺรหฺมา’ติ วุจฺจติ, เอวเมว อยมฺปิ ธโมฺม ธมฺมาติเรกธมฺมวิเสสเฎฺฐน ‘อภิธโมฺม’ติ วุจฺจติฯ

    Tattha kenaṭṭhena abhidhammo? Dhammātirekadhammavisesaṭṭhena. Atirekavisesatthadīpako hettha ‘abhi’-saddo. ‘‘Bāḷhā me dukkhā vedanā abhikkamanti no paṭikkamanti’’ (ma. ni. 3.384; saṃ. ni. 5.195) ‘‘abhikkantavaṇṇā’’tiādīsu (saṃ. ni. 1.1-2) viya. Tasmā yathā samussitesu bahūsu chattesu ceva dhajesu ca yaṃ atirekappamāṇaṃ visesavaṇṇasaṇṭhānañca chattaṃ, taṃ ‘aticchatta’nti vuccati, yo atirekappamāṇo nānāvirāgavaṇṇavisesasampanno ca dhajo so ‘atidhajo’ti vuccati, yathā ca ekato sannipatitesu bahūsu rājakumāresu ceva devesu ca yo jātibhogayasaissariyādisampattīhi atirekataro ceva visesavantataro ca rājakumāro so ‘atirājakumāro’ti vuccati, yo āyuvaṇṇaissariyayasasampattiādīhi atirekataro ceva visesavantataro ca devo so ‘atidevo’ti vuccati, tathārūpo brahmāpi ‘atibrahmā’ti vuccati, evameva ayampi dhammo dhammātirekadhammavisesaṭṭhena ‘abhidhammo’ti vuccati.

    สุตฺตนฺตญฺหิ ปตฺวา ปญฺจกฺขนฺธา เอกเทเสเนว วิภตฺตา, น นิปฺปเทเสน; อภิธมฺมํ ปตฺวา ปน สุตฺตนฺตภาชนียอภิธมฺมภาชนียปญฺหปุจฺฉกนยานํ วเสน นิปฺปเทสโต วิภตฺตาฯ ตถา ทฺวาทสายตนานิ, อฎฺฐารส ธาตุโย, จตฺตาริ สจฺจานิ, พาวีสตินฺทฺริยานิ, ทฺวาทสปทิโก ปจฺจยากาโรฯ เกวลญฺหิ อินฺทฺริยวิภเงฺค สุตฺตนฺตภาชนียํ นตฺถิ, ปจฺจยากาเร จ ปญฺหปุจฺฉกํ นตฺถิฯ สุตฺตนฺตญฺจ ปตฺวา จตฺตาโร สติปฎฺฐานา เอกเทเสเนว วิภตฺตา, น นิปฺปเทเสน; อภิธมฺมํ ปตฺวา ปน ติณฺณมฺปิ นยานํ วเสน นิปฺปเทสโตว วิภตฺตาฯ ตถา จตฺตาริ สมฺมปฺปธานานิ, จตฺตาโร อิทฺธิปาทา, สตฺต โพชฺฌงฺคา, อริโย อฎฺฐงฺคิโก มโคฺค, จตฺตาริ ฌานานิ, จตโสฺส อปฺปมญฺญาโย, ปญฺจ สิกฺขาปทานิ, จตโสฺส ปฎิสมฺภิทาฯ เกวลเญฺหตฺถ สิกฺขาปทวิภเงฺค สุตฺตนฺตภาชนียํ นตฺถิฯ สุตฺตนฺตํ ปตฺวา จ ญาณํ เอกเทเสเนว วิภตฺตํ น นิปฺปเทเสน; ตถา กิเลสาฯ อภิธมฺมํ ปตฺวา ปน ‘‘เอกวิเธน ญาณวตฺถู’’ติอาทินา (วิภ. ๗๕๑) นเยน มาติกํ ฐเปตฺวา นิปฺปเทสโตว วิภตฺตํฯ ตถา เอกกโต ปฎฺฐาย อเนเกหิ นเยหิ กิเลสาฯ สุตฺตนฺตํ ปตฺวา จ ภูมนฺตรปริเจฺฉโท เอกเทเสเนว วิภโตฺต, น นิปฺปเทเสน; อภิธมฺมํ ปน ปตฺวา ติณฺณมฺปิ นยานํ วเสน ภูมนฺตรปริเจฺฉโท นิปฺปเทสโตว วิภโตฺตฯ เอวํ ธมฺมาติเรกธมฺมวิเสสเฎฺฐน อภิธโมฺมติ เวทิตโพฺพฯ

    Suttantañhi patvā pañcakkhandhā ekadeseneva vibhattā, na nippadesena; abhidhammaṃ patvā pana suttantabhājanīyaabhidhammabhājanīyapañhapucchakanayānaṃ vasena nippadesato vibhattā. Tathā dvādasāyatanāni, aṭṭhārasa dhātuyo, cattāri saccāni, bāvīsatindriyāni, dvādasapadiko paccayākāro. Kevalañhi indriyavibhaṅge suttantabhājanīyaṃ natthi, paccayākāre ca pañhapucchakaṃ natthi. Suttantañca patvā cattāro satipaṭṭhānā ekadeseneva vibhattā, na nippadesena; abhidhammaṃ patvā pana tiṇṇampi nayānaṃ vasena nippadesatova vibhattā. Tathā cattāri sammappadhānāni, cattāro iddhipādā, satta bojjhaṅgā, ariyo aṭṭhaṅgiko maggo, cattāri jhānāni, catasso appamaññāyo, pañca sikkhāpadāni, catasso paṭisambhidā. Kevalañhettha sikkhāpadavibhaṅge suttantabhājanīyaṃ natthi. Suttantaṃ patvā ca ñāṇaṃ ekadeseneva vibhattaṃ na nippadesena; tathā kilesā. Abhidhammaṃ patvā pana ‘‘ekavidhena ñāṇavatthū’’tiādinā (vibha. 751) nayena mātikaṃ ṭhapetvā nippadesatova vibhattaṃ. Tathā ekakato paṭṭhāya anekehi nayehi kilesā. Suttantaṃ patvā ca bhūmantaraparicchedo ekadeseneva vibhatto, na nippadesena; abhidhammaṃ pana patvā tiṇṇampi nayānaṃ vasena bhūmantaraparicchedo nippadesatova vibhatto. Evaṃ dhammātirekadhammavisesaṭṭhena abhidhammoti veditabbo.

    ปกรณปริเจฺฉทโต ปเนส ธมฺมสงฺคณีวิภงฺคธาตุกถาปุคฺคลปญฺญตฺติกถาวตฺถุยมกปฎฺฐานานํ สตฺตนฺนํ ปกรณานํ วเสน ฐิโตฯ อยเมตฺถ อาจริยานํ สมานกถาฯ วิตณฺฑวาที ปนาห – ‘กถาวตฺถุ กสฺมา คหิตํ? นนุ สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ปรินิพฺพานโต อฎฺฐารสวสฺสาธิกานิ เทฺว วสฺสสตานิ อติกฺกมิตฺวา โมคฺคลิปุตฺตติสฺสเตฺถเรเนตํ ฐปิตํ? ตสฺมา สาวกภาสิตตฺตา ฉเฑฺฑถ น’นฺติฯ ‘กิํ ปน ฉปฺปกรณานิ อภิธโมฺม’ติ? ‘เอวํ น วทามี’ติฯ ‘อถ กิํ วเทสี’ติฯ ‘สตฺตปฺปกรณานี’ติฯ ‘กตรํ คเหตฺวา สตฺต กโรสี’ติ? ‘มหาธมฺมหทยํ นาม อตฺถิ, เอเตน สห สตฺตา’ติฯ ‘มหาธมฺมหทเย อปุพฺพํ นตฺถิ, กติปยาว ปญฺหาวารา อวเสสา, กถาวตฺถุนาว สทฺธิํ สตฺตา’ติฯ ‘โน กถาวตฺถุนา, มหาธาตุกถา นาม อตฺถิ, ตาย สทฺธิํ สตฺตา’ติฯ ‘มหาธาตุกถายํ อปุพฺพํ นตฺถิ, อปฺปมตฺติกาว ตนฺติ อวเสสาฯ กถาวตฺถุนาว สทฺธิํ สตฺตา’ติฯ

    Pakaraṇaparicchedato panesa dhammasaṅgaṇīvibhaṅgadhātukathāpuggalapaññattikathāvatthuyamakapaṭṭhānānaṃ sattannaṃ pakaraṇānaṃ vasena ṭhito. Ayamettha ācariyānaṃ samānakathā. Vitaṇḍavādī panāha – ‘kathāvatthu kasmā gahitaṃ? Nanu sammāsambuddhassa parinibbānato aṭṭhārasavassādhikāni dve vassasatāni atikkamitvā moggaliputtatissattherenetaṃ ṭhapitaṃ? Tasmā sāvakabhāsitattā chaḍḍetha na’nti. ‘Kiṃ pana chappakaraṇāni abhidhammo’ti? ‘Evaṃ na vadāmī’ti. ‘Atha kiṃ vadesī’ti. ‘Sattappakaraṇānī’ti. ‘Kataraṃ gahetvā satta karosī’ti? ‘Mahādhammahadayaṃ nāma atthi, etena saha sattā’ti. ‘Mahādhammahadaye apubbaṃ natthi, katipayāva pañhāvārā avasesā, kathāvatthunāva saddhiṃ sattā’ti. ‘No kathāvatthunā, mahādhātukathā nāma atthi, tāya saddhiṃ sattā’ti. ‘Mahādhātukathāyaṃ apubbaṃ natthi, appamattikāva tanti avasesā. Kathāvatthunāva saddhiṃ sattā’ti.

    สมฺมาสมฺพุโทฺธ หิ สตฺตปฺปกรณานิ เทเสโนฺต กถาวตฺถุํ ปตฺวา ยา เอสา ปุคฺคลวาเร ตาว จตูสุ ปเญฺหสุ ทฺวินฺนํ ปญฺจกานํ วเสน อฎฺฐมุขา วาทยุตฺติ ตํ อาทิํ กตฺวา สพฺพกถามเคฺคสุ อสมฺปุณฺณภาณวารมตฺตาย ปาฬิยา มาติกํ ฐเปสิฯ สา ปเนสา ‘‘ปุคฺคโล อุปลพฺภติ สจฺจิกฎฺฐปรมเตฺถนาติฯ อามนฺตาฯ โย สจฺจิกโฎฺฐ ปรมโตฺถ ตโต โส ปุคฺคโล อุปลพฺภติ สจฺจิกฎฺฐปรมเตฺถนาติฯ นเหวํ วตฺตเพฺพฯ อาชานาหิ นิคฺคหํ…เป.… ปุคฺคโล นุปลพฺภติ สจฺจิกฎฺฐปรมเตฺถนาติฯ อามนฺตาฯ โย สจฺจิกโฎฺฐ ปรมโตฺถ ตโต โส ปุคฺคโล นุปลพฺภติ สจฺจิกฎฺฐปรมเตฺถนาติฯ นเหวํ วตฺตเพฺพฯ อาชานาหิ นิคฺคหํ…เป.…ฯ สพฺพตฺถ ปุคฺคโล อุปลพฺภติ สพฺพตฺถ ปุคฺคโล นุปลพฺภติ, สพฺพทา ปุคฺคโล อุปลพฺภติ สพฺพทา ปุคฺคโล นุปลพฺภติ, สเพฺพสุ ปุคฺคโล อุปลพฺภติ สเพฺพสุ ปุคฺคโล นุปลพฺภติ สจฺจิกฎฺฐปรมเตฺถนา’’ติ (กถา. ๑๕-๑๖) เอวํ ปฐมํ วาทํ นิสฺสาย ปฐมํ นิคฺคหํ, ทุติยํ นิสฺสาย ทุติยํ …เป.… อฎฺฐมํ นิสฺสาย อฎฺฐมํ นิคฺคหํ ทเสฺสเนฺตน สตฺถารา ฐปิตาฯ อิมินา นเยน สพฺพตฺถ มาติกาฐปนํ เวทิตพฺพํฯ ตํ ปเนตํ มาติกํ ฐเปโนฺต อิมํ ทิสฺวา ฐเปสิ – มม ปรินิพฺพานโต อฎฺฐารสวสฺสาธิกานํ ทฺวินฺนํ วสฺสสตานํ มตฺถเก โมคฺคลิปุตฺตติสฺสเตฺถโร นาม ภิกฺขุ ภิกฺขุสหสฺสมเชฺฌ นิสิโนฺน สกวาเท ปญฺจ สุตฺตสตานิ ปรวาเท ปญฺจาติ สุตฺตสหสฺสํ สโมธาเนตฺวา ทีฆนิกายปฺปมาณํ กถาวตฺถุปฺปกรณํ ภาเชสฺสตีติฯ

    Sammāsambuddho hi sattappakaraṇāni desento kathāvatthuṃ patvā yā esā puggalavāre tāva catūsu pañhesu dvinnaṃ pañcakānaṃ vasena aṭṭhamukhā vādayutti taṃ ādiṃ katvā sabbakathāmaggesu asampuṇṇabhāṇavāramattāya pāḷiyā mātikaṃ ṭhapesi. Sā panesā ‘‘puggalo upalabbhati saccikaṭṭhaparamatthenāti. Āmantā. Yo saccikaṭṭho paramattho tato so puggalo upalabbhati saccikaṭṭhaparamatthenāti. Nahevaṃ vattabbe. Ājānāhi niggahaṃ…pe… puggalo nupalabbhati saccikaṭṭhaparamatthenāti. Āmantā. Yo saccikaṭṭho paramattho tato so puggalo nupalabbhati saccikaṭṭhaparamatthenāti. Nahevaṃ vattabbe. Ājānāhi niggahaṃ…pe…. Sabbattha puggalo upalabbhati sabbattha puggalo nupalabbhati, sabbadā puggalo upalabbhati sabbadā puggalo nupalabbhati, sabbesu puggalo upalabbhati sabbesu puggalo nupalabbhati saccikaṭṭhaparamatthenā’’ti (kathā. 15-16) evaṃ paṭhamaṃ vādaṃ nissāya paṭhamaṃ niggahaṃ, dutiyaṃ nissāya dutiyaṃ …pe… aṭṭhamaṃ nissāya aṭṭhamaṃ niggahaṃ dassentena satthārā ṭhapitā. Iminā nayena sabbattha mātikāṭhapanaṃ veditabbaṃ. Taṃ panetaṃ mātikaṃ ṭhapento imaṃ disvā ṭhapesi – mama parinibbānato aṭṭhārasavassādhikānaṃ dvinnaṃ vassasatānaṃ matthake moggaliputtatissatthero nāma bhikkhu bhikkhusahassamajjhe nisinno sakavāde pañca suttasatāni paravāde pañcāti suttasahassaṃ samodhānetvā dīghanikāyappamāṇaṃ kathāvatthuppakaraṇaṃ bhājessatīti.

    โมคฺคลิปุตฺตติสฺสเตฺถโรปิ อิทํ ปกรณํ เทเสโนฺต น อตฺตโน ญาเณน เทเสสิ, สตฺถารา ปน ทินฺนนเยน ฐปิตมาติกาย เทเสสิฯ อิติ สตฺถารา ทินฺนนเยน ฐปิตมาติกาย เทสิตตฺตา สกลเมฺปตํ ปกรณํ พุทฺธภาสิตเมว นาม ชาตํฯ ยถา กิํ? ยถา มธุปิณฺฑิกสุตฺตนฺตาทีนิ ฯ มธุปิณฺฑิกสุตฺตนฺตสฺมิญฺหิ ภควา ‘‘ยโตนิทานํ ภิกฺขุ ปุริสํ ปปญฺจสญฺญาสงฺขา สมุทาจรนฺติ, เอตฺถ เจ นตฺถิ อภินนฺทิตพฺพํ อภิวทิตพฺพํ อโชฺฌสิตพฺพํ, เอเสวโนฺต ราคานุสยาน’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๒๐๒) มาติกํ ฐเปตฺวา อุฎฺฐายาสนา วิหารํ ปาวิสิฯ

    Moggaliputtatissattheropi idaṃ pakaraṇaṃ desento na attano ñāṇena desesi, satthārā pana dinnanayena ṭhapitamātikāya desesi. Iti satthārā dinnanayena ṭhapitamātikāya desitattā sakalampetaṃ pakaraṇaṃ buddhabhāsitameva nāma jātaṃ. Yathā kiṃ? Yathā madhupiṇḍikasuttantādīni . Madhupiṇḍikasuttantasmiñhi bhagavā ‘‘yatonidānaṃ bhikkhu purisaṃ papañcasaññāsaṅkhā samudācaranti, ettha ce natthi abhinanditabbaṃ abhivaditabbaṃ ajjhositabbaṃ, esevanto rāgānusayāna’’nti (ma. ni. 1.202) mātikaṃ ṭhapetvā uṭṭhāyāsanā vihāraṃ pāvisi.

    ธมฺมปฺปฎิคฺคาหกา ภิกฺขู มหากจฺจานเตฺถรํ อุปสงฺกมิตฺวา ทสพเลน ฐปิตมาติกาย อตฺถํ ปุจฺฉิํสุฯ เถโร ปุจฺฉิตมตฺตเกเนว อกเถตฺวา ทสพลสฺส อปจิติทสฺสนตฺถํ ‘‘เสยฺยถาปิ อาวุโส ปุริโส สารตฺถิโก สารคเวสี’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๐๓) สาโรปมํ อาหริตฺวา สารรุโกฺข วิย ภควา สาขาปลาสสทิสา สาวกา, ‘‘โส หาวุโส ภควา ชานํ ชานาติ, ปสฺสํ ปสฺสติ จกฺขุภูโต ญาณภูโต ธมฺมภูโต พฺรหฺมภูโต วตฺตา ปวตฺตา อตฺถสฺส นิเนฺนตา อมตสฺส ทาตา ธมฺมสฺสามี ตถาคโต’’ติ สตฺถารํ โถเมตฺวา ปุนปฺปุนํ เถเรหิ ยาจิโต สตฺถารา ฐปิตมาติกาย อตฺถํ วิภชิตฺวา ‘‘อากงฺขมานา จ ปน ตุเมฺห อายสฺมโนฺต ภควนฺตํเยว อุปสงฺกมิตฺวา เอตมตฺถํ ปฎิปุเจฺฉยฺยาถ สเจ สพฺพญฺญุตญฺญาเณน สทฺธิํ สํสนฺทิยมานํ สเมติ คเณฺหยฺยาถ, โน เจ มา คณฺหิตฺถา’’ติ อิมินา อธิปฺปาเยน ‘‘ยถา โว ภควา พฺยากโรติ ตถา นํ ธาเรยฺยาถา’’ติ วตฺวา อุโยฺยเชสิฯ

    Dhammappaṭiggāhakā bhikkhū mahākaccānattheraṃ upasaṅkamitvā dasabalena ṭhapitamātikāya atthaṃ pucchiṃsu. Thero pucchitamattakeneva akathetvā dasabalassa apacitidassanatthaṃ ‘‘seyyathāpi āvuso puriso sāratthiko sāragavesī’’ti (ma. ni. 1.203) sāropamaṃ āharitvā sārarukkho viya bhagavā sākhāpalāsasadisā sāvakā, ‘‘so hāvuso bhagavā jānaṃ jānāti, passaṃ passati cakkhubhūto ñāṇabhūto dhammabhūto brahmabhūto vattā pavattā atthassa ninnetā amatassa dātā dhammassāmī tathāgato’’ti satthāraṃ thometvā punappunaṃ therehi yācito satthārā ṭhapitamātikāya atthaṃ vibhajitvā ‘‘ākaṅkhamānā ca pana tumhe āyasmanto bhagavantaṃyeva upasaṅkamitvā etamatthaṃ paṭipuccheyyātha sace sabbaññutaññāṇena saddhiṃ saṃsandiyamānaṃ sameti gaṇheyyātha, no ce mā gaṇhitthā’’ti iminā adhippāyena ‘‘yathā vo bhagavā byākaroti tathā naṃ dhāreyyāthā’’ti vatvā uyyojesi.

    เต สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉิํสุฯ สตฺถา ทุกฺกถิตํ กจฺจาเนนาติ อวตฺวา สุวณฺณาลิงฺคํ อุสฺสาเปโนฺต วิย คีวํ อุนฺนาเมตฺวา สุปุปฺผิตสตปตฺตสสฺสิริกํ มหามุขํ ปูเรโนฺต พฺรหฺมสฺสรํ นิจฺฉาเรตฺวา สาธุ สาธูติ เถรสฺส สาธุการํ ทตฺวา ‘‘ปณฺฑิโต, ภิกฺขเว, มหากจฺจาโน, มหาปโญฺญ ภิกฺขเว มหากจฺจาโน, มํ เจปิ ตุเมฺห, ภิกฺขเว, เอตมตฺถํ ปฎิปุเจฺฉยฺยาถ, อหมฺปิ ตํ เอวเมวํ พฺยากเรยฺยํ ยถา ตํ มหากจฺจาเนน พฺยากต’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๒๐๕) อาหฯ

    Te satthāraṃ upasaṅkamitvā pucchiṃsu. Satthā dukkathitaṃ kaccānenāti avatvā suvaṇṇāliṅgaṃ ussāpento viya gīvaṃ unnāmetvā supupphitasatapattasassirikaṃ mahāmukhaṃ pūrento brahmassaraṃ nicchāretvā sādhu sādhūti therassa sādhukāraṃ datvā ‘‘paṇḍito, bhikkhave, mahākaccāno, mahāpañño bhikkhave mahākaccāno, maṃ cepi tumhe, bhikkhave, etamatthaṃ paṭipuccheyyātha, ahampi taṃ evamevaṃ byākareyyaṃ yathā taṃ mahākaccānena byākata’’nti (ma. ni. 1.205) āha.

    เอวํ สตฺถารา อนุโมทิตกาลโต ปฎฺฐาย จ ปน สกลํ สุตฺตํ พุทฺธภาสิตํ นาม ชาตํฯ อานนฺทเตฺถราทีหิ วิตฺถาริตสุเตฺตสุปิ เอเสว นโยฯ เอวเมว สมฺมาสมฺพุโทฺธ สตฺตปฺปกรณานิ เทเสโนฺต กถาวตฺถุํ ปตฺวา วุตฺตนเยน มาติกํ ฐเปสิฯ ฐเปโนฺต จ ปน อิมํ อทฺทส –

    Evaṃ satthārā anumoditakālato paṭṭhāya ca pana sakalaṃ suttaṃ buddhabhāsitaṃ nāma jātaṃ. Ānandattherādīhi vitthāritasuttesupi eseva nayo. Evameva sammāsambuddho sattappakaraṇāni desento kathāvatthuṃ patvā vuttanayena mātikaṃ ṭhapesi. Ṭhapento ca pana imaṃ addasa –

    มม ปรินิพฺพานโต อฎฺฐารสวสฺสาธิกานํ ทฺวินฺนํ วสฺสสตานํ มตฺถเก โมคฺคลิปุตฺตติสฺสเตฺถโร นาม ภิกฺขุ ภิกฺขุสหสฺสมเชฺฌ นิสิโนฺน สกวาเท ปญฺจ สุตฺตสตานิ ปรวาเท ปญฺจาติ สุตฺตสหสฺสํ สโมธาเนตฺวา ทีฆนิกายปฺปมาณํ กถาวตฺถุปฺปกรณํ ภาเชสฺสตีติฯ

    Mama parinibbānato aṭṭhārasavassādhikānaṃ dvinnaṃ vassasatānaṃ matthake moggaliputtatissatthero nāma bhikkhu bhikkhusahassamajjhe nisinno sakavāde pañca suttasatāni paravāde pañcāti suttasahassaṃ samodhānetvā dīghanikāyappamāṇaṃ kathāvatthuppakaraṇaṃ bhājessatīti.

    โมคฺคลิปุตฺตติสฺสเตฺถโรปิ อิมํ ปกรณํ เทเสโนฺต น อตฺตโน ญาเณน เทเสสิ, สตฺถารา ปน ทินฺนนเยน ฐปิตมาติกาย เทเสสิฯ อิติ สตฺถารา ทินฺนนเยน ฐปิตมาติกาย เทสิตตฺตา สกลเมฺปตํ ปกรณํ พุทฺธภาสิตเมว ชาตํฯ เอวํ กถาวตฺถุนาว สทฺธิํ สตฺต ปกรณานิ อภิธโมฺม นามฯ

    Moggaliputtatissattheropi imaṃ pakaraṇaṃ desento na attano ñāṇena desesi, satthārā pana dinnanayena ṭhapitamātikāya desesi. Iti satthārā dinnanayena ṭhapitamātikāya desitattā sakalampetaṃ pakaraṇaṃ buddhabhāsitameva jātaṃ. Evaṃ kathāvatthunāva saddhiṃ satta pakaraṇāni abhidhammo nāma.

    ตตฺถ ธมฺมสงฺคณีปกรเณ จตโสฺส วิภตฺติโย – จิตฺตวิภตฺติ รูปวิภตฺติ นิเกฺขปราสิ อตฺถุทฺธาโรติฯ ตตฺถ กามาวจรกุสลโต อฎฺฐ, อกุสลโต ทฺวาทส, กุสลวิปากโต โสฬส, อกุสลวิปากโต สตฺต, กิริยโต เอกาทส; รูปาวจรกุสลโต ปญฺจ, วิปากโต ปญฺจ, กิริยโต ปญฺจ; อรูปาวจรกุสลโต จตฺตาริ, วิปากโต จตฺตาริ, กิริยโต จตฺตาริ; โลกุตฺตรกุสลโต จตฺตาริ, วิปากโต จตฺตารีติ เอกูนนวุติ จิตฺตานิ จิตฺตวิภตฺติ นามฯ จิตฺตุปฺปาทกณฺฑนฺติปิ เอตเสฺสว นามํฯ ตํ วาจนามคฺคโต อติเรกฉภาณวารํ, วิตฺถาริยมานํ ปน อนนฺตมปริมาณํ โหติฯ

    Tattha dhammasaṅgaṇīpakaraṇe catasso vibhattiyo – cittavibhatti rūpavibhatti nikkheparāsi atthuddhāroti. Tattha kāmāvacarakusalato aṭṭha, akusalato dvādasa, kusalavipākato soḷasa, akusalavipākato satta, kiriyato ekādasa; rūpāvacarakusalato pañca, vipākato pañca, kiriyato pañca; arūpāvacarakusalato cattāri, vipākato cattāri, kiriyato cattāri; lokuttarakusalato cattāri, vipākato cattārīti ekūnanavuti cittāni cittavibhatti nāma. Cittuppādakaṇḍantipi etasseva nāmaṃ. Taṃ vācanāmaggato atirekachabhāṇavāraṃ, vitthāriyamānaṃ pana anantamaparimāṇaṃ hoti.

    ตทนนฺตรํ เอกวิเธน ทุวิเธนาติอาทินา นเยน มาติกํ ฐเปตฺวา วิตฺถาเรน วิภชิตฺวา ทสฺสิตา รูปวิภตฺติ นามฯ รูปกณฺฑนฺติปิ เอตเสฺสว นามํฯ ตํ วาจนามคฺคโต อติเรกทฺวิภาณวารํฯ วิตฺถาริยมานํ ปน อนนฺตมปริมาณํ โหติฯ

    Tadanantaraṃ ekavidhena duvidhenātiādinā nayena mātikaṃ ṭhapetvā vitthārena vibhajitvā dassitā rūpavibhatti nāma. Rūpakaṇḍantipi etasseva nāmaṃ. Taṃ vācanāmaggato atirekadvibhāṇavāraṃ. Vitthāriyamānaṃ pana anantamaparimāṇaṃ hoti.

    ตทนนฺตรํ มูลโต ขนฺธโต ทฺวารโต ภูมิโต อตฺถโต ธมฺมโต นามโต ลิงฺคโตติ เอวํ มูลาทีหิ นิกฺขิปิตฺวา เทสิโต นิเกฺขปราสิ นามฯ โส –

    Tadanantaraṃ mūlato khandhato dvārato bhūmito atthato dhammato nāmato liṅgatoti evaṃ mūlādīhi nikkhipitvā desito nikkheparāsi nāma. So –

    มูลโต ขนฺธโต จาปิ, ทฺวารโต จาปิ ภูมิโต;

    Mūlato khandhato cāpi, dvārato cāpi bhūmito;

    อตฺถโต ธมฺมโต จาปิ, นามโต จาปิ ลิงฺคโต;

    Atthato dhammato cāpi, nāmato cāpi liṅgato;

    นิกฺขิปิตฺวา เทสิตตฺตา, นิเกฺขโปติ ปวุจฺจติฯ

    Nikkhipitvā desitattā, nikkhepoti pavuccati.

    นิเกฺขปกณฺฑนฺติปิ ตเสฺสว นามํฯ ตํ วาจนามคฺคโต ติมตฺตภาณวารํฯ วิตฺถาริยมานํ ปน อนนฺตมปริมาณํ โหติฯ

    Nikkhepakaṇḍantipi tasseva nāmaṃ. Taṃ vācanāmaggato timattabhāṇavāraṃ. Vitthāriyamānaṃ pana anantamaparimāṇaṃ hoti.

    ตทนนฺตรํ ปน เตปิฎกสฺส พุทฺธวจนสฺส อตฺถุทฺธารภูตํ ยาว สรณทุกา นิกฺขิตฺตํ อฎฺฐกถากณฺฑํ นามฯ ยโต มหาปกรณิยา ภิกฺขู มหาปกรเณ คณนจารํ อสลฺลเกฺขนฺตา คณนจารํ สมาเนนฺติฯ ตํ วาจนามคฺคโต ทฺวิมตฺตภาณวารํฯ วิตฺถาริยมานํ ปน อนนฺตมปริมาณํ โหติฯ

    Tadanantaraṃ pana tepiṭakassa buddhavacanassa atthuddhārabhūtaṃ yāva saraṇadukā nikkhittaṃ aṭṭhakathākaṇḍaṃ nāma. Yato mahāpakaraṇiyā bhikkhū mahāpakaraṇe gaṇanacāraṃ asallakkhentā gaṇanacāraṃ samānenti. Taṃ vācanāmaggato dvimattabhāṇavāraṃ. Vitthāriyamānaṃ pana anantamaparimāṇaṃ hoti.

    อิติ สกลมฺปิ ธมฺมสงฺคณีปกรณํ วาจนามคฺคโต อติเรกเตรสมตฺตภาณวารํฯ วิตฺถาริยมานํ ปน อนนฺตมปริมาณํ โหติฯ เอวเมตํ –

    Iti sakalampi dhammasaṅgaṇīpakaraṇaṃ vācanāmaggato atirekaterasamattabhāṇavāraṃ. Vitthāriyamānaṃ pana anantamaparimāṇaṃ hoti. Evametaṃ –

    จิตฺตวิภตฺติ รูปญฺจ, นิเกฺขโป อตฺถโชตนา;

    Cittavibhatti rūpañca, nikkhepo atthajotanā;

    คมฺภีรํ นิปุณํ ฐานํ, ตมฺปิ พุเทฺธน เทสิตํฯ

    Gambhīraṃ nipuṇaṃ ṭhānaṃ, tampi buddhena desitaṃ.

    ตทนนฺตรํ วิภงฺคปฺปกรณํ นามฯ ตํ ขนฺธวิภโงฺค อายตนวิภโงฺค ธาตุวิภโงฺค สจฺจวิภโงฺค อิทฺริยวิภโงฺค ปจฺจยาการวิภโงฺค สติปฎฺฐานวิภโงฺค สมฺมปฺปธานวิภโงฺค อิทฺธิปาทวิภโงฺค โพชฺฌงฺควิภโงฺค มคฺคงฺควิภโงฺค ฌานวิภโงฺค อปฺปมญฺญาวิภโงฺค สิกฺขาปทวิภโงฺค ปฎิสมฺภิทาวิภโงฺค ญาณวิภโงฺค ขุทฺทกวตฺถุวิภโงฺค ธมฺมหทยวิภโงฺคติ อฎฺฐารสวิเธน วิภตฺตํฯ

    Tadanantaraṃ vibhaṅgappakaraṇaṃ nāma. Taṃ khandhavibhaṅgo āyatanavibhaṅgo dhātuvibhaṅgo saccavibhaṅgo idriyavibhaṅgo paccayākāravibhaṅgo satipaṭṭhānavibhaṅgo sammappadhānavibhaṅgo iddhipādavibhaṅgo bojjhaṅgavibhaṅgo maggaṅgavibhaṅgo jhānavibhaṅgo appamaññāvibhaṅgo sikkhāpadavibhaṅgo paṭisambhidāvibhaṅgo ñāṇavibhaṅgo khuddakavatthuvibhaṅgo dhammahadayavibhaṅgoti aṭṭhārasavidhena vibhattaṃ.

    ตตฺถ ขนฺธวิภโงฺค สุตฺตนฺตภาชนียอภิธมฺมภาชนียปญฺหปุจฺฉกานํ วเสน ติธา วิภโตฺตฯ โส วาจนามคฺคโต ปญฺจมตฺตภาณวาโร, วิตฺถาริยมาโน ปน อนโนฺต อปริมาโณ โหติฯ ตโต ปรํ อายตนวิภงฺคาทโยปิ เอเตเหว ตีหิ นเยหิ วิภตฺตาฯ เตสุ อายตนวิภโงฺค วาจนามคฺคโต อติเรกภาณวาโร, ธาตุวิภโงฺค ทฺวิมตฺตภาณวาโรฯ ตถา สจฺจวิภโงฺคฯ อินฺทฺริยวิภเงฺค สุตฺตนฺตภาชนียํ นตฺถิ; วาจนามคฺคโต ปเนส อติเรกภาณวารมโตฺตฯ ปจฺจยาการวิภโงฺค ฉมตฺตภาณวาโร, ปญฺหปุจฺฉกํ ปเนตฺถ นตฺถิฯ สติปฎฺฐานวิภโงฺค อติเรกภาณวารมโตฺต; ตถา สมฺมปฺปธาน อิทฺธิปาทโพชฺฌงฺคมคฺคงฺควิภงฺคาฯ ฌานวิภโงฺค ทฺวิภาณวารมโตฺต, อปฺปมญฺญาวิภโงฺค อติเรกภาณวารมโตฺตฯ สิกฺขาปทวิภเงฺคปิ สุตฺตนฺตภาชนียํ นตฺถิ; วาจนามคฺคโต ปเนส อติเรกภาณวารมโตฺต; ตถา ปฎิสมฺภิทาวิภโงฺคฯ ญาณวิภโงฺค ทสวิเธน วิภโตฺต; วาจนามคฺคโต ปเนส ติมตฺตภาณวาโรฯ ขุทฺทกวตฺถุวิภโงฺคปิ ทสวิเธน วิภโตฺต; วาจนามคฺคโต ปเนส ติมตฺตภาณวาโรฯ ธมฺมหทยวิภโงฺค ติวิเธน วิภโตฺต; วาจนามคฺคโต ปเนส อติเรกทฺวิภาณวารมโตฺตฯ สเพฺพปิ วิตฺถาริยมานา อนนฺตา อปริมาณา โหนฺติฯ เอวเมตํ วิภงฺคปฺปกรณํ วาจนามคฺคโต ปญฺจติํสมตฺตภาณวารํ; วิตฺถารโต ปน อนนฺตมปริมาณํ โหติฯ

    Tattha khandhavibhaṅgo suttantabhājanīyaabhidhammabhājanīyapañhapucchakānaṃ vasena tidhā vibhatto. So vācanāmaggato pañcamattabhāṇavāro, vitthāriyamāno pana ananto aparimāṇo hoti. Tato paraṃ āyatanavibhaṅgādayopi eteheva tīhi nayehi vibhattā. Tesu āyatanavibhaṅgo vācanāmaggato atirekabhāṇavāro, dhātuvibhaṅgo dvimattabhāṇavāro. Tathā saccavibhaṅgo. Indriyavibhaṅge suttantabhājanīyaṃ natthi; vācanāmaggato panesa atirekabhāṇavāramatto. Paccayākāravibhaṅgo chamattabhāṇavāro, pañhapucchakaṃ panettha natthi. Satipaṭṭhānavibhaṅgo atirekabhāṇavāramatto; tathā sammappadhāna iddhipādabojjhaṅgamaggaṅgavibhaṅgā. Jhānavibhaṅgo dvibhāṇavāramatto, appamaññāvibhaṅgo atirekabhāṇavāramatto. Sikkhāpadavibhaṅgepi suttantabhājanīyaṃ natthi; vācanāmaggato panesa atirekabhāṇavāramatto; tathā paṭisambhidāvibhaṅgo. Ñāṇavibhaṅgo dasavidhena vibhatto; vācanāmaggato panesa timattabhāṇavāro. Khuddakavatthuvibhaṅgopi dasavidhena vibhatto; vācanāmaggato panesa timattabhāṇavāro. Dhammahadayavibhaṅgo tividhena vibhatto; vācanāmaggato panesa atirekadvibhāṇavāramatto. Sabbepi vitthāriyamānā anantā aparimāṇā honti. Evametaṃ vibhaṅgappakaraṇaṃ vācanāmaggato pañcatiṃsamattabhāṇavāraṃ; vitthārato pana anantamaparimāṇaṃ hoti.

    ตทนนฺตรํ ธาตุกถาปกรณํ นามฯ ตํ สงฺคโห อสงฺคโห, สงฺคหิเตน อสงฺคหิตํ, อสงฺคหิเตน สงฺคหิตํ, สงฺคหิเตน สงฺคหิตํ, อสงฺคหิเตน อสงฺคหิตํ; สมฺปโยโค วิปฺปโยโค, สมฺปยุเตฺตน วิปฺปยุตฺตํ, วิปฺปยุเตฺตน สมฺปยุตฺตํ, สมฺปยุเตฺตน สมฺปยุตฺตํ, วิปฺปยุเตฺตน วิปฺปยุตฺตํ; สงฺคหิเตน สมฺปยุตฺตํ วิปฺปยุตฺตํ; สมฺปยุเตฺตน สงฺคหิตํ อสงฺคหิตํ, อสงฺคหิเตน สมฺปยุตฺตํ วิปฺปยุตฺตํ, วิปฺปยุเตฺตน สงฺคหิตํ อสงฺคหิตนฺติ จุทฺทสวิเธน วิภตฺตํฯ ตํ วาจนามคฺคโต อติเรกฉภาณวารมตฺตํ, วิตฺถาริยมานํ ปน อนนฺตมปริมาณํ โหติฯ

    Tadanantaraṃ dhātukathāpakaraṇaṃ nāma. Taṃ saṅgaho asaṅgaho, saṅgahitena asaṅgahitaṃ, asaṅgahitena saṅgahitaṃ, saṅgahitena saṅgahitaṃ, asaṅgahitena asaṅgahitaṃ; sampayogo vippayogo, sampayuttena vippayuttaṃ, vippayuttena sampayuttaṃ, sampayuttena sampayuttaṃ, vippayuttena vippayuttaṃ; saṅgahitena sampayuttaṃ vippayuttaṃ; sampayuttena saṅgahitaṃ asaṅgahitaṃ, asaṅgahitena sampayuttaṃ vippayuttaṃ, vippayuttena saṅgahitaṃ asaṅgahitanti cuddasavidhena vibhattaṃ. Taṃ vācanāmaggato atirekachabhāṇavāramattaṃ, vitthāriyamānaṃ pana anantamaparimāṇaṃ hoti.

    ตทนนฺตรํ ปุคฺคลปญฺญตฺติ นามฯ สา ‘‘ขนฺธปญฺญตฺติ อายตนปญฺญตฺติ ธาตุปญฺญตฺติ สจฺจปญฺญตฺติ อินฺทฺริยปญฺญตฺติ ปุคฺคลปญฺญตฺตี’’ติ ฉพฺพิเธน วิภตฺตาฯ สา วาจนามคฺคโต อติเรกปญฺจภาณวารา; วิตฺถาริยมานา ปน อนนฺตา อปริมาณาว โหติฯ

    Tadanantaraṃ puggalapaññatti nāma. Sā ‘‘khandhapaññatti āyatanapaññatti dhātupaññatti saccapaññatti indriyapaññatti puggalapaññattī’’ti chabbidhena vibhattā. Sā vācanāmaggato atirekapañcabhāṇavārā; vitthāriyamānā pana anantā aparimāṇāva hoti.

    ตทนนฺตรํ กถาวตฺถุปฺปกรณํ นามฯ ตํ สกวาเท ปญฺจ สุตฺตสตานิ ปรวาเท ปญฺจาติ สุตฺตสหสฺสํ สโมธาเนตฺวา วิภตฺตํฯ ตํ วาจนามคฺคโต อิทานิ โปตฺถเก ลิขิตํ อคฺคเหตฺวา สงฺคีติอาโรปิตนเยน ทีฆนิกายปฺปมาณํ, วิตฺถาริยมานํ ปน อนนฺตมปริมาณํ โหติฯ

    Tadanantaraṃ kathāvatthuppakaraṇaṃ nāma. Taṃ sakavāde pañca suttasatāni paravāde pañcāti suttasahassaṃ samodhānetvā vibhattaṃ. Taṃ vācanāmaggato idāni potthake likhitaṃ aggahetvā saṅgītiāropitanayena dīghanikāyappamāṇaṃ, vitthāriyamānaṃ pana anantamaparimāṇaṃ hoti.

    ตทนนฺตรํ ยมกํ นามฯ ตํ มูลยมกํ ขนฺธยมกํ อายตนยมกํ ธาตุยมกํ สจฺจยมกํ สงฺขารยมกํ อนุสยยมกํ จิตฺตยมกํ ธมฺมยมกํ อินฺทฺริยยมกนฺติ ทสวิเธน วิภตฺตํฯ ตํ วาจนามคฺคโต วีสภาณวารสตํ, วิตฺถารโต ปน อนนฺตมปริมาณํ โหติฯ

    Tadanantaraṃ yamakaṃ nāma. Taṃ mūlayamakaṃ khandhayamakaṃ āyatanayamakaṃ dhātuyamakaṃ saccayamakaṃ saṅkhārayamakaṃ anusayayamakaṃ cittayamakaṃ dhammayamakaṃ indriyayamakanti dasavidhena vibhattaṃ. Taṃ vācanāmaggato vīsabhāṇavārasataṃ, vitthārato pana anantamaparimāṇaṃ hoti.

    ตทนนฺตรํ มหาปกรณํ นามฯ ปฎฺฐานนฺติปิ ตเสฺสว นามํฯ ตํ เหตุปจฺจโย อารมฺมณปจฺจโย อธิปติปจฺจโย อนนฺตรปจฺจโย สมนนฺตรปจฺจโย สหชาตปจฺจโย อญฺญมญฺญปจฺจโย นิสฺสยปจฺจโย อุปนิสฺสยปจฺจโย ปุเรชาตปจฺจโย ปจฺฉาชาตปจฺจโย อาเสวนปจฺจโย กมฺมปจฺจโย วิปากปจฺจโย อาหารปจฺจโย อินฺทฺริยปจฺจโย ฌานปจฺจโย มคฺคปจฺจโย สมฺปยุตฺตปจฺจโย วิปฺปยุตฺตปจฺจโย อตฺถิปจฺจโย นตฺถิปจฺจโย วิคตปจฺจโย อวิคตปจฺจโยติฯ ปจฺจยวเสน ตาว จตุวีสติวิเธน วิภตฺตํฯ

    Tadanantaraṃ mahāpakaraṇaṃ nāma. Paṭṭhānantipi tasseva nāmaṃ. Taṃ hetupaccayo ārammaṇapaccayo adhipatipaccayo anantarapaccayo samanantarapaccayo sahajātapaccayo aññamaññapaccayo nissayapaccayo upanissayapaccayo purejātapaccayo pacchājātapaccayo āsevanapaccayo kammapaccayo vipākapaccayo āhārapaccayo indriyapaccayo jhānapaccayo maggapaccayo sampayuttapaccayo vippayuttapaccayo atthipaccayo natthipaccayo vigatapaccayo avigatapaccayoti. Paccayavasena tāva catuvīsatividhena vibhattaṃ.

    อิมสฺมิํ ปน ฐาเน ปฎฺฐานํ สมาเนตพฺพํฯ กุสลตฺติกาทโย หิ ทฺวาวีสติ ติกา, นาม เหตู ธมฺมา นเหตู ธมฺมา…เป.… สรณา ธมฺมา อรณา ธมฺมาติ อิเม สตํ ทุกาฯ อปเรปิ วิชฺชาภาคิโน ธมฺมา อวิชฺชาภาคิโน ธมฺมา…เป.… ขเย ญาณํ, อนุปฺปาเท ญาณนฺติ ทฺวาจตฺตาลีส สุตฺตนฺติกทุกา นามฯ เตสุ ทฺวาวีสติ ติกา สตํ ทุกาติ อยํ อาหจฺจภาสิตา ชินวจนภูตา สพฺพญฺญุพุเทฺธน เทสิตา สตฺตนฺนํ ปกรณานํ มาติกา นามฯ

    Imasmiṃ pana ṭhāne paṭṭhānaṃ samānetabbaṃ. Kusalattikādayo hi dvāvīsati tikā, nāma hetū dhammā nahetū dhammā…pe… saraṇā dhammā araṇā dhammāti ime sataṃ dukā. Aparepi vijjābhāgino dhammā avijjābhāgino dhammā…pe… khaye ñāṇaṃ, anuppāde ñāṇanti dvācattālīsa suttantikadukā nāma. Tesu dvāvīsati tikā sataṃ dukāti ayaṃ āhaccabhāsitā jinavacanabhūtā sabbaññubuddhena desitā sattannaṃ pakaraṇānaṃ mātikā nāma.

    อถาปเร ทฺวาจตฺตาลีส สุตฺตนฺติกทุกา กุโตปภวา เกน ฐปิตา เกน เทสิตาติ? ธมฺมเสนาปติสาริปุตฺตเตฺถรปฺปภวา, เตน ฐปิตา, เตน เทสิตาติฯ อิเม ฐเปโนฺต ปน เถโร น สามุกฺกํสิเกน อตฺตโน ญาเณน ฐเปสิฯ เอกุตฺตริยํ ปน เอกนิปาตทุกนิปาตสงฺคีติ ทสุตฺตรสุตฺตเนฺตหิ สโมธาเนตฺวา อาภิธมฺมิกเตฺถรานํ สุตฺตนฺตํ ปตฺวา อกิลมตฺถํ ฐปิตาฯ เต ปเนเต เอกสฺมิํ นิเกฺขปกเณฺฑเยว มตฺถกํ ปาเปตฺวา วิภตฺตาฯ เสสฎฺฐาเนสุ ยาว สรณทุกา อภิธโมฺม วิภโตฺตฯ

    Athāpare dvācattālīsa suttantikadukā kutopabhavā kena ṭhapitā kena desitāti? Dhammasenāpatisāriputtattherappabhavā, tena ṭhapitā, tena desitāti. Ime ṭhapento pana thero na sāmukkaṃsikena attano ñāṇena ṭhapesi. Ekuttariyaṃ pana ekanipātadukanipātasaṅgīti dasuttarasuttantehi samodhānetvā ābhidhammikattherānaṃ suttantaṃ patvā akilamatthaṃ ṭhapitā. Te panete ekasmiṃ nikkhepakaṇḍeyeva matthakaṃ pāpetvā vibhattā. Sesaṭṭhānesu yāva saraṇadukā abhidhammo vibhatto.

    สมฺมาสมฺพุเทฺธน หิ อนุโลมปฎฺฐาเน ทฺวาวีสติ ติเก นิสฺสาย ติกปฎฺฐานํ นาม นิทฺทิฎฺฐํฯ สตํ ทุเก นิสฺสาย ทุกปฎฺฐานํ นาม นิทฺทิฎฺฐํฯ ตโต ปรํ ทฺวาวีสติ ติเก คเหตฺวา ทุกสเต ปกฺขิปิตฺวา ทุกติกปฎฺฐานํ นาม ทสฺสิตํฯ ตโต ปรํ ทุกสตํ คเหตฺวา ทฺวาวีสติยา ติเกสุ ปกฺขิปิตฺวา ติกทุกปฎฺฐานํ นาม ทสฺสิตํฯ ติเก ปน ติเกสุเยว ปกฺขิปิตฺวา ติกติกปฎฺฐานํ นาม ทสฺสิตํฯ ทุเก จ ทุเกสุเยว ปกฺขิปิตฺวา ทุกทุกปฎฺฐานํ นาม ทสฺสิตํฯ เอวํ –

    Sammāsambuddhena hi anulomapaṭṭhāne dvāvīsati tike nissāya tikapaṭṭhānaṃ nāma niddiṭṭhaṃ. Sataṃ duke nissāya dukapaṭṭhānaṃ nāma niddiṭṭhaṃ. Tato paraṃ dvāvīsati tike gahetvā dukasate pakkhipitvā dukatikapaṭṭhānaṃ nāma dassitaṃ. Tato paraṃ dukasataṃ gahetvā dvāvīsatiyā tikesu pakkhipitvā tikadukapaṭṭhānaṃ nāma dassitaṃ. Tike pana tikesuyeva pakkhipitvā tikatikapaṭṭhānaṃ nāma dassitaṃ. Duke ca dukesuyeva pakkhipitvā dukadukapaṭṭhānaṃ nāma dassitaṃ. Evaṃ –

    ติกญฺจ ปฎฺฐานวรํ ทุกุตฺตมํ,

    Tikañca paṭṭhānavaraṃ dukuttamaṃ,

    ทุกติกเญฺจว ติกทุกญฺจ;

    Dukatikañceva tikadukañca;

    ติกติกเญฺจว ทุกทุกญฺจ,

    Tikatikañceva dukadukañca,

    อนุโลมมฺหิ นยา สุคมฺภีราติฯ (ปฎฺฐา. ๑.๑.๓๙);

    Cha anulomamhi nayā sugambhīrāti. (paṭṭhā. 1.1.39);

    ปจฺจนียปฎฺฐาเนปิ ทฺวาวีสติติเก นิสฺสาย ติกปฎฺฐานํ นามฯ ทุกสตํ นิสฺสาย ทุกปฎฺฐานํ นามฯ ทฺวาวีสติติเก ทุกสเต ปกฺขิปิตฺวา ทุกติกปฎฺฐานํ นามฯ ทุกสตํ ทฺวาวีสติยา ติเกสุ ปกฺขิปิตฺวา ติกทุกปฎฺฐานํ นามฯ ติเก ติเกสุเยว ปกฺขิปิตฺวา ติกติกปฎฺฐานํ นามฯ ทุเก ทุเกสุเยว ปกฺขิปิตฺวา ทุกทุกปฎฺฐานํ นามาติ ปจฺจนีเยปิ ฉหิ นเยหิ ปฎฺฐานํ นิทฺทิฎฺฐํฯ เตน วุตฺตํ –

    Paccanīyapaṭṭhānepi dvāvīsatitike nissāya tikapaṭṭhānaṃ nāma. Dukasataṃ nissāya dukapaṭṭhānaṃ nāma. Dvāvīsatitike dukasate pakkhipitvā dukatikapaṭṭhānaṃ nāma. Dukasataṃ dvāvīsatiyā tikesu pakkhipitvā tikadukapaṭṭhānaṃ nāma. Tike tikesuyeva pakkhipitvā tikatikapaṭṭhānaṃ nāma. Duke dukesuyeva pakkhipitvā dukadukapaṭṭhānaṃ nāmāti paccanīyepi chahi nayehi paṭṭhānaṃ niddiṭṭhaṃ. Tena vuttaṃ –

    ติกญฺจ ปฎฺฐานวรํ ทุกุตฺตมํ,

    Tikañca paṭṭhānavaraṃ dukuttamaṃ,

    ทุกติกเญฺจว ติกทุกญฺจ;

    Dukatikañceva tikadukañca;

    ติกติกเญฺจว ทุกทุกญฺจ,

    Tikatikañceva dukadukañca,

    ปจฺจนียมฺหิ นยา สุคมฺภีราติฯ (ปฎฺฐา. ๑.๑.๔๔);

    Cha paccanīyamhi nayā sugambhīrāti. (paṭṭhā. 1.1.44);

    ตโต ปรํ อนุโลมปจฺจนีเยปิ เอเตเนว อุปาเยน ฉ นยา ทสฺสิตาฯ เตนาห –

    Tato paraṃ anulomapaccanīyepi eteneva upāyena cha nayā dassitā. Tenāha –

    ติกญฺจ ปฎฺฐานวรํ ทุกุตฺตมํ,

    Tikañca paṭṭhānavaraṃ dukuttamaṃ,

    ทุกติกเญฺจว ติกทุกญฺจ;

    Dukatikañceva tikadukañca;

    ติกติกเญฺจว ทุกทุกญฺจ,

    Tikatikañceva dukadukañca,

    อนุโลมปจฺจนียมฺหิ นยา สุคมฺภีราติฯ (ปฎฺฐา. ๑.๑.๔๘);

    Cha anulomapaccanīyamhi nayā sugambhīrāti. (paṭṭhā. 1.1.48);

    ตทนนฺตรํ ปจฺจนียานุโลเมปิ เอเตเหว ฉหิ นเยหิ นิทฺทิฎฺฐํฯ เตนาห –

    Tadanantaraṃ paccanīyānulomepi eteheva chahi nayehi niddiṭṭhaṃ. Tenāha –

    ติกญฺจ ปฎฺฐานวรํ ทุกุตฺตมํ,

    Tikañca paṭṭhānavaraṃ dukuttamaṃ,

    ทุกติกเญฺจว ติกทุกญฺจ;

    Dukatikañceva tikadukañca;

    ติกติกเญฺจว ทุกทุกญฺจ,

    Tikatikañceva dukadukañca,

    ปจฺจนียานุโลมมฺหิ นยา สุคมฺภีราติฯ (ปฎฺฐา. ๑.๑.๕๒);

    Cha paccanīyānulomamhi nayā sugambhīrāti. (paṭṭhā. 1.1.52);

    เอวํ อนุโลเม ฉ ปฎฺฐานานิ, ปฎิโลเม ฉ, อนุโลมปจฺจนีเย ฉ, ปจฺจนียานุโลเม ฉ ปฎฺฐานานีติ อิทํ จตุวีสติสมนฺตปฎฺฐานสโมธานํ ปฎฺฐานํ มหาปกรณํ นามฯ

    Evaṃ anulome cha paṭṭhānāni, paṭilome cha, anulomapaccanīye cha, paccanīyānulome cha paṭṭhānānīti idaṃ catuvīsatisamantapaṭṭhānasamodhānaṃ paṭṭhānaṃ mahāpakaraṇaṃ nāma.

    อิทานิ อิมสฺส อภิธมฺมสฺส คมฺภีรภาววิชานนตฺถํ จตฺตาโร สาครา เวทิตพฺพา – สํสารสาคโร, ชลสาคโร, นยสาคโร, ญาณสาคโรติฯ ตตฺถ สํสารสาคโร นาม –

    Idāni imassa abhidhammassa gambhīrabhāvavijānanatthaṃ cattāro sāgarā veditabbā – saṃsārasāgaro, jalasāgaro, nayasāgaro, ñāṇasāgaroti. Tattha saṃsārasāgaro nāma –

    ขนฺธานญฺจ ปฎิปาฎิ, ธาตุอายตนาน จ;

    Khandhānañca paṭipāṭi, dhātuāyatanāna ca;

    อโพฺพจฺฉินฺนํ วตฺตมานา, สํสาโรติ ปวุจฺจตีติฯ

    Abbocchinnaṃ vattamānā, saṃsāroti pavuccatīti.

    เอวํ วุตฺตํ สํสารวฎฺฎํฯ สฺวายํ ยสฺมา อิเมสํ สตฺตานํ อุปฺปตฺติยา ปุริมา โกฎิ น ปญฺญายติ เอตฺตกานญฺหิ วสฺสสตานํ วา วสฺสสหสฺสานํ วา วสฺสสตสหสฺสานํ วา, กปฺปสตานํ วา กปฺปสหสฺสานํ วา กปฺปสตสหสฺสานํ วา มตฺถเก สตฺตา อุปฺปนฺนา, ตโต ปุเพฺพ นาเหสุนฺติ วา, อสุกสฺส นาม รโญฺญ กาเล อุปฺปนฺนา, อสุกสฺส พุทฺธสฺส กาเล อุปฺปนฺนา ตโต ปุเพฺพ นาเหสุนฺติ วา, อยํ ปริเจฺฉโท นตฺถิ; ‘‘ปุริมา, ภิกฺขเว, โกฎิ น ปญฺญายติ อวิชฺชาย, อิโต ปุเพฺพ อวิชฺชา นาโหสิ อถ ปจฺฉา สมภวี’’ติ (อ. นิ. ๑๐.๖๑) อิมินา ปน นเยน สํสารสาคโร อนมตโคฺควฯ

    Evaṃ vuttaṃ saṃsāravaṭṭaṃ. Svāyaṃ yasmā imesaṃ sattānaṃ uppattiyā purimā koṭi na paññāyati ettakānañhi vassasatānaṃ vā vassasahassānaṃ vā vassasatasahassānaṃ vā, kappasatānaṃ vā kappasahassānaṃ vā kappasatasahassānaṃ vā matthake sattā uppannā, tato pubbe nāhesunti vā, asukassa nāma rañño kāle uppannā, asukassa buddhassa kāle uppannā tato pubbe nāhesunti vā, ayaṃ paricchedo natthi; ‘‘purimā, bhikkhave, koṭi na paññāyati avijjāya, ito pubbe avijjā nāhosi atha pacchā samabhavī’’ti (a. ni. 10.61) iminā pana nayena saṃsārasāgaro anamataggova.

    มหาสมุโทฺท ปน ชลสาคโร นามาติ เวทิตโพฺพฯ โส จตุราสีติโยชนสหสฺสคมฺภีโรฯ ตตฺถ อุทกสฺส อาฬฺหกสเตหิ วา อาฬฺหกสหเสฺสหิ วา อาฬฺหกสตสหเสฺสหิ วา ปมาณํ นาม นตฺถิ ฯ อถ โข อสเงฺขฺยโยฺย อปฺปเมโยฺย มหาอุทกกฺขโนฺธเตฺวว สงฺขฺยํ คจฺฉติฯ อยํ ชลสาคโร นามฯ

    Mahāsamuddo pana jalasāgaro nāmāti veditabbo. So caturāsītiyojanasahassagambhīro. Tattha udakassa āḷhakasatehi vā āḷhakasahassehi vā āḷhakasatasahassehi vā pamāṇaṃ nāma natthi . Atha kho asaṅkhyeyyo appameyyo mahāudakakkhandhotveva saṅkhyaṃ gacchati. Ayaṃ jalasāgaro nāma.

    กตโม นยสาคโร? เตปิฎกํ พุทฺธวจนํฯ เทฺวปิ หิ ตนฺติโย ปจฺจเวกฺขนฺตานํ สทฺธาสมฺปนฺนานํ ปสาทพหุลานํ ญาณุตฺตรานํ กุลปุตฺตานํ อนนฺตํ ปีติโสมนสฺสํ อุปฺปชฺชติฯ กตมา เทฺว? วินยญฺจ อภิธมฺมญฺจฯ วินยธรภิกฺขูนญฺหิ วินยตนฺติํ ปจฺจเวกฺขนฺตานํ โทสานุรูปํ สิกฺขาปทปญฺญาปนํ นาม – อิมสฺมิํ โทเส อิมสฺมิํ วีติกฺกเม อิทํ นาม โหตีติ สิกฺขาปทปญฺญาปนํ – อเญฺญสํ อวิสโย, พุทฺธานเมว วิสโยติฯ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมเปยฺยาลํ ปจฺจเวกฺขนฺตานํ นีลเปยฺยาลํ ปจฺจเวกฺขนฺตานํ สญฺจริตฺตเปยฺยาลํ ปจฺจเวกฺขนฺตานํ อนนฺตํ ปีติโสมนสฺสํ อุปฺปชฺชติฯ อาภิธมฺมิกภิกฺขูนมฺปิ ขนฺธนฺตรํ อายตนนฺตรํ ธาตฺวนฺตรํ อินฺทฺริยนฺตรํ พลโพชฺฌงฺคกมฺมวิปากนฺตรํ รูปารูปปริเจฺฉทํ สณฺหสุขุมธมฺมํ คคนตเล ตารกรูปานิ คณฺหโนฺต วิย รูปารูปธเมฺม ปพฺพํ ปพฺพํ โกฎฺฐาสํ โกฎฺฐาสํ กตฺวา วิภชโนฺต ทเสฺสสิ วต โน สตฺถาติ อภิธมฺมตนฺติํ ปจฺจเวกฺขนฺตานํ อนนฺตํ ปีติโสมนสฺสํ อุปฺปชฺชติฯ

    Katamo nayasāgaro? Tepiṭakaṃ buddhavacanaṃ. Dvepi hi tantiyo paccavekkhantānaṃ saddhāsampannānaṃ pasādabahulānaṃ ñāṇuttarānaṃ kulaputtānaṃ anantaṃ pītisomanassaṃ uppajjati. Katamā dve? Vinayañca abhidhammañca. Vinayadharabhikkhūnañhi vinayatantiṃ paccavekkhantānaṃ dosānurūpaṃ sikkhāpadapaññāpanaṃ nāma – imasmiṃ dose imasmiṃ vītikkame idaṃ nāma hotīti sikkhāpadapaññāpanaṃ – aññesaṃ avisayo, buddhānameva visayoti. Uttarimanussadhammapeyyālaṃ paccavekkhantānaṃ nīlapeyyālaṃ paccavekkhantānaṃ sañcarittapeyyālaṃ paccavekkhantānaṃ anantaṃ pītisomanassaṃ uppajjati. Ābhidhammikabhikkhūnampi khandhantaraṃ āyatanantaraṃ dhātvantaraṃ indriyantaraṃ balabojjhaṅgakammavipākantaraṃ rūpārūpaparicchedaṃ saṇhasukhumadhammaṃ gaganatale tārakarūpāni gaṇhanto viya rūpārūpadhamme pabbaṃ pabbaṃ koṭṭhāsaṃ koṭṭhāsaṃ katvā vibhajanto dassesi vata no satthāti abhidhammatantiṃ paccavekkhantānaṃ anantaṃ pītisomanassaṃ uppajjati.

    เอวํ อุปฺปตฺติยา ปนสฺส อิทํ วตฺถุปิ เวทิตพฺพํ – มหาคติคมิยติสฺสทตฺตเตฺถโร กิร นาม มหาโพธิํ วนฺทิสฺสามีติ ปรตีรํ คจฺฉโนฺต นาวาย อุปริตเล นิสิโนฺน มหาสมุทฺทํ โอโลเกสิฯ อถสฺส ตสฺมิํ สมเย เนว ปรตีรํ ปญฺญายิตฺถ, น โอริมตีรํ, อูมิเวคปฺปเภทสมุคฺคตชลจุณฺณปริกิโณฺณ ปน ปสาริตรชตปฎฺฎสุมนปุปฺผสนฺถรสทิโส มหาสมุโทฺทว ปญฺญายิตฺถฯ โส กิํ นุ โข มหาสมุทฺทสฺส อูมิเวโค พลวา อุทาหุ จตุวีสติปฺปเภเท สมนฺตปฎฺฐาเน นยมุขํ พลวนฺติ จิเนฺตสิฯ อถสฺส มหาสมุเทฺท ปริเจฺฉโท ปญฺญายติ – อยญฺหิ เหฎฺฐา มหาปถวิยา ปริจฺฉิโนฺน, อุปริ อากาเสน, เอกโต จกฺกวาฬปพฺพเตน, เอกโต เวลเนฺตน ปริจฺฉิโนฺน; สมนฺตปฎฺฐานสฺส ปน ปริเจฺฉโท น ปญฺญายตีติ สณฺหสุขุมธมฺมํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส พลวปีติ อุปฺปนฺนาฯ โส ปีติํ วิกฺขเมฺภตฺวา วิปสฺสนํ วเฑฺฒตฺวา ยถานิสิโนฺนว สพฺพกิเลเส เขเปตฺวา อคฺคผเล อรหเตฺต ปติฎฺฐาย อุทานํ อุทาเนสิ –

    Evaṃ uppattiyā panassa idaṃ vatthupi veditabbaṃ – mahāgatigamiyatissadattatthero kira nāma mahābodhiṃ vandissāmīti paratīraṃ gacchanto nāvāya uparitale nisinno mahāsamuddaṃ olokesi. Athassa tasmiṃ samaye neva paratīraṃ paññāyittha, na orimatīraṃ, ūmivegappabhedasamuggatajalacuṇṇaparikiṇṇo pana pasāritarajatapaṭṭasumanapupphasantharasadiso mahāsamuddova paññāyittha. So kiṃ nu kho mahāsamuddassa ūmivego balavā udāhu catuvīsatippabhede samantapaṭṭhāne nayamukhaṃ balavanti cintesi. Athassa mahāsamudde paricchedo paññāyati – ayañhi heṭṭhā mahāpathaviyā paricchinno, upari ākāsena, ekato cakkavāḷapabbatena, ekato velantena paricchinno; samantapaṭṭhānassa pana paricchedo na paññāyatīti saṇhasukhumadhammaṃ paccavekkhantassa balavapīti uppannā. So pītiṃ vikkhambhetvā vipassanaṃ vaḍḍhetvā yathānisinnova sabbakilese khepetvā aggaphale arahatte patiṭṭhāya udānaṃ udānesi –

    อเตฺถว คมฺภีรคตํ สุทุพฺพุธํ,

    Attheva gambhīragataṃ sudubbudhaṃ,

    สยํ อภิญฺญาย สเหตุสมฺภวํ;

    Sayaṃ abhiññāya sahetusambhavaṃ;

    ยถานุปุพฺพํ นิขิเลน เทสิตํ,

    Yathānupubbaṃ nikhilena desitaṃ,

    มเหสินา รูปคตํว ปสฺสตีติฯ

    Mahesinā rūpagataṃva passatīti.

    อยํ นยสาคโร นามฯ

    Ayaṃ nayasāgaro nāma.

    กตโม ญาณสาคโร? สพฺพญฺญุตญฺญาณํ ญาณสาคโร นามฯ อยํ สํสารสาคโร นาม, อยํ ชลสาคโร นาม, อยํ นยสาคโร นามาติ หิ อเญฺญน น สกฺกา ชานิตุํ, สพฺพญฺญุตญฺญาเณเนว สกฺกา ชานิตุนฺติ สพฺพญฺญุตญฺญาณํ ญาณสาคโร นามฯ อิเมสุ จตูสุ สาคเรสุ อิมสฺมิํ ฐาเน นยสาคโร อธิเปฺปโตฯ อิมญฺหิ สพฺพญฺญุพุทฺธาว ปฎิวิชฺฌนฺติฯ

    Katamo ñāṇasāgaro? Sabbaññutaññāṇaṃ ñāṇasāgaro nāma. Ayaṃ saṃsārasāgaro nāma, ayaṃ jalasāgaro nāma, ayaṃ nayasāgaro nāmāti hi aññena na sakkā jānituṃ, sabbaññutaññāṇeneva sakkā jānitunti sabbaññutaññāṇaṃ ñāṇasāgaro nāma. Imesu catūsu sāgaresu imasmiṃ ṭhāne nayasāgaro adhippeto. Imañhi sabbaññubuddhāva paṭivijjhanti.

    อยมฺปิ ภควา โพธิมูเล นิสิโนฺน ‘อิมํ ปฎิวิชฺฌิตฺวา อิมํ วต เม ธมฺมํ เอสนฺตสฺส คเวสนฺตสฺส กปฺปสตสหสฺสาธิกานิ จตฺตาริ อสเงฺขฺยยฺยานิ วีติวตฺตานิ, อถ เม อิมสฺมิํ ปลฺลเงฺก นิสิเนฺนน ทิยฑฺฒกิเลสสหสฺสํ เขเปตฺวา อยํ ธโมฺม ปฎิวิโทฺธ’ติ ปฎิวิทฺธธมฺมํ ปจฺจเวกฺขโนฺต สตฺตาหํ เอกปลฺลเงฺกน นิสีทิฯ ตโต ตมฺหา ปลฺลงฺกา วุฎฺฐาย ‘อิมสฺมิํ วต เม ปลฺลเงฺก สพฺพญฺญุตญฺญาณํ ปฎิวิทฺธ’นฺติ อนิมิเสหิ จกฺขูหิ สตฺตาหํ ปลฺลงฺกํ โอโลเกโนฺต อฎฺฐาสิฯ ตโต เทวตานํ ‘อชฺชาปิ นูน สิทฺธตฺถสฺส กตฺตพฺพกิจฺจํ อตฺถิ, ปลฺลงฺกสฺมิญฺหิ อาลยํ น วิชหตี’ติ ปริวิตโกฺก อุทปาทิฯ

    Ayampi bhagavā bodhimūle nisinno ‘imaṃ paṭivijjhitvā imaṃ vata me dhammaṃ esantassa gavesantassa kappasatasahassādhikāni cattāri asaṅkhyeyyāni vītivattāni, atha me imasmiṃ pallaṅke nisinnena diyaḍḍhakilesasahassaṃ khepetvā ayaṃ dhammo paṭividdho’ti paṭividdhadhammaṃ paccavekkhanto sattāhaṃ ekapallaṅkena nisīdi. Tato tamhā pallaṅkā vuṭṭhāya ‘imasmiṃ vata me pallaṅke sabbaññutaññāṇaṃ paṭividdha’nti animisehi cakkhūhi sattāhaṃ pallaṅkaṃ olokento aṭṭhāsi. Tato devatānaṃ ‘ajjāpi nūna siddhatthassa kattabbakiccaṃ atthi, pallaṅkasmiñhi ālayaṃ na vijahatī’ti parivitakko udapādi.

    สตฺถา เทวตานํ วิตกฺกํ ญตฺวา ตาวเทว ตาสํ วิตกฺกวูปสมนตฺถํ เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา ยมกปาฎิหาริยํ ทเสฺสสิฯ มหาโพธิปลฺลงฺกสฺมิญฺหิ กตปาฎิหาริยญฺจ, ญาติสมาคเม กตปาฎิหาริยญฺจ, ปาฎิยปุตฺตสมาคเม กตปาฎิหาริยญฺจ, สพฺพํ กณฺฑมฺพรุกฺขมูเล กตยมกปาฎิหาริยสทิสเมว อโหสิฯ เอวํ ยมกปาฎิหาริยํ กตฺวา ปลฺลงฺกสฺส ฐิตฎฺฐานสฺส จ อนฺตเร อากาสโต โอรุยฺห สตฺตาหํ จงฺกมิฯ อิเมสุ จ เอกวีสติยา ทิวเสสุ เอกทิวเสปิ สตฺถุ สรีรโต รสฺมิโย น นิกฺขนฺตาฯ

    Satthā devatānaṃ vitakkaṃ ñatvā tāvadeva tāsaṃ vitakkavūpasamanatthaṃ vehāsaṃ abbhuggantvā yamakapāṭihāriyaṃ dassesi. Mahābodhipallaṅkasmiñhi katapāṭihāriyañca, ñātisamāgame katapāṭihāriyañca, pāṭiyaputtasamāgame katapāṭihāriyañca, sabbaṃ kaṇḍambarukkhamūle katayamakapāṭihāriyasadisameva ahosi. Evaṃ yamakapāṭihāriyaṃ katvā pallaṅkassa ṭhitaṭṭhānassa ca antare ākāsato oruyha sattāhaṃ caṅkami. Imesu ca ekavīsatiyā divasesu ekadivasepi satthu sarīrato rasmiyo na nikkhantā.

    จตุเตฺถ ปน สตฺตาเห ปจฺฉิมุตฺตราย ทิสาย รตนฆเร นิสีทิ – รตนฆรํ นาม เนว สตฺตรตนมยํ เคหํฯ สตฺตนฺนํ ปน ปกรณานํ สมฺมสิตฎฺฐานํ รตนฆรนฺติ เวทิตพฺพํ – ตตฺถ ธมฺมสงฺคณิํ สมฺมสนฺตสฺสาปิ สรีรโต รสฺมิโย น นิกฺขนฺตาฯ วิภงฺคปฺปกรณํ ธาตุกถํ ปุคฺคลปญฺญตฺติํ กถาวตฺถุปฺปกรณํ ยมกปฺปกรณํ สมฺมสนฺตสฺสาปิ สรีรโต รสฺมิโย น นิกฺขนฺตาฯ ยทา ปน มหาปกรณํ โอรุยฺห ‘‘เหตุปจฺจโย อารมฺมณปจฺจโย…เป.… อวิคตปจฺจโย’’ติ สมฺมสนํ อารภิ, อถสฺส จตุวีสติสมนฺตปฎฺฐานํ สมฺมสนฺตสฺส เอกนฺตโต สพฺพญฺญุตญฺญาณํ มหาปกรเณเยว โอกาสํ ลภิฯ ยถา หิ ติมิรปิงฺคลมหามโจฺฉ จตุราสีติโยชนสหสฺสคมฺภีเร มหาสมุเทฺทเยว โอกาสํ ลภติ, เอวเมว สพฺพญฺญุตญฺญาณํ เอกนฺตโต มหาปกรเณเยว โอกาสํ ลภิฯ

    Catutthe pana sattāhe pacchimuttarāya disāya ratanaghare nisīdi – ratanagharaṃ nāma neva sattaratanamayaṃ gehaṃ. Sattannaṃ pana pakaraṇānaṃ sammasitaṭṭhānaṃ ratanagharanti veditabbaṃ – tattha dhammasaṅgaṇiṃ sammasantassāpi sarīrato rasmiyo na nikkhantā. Vibhaṅgappakaraṇaṃ dhātukathaṃ puggalapaññattiṃ kathāvatthuppakaraṇaṃ yamakappakaraṇaṃ sammasantassāpi sarīrato rasmiyo na nikkhantā. Yadā pana mahāpakaraṇaṃ oruyha ‘‘hetupaccayo ārammaṇapaccayo…pe… avigatapaccayo’’ti sammasanaṃ ārabhi, athassa catuvīsatisamantapaṭṭhānaṃ sammasantassa ekantato sabbaññutaññāṇaṃ mahāpakaraṇeyeva okāsaṃ labhi. Yathā hi timirapiṅgalamahāmaccho caturāsītiyojanasahassagambhīre mahāsamuddeyeva okāsaṃ labhati, evameva sabbaññutaññāṇaṃ ekantato mahāpakaraṇeyeva okāsaṃ labhi.

    สตฺถุ เอวํ ลโทฺธกาเสน สพฺพญฺญุตญฺญาเณน ยถาสุขํ สณฺหสุขุมธมฺมํ สมฺมสนฺตสฺส สรีรโต นีลปีตโลหิโตทาตมญฺชิฎฺฐปภสฺสรวเสน ฉพฺพณฺณรสฺมิโย นิกฺขมิํสุฯ เกสมสฺสูหิ เจว อกฺขีนญฺจ นีลฎฺฐาเนหิ นีลรสฺมิโย นิกฺขมิํสุ, ยาสํ วเสน คคนตลํ อญฺชนจุณฺณสโมกิณฺณํ วิย อุมาปุปฺผนีลุปฺปลทลสญฺฉนฺนํ วิย วีติปตนฺตมณิตาลวณฺฎํ วิย สมฺปสาริตเมจกปฎํ วิย จ อโหสิฯ

    Satthu evaṃ laddhokāsena sabbaññutaññāṇena yathāsukhaṃ saṇhasukhumadhammaṃ sammasantassa sarīrato nīlapītalohitodātamañjiṭṭhapabhassaravasena chabbaṇṇarasmiyo nikkhamiṃsu. Kesamassūhi ceva akkhīnañca nīlaṭṭhānehi nīlarasmiyo nikkhamiṃsu, yāsaṃ vasena gaganatalaṃ añjanacuṇṇasamokiṇṇaṃ viya umāpupphanīluppaladalasañchannaṃ viya vītipatantamaṇitālavaṇṭaṃ viya sampasāritamecakapaṭaṃ viya ca ahosi.

    ฉวิโต เจว อกฺขีนญฺจ ปีตฎฺฐาเนหิ ปีตรสฺมิโย นิกฺขมิํสุ; ยาสํ วเสน ทิสาภาคา สุวณฺณรสธาราภิสิญฺจมานา วิย สุวณฺณปฎปสาริตา วิย กุงฺกุมจุณฺณกณิการปุปฺผสมฺปริกิณฺณา วิย จ วิโรจิํสุฯ

    Chavito ceva akkhīnañca pītaṭṭhānehi pītarasmiyo nikkhamiṃsu; yāsaṃ vasena disābhāgā suvaṇṇarasadhārābhisiñcamānā viya suvaṇṇapaṭapasāritā viya kuṅkumacuṇṇakaṇikārapupphasamparikiṇṇā viya ca virociṃsu.

    มํสโลหิเตหิ เจว อกฺขีนญฺจ รตฺตฎฺฐาเนหิ โลหิตรสฺมิโย นิกฺขมิํสุ ยาสํ วเสน ทิสาภาคา จีนปิฎฺฐจุณฺณรญฺชิตา วิย สุปกฺกลาขารสสิญฺจมานา วิย รตฺตกมฺพลปริกฺขิตฺตา วิย ชยสุมนปาริภทฺทกพนฺธุชีวกกุสุมสมฺปริกิณฺณา วิย จ วิโรจิํสุฯ

    Maṃsalohitehi ceva akkhīnañca rattaṭṭhānehi lohitarasmiyo nikkhamiṃsu yāsaṃ vasena disābhāgā cīnapiṭṭhacuṇṇarañjitā viya supakkalākhārasasiñcamānā viya rattakambalaparikkhittā viya jayasumanapāribhaddakabandhujīvakakusumasamparikiṇṇā viya ca virociṃsu.

    อฎฺฐีหิ เจว ทเนฺตหิ จ อกฺขีนญฺจ เสตฎฺฐาเนหิ โอทาตรสฺมิโย นิกฺขมิํสุ; ยาสํ วเสน ทิสาภาคา รชตฆเฎหิ อาสิญฺจมานขีรธาราสมฺปริกิณฺณา วิย สมฺปสาริตรชตปฎฺฎวิตานา วิย, วีติปตนฺตรชตตาลวณฺฎา วิย, กุนฺทกุมุทสินฺทุวารสุมนมลฺลิกาทิกุสุมสญฺฉนฺนา วิย จ วิโรจิํสุฯ

    Aṭṭhīhi ceva dantehi ca akkhīnañca setaṭṭhānehi odātarasmiyo nikkhamiṃsu; yāsaṃ vasena disābhāgā rajataghaṭehi āsiñcamānakhīradhārāsamparikiṇṇā viya sampasāritarajatapaṭṭavitānā viya, vītipatantarajatatālavaṇṭā viya, kundakumudasinduvārasumanamallikādikusumasañchannā viya ca virociṃsu.

    มญฺชิฎฺฐปภสฺสรา ปน ตมฺหา ตมฺหา สรีรปฺปเทสา นิกฺขมิํสุฯ อิติ ตา ฉพฺพณฺณรสฺมิโย นิกฺขมิตฺวา ฆนมหาปถวิํ คณฺหิํสุฯ

    Mañjiṭṭhapabhassarā pana tamhā tamhā sarīrappadesā nikkhamiṃsu. Iti tā chabbaṇṇarasmiyo nikkhamitvā ghanamahāpathaviṃ gaṇhiṃsu.

    จตุนหุตาธิกทฺวิโยชนสตสหสฺสพหลา มหาปถวี นิทฺธนฺตสุวณฺณปิณฺฑิ วิย อโหสิฯ อถ มหาปถวิํ ภินฺทิตฺวา เหฎฺฐา อุทกํ คณฺหิํสุฯ ปถวิสนฺธารกํ อฎฺฐนหุตาธิกจตุโยชนสตสหสฺสพหลํ อุทกํ สุวณฺณกลเสหิ อาสิญฺจมานวิลีนสุวณฺณํ วิย อโหสิฯ อุทกํ วินิวิชฺฌิตฺวา วาตํ อคฺคเหสุํฯ ฉนหุตาธิกนวโยชนสตสหสฺสพหโล วาโต สมุสฺสิตสุวณฺณกฺขโนฺธ วิย อโหสิฯ วาตํ วินิวิชฺฌิตฺวา เหฎฺฐา อชฎากาสํ ปกฺขนฺทิํสุฯ

    Catunahutādhikadviyojanasatasahassabahalā mahāpathavī niddhantasuvaṇṇapiṇḍi viya ahosi. Atha mahāpathaviṃ bhinditvā heṭṭhā udakaṃ gaṇhiṃsu. Pathavisandhārakaṃ aṭṭhanahutādhikacatuyojanasatasahassabahalaṃ udakaṃ suvaṇṇakalasehi āsiñcamānavilīnasuvaṇṇaṃ viya ahosi. Udakaṃ vinivijjhitvā vātaṃ aggahesuṃ. Chanahutādhikanavayojanasatasahassabahalo vāto samussitasuvaṇṇakkhandho viya ahosi. Vātaṃ vinivijjhitvā heṭṭhā ajaṭākāsaṃ pakkhandiṃsu.

    อุปริภาเคน อุคฺคนฺตฺวาปิ จาตุมหาราชิเก คณฺหิํสุฯ เต วินิวิชฺฌิตฺวา ตาวติํเส ตโต ยาเม ตโต ตุสิเต ตโต นิมฺมานรตี ตโต ปรนิมฺมิตวสวตฺตี ตโต นว พฺรหฺมโลเก ตโต เวหปฺผเล ตโต ปญฺจ สุทฺธาวาเส วินิวิชฺฌิตฺวา จตฺตาโร อารุเปฺป คณฺหิํสุฯ จตฺตาโร จ อารุเปฺป วินิวิชฺฌิตฺวา อชฎากาสํ ปกฺขนฺทิํสุฯ

    Uparibhāgena uggantvāpi cātumahārājike gaṇhiṃsu. Te vinivijjhitvā tāvatiṃse tato yāme tato tusite tato nimmānaratī tato paranimmitavasavattī tato nava brahmaloke tato vehapphale tato pañca suddhāvāse vinivijjhitvā cattāro āruppe gaṇhiṃsu. Cattāro ca āruppe vinivijjhitvā ajaṭākāsaṃ pakkhandiṃsu.

    ติริยภาเคหิ อนนฺตา โลกธาตุโย ปกฺขนฺทิํสุฯ เอตฺตเกสุ ฐาเนสุ จนฺทมฺหิ จนฺทปฺปภา นตฺถิ, สูริเย สูริยปฺปภา นตฺถิ, ตารกรูเปสุ ตารกรูปปฺปภา นตฺถิ, เทวตานํ อุยฺยานวิมานกปฺปรุเกฺขสุ เจว สรีเรสุ จ อาภรเณสุ จาติ สพฺพตฺถ ปภา นตฺถิฯ ติสหสฺสิมหาสหสฺสิโลกธาตุยา อาโลกผรณสมโตฺถ มหาพฺรหฺมาปิ สูริยุคฺคมเน ขโชฺชปนโก วิย อโหสิฯ จนฺทสูริยตารกรูปเทวตุยฺยานวิมานกปฺปรุกฺขานํ ปริเจฺฉทมตฺตกเมว ปญฺญายิตฺถฯ เอตฺตกํ ฐานํ พุทฺธรสฺมีหิเยว อโชฺฌตฺถฎํ อโหสิฯ อยญฺจ เนว พุทฺธานํ อธิฎฺฐานิทฺธิ, น ภาวนามยิทฺธิฯ สณฺหสุขุมธมฺมํ ปน สมฺมสโต โลกนาถสฺส โลหิตํ ปสีทิ, วตฺถุรูปํ ปสีทิ, ฉวิวโณฺณ ปสีทิฯ จิตฺตสมุฎฺฐานา วณฺณธาตุ สมนฺตา อสีติหตฺถมเตฺต ปเทเส นิจฺจลาว อฎฺฐาสิฯ อิมินา นีหาเรน สตฺตาหํ สมฺมสิฯ

    Tiriyabhāgehi anantā lokadhātuyo pakkhandiṃsu. Ettakesu ṭhānesu candamhi candappabhā natthi, sūriye sūriyappabhā natthi, tārakarūpesu tārakarūpappabhā natthi, devatānaṃ uyyānavimānakapparukkhesu ceva sarīresu ca ābharaṇesu cāti sabbattha pabhā natthi. Tisahassimahāsahassilokadhātuyā ālokapharaṇasamattho mahābrahmāpi sūriyuggamane khajjopanako viya ahosi. Candasūriyatārakarūpadevatuyyānavimānakapparukkhānaṃ paricchedamattakameva paññāyittha. Ettakaṃ ṭhānaṃ buddharasmīhiyeva ajjhotthaṭaṃ ahosi. Ayañca neva buddhānaṃ adhiṭṭhāniddhi, na bhāvanāmayiddhi. Saṇhasukhumadhammaṃ pana sammasato lokanāthassa lohitaṃ pasīdi, vatthurūpaṃ pasīdi, chavivaṇṇo pasīdi. Cittasamuṭṭhānā vaṇṇadhātu samantā asītihatthamatte padese niccalāva aṭṭhāsi. Iminā nīhārena sattāhaṃ sammasi.

    สตฺต รตฺตินฺทิวานิ สมฺมสิตธโมฺม กิตฺตโก อโหสีติ? อนโนฺต อปริมาโณ อโหสิฯ อยํ ตาว มนสาเทสนา นามฯ สตฺถา ปน เอวํ สตฺตาหํ มนสา จินฺติตธมฺมํ วจีเภทํ กตฺวา เทเสโนฺต วสฺสสเตนปิ วสฺสสหเสฺสนปิ วสฺสสตสหเสฺสนปิ มตฺถกํ ปาเปตฺวา เทเสตุํ น สโกฺกตีติ น วตฺตพฺพํฯ อปรภาเคปิ หิ ตถาคโต ตาวติํสภวเน ปาริจฺฉตฺตกมูเล ปณฺฑุกมฺพลสิลายํ ทสสหสฺสจกฺกวาฬเทวตานํ มเชฺฌ นิสิโนฺน มาตรํ กายสกฺขิํ กตฺวา กุสลา ธมฺมา, อกุสลา ธมฺมา, อพฺยากตา ธมฺมาติ ธมฺมํ เทเสโนฺต สตภาเคน สหสฺสภาเคน สตสหสฺสภาเคน ธมฺมนฺตรา ธมฺมนฺตรํ สงฺกมิตฺวา สงฺกมิตฺวาว เทเสสิฯ ตโย มาเส นิรนฺตรํ ปวตฺติตเทสนา เวเคน ปวตฺตา อากาสคงฺคา วิย อโธมุขฐปิตอุทกฆฎา นิกฺขนฺตอุทกธารา วิย จ หุตฺวา อนนฺตา อปริมาณา อโหสิฯ

    Satta rattindivāni sammasitadhammo kittako ahosīti? Ananto aparimāṇo ahosi. Ayaṃ tāva manasādesanā nāma. Satthā pana evaṃ sattāhaṃ manasā cintitadhammaṃ vacībhedaṃ katvā desento vassasatenapi vassasahassenapi vassasatasahassenapi matthakaṃ pāpetvā desetuṃ na sakkotīti na vattabbaṃ. Aparabhāgepi hi tathāgato tāvatiṃsabhavane pāricchattakamūle paṇḍukambalasilāyaṃ dasasahassacakkavāḷadevatānaṃ majjhe nisinno mātaraṃ kāyasakkhiṃ katvā kusalā dhammā, akusalā dhammā, abyākatā dhammāti dhammaṃ desento satabhāgena sahassabhāgena satasahassabhāgena dhammantarā dhammantaraṃ saṅkamitvā saṅkamitvāva desesi. Tayo māse nirantaraṃ pavattitadesanā vegena pavattā ākāsagaṅgā viya adhomukhaṭhapitaudakaghaṭā nikkhantaudakadhārā viya ca hutvā anantā aparimāṇā ahosi.

    พุทฺธานญฺหิ ภตฺตานุโมทนกาเลปิ โถกํ วเฑฺฒตฺวา อนุโมเทนฺตานํ เทสนา ทีฆมชฺฌิมนิกายปฺปมาณา โหติฯ ปจฺฉาภตฺตํ ปน สมฺปตฺตปริสาย ธมฺมํ เทเสนฺตานํ เทสนา สํยุตฺตองฺคุตฺตริกเทฺวมหานิกายปฺปมาณาว โหติฯ กสฺมา? พุทฺธานญฺหิ ภวงฺคปริวาโส ลหุโก ทนฺตาวรณํ สุผุสิตํ มุขาทานํ สิลิฎฺฐํ ชิวฺหา มุทุกา สโร มธุโร วจนํ ลหุปริวตฺตํฯ ตสฺมา ตํ มุหุตฺตํ เทสิตธโมฺมปิ เอตฺตโก โหติฯ เตมาสํ เทสิตธโมฺม ปน อนโนฺต อปริมาโณเยวฯ

    Buddhānañhi bhattānumodanakālepi thokaṃ vaḍḍhetvā anumodentānaṃ desanā dīghamajjhimanikāyappamāṇā hoti. Pacchābhattaṃ pana sampattaparisāya dhammaṃ desentānaṃ desanā saṃyuttaaṅguttarikadvemahānikāyappamāṇāva hoti. Kasmā? Buddhānañhi bhavaṅgaparivāso lahuko dantāvaraṇaṃ suphusitaṃ mukhādānaṃ siliṭṭhaṃ jivhā mudukā saro madhuro vacanaṃ lahuparivattaṃ. Tasmā taṃ muhuttaṃ desitadhammopi ettako hoti. Temāsaṃ desitadhammo pana ananto aparimāṇoyeva.

    อานนฺทเตฺถโร หิ พหุสฺสุโต ติปิฎกธโร ปญฺจทส คาถาสหสฺสานิ สฎฺฐิ ปทสหสฺสานิ ลตาปุปฺผานิ อากฑฺฒโนฺต วิย ฐิตปเทเนว ฐตฺวา คณฺหาติ วา วาเจติ วา เทเสติ วาฯ เอตฺตโก เถรสฺส เอโก อุเทฺทสมโคฺค นาม โหติฯ เถรสฺส หิ อนุปทํ อุเทฺทสํ ททมาโน อโญฺญ ทาตุํ น สโกฺกติ, น สมฺปาปุณาติฯ สมฺมาสมฺพุโทฺธว สมฺปาปุเณยฺยฯ เอวํ อธิมตฺตสติมา อธิมตฺตคติมา อธิมตฺตธิติมา สาวโก สตฺถารา เตมาสํ อิมินา นีหาเรน เทสิตเทสนํ วสฺสสตํ วสฺสสหสฺสํ อุคฺคณฺหโนฺตปิ มตฺถกํ ปาเปตุํ น สโกฺกติฯ

    Ānandatthero hi bahussuto tipiṭakadharo pañcadasa gāthāsahassāni saṭṭhi padasahassāni latāpupphāni ākaḍḍhanto viya ṭhitapadeneva ṭhatvā gaṇhāti vā vāceti vā deseti vā. Ettako therassa eko uddesamaggo nāma hoti. Therassa hi anupadaṃ uddesaṃ dadamāno añño dātuṃ na sakkoti, na sampāpuṇāti. Sammāsambuddhova sampāpuṇeyya. Evaṃ adhimattasatimā adhimattagatimā adhimattadhitimā sāvako satthārā temāsaṃ iminā nīhārena desitadesanaṃ vassasataṃ vassasahassaṃ uggaṇhantopi matthakaṃ pāpetuṃ na sakkoti.

    เอวํ เตมาสํ นิรนฺตรํ เทเสนฺตสฺส ปน ตถาคตสฺส กพฬีการาหารปฺปฎิพทฺธํ อุปาทินฺนกสรีรํ กถํ ยาเปสีติ? ปฎิชคฺคเนเนวฯ พุทฺธานญฺหิ โส โส กาโล สุววตฺถิโต สุปริจฺฉิโนฺน สุปจฺจโกฺขฯ ตสฺมา ภควา ธมฺมํ เทเสโนฺตว มนุสฺสโลเก กาลํ โอโลเกติฯ โส ภิกฺขาจารเวลํ สลฺลเกฺขตฺวา นิมฺมิตพุทฺธํ มาเปตฺวา ‘อิมสฺส จีวรคฺคหณํ ปตฺตคฺคหณํ สรกุตฺติ อากโปฺป จ เอวรูโป นาม โหตุ, เอตฺตกํ นาม ธมฺมํ เทเสตู’ติ อธิฎฺฐาย ปตฺตจีวรมาทาย อโนตตฺตทหํ คจฺฉติฯ เทวตา นาคลตาทนฺตกฎฺฐํ เทนฺติฯ ตํ ขาทิตฺวา อโนตตฺตทเห สรีรํ ปฎิชคฺคิตฺวา มโนสิลาตเล ฐิโต สุรตฺตทุปฎฺฎํ นิวาเสตฺวา จีวรํ ปารุปิตฺวา จาตุมหาราชทตฺติยํ เสลมยํ ปตฺตํ อาทาย อุตฺตรกุรุํ คจฺฉติฯ ตโต ปิณฺฑปาตํ อาหริตฺวา อโนตตฺตทหตีเร นิสิโนฺน ตํ ปริภุญฺชิตฺวา ทิวาวิหาราย จนฺทนวนํ คจฺฉติฯ

    Evaṃ temāsaṃ nirantaraṃ desentassa pana tathāgatassa kabaḷīkārāhārappaṭibaddhaṃ upādinnakasarīraṃ kathaṃ yāpesīti? Paṭijagganeneva. Buddhānañhi so so kālo suvavatthito suparicchinno supaccakkho. Tasmā bhagavā dhammaṃ desentova manussaloke kālaṃ oloketi. So bhikkhācāravelaṃ sallakkhetvā nimmitabuddhaṃ māpetvā ‘imassa cīvaraggahaṇaṃ pattaggahaṇaṃ sarakutti ākappo ca evarūpo nāma hotu, ettakaṃ nāma dhammaṃ desetū’ti adhiṭṭhāya pattacīvaramādāya anotattadahaṃ gacchati. Devatā nāgalatādantakaṭṭhaṃ denti. Taṃ khāditvā anotattadahe sarīraṃ paṭijaggitvā manosilātale ṭhito surattadupaṭṭaṃ nivāsetvā cīvaraṃ pārupitvā cātumahārājadattiyaṃ selamayaṃ pattaṃ ādāya uttarakuruṃ gacchati. Tato piṇḍapātaṃ āharitvā anotattadahatīre nisinno taṃ paribhuñjitvā divāvihārāya candanavanaṃ gacchati.

    ธมฺมเสนาปติสาริปุตฺตเตฺถโรปิ ตตฺถ คนฺตฺวา สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส วตฺตํ กตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทติฯ อถสฺส สตฺถา นยํ เทติฯ ‘สาริปุตฺต, เอตฺตโก ธโมฺม มยา เทสิโต’ติ อาจิกฺขติฯ เอวํ สมฺมาสมฺพุเทฺธ นยํ เทเนฺต ปฎิสมฺภิทาปฺปตฺตสฺส อคฺคสาวกสฺส เวลเนฺต ฐตฺวา หตฺถํ ปสาเรตฺวา ทสฺสิตสมุทฺทสทิสํ นยทานํ โหติฯ เถรสฺสาปิ นยสเตน นยสหเสฺสน นยสตสหเสฺสน ภควตา เทสิตธโมฺม อุปฎฺฐาติเยวฯ

    Dhammasenāpatisāriputtattheropi tattha gantvā sammāsambuddhassa vattaṃ katvā ekamantaṃ nisīdati. Athassa satthā nayaṃ deti. ‘Sāriputta, ettako dhammo mayā desito’ti ācikkhati. Evaṃ sammāsambuddhe nayaṃ dente paṭisambhidāppattassa aggasāvakassa velante ṭhatvā hatthaṃ pasāretvā dassitasamuddasadisaṃ nayadānaṃ hoti. Therassāpi nayasatena nayasahassena nayasatasahassena bhagavatā desitadhammo upaṭṭhātiyeva.

    สตฺถา ทิวาวิหารํ นิสีทิตฺวา ธมฺมํ เทเสตุํ กาย เวลาย คจฺฉตีติ? สาวตฺถิวาสีนํ กุลปุตฺตานํ สมฺปตฺตานํ ธมฺมเทสนเวลา นาม อตฺถิ, ตาย เวลาย คจฺฉติฯ ธมฺมํ เทเสตฺวา คจฺฉนฺตํ วา อาคจฺฉนฺตํ วา เก ชานนฺติ เก น ชานนฺตีติ? มเหสกฺขา เทวตา ชานนฺติ, อเปฺปสกฺขา เทวตา น ชานนฺติฯ กสฺมา น ชานนฺตีติ? สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส วา นิมฺมิตพุทฺธสฺส วา รสฺมิอาทีสุ นานตฺตาภาวาฯ อุภินฺนมฺปิ หิ เตสํ รสฺมีสุ วา สเรสุ วา วจเนสุ วา นานตฺตํ นตฺถิฯ

    Satthā divāvihāraṃ nisīditvā dhammaṃ desetuṃ kāya velāya gacchatīti? Sāvatthivāsīnaṃ kulaputtānaṃ sampattānaṃ dhammadesanavelā nāma atthi, tāya velāya gacchati. Dhammaṃ desetvā gacchantaṃ vā āgacchantaṃ vā ke jānanti ke na jānantīti? Mahesakkhā devatā jānanti, appesakkhā devatā na jānanti. Kasmā na jānantīti? Sammāsambuddhassa vā nimmitabuddhassa vā rasmiādīsu nānattābhāvā. Ubhinnampi hi tesaṃ rasmīsu vā saresu vā vacanesu vā nānattaṃ natthi.

    สาริปุตฺตเตฺถโรปิ สตฺถารา เทสิตํ เทสิตํ ธมฺมํ อาหริตฺวา อตฺตโน สทฺธิวิหาริกานํ ปญฺจนฺนํ ภิกฺขุสตานํ เทเสสิฯ เตสํ อยํ ปุพฺพโยโค – เต กิร กสฺสปทสพลสฺส กาเล ขุทฺทกวคฺคุลิโยนิยํ นิพฺพตฺตา ปพฺภาเร โอลมฺพนฺตา ทฺวินฺนํ อาภิธมฺมิกภิกฺขูนํ อภิธมฺมํ สชฺฌายนฺตานํ สเร นิมิตฺตํ คเหตฺวา กณฺหปกฺขสุกฺกปเกฺข อชานิตฺวาปิ สเร นิมิตฺตคฺคาหมตฺตเกเนว กาลํ กตฺวา เทวโลเก นิพฺพตฺติํสุฯ เอกํ พุทฺธนฺตรํ เทวโลเก วสิตฺวา ตสฺมิํ กาเล มนุสฺสโลเก นิพฺพตฺตา ยมกปาฎิหาริเย ปสีทิตฺวา เถรสฺส สนฺติเก ปพฺพชิํสุฯ เถโร สตฺถารา เทสิตํ เทสิตํ ธมฺมํ อาหริตฺวา เตสํ เทเสสิฯ สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส อภิธมฺมเทสนาปริโยสานญฺจ เตสํ ภิกฺขูนํ สตฺตปฺปกรณอุคฺคหณญฺจ เอกปฺปหาเรเนว อโหสิฯ

    Sāriputtattheropi satthārā desitaṃ desitaṃ dhammaṃ āharitvā attano saddhivihārikānaṃ pañcannaṃ bhikkhusatānaṃ desesi. Tesaṃ ayaṃ pubbayogo – te kira kassapadasabalassa kāle khuddakavagguliyoniyaṃ nibbattā pabbhāre olambantā dvinnaṃ ābhidhammikabhikkhūnaṃ abhidhammaṃ sajjhāyantānaṃ sare nimittaṃ gahetvā kaṇhapakkhasukkapakkhe ajānitvāpi sare nimittaggāhamattakeneva kālaṃ katvā devaloke nibbattiṃsu. Ekaṃ buddhantaraṃ devaloke vasitvā tasmiṃ kāle manussaloke nibbattā yamakapāṭihāriye pasīditvā therassa santike pabbajiṃsu. Thero satthārā desitaṃ desitaṃ dhammaṃ āharitvā tesaṃ desesi. Sammāsambuddhassa abhidhammadesanāpariyosānañca tesaṃ bhikkhūnaṃ sattappakaraṇauggahaṇañca ekappahāreneva ahosi.

    อภิธเมฺม วาจนามโคฺค นาม สาริปุตฺตเตฺถรปฺปภโวฯ มหาปกรเณ คณนจาโรปิ เถเรเนว ฐปิโตฯ เถโร หิ อิมินา นีหาเรน ธมฺมนฺตรํ อมเกฺขตฺวาว สุขํ คเหตุํ ธาเรตุํ ปริยาปุณิตุํ วาเจตุญฺจ ปโหตีติ คณนจารํ ฐเปสิฯ เอวํ สเนฺต เถโรว ปฐมตรํ อาภิธมฺมิโก โหตีติ? น โหติฯ สมฺมาสมฺพุโทฺธว ปฐมตรํ อาภิธมฺมิโกฯ โส หิ นํ มหาโพธิปลฺลเงฺก นิสีทิตฺวา ปฎิวิชฺฌิฯ พุโทฺธ หุตฺวา จ ปน สตฺตาหํ เอกปลฺลเงฺกน นิสิโนฺน อุทานํ อุทาเนสิ –

    Abhidhamme vācanāmaggo nāma sāriputtattherappabhavo. Mahāpakaraṇe gaṇanacāropi thereneva ṭhapito. Thero hi iminā nīhārena dhammantaraṃ amakkhetvāva sukhaṃ gahetuṃ dhāretuṃ pariyāpuṇituṃ vācetuñca pahotīti gaṇanacāraṃ ṭhapesi. Evaṃ sante therova paṭhamataraṃ ābhidhammiko hotīti? Na hoti. Sammāsambuddhova paṭhamataraṃ ābhidhammiko. So hi naṃ mahābodhipallaṅke nisīditvā paṭivijjhi. Buddho hutvā ca pana sattāhaṃ ekapallaṅkena nisinno udānaṃ udānesi –

    ‘‘ยทา หเว ปาตุภวนฺติ ธมฺมา,

    ‘‘Yadā have pātubhavanti dhammā,

    อาตาปิโน ฌายโต พฺราหฺมณสฺส;

    Ātāpino jhāyato brāhmaṇassa;

    อถสฺส กงฺขา วปยนฺติ สพฺพา,

    Athassa kaṅkhā vapayanti sabbā,

    ยโต ปชานาติ สเหตุธมฺมํฯ

    Yato pajānāti sahetudhammaṃ.

    ‘‘ยทา หเว ปาตุภวนฺติ ธมฺมา,

    ‘‘Yadā have pātubhavanti dhammā,

    อาตาปิโน ฌายโต พฺราหฺมณสฺส;

    Ātāpino jhāyato brāhmaṇassa;

    อถสฺส กงฺขา วปยนฺติ สพฺพา,

    Athassa kaṅkhā vapayanti sabbā,

    ยโต ขยํ ปจฺจยานํ อเวทิฯ

    Yato khayaṃ paccayānaṃ avedi.

    ‘‘ยทา หเว ปาตุภวนฺติ ธมฺมา,

    ‘‘Yadā have pātubhavanti dhammā,

    อาตาปิโน ฌายโต พฺราหฺมณสฺส;

    Ātāpino jhāyato brāhmaṇassa;

    วิธูปยํ ติฎฺฐติ มารเสนํ,

    Vidhūpayaṃ tiṭṭhati mārasenaṃ,

    สูริโยว โอภาสยมนฺตลิกฺข’’นฺติฯ (มหาว. ๑-๓; อุทา. ๑-๓);

    Sūriyova obhāsayamantalikkha’’nti. (mahāva. 1-3; udā. 1-3);

    อิทํ ปฐมพุทฺธวจนํ นามฯ ธมฺมปทภาณกา ปน –

    Idaṃ paṭhamabuddhavacanaṃ nāma. Dhammapadabhāṇakā pana –

    ‘‘อเนกชาติสํสารํ, สนฺธาวิสฺสํ อนิพฺพิสํ;

    ‘‘Anekajātisaṃsāraṃ, sandhāvissaṃ anibbisaṃ;

    คหการํ คเวสโนฺต, ทุกฺขา ชาติ ปุนปฺปุนํฯ

    Gahakāraṃ gavesanto, dukkhā jāti punappunaṃ.

    ‘‘คหการก ทิโฎฺฐสิ, ปุน เคหํ น กาหสิ;

    ‘‘Gahakāraka diṭṭhosi, puna gehaṃ na kāhasi;

    สพฺพา เต ผาสุกา ภคฺคา, คหกูฎํ วิสงฺขตํ;

    Sabbā te phāsukā bhaggā, gahakūṭaṃ visaṅkhataṃ;

    วิสงฺขารคตํ จิตฺตํ, ตณฺหานํ ขยมชฺฌคา’’ติฯ (ธ. ป. ๑๕๓-๑๕๔);

    Visaṅkhāragataṃ cittaṃ, taṇhānaṃ khayamajjhagā’’ti. (dha. pa. 153-154);

    อิทํ ปฐมพุทฺธวจนํ นามาติ วทนฺติฯ

    Idaṃ paṭhamabuddhavacanaṃ nāmāti vadanti.

    ยมกสาลานมนฺตเร นิปเนฺนน ปรินิพฺพานสมเย ‘‘หนฺท ทานิ, ภิกฺขเว, อามนฺตยามิ โว, วยธมฺมา สงฺขารา, อปฺปมาเทน สมฺปาเทถา’’ติ (ที. นิ. ๒.๒๑๘) วุตฺตวจนํ ปจฺฉิมพุทฺธวจนํ นามฯ

    Yamakasālānamantare nipannena parinibbānasamaye ‘‘handa dāni, bhikkhave, āmantayāmi vo, vayadhammā saṅkhārā, appamādena sampādethā’’ti (dī. ni. 2.218) vuttavacanaṃ pacchimabuddhavacanaṃ nāma.

    อุภินฺนมนฺตเร ปญฺจจตฺตาลีส วสฺสานิ ปุปฺผทามํ คเนฺถเนฺตน วิย, รตนาวลิํ อาวุนเนฺตน วิย, จ กถิโต อมตปฺปกาสโน สทฺธโมฺม มชฺฌิมพุทฺธวจนํ นามฯ

    Ubhinnamantare pañcacattālīsa vassāni pupphadāmaṃ ganthentena viya, ratanāvaliṃ āvunantena viya, ca kathito amatappakāsano saddhammo majjhimabuddhavacanaṃ nāma.

    ตํ สพฺพมฺปิ สงฺคยฺหมานํ ปิฎกโต ตีณิ ปิฎกานิ โหนฺติ, นิกายโต ปญฺจ นิกายา, องฺคโต นวงฺคานิ, ธมฺมกฺขนฺธโต จตุราสีติธมฺมกฺขนฺธสหสฺสานิฯ กถํ? สพฺพมฺปิ เหตํ ปิฎกโต วินยปิฎกํ สุตฺตนฺตปิฎกํ อภิธมฺมปิฎกนฺติ ติปฺปเภทเมว โหติฯ ตตฺถ อุภยานิ ปาติโมกฺขานิ เทฺว วิภงฺคา ทฺวาวีสติ ขนฺธกา โสฬส ปริวาราติ อิทํ วินยปิฎกํ นามฯ พฺรหฺมชาลาทิจตุตฺติํสสุตฺตสงฺคโห ทีฆนิกาโยฯ มูลปริยายสุตฺตาทิทิยฑฺฒสตเทฺวสุตฺตสงฺคโห มชฺฌิมนิกาโยฯ โอฆตรณสุตฺตาทิสตฺตสุตฺตสหสฺสสตฺตสตทฺวาสฎฺฐิสุตฺตสงฺคโห สํยุตฺตนิกาโยฯ จิตฺตปริยาทานสุตฺตาทินวสุตฺตสหสฺสปญฺจสตสตฺตปญฺญาสสุตฺตสงฺคโห องฺคุตฺตรนิกาโยฯ ขุทฺทกปาฐธมฺมปทอุทานอิติวุตฺตกสุตฺตนิปาตวิมานวตฺถุเปตวตฺถุเถรคาถาเถรีคาถาชาตกนิเทฺทสปฎิสมฺภิทาอปทานพุทฺธวํสจริยาปิฎกวเสน ปนฺนรสปฺปเภโท ขุทฺทกนิกาโยติ อิทํ สุตฺตนฺตปิฎกํ นามฯ ธมฺมสงฺคณีอาทีนิ สตฺต ปกรณานิ อภิธมฺมปิฎกํ นามฯ ตตฺถ –

    Taṃ sabbampi saṅgayhamānaṃ piṭakato tīṇi piṭakāni honti, nikāyato pañca nikāyā, aṅgato navaṅgāni, dhammakkhandhato caturāsītidhammakkhandhasahassāni. Kathaṃ? Sabbampi hetaṃ piṭakato vinayapiṭakaṃ suttantapiṭakaṃ abhidhammapiṭakanti tippabhedameva hoti. Tattha ubhayāni pātimokkhāni dve vibhaṅgā dvāvīsati khandhakā soḷasa parivārāti idaṃ vinayapiṭakaṃ nāma. Brahmajālādicatuttiṃsasuttasaṅgaho dīghanikāyo. Mūlapariyāyasuttādidiyaḍḍhasatadvesuttasaṅgaho majjhimanikāyo. Oghataraṇasuttādisattasuttasahassasattasatadvāsaṭṭhisuttasaṅgaho saṃyuttanikāyo. Cittapariyādānasuttādinavasuttasahassapañcasatasattapaññāsasuttasaṅgaho aṅguttaranikāyo. Khuddakapāṭhadhammapadaudānaitivuttakasuttanipātavimānavatthupetavatthutheragāthātherīgāthājātakaniddesapaṭisambhidāapadānabuddhavaṃsacariyāpiṭakavasena pannarasappabhedo khuddakanikāyoti idaṃ suttantapiṭakaṃ nāma. Dhammasaṅgaṇīādīni satta pakaraṇāni abhidhammapiṭakaṃ nāma. Tattha –

    วิวิธวิเสสนยตฺตา, วินยนโต เจว กายวาจานํ;

    Vividhavisesanayattā, vinayanato ceva kāyavācānaṃ;

    วินยตฺถวิทูหิ อยํ, วินโย วินโยติ อกฺขาโตฯ

    Vinayatthavidūhi ayaṃ, vinayo vinayoti akkhāto.

    วิวิธา หิ เอตฺถ ปญฺจวิธปาติโมกฺขุเทฺทสปาราชิกาทิสตฺตอาปตฺติกฺขนฺธมาติกาวิภงฺคาทิปฺปเภทา นยา วิเสสภูตา จ ทฬฺหีกมฺมสิถิลกรณปฺปโยชนา อนุปญฺญตฺตินยาฯ กายิกวาจสิกอชฺฌาจารนิเสธนโต เจส กายํ วาจญฺจ วิเนติฯ ตสฺมา วิวิธนยตฺตา วิเสสนยตฺตา กายวาจานญฺจ วินยนโต อยํ วินโย วินโยติ อกฺขาโตฯ เตเนตเมตสฺส วจนตฺถโกสลฺลตฺถํ วุตฺตํ –

    Vividhā hi ettha pañcavidhapātimokkhuddesapārājikādisattaāpattikkhandhamātikāvibhaṅgādippabhedā nayā visesabhūtā ca daḷhīkammasithilakaraṇappayojanā anupaññattinayā. Kāyikavācasikaajjhācāranisedhanato cesa kāyaṃ vācañca vineti. Tasmā vividhanayattā visesanayattā kāyavācānañca vinayanato ayaṃ vinayo vinayoti akkhāto. Tenetametassa vacanatthakosallatthaṃ vuttaṃ –

    ‘‘วิวิธวิเสสนยตฺตา , วินยนโต เจว กายวาจานํ;

    ‘‘Vividhavisesanayattā , vinayanato ceva kāyavācānaṃ;

    วินยตฺถวิทูหิ อยํ, วินโย วินโยติ อกฺขาโต’’ติฯ

    Vinayatthavidūhi ayaṃ, vinayo vinayoti akkhāto’’ti.

    อิตรํ ปน –

    Itaraṃ pana –

    อตฺถานํ สูจนโต, สุวุตฺตโต สวนโตถ สูทนโต;

    Atthānaṃ sūcanato, suvuttato savanatotha sūdanato;

    สุตฺตาณา สุตฺตสภาคโต จ ‘สุตฺต’นฺติ อกฺขาตํฯ

    Suttāṇā suttasabhāgato ca ‘sutta’nti akkhātaṃ.

    ตญฺหิ อตฺตตฺถปรตฺถาทิเภเท อเตฺถ สูเจติฯ สุวุตฺตา เจตฺถ อตฺถา เวเนยฺยชฺฌาสยานุโลเมน วุตฺตตฺตาฯ สวติ เจตํ อเตฺถ, สสฺสมิว ผลํ, ปสวตีติ วุตฺตํ โหติฯ สูทติ เจตํ, เธนุ วิย ขีรํ, ปคฺฆรตีติ วุตฺตํ โหติฯ สุฎฺฐุ จ เน ตายติ รกฺขตีติ วุตฺตํ โหติฯ สุตฺตสภาคเญฺจตํฯ ยถา หิ ตจฺฉกานํ สุตฺตํ ปมาณํ โหติ เอวเมตมฺปิ วิญฺญูนํฯ ยถา จ สุเตฺตน สงฺคหิตานิ ปุปฺผานิ น วิกิริยนฺติ น วิทฺธํสิยนฺติ เอวเมเตน สงฺคหิตา อตฺถาฯ เตเนตเมตสฺส วจนตฺถโกสลฺลตฺถํ วุตฺตํ –

    Tañhi attatthaparatthādibhede atthe sūceti. Suvuttā cettha atthā veneyyajjhāsayānulomena vuttattā. Savati cetaṃ atthe, sassamiva phalaṃ, pasavatīti vuttaṃ hoti. Sūdati cetaṃ, dhenu viya khīraṃ, paggharatīti vuttaṃ hoti. Suṭṭhu ca ne tāyati rakkhatīti vuttaṃ hoti. Suttasabhāgañcetaṃ. Yathā hi tacchakānaṃ suttaṃ pamāṇaṃ hoti evametampi viññūnaṃ. Yathā ca suttena saṅgahitāni pupphāni na vikiriyanti na viddhaṃsiyanti evametena saṅgahitā atthā. Tenetametassa vacanatthakosallatthaṃ vuttaṃ –

    ‘‘อตฺถานํ สูจนโต, สุวุตฺตโต สวนโตถ สูทนโต;

    ‘‘Atthānaṃ sūcanato, suvuttato savanatotha sūdanato;

    สุตฺตาณา สุตฺตสภาคโต จ สุตฺตนฺติ อกฺขาต’’นฺติฯ

    Suttāṇā suttasabhāgato ca suttanti akkhāta’’nti.

    อภิธมฺมสฺส วจนโตฺถ วุโตฺตเยวฯ อปโร นโย –

    Abhidhammassa vacanattho vuttoyeva. Aparo nayo –

    ยํ เอตฺถ วุฑฺฒิมโนฺต, สลกฺขณา ปูชิตา ปริจฺฉินฺนา;

    Yaṃ ettha vuḍḍhimanto, salakkhaṇā pūjitā paricchinnā;

    วุตฺตาธิกา จ ธมฺมา, อภิธโมฺม เตน อกฺขาโตฯ

    Vuttādhikā ca dhammā, abhidhammo tena akkhāto.

    อยญฺหิ อภิสโทฺท วุฑฺฒิลกฺขณปูชิตปริจฺฉินฺนาธิเกสุ ทิสฺสติฯ ตถา เหส ‘‘พาฬฺหา เม ทุกฺขา เวทนา อภิกฺกมนฺติ, โน ปฎิกฺกมนฺตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๓๘๔; สํ. นิ. ๕.๑๙๕) วุฑฺฒิยํ อาคโตฯ ‘‘ยา ตา รตฺติโย อภิญฺญาตา อภิลกฺขิตา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๔๙) ลกฺขเณฯ ‘‘ราชาภิราชา มนุชิโนฺท’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๓๙๙; สุ. นิ. ๕๕๘) ปูชิเตฯ ‘‘ปฎิพโล วิเนตุํ อภิธเมฺม อภิวินเย’’ติอาทีสุ (มหาว. ๘๕) ปริจฺฉิเนฺน; อญฺญมญฺญสงฺกรวิรหิเต ธเมฺม จ วินเย จาติ วุตฺตํ โหติฯ ‘‘อภิกฺกเนฺตน วเณฺณนา’’ติอาทีสุ (วิ. ว. ๗๕) อธิเกฯ

    Ayañhi abhisaddo vuḍḍhilakkhaṇapūjitaparicchinnādhikesu dissati. Tathā hesa ‘‘bāḷhā me dukkhā vedanā abhikkamanti, no paṭikkamantī’’tiādīsu (ma. ni. 3.384; saṃ. ni. 5.195) vuḍḍhiyaṃ āgato. ‘‘Yā tā rattiyo abhiññātā abhilakkhitā’’tiādīsu (ma. ni. 1.49) lakkhaṇe. ‘‘Rājābhirājā manujindo’’tiādīsu (ma. ni. 2.399; su. ni. 558) pūjite. ‘‘Paṭibalo vinetuṃ abhidhamme abhivinaye’’tiādīsu (mahāva. 85) paricchinne; aññamaññasaṅkaravirahite dhamme ca vinaye cāti vuttaṃ hoti. ‘‘Abhikkantena vaṇṇenā’’tiādīsu (vi. va. 75) adhike.

    เอตฺถ จ ‘‘รูปูปปตฺติยา มคฺคํ ภาเวติ เมตฺตาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรตี’’ติอาทินา (ธ. ส. ๑๖๓ อาทโย) นเยน วุฑฺฒิมโนฺตปิ ธมฺมา วุตฺตาฯ ‘‘รูปารมฺมณํ วา สทฺทารมฺมณํ วา’’ติอาทินา (ธ. ส. ๑) นเยน อารมฺมณาทีหิ ลกฺขณียตฺตา สลกฺขณาปิฯ ‘‘เสกฺขา ธมฺมา, อเสกฺขา ธมฺมา, โลกุตฺตรา ธมฺมา’’ติอาทินา (ธ. ส. ติกมาติกา ๑๑; ทุกมาติกา ๑๒) นเยน ปูชิตาปิ; ปูชารหาติ อธิปฺปาโยฯ ‘‘ผโสฺส โหติ, เวทนา โหตี’’ติอาทินา (ธ. ส. ๑) นเยน สภาวปริจฺฉินฺนตฺตา ปริจฺฉินฺนาปิฯ ‘‘มหคฺคตา ธมฺมา, อปฺปมาณา ธมฺมา, อนุตฺตรา ธมฺมา’’ติอาทินา (ธ. ส. ติกมาติกา ๑๒; ทุกมาติกา ๙๙) นเยน อธิกาปิ ธมฺมา วุตฺตาฯ เตเนตเมตสฺส วจนตฺถโกสลฺลตฺถํ วุตฺตํ –

    Ettha ca ‘‘rūpūpapattiyā maggaṃ bhāveti mettāsahagatena cetasā ekaṃ disaṃ pharitvā viharatī’’tiādinā (dha. sa. 163 ādayo) nayena vuḍḍhimantopi dhammā vuttā. ‘‘Rūpārammaṇaṃ vā saddārammaṇaṃ vā’’tiādinā (dha. sa. 1) nayena ārammaṇādīhi lakkhaṇīyattā salakkhaṇāpi. ‘‘Sekkhā dhammā, asekkhā dhammā, lokuttarā dhammā’’tiādinā (dha. sa. tikamātikā 11; dukamātikā 12) nayena pūjitāpi; pūjārahāti adhippāyo. ‘‘Phasso hoti, vedanā hotī’’tiādinā (dha. sa. 1) nayena sabhāvaparicchinnattā paricchinnāpi. ‘‘Mahaggatā dhammā, appamāṇā dhammā, anuttarā dhammā’’tiādinā (dha. sa. tikamātikā 12; dukamātikā 99) nayena adhikāpi dhammā vuttā. Tenetametassa vacanatthakosallatthaṃ vuttaṃ –

    ‘‘ยํ เอตฺถ วุฑฺฒิมโนฺต, สลกฺขณา ปูชิตา ปริจฺฉินฺนา;

    ‘‘Yaṃ ettha vuḍḍhimanto, salakkhaṇā pūjitā paricchinnā;

    วุตฺตาธิกา จ ธมฺมา, อภิธโมฺม เตน อกฺขาโต’’ติฯ

    Vuttādhikā ca dhammā, abhidhammo tena akkhāto’’ti.

    ยํ ปเนตฺถ อวิสิฎฺฐํ, ตํ –

    Yaṃ panettha avisiṭṭhaṃ, taṃ –

    ปิฎกํ ปิฎกตฺถวิทู, ปริยตฺติพฺภาชนตฺถโต อาหุ;

    Piṭakaṃ piṭakatthavidū, pariyattibbhājanatthato āhu;

    เตน สโมธาเนตฺวา, ตโยปิ วินยาทโย เญยฺยาฯ

    Tena samodhānetvā, tayopi vinayādayo ñeyyā.

    ปริยตฺติปิ หิ ‘‘มา ปิฎกสมฺปทาเนนา’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๓.๖๖) ปิฎกนฺติ วุจฺจติฯ ‘‘อถ ปุริโส อาคเจฺฉยฺย กุทาลปิฎกํอาทายา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๒๘; อ. นิ. ๓.๗๐) ยํกิญฺจิ ภาชนมฺปิฯ ตสฺมา ปิฎกํ ปิฎกตฺถวิทู ปริยตฺติภาชนตฺถโต อาหุฯ

    Pariyattipi hi ‘‘mā piṭakasampadānenā’’tiādīsu (a. ni. 3.66) piṭakanti vuccati. ‘‘Atha puriso āgaccheyya kudālapiṭakaṃādāyā’’tiādīsu (ma. ni. 1.228; a. ni. 3.70) yaṃkiñci bhājanampi. Tasmā piṭakaṃ piṭakatthavidū pariyattibhājanatthato āhu.

    อิทานิ เตน สโมธาเนตฺวา ตโยปิ วินยาทโย เญยฺยาติฯ เตน เอวํ ทุวิธเตฺถน ปิฎกสเทฺทน สห สมาสํ กตฺวา วินโย จ โส ปิฎกญฺจ ปริยตฺติภาวโต, ตสฺส ตสฺส อตฺถสฺส ภาชนโต จาติ วินยปิฎกํฯ ยถาวุเตฺตเนว นเยน สุตฺตนฺตญฺจ ตํ ปิฎกญฺจาติ สุตฺตนฺตปิฎกํฯ อภิธโมฺม จ โส ปิฎกญฺจาติ อภิธมฺมปิฎกนฺติ เอวเมเต ตโยปิ วินยาทโย เญยฺยาฯ

    Idāni tena samodhānetvā tayopi vinayādayo ñeyyāti. Tena evaṃ duvidhatthena piṭakasaddena saha samāsaṃ katvā vinayo ca so piṭakañca pariyattibhāvato, tassa tassa atthassa bhājanato cāti vinayapiṭakaṃ. Yathāvutteneva nayena suttantañca taṃ piṭakañcāti suttantapiṭakaṃ. Abhidhammo ca so piṭakañcāti abhidhammapiṭakanti evamete tayopi vinayādayo ñeyyā.

    เอวํ ญตฺวา จ ปุนปิ เตเสฺวว ปิฎเกสุ นานปฺปการโกสลฺลตฺถํ –

    Evaṃ ñatvā ca punapi tesveva piṭakesu nānappakārakosallatthaṃ –

    เทสนาสาสนกถาเภทํ เตสุ ยถารหํ;

    Desanāsāsanakathābhedaṃ tesu yathārahaṃ;

    สิกฺขาปหานคมฺภีรภาวญฺจ ปริทีปเยฯ

    Sikkhāpahānagambhīrabhāvañca paridīpaye.

    ปริยตฺติเภทํ สมฺปตฺติํ, วิปตฺติญฺจาปิ ยํ ยหิํ;

    Pariyattibhedaṃ sampattiṃ, vipattiñcāpi yaṃ yahiṃ;

    ปาปุณาติ ยถา ภิกฺขุ, ตมฺปิ สพฺพํ วิภาวเยฯ

    Pāpuṇāti yathā bhikkhu, tampi sabbaṃ vibhāvaye.

    ตตฺรายํ ปริทีปนา วิภาวนา จ – เอตานิ หิ ตีณิ ปิฎกานิ ยถากฺกมํ อาณาโวหารปรมตฺถเทสนา, ยถาปราธยถานุโลมยถาธมฺมสาสนานิ, สํวราสํวรทิฎฺฐิวินิเวฐนนามรูปปริเจฺฉทกถาติ จ วุจฺจนฺติฯ

    Tatrāyaṃ paridīpanā vibhāvanā ca – etāni hi tīṇi piṭakāni yathākkamaṃ āṇāvohāraparamatthadesanā, yathāparādhayathānulomayathādhammasāsanāni, saṃvarāsaṃvaradiṭṭhiviniveṭhananāmarūpaparicchedakathāti ca vuccanti.

    เอตฺถ หิ วินยปิฎกํ อาณารเหน ภควตา อาณาพาหุลฺลโต เทสิตตฺตา อาณาเทสนา; สุตฺตนฺตปิฎกํ โวหารกุสเลน ภควตา โวหารพาหุลฺลโต เทสิตตฺตา โวหารเทสนา; อภิธมฺมปิฎกํ ปรมตฺถกุสเลน ภควตา ปรมตฺถพาหุลฺลโต เทสิตตฺตา ปรมตฺถเทสนาติ วุจฺจติฯ

    Ettha hi vinayapiṭakaṃ āṇārahena bhagavatā āṇābāhullato desitattā āṇādesanā; suttantapiṭakaṃ vohārakusalena bhagavatā vohārabāhullato desitattā vohāradesanā; abhidhammapiṭakaṃ paramatthakusalena bhagavatā paramatthabāhullato desitattā paramatthadesanāti vuccati.

    ตถา ปฐมํ เย เต ปจุราปราธา สตฺตา เต ยถาปราธํ เอตฺถ สาสิตาติ ยถาปราธสาสนํ; ทุติยํ อเนกชฺฌาสยานุสยจริยาธิมุตฺติกา สตฺตา ยถานุโลมํ เอตฺถ สาสิตาติ ยถานุโลมสาสนํ; ตติยํ ธมฺมปุญฺชมเตฺต ‘อหํ มมา’ติ สญฺญิโน สตฺตา ยถาธมฺมํ เอตฺถ สาสิตาติ ยถาธมฺมสาสนนฺติ วุจฺจติฯ

    Tathā paṭhamaṃ ye te pacurāparādhā sattā te yathāparādhaṃ ettha sāsitāti yathāparādhasāsanaṃ; dutiyaṃ anekajjhāsayānusayacariyādhimuttikā sattā yathānulomaṃ ettha sāsitāti yathānulomasāsanaṃ; tatiyaṃ dhammapuñjamatte ‘ahaṃ mamā’ti saññino sattā yathādhammaṃ ettha sāsitāti yathādhammasāsananti vuccati.

    ตถา ปฐมํ อชฺฌาจารปฎิปกฺขภูโต สํวราสํวโร เอตฺถ กถิโตติ สํวราสํวรกถา; สํวราสํวโรติ ขุทฺทโก เจว มหโนฺต จ สํวราสํวโร, กมฺมากมฺมํ วิย จ ผลาผลํ วิย จ; ทุติยํ ทฺวาสฎฺฐิทิฎฺฐิปฎิปกฺขภูตา ทิฎฺฐิวินิเวฐนา เอตฺถ กถิตาติ ทิฎฺฐิวินิเวฐนกถา; ตติยํ ราคาทิปฎิปกฺขภูโต นามรูปปริเจฺฉโท เอตฺถ กถิโตติ นามรูปปริเจฺฉทกถาติ วุจฺจติฯ

    Tathā paṭhamaṃ ajjhācārapaṭipakkhabhūto saṃvarāsaṃvaro ettha kathitoti saṃvarāsaṃvarakathā; saṃvarāsaṃvaroti khuddako ceva mahanto ca saṃvarāsaṃvaro, kammākammaṃ viya ca phalāphalaṃ viya ca; dutiyaṃ dvāsaṭṭhidiṭṭhipaṭipakkhabhūtā diṭṭhiviniveṭhanā ettha kathitāti diṭṭhiviniveṭhanakathā; tatiyaṃ rāgādipaṭipakkhabhūto nāmarūpaparicchedo ettha kathitoti nāmarūpaparicchedakathāti vuccati.

    ตีสุปิ เจเตสุ ติโสฺส สิกฺขา ตีณิ ปหานานิ จตุพฺพิโธ จ คมฺภีรภาโว เวทิตโพฺพฯ ตถา หิ วินยปิฎเก วิเสเสน อธิสีลสิกฺขา วุตฺตา, สุตฺตนฺตปิฎเก อธิจิตฺตสิกฺขา, อภิธมฺมปิฎเก อธิปญฺญาสิกฺขา

    Tīsupi cetesu tisso sikkhā tīṇi pahānāni catubbidho ca gambhīrabhāvo veditabbo. Tathā hi vinayapiṭake visesena adhisīlasikkhā vuttā, suttantapiṭake adhicittasikkhā, abhidhammapiṭake adhipaññāsikkhā.

    วินยปิฎเก จ วีติกฺกมปฺปหานํ , กิเลสานํ วีติกฺกมปฎิปกฺขตฺตา สีลสฺส; สุตฺตนฺตปิฎเก ปริยุฎฺฐานปฺปหานํ, ปริยุฎฺฐานปฎิปกฺขตฺตา สมาธิสฺส; อภิธมฺมปิฎเก อนุสยปฺปหานํ, อนุสยปฎิปกฺขตฺตา ปญฺญายฯ

    Vinayapiṭake ca vītikkamappahānaṃ, kilesānaṃ vītikkamapaṭipakkhattā sīlassa; suttantapiṭake pariyuṭṭhānappahānaṃ, pariyuṭṭhānapaṭipakkhattā samādhissa; abhidhammapiṭake anusayappahānaṃ, anusayapaṭipakkhattā paññāya.

    ปฐเม จ ตทงฺคปฺปหานํ กิเลสานํ, อิตเรสุ วิกฺขมฺภนสมุเจฺฉทปฺปหานานิฯ ปฐเม จ ทุจฺจริตสํกิเลสสฺส ปหานํ, อิตเรสุ ตณฺหาทิฎฺฐิสํกิเลสานํ ปหานํฯ

    Paṭhame ca tadaṅgappahānaṃ kilesānaṃ, itaresu vikkhambhanasamucchedappahānāni. Paṭhame ca duccaritasaṃkilesassa pahānaṃ, itaresu taṇhādiṭṭhisaṃkilesānaṃ pahānaṃ.

    เอกเมกสฺมิเญฺจตฺถ จตุพฺพิโธปิ ธมฺมตฺถเทสนาปฎิเวธคมฺภีรภาโว เวทิตโพฺพ – ตตฺถ ธโมฺมติ ตนฺติฯ อโตฺถติ ตสฺสาเยวโตฺถฯ เทสนาติ ตสฺสา มนสา ววตฺถาปิตาย ตนฺติยา เทสนาฯ ปฎิเวโธติ ตนฺติยา ตนฺติอตฺถสฺส จ ยถาภูตาวโพโธฯ ตีสุปิ เจเตสุ เอเต ธมฺมตฺถเทสนาปฎิเวธาฯ ยสฺมา สสาทีหิ วิย มหาสมุโทฺท มนฺทพุทฺธีหิ ทุโกฺขคาหา อลพฺภเนยฺยปติฎฺฐา จ ตสฺมา คมฺภีราฯ เอวํ เอกเมกสฺมิํ เอตฺถ จตุพฺพิโธปิ คมฺภีรภาโว เวทิตโพฺพฯ

    Ekamekasmiñcettha catubbidhopi dhammatthadesanāpaṭivedhagambhīrabhāvo veditabbo – tattha dhammoti tanti. Atthoti tassāyevattho. Desanāti tassā manasā vavatthāpitāya tantiyā desanā. Paṭivedhoti tantiyā tantiatthassa ca yathābhūtāvabodho. Tīsupi cetesu ete dhammatthadesanāpaṭivedhā. Yasmā sasādīhi viya mahāsamuddo mandabuddhīhi dukkhogāhā alabbhaneyyapatiṭṭhā ca tasmā gambhīrā. Evaṃ ekamekasmiṃ ettha catubbidhopi gambhīrabhāvo veditabbo.

    อปโร นโย – ธโมฺมติ เหตุฯ วุตฺตเญฺหตํ – ‘‘เหตุมฺหิ ญาณํ ธมฺมปฎิสมฺภิทา’’ติ (วิภ. ๗๒๐)ฯ อโตฺถติ เหตุผลํฯ วุตฺตเญฺหตํ – ‘‘เหตุผเล ญาณํ อตฺถปฎิสมฺภิทา’’ติ (วิภ. ๗๒๐)ฯ เทสนาติ ปญฺญตฺติ, ยถาธมฺมํ ธมฺมาภิลาโปติ อธิปฺปาโย; อนุโลมปฎิโลมสเงฺขปวิตฺถาราทิวเสน วา กถนํฯ ปฎิเวโธติ อภิสมโยฯ โส จ โลกิยโลกุตฺตโรฯ วิสยโต จ อสโมฺมหโต จ; อตฺถานุรูปํ ธเมฺมสุ, ธมฺมานุรูปํ อเตฺถสุ, ปญฺญตฺติปถานุรูปํ ปญฺญตฺตีสุ อวโพโธฯ เตสํ เตสํ วา ตตฺถ ตตฺถ วุตฺตธมฺมานํ ปฎิวิชฺฌิตโพฺพ สลกฺขณสงฺขาโต อวิปรีตสภาโวฯ

    Aparo nayo – dhammoti hetu. Vuttañhetaṃ – ‘‘hetumhi ñāṇaṃ dhammapaṭisambhidā’’ti (vibha. 720). Atthoti hetuphalaṃ. Vuttañhetaṃ – ‘‘hetuphale ñāṇaṃ atthapaṭisambhidā’’ti (vibha. 720). Desanāti paññatti, yathādhammaṃ dhammābhilāpoti adhippāyo; anulomapaṭilomasaṅkhepavitthārādivasena vā kathanaṃ. Paṭivedhoti abhisamayo. So ca lokiyalokuttaro. Visayato ca asammohato ca; atthānurūpaṃ dhammesu, dhammānurūpaṃ atthesu, paññattipathānurūpaṃ paññattīsu avabodho. Tesaṃ tesaṃ vā tattha tattha vuttadhammānaṃ paṭivijjhitabbo salakkhaṇasaṅkhāto aviparītasabhāvo.

    อิทานิ ยสฺมา เอเตสุ ปิฎเกสุ ยํ ยํ ธมฺมชาตํ วา อตฺถชาตํ วา ยา จายํ ยถา ยถา ญาเปตโพฺพ อโตฺถ โสตูนํ ญาณสฺส อภิมุโข โหติ ตถา ตถา ตทตฺถโชติกา เทสนา, โย เจตฺถ อวิปรีตาวโพธสงฺขาโต ปฎิเวโธ เตสํ เตสํ วา ธมฺมานํ ปฎิวิชฺฌิตโพฺพ สลกฺขณสงฺขาโต อวิปรีตสภาโว – สพฺพเมฺปตํ อนุปจิตกุสลสมฺภาเรหิ ทุปฺปเญฺญหิ, สสาทีหิ วิย มหาสมุโทฺท, ทุโกฺขคาหํ อลพฺภเนยฺยปติฎฺฐญฺจ, ตสฺมา คมฺภีรํฯ เอวมฺปิ เอกเมกสฺมิํ เอตฺถ จตุพฺพิโธปิ คมฺภีรภาโว เวทิตโพฺพฯ เอตฺตาวตา จ –

    Idāni yasmā etesu piṭakesu yaṃ yaṃ dhammajātaṃ vā atthajātaṃ vā yā cāyaṃ yathā yathā ñāpetabbo attho sotūnaṃ ñāṇassa abhimukho hoti tathā tathā tadatthajotikā desanā, yo cettha aviparītāvabodhasaṅkhāto paṭivedho tesaṃ tesaṃ vā dhammānaṃ paṭivijjhitabbo salakkhaṇasaṅkhāto aviparītasabhāvo – sabbampetaṃ anupacitakusalasambhārehi duppaññehi, sasādīhi viya mahāsamuddo, dukkhogāhaṃ alabbhaneyyapatiṭṭhañca, tasmā gambhīraṃ. Evampi ekamekasmiṃ ettha catubbidhopi gambhīrabhāvo veditabbo. Ettāvatā ca –

    เทสนาสาสนกถาเภทํ เตสุ ยถารหํ;

    Desanāsāsanakathābhedaṃ tesu yathārahaṃ;

    สิกฺขาปหานคมฺภีรภาวญฺจ ปริทีปเยติ –

    Sikkhāpahānagambhīrabhāvañca paridīpayeti –

    อยํ คาถา วุตฺตตฺถา โหติฯ

    Ayaṃ gāthā vuttatthā hoti.

    ปริยตฺติเภทํ สมฺปตฺติํ, วิปตฺติญฺจาปิ ยํ ยหิํ;

    Pariyattibhedaṃ sampattiṃ, vipattiñcāpi yaṃ yahiṃ;

    ปาปุณาติ ยถา ภิกฺขุ, ตมฺปิ สพฺพํ วิภาวเยติฯ

    Pāpuṇāti yathā bhikkhu, tampi sabbaṃ vibhāvayeti.

    เอตฺถ ปน ตีสุ ปิฎเกสุ ติวิโธ ปริยตฺติเภโท ทฎฺฐโพฺพฯ ติโสฺส หิ ปริยตฺติโย – อลคทฺทูปมา นิสฺสรณตฺถา ภณฺฑาคาริกปริยตฺตีติฯ

    Ettha pana tīsu piṭakesu tividho pariyattibhedo daṭṭhabbo. Tisso hi pariyattiyo – alagaddūpamā nissaraṇatthā bhaṇḍāgārikapariyattīti.

    ตตฺถ ยา ทุคฺคหิตา อุปารมฺภาทิเหตุ ปริยาปุฎา อยํ อลคทฺทูปมาฯ ยํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ปุริโส อลคทฺทตฺถิโก อลคทฺทคเวสี อลคทฺทปริเยสนํ จรมาโน, โส ปเสฺสยฺย มหนฺตํ อลคทฺทํ, ตเมนํ โภเค วา นงฺคุเฎฺฐ วา คเณฺหยฺย, ตสฺส โส อลคโทฺท ปฎิปริวตฺติตฺวา หเตฺถ วา พาหาย วา อญฺญตรสฺมิํ วา องฺคปจฺจเงฺค ฑํเสยฺย, โส ตโต นิทานํ มรณํ วา นิคเจฺฉยฺย มรณมตฺตํ วา ทุกฺขํฯ ตํ กิสฺส เหตุ? ทุคฺคหิตตฺตา, ภิกฺขเว, อลคทฺทสฺสฯ เอวเมว โข, ภิกฺขเว, อิเธกเจฺจ โมฆปุริสา ธมฺมํ ปริยาปุณนฺติ สุตฺตํ…เป.… เวทลฺลํ, เต ตํ ธมฺมํ ปริยาปุณิตฺวา เตสํ ธมฺมานํ ปญฺญาย อตฺถํ น อุปปริกฺขนฺติ, เตสํ เต ธมฺมา ปญฺญาย อตฺถํ อนุปปริกฺขตํ น นิชฺฌานํ ขมนฺติ, เต อุปารมฺภานิสํสา เจว ธมฺมํ ปริยาปุณนฺติ อิติวาทปฺปโมกฺขานิสํสา จฯ ยสฺส จตฺถาย ธมฺมํ ปริยาปุณนฺติ ตญฺจสฺส อตฺถํ นานุโภนฺติฯ เตสํ เต ธมฺมา ทุคฺคหิตา ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขาย สํวตฺตนฺติฯ ตํ กิสฺส เหตุ? ทุคฺคหิตตฺตา, ภิกฺขเว, ธมฺมาน’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๒๓๘)ฯ

    Tattha yā duggahitā upārambhādihetu pariyāpuṭā ayaṃ alagaddūpamā. Yaṃ sandhāya vuttaṃ – ‘‘seyyathāpi, bhikkhave, puriso alagaddatthiko alagaddagavesī alagaddapariyesanaṃ caramāno, so passeyya mahantaṃ alagaddaṃ, tamenaṃ bhoge vā naṅguṭṭhe vā gaṇheyya, tassa so alagaddo paṭiparivattitvā hatthe vā bāhāya vā aññatarasmiṃ vā aṅgapaccaṅge ḍaṃseyya, so tato nidānaṃ maraṇaṃ vā nigaccheyya maraṇamattaṃ vā dukkhaṃ. Taṃ kissa hetu? Duggahitattā, bhikkhave, alagaddassa. Evameva kho, bhikkhave, idhekacce moghapurisā dhammaṃ pariyāpuṇanti suttaṃ…pe… vedallaṃ, te taṃ dhammaṃ pariyāpuṇitvā tesaṃ dhammānaṃ paññāya atthaṃ na upaparikkhanti, tesaṃ te dhammā paññāya atthaṃ anupaparikkhataṃ na nijjhānaṃ khamanti, te upārambhānisaṃsā ceva dhammaṃ pariyāpuṇanti itivādappamokkhānisaṃsā ca. Yassa catthāya dhammaṃ pariyāpuṇanti tañcassa atthaṃ nānubhonti. Tesaṃ te dhammā duggahitā dīgharattaṃ ahitāya dukkhāya saṃvattanti. Taṃ kissa hetu? Duggahitattā, bhikkhave, dhammāna’’nti (ma. ni. 1.238).

    ยา ปน สุคฺคหิตา สีลกฺขนฺธาทิปาริปูริํเยว อากงฺขมาเนน ปริยาปุฎา น อุปารมฺภาทิเหตุ, อยํ นิสฺสรณตฺถาฯ ยํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘เตสํ เต ธมฺมา สุคฺคหิตา ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย สํวตฺตนฺติฯ ตํ กิสฺส เหตุ? สุคฺคหิตตฺตา, ภิกฺขเว, ธมฺมาน’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๒๓๙)ฯ

    Yā pana suggahitā sīlakkhandhādipāripūriṃyeva ākaṅkhamānena pariyāpuṭā na upārambhādihetu, ayaṃ nissaraṇatthā. Yaṃ sandhāya vuttaṃ – ‘‘tesaṃ te dhammā suggahitā dīgharattaṃ hitāya sukhāya saṃvattanti. Taṃ kissa hetu? Suggahitattā, bhikkhave, dhammāna’’nti (ma. ni. 1.239).

    ยํ ปน ปริญฺญาตกฺขโนฺธ ปหีนกิเลโส ภาวิตมโคฺค ปฎิวิทฺธากุโปฺป สจฺฉิกตนิโรโธ ขีณาสโว เกวลํ ปเวณิปาลนตฺถาย วํสานุรกฺขณตฺถาย ปริยาปุณาติ, อยํ ภณฺฑาคาริกปริยตฺตีติฯ

    Yaṃ pana pariññātakkhandho pahīnakileso bhāvitamaggo paṭividdhākuppo sacchikatanirodho khīṇāsavo kevalaṃ paveṇipālanatthāya vaṃsānurakkhaṇatthāya pariyāpuṇāti, ayaṃ bhaṇḍāgārikapariyattīti.

    วินเย ปน สุปฺปฎิปโนฺน ภิกฺขุ สีลสมฺปทํ นิสฺสาย ติโสฺส วิชฺชา ปาปุณาติ, ตาสํเยว จ ตตฺถ ปเภทวจนโตฯ สุเตฺต สุปฺปฎิปโนฺน สมาธิสมฺปทํ นิสฺสาย ฉฬภิญฺญา ปาปุณาติ, ตาสํเยว จ ตตฺถ ปเภทวจนโตฯ อภิธเมฺม สุปฺปฎิปโนฺน ปญฺญาสมฺปทํ นิสฺสาย จตโสฺส ปฎิสมฺภิทา ปาปุณาติ ตาสญฺจ ตเตฺถว ปเภทวจนโตฯ เอวเมเตสุ สุปฺปฎิปโนฺน ยถากฺกเมน อิมํ วิชฺชาตฺตยฉฬภิญฺญาจตุปฎิสมฺภิทาปฺปเภทํ สมฺปตฺติํ ปาปุณาติฯ

    Vinaye pana suppaṭipanno bhikkhu sīlasampadaṃ nissāya tisso vijjā pāpuṇāti, tāsaṃyeva ca tattha pabhedavacanato. Sutte suppaṭipanno samādhisampadaṃ nissāya chaḷabhiññā pāpuṇāti, tāsaṃyeva ca tattha pabhedavacanato. Abhidhamme suppaṭipanno paññāsampadaṃ nissāya catasso paṭisambhidā pāpuṇāti tāsañca tattheva pabhedavacanato. Evametesu suppaṭipanno yathākkamena imaṃ vijjāttayachaḷabhiññācatupaṭisambhidāppabhedaṃ sampattiṃ pāpuṇāti.

    วินเย ปน ทุปฺปฎิปโนฺน อนุญฺญาตสุขสมฺผสฺสอตฺถรณปาวุรณาทิผสฺสสามญฺญโต ปฎิกฺขิเตฺตสุ อุปาทินฺนกผสฺสาทีสุ อนวชฺชสญฺญี โหติฯ วุตฺตเญฺหตํ – ‘‘ตถาหํ ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ, ยถา เยเม อนฺตรายิกา ธมฺมา วุตฺตา ภควตา เต ปฎิเสวโต นาลํ อนฺตรายายา’’ติ (ปาจิ. ๔๑๗; ม. นิ. ๑.๒๓๔)ฯ ตโต ทุสฺสีลภาวํ ปาปุณาติฯ สุเตฺต ทุปฺปฎิปโนฺน ‘‘จตฺตาโรเม, ภิกฺขเว, ปุคฺคลา สโนฺต สํวิชฺชมานา โลกสฺมิ’’นฺติอาทีสุ (อ. นิ. ๔.๕) อธิปฺปายํ อชานโนฺต ทุคฺคหิตํ คณฺหาติฯ ยํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘อตฺตนา ทุคฺคหิเตน อเมฺห เจว อพฺภาจิกฺขติ อตฺตานญฺจ ขนติ พหุญฺจ อปุญฺญํ ปสวตี’’ติ (ปาจิ. ๔๑๗; ม. นิ. ๑.๒๓๖)ฯ ตโต มิจฺฉาทิฎฺฐิตํ ปาปุณาติฯ อภิธเมฺม ทุปฺปฎิปโนฺน ธมฺมจินฺตํ อติธาวโนฺต อจิเนฺตยฺยานิปิ จิเนฺตติ, ตโต จิตฺตเกฺขปํ ปาปุณาติฯ วุตฺตเญฺหตํ – ‘‘จตฺตาริมานิ, ภิกฺขเว, อจิเนฺตยฺยานิ, น จิเนฺตตพฺพานิ, ยานิ จิเนฺตโนฺต อุมฺมาทสฺส วิฆาตสฺส ภาคี อสฺสา’’ติ (อ. นิ. ๔.๗๗)ฯ เอวเมเตสุ ทุปฺปฎิปโนฺน ยถากฺกเมน อิมํ ทุสฺสีลภาวมิจฺฉาทิฎฺฐิตาจิตฺตเกฺขปปฺปเภทํ วิปตฺติํ ปาปุณาตีติฯ เอตฺตาวตา จ –

    Vinaye pana duppaṭipanno anuññātasukhasamphassaattharaṇapāvuraṇādiphassasāmaññato paṭikkhittesu upādinnakaphassādīsu anavajjasaññī hoti. Vuttañhetaṃ – ‘‘tathāhaṃ bhagavatā dhammaṃ desitaṃ ājānāmi, yathā yeme antarāyikā dhammā vuttā bhagavatā te paṭisevato nālaṃ antarāyāyā’’ti (pāci. 417; ma. ni. 1.234). Tato dussīlabhāvaṃ pāpuṇāti. Sutte duppaṭipanno ‘‘cattārome, bhikkhave, puggalā santo saṃvijjamānā lokasmi’’ntiādīsu (a. ni. 4.5) adhippāyaṃ ajānanto duggahitaṃ gaṇhāti. Yaṃ sandhāya vuttaṃ – ‘‘attanā duggahitena amhe ceva abbhācikkhati attānañca khanati bahuñca apuññaṃ pasavatī’’ti (pāci. 417; ma. ni. 1.236). Tato micchādiṭṭhitaṃ pāpuṇāti. Abhidhamme duppaṭipanno dhammacintaṃ atidhāvanto acinteyyānipi cinteti, tato cittakkhepaṃ pāpuṇāti. Vuttañhetaṃ – ‘‘cattārimāni, bhikkhave, acinteyyāni, na cintetabbāni, yāni cintento ummādassa vighātassa bhāgī assā’’ti (a. ni. 4.77). Evametesu duppaṭipanno yathākkamena imaṃ dussīlabhāvamicchādiṭṭhitācittakkhepappabhedaṃ vipattiṃ pāpuṇātīti. Ettāvatā ca –

    ปริยตฺติเภทํ สมฺปตฺติํ, วิปตฺติญฺจาปิ ยํ ยหิํ;

    Pariyattibhedaṃ sampattiṃ, vipattiñcāpi yaṃ yahiṃ;

    ปาปุณาติ ยถา ภิกฺขุ, ตมฺปิ สพฺพํ วิภาวเยติฯ

    Pāpuṇāti yathā bhikkhu, tampi sabbaṃ vibhāvayeti.

    อยมฺปิ คาถา วุตฺตตฺถา โหติฯ เอวํ นานปฺปการโต ปิฎกานิ ญตฺวา เตสํ วเสน สพฺพเมฺปตํ สงฺคยฺหมานํ ตีณิ ปิฎกานิ โหนฺติฯ

    Ayampi gāthā vuttatthā hoti. Evaṃ nānappakārato piṭakāni ñatvā tesaṃ vasena sabbampetaṃ saṅgayhamānaṃ tīṇi piṭakāni honti.

    กถํ นิกายโต ปญฺจ นิกายาติ? สพฺพเมว เหตํ ทีฆนิกาโย มชฺฌิมนิกาโย สํยุตฺตนิกาโย องฺคุตฺตรนิกาโย ขุทฺทกนิกาโยติ ปญฺจปฺปเภทํ โหติฯ ตตฺถ กตโม ทีฆนิกาโย? ติวคฺคสงฺคหานิ พฺรหฺมชาลาทีนิ จตุตฺติํส สุตฺตานิฯ

    Kathaṃ nikāyato pañca nikāyāti? Sabbameva hetaṃ dīghanikāyo majjhimanikāyo saṃyuttanikāyo aṅguttaranikāyo khuddakanikāyoti pañcappabhedaṃ hoti. Tattha katamo dīghanikāyo? Tivaggasaṅgahāni brahmajālādīni catuttiṃsa suttāni.

    จตุตฺติํเสว สุตฺตนฺตา, ติวโคฺค ยสฺส สงฺคโห;

    Catuttiṃseva suttantā, tivaggo yassa saṅgaho;

    เอส ทีฆนิกาโยติ, ปฐโม อนุโลมิโกฯ

    Esa dīghanikāyoti, paṭhamo anulomiko.

    กสฺมา ปเนส ทีฆนิกาโยติ วุจฺจติ? ทีฆปฺปมาณานํ สุตฺตานํ สมูหโต นิวาสโต จฯ สมูหนิวาสา หิ นิกาโยติ วุจฺจนฺติฯ ‘‘นาหํ, ภิกฺขเว, อญฺญํ เอกนิกายมฺปิ สมนุปสฺสามิ เอวํ จิตฺตํ ยถยิทํ, ภิกฺขเว, ติรจฺฉานคตา ปาณา (สํ. นิ. ๓.๑๐๐), โปณิกนิกาโย, จิกฺขลฺลิกนิกาโย’’ติฯ เอวมาทีนิ เจตฺถ สาธกานิ สาสนโต โลกโต จฯ เอวํ เสสานมฺปิ นิกายภาเว วจนโตฺถ เวทิตโพฺพฯ

    Kasmā panesa dīghanikāyoti vuccati? Dīghappamāṇānaṃ suttānaṃ samūhato nivāsato ca. Samūhanivāsā hi nikāyoti vuccanti. ‘‘Nāhaṃ, bhikkhave, aññaṃ ekanikāyampi samanupassāmi evaṃ cittaṃ yathayidaṃ, bhikkhave, tiracchānagatā pāṇā (saṃ. ni. 3.100), poṇikanikāyo, cikkhallikanikāyo’’ti. Evamādīni cettha sādhakāni sāsanato lokato ca. Evaṃ sesānampi nikāyabhāve vacanattho veditabbo.

    กตโม มชฺฌิมนิกาโย? มชฺฌิมปฺปมาณานิ ปญฺจทสวคฺคสงฺคหานิ มูลปริยายสุตฺตาทีนิ ทิยฑฺฒสตํ เทฺว จ สุตฺตานิฯ

    Katamo majjhimanikāyo? Majjhimappamāṇāni pañcadasavaggasaṅgahāni mūlapariyāyasuttādīni diyaḍḍhasataṃ dve ca suttāni.

    ทิยฑฺฒสตสุตฺตนฺตา, เทฺว จ สุตฺตานิ ยตฺถ โส;

    Diyaḍḍhasatasuttantā, dve ca suttāni yattha so;

    นิกาโย มชฺฌิโม ปญฺจ, ทสวคฺคปริคฺคโหฯ

    Nikāyo majjhimo pañca, dasavaggapariggaho.

    กตโม สํยุตฺตนิกาโย? เทวตาสํยุตฺตาทิวเสน ฐิตานิ โอฆตรณาทีนิ สตฺต สุตฺตสหสฺสานิ สตฺต สุตฺตสตานิ จ ทฺวาสฎฺฐิ จ สุตฺตานิฯ

    Katamo saṃyuttanikāyo? Devatāsaṃyuttādivasena ṭhitāni oghataraṇādīni satta suttasahassāni satta suttasatāni ca dvāsaṭṭhi ca suttāni.

    สตฺต สุตฺตสหสฺสานิ, สตฺต สุตฺตสตานิ จ;

    Satta suttasahassāni, satta suttasatāni ca;

    ทฺวาสฎฺฐิ เจว สุตฺตนฺตา, เอโส สํยุตฺตสงฺคโหฯ

    Dvāsaṭṭhi ceva suttantā, eso saṃyuttasaṅgaho.

    กตโม องฺคุตฺตรนิกาโย? เอเกกองฺคาติเรกวเสน ฐิตานิ จิตฺตปริยาทานาทีนิ นว สุตฺตสหสฺสานิ ปญฺจ สุตฺตสตานิ สตฺตปญฺญาสญฺจ สุตฺตานิฯ

    Katamo aṅguttaranikāyo? Ekekaaṅgātirekavasena ṭhitāni cittapariyādānādīni nava suttasahassāni pañca suttasatāni sattapaññāsañca suttāni.

    นว สุตฺตสหสฺสานิ, ปญฺจ สุตฺตสตานิ จ;

    Nava suttasahassāni, pañca suttasatāni ca;

    สตฺตปญฺญาสสุตฺตานิ, สงฺขฺยา องฺคุตฺตเร อยํฯ

    Sattapaññāsasuttāni, saṅkhyā aṅguttare ayaṃ.

    กตโม ขุทฺทกนิกาโย? สกลํ วินยปิฎกํ, อภิธมฺมปิฎกํ, ขุทฺทกปาฐ, ธมฺมปทาทโย จ ปุเพฺพ ทสฺสิตา ปญฺจทสปฺปเภทา; ฐเปตฺวา จตฺตาโร นิกาเย อวเสสํ พุทฺธวจนนฺติฯ

    Katamo khuddakanikāyo? Sakalaṃ vinayapiṭakaṃ, abhidhammapiṭakaṃ, khuddakapāṭha, dhammapadādayo ca pubbe dassitā pañcadasappabhedā; ṭhapetvā cattāro nikāye avasesaṃ buddhavacananti.

    ฐเปตฺวา จตุโรเปเต, นิกาเย ทีฆอาทิเก;

    Ṭhapetvā caturopete, nikāye dīghaādike;

    ตทญฺญํ พุทฺธวจนํ, นิกาโย ขุทฺทโก มโตติฯ

    Tadaññaṃ buddhavacanaṃ, nikāyo khuddako matoti.

    เอวํ นิกายโต ปญฺจ นิกายา โหนฺติฯ

    Evaṃ nikāyato pañca nikāyā honti.

    กถํ องฺควเสน นวงฺคานีติ? สพฺพเมว หิทํ ‘สุตฺตํ เคยฺยํ เวยฺยากรณํ คาถา อุทานํ อิติวุตฺตกํ ชาตกํ อพฺภุตธมฺมํ เวทลฺล’นฺติ นวปฺปเภทํ โหติฯ ตตฺถ อุภโตวิภงฺคนิเทฺทสขนฺธกปริวารา สุตฺตนิปาเต มงฺคลสุตฺตรตนสุตฺตนาลกสุตฺตตุวฎฺฎกสุตฺตานิ อญฺญมฺปิ จ สุตฺตนามกํ ตถาคตวจนํ สุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ สพฺพมฺปิ สคาถกํ สุตฺตํ เคยฺยนฺติ เวทิตพฺพํฯ วิเสเสน สํยุตฺตนิกาเย สกโลปิ สคาถาวโคฺคฯ สกลมฺปิ อภิธมฺมปิฎกํ, นิคฺคาถกํ สุตฺตํ, ยญฺจ อญฺญมฺปิ อฎฺฐหิ อเงฺคหิ อสงฺคหิตํ พุทฺธวจนํ, ตํ เวยฺยากรณนฺติ เวทิตพฺพํฯ ธมฺมปทํ เถรคาถา เถรีคาถา สุตฺตนิปาเต โนสุตฺตนามิกา สุทฺธิกคาถา จ คาถาติ เวทิตพฺพาฯ โสมนสฺสญาณมยิกคาถาปฺปฎิสํยุตฺตา ทฺวาสีติ สุตฺตนฺตา อุทานนฺติ เวทิตพฺพํฯ ‘วุตฺตเญฺหตํ ภควตา’ติอาทินยปฺปวตฺตา (อิติวุ. ๑) ทสุตฺตรสตสุตฺตนฺตา อิติวุตฺตกนฺติ เวทิตพฺพํฯ อปณฺณกชาตกาทีนิ ปญฺญาสาธิกานิ ปญฺจ ชาตกสตานิ ชาตกนฺติ เวทิตพฺพํฯ ‘‘จตฺตาโรเม, ภิกฺขเว, อจฺฉริยา อพฺภุตา ธมฺมา อานเนฺท’’ติอาทินยปวตฺตา (ที. นิ. ๒.๒๐๙; อ. นิ. ๔.๑๒๙) สเพฺพปิ อจฺฉริยอพฺภุตธมฺมปฺปฎิสํยุตฺตา สุตฺตนฺตา อพฺภุตธมฺมนฺติ เวทิตพฺพํฯ

    Kathaṃ aṅgavasena navaṅgānīti? Sabbameva hidaṃ ‘suttaṃ geyyaṃ veyyākaraṇaṃ gāthā udānaṃ itivuttakaṃ jātakaṃ abbhutadhammaṃ vedalla’nti navappabhedaṃ hoti. Tattha ubhatovibhaṅganiddesakhandhakaparivārā suttanipāte maṅgalasuttaratanasuttanālakasuttatuvaṭṭakasuttāni aññampi ca suttanāmakaṃ tathāgatavacanaṃ suttanti veditabbaṃ. Sabbampi sagāthakaṃ suttaṃ geyyanti veditabbaṃ. Visesena saṃyuttanikāye sakalopi sagāthāvaggo. Sakalampi abhidhammapiṭakaṃ, niggāthakaṃ suttaṃ, yañca aññampi aṭṭhahi aṅgehi asaṅgahitaṃ buddhavacanaṃ, taṃ veyyākaraṇanti veditabbaṃ. Dhammapadaṃ theragāthā therīgāthā suttanipāte nosuttanāmikā suddhikagāthā ca gāthāti veditabbā. Somanassañāṇamayikagāthāppaṭisaṃyuttā dvāsīti suttantā udānanti veditabbaṃ. ‘Vuttañhetaṃ bhagavatā’tiādinayappavattā (itivu. 1) dasuttarasatasuttantā itivuttakanti veditabbaṃ. Apaṇṇakajātakādīni paññāsādhikāni pañca jātakasatāni jātakanti veditabbaṃ. ‘‘Cattārome, bhikkhave, acchariyā abbhutā dhammā ānande’’tiādinayapavattā (dī. ni. 2.209; a. ni. 4.129) sabbepi acchariyaabbhutadhammappaṭisaṃyuttā suttantā abbhutadhammanti veditabbaṃ.

    จูฬเวทลฺลมหาเวทลฺลสมฺมาทิฎฺฐิสกฺกปญฺหสงฺขารภาชนียมหาปุณฺณมสุตฺตาทโย สเพฺพปิ เวทญฺจ ตุฎฺฐิญฺจ ลทฺธา ลทฺธา ปุจฺฉิตสุตฺตนฺตา เวทลฺลนฺติ เวทิตพฺพํฯ เอวเมตํ องฺคโต นวงฺคานิฯ

    Cūḷavedallamahāvedallasammādiṭṭhisakkapañhasaṅkhārabhājanīyamahāpuṇṇamasuttādayo sabbepi vedañca tuṭṭhiñca laddhā laddhā pucchitasuttantā vedallanti veditabbaṃ. Evametaṃ aṅgato navaṅgāni.

    กถํ ธมฺมกฺขนฺธโต จตุราสีติ ธมฺมกฺขนฺธสหสฺสานีติ? สพฺพเมว หิทํ พุทฺธวจนํฯ

    Kathaṃ dhammakkhandhato caturāsīti dhammakkhandhasahassānīti? Sabbameva hidaṃ buddhavacanaṃ.

    ‘‘ทฺวาสีติ พุทฺธโต คณฺหิํ, เทฺว สหสฺสานิ ภิกฺขุโต;

    ‘‘Dvāsīti buddhato gaṇhiṃ, dve sahassāni bhikkhuto;

    จตุราสีติ สหสฺสานิ, เย เม ธมฺมา ปวตฺติโน’’ติฯ (เถรคา. ๑๐๒๗);

    Caturāsīti sahassāni, ye me dhammā pavattino’’ti. (theragā. 1027);

    เอวํ ปริทีปิตธมฺมกฺขนฺธวเสน จตุราสีติสหสฺสปฺปเภทํ โหติฯ ตตฺถ เอกานุสนฺธิกํ สุตฺตํ เอโก ธมฺมกฺขโนฺธฯ ยํ อเนกานุสนฺธิกํ ตตฺถ อนุสนฺธิวเสน ธมฺมกฺขนฺธคณนาฯ คาถาพเนฺธสุ ปญฺหาปุจฺฉนํ เอโก ธมฺมกฺขโนฺธ, วิสฺสชฺชนํ เอโกฯ อภิธเมฺม เอกเมกํ ติกทุกภาชนํ เอกเมกญฺจ จิตฺตวารภาชนํ เอโก ธมฺมกฺขโนฺธฯ วินเย อตฺถิ วตฺถุ, อตฺถิ มาติกา, อตฺถิ ปทภาชนียํ, อตฺถิ อาปตฺติ, อตฺถิ อนาปตฺติ, อตฺถิ อนฺตราปตฺติ, อตฺถิ ติกเจฺฉโทฯ ตตฺถ เอกเมโก โกฎฺฐาโส เอกเมโก ธมฺมกฺขโนฺธติ เวทิตโพฺพฯ เอวํ ธมฺมกฺขนฺธโต จตุราสีติ ธมฺมกฺขนฺธสหสฺสานิฯ

    Evaṃ paridīpitadhammakkhandhavasena caturāsītisahassappabhedaṃ hoti. Tattha ekānusandhikaṃ suttaṃ eko dhammakkhandho. Yaṃ anekānusandhikaṃ tattha anusandhivasena dhammakkhandhagaṇanā. Gāthābandhesu pañhāpucchanaṃ eko dhammakkhandho, vissajjanaṃ eko. Abhidhamme ekamekaṃ tikadukabhājanaṃ ekamekañca cittavārabhājanaṃ eko dhammakkhandho. Vinaye atthi vatthu, atthi mātikā, atthi padabhājanīyaṃ, atthi āpatti, atthi anāpatti, atthi antarāpatti, atthi tikacchedo. Tattha ekameko koṭṭhāso ekameko dhammakkhandhoti veditabbo. Evaṃ dhammakkhandhato caturāsīti dhammakkhandhasahassāni.

    เอวเมตํ สพฺพมฺปิ พุทฺธวจนํ ปญฺจสติกสงฺคีติกาเล สงฺคายเนฺตน มหากสฺสปปฺปมุเขน วสีคเณน อยํ ธโมฺม อยํ วินโย, อิทํ ปฐมพุทฺธวจนํ, อิทํ มชฺฌิมพุทฺธวจนํ, อิทํ ปจฺฉิมพุทฺธวจนํ, อิทํ วินยปิฎกํ, อิทํ สุตฺตนฺตปิฎกํ, อิทํ อภิธมฺมปิฎกํ, อยํ ทีฆนิกาโย…เป.… อยํ ขุทฺทกนิกาโย, อิมานิ สุตฺตาทีนิ นวงฺคานิ, อิมานิ จตุราสีติ ธมฺมกฺขนฺธสหสฺสานีติ อิมํ ปเภทํ ววตฺถเปตฺวาว สงฺคีตํฯ น เกวลญฺจ อิมเมว อญฺญมฺปิ อุทฺทานสงฺคหวคฺคสงฺคหเปยฺยาลสงฺคหเอกนิปาตทุกนิปาตาทินิปาตสงฺคหสํยุตฺตสงฺคห ปณฺณาสสงฺคหาทิอเนกวิธํ, ตีสุ ปิฎเกสุ สนฺทิสฺสมานํ สงฺคหปฺปเภทํ ววตฺถเปตฺวาว สตฺตหิ มาเสหิ สงฺคีตํฯ

    Evametaṃ sabbampi buddhavacanaṃ pañcasatikasaṅgītikāle saṅgāyantena mahākassapappamukhena vasīgaṇena ayaṃ dhammo ayaṃ vinayo, idaṃ paṭhamabuddhavacanaṃ, idaṃ majjhimabuddhavacanaṃ, idaṃ pacchimabuddhavacanaṃ, idaṃ vinayapiṭakaṃ, idaṃ suttantapiṭakaṃ, idaṃ abhidhammapiṭakaṃ, ayaṃ dīghanikāyo…pe… ayaṃ khuddakanikāyo, imāni suttādīni navaṅgāni, imāni caturāsīti dhammakkhandhasahassānīti imaṃ pabhedaṃ vavatthapetvāva saṅgītaṃ. Na kevalañca imameva aññampi uddānasaṅgahavaggasaṅgahapeyyālasaṅgahaekanipātadukanipātādinipātasaṅgahasaṃyuttasaṅgaha paṇṇāsasaṅgahādianekavidhaṃ, tīsu piṭakesu sandissamānaṃ saṅgahappabhedaṃ vavatthapetvāva sattahi māsehi saṅgītaṃ.

    สงฺคีติปริโยสาเน จสฺส อิทํ มหากสฺสปเตฺถเรน ทสพลสฺส สาสนํ ปญฺจวสฺสสหสฺสปริมาณกาลํ ปวตฺตนสมตฺถํ กตนฺติ สญฺชาตปฺปโมทา สาธุการํ วิย ททมานา อยํ มหาปถวี อุทกปริยนฺตํ กตฺวา อเนกปฺปการํ กมฺปิ สงฺกมฺปิ สมฺปกมฺปิ สมฺปเวธิฯ อเนกานิ จ อจฺฉริยานิ ปาตุรเหสุํฯ

    Saṅgītipariyosāne cassa idaṃ mahākassapattherena dasabalassa sāsanaṃ pañcavassasahassaparimāṇakālaṃ pavattanasamatthaṃ katanti sañjātappamodā sādhukāraṃ viya dadamānā ayaṃ mahāpathavī udakapariyantaṃ katvā anekappakāraṃ kampi saṅkampi sampakampi sampavedhi. Anekāni ca acchariyāni pāturahesuṃ.

    เอวํ สงฺคีเต ปเนตฺถ อยํ อภิธโมฺม ปิฎกโต อภิธมฺมปิฎกํ, นิกายโต ขุทฺทกนิกาโย, องฺคโต เวยฺยากรณํ, ธมฺมกฺขนฺธโต กติปยานิ ธมฺมกฺขนฺธสหสฺสานิ โหนฺติฯ

    Evaṃ saṅgīte panettha ayaṃ abhidhammo piṭakato abhidhammapiṭakaṃ, nikāyato khuddakanikāyo, aṅgato veyyākaraṇaṃ, dhammakkhandhato katipayāni dhammakkhandhasahassāni honti.

    ตํ ธารยเนฺตสุ ภิกฺขูสุ ปุเพฺพ เอโก ภิกฺขุ สพฺพสามยิกปริสาย นิสีทิตฺวา อภิธมฺมโต สุตฺตํ อาหริตฺวา ธมฺมํ กเถโนฺต ‘‘รูปกฺขโนฺธ อพฺยากโต, จตฺตาโร ขนฺธา สิยา กุสลา สิยา อกุสลา สิยา อพฺยากตา; ทสายตนา อพฺยากตา, เทฺว อายตนา สิยา กุสลา สิยา อกุสลา สิยา อพฺยากตา; โสฬส ธาตุโย อพฺยากตา, เทฺว ธาตุโย สิยา กุสลา สิยา อกุสลา สิยา อพฺยากตา; สมุทยสจฺจํ อกุสลํ, มคฺคสจฺจํ กุสลํ, นิโรธสจฺจํ อพฺยากตํ, ทุกฺขสจฺจํ สิยา กุสลํ สิยา อกุสลํ สิยา อพฺยากตํ; ทสินฺทฺริยา อพฺยากตา, โทมนสฺสินฺทฺริยํ อกุสลํ, อนญฺญาตญฺญสฺสามีตินฺทฺริยํ กุสลํ, จตฺตาริ อินฺทฺริยานิ สิยา กุสลา สิยา อพฺยากตา, ฉ อินฺทฺริยานิ สิยา กุสลา สิยา อกุสลา สิยา อพฺยากตา’’ติ ธมฺมกถํ กเถสิฯ

    Taṃ dhārayantesu bhikkhūsu pubbe eko bhikkhu sabbasāmayikaparisāya nisīditvā abhidhammato suttaṃ āharitvā dhammaṃ kathento ‘‘rūpakkhandho abyākato, cattāro khandhā siyā kusalā siyā akusalā siyā abyākatā; dasāyatanā abyākatā, dve āyatanā siyā kusalā siyā akusalā siyā abyākatā; soḷasa dhātuyo abyākatā, dve dhātuyo siyā kusalā siyā akusalā siyā abyākatā; samudayasaccaṃ akusalaṃ, maggasaccaṃ kusalaṃ, nirodhasaccaṃ abyākataṃ, dukkhasaccaṃ siyā kusalaṃ siyā akusalaṃ siyā abyākataṃ; dasindriyā abyākatā, domanassindriyaṃ akusalaṃ, anaññātaññassāmītindriyaṃ kusalaṃ, cattāri indriyāni siyā kusalā siyā abyākatā, cha indriyāni siyā kusalā siyā akusalā siyā abyākatā’’ti dhammakathaṃ kathesi.

    ตสฺมิํ ฐาเน เอโก ภิกฺขุ นิสิโนฺน ‘ธมฺมกถิก ตฺวํ สิเนรุํ ปริกฺขิปโนฺต วิย ทีฆสุตฺตํ อาหรสิ, กิํ สุตฺตํ นาเมต’นฺติ อาหฯ ‘อภิธมฺมสุตฺตํ นาม, อาวุโส’ติฯ ‘อภิธมฺมสุตฺตํ กสฺมา อาหรสิ? กิํ อญฺญํ พุทฺธภาสิตํ สุตฺตํ อาหริตุํ น วฎฺฎตี’ติ? ‘อภิธโมฺม เกน ภาสิโต’ติ? ‘น เอโส พุทฺธภาสิโต’ติฯ ‘กิํ ปน เต, อาวุโส, วินยปิฎกํ อุคฺคหิต’นฺติ? ‘น อุคฺคหิตํ, อาวุโส’ติฯ ‘อวินยธาริตาย มเญฺญ ตฺวํ อชานโนฺต เอวํ วเทสี’ติฯ ‘วินยมตฺตเมว, อาวุโส, อุคฺคหิต’นฺติฯ ‘ตมฺปิ เต ทุคฺคหิตํ, ปริสปริยเนฺต นิสีทิตฺวา นิทฺทายเนฺตน อุคฺคหิตํ ภวิสฺสติ; ตุมฺหาทิเส หิ ปพฺพาเชโนฺต วา อุปสมฺปาเทโนฺต วา สาติสาโร โหติ’ฯ ‘กิํ การณา’? วินยมตฺตสฺสปิ ทุคฺคหิตตฺตา; วุตฺตเญฺหตํ – ‘‘ตตฺถ อนาปตฺติ, น วิวเณฺณตุกาโม อิงฺฆ ตาว, อาวุโส, สุตฺตนฺตํ วา คาถาโย วา อภิธมฺมํ วา ปริยาปุณสฺสุ, ปจฺฉาปิ วินยํ ปริยาปุณิสฺสสี’’ติ (ปาจิ. ๔๔๒) ภณติฯ ‘‘สุตฺตเนฺต โอกาสํ การาเปตฺวา อภิธมฺมํ วา วินยํ วา ปุจฺฉติ, อภิธเมฺม โอกาสํ การาเปตฺวา สุตฺตนฺตํ วา วินยํ วา ปุจฺฉติ, วินเย โอกาสํ การาเปตฺวา สุตฺตนฺตํ วา อภิธมฺมํ วา ปุจฺฉตี’’ติ (ปาจิ. ๑๒๒๑)ฯ ‘ตฺวํ ปน เอตฺตกมฺปิ น ชานาสี’ติ เอตฺตเกนปิ ปรวาที นิคฺคหิโต โหติฯ

    Tasmiṃ ṭhāne eko bhikkhu nisinno ‘dhammakathika tvaṃ sineruṃ parikkhipanto viya dīghasuttaṃ āharasi, kiṃ suttaṃ nāmeta’nti āha. ‘Abhidhammasuttaṃ nāma, āvuso’ti. ‘Abhidhammasuttaṃ kasmā āharasi? Kiṃ aññaṃ buddhabhāsitaṃ suttaṃ āharituṃ na vaṭṭatī’ti? ‘Abhidhammo kena bhāsito’ti? ‘Na eso buddhabhāsito’ti. ‘Kiṃ pana te, āvuso, vinayapiṭakaṃ uggahita’nti? ‘Na uggahitaṃ, āvuso’ti. ‘Avinayadhāritāya maññe tvaṃ ajānanto evaṃ vadesī’ti. ‘Vinayamattameva, āvuso, uggahita’nti. ‘Tampi te duggahitaṃ, parisapariyante nisīditvā niddāyantena uggahitaṃ bhavissati; tumhādise hi pabbājento vā upasampādento vā sātisāro hoti’. ‘Kiṃ kāraṇā’? Vinayamattassapi duggahitattā; vuttañhetaṃ – ‘‘tattha anāpatti, na vivaṇṇetukāmo iṅgha tāva, āvuso, suttantaṃ vā gāthāyo vā abhidhammaṃ vā pariyāpuṇassu, pacchāpi vinayaṃ pariyāpuṇissasī’’ti (pāci. 442) bhaṇati. ‘‘Suttante okāsaṃ kārāpetvā abhidhammaṃ vā vinayaṃ vā pucchati, abhidhamme okāsaṃ kārāpetvā suttantaṃ vā vinayaṃ vā pucchati, vinaye okāsaṃ kārāpetvā suttantaṃ vā abhidhammaṃ vā pucchatī’’ti (pāci. 1221). ‘Tvaṃ pana ettakampi na jānāsī’ti ettakenapi paravādī niggahito hoti.

    มหาโคสิงฺคสุตฺตํ ปน อิโตปิ พลวตรํฯ ตตฺร หิ ธมฺมเสนาปติ สาริปุตฺตเตฺถโร อญฺญมญฺญํ ปุจฺฉิตปญฺหญฺจ วิสฺสชฺชนญฺจ อาโรเจตุํ สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา มหาโมคฺคลฺลานเตฺถรสฺส วิสฺสชฺชนํ อาโรเจโนฺต ‘‘อิธาวุโส สาริปุตฺต, เทฺว ภิกฺขู อภิธมฺมกถํ กเถนฺติ , เต อญฺญมญฺญํ ปญฺหํ ปุจฺฉนฺติ, อญฺญมญฺญสฺส ปญฺหํ ปุฎฺฐา วิสฺสเชฺชนฺติ, โน จ สํสาเทนฺติ, ธมฺมี จ เนสํ กถาปวตฺตินี โหติ, เอวรูเปน โข, อาวุโส, สาริปุตฺต, ภิกฺขุนา โคสิงฺคสาลวนํ โสเภยฺยา’’ติ (ม. นิ. ๑.๓๔๓) อาหฯ สตฺถา อาภิธมฺมิกา นาม มม สาสเน ปริพาหิราติ อวตฺวา สุวณฺณาลิงฺคสทิสํ คีวํ อุนฺนาเมตฺวา ปุณฺณจนฺทสสฺสิรีกํ มหามุขํ ปูเรตฺวา พฺรหฺมโฆสํ นิจฺฉาเรโนฺต ‘‘สาธุ สาธุ สาริปุตฺตา’’ติ มหาโมคฺคลฺลานเตฺถรสฺส สาธุการํ ทตฺวา ‘‘ยถา ตํ โมคฺคลฺลาโน จ สมฺมา พฺยากรมาโน พฺยากเรยฺย, โมคฺคลฺลาโน หิ สาริปุตฺต ธมฺมกถิโก’’ติ (ม. นิ. ๑.๓๔๓) อาหฯ อาภิธมฺมิกภิกฺขูเยว กิร ธมฺมกถิกา นาม, อวเสสา ธมฺมกถํ กเถนฺตาปิ น ธมฺมกถิกาฯ กสฺมา? เต หิ ธมฺมกถํ กเถนฺตา กมฺมนฺตรํ วิปากนฺตรํ รูปารูปปริเจฺฉทํ ธมฺมนฺตรํ อาโลเฬตฺวา กเถนฺติฯ อาภิธมฺมิกา ปน ธมฺมนฺตรํ น อาโลเฬนฺติฯ ตสฺมา อาภิธมฺมิโก ภิกฺขุ ธมฺมํ กเถตุ วา มา วา, ปุจฺฉิตกาเล ปน ปญฺหํ กเถสฺสตีติฯ อยเมว เอกนฺตธมฺมกถิโก นาม โหติฯ อิทํ สนฺธาย สตฺถา สาธุการํ ทตฺวา ‘สุกถิตํ โมคฺคลฺลาเนนา’ติ อาหฯ

    Mahāgosiṅgasuttaṃ pana itopi balavataraṃ. Tatra hi dhammasenāpati sāriputtatthero aññamaññaṃ pucchitapañhañca vissajjanañca ārocetuṃ satthu santikaṃ gantvā mahāmoggallānattherassa vissajjanaṃ ārocento ‘‘idhāvuso sāriputta, dve bhikkhū abhidhammakathaṃ kathenti , te aññamaññaṃ pañhaṃ pucchanti, aññamaññassa pañhaṃ puṭṭhā vissajjenti, no ca saṃsādenti, dhammī ca nesaṃ kathāpavattinī hoti, evarūpena kho, āvuso, sāriputta, bhikkhunā gosiṅgasālavanaṃ sobheyyā’’ti (ma. ni. 1.343) āha. Satthā ābhidhammikā nāma mama sāsane paribāhirāti avatvā suvaṇṇāliṅgasadisaṃ gīvaṃ unnāmetvā puṇṇacandasassirīkaṃ mahāmukhaṃ pūretvā brahmaghosaṃ nicchārento ‘‘sādhu sādhu sāriputtā’’ti mahāmoggallānattherassa sādhukāraṃ datvā ‘‘yathā taṃ moggallāno ca sammā byākaramāno byākareyya, moggallāno hi sāriputta dhammakathiko’’ti (ma. ni. 1.343) āha. Ābhidhammikabhikkhūyeva kira dhammakathikā nāma, avasesā dhammakathaṃ kathentāpi na dhammakathikā. Kasmā? Te hi dhammakathaṃ kathentā kammantaraṃ vipākantaraṃ rūpārūpaparicchedaṃ dhammantaraṃ āloḷetvā kathenti. Ābhidhammikā pana dhammantaraṃ na āloḷenti. Tasmā ābhidhammiko bhikkhu dhammaṃ kathetu vā mā vā, pucchitakāle pana pañhaṃ kathessatīti. Ayameva ekantadhammakathiko nāma hoti. Idaṃ sandhāya satthā sādhukāraṃ datvā ‘sukathitaṃ moggallānenā’ti āha.

    อภิธมฺมํ ปฎิพาเหโนฺต อิมสฺมิํ ชินจเกฺก ปหารํ เทติ, สพฺพญฺญุตญฺญาณํ ปฎิพาหติ, สตฺถุ เวสารชฺชญฺญาณํ ปฎินิวเตฺตติ, โสตุกามํ ปริสํ วิสํวาเทติ, อริยมเคฺค อาวรณํ พนฺธติ, อฎฺฐารสสุ เภทกรวตฺถูสุ เอกสฺมิํ สนฺทิสฺสติ อุเกฺขปนียกมฺมตชฺชนียกมฺมารโห โหติฯ ตํ ตํ กมฺมํ กตฺวา อุโยฺยเชตโพฺพ ‘คจฺฉ วิฆาสาโท หุตฺวา ชีวิสฺสสี’ติฯ

    Abhidhammaṃ paṭibāhento imasmiṃ jinacakke pahāraṃ deti, sabbaññutaññāṇaṃ paṭibāhati, satthu vesārajjaññāṇaṃ paṭinivatteti, sotukāmaṃ parisaṃ visaṃvādeti, ariyamagge āvaraṇaṃ bandhati, aṭṭhārasasu bhedakaravatthūsu ekasmiṃ sandissati ukkhepanīyakammatajjanīyakammāraho hoti. Taṃ taṃ kammaṃ katvā uyyojetabbo ‘gaccha vighāsādo hutvā jīvissasī’ti.

    อถาปิ เอวํ วเทยฺย – ‘‘สเจ อภิธโมฺม พุทฺธภาสิโต, ยถา อเนเกสุ สุตฺตสหเสฺสสุ ‘เอกํ สมยํ ภควา ราชคเห วิหรตี’ติอาทินา นเยน นิทานํ สชฺชิตํ, เอวมสฺสาปิ นิทานํ สชฺชิตํ ภเวยฺยา’’ติฯ โส ‘ชาตกสุตฺตนิปาตธมฺมปทาทีนํ เอวรูปํ นิทานํ นตฺถิ, น เจตานิ น พุทฺธภาสิตานี’ติ ปฎิกฺขิปิตฺวา อุตฺตริปิ เอวํ วตฺตโพฺพ – ‘ปณฺฑิต, อภิธโมฺม นาเมส สพฺพญฺญุพุทฺธานํเยว วิสโย, น อเญฺญสํ วิสโยฯ พุทฺธานญฺหิ โอกฺกนฺติ ปากฎา, อภิชาติ ปากฎา, อภิสโมฺพธิ ปากฎา, ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนํ ปากฎํฯ ยมกปาฎิหาริยํ ปากฎํ, ติทิวกฺกโม ปากโฎ, เทวโลเก เทสิตภาโว ปากโฎ, เทโวโรหนํ ปากฎํฯ ยถา นาม จกฺกวตฺติรโญฺญ หตฺถิรตนํ วา อสฺสรตนํ วา เถเนตฺวา ยานเก โยเชตฺวา วิจรณํ นาม อฎฺฐานํ อการณํ; จกฺกรตนํ วา ปน เถเนตฺวา ปลาลสกเฎ โอลมฺพิตฺวา วิจรณํ นาม อฎฺฐานํ อการณํ; โยชนปฺปมาณํ โอภาสนสมตฺถํ มณิรตนํ วา ปน กปฺปาสปจฺฉิยํ ปกฺขิปิตฺวา วฬญฺชนํ นาม อฎฺฐานํ อการณํฯ กสฺมา? ราชารหภณฺฑตาย; เอวเมว อภิธโมฺม นาม น อเญฺญสํ วิสโย, สพฺพญฺญุพุทฺธานํเยว วิสโยฯ เตสํ วเสน เทเสตพฺพเทสนาฯ พุทฺธานญฺหิ โอกฺกนฺติ ปากฎา…เป.… เทโวโรหนํ ปากฎํฯ อภิธมฺมสฺส นิทานกิจฺจํ นาม นตฺถิ ปณฺฑิตา’ติฯ น หิ สกฺกา เอวํ วุเตฺต ปรวาทินา สหธมฺมิกํ อุทาหรณํ อุทาหริตุํฯ

    Athāpi evaṃ vadeyya – ‘‘sace abhidhammo buddhabhāsito, yathā anekesu suttasahassesu ‘ekaṃ samayaṃ bhagavā rājagahe viharatī’tiādinā nayena nidānaṃ sajjitaṃ, evamassāpi nidānaṃ sajjitaṃ bhaveyyā’’ti. So ‘jātakasuttanipātadhammapadādīnaṃ evarūpaṃ nidānaṃ natthi, na cetāni na buddhabhāsitānī’ti paṭikkhipitvā uttaripi evaṃ vattabbo – ‘paṇḍita, abhidhammo nāmesa sabbaññubuddhānaṃyeva visayo, na aññesaṃ visayo. Buddhānañhi okkanti pākaṭā, abhijāti pākaṭā, abhisambodhi pākaṭā, dhammacakkappavattanaṃ pākaṭaṃ. Yamakapāṭihāriyaṃ pākaṭaṃ, tidivakkamo pākaṭo, devaloke desitabhāvo pākaṭo, devorohanaṃ pākaṭaṃ. Yathā nāma cakkavattirañño hatthiratanaṃ vā assaratanaṃ vā thenetvā yānake yojetvā vicaraṇaṃ nāma aṭṭhānaṃ akāraṇaṃ; cakkaratanaṃ vā pana thenetvā palālasakaṭe olambitvā vicaraṇaṃ nāma aṭṭhānaṃ akāraṇaṃ; yojanappamāṇaṃ obhāsanasamatthaṃ maṇiratanaṃ vā pana kappāsapacchiyaṃ pakkhipitvā vaḷañjanaṃ nāma aṭṭhānaṃ akāraṇaṃ. Kasmā? Rājārahabhaṇḍatāya; evameva abhidhammo nāma na aññesaṃ visayo, sabbaññubuddhānaṃyeva visayo. Tesaṃ vasena desetabbadesanā. Buddhānañhi okkanti pākaṭā…pe… devorohanaṃ pākaṭaṃ. Abhidhammassa nidānakiccaṃ nāma natthi paṇḍitā’ti. Na hi sakkā evaṃ vutte paravādinā sahadhammikaṃ udāharaṇaṃ udāharituṃ.

    มณฺฑลารามวาสี ติสฺสภูติเตฺถโร ปน มหาโพธินิทาโน เอส อภิธโมฺม นามาติ ทเสฺสตุํ ‘‘เยน สฺวาหํ, ภิกฺขเว, วิหาเรน ปฐมาภิสมฺพุโทฺธ วิหรามิ ตสฺส ปเทเสน วิหาสิ’’นฺติ (สํ. นิ. ๕.๑๑) อิมํ ปเทสวิหารสุตฺตนฺตํ อาหริตฺวา กเถสิฯ ทสวิโธ หิ ปเทโส นาม – ขนฺธปเทโส, อายตนปเทโส, ธาตุปเทโส, สจฺจปเทโส, อินฺทฺริยปเทโส, ปจฺจยาการปเทโส, สติปฎฺฐานปเทโส, ฌานปเทโส, นามปเทโส, ธมฺมปเทโสติฯ เตสุ สตฺถา มหาโพธิมเณฺฑ ปญฺจกฺขเนฺธ นิปฺปเทเสน ปฎิวิชฺฌิ, อิมํ เตมาสํ เวทนากฺขนฺธวเสเนว วิหาสิฯ ทฺวาทสายตนานิ อฎฺฐารส ธาตุโย นิปฺปเทเสน ปฎิวิชฺฌิฯ อิมํ เตมาสํ ธมฺมายตเน เวทนาวเสน ธมฺมธาตุยญฺจ เวทนาวเสเนว วิหาสิฯ จตฺตาริ สจฺจานิ นิปฺปเทเสน ปฎิวิชฺฌิ, อิมํ เตมาสํ ทุกฺขสเจฺจ เวทนาวเสเนว วิหาสิฯ พาวีสตินฺทฺริยานิ นิปฺปเทเสน ปฎิวิชฺฌิ, อิมํ เตมาสํ เวทนาปญฺจกอินฺทฺริยวเสน วิหาสิฯ ทฺวาทสปทิกํ ปจฺจยาการวฎฺฎํ นิปฺปเทเสน ปฎิวิชฺฌิ, อิมํ เตมาสํ ผสฺสปจฺจยา เวทนาวเสเนว วิหาสิฯ จตฺตาโร สติปฎฺฐาเน นิปฺปเทเสน ปฎิวิชฺฌิ, อิมํ เตมาสํ เวทนาสติปฎฺฐานวเสเนว วิหาสิฯ จตฺตาริ ฌานานิ นิปฺปเทเสน ปฎิวิชฺฌิ, อิมํ เตมาสํ ฌานเงฺคสุ เวทนาวเสเนว วิหาสิฯ นามํ นิปฺปเทเสน ปฎิวิชฺฌิ, อิมํ เตมาสํ ตตฺถ เวทนาวเสเนว วิหาสิฯ ธเมฺม นิปฺปเทเสน ปฎิวิชฺฌิ, อิมํ เตมาสํ เวทนาตฺติกวเสเนว วิหาสีติฯ เอวํ เถโร ปเทสวิหารสุตฺตนฺตวเสน อภิธมฺมสฺส นิทานํ กเถสิฯ

    Maṇḍalārāmavāsī tissabhūtitthero pana mahābodhinidāno esa abhidhammo nāmāti dassetuṃ ‘‘yena svāhaṃ, bhikkhave, vihārena paṭhamābhisambuddho viharāmi tassa padesena vihāsi’’nti (saṃ. ni. 5.11) imaṃ padesavihārasuttantaṃ āharitvā kathesi. Dasavidho hi padeso nāma – khandhapadeso, āyatanapadeso, dhātupadeso, saccapadeso, indriyapadeso, paccayākārapadeso, satipaṭṭhānapadeso, jhānapadeso, nāmapadeso, dhammapadesoti. Tesu satthā mahābodhimaṇḍe pañcakkhandhe nippadesena paṭivijjhi, imaṃ temāsaṃ vedanākkhandhavaseneva vihāsi. Dvādasāyatanāni aṭṭhārasa dhātuyo nippadesena paṭivijjhi. Imaṃ temāsaṃ dhammāyatane vedanāvasena dhammadhātuyañca vedanāvaseneva vihāsi. Cattāri saccāni nippadesena paṭivijjhi, imaṃ temāsaṃ dukkhasacce vedanāvaseneva vihāsi. Bāvīsatindriyāni nippadesena paṭivijjhi, imaṃ temāsaṃ vedanāpañcakaindriyavasena vihāsi. Dvādasapadikaṃ paccayākāravaṭṭaṃ nippadesena paṭivijjhi, imaṃ temāsaṃ phassapaccayā vedanāvaseneva vihāsi. Cattāro satipaṭṭhāne nippadesena paṭivijjhi, imaṃ temāsaṃ vedanāsatipaṭṭhānavaseneva vihāsi. Cattāri jhānāni nippadesena paṭivijjhi, imaṃ temāsaṃ jhānaṅgesu vedanāvaseneva vihāsi. Nāmaṃ nippadesena paṭivijjhi, imaṃ temāsaṃ tattha vedanāvaseneva vihāsi. Dhamme nippadesena paṭivijjhi, imaṃ temāsaṃ vedanāttikavaseneva vihāsīti. Evaṃ thero padesavihārasuttantavasena abhidhammassa nidānaṃ kathesi.

    คามวาสี สุมนเทวเตฺถโร ปน เหฎฺฐาโลหปาสาเท ธมฺมํ ปริวเตฺตโนฺต ‘อยํ ปรวาที พาหา ปคฺคยฺห อรเญฺญ กนฺทโนฺต วิย, อสกฺขิกํ อฑฺฑํ กโรโนฺต วิย จ, อภิธเมฺม นิทานสฺส อตฺถิภาวมฺปิ น ชานาตี’ติ วตฺวา นิทานํ กเถโนฺต เอวมาห – เอกํ สมยํ ภควา เทเวสุ วิหรติ ตาวติํเสสุ ปาริจฺฉตฺตกมูเล ปณฺฑุกมฺพลสิลายํฯ ตตฺร โข ภควา เทวานํ ตาวติํสานํ อภิธมฺมกถํ กเถสิ – ‘‘กุสลา ธมฺมา, อกุสลา ธมฺมา, อพฺยากตา ธมฺมา’’ติฯ

    Gāmavāsī sumanadevatthero pana heṭṭhālohapāsāde dhammaṃ parivattento ‘ayaṃ paravādī bāhā paggayha araññe kandanto viya, asakkhikaṃ aḍḍaṃ karonto viya ca, abhidhamme nidānassa atthibhāvampi na jānātī’ti vatvā nidānaṃ kathento evamāha – ekaṃ samayaṃ bhagavā devesu viharati tāvatiṃsesu pāricchattakamūle paṇḍukambalasilāyaṃ. Tatra kho bhagavā devānaṃ tāvatiṃsānaṃ abhidhammakathaṃ kathesi – ‘‘kusalā dhammā, akusalā dhammā, abyākatā dhammā’’ti.

    อเญฺญสุ ปน สุเตฺตสุ เอกเมว นิทานํฯ อภิธเมฺม เทฺว นิทานานิ – อธิคมนิทานญฺจ เทสนานิทานญฺจ ฯ ตตฺถ อธิคมนิทานํ ทีปงฺกรทสพลโต ปฎฺฐาย ยาว มหาโพธิปลฺลงฺกา เวทิตพฺพํฯ เทสนานิทานํ ยาว ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนาฯ เอวํ อุภยนิทานสมฺปนฺนสฺส ปนสฺส อภิธมฺมสฺส นิทานโกสลฺลตฺถํ อิทํ ตาว ปญฺหากมฺมํ เวทิตพฺพํ – อยํ อภิธโมฺม นาม เกน ปภาวิโต? กตฺถ ปริปาจิโต? กตฺถ อธิคโต? กทา อธิคโต? เกน อธิคโต? กตฺถ วิจิโต? กทา วิจิโต? เกน วิจิโต? กตฺถ เทสิโต? กสฺสตฺถาย เทสิโต? กิมตฺถํ เทสิโต? เกหิ ปฎิคฺคหิโต? เก สิกฺขนฺติ? เก สิกฺขิตสิกฺขา? เก ธาเรนฺติ? กสฺส วจนํ? เกนาภโตติ?

    Aññesu pana suttesu ekameva nidānaṃ. Abhidhamme dve nidānāni – adhigamanidānañca desanānidānañca . Tattha adhigamanidānaṃ dīpaṅkaradasabalato paṭṭhāya yāva mahābodhipallaṅkā veditabbaṃ. Desanānidānaṃ yāva dhammacakkappavattanā. Evaṃ ubhayanidānasampannassa panassa abhidhammassa nidānakosallatthaṃ idaṃ tāva pañhākammaṃ veditabbaṃ – ayaṃ abhidhammo nāma kena pabhāvito? Kattha paripācito? Kattha adhigato? Kadā adhigato? Kena adhigato? Kattha vicito? Kadā vicito? Kena vicito? Kattha desito? Kassatthāya desito? Kimatthaṃ desito? Kehi paṭiggahito? Ke sikkhanti? Ke sikkhitasikkhā? Ke dhārenti? Kassa vacanaṃ? Kenābhatoti?

    ตตฺริทํ วิสฺสชฺชนํ – เกน ปภาวิโตติ โพธิอภินีหารสทฺธาย ปภาวิโตฯ กตฺถ ปริปาจิโตติ อฑฺฒฉเกฺกสุ ชาตกสเตสุฯ กตฺถ อธิคโตติ โพธิมูเลฯ กทา อธิคโตติ วิสาขาปุณฺณมาสิยํฯ เกนาธิคโตติ สพฺพญฺญุพุเทฺธนฯ กตฺถ วิจิโตติ โพธิมเณฺฑฯ กทา วิจิโตติ รตนฆรสตฺตาเหฯ เกน วิจิโตติ สพฺพญฺญุพุเทฺธนฯ กตฺถ เทสิโตติ เทเวสุ ตาวติํเสสุฯ กสฺสตฺถาย เทสิโตติ เทวตานํฯ กิมตฺถํ เทสิโตติ จตุโรฆนิทฺธรณตฺถํฯ เกหิ ปฎิคฺคหิโตติ เทเวหิฯ เก สิกฺขนฺตีติ เสกฺขา จ ปุถุชฺชนกลฺยาณา จฯ เก สิกฺขิตสิกฺขาติ อรหโนฺต ขีณาสวาฯ เก ธาเรนฺตีติ เยสํ วตฺตติ เต ธาเรนฺติฯ กสฺส วจนนฺติ ภควโต วจนํ, อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสฯ เกนาภโตติ อาจริยปรมฺปรายฯ

    Tatridaṃ vissajjanaṃ – kena pabhāvitoti bodhiabhinīhārasaddhāya pabhāvito. Kattha paripācitoti aḍḍhachakkesu jātakasatesu. Kattha adhigatoti bodhimūle. Kadā adhigatoti visākhāpuṇṇamāsiyaṃ. Kenādhigatoti sabbaññubuddhena. Kattha vicitoti bodhimaṇḍe. Kadāvicitoti ratanagharasattāhe. Kena vicitoti sabbaññubuddhena. Kattha desitoti devesu tāvatiṃsesu. Kassatthāya desitoti devatānaṃ. Kimatthaṃ desitoti caturoghaniddharaṇatthaṃ. Kehi paṭiggahitoti devehi. Ke sikkhantīti sekkhā ca puthujjanakalyāṇā ca. Ke sikkhitasikkhāti arahanto khīṇāsavā. Ke dhārentīti yesaṃ vattati te dhārenti. Kassa vacananti bhagavato vacanaṃ, arahato sammāsambuddhassa. Kenābhatoti ācariyaparamparāya.

    อยญฺหิ สาริปุตฺตเตฺถโร ภทฺทชิ โสภิโต ปิยชาลี ปิยปาโล ปิยทสฺสี โกสิยปุโตฺต สิคฺคโว สเนฺทโห โมคฺคลิปุโตฺต สุทโตฺต ธมฺมิโย ทาสโก โสณโก เรวโตติ เอวมาทีหิ ยาว ตติยสงฺคีติกาลา อาภโตฯ ตโต อุทฺธํ เตสํเยว สิสฺสานุสิเสฺสหีติ เอวํ ตาว ชมฺพุทีปตเล อาจริยปรมฺปราย อาภโตฯ อิมํ ปน ทีปํ –

    Ayañhi sāriputtatthero bhaddaji sobhito piyajālī piyapālo piyadassī kosiyaputto siggavo sandeho moggaliputto sudatto dhammiyo dāsako soṇako revatoti evamādīhi yāva tatiyasaṅgītikālā ābhato. Tato uddhaṃ tesaṃyeva sissānusissehīti evaṃ tāva jambudīpatale ācariyaparamparāya ābhato. Imaṃ pana dīpaṃ –

    ตโต มหิโนฺท อิฎฺฎิโย, อุตฺติโย สมฺพโล ตถา;

    Tato mahindo iṭṭiyo, uttiyo sambalo tathā;

    ปณฺฑิโต ภทฺทนาโม จ, เอเต นาคา มหาปญฺญาฯ

    Paṇḍito bhaddanāmo ca, ete nāgā mahāpaññā.

    ชมฺพุทีปา อิธาคตาติ (ปริ. ๓, ๘)ฯ

    Jambudīpā idhāgatāti (pari. 3, 8).

    อิเมหิ มหานาเคหิ อาภโตฯ ตโต อุทฺธํ เตสํเยว สิสฺสานุสิสฺสสงฺขาตาย อาจริยปรมฺปราย ยาวชฺชตนกาลา อาภโตฯ

    Imehi mahānāgehi ābhato. Tato uddhaṃ tesaṃyeva sissānusissasaṅkhātāya ācariyaparamparāya yāvajjatanakālā ābhato.

    สุเมธกถา

    Sumedhakathā

    เอวํ อาภตสฺส ปนสฺส ยํ ตํ ทีปงฺกรทสพลโต ปฎฺฐาย ยาว มหาโพธิปลฺลงฺกา อธิคมนิทานํ, ยาว ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนา เทสนานิทานญฺจ วุตฺตํ, ตสฺส อาวิภาวตฺถํ อยํ อนุปุพฺพิกถา เวทิตพฺพา –

    Evaṃ ābhatassa panassa yaṃ taṃ dīpaṅkaradasabalato paṭṭhāya yāva mahābodhipallaṅkā adhigamanidānaṃ, yāva dhammacakkappavattanā desanānidānañca vuttaṃ, tassa āvibhāvatthaṃ ayaṃ anupubbikathā veditabbā –

    อิโต กิร กปฺปสตสหสฺสาธิกานํ จตุนฺนํ อสเงฺขฺยยฺยานํ มตฺถเก อมรวตี นาม นครํ อโหสิฯ ตตฺถ สุเมโธ นาม พฺราหฺมโณ ปฎิวสติ อุภโต สุชาโต, มาติโต จ ปิติโต จ, สํสุทฺธคหณิโก, ยาว สตฺตมา กุลปริวฎฺฎา อกฺขิโตฺต อนุปกุโฎฺฐ ชาติวาเทน, อภิรูโป ทสฺสนีโย ปาสาทิโก ปรมาย วณฺณโปกฺขรตาย สมนฺนาคโตฯ โส อญฺญํ กมฺมํ อกตฺวา พฺราหฺมณสิปฺปเมว อุคฺคณฺหิฯ ตสฺส ทหรกาเลเยว มาตาปิตโร กาลมกํสุฯ อถสฺส ราสิวฑฺฒโก อมโจฺจ อายโปตฺถกํ อาหริตฺวา สุวณฺณรชตมณิมุตฺตาทิปูริเต คเพฺภ วิวริตฺวา ‘เอตฺตกํ เต กุมาร มาตุ สนฺตกํ, เอตฺตกํ ปิตุ สนฺตกํ, เอตฺตกา อยฺยกปยฺยกานํ สนฺตกาติ ยาว สตฺตมา กุลปริวฎฺฎา ธนํ อาจิกฺขิตฺวา เอตํ ปฎิปชฺชาหี’ติ อาหฯ สุเมธปณฺฑิโต จิเนฺตสิ – ‘อิมํ ธนํ สํหริตฺวา มยฺหํ ปิตุปิตามหาทโย ปรโลกํ คจฺฉนฺตา เอกกหาปณมฺปิ คเหตฺวา น คตา, มยา ปน คเหตฺวา คมนการณํ กาตุํ วฎฺฎตี’ติ โส รโญฺญ อาโรเจตฺวา นคเร เภริํ จราเปตฺวา มหาชนสฺส ทานํ ทตฺวา ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชิฯ อิมสฺมิํ ปน ฐาเน สุเมธกถา กเถตพฺพาฯ วุตฺตเญฺหตํ พุทฺธวํเส (พุ. วํ. ๒.๑-๓๓) –

    Ito kira kappasatasahassādhikānaṃ catunnaṃ asaṅkhyeyyānaṃ matthake amaravatī nāma nagaraṃ ahosi. Tattha sumedho nāma brāhmaṇo paṭivasati ubhato sujāto, mātito ca pitito ca, saṃsuddhagahaṇiko, yāva sattamā kulaparivaṭṭā akkhitto anupakuṭṭho jātivādena, abhirūpo dassanīyo pāsādiko paramāya vaṇṇapokkharatāya samannāgato. So aññaṃ kammaṃ akatvā brāhmaṇasippameva uggaṇhi. Tassa daharakāleyeva mātāpitaro kālamakaṃsu. Athassa rāsivaḍḍhako amacco āyapotthakaṃ āharitvā suvaṇṇarajatamaṇimuttādipūrite gabbhe vivaritvā ‘ettakaṃ te kumāra mātu santakaṃ, ettakaṃ pitu santakaṃ, ettakā ayyakapayyakānaṃ santakāti yāva sattamā kulaparivaṭṭā dhanaṃ ācikkhitvā etaṃ paṭipajjāhī’ti āha. Sumedhapaṇḍito cintesi – ‘imaṃ dhanaṃ saṃharitvā mayhaṃ pitupitāmahādayo paralokaṃ gacchantā ekakahāpaṇampi gahetvā na gatā, mayā pana gahetvā gamanakāraṇaṃ kātuṃ vaṭṭatī’ti so rañño ārocetvā nagare bheriṃ carāpetvā mahājanassa dānaṃ datvā tāpasapabbajjaṃ pabbaji. Imasmiṃ pana ṭhāne sumedhakathā kathetabbā. Vuttañhetaṃ buddhavaṃse (bu. vaṃ. 2.1-33) –

    กเปฺป จ สตสหเสฺส, จตุโร จ อสงฺขิเย;

    Kappe ca satasahasse, caturo ca asaṅkhiye;

    อมรํ นาม นครํ, ทสฺสเนยฺยํ มโนรมํฯ

    Amaraṃ nāma nagaraṃ, dassaneyyaṃ manoramaṃ.

    ทสหิ สเทฺทหิ อวิวิตฺตํ, อนฺนปานสมายุตํ;

    Dasahi saddehi avivittaṃ, annapānasamāyutaṃ;

    หตฺถิสทฺทํ อสฺสสทฺทํ, เภริสงฺขรถานิ จ;

    Hatthisaddaṃ assasaddaṃ, bherisaṅkharathāni ca;

    ขาทถ ปิวถ เจว, อนฺนปาเนน โฆสิตํฯ

    Khādatha pivatha ceva, annapānena ghositaṃ.

    นครํ สพฺพงฺคสมฺปนฺนํ, สพฺพกมฺมมุปาคตํ;

    Nagaraṃ sabbaṅgasampannaṃ, sabbakammamupāgataṃ;

    สตฺตรตนสมฺปนฺนํ, นานาชนสมากุลํ;

    Sattaratanasampannaṃ, nānājanasamākulaṃ;

    สมิทฺธํ เทวนครํว, อาวาสํ ปุญฺญกมฺมินํฯ

    Samiddhaṃ devanagaraṃva, āvāsaṃ puññakamminaṃ.

    นคเร อมรวติยา, สุเมโธ นาม พฺราหฺมโณ;

    Nagare amaravatiyā, sumedho nāma brāhmaṇo;

    อเนกโกฎิสนฺนิจโย, ปหูตธนธญฺญวาฯ

    Anekakoṭisannicayo, pahūtadhanadhaññavā.

    อชฺฌายโก มนฺตธโร, ติณฺณํ เวทาน ปารคู;

    Ajjhāyako mantadharo, tiṇṇaṃ vedāna pāragū;

    ลกฺขเณ อิติหาเส จ, สธเมฺม ปารมิํ คโตฯ

    Lakkhaṇe itihāse ca, sadhamme pāramiṃ gato.

    รโหคโต นิสีทิตฺวา, เอวํ จิเนฺตสหํ ตทา;

    Rahogato nisīditvā, evaṃ cintesahaṃ tadā;

    ทุโกฺข ปุนพฺภโว นาม, สรีรสฺส จ เภทนํฯ

    Dukkho punabbhavo nāma, sarīrassa ca bhedanaṃ.

    ชาติธโมฺม ชราธโมฺม, พฺยาธิธโมฺม สหํ ตทา;

    Jātidhammo jarādhammo, byādhidhammo sahaṃ tadā;

    อชรํ อมตํ เขมํ, ปริเยสิสฺสามิ นิพฺพุติํฯ

    Ajaraṃ amataṃ khemaṃ, pariyesissāmi nibbutiṃ.

    ยํนูนิมํ ปูติกายํ, นานากุณปปูริตํ;

    Yaṃnūnimaṃ pūtikāyaṃ, nānākuṇapapūritaṃ;

    ฉฑฺฑยิตฺวาน คเจฺฉยฺยํ, อนเปโกฺข อนตฺถิโกฯ

    Chaḍḍayitvāna gaccheyyaṃ, anapekkho anatthiko.

    อตฺถิ เหหิติ โส มโคฺค, น โส สกฺกา น เหตุเย;

    Atthi hehiti so maggo, na so sakkā na hetuye;

    ปริเยสิสฺสามิ ตํ มคฺคํ, ภวโต ปริมุตฺติยาฯ

    Pariyesissāmi taṃ maggaṃ, bhavato parimuttiyā.

    ยถาปิ ทุเกฺข วิชฺชเนฺต, สุขํ นามปิ วิชฺชติ;

    Yathāpi dukkhe vijjante, sukhaṃ nāmapi vijjati;

    เอวํ ภเว วิชฺชมาเน, วิภโวปิ อิจฺฉิตพฺพโกฯ

    Evaṃ bhave vijjamāne, vibhavopi icchitabbako.

    ยถาปิ อุเณฺห วิชฺชเนฺต, อปรํ วิชฺชติ สีตลํ;

    Yathāpi uṇhe vijjante, aparaṃ vijjati sītalaṃ;

    เอวํ ติวิธคฺคิ วิชฺชเนฺต, นิพฺพานํ อิจฺฉิตพฺพกํฯ

    Evaṃ tividhaggi vijjante, nibbānaṃ icchitabbakaṃ.

    ยถาปิ ปาเป วิชฺชเนฺต, กลฺยาณมปิ วิชฺชติ;

    Yathāpi pāpe vijjante, kalyāṇamapi vijjati;

    เอวเมว ชาติ วิชฺชเนฺต, อชาติปิจฺฉิตพฺพกํฯ

    Evameva jāti vijjante, ajātipicchitabbakaṃ.

    ยถา คูถคโต ปุริโส, ตฬากํ ทิสฺวาน ปูริตํ;

    Yathā gūthagato puriso, taḷākaṃ disvāna pūritaṃ;

    น คเวสติ ตํ ตฬากํ, น โทโส ตฬากสฺส โสฯ

    Na gavesati taṃ taḷākaṃ, na doso taḷākassa so.

    เอวํ กิเลสมลโธเว, วิชฺชเนฺต อมตนฺตเฬ;

    Evaṃ kilesamaladhove, vijjante amatantaḷe;

    น คเวสติ ตํ ตฬากํ, น โทโส อมตนฺตเฬฯ

    Na gavesati taṃ taḷākaṃ, na doso amatantaḷe.

    ยถา อรีหิ ปริรุโทฺธ, วิชฺชเนฺต คมนมฺปเถ;

    Yathā arīhi pariruddho, vijjante gamanampathe;

    น ปลายติ โส ปุริโส, น โทโส อญฺชสสฺส โสฯ

    Na palāyati so puriso, na doso añjasassa so.

    เอวํ กิเลสปริรุโทฺธ, วิชฺชมาเน สิเว ปเถ;

    Evaṃ kilesapariruddho, vijjamāne sive pathe;

    น คเวสติ ตํ มคฺคํ, น โทโส สิวมญฺชเสฯ

    Na gavesati taṃ maggaṃ, na doso sivamañjase.

    ยถาปิ พฺยาธิโต ปุริโส, วิชฺชมาเน ติกิจฺฉเก;

    Yathāpi byādhito puriso, vijjamāne tikicchake;

    น ติกิจฺฉาเปติ ตํ พฺยาธิํ, น โทโส โส ติกิจฺฉเกฯ

    Na tikicchāpeti taṃ byādhiṃ, na doso so tikicchake.

    เอวํ กิเลสพฺยาธีหิ, ทุกฺขิโต ปริปีฬิโต;

    Evaṃ kilesabyādhīhi, dukkhito paripīḷito;

    น คเวสติ ตํ อาจริยํ, น โทโส โส วินายเกฯ

    Na gavesati taṃ ācariyaṃ, na doso so vināyake.

    ยถาปิ กุณปํ ปุริโส, กเณฺฐ พทฺธํ ชิคุจฺฉิย;

    Yathāpi kuṇapaṃ puriso, kaṇṭhe baddhaṃ jigucchiya;

    โมจยิตฺวาน คเจฺฉยฺย, สุขี เสรี สยํวสีฯ

    Mocayitvāna gaccheyya, sukhī serī sayaṃvasī.

    ตเถวิมํ ปูติกายํ, นานากุณปสญฺจยํ;

    Tathevimaṃ pūtikāyaṃ, nānākuṇapasañcayaṃ;

    ฉฑฺฑยิตฺวาน คเจฺฉยฺยํ, อนเปโกฺข อนตฺถิโกฯ

    Chaḍḍayitvāna gaccheyyaṃ, anapekkho anatthiko.

    ยถา อุจฺจารฎฺฐานมฺหิ, กรีสํ นรนาริโย;

    Yathā uccāraṭṭhānamhi, karīsaṃ naranāriyo;

    ฉฑฺฑยิตฺวาน คจฺฉนฺติ, อนเปกฺขา อนตฺถิกาฯ

    Chaḍḍayitvāna gacchanti, anapekkhā anatthikā.

    เอวเมวาหํ อิมํ กายํ, นานากุณปปูริตํ;

    Evamevāhaṃ imaṃ kāyaṃ, nānākuṇapapūritaṃ;

    ฉฑฺฑยิตฺวาน คจฺฉิสฺสํ, วจฺจํ กตฺวา ยถา กุฎิํฯ

    Chaḍḍayitvāna gacchissaṃ, vaccaṃ katvā yathā kuṭiṃ.

    ยถาปิ ชชฺชรํ นาวํ, ปลุคฺคํ อุทคาหินิํ;

    Yathāpi jajjaraṃ nāvaṃ, paluggaṃ udagāhiniṃ;

    สามี ฉเฑฺฑตฺวา คจฺฉนฺติ, อนเปกฺขา อนตฺถิกาฯ

    Sāmī chaḍḍetvā gacchanti, anapekkhā anatthikā.

    เอวเมวาหํ อิมํ กายํ, นวจฺฉิทฺทํ ธุวสฺสวํ;

    Evamevāhaṃ imaṃ kāyaṃ, navacchiddaṃ dhuvassavaṃ;

    ฉฑฺฑยิตฺวาน คจฺฉิสฺสํ, ชิณฺณนาวํว สามิกาฯ

    Chaḍḍayitvāna gacchissaṃ, jiṇṇanāvaṃva sāmikā.

    ยถาปิ ปุริโส โจเรหิ, คจฺฉโนฺต ภณฺฑมาทิย;

    Yathāpi puriso corehi, gacchanto bhaṇḍamādiya;

    ภณฺฑเจฺฉทภยํ ทิสฺวา, ฉฑฺฑยิตฺวาน คจฺฉติฯ

    Bhaṇḍacchedabhayaṃ disvā, chaḍḍayitvāna gacchati.

    เอวเมว อยํ กาโย, มหาโจรสโม วิย;

    Evameva ayaṃ kāyo, mahācorasamo viya;

    ปหายิมํ คมิสฺสามิ, กุสลเจฺฉทนาภยาฯ

    Pahāyimaṃ gamissāmi, kusalacchedanābhayā.

    เอวาหํ จินฺตยิตฺวาน, เนกโกฎิสตํ ธนํ;

    Evāhaṃ cintayitvāna, nekakoṭisataṃ dhanaṃ;

    นาถานาถานํ ทตฺวาน, หิมวนฺตมุปาคมิํฯ

    Nāthānāthānaṃ datvāna, himavantamupāgamiṃ.

    หิมวนฺตสฺสาวิทูเร, ธมฺมิโก นาม ปพฺพโต;

    Himavantassāvidūre, dhammiko nāma pabbato;

    อสฺสโม สุกโต มยฺหํ, ปณฺณสาลา สุมาปิตาฯ

    Assamo sukato mayhaṃ, paṇṇasālā sumāpitā.

    จงฺกมํ ตตฺถ มาเปสิํ, ปญฺจโทสวิวชฺชิตํ;

    Caṅkamaṃ tattha māpesiṃ, pañcadosavivajjitaṃ;

    อฎฺฐคุณสมุเปตํ, อภิญฺญาพลมาหริํฯ

    Aṭṭhaguṇasamupetaṃ, abhiññābalamāhariṃ.

    สาฎกํ ปชหิํ ตตฺถ, นวโทสมุปาคตํ;

    Sāṭakaṃ pajahiṃ tattha, navadosamupāgataṃ;

    วากจีรํ นิวาเสสิํ, ทฺวาทสคุณมุปาคตํฯ

    Vākacīraṃ nivāsesiṃ, dvādasaguṇamupāgataṃ.

    อฎฺฐโทสสมากิณฺณํ , ปชหิํ ปณฺณสาลกํ;

    Aṭṭhadosasamākiṇṇaṃ , pajahiṃ paṇṇasālakaṃ;

    อุปาคมิํ รุกฺขมูลํ, คุเณ ทสหุปาคตํฯ

    Upāgamiṃ rukkhamūlaṃ, guṇe dasahupāgataṃ.

    วาปิตํ โรปิตํ ธญฺญํ, ปชหิํ นิรวเสสโต;

    Vāpitaṃ ropitaṃ dhaññaṃ, pajahiṃ niravasesato;

    อเนกคุณสมฺปนฺนํ, ปวตฺตผลมาทิยิํฯ

    Anekaguṇasampannaṃ, pavattaphalamādiyiṃ.

    ตตฺถปฺปธานํ ปทหิํ, นิสชฺชฎฺฐานจงฺกเม;

    Tatthappadhānaṃ padahiṃ, nisajjaṭṭhānacaṅkame;

    อพฺภนฺตรมฺหิ สตฺตาเห, อภิญฺญาพล ปาปุณินฺติฯ (พุ. วํ. ๒.๑-๓๓);

    Abbhantaramhi sattāhe, abhiññābala pāpuṇinti. (bu. vaṃ. 2.1-33);

    ตตฺถ อสฺสโม สุกโต มยฺหํ, ปณฺณสาลา สุมาปิตาติ อิมิสฺสา ปาฬิยา สุเมธปณฺฑิเตน อสฺสมปณฺณสาลาจงฺกมา สหตฺถา มาปิตา วิย วุตฺตาฯ อยํ ปเนตฺถ อโตฺถ – มหาสตฺตญฺหิ ‘‘หิมวนฺตํ อโชฺฌคาเหตฺวา อชฺช ธมฺมิกปพฺพตํ ปวิสิสฺสามี’’ติ นิกฺขนฺตํ ทิสฺวา สโกฺก เทวานมิโนฺท วิสฺสกมฺมเทวปุตฺตํ อามเนฺตสิ – ‘‘คจฺฉ, ตาต, อยํ สุเมธปณฺฑิโต ‘ปพฺพชิสฺสามี’ติ นิกฺขโนฺต เอตสฺส วสนฎฺฐานํ มาเปหี’’ติฯ โส ตสฺส วจนํ สมฺปฎิจฺฉิตฺวา รมณียํ อสฺสมํ สุคุตฺตํ ปณฺณสาลํ, มโนรมํ จงฺกมญฺจ มาเปสิฯ ภควา ปน ตทา อตฺตโน ปุญฺญานุภาเวน นิปฺผนฺนํ ตํ อสฺสมปทํ สนฺธาย ‘‘สาริปุตฺต ตสฺมิํ ธมฺมิกปพฺพเต –

    Tattha assamo sukato mayhaṃ, paṇṇasālā sumāpitāti imissā pāḷiyā sumedhapaṇḍitena assamapaṇṇasālācaṅkamā sahatthā māpitā viya vuttā. Ayaṃ panettha attho – mahāsattañhi ‘‘himavantaṃ ajjhogāhetvā ajja dhammikapabbataṃ pavisissāmī’’ti nikkhantaṃ disvā sakko devānamindo vissakammadevaputtaṃ āmantesi – ‘‘gaccha, tāta, ayaṃ sumedhapaṇḍito ‘pabbajissāmī’ti nikkhanto etassa vasanaṭṭhānaṃ māpehī’’ti. So tassa vacanaṃ sampaṭicchitvā ramaṇīyaṃ assamaṃ suguttaṃ paṇṇasālaṃ, manoramaṃ caṅkamañca māpesi. Bhagavā pana tadā attano puññānubhāvena nipphannaṃ taṃ assamapadaṃ sandhāya ‘‘sāriputta tasmiṃ dhammikapabbate –

    อสฺสโม สุกโต มยฺหํ, ปณฺณสาลา สุมาปิตา;

    Assamo sukato mayhaṃ, paṇṇasālā sumāpitā;

    จงฺกมํ ตตฺถ มาเปสิํ, ปญฺจโทสวิวชฺชิต’’นฺติฯ –

    Caṅkamaṃ tattha māpesiṃ, pañcadosavivajjita’’nti. –

    อาหฯ ตตฺถ อสฺสโม สุกโต มยฺหนฺติ สุกโต มยาฯ ปณฺณสาลา สุมาปิตาติ ปณฺณจฺฉนฺนา สาลาปิ เม สุมาปิตา อโหสิฯ

    Āha. Tattha assamo sukato mayhanti sukato mayā. Paṇṇasālā sumāpitāti paṇṇacchannā sālāpi me sumāpitā ahosi.

    ปญฺจโทสวิวชฺชิตนฺติ ปญฺจิเม จงฺกมโทสา นาม ถทฺธวิสมตา, อโนฺตรุกฺขตา, คหนจฺฉนฺนตา, อติสมฺพาธตา, อติวิสาลตาติฯ ถทฺธวิสมภูมิภาคสฺมิญฺหิ จงฺกเม จงฺกมนฺตสฺส ปาทา รุชฺชนฺติ, โผฎา อุฎฺฐหนฺติ, จิตฺตํ เอกคฺคตํ น ลภติ, กมฺมฎฺฐานํ วิปชฺชติฯ มุทุสมตเล ปน ผาสุวิหารํ อาคมฺม กมฺมฎฺฐานํ สมฺปชฺชติฯ ตสฺมา ถทฺธวิสมภูมิภาคตา เอโก โทโสติ เวทิตโพฺพฯ จงฺกมนสฺส อโนฺต วา มเชฺฌ วา โกฎิยํ วา รุเกฺข สติ ปมาทมาคมฺม จงฺกมนฺตสฺส นลาฎํ วา สีสํ วา ปฎิหญฺญตีติ อโนฺตรุกฺขตา ทุติโย โทโสฯ ติณลตาทิคหนจฺฉเนฺน จงฺกเม จงฺกมโนฺต อนฺธการเวลายํ อุรคาทิเก ปาเณ อกฺกมิตฺวา วา มาเรติ, เตหิ วา ทโฎฺฐ ทุกฺขํ อาปชฺชตีติ คหนจฺฉนฺนตา ตติโย โทโสฯ อติสมฺพาเธ จงฺกเม วิตฺถารโต รตนิเก วา อฑฺฒรตนิเก วา จงฺกมนฺตสฺส ปริเจฺฉเท ปกฺขลิตฺวา นขาปิ องฺคุลิโยปิ ภิชฺชนฺตีติ อติสมฺพาธตา จตุโตฺถ โทโสฯ อติวิสาเล จงฺกเม จงฺกมนฺตสฺส จิตฺตํ วิธาวติ, เอกคฺคตํ น ลภตีติ อติวิสาลตา ปญฺจโม โทโสฯ ปุถุลโต ปน ทิยฑฺฒรตนํ ทฺวีสุ ปเสฺสสุ รตนมตฺตอนุจงฺกมํ ทีฆโต สฎฺฐิหตฺถํ มุทุตลํ สมวิปฺปกิณฺณวาลุกํ จงฺกมํ วฎฺฎติ, เจติยคิริมฺหิ ทีปปฺปสาทกมหามหินฺทเตฺถรสฺส จงฺกมนํ วิย, ตาทิสํ ตํ อโหสิฯ เตนาห ‘‘จงฺกมํ ตตฺถ มาเปสิํ, ปญฺจโทสวิวชฺชิต’’นฺติฯ

    Pañcadosavivajjitanti pañcime caṅkamadosā nāma thaddhavisamatā, antorukkhatā, gahanacchannatā, atisambādhatā, ativisālatāti. Thaddhavisamabhūmibhāgasmiñhi caṅkame caṅkamantassa pādā rujjanti, phoṭā uṭṭhahanti, cittaṃ ekaggataṃ na labhati, kammaṭṭhānaṃ vipajjati. Mudusamatale pana phāsuvihāraṃ āgamma kammaṭṭhānaṃ sampajjati. Tasmā thaddhavisamabhūmibhāgatā eko dosoti veditabbo. Caṅkamanassa anto vā majjhe vā koṭiyaṃ vā rukkhe sati pamādamāgamma caṅkamantassa nalāṭaṃ vā sīsaṃ vā paṭihaññatīti antorukkhatā dutiyo doso. Tiṇalatādigahanacchanne caṅkame caṅkamanto andhakāravelāyaṃ uragādike pāṇe akkamitvā vā māreti, tehi vā daṭṭho dukkhaṃ āpajjatīti gahanacchannatā tatiyo doso. Atisambādhe caṅkame vitthārato ratanike vā aḍḍharatanike vā caṅkamantassa paricchede pakkhalitvā nakhāpi aṅguliyopi bhijjantīti atisambādhatā catuttho doso. Ativisāle caṅkame caṅkamantassa cittaṃ vidhāvati, ekaggataṃ na labhatīti ativisālatā pañcamo doso. Puthulato pana diyaḍḍharatanaṃ dvīsu passesu ratanamattaanucaṅkamaṃ dīghato saṭṭhihatthaṃ mudutalaṃ samavippakiṇṇavālukaṃ caṅkamaṃ vaṭṭati, cetiyagirimhi dīpappasādakamahāmahindattherassa caṅkamanaṃ viya, tādisaṃ taṃ ahosi. Tenāha ‘‘caṅkamaṃ tattha māpesiṃ, pañcadosavivajjita’’nti.

    อฎฺฐคุณสมุเปตนฺติ อฎฺฐหิ สมณสุเขหิ อุเปตํฯ อฎฺฐิมานิ สมณสุขานิ นาม ธนธญฺญปริคฺคหาภาโว อนวชฺชปิณฺฑปริเยสนภาโว, นิพฺพุตปิณฺฑภุญฺชนภาโว, รฎฺฐํ ปีเฬตฺวา ธนสารํ วา สีสกหาปณาทีนิ วา คณฺหเนฺตสุ ราชกุเลสุ รฎฺฐปีฬนกิเลสาภาโว, อุปกรเณสุ นิจฺฉนฺทราคภาโว, โจรวิโลเป นิพฺภยภาโว, ราชราชมหามเจฺจหิ อสํสฎฺฐภาโว จตูสุ ทิสาสุ อปฺปฎิหตภาโวติฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ ‘‘ยถา ตสฺมิํ อสฺสเม วสเนฺตน สกฺกา โหนฺติ อิมานิ อฎฺฐ สมณสุขานิ วินฺทิตุํ, เอวํ อฎฺฐคุณสมุเปตํ ตํ อสฺสมํ มาเปสิ’’ นฺติฯ

    Aṭṭhaguṇasamupetanti aṭṭhahi samaṇasukhehi upetaṃ. Aṭṭhimāni samaṇasukhāni nāma dhanadhaññapariggahābhāvo anavajjapiṇḍapariyesanabhāvo, nibbutapiṇḍabhuñjanabhāvo, raṭṭhaṃ pīḷetvā dhanasāraṃ vā sīsakahāpaṇādīni vā gaṇhantesu rājakulesu raṭṭhapīḷanakilesābhāvo, upakaraṇesu nicchandarāgabhāvo, coravilope nibbhayabhāvo, rājarājamahāmaccehi asaṃsaṭṭhabhāvo catūsu disāsu appaṭihatabhāvoti. Idaṃ vuttaṃ hoti ‘‘yathā tasmiṃ assame vasantena sakkā honti imāni aṭṭha samaṇasukhāni vindituṃ, evaṃ aṭṭhaguṇasamupetaṃ taṃ assamaṃ māpesi’’ nti.

    อภิญฺญาพลมาหรินฺติ ปจฺฉา ตสฺมิํ อสฺสเม วสโนฺต กสิณปริกมฺมํ กตฺวา อภิญฺญานญฺจ สมาปตฺตีนญฺจ อุปฺปาทนตฺถาย อนิจฺจโต ทุกฺขโต วิปสฺสนํ อารภิตฺวา ถามปฺปตฺตํ วิปสฺสนาพลํ อาหริํฯ ยถา ตสฺมิํ วสโนฺต ตํ พลํ อาหริตุํ สโกฺกมิ, เอวํ ตํ อสฺสมํ ตสฺส อภิญฺญตฺถาย วิปสฺสนาพลสฺส อนุจฺฉวิกํ กตฺวา มาเปสินฺติ อโตฺถฯ

    Abhiññābalamāharinti pacchā tasmiṃ assame vasanto kasiṇaparikammaṃ katvā abhiññānañca samāpattīnañca uppādanatthāya aniccato dukkhato vipassanaṃ ārabhitvā thāmappattaṃ vipassanābalaṃ āhariṃ. Yathā tasmiṃ vasanto taṃ balaṃ āharituṃ sakkomi, evaṃ taṃ assamaṃ tassa abhiññatthāya vipassanābalassa anucchavikaṃ katvā māpesinti attho.

    สาฎกํ ปชหิํ ตตฺถ, นวโทสมุปาคตนฺติ เอตฺถายํ อนุปุพฺพิกถา, ตทา กิร กุฎิเลณจงฺกมาทิปฎิมณฺฑิตํ ปุปฺผูปคผลูปครุกฺขสญฺฉนฺนํ รมณียํ มธุรสลิลาสยํ อปคตวาฬมิคภิํสนกสกุณํ ปวิเวกกฺขมํ อสฺสมํ มาเปตฺวา อลงฺกตจงฺกมสฺส อุโภสุ อเนฺตสุ อาลมฺพนผลกํ สํวิธาย นิสีทนตฺถาย จงฺกมเวมเชฺฌ สมตลํ มุคฺควณฺณสิลํ มาเปตฺวา อโนฺตปณฺณสาลายํ ชฎามณฺฑลวากจีรติทณฺฑกุณฺฑิกาทิเก ตาปสปริกฺขาเร มณฺฑเป ปานียฆฎปานียสงฺขปานียสราวานิ อคฺคิสาลายํ องฺคารกปลฺลทารุอาทีนีติ เอวํ ยํ ยํ ปพฺพชิตานํ อุปการาย สํวตฺตติ, ตํ ตํ สพฺพํ มาเปตฺวา ปณฺณสาลาย ภิตฺติยํ ‘‘เย เกจิ ปพฺพชิตุกามา อิเม ปริกฺขาเร คเหตฺวา ปพฺพชนฺตู’’ติ อกฺขรานิ ฉินฺทิตฺวา เทวโลกเมว คเต วิสฺสกมฺมเทวปุเตฺต สุเมธปณฺฑิโต หิมวนฺตปาเท คิริกนฺทรานุสาเรน อตฺตโน นิวาสนานุรูปํ ผาสุกฎฺฐานํ โอโลเกโนฺต นทีนิวตฺตเน วิสฺสกมฺมนิมฺมิตํ สกฺกทตฺติยํ รมณียํ อสฺสมํ ทิสฺวา จงฺกมโกฎิํ คนฺตฺวา ปทวลญฺชํ อปสฺสโนฺต ‘‘ธุวํ ปพฺพชิตา ธุรคาเม ภิกฺขํ ปริเยสิตฺวา กิลนฺตรูปา อาคนฺตฺวา ปณฺณสาลํ ปวิสิตฺวา นิสินฺนา ภวิสฺสนฺตี’’ติ จิเนฺตตฺวา โถกํ อาคเมตฺวา ‘‘อติวิย จิรายนฺติ, ชานิสฺสามี’’ติ ปณฺณสาลกุฎิทฺวารํ วิวริตฺวา อโนฺต ปวิสิตฺวา อิโต จิโต จ โอโลเกโนฺต มหาภิตฺติยํ อกฺขรานิ วาเจตฺวา ‘‘มยฺหํ กปฺปิยปริกฺขารา เอเต, อิเม คเหตฺวา ปพฺพชิสฺสามี’’ติ อตฺตนา นิวตฺถปารุตํ สาฎกยุคํ ปชหิฯ เตนาห ‘‘สาฎกํ ปชหิํ ตตฺถา’’ติฯ เอวํ ปวิโฎฺฐ อหํ สาริปุตฺต ตสฺสํ ปณฺณสาลายํ สาฎกํ ปชหิํฯ

    Sāṭakaṃ pajahiṃ tattha, navadosamupāgatanti etthāyaṃ anupubbikathā, tadā kira kuṭileṇacaṅkamādipaṭimaṇḍitaṃ pupphūpagaphalūpagarukkhasañchannaṃ ramaṇīyaṃ madhurasalilāsayaṃ apagatavāḷamigabhiṃsanakasakuṇaṃ pavivekakkhamaṃ assamaṃ māpetvā alaṅkatacaṅkamassa ubhosu antesu ālambanaphalakaṃ saṃvidhāya nisīdanatthāya caṅkamavemajjhe samatalaṃ muggavaṇṇasilaṃ māpetvā antopaṇṇasālāyaṃ jaṭāmaṇḍalavākacīratidaṇḍakuṇḍikādike tāpasaparikkhāre maṇḍape pānīyaghaṭapānīyasaṅkhapānīyasarāvāni aggisālāyaṃ aṅgārakapalladāruādīnīti evaṃ yaṃ yaṃ pabbajitānaṃ upakārāya saṃvattati, taṃ taṃ sabbaṃ māpetvā paṇṇasālāya bhittiyaṃ ‘‘ye keci pabbajitukāmā ime parikkhāre gahetvā pabbajantū’’ti akkharāni chinditvā devalokameva gate vissakammadevaputte sumedhapaṇḍito himavantapāde girikandarānusārena attano nivāsanānurūpaṃ phāsukaṭṭhānaṃ olokento nadīnivattane vissakammanimmitaṃ sakkadattiyaṃ ramaṇīyaṃ assamaṃ disvā caṅkamakoṭiṃ gantvā padavalañjaṃ apassanto ‘‘dhuvaṃ pabbajitā dhuragāme bhikkhaṃ pariyesitvā kilantarūpā āgantvā paṇṇasālaṃ pavisitvā nisinnā bhavissantī’’ti cintetvā thokaṃ āgametvā ‘‘ativiya cirāyanti, jānissāmī’’ti paṇṇasālakuṭidvāraṃ vivaritvā anto pavisitvā ito cito ca olokento mahābhittiyaṃ akkharāni vācetvā ‘‘mayhaṃ kappiyaparikkhārā ete, ime gahetvā pabbajissāmī’’ti attanā nivatthapārutaṃ sāṭakayugaṃ pajahi. Tenāha ‘‘sāṭakaṃ pajahiṃ tatthā’’ti. Evaṃ paviṭṭho ahaṃ sāriputta tassaṃ paṇṇasālāyaṃ sāṭakaṃ pajahiṃ.

    นวโทสมุปาคตนฺติ สาฎกํ ปชหโนฺต นว โทเส ทิสฺวา ปชหินฺติ ทีเปติฯ ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตานญฺหิ สาฎกสฺมิํ นว โทสา อุปฎฺฐหนฺติฯ เตสุ ตสฺส มหคฺฆภาโว เอโก โทโส, ปรปฎิพทฺธตาย อุปฺปชฺชนภาโว เอโก, ปริโภเคน ลหุํ กิลิสฺสนภาโว เอโก, กิลิโฎฺฐ หิ โธวิตโพฺพ จ รชิตโพฺพ จ โหติ, ปริโภเคน ลหุกํ ชีรณภาโว เอโก ชิณฺณสฺส หิ ตุนฺนํ วา อคฺคฬทานํ วา กาตพฺพํ โหติฯ ปุนปริเยสนาย ทุรภิสมฺภวภาโว เอโก, ตาปสปพฺพชฺชาย อสารุปฺปภาโว เอโก, ปจฺจตฺถิกานํ สาธารณภาโว เอโก, ยถา หิ นํ ปจฺจตฺถิกา น คณฺหนฺติ, เอวํ โคเปตโพฺพ โหติฯ ปริภุญฺชนฺตสฺส วิภูสนฎฺฐานภาโว เอโก, คเหตฺวา จรนฺตสฺส ขนฺธภารมหิจฺฉภาโว เอโกติฯ

    Navadosamupāgatanti sāṭakaṃ pajahanto nava dose disvā pajahinti dīpeti. Tāpasapabbajjaṃ pabbajitānañhi sāṭakasmiṃ nava dosā upaṭṭhahanti. Tesu tassa mahagghabhāvo eko doso, parapaṭibaddhatāya uppajjanabhāvo eko, paribhogena lahuṃ kilissanabhāvo eko, kiliṭṭho hi dhovitabbo ca rajitabbo ca hoti, paribhogena lahukaṃ jīraṇabhāvo eko jiṇṇassa hi tunnaṃ vā aggaḷadānaṃ vā kātabbaṃ hoti. Punapariyesanāya durabhisambhavabhāvo eko, tāpasapabbajjāya asāruppabhāvo eko, paccatthikānaṃ sādhāraṇabhāvo eko, yathā hi naṃ paccatthikā na gaṇhanti, evaṃ gopetabbo hoti. Paribhuñjantassa vibhūsanaṭṭhānabhāvo eko, gahetvā carantassa khandhabhāramahicchabhāvo ekoti.

    วากจีรํ นิวาเสสินฺติ ตทา อหํ สาริปุตฺต อิเม นว โทเส ทิสฺวา สาฎกํ ปหาย วากจีรํ นิวาเสสิํ มุญฺชติณํ หีรํ หีรํ กตฺวา คเนฺถตฺวา กตํ วากจีรํ นิวาสนปารุปนตฺถาย อาทิยินฺติ อโตฺถฯ

    Vākacīraṃ nivāsesinti tadā ahaṃ sāriputta ime nava dose disvā sāṭakaṃ pahāya vākacīraṃ nivāsesiṃ muñjatiṇaṃ hīraṃ hīraṃ katvā ganthetvā kataṃ vākacīraṃ nivāsanapārupanatthāya ādiyinti attho.

    ทฺวาทสคุณมุปาคตนฺติ ทฺวาทสหิ อานิสํเสหิ สมนฺนาคตํ, วากจีรสฺมิญฺหิ ทฺวาทสานิสํสา – อปฺปคฺฆํ สุนฺทรํ กปฺปิยนฺติ อยํ ตาว เอโก อานิสํโส, สหตฺถา กาตุํ สกฺกาติ อยํ ทุติโย, ปริโภเคน สณิกํ กิลิสฺสติ โธวิยมาเนปิ ปปโญฺจ นตฺถีติ อยํ ตติโย, ปริโภเคน ชิเณฺณปิ สิพฺพิตพฺพาภาโว จตุโตฺถ, ปุน ปริเยสนฺตสฺส สุเขน กรณภาโว ปญฺจโม, ตาปสปพฺพชฺชาย สารุปฺปภาโว ฉโฎฺฐ, ปจฺจตฺถิกานํ นิรุปโภคภาโว สตฺตโม, ปริภุญฺชนฺตสฺส วิภูสนฎฺฐานาภาโว อฎฺฐโม, ธารเณ สลฺลหุกภาโว นวโม, จีวรปจฺจเย อปฺปิจฺฉภาโว ทสโม, วากุปฺปตฺติยา ธมฺมิกอนวชฺชภาโว เอกาทสโม วากจีเร นเฎฺฐปิ อนเปกฺขภาโว ทฺวาทสโมติฯ

    Dvādasaguṇamupāgatanti dvādasahi ānisaṃsehi samannāgataṃ, vākacīrasmiñhi dvādasānisaṃsā – appagghaṃ sundaraṃ kappiyanti ayaṃ tāva eko ānisaṃso, sahatthā kātuṃ sakkāti ayaṃ dutiyo, paribhogena saṇikaṃ kilissati dhoviyamānepi papañco natthīti ayaṃ tatiyo, paribhogena jiṇṇepi sibbitabbābhāvo catuttho, puna pariyesantassa sukhena karaṇabhāvo pañcamo, tāpasapabbajjāya sāruppabhāvo chaṭṭho, paccatthikānaṃ nirupabhogabhāvo sattamo, paribhuñjantassa vibhūsanaṭṭhānābhāvo aṭṭhamo, dhāraṇe sallahukabhāvo navamo, cīvarapaccaye appicchabhāvo dasamo, vākuppattiyā dhammikaanavajjabhāvo ekādasamo vākacīre naṭṭhepi anapekkhabhāvo dvādasamoti.

    อฎฺฐโทสสมากิณฺณํ, ปชหิํ ปณฺณสาลกนฺติ กถํ ปชหิํ? โส กิร วรสาฎกยุคํ โอมุญฺจโนฺต จีวรวํเส ลคฺคิตํ อโนชปุปฺผทามสทิสํ รตฺตวากจีรํ คเหตฺวา นิวาเสตฺวา ตสฺสุปริ อปรํ สุวณฺณวณฺณํ วากจีรํ ปริทหิตฺวา ปุนฺนาคปุปฺผสนฺถรสทิสํ สขุรํ อชินจมฺมํ เอกํสํ กตฺวา ชฎามณฺฑลํ ปฎิมุญฺจิตฺวา จูฬาย สทฺธิํ นิจฺจลภาวกรณตฺถํ สารสูจิํ ปเวเสตฺวา มุตฺตาชาลสทิสาย สิกฺกาย ปวาฬวณฺณํ กุณฺฑิกํ โอทหิตฺวา ตีสุ ฐาเนสุ วงฺกกาชํ อาทาย เอกิสฺสา กาชโกฎิยา กุณฺฑิกํ, เอกิสฺสา องฺกุสกปจฺฉิติทณฺฑกาทีนิ โอลเคฺคตฺวา ขาริกาชํ อํเส กตฺวา ทกฺขิเณน หเตฺถน กตฺตรทณฺฑํ คเหตฺวา ปณฺณสาลโต นิกฺขมิตฺวา สฎฺฐิหเตฺถ มหาจงฺกเม อปราปรํ จงฺกมโนฺต อตฺตโน เวสํ โอโลเกตฺวา ‘‘มยฺหํ มโนรโถ มตฺถกํ ปโตฺต, โสภติ วต เม ปพฺพชฺชา, พุทฺธปเจฺจกพุทฺธาทีหิ สเพฺพหิปิ ธีรปุริเสหิ วณฺณิตา โถมิตา อยํ ปพฺพชฺชา นาม, ปหีนํ เม คิหิพนฺธนํ, นิกฺขโนฺตสฺมิ เนกฺขมฺมํ, ลทฺธา เม อุตฺตมปพฺพชฺชา, กริสฺสามิ สมณธมฺมํ, ลภิสฺสามิ อคฺคผลสุข’’นฺติ อุสฺสาหชาโต ขาริกาชํ โอตาเรตฺวา จงฺกมเวมเชฺฌ มุคฺควณฺณสิลาปเฎฺฎ สุวณฺณปฎิมา วิย นิสิโนฺน ทิวสภาคํ วีตินาเมตฺวา สายนฺหสมยํ ปณฺณสาลํ ปวิสิตฺวา พิทลมญฺจกปเสฺส กฎฺฐตฺถริกาย นิปโนฺน สรีรํ อุตุํ คาหาเปตฺวา พลวปจฺจูเส ปพุชฺฌิตฺวา อตฺตโน อาคมนํ อาวเชฺชสิ ‘‘อหํ ฆราวาเส อาทีนวํ ทิสฺวา อมิตโภคํ อนนฺตยสํ ปหาย อรญฺญํ ปวิสิตฺวา เนกฺขมคเวสโก หุตฺวา ปพฺพชิโต, อิโต ทานิ ปฎฺฐาย ปมาทจารํ จริตุํ น วฎฺฎติ, ปวิเวกญฺหิ ปหาย วิจรนฺตํ มิจฺฉาวิตกฺกมกฺขิกา ขาทนฺติ, อิทานิ มยา ปวิเวกมนุพฺรูเหตุํ วฎฺฎติ, อหญฺหิ ฆราวาสํ ปลิโพธโต ทิสฺวา นิกฺขโนฺต, อยญฺจ มนาปา ปณฺณสาลา, เพลุวปกฺกวณฺณา ปริภณฺฑกตา ภูมิ, รชตวณฺณา เสตภิตฺติโย, กโปตปาทวณฺณํ ปณฺณจฺฉทนํ, วิจิตฺตตฺถรณวโณฺณ พิทลมญฺจโก, นิวาสผาสุกํ วสนฎฺฐานํ, น เอโตฺต อติเรกตรา วิย เม เคหสมฺปทา ปญฺญายตี’’ติ ปณฺณสาลาย โทเส วิจินโนฺต อฎฺฐ โทเส ปสฺสิฯ

    Aṭṭhadosasamākiṇṇaṃ, pajahiṃ paṇṇasālakanti kathaṃ pajahiṃ? So kira varasāṭakayugaṃ omuñcanto cīvaravaṃse laggitaṃ anojapupphadāmasadisaṃ rattavākacīraṃ gahetvā nivāsetvā tassupari aparaṃ suvaṇṇavaṇṇaṃ vākacīraṃ paridahitvā punnāgapupphasantharasadisaṃ sakhuraṃ ajinacammaṃ ekaṃsaṃ katvā jaṭāmaṇḍalaṃ paṭimuñcitvā cūḷāya saddhiṃ niccalabhāvakaraṇatthaṃ sārasūciṃ pavesetvā muttājālasadisāya sikkāya pavāḷavaṇṇaṃ kuṇḍikaṃ odahitvā tīsu ṭhānesu vaṅkakājaṃ ādāya ekissā kājakoṭiyā kuṇḍikaṃ, ekissā aṅkusakapacchitidaṇḍakādīni olaggetvā khārikājaṃ aṃse katvā dakkhiṇena hatthena kattaradaṇḍaṃ gahetvā paṇṇasālato nikkhamitvā saṭṭhihatthe mahācaṅkame aparāparaṃ caṅkamanto attano vesaṃ oloketvā ‘‘mayhaṃ manoratho matthakaṃ patto, sobhati vata me pabbajjā, buddhapaccekabuddhādīhi sabbehipi dhīrapurisehi vaṇṇitā thomitā ayaṃ pabbajjā nāma, pahīnaṃ me gihibandhanaṃ, nikkhantosmi nekkhammaṃ, laddhā me uttamapabbajjā, karissāmi samaṇadhammaṃ, labhissāmi aggaphalasukha’’nti ussāhajāto khārikājaṃ otāretvā caṅkamavemajjhe muggavaṇṇasilāpaṭṭe suvaṇṇapaṭimā viya nisinno divasabhāgaṃ vītināmetvā sāyanhasamayaṃ paṇṇasālaṃ pavisitvā bidalamañcakapasse kaṭṭhattharikāya nipanno sarīraṃ utuṃ gāhāpetvā balavapaccūse pabujjhitvā attano āgamanaṃ āvajjesi ‘‘ahaṃ gharāvāse ādīnavaṃ disvā amitabhogaṃ anantayasaṃ pahāya araññaṃ pavisitvā nekkhamagavesako hutvā pabbajito, ito dāni paṭṭhāya pamādacāraṃ carituṃ na vaṭṭati, pavivekañhi pahāya vicarantaṃ micchāvitakkamakkhikā khādanti, idāni mayā pavivekamanubrūhetuṃ vaṭṭati, ahañhi gharāvāsaṃ palibodhato disvā nikkhanto, ayañca manāpā paṇṇasālā, beluvapakkavaṇṇā paribhaṇḍakatā bhūmi, rajatavaṇṇā setabhittiyo, kapotapādavaṇṇaṃ paṇṇacchadanaṃ, vicittattharaṇavaṇṇo bidalamañcako, nivāsaphāsukaṃ vasanaṭṭhānaṃ, na etto atirekatarā viya me gehasampadā paññāyatī’’ti paṇṇasālāya dose vicinanto aṭṭha dose passi.

    ปณฺณสาลาปริโภคสฺมิญฺหิ อฎฺฐ อาทีนวา – มหาสมารเมฺภน? ทพฺพสมฺภาเร สโมธาเนตฺวา กรณปริเยสนภาโว เอโก อาทีนโวฯ ติณปณฺณมตฺติกาสุ ปติตาสุ ตาสํ ปุนปฺปุนํ ฐเปตพฺพตาย นิพทฺธชคฺคนภาโว ทุติโย, เสนาสนํ นาม มหลฺลกสฺส ปาปุณาติ, อเวลาย วุฎฺฐาปิยมานสฺส จิเตฺตกคฺคตา น โหตีติ อุฎฺฐาปนียภาโว ตติโย, สีตุณฺหปฎิฆาเตน กายสฺส สุขุมาลกรณภาโว จตุโตฺถ, เคหํ ปวิเฎฺฐน ยํกิญฺจิ ปาปํ สกฺกา กาตุนฺติ ครหปฎิจฺฉาทนภาโว ปญฺจโม, ‘‘มยฺห’’นฺติ ปริคฺคหกรณภาโว ฉโฎฺฐ, เคหสฺส อตฺถิภาโว นาเมส ทุติยกวาโส วิยาติ สตฺตโม อูกามงฺคุลฆรโคฬิกาทีนํ สาธารณตาย พหุสาธารณภาโว อฎฺฐโมติ อิเม อฎฺฐ อาทีนเว ทิสฺวา มหาสโตฺต ปณฺณสาลํ ปชหิฯ เตนาห ‘‘อฎฺฐโทสสมากิณฺณํ, ปชหิํ ปณฺณสาลก’’นฺติฯ

    Paṇṇasālāparibhogasmiñhi aṭṭha ādīnavā – mahāsamārambhena? Dabbasambhāre samodhānetvā karaṇapariyesanabhāvo eko ādīnavo. Tiṇapaṇṇamattikāsu patitāsu tāsaṃ punappunaṃ ṭhapetabbatāya nibaddhajagganabhāvo dutiyo, senāsanaṃ nāma mahallakassa pāpuṇāti, avelāya vuṭṭhāpiyamānassa cittekaggatā na hotīti uṭṭhāpanīyabhāvo tatiyo, sītuṇhapaṭighātena kāyassa sukhumālakaraṇabhāvo catuttho, gehaṃ paviṭṭhena yaṃkiñci pāpaṃ sakkā kātunti garahapaṭicchādanabhāvo pañcamo, ‘‘mayha’’nti pariggahakaraṇabhāvo chaṭṭho, gehassa atthibhāvo nāmesa dutiyakavāso viyāti sattamo ūkāmaṅgulagharagoḷikādīnaṃ sādhāraṇatāya bahusādhāraṇabhāvo aṭṭhamoti ime aṭṭha ādīnave disvā mahāsatto paṇṇasālaṃ pajahi. Tenāha ‘‘aṭṭhadosasamākiṇṇaṃ, pajahiṃ paṇṇasālaka’’nti.

    อุปาคมิํ รุกฺขมูลํ คุเณ ทสหุปาคตนฺติ ฉนฺนํ ปฎิกฺขิปิตฺวา ทสหิ คุเณหิ อุเปตํ รุกฺขมูลํ อุปาคโตสฺมีติ วทติฯ

    Upāgamiṃ rukkhamūlaṃ guṇe dasahupāgatanti channaṃ paṭikkhipitvā dasahi guṇehi upetaṃ rukkhamūlaṃ upāgatosmīti vadati.

    ตตฺริเม ทส คุณา – อปฺปสมารมฺภตา เอโก คุโณ อุปคมนมตฺตเมว หิ ตตฺถ โหตีติฯ อปฺปฎิชคฺคนตา ทุติโย ตญฺหิ สมฺมฎฺฐมฺปิ อสมฺมฎฺฐมฺปิ ปริโภคผาสุกํ โหติเยวฯ อนุฎฺฐาปนียภาโว ตติโย, ครหํ นปฺปฎิจฺฉาเทติ, ตตฺถ หิ ปาปํ กโรโนฺต ลชฺชตีติ ครหาย อปฺปฎิจฺฉาทนภาโว จตุโตฺถ, อโพฺภกาสาวาโส วิย กายํ น สนฺถเมฺภตีติ กายสฺส อสนฺถมฺภนภาโว ปญฺจโมฯ ปริคฺคหกรณาภาโว ฉโฎฺฐ, เคหาลยปฎิเกฺขโป สตฺตโม, พหุสาธารณเคเห วิย ‘‘ปฎิชคฺคิสฺสามิ นํ, นิกฺขมถา’’ติ นีหรณาภาโว อฎฺฐโม, วสนฺตสฺส สปฺปีติกภาโว นวโม, รุกฺขมูลเสนาสนสฺส คตคตฎฺฐาเน สุลภตาย อนเปกฺขภาโว ทสโมติ, อิเม ทส คุเณ ทิสฺวา รุกฺขมูลํ อุปาคโตสฺมีติ วทติฯ

    Tatrime dasa guṇā – appasamārambhatā eko guṇo upagamanamattameva hi tattha hotīti. Appaṭijagganatā dutiyo tañhi sammaṭṭhampi asammaṭṭhampi paribhogaphāsukaṃ hotiyeva. Anuṭṭhāpanīyabhāvo tatiyo, garahaṃ nappaṭicchādeti, tattha hi pāpaṃ karonto lajjatīti garahāya appaṭicchādanabhāvo catuttho, abbhokāsāvāso viya kāyaṃ na santhambhetīti kāyassa asanthambhanabhāvo pañcamo. Pariggahakaraṇābhāvo chaṭṭho, gehālayapaṭikkhepo sattamo, bahusādhāraṇagehe viya ‘‘paṭijaggissāmi naṃ, nikkhamathā’’ti nīharaṇābhāvo aṭṭhamo, vasantassa sappītikabhāvo navamo, rukkhamūlasenāsanassa gatagataṭṭhāne sulabhatāya anapekkhabhāvo dasamoti, ime dasa guṇe disvā rukkhamūlaṃ upāgatosmīti vadati.

    อิมานิ เอตฺตกานิ การณานิ สลฺลเกฺขตฺวา มหาสโตฺต ปุนทิวเส ภิกฺขาย คามํ ปาวิสิฯ อถสฺส สมฺปตฺตคาเม มนุสฺสา มหเนฺตน อุสฺสาเหน ภิกฺขํ อทํสุฯ โส ภตฺตกิจฺจํ นิฎฺฐาเปตฺวา อสฺสมํ อาคมฺม นิสีทิตฺวา จิเนฺตสิ ‘‘นาหํ ‘อาหารํ น ลภามี’ติ ปพฺพชิโต สินิทฺธาหาโร นาเมส มานมทปุริสมเท วเฑฺฒติฯ อาหารมูลกสฺส ทุกฺขสฺส อโนฺต นตฺถิ ยํนูนาหํ วาปิตํ โรปิตํ ธญฺญนิพฺพตฺตกํ อาหารํ ปชหิตฺวา ปวตฺตผลโภชโน ภเวยฺย’’นฺติฯ โส ตโต ปฎฺฐาย ตถา กตฺวา ฆเฎโนฺต วายมโนฺต สตฺตาหพฺภนฺตเรเยว อฎฺฐ สมาปตฺติโย ปญฺจ จ อภิญฺญาโย นิพฺพเตฺตสิฯ เตน วุตฺตํ –

    Imāni ettakāni kāraṇāni sallakkhetvā mahāsatto punadivase bhikkhāya gāmaṃ pāvisi. Athassa sampattagāme manussā mahantena ussāhena bhikkhaṃ adaṃsu. So bhattakiccaṃ niṭṭhāpetvā assamaṃ āgamma nisīditvā cintesi ‘‘nāhaṃ ‘āhāraṃ na labhāmī’ti pabbajito siniddhāhāro nāmesa mānamadapurisamade vaḍḍheti. Āhāramūlakassa dukkhassa anto natthi yaṃnūnāhaṃ vāpitaṃ ropitaṃ dhaññanibbattakaṃ āhāraṃ pajahitvā pavattaphalabhojano bhaveyya’’nti. So tato paṭṭhāya tathā katvā ghaṭento vāyamanto sattāhabbhantareyeva aṭṭha samāpattiyo pañca ca abhiññāyo nibbattesi. Tena vuttaṃ –

    ‘‘วาปิตํ โรปิตํ ธญฺญํ, ปชหิํ นิรวเสสโต;

    ‘‘Vāpitaṃ ropitaṃ dhaññaṃ, pajahiṃ niravasesato;

    อเนกคุณสมฺปนฺนํ, ปวตฺตผลมาทิยิํฯ

    Anekaguṇasampannaṃ, pavattaphalamādiyiṃ.

    ‘‘ตตฺถปฺปธานํ ปทหิํ, นิสชฺชฎฺฐานจงฺกเม;

    ‘‘Tatthappadhānaṃ padahiṃ, nisajjaṭṭhānacaṅkame;

    อพฺภนฺตรมฺหิ สตฺตาเห, อภิญฺญาพล ปาปุณิ’’นฺติฯ

    Abbhantaramhi sattāhe, abhiññābala pāpuṇi’’nti.

    เอวํ เม สิทฺธิปฺปตฺตสฺส, วสีภูตสฺส สาสเน;

    Evaṃ me siddhippattassa, vasībhūtassa sāsane;

    ทีปงฺกโร นาม ชิโน, อุปฺปชฺชิ โลกนายโกฯ

    Dīpaṅkaro nāma jino, uppajji lokanāyako.

    อุปฺปชฺชเนฺต จ ชายเนฺต, พุชฺฌเนฺต ธมฺมเทสเน;

    Uppajjante ca jāyante, bujjhante dhammadesane;

    จตุโร นิมิเตฺต นาทฺทสํ, ฌานรติสมปฺปิโตฯ

    Caturo nimitte nāddasaṃ, jhānaratisamappito.

    ปจฺจนฺตเทสวิสเย, นิมเนฺตตฺวา ตถาคตํ;

    Paccantadesavisaye, nimantetvā tathāgataṃ;

    ตสฺส อาคมนํ มคฺคํ, โสเธนฺติ ตุฎฺฐมานสาฯ

    Tassa āgamanaṃ maggaṃ, sodhenti tuṭṭhamānasā.

    อหํ เตน สมเยน, นิกฺขมิตฺวา สกสฺสมา;

    Ahaṃ tena samayena, nikkhamitvā sakassamā;

    ธุนโนฺต วากจีรานิ, คจฺฉามิ อมฺพเร ตทาฯ

    Dhunanto vākacīrāni, gacchāmi ambare tadā.

    เวทชาตํ ชนํ ทิสฺวา, ตุฎฺฐหฎฺฐํ ปโมทิตํ;

    Vedajātaṃ janaṃ disvā, tuṭṭhahaṭṭhaṃ pamoditaṃ;

    โอโรหิตฺวาน คคนา, มนุเสฺส ปุจฺฉิ ตาวเทฯ

    Orohitvāna gaganā, manusse pucchi tāvade.

    ‘‘ตุฎฺฐหโฎฺฐ ปมุทิโต, เวทชาโต มหาชโน;

    ‘‘Tuṭṭhahaṭṭho pamudito, vedajāto mahājano;

    กสฺส โสธียติ มโคฺค, อญฺชสํ วฎุมายนํ’’ฯ

    Kassa sodhīyati maggo, añjasaṃ vaṭumāyanaṃ’’.

    เต เม ปุฎฺฐา วิยากํสุ ‘‘พุโทฺธ โลเก อนุตฺตโร;

    Te me puṭṭhā viyākaṃsu ‘‘buddho loke anuttaro;

    ทีปงฺกโร นาม ชิโน, อุปฺปชฺชิ โลกนายโก;

    Dīpaṅkaro nāma jino, uppajji lokanāyako;

    ตสฺส โสธียติ มโคฺค, อญฺชสํ วฎุมายนํ’’ฯ

    Tassa sodhīyati maggo, añjasaṃ vaṭumāyanaṃ’’.

    ‘‘พุโทฺธ’’ติ วจนํ สุตฺวาน, ปีติ อุปฺปชฺชิ ตาวเท;

    ‘‘Buddho’’ti vacanaṃ sutvāna, pīti uppajji tāvade;

    ‘‘พุโทฺธ พุโทฺธ’’ติ กถยโนฺต, โสมนสฺสํ ปเวทยิํฯ

    ‘‘Buddho buddho’’ti kathayanto, somanassaṃ pavedayiṃ.

    ตตฺถ ฐตฺวา วิจิเนฺตสิํ, ตุโฎฺฐ สํวิคฺคมานโส;

    Tattha ṭhatvā vicintesiṃ, tuṭṭho saṃviggamānaso;

    ‘‘อิธ พีชานิ โรปิสฺสํ, ขโณ เว มา อุปจฺจคา’’ฯ

    ‘‘Idha bījāni ropissaṃ, khaṇo ve mā upaccagā’’.

    ยทิ พุทฺธสฺส โสเธถ, เอโกกาสํ ททาถ เม;

    Yadi buddhassa sodhetha, ekokāsaṃ dadātha me;

    อหมฺปิ โสธยิสฺสามิ, อญฺชสํ วฎุมายนํฯ

    Ahampi sodhayissāmi, añjasaṃ vaṭumāyanaṃ.

    อทํสุ เต มโมกาสํ, โสเธตุํ อญฺชสํ ตทา;

    Adaṃsu te mamokāsaṃ, sodhetuṃ añjasaṃ tadā;

    ‘‘พุโทฺธ พุโทฺธ’’ติ จิเนฺตโนฺต, มคฺคํ โสเธมหํ ตทาฯ

    ‘‘Buddho buddho’’ti cintento, maggaṃ sodhemahaṃ tadā.

    อนิฎฺฐิเต ปโมกาเส, ทีปงฺกโร มหามุนิ;

    Aniṭṭhite pamokāse, dīpaṅkaro mahāmuni;

    จตูหิ สตสหเสฺสหิ, ฉฬภิเญฺญหิ ตาทิหิ;

    Catūhi satasahassehi, chaḷabhiññehi tādihi;

    ขีณาสเวหิ วิมเลหิ, ปฎิปชฺชิ อญฺชสํ ชิโนฯ

    Khīṇāsavehi vimalehi, paṭipajji añjasaṃ jino.

    ปจฺจุคฺคมนา วตฺตนฺติ, วชฺชนฺติ เภริโย พหู;

    Paccuggamanā vattanti, vajjanti bheriyo bahū;

    อาโมทิตา นรมรู, สาธุการํ ปวตฺตยุํฯ

    Āmoditā naramarū, sādhukāraṃ pavattayuṃ.

    เทวา มนุเสฺส ปสฺสนฺติ, มนุสฺสาปิ จ เทวตา;

    Devā manusse passanti, manussāpi ca devatā;

    อุโภปิ เต ปญฺชลิกา, อนุยนฺติ ตถาคตํฯ

    Ubhopi te pañjalikā, anuyanti tathāgataṃ.

    เทวา ทิเพฺพหิ ตุริเยหิ, มนุสฺสา มานุเสหิ จ;

    Devā dibbehi turiyehi, manussā mānusehi ca;

    อุโภปิ เต วชฺชยนฺตา, อนุยนฺติ ตถาคตํฯ

    Ubhopi te vajjayantā, anuyanti tathāgataṃ.

    ทิพฺพํ มนฺทารวํ ปุปฺผํ, ปทุมํ ปาริฉตฺตกํ;

    Dibbaṃ mandāravaṃ pupphaṃ, padumaṃ pārichattakaṃ;

    ทิโสทิสํ โอกิรนฺติ, อากาสนภคตา มรูฯ

    Disodisaṃ okiranti, ākāsanabhagatā marū.

    ทิพฺพํ จนฺทนจุณฺณญฺจ, วรคนฺธญฺจ เกวลํ;

    Dibbaṃ candanacuṇṇañca, varagandhañca kevalaṃ;

    ทิโสทิสํ โอกิรนฺติ, อากาสนภคตา มรูฯ

    Disodisaṃ okiranti, ākāsanabhagatā marū.

    จมฺปกํ สลลํ นีปํ, นาคปุนฺนาคเกตกํ;

    Campakaṃ salalaṃ nīpaṃ, nāgapunnāgaketakaṃ;

    ทิโสทิสํ อุกฺขิปนฺติ, ภูมิตลคตา นราฯ

    Disodisaṃ ukkhipanti, bhūmitalagatā narā.

    เกเส มุญฺจิตฺวาหํ ตตฺถ, วากจีรญฺจ จมฺมกํ;

    Kese muñcitvāhaṃ tattha, vākacīrañca cammakaṃ;

    กลเล ปตฺถริตฺวาน, อวกุโชฺช นิปชฺชหํฯ

    Kalale pattharitvāna, avakujjo nipajjahaṃ.

    อกฺกมิตฺวาน มํ พุโทฺธ, สห สิเสฺสหิ คจฺฉตุ;

    Akkamitvāna maṃ buddho, saha sissehi gacchatu;

    มา นํ กลเล อกฺกมิตฺถ, หิตาย เม ภวิสฺสติฯ

    Mā naṃ kalale akkamittha, hitāya me bhavissati.

    ปถวิยํ นิปนฺนสฺส, เอวํ เม อาสิ เจตโส;

    Pathaviyaṃ nipannassa, evaṃ me āsi cetaso;

    ‘‘อิจฺฉมาโน อหํ อชฺช, กิเลเส ฌาปเย มมฯ

    ‘‘Icchamāno ahaṃ ajja, kilese jhāpaye mama.

    ‘‘กิํ เม อญฺญาตเวเสน, ธมฺมํ สจฺฉิกเตนิธ;

    ‘‘Kiṃ me aññātavesena, dhammaṃ sacchikatenidha;

    สพฺพญฺญุตํ ปาปุณิตฺวา, พุโทฺธ เหสฺสํ สเทวเกฯ

    Sabbaññutaṃ pāpuṇitvā, buddho hessaṃ sadevake.

    ‘‘กิํ เม เอเกน ติเณฺณน, ปุริเสน ถามทสฺสินา;

    ‘‘Kiṃ me ekena tiṇṇena, purisena thāmadassinā;

    สพฺพญฺญุตํ ปาปุณิตฺวา, สนฺตาเรสฺสํ สเทวกํฯ

    Sabbaññutaṃ pāpuṇitvā, santāressaṃ sadevakaṃ.

    ‘‘อิมินา เม อธิกาเรน, กเตน ปุริสุตฺตเม;

    ‘‘Iminā me adhikārena, katena purisuttame;

    สพฺพญฺญุตํ ปาปุณิตฺวา, ตาเรมิ ชนตํ พหุํฯ

    Sabbaññutaṃ pāpuṇitvā, tāremi janataṃ bahuṃ.

    ‘‘สํสารโสตํ ฉินฺทิตฺวา, วิทฺธํเสตฺวา ตโย ภเว;

    ‘‘Saṃsārasotaṃ chinditvā, viddhaṃsetvā tayo bhave;

    ธมฺมนาวํ สมารุยฺห, สนฺตาเรสฺสํ สเทวกํ’’ฯ

    Dhammanāvaṃ samāruyha, santāressaṃ sadevakaṃ’’.

    ทีปงฺกโร โลกวิทู, อาหุตีนํ ปฎิคฺคโห;

    Dīpaṅkaro lokavidū, āhutīnaṃ paṭiggaho;

    อุสฺสีสเก มํ ฐตฺวาน, อิทํ วจนมพฺรฺวิฯ

    Ussīsake maṃ ṭhatvāna, idaṃ vacanamabrvi.

    ‘‘ปสฺสถ อิมํ ตาปสํ, ชฎิลํ อุคฺคตาปนํ;

    ‘‘Passatha imaṃ tāpasaṃ, jaṭilaṃ uggatāpanaṃ;

    อปริเมเยฺย อิโต กเปฺป, พุโทฺธ โลเก ภวิสฺสติฯ

    Aparimeyye ito kappe, buddho loke bhavissati.

    ‘‘อหุ กปิลวฺหยา รมฺมา, นิกฺขมิตฺวา ตถาคโต;

    ‘‘Ahu kapilavhayā rammā, nikkhamitvā tathāgato;

    ปธานํ ปทหิตฺวาน, กตฺวา ทุกฺกรการิกํฯ

    Padhānaṃ padahitvāna, katvā dukkarakārikaṃ.

    ‘‘อชปาลรุกฺขมูเล, นิสีทิตฺวา ตถาคโต;

    ‘‘Ajapālarukkhamūle, nisīditvā tathāgato;

    ตตฺถ ปายาสํ ปคฺคยฺห, เนรญฺชรมุเปหิติฯ

    Tattha pāyāsaṃ paggayha, nerañjaramupehiti.

    ‘‘เนรญฺชราย ตีรมฺหิ, ปายาสํ อท โส ชิโน;

    ‘‘Nerañjarāya tīramhi, pāyāsaṃ ada so jino;

    ปฎิยตฺตวรมเคฺคน, โพธิมูลมุเปหิติฯ

    Paṭiyattavaramaggena, bodhimūlamupehiti.

    ‘‘ตโต ปทกฺขิณํ กตฺวา, โพธิมณฺฑํ อนุตฺตโร;

    ‘‘Tato padakkhiṇaṃ katvā, bodhimaṇḍaṃ anuttaro;

    อสฺสตฺถรุกฺขมูลมฺหิ, พุชฺฌิสฺสติ มหายโสฯ

    Assattharukkhamūlamhi, bujjhissati mahāyaso.

    ‘‘อิมสฺส ชนิกา มาตา, มายา นาม ภวิสฺสติ;

    ‘‘Imassa janikā mātā, māyā nāma bhavissati;

    ปิตา สุโทฺธทโน นาม, อยํ เหสฺสติ โคตโมฯ

    Pitā suddhodano nāma, ayaṃ hessati gotamo.

    ‘‘อนาสวา วีตราคา, สนฺตจิตฺตา สมาหิตา;

    ‘‘Anāsavā vītarāgā, santacittā samāhitā;

    โกลิโต อุปติโสฺส จ, อคฺคา เหสฺสนฺติ สาวกา;

    Kolito upatisso ca, aggā hessanti sāvakā;

    อานโนฺท นามุปฎฺฐาโก, อุปฎฺฐิสฺสติมํ ชินํฯ

    Ānando nāmupaṭṭhāko, upaṭṭhissatimaṃ jinaṃ.

    ‘‘เขมา อุปฺปลวณฺณา จ, อคฺคา เหสฺสนฺติ สาวิกา;

    ‘‘Khemā uppalavaṇṇā ca, aggā hessanti sāvikā;

    อนาสวา วีตราคา, สนฺตจิตฺตา สมาหิตาฯ

    Anāsavā vītarāgā, santacittā samāhitā.

    ‘‘โพธิ ตสฺส ภควโต, อสฺสโตฺถติ ปวุจฺจติ;

    ‘‘Bodhi tassa bhagavato, assatthoti pavuccati;

    จิโตฺต จ หตฺถาฬวโก, อคฺคา เหสฺสนฺตุปฎฺฐกา;

    Citto ca hatthāḷavako, aggā hessantupaṭṭhakā;

    อุตฺตรา นนฺทมาตา จ, อคฺคา เหสฺสนฺตุปฎฺฐิกา’’ฯ

    Uttarā nandamātā ca, aggā hessantupaṭṭhikā’’.

    อิทํ สุตฺวาน วจนํ, อสมสฺส มเหสิโน;

    Idaṃ sutvāna vacanaṃ, asamassa mahesino;

    อาโมทิตา นรมรู, พุทฺธพีชํ กิร อยํฯ

    Āmoditā naramarū, buddhabījaṃ kira ayaṃ.

    อุกฺกุฎฺฐิสทฺทา วตฺตนฺติ, อโปฺผเฎนฺติ หสนฺติ จ;

    Ukkuṭṭhisaddā vattanti, apphoṭenti hasanti ca;

    กตญฺชลี นมสฺสนฺติ, ทสสหสฺสี สเทวกาฯ

    Katañjalī namassanti, dasasahassī sadevakā.

    ยทิมสฺส โลกนาถสฺส, วิรชฺฌิสฺสาม สาสนํ;

    Yadimassa lokanāthassa, virajjhissāma sāsanaṃ;

    อนาคตมฺหิ อทฺธาเน, เหสฺสาม สมฺมุขา อิมํฯ

    Anāgatamhi addhāne, hessāma sammukhā imaṃ.

    ยถา มนุสฺสา นทิํ ตรนฺตา, ปฎิติตฺถํ วิรชฺฌิย;

    Yathā manussā nadiṃ tarantā, paṭititthaṃ virajjhiya;

    เหฎฺฐา ติเตฺถ คเหตฺวาน, อุตฺตรนฺติ มหานทิํฯ

    Heṭṭhā titthe gahetvāna, uttaranti mahānadiṃ.

    เอวเมว มยํ สเพฺพ, ยทิ มุญฺจามิมํ ชินํ;

    Evameva mayaṃ sabbe, yadi muñcāmimaṃ jinaṃ;

    อนาคตมฺหิ อทฺธาเน, เหสฺสาม สมฺมุขา อิมํฯ

    Anāgatamhi addhāne, hessāma sammukhā imaṃ.

    ทีปงฺกโร โลกวิทู, อาหุตีนํ ปฎิคฺคโห;

    Dīpaṅkaro lokavidū, āhutīnaṃ paṭiggaho;

    มม กมฺมํ ปกิเตฺตตฺวา, ทกฺขิณํ ปาทมุทฺธริฯ

    Mama kammaṃ pakittetvā, dakkhiṇaṃ pādamuddhari.

    เย ตตฺถาสุํ ชินปุตฺตา, สเพฺพ ปทกฺขิณมกํสุ มํ;

    Ye tatthāsuṃ jinaputtā, sabbe padakkhiṇamakaṃsu maṃ;

    นรา นาคา จ คนฺธพฺพา, อภิวาเทตฺวาน ปกฺกมุํฯ

    Narā nāgā ca gandhabbā, abhivādetvāna pakkamuṃ.

    ทสฺสนํ เม อติกฺกเนฺต, สสเงฺฆ โลกนายเก;

    Dassanaṃ me atikkante, sasaṅghe lokanāyake;

    หฎฺฐตุเฎฺฐน จิเตฺตน, อาสนา วุฎฺฐหิํ ตทาฯ

    Haṭṭhatuṭṭhena cittena, āsanā vuṭṭhahiṃ tadā.

    สุเขน สุขิโต โหมิ, ปาโมเชฺชน ปโมทิโต;

    Sukhena sukhito homi, pāmojjena pamodito;

    ปีติยา จ อภิสฺสโนฺน, ปลฺลงฺกํ อาภุชิํ ตทาฯ

    Pītiyā ca abhissanno, pallaṅkaṃ ābhujiṃ tadā.

    ปลฺลเงฺกน นิสีทิตฺวา, เอวํ จิเนฺตสหํ ตทา;

    Pallaṅkena nisīditvā, evaṃ cintesahaṃ tadā;

    ‘‘วสีภูโต อหํ ฌาเน, อภิญฺญาปารมิํ คโตฯ

    ‘‘Vasībhūto ahaṃ jhāne, abhiññāpāramiṃ gato.

    ‘‘ทสสหสฺสิโลกมฺหิ , อิสโย นตฺถิ เม สมา;

    ‘‘Dasasahassilokamhi , isayo natthi me samā;

    อสโม อิทฺธิธเมฺมสุ, อลภิํ อีทิสํ สุขํ’’ฯ

    Asamo iddhidhammesu, alabhiṃ īdisaṃ sukhaṃ’’.

    ปลฺลงฺกาภุชเน มยฺหํ, ทสสหสฺสาธิวาสิโน;

    Pallaṅkābhujane mayhaṃ, dasasahassādhivāsino;

    มหานาทํ ปวเตฺตสุํ, ธุวํ พุโทฺธ ภวิสฺสสิฯ

    Mahānādaṃ pavattesuṃ, dhuvaṃ buddho bhavissasi.

    ยา ปุเพฺพ โพธิสตฺตานํ, ปลฺลงฺกวรมาภุเช;

    Yā pubbe bodhisattānaṃ, pallaṅkavaramābhuje;

    นิมิตฺตานิ ปทิสฺสนฺติ, ตานิ อชฺช ปทิสฺสเรฯ

    Nimittāni padissanti, tāni ajja padissare.

    สีตํ พฺยปคตํ โหติ, อุณฺหญฺจ อุปสมฺมติ;

    Sītaṃ byapagataṃ hoti, uṇhañca upasammati;

    ตานิ อชฺช ปทิสฺสนฺติ, ธุวํ พุโทฺธ ภวิสฺสสิฯ

    Tāni ajja padissanti, dhuvaṃ buddho bhavissasi.

    ทสสหสฺสี โลกธาตู, นิสฺสทฺทา โหนฺติ นิรากุลา;

    Dasasahassī lokadhātū, nissaddā honti nirākulā;

    ตานิ อชฺช ปทิสฺสนฺติ, ธุวํ พุโทฺธ ภวิสฺสสิฯ

    Tāni ajja padissanti, dhuvaṃ buddho bhavissasi.

    มหาวาตา น วายนฺติ, น สนฺทนฺติ สวนฺติโย;

    Mahāvātā na vāyanti, na sandanti savantiyo;

    ตานิ อชฺช ปทิสฺสนฺติ, ธุวํ พุโทฺธ ภวิสฺสสิฯ

    Tāni ajja padissanti, dhuvaṃ buddho bhavissasi.

    ถลชา ทกชา ปุปฺผา, สเพฺพ ปุปฺผนฺติ ตาวเท;

    Thalajā dakajā pupphā, sabbe pupphanti tāvade;

    เตปชฺช ปุปฺผิตา สเพฺพ, ธุวํ พุโทฺธ ภวิสฺสสิฯ

    Tepajja pupphitā sabbe, dhuvaṃ buddho bhavissasi.

    ลตา วา ยทิ วา รุกฺขา, ผลภารา โหนฺติ ตาวเท;

    Latā vā yadi vā rukkhā, phalabhārā honti tāvade;

    เตปชฺช ผลิตา สเพฺพ, ธุวํ พุโทฺธ ภวิสฺสสิฯ

    Tepajja phalitā sabbe, dhuvaṃ buddho bhavissasi.

    อากาสฎฺฐา จ ภูมฎฺฐา, รตนา โชตนฺติ ตาวเท;

    Ākāsaṭṭhā ca bhūmaṭṭhā, ratanā jotanti tāvade;

    เตปชฺช รตนา โชตนฺติ, ธุวํ พุโทฺธ ภวิสฺสสิฯ

    Tepajja ratanā jotanti, dhuvaṃ buddho bhavissasi.

    มานุสฺสกา จ ทิพฺพา จ, ตุริยา วชฺชนฺติ ตาวเท;

    Mānussakā ca dibbā ca, turiyā vajjanti tāvade;

    เตปชฺชุโภ อภิรวนฺติ, ธุวํ พุโทฺธ ภวิสฺสสิฯ

    Tepajjubho abhiravanti, dhuvaṃ buddho bhavissasi.

    วิจิตฺตปุปฺผา คคนา, อภิวสฺสนฺติ ตาวเท;

    Vicittapupphā gaganā, abhivassanti tāvade;

    เตปิ อชฺช ปวสฺสนฺติ, ธุวํ พุโทฺธ ภวิสฺสสิฯ

    Tepi ajja pavassanti, dhuvaṃ buddho bhavissasi.

    มหาสมุโทฺท อาภุชติ, ทสสหสฺสี ปกมฺปติ;

    Mahāsamuddo ābhujati, dasasahassī pakampati;

    เตปชฺชุโภ อภิรวนฺติ, ธุวํ พุโทฺธ ภวิสฺสสิฯ

    Tepajjubho abhiravanti, dhuvaṃ buddho bhavissasi.

    นิรเยปิ ทสสหเสฺส, อคฺคี นิพฺพนฺติ ตาวเท;

    Nirayepi dasasahasse, aggī nibbanti tāvade;

    เตปชฺช นิพฺพุตา อคฺคี, ธุวํ พุโทฺธ ภวิสฺสสิฯ

    Tepajja nibbutā aggī, dhuvaṃ buddho bhavissasi.

    วิมโล โหติ สูริโย, สพฺพา ทิสฺสนฺติ ตารกา;

    Vimalo hoti sūriyo, sabbā dissanti tārakā;

    เตปิ อชฺช ปทิสฺสนฺติ, ธุวํ พุโทฺธ ภวิสฺสสิฯ

    Tepi ajja padissanti, dhuvaṃ buddho bhavissasi.

    อโนวเฎฺฐน อุทกํ, มหิยา อุพฺภิชฺชิ ตาวเท;

    Anovaṭṭhena udakaṃ, mahiyā ubbhijji tāvade;

    ตมฺปชฺชุพฺภิชฺชเต มหิยา, ธุวํ พุโทฺธ ภวิสฺสสิฯ

    Tampajjubbhijjate mahiyā, dhuvaṃ buddho bhavissasi.

    ตาราคณา วิโรจนฺติ, นกฺขตฺตา คคนมณฺฑเล;

    Tārāgaṇā virocanti, nakkhattā gaganamaṇḍale;

    วิสาขา จนฺทิมายุตฺตา, ธุวํ พุโทฺธ ภวิสฺสสิฯ

    Visākhā candimāyuttā, dhuvaṃ buddho bhavissasi.

    พิลาสยา ทรีสยา, นิกฺขมนฺติ สกาสยา;

    Bilāsayā darīsayā, nikkhamanti sakāsayā;

    เตปชฺช อาสยา ฉุทฺธา, ธุวํ พุโทฺธ ภวิสฺสสิฯ

    Tepajja āsayā chuddhā, dhuvaṃ buddho bhavissasi.

    น โหติ อรติ สตฺตานํ, สนฺตุฎฺฐา โหนฺติ ตาวเท;

    Na hoti arati sattānaṃ, santuṭṭhā honti tāvade;

    เตปชฺช สเพฺพ สนฺตุฎฺฐา, ธุวํ พุโทฺธ ภวิสฺสสิฯ

    Tepajja sabbe santuṭṭhā, dhuvaṃ buddho bhavissasi.

    โรคา ตทุปสมฺมนฺติ, ชิฆจฺฉา จ วินสฺสติ;

    Rogā tadupasammanti, jighacchā ca vinassati;

    ตานิปชฺช ปทิสฺสนฺติ, ธุวํ พุโทฺธ ภวิสฺสสิฯ

    Tānipajja padissanti, dhuvaṃ buddho bhavissasi.

    โรโค ตทา ตนุ โหติ, โทโส โมโห วินสฺสติ;

    Rogo tadā tanu hoti, doso moho vinassati;

    เตปชฺช วิคตา สเพฺพ, ธุวํ พุโทฺธ ภวิสฺสสิฯ

    Tepajja vigatā sabbe, dhuvaṃ buddho bhavissasi.

    ภยํ ตทา น ภวติ, อชฺชเปตํ ปทิสฺสติ;

    Bhayaṃ tadā na bhavati, ajjapetaṃ padissati;

    เตน ลิเงฺคน ชานาม, ธุวํ พุโทฺธ ภวิสฺสสิฯ

    Tena liṅgena jānāma, dhuvaṃ buddho bhavissasi.

    รโช นุทฺธํสติ อุทฺธํ, อชฺชเปตํ ปทิสฺสติ;

    Rajo nuddhaṃsati uddhaṃ, ajjapetaṃ padissati;

    เตน ลิเงฺคน ชานาม, ธุวํ พุโทฺธ ภวิสฺสสิฯ

    Tena liṅgena jānāma, dhuvaṃ buddho bhavissasi.

    อนิฎฺฐคโนฺธ ปกฺกมติ, ทิพฺพคโนฺธ ปวายติ;

    Aniṭṭhagandho pakkamati, dibbagandho pavāyati;

    โสปชฺช วายติ คโนฺธ, ธุวํ พุโทฺธ ภวิสฺสสิฯ

    Sopajja vāyati gandho, dhuvaṃ buddho bhavissasi.

    สเพฺพ เทวา ปทิสฺสนฺติ, ฐปยิตฺวา อรูปิโน;

    Sabbe devā padissanti, ṭhapayitvā arūpino;

    เตปชฺช สเพฺพ ทิสฺสนฺติ, ธุวํ พุโทฺธ ภวิสฺสสิฯ

    Tepajja sabbe dissanti, dhuvaṃ buddho bhavissasi.

    ยาวตา นิรยา นาม, สเพฺพ ทิสฺสนฺติ ตาวเท;

    Yāvatā nirayā nāma, sabbe dissanti tāvade;

    เตปชฺช สเพฺพ ทิสฺสนฺติ, ธุวํ พุโทฺธ ภวิสฺสสิฯ

    Tepajja sabbe dissanti, dhuvaṃ buddho bhavissasi.

    กุฎฺฎา กวาฎา เสลา จ, น โหนฺตาวรณา ตทา;

    Kuṭṭā kavāṭā selā ca, na hontāvaraṇā tadā;

    อกาสภูตา เตปชฺช, ธุวํ พุโทฺธ ภวิสฺสสิฯ

    Akāsabhūtā tepajja, dhuvaṃ buddho bhavissasi.

    จุตี จ อุปปตฺติ จ, ขเณ ตสฺมิํ น วิชฺชติ;

    Cutī ca upapatti ca, khaṇe tasmiṃ na vijjati;

    ตานิปชฺช ปทิสฺสนฺติ, ธุวํ พุโทฺธ ภวิสฺสสิฯ

    Tānipajja padissanti, dhuvaṃ buddho bhavissasi.

    ทฬฺหํ ปคฺคณฺห วีริยํ, มา นิวตฺต อภิกฺกม;

    Daḷhaṃ paggaṇha vīriyaṃ, mā nivatta abhikkama;

    มยเมฺปตํ วิชานาม, ธุวํ พุโทฺธ ภวิสฺสสิฯ

    Mayampetaṃ vijānāma, dhuvaṃ buddho bhavissasi.

    พุทฺธสฺส วจนํ สุตฺวา, ทสสหสฺสีนจูภยํ;

    Buddhassa vacanaṃ sutvā, dasasahassīnacūbhayaṃ;

    ตุฎฺฐหโฎฺฐ ปโมทิโต, เอวํ จิเนฺตสหํ ตทาฯ

    Tuṭṭhahaṭṭho pamodito, evaṃ cintesahaṃ tadā.

    อเทฺวชฺฌวจนา พุทฺธา, อโมฆวจนา ชินา;

    Advejjhavacanā buddhā, amoghavacanā jinā;

    วิตถํ นตฺถิ พุทฺธานํ, ธุวํ พุโทฺธ ภวามหํฯ

    Vitathaṃ natthi buddhānaṃ, dhuvaṃ buddho bhavāmahaṃ.

    ยถา ขิตฺตํ นเภ เลฑฺฑุ, ธุวํ ปตติ ภูมิยํ;

    Yathā khittaṃ nabhe leḍḍu, dhuvaṃ patati bhūmiyaṃ;

    ตเถว พุทฺธเสฎฺฐานํ, วจนํ ธุวสสฺสตํฯ

    Tatheva buddhaseṭṭhānaṃ, vacanaṃ dhuvasassataṃ.

    ยถาปิ สพฺพสตฺตานํ, มรณํ ธุวสสฺสตํ;

    Yathāpi sabbasattānaṃ, maraṇaṃ dhuvasassataṃ;

    ตเถว พุทฺธเสฎฺฐานํ, วจนํ ธุวสสฺสตํฯ

    Tatheva buddhaseṭṭhānaṃ, vacanaṃ dhuvasassataṃ.

    ยถา รตฺติกฺขเย ปเตฺต, สูริยุคฺคมนํ ธุวํ;

    Yathā rattikkhaye patte, sūriyuggamanaṃ dhuvaṃ;

    ตเถว พุทฺธเสฎฺฐานํ, วจนํ ธุวสสฺสตํฯ

    Tatheva buddhaseṭṭhānaṃ, vacanaṃ dhuvasassataṃ.

    ยถา นิกฺขนฺตสยนสฺส, สีหสฺส นทนํ ธุวํ;

    Yathā nikkhantasayanassa, sīhassa nadanaṃ dhuvaṃ;

    ตเถว พุทฺธเสฎฺฐานํ, วจนํ ธุวสสฺสตํฯ

    Tatheva buddhaseṭṭhānaṃ, vacanaṃ dhuvasassataṃ.

    ยถา อาปนฺนสตฺตานํ, ภารโมโรปนํ ธุวํ;

    Yathā āpannasattānaṃ, bhāramoropanaṃ dhuvaṃ;

    ตเถว พุทฺธเสฎฺฐานํ, วจนํ ธุวสสฺสตํฯ

    Tatheva buddhaseṭṭhānaṃ, vacanaṃ dhuvasassataṃ.

    หนฺท พุทฺธกเร ธเมฺม, วิจินามิ อิโต จิโต;

    Handa buddhakare dhamme, vicināmi ito cito;

    อุทฺธํ อโธ ทส ทิสา, ยาวตา ธมฺมธาตุยาฯ

    Uddhaṃ adho dasa disā, yāvatā dhammadhātuyā.

    วิจินโนฺต ตทาทกฺขิํ, ปฐมํ ทานปารมิํ;

    Vicinanto tadādakkhiṃ, paṭhamaṃ dānapāramiṃ;

    ปุพฺพเกหิ มเหสีหิ, อนุจิณฺณํ มหาปถํฯ

    Pubbakehi mahesīhi, anuciṇṇaṃ mahāpathaṃ.

    อิมํ ตฺวํ ปฐมํ ตาว, ทฬฺหํ กตฺวา สมาทิย;

    Imaṃ tvaṃ paṭhamaṃ tāva, daḷhaṃ katvā samādiya;

    ทานปารมิตํ คจฺฉ, ยทิ โพธิํ ปตฺตุมิจฺฉสิฯ

    Dānapāramitaṃ gaccha, yadi bodhiṃ pattumicchasi.

    ยถาปิ กุโมฺภ สมฺปุโณฺณ, ยสฺส กสฺสจิ อโธกโต;

    Yathāpi kumbho sampuṇṇo, yassa kassaci adhokato;

    วมเต วุทกํ นิเสฺสสํ, น ตตฺถ ปริรกฺขติฯ

    Vamate vudakaṃ nissesaṃ, na tattha parirakkhati.

    ตเถว ยาจเก ทิสฺวา, หีนมุกฺกฎฺฐมชฺฌิเม;

    Tatheva yācake disvā, hīnamukkaṭṭhamajjhime;

    ททาหิ ทานํ นิเสฺสสํ, กุโมฺภ วิย อโธกโตฯ

    Dadāhi dānaṃ nissesaṃ, kumbho viya adhokato.

    น เหเต เอตฺตกาเยว, พุทฺธธมฺมา ภวิสฺสเร;

    Na hete ettakāyeva, buddhadhammā bhavissare;

    อเญฺญปิ วิจินิสฺสามิ, เย ธมฺมา โพธิปาจนาฯ

    Aññepi vicinissāmi, ye dhammā bodhipācanā.

    วิจินโนฺต ตทาทกฺขิํ, ทุติยํ สีลปารมิํ;

    Vicinanto tadādakkhiṃ, dutiyaṃ sīlapāramiṃ;

    ปุพฺพเกหิ มเหสีหิ, อาเสวิตนิเสวิตํฯ

    Pubbakehi mahesīhi, āsevitanisevitaṃ.

    อิมํ ตฺวํ ทุติยํ ตาว, ทฬฺหํ กตฺวา สมาทิย;

    Imaṃ tvaṃ dutiyaṃ tāva, daḷhaṃ katvā samādiya;

    สีลปารมิตํ คจฺฉ, ยทิ โพธิํ ปตฺตุมิจฺฉสิฯ

    Sīlapāramitaṃ gaccha, yadi bodhiṃ pattumicchasi.

    ยถาปิ จมรี วาลํ, กิสฺมิญฺจิ ปฎิลคฺคิตํ;

    Yathāpi camarī vālaṃ, kismiñci paṭilaggitaṃ;

    อุเปติ มรณํ ตตฺถ, น วิโกเปติ วาลธิํฯ

    Upeti maraṇaṃ tattha, na vikopeti vāladhiṃ.

    ตเถว จตูสุ ภูมีสุ, สีลานิ ปริปูรย;

    Tatheva catūsu bhūmīsu, sīlāni paripūraya;

    ปริรกฺข สทา สีลํ, จมรี วิย วาลธิํฯ

    Parirakkha sadā sīlaṃ, camarī viya vāladhiṃ.

    น เหเต เอตฺตกาเยว, พุทฺธธมฺมา ภวิสฺสเร;

    Na hete ettakāyeva, buddhadhammā bhavissare;

    อเญฺญปิ วิจินิสฺสามิ, เย ธมฺมา โพธิปาจนาฯ

    Aññepi vicinissāmi, ye dhammā bodhipācanā.

    วิจินโนฺต ตทาทกฺขิํ, ตติยํ เนกฺขมฺมปารมิํ;

    Vicinanto tadādakkhiṃ, tatiyaṃ nekkhammapāramiṃ;

    ปุพฺพเกหิ มเหสีหิ, อาเสวิตนิเสวิตํฯ

    Pubbakehi mahesīhi, āsevitanisevitaṃ.

    อิมํ ตฺวํ ตติยํ ตาว, ทฬฺหํ กตฺวา สมาทิย;

    Imaṃ tvaṃ tatiyaṃ tāva, daḷhaṃ katvā samādiya;

    เนกฺขมฺมปารมิตํ คจฺฉ, ยทิ โพธิํ ปตฺตุมิจฺฉสิฯ

    Nekkhammapāramitaṃ gaccha, yadi bodhiṃ pattumicchasi.

    ยถา อนฺทุฆเร ปุริโส, จิรวุโตฺถ ทุขฎฺฎิโต;

    Yathā andughare puriso, ciravuttho dukhaṭṭito;

    น ตตฺถ ราคํ ชเนติ, มุตฺติเมว คเวสติฯ

    Na tattha rāgaṃ janeti, muttimeva gavesati.

    ตเถว ตฺวํ สพฺพภเว, ปสฺส อนฺทุฆรํ วิย;

    Tatheva tvaṃ sabbabhave, passa andugharaṃ viya;

    เนกฺขมฺมาภิมุโข โหติ, ภวโต ปริมุตฺติยาฯ

    Nekkhammābhimukho hoti, bhavato parimuttiyā.

    น เหเต เอตฺตกาเยว, พุทฺธธมฺมา ภวิสฺสเร;

    Na hete ettakāyeva, buddhadhammā bhavissare;

    อเญฺญปิ วิจินิสฺสามิ, เย ธมฺมา โพธิปาจนาฯ

    Aññepi vicinissāmi, ye dhammā bodhipācanā.

    วิจินโนฺต ตทาทกฺขิํ, จตุตฺถํ ปญฺญาปารมิํ;

    Vicinanto tadādakkhiṃ, catutthaṃ paññāpāramiṃ;

    ปุพฺพเกหิ มเหสีหิ, อาเสวิตนิเสวิตํฯ

    Pubbakehi mahesīhi, āsevitanisevitaṃ.

    อิมํ ตฺวํ จตุตฺถํ ตาว, ทฬฺหํ กตฺวา สมาทิย;

    Imaṃ tvaṃ catutthaṃ tāva, daḷhaṃ katvā samādiya;

    ปญฺญาปารมิตํ คจฺฉ, ยทิ โพธิํ ปตฺตุมิจฺฉสิฯ

    Paññāpāramitaṃ gaccha, yadi bodhiṃ pattumicchasi.

    ยถาปิ ภิกฺขุ ภิกฺขโนฺต, หีนมุกฺกฎฺฐมชฺฌิเม;

    Yathāpi bhikkhu bhikkhanto, hīnamukkaṭṭhamajjhime;

    กุลานิ น วิวเชฺชโนฺต, เอวํ ลภติ ยาปนํฯ

    Kulāni na vivajjento, evaṃ labhati yāpanaṃ.

    ตเถว ตฺวํ สพฺพกาลํ, ปริปุจฺฉํ พุธํ ชนํ;

    Tatheva tvaṃ sabbakālaṃ, paripucchaṃ budhaṃ janaṃ;

    ปญฺญาปารมิตํ คนฺตฺวา, สโมฺพธิํ ปาปุณิสฺสสิฯ

    Paññāpāramitaṃ gantvā, sambodhiṃ pāpuṇissasi.

    น เหเต เอตฺตกาเยว, พุทฺธธมฺมา ภวิสฺสเร;

    Na hete ettakāyeva, buddhadhammā bhavissare;

    อเญฺญปิ วิจินิสฺสามิ, เย ธมฺมา โพธิปาจนาฯ

    Aññepi vicinissāmi, ye dhammā bodhipācanā.

    วิจินโนฺต ตทาทกฺขิํ, ปญฺจมํ วีริยปารมิํ;

    Vicinanto tadādakkhiṃ, pañcamaṃ vīriyapāramiṃ;

    ปุพฺพเกหิ มเหสีหิ, อาเสวิตนิเสวิตํฯ

    Pubbakehi mahesīhi, āsevitanisevitaṃ.

    อิมํ ตฺวํ ปญฺจมํ ตาว, ทฬฺหํ กตฺวา สมาทิย;

    Imaṃ tvaṃ pañcamaṃ tāva, daḷhaṃ katvā samādiya;

    วีริยปารมิตํ คจฺฉ, ยทิ โพธิํ ปตฺตุมิจฺฉสิฯ

    Vīriyapāramitaṃ gaccha, yadi bodhiṃ pattumicchasi.

    ยถาปิ สีโห มิคราชา, นิสชฺชฎฺฐานจงฺกเม;

    Yathāpi sīho migarājā, nisajjaṭṭhānacaṅkame;

    อลีนวีริโย โหติ, ปคฺคหิตมโน สทาฯ

    Alīnavīriyo hoti, paggahitamano sadā.

    ตเถว ตฺวํ สพฺพภเว, ปคฺคณฺห วีริยํ ทฬฺหํ;

    Tatheva tvaṃ sabbabhave, paggaṇha vīriyaṃ daḷhaṃ;

    วีริยปารมิตํ คนฺตฺวา, สโมฺพธิํ ปาปุณิสฺสสิฯ

    Vīriyapāramitaṃ gantvā, sambodhiṃ pāpuṇissasi.

    น เหเต เอตฺตกาเยว, พุทฺธธมฺมา ภวิสฺสเร;

    Na hete ettakāyeva, buddhadhammā bhavissare;

    อเญฺญปิ วิจินิสฺสามิ, เย ธมฺมา โพธิปาจนาฯ

    Aññepi vicinissāmi, ye dhammā bodhipācanā.

    วิจินโนฺต ตทาทกฺขิํ, ฉฎฺฐมํ ขนฺติปารมิํ;

    Vicinanto tadādakkhiṃ, chaṭṭhamaṃ khantipāramiṃ;

    ปุพฺพเกหิ มเหสีหิ, อาเสวิตนิเสวิตํฯ

    Pubbakehi mahesīhi, āsevitanisevitaṃ.

    อิมํ ตฺวํ ฉฎฺฐมํ ตาว, ทฬฺหํ กตฺวา สมาทิย;

    Imaṃ tvaṃ chaṭṭhamaṃ tāva, daḷhaṃ katvā samādiya;

    ตตฺถ อเทฺวชฺฌมานโส, สโมฺพธิํ ปาปุณิสฺสสิฯ

    Tattha advejjhamānaso, sambodhiṃ pāpuṇissasi.

    ยถาปิ ปถวี นาม, สุจิมฺปิ อสุจิมฺปิ จ;

    Yathāpi pathavī nāma, sucimpi asucimpi ca;

    สพฺพํ สหติ นิเกฺขปํ, น กโรติ ปฎิฆํ ตยาฯ

    Sabbaṃ sahati nikkhepaṃ, na karoti paṭighaṃ tayā.

    ตเถว ตฺวมฺปิ สเพฺพสํ, สมฺมานาวมานกฺขโม;

    Tatheva tvampi sabbesaṃ, sammānāvamānakkhamo;

    ขนฺติปารมิตํ คนฺตฺวา, สโมฺพธิํ ปาปุณิสฺสสิฯ

    Khantipāramitaṃ gantvā, sambodhiṃ pāpuṇissasi.

    น เหเต เอตฺตกาเยว, พุทฺธธมฺมา ภวิสฺสเร;

    Na hete ettakāyeva, buddhadhammā bhavissare;

    อเญฺญปิ วิจินิสฺสามิ, เย ธมฺมา โพธิปาจนาฯ

    Aññepi vicinissāmi, ye dhammā bodhipācanā.

    วิจินโนฺต ตทาทกฺขิํ, สตฺตมํ สจฺจปารมิํ;

    Vicinanto tadādakkhiṃ, sattamaṃ saccapāramiṃ;

    ปุพฺพเกหิ มเหสีหิ, อาเสวิตนิเสวิตํฯ

    Pubbakehi mahesīhi, āsevitanisevitaṃ.

    อิมํ ตฺวํ สตฺตมํ ตาว, ทฬฺหํ กตฺวา สมาทิย;

    Imaṃ tvaṃ sattamaṃ tāva, daḷhaṃ katvā samādiya;

    ตตฺถ อเทฺวชฺฌวจโน, สโมฺพธิํ ปาปุณิสฺสสิฯ

    Tattha advejjhavacano, sambodhiṃ pāpuṇissasi.

    ยถาปิ โอสมี นาม, ตุลาภูตา สเทวเก;

    Yathāpi osamī nāma, tulābhūtā sadevake;

    สมเย อุตุวเสฺส วา, น โวกฺกมติ, วีถิโตฯ

    Samaye utuvasse vā, na vokkamati, vīthito.

    ตเถว ตฺวมฺปิ สเจฺจสุ, มา โวกฺกมสิ วีถิโต;

    Tatheva tvampi saccesu, mā vokkamasi vīthito;

    สจฺจปารมิตํ คนฺตฺวา, สโมฺพธิํ ปาปุณิสฺสสิฯ

    Saccapāramitaṃ gantvā, sambodhiṃ pāpuṇissasi.

    น เหเต เอตฺตกาเยว, พุทฺธธมฺมา ภวิสฺสเร;

    Na hete ettakāyeva, buddhadhammā bhavissare;

    อเญฺญปิ วิจินิสฺสามิ, เย ธมฺมา โพธิปาจนาฯ

    Aññepi vicinissāmi, ye dhammā bodhipācanā.

    วิจินโนฺต ตทาทกฺขิํ, อฎฺฐมํ อธิฎฺฐานปารมิํ;

    Vicinanto tadādakkhiṃ, aṭṭhamaṃ adhiṭṭhānapāramiṃ;

    ปุพฺพเกหิ มเหสีหิ, อาเสวิตนิเสวิตํฯ

    Pubbakehi mahesīhi, āsevitanisevitaṃ.

    อิมํ ตฺวํ อฎฺฐมํ ตาว, ทฬฺหํ กตฺวา สมาทิย;

    Imaṃ tvaṃ aṭṭhamaṃ tāva, daḷhaṃ katvā samādiya;

    ตตฺถ ตฺวํ อจโล หุตฺวา, สโมฺพธิํ ปาปุณิสฺสสิฯ

    Tattha tvaṃ acalo hutvā, sambodhiṃ pāpuṇissasi.

    ยถาปิ ปพฺพโต เสโล, อจโล สุปฺปติฎฺฐิโต;

    Yathāpi pabbato selo, acalo suppatiṭṭhito;

    น กมฺปติ ภุสวาเตหิ, สกฎฺฐาเนว ติฎฺฐติฯ

    Na kampati bhusavātehi, sakaṭṭhāneva tiṭṭhati.

    ตเถว ตฺวมฺปิ อธิฎฺฐาเน, สพฺพทา อจโล ภว;

    Tatheva tvampi adhiṭṭhāne, sabbadā acalo bhava;

    อธิฎฺฐานปารมิตํ คนฺตฺวา, สโมฺพธิํ ปาปุณิสฺสสิฯ

    Adhiṭṭhānapāramitaṃ gantvā, sambodhiṃ pāpuṇissasi.

    น เหเต เอตฺตกาเยว, พุทฺธธมฺมา ภวิสฺสเร;

    Na hete ettakāyeva, buddhadhammā bhavissare;

    อเญฺญปิ วิจินิสฺสามิ, เย ธมฺมา โพธิปาจนาฯ

    Aññepi vicinissāmi, ye dhammā bodhipācanā.

    วิจินโนฺต ตทาทกฺขิํ, นวมํ เมตฺตาปารมิํ;

    Vicinanto tadādakkhiṃ, navamaṃ mettāpāramiṃ;

    ปุพฺพเกหิ มเหสีหิ, อาเสวิตนิเสวิตํฯ

    Pubbakehi mahesīhi, āsevitanisevitaṃ.

    อิมํ ตฺวํ นวมํ ตาว, ทฬฺหํ กตฺวา สมาทิย;

    Imaṃ tvaṃ navamaṃ tāva, daḷhaṃ katvā samādiya;

    เมตฺตาย อสโม โหหิ, ยทิ โพธิํ ปตฺตุมิจฺฉสิฯ

    Mettāya asamo hohi, yadi bodhiṃ pattumicchasi.

    ยถาปิ อุทกํ นาม, กลฺยาเณ ปาปเก ชเน;

    Yathāpi udakaṃ nāma, kalyāṇe pāpake jane;

    สมํ ผรติ สีเตน, ปวาเหติ รโชมลํฯ

    Samaṃ pharati sītena, pavāheti rajomalaṃ.

    ตเถว ตฺวมฺปิ หิตาหิเต, สมํ เมตฺตาย ภาวย;

    Tatheva tvampi hitāhite, samaṃ mettāya bhāvaya;

    เมตฺตาปารมิตํ คนฺตฺวา, สโมฺพธิํ ปาปุณิสฺสสิฯ

    Mettāpāramitaṃ gantvā, sambodhiṃ pāpuṇissasi.

    น เหเต เอตฺตกาเยว, พุทฺธธมฺมา ภวิสฺสเร;

    Na hete ettakāyeva, buddhadhammā bhavissare;

    อเญฺญปิ วิจินิสฺสามิ, เย ธมฺมา โพธิปาจนาฯ

    Aññepi vicinissāmi, ye dhammā bodhipācanā.

    วิจินโนฺต ตทาทกฺขิํ, ทสมํ อุเปกฺขาปารมิํ;

    Vicinanto tadādakkhiṃ, dasamaṃ upekkhāpāramiṃ;

    ปุพฺพเกหิ มเหสีหิ, อาเสวิตนิเสวิตํฯ

    Pubbakehi mahesīhi, āsevitanisevitaṃ.

    อิมํ ตฺวํ ทสมํ ตาว, ทฬฺหํ กตฺวา สมาทิย;

    Imaṃ tvaṃ dasamaṃ tāva, daḷhaṃ katvā samādiya;

    ตุลาภูโต ทโฬฺห หุตฺวา, สโมฺพธิํ ปาปุณิสฺสสิฯ

    Tulābhūto daḷho hutvā, sambodhiṃ pāpuṇissasi.

    ยถาปิ ปถวี นาม, นิกฺขิตฺตํ อสุจิํ สุจิํ;

    Yathāpi pathavī nāma, nikkhittaṃ asuciṃ suciṃ;

    อุเปกฺขติ อุโภเปเต, โกปานุนยวชฺชิตาฯ

    Upekkhati ubhopete, kopānunayavajjitā.

    ตเถว ตฺวมฺปิ สุขทุเกฺข, ตุลาภูโต สทา ภว;

    Tatheva tvampi sukhadukkhe, tulābhūto sadā bhava;

    อุเปกฺขาปารมิตํ คนฺตฺวา, สโมฺพธิํ ปาปุณิสฺสสิฯ

    Upekkhāpāramitaṃ gantvā, sambodhiṃ pāpuṇissasi.

    เอตฺตกาเยว เต โลเก, เย ธมฺมา โพธิปาจนา;

    Ettakāyeva te loke, ye dhammā bodhipācanā;

    ตตุทฺธํ นตฺถิ อญฺญตฺร, ทฬฺหํ ตตฺถ ปติฎฺฐหฯ

    Tatuddhaṃ natthi aññatra, daḷhaṃ tattha patiṭṭhaha.

    อิเม ธเมฺม สมฺมสโต, สภาวรสลกฺขเณ;

    Ime dhamme sammasato, sabhāvarasalakkhaṇe;

    ธมฺมเตเชน วสุธา, ทสสหสฺสี ปกมฺปถฯ

    Dhammatejena vasudhā, dasasahassī pakampatha.

    จลตา รวติ ปถวี, อุจฺฉุยนฺตํว ปีฬิตํ;

    Calatā ravati pathavī, ucchuyantaṃva pīḷitaṃ;

    เตลยเนฺต ยถา จกฺกํ, เอวํ กมฺปติ เมทินีฯ

    Telayante yathā cakkaṃ, evaṃ kampati medinī.

    ยาวตา ปริสา อาสิ, พุทฺธสฺส ปริเวสเน;

    Yāvatā parisā āsi, buddhassa parivesane;

    ปเวธมานา สา ตตฺถ, มุจฺฉิตา เสสิ ภูมิยาฯ

    Pavedhamānā sā tattha, mucchitā sesi bhūmiyā.

    ฆฎาเนกสหสฺสานิ , กุมฺภีนญฺจ สตา พหู;

    Ghaṭānekasahassāni , kumbhīnañca satā bahū;

    สญฺจุณฺณมถิตา ตตฺถ, อญฺญมญฺญํ ปฆฎฺฎิตาฯ

    Sañcuṇṇamathitā tattha, aññamaññaṃ paghaṭṭitā.

    อุพฺพิคฺคา ตสิตา ภีตา, ภนฺตา พฺยาถิตมานสา;

    Ubbiggā tasitā bhītā, bhantā byāthitamānasā;

    มหาชนา สมาคมฺม, ทีปงฺกรมุปาคมุํฯ

    Mahājanā samāgamma, dīpaṅkaramupāgamuṃ.

    กิํ ภวิสฺสติ โลกสฺส, กลฺยาณมถ ปาปกํ;

    Kiṃ bhavissati lokassa, kalyāṇamatha pāpakaṃ;

    สโพฺพ อุปทฺทุโต โลโก, ตํ วิโนเทหิ จกฺขุมฯ

    Sabbo upadduto loko, taṃ vinodehi cakkhuma.

    เตสํ ตทา สญฺญาเปสิ, ทีปงฺกโร มหามุนิ;

    Tesaṃ tadā saññāpesi, dīpaṅkaro mahāmuni;

    วิสฺสตฺถา โหถ มา ภาถ, อิมสฺมิํ ปถวิกมฺปเนฯ

    Vissatthā hotha mā bhātha, imasmiṃ pathavikampane.

    ยมหํ อชฺช พฺยากาสิํ, พุโทฺธ โลเก ภวิสฺสติ;

    Yamahaṃ ajja byākāsiṃ, buddho loke bhavissati;

    เอโส สมฺมสติ ธมฺมํ, ปุพฺพกํ ชินเสวิตํฯ

    Eso sammasati dhammaṃ, pubbakaṃ jinasevitaṃ.

    ตสฺส สมฺมสโต ธมฺมํ, พุทฺธภูมิํ อเสสโต;

    Tassa sammasato dhammaṃ, buddhabhūmiṃ asesato;

    เตนายํ กมฺปิตา ปถวี, ทสสหสฺสี สเทวเกฯ

    Tenāyaṃ kampitā pathavī, dasasahassī sadevake.

    พุทฺธสฺส วจนํ สุตฺวา, มโน นิพฺพายิ ตาวเท;

    Buddhassa vacanaṃ sutvā, mano nibbāyi tāvade;

    สเพฺพ มํ อุปสงฺกมฺม, ปุนาปิ อภิวนฺทิสุํฯ

    Sabbe maṃ upasaṅkamma, punāpi abhivandisuṃ.

    สมาทยิตฺวา พุทฺธคุณํ, ทฬฺหํ กตฺวาน มานสํ;

    Samādayitvā buddhaguṇaṃ, daḷhaṃ katvāna mānasaṃ;

    ทีปงฺกรํ นมสฺสิตฺวา, อาสนา วุฎฺฐหิํ ตทาฯ

    Dīpaṅkaraṃ namassitvā, āsanā vuṭṭhahiṃ tadā.

    ทิพฺพํ มานุสกํ ปุปฺผํ, เทวา มานุสกา อุโภ;

    Dibbaṃ mānusakaṃ pupphaṃ, devā mānusakā ubho;

    สโมกิรนฺติ ปุเปฺผหิ, วุฎฺฐหนฺตสฺส อาสนาฯ

    Samokiranti pupphehi, vuṭṭhahantassa āsanā.

    เวทยนฺติ จ เต โสตฺถิํ, เทวา มานุสกา อุโภ;

    Vedayanti ca te sotthiṃ, devā mānusakā ubho;

    มหนฺตํ ปตฺถิตํ ตุยฺหํ, ตํ ลภสฺสุ ยถิจฺฉิตํฯ

    Mahantaṃ patthitaṃ tuyhaṃ, taṃ labhassu yathicchitaṃ.

    สพฺพีติโย วิวชฺชนฺตุ, โสโก โรโค วินสฺสตุ;

    Sabbītiyo vivajjantu, soko rogo vinassatu;

    มา เต ภวนฺตฺวนฺตรายา, ผุส ขิปฺปํ โพธิมุตฺตมํฯ

    Mā te bhavantvantarāyā, phusa khippaṃ bodhimuttamaṃ.

    ยถาปิ สมเย ปเตฺต, ปุปฺผนฺติ ปุปฺผิโน ทุมา;

    Yathāpi samaye patte, pupphanti pupphino dumā;

    ตเถว ตฺวํ มหาวีร, พุทฺธญาเณน ปุปฺผสุฯ

    Tatheva tvaṃ mahāvīra, buddhañāṇena pupphasu.

    ยถา เย เกจิ สมฺพุทฺธา, ปูรยุํ ทสปารมี;

    Yathā ye keci sambuddhā, pūrayuṃ dasapāramī;

    ตเถว ตฺวํ มหาวีร, ปูเรหิ ทสปารมีฯ

    Tatheva tvaṃ mahāvīra, pūrehi dasapāramī.

    ยถา เย เกจิ สมฺพุทฺธา, โพธิมณฺฑมฺหิ พุชฺฌเร;

    Yathā ye keci sambuddhā, bodhimaṇḍamhi bujjhare;

    ตเถว ตฺวํ มหาวีร, พุชฺฌสฺสุ ชินโพธิยํฯ

    Tatheva tvaṃ mahāvīra, bujjhassu jinabodhiyaṃ.

    ยถา เย เกจิ สมฺพุทฺธา, ธมฺมจกฺกํ ปวตฺตยุํ;

    Yathā ye keci sambuddhā, dhammacakkaṃ pavattayuṃ;

    ตเถว ตฺวํ มหาวีร, ธมฺมจกฺกํ ปวตฺตยฯ

    Tatheva tvaṃ mahāvīra, dhammacakkaṃ pavattaya.

    ปุณฺณมาเย ยถา จโนฺท, ปริสุโทฺธ วิโรจติ;

    Puṇṇamāye yathā cando, parisuddho virocati;

    ตเถว ตฺวํ ปุณฺณมโน, วิโรจ ทสสหสฺสิยํฯ

    Tatheva tvaṃ puṇṇamano, viroca dasasahassiyaṃ.

    ราหุมุโตฺต ยถา สูริโย, ตาเปน อติโรจติ;

    Rāhumutto yathā sūriyo, tāpena atirocati;

    ตเถว โลกา มุญฺจิตฺวา, วิโรจ สิริยา ตุวํฯ

    Tatheva lokā muñcitvā, viroca siriyā tuvaṃ.

    ยถา ยา กาจิ นทิโย, โอสรนฺติ มโหทธิํ;

    Yathā yā kāci nadiyo, osaranti mahodadhiṃ;

    เอวํ สเทวกา โลกา, โอสรนฺตุ ตวนฺติเกฯ

    Evaṃ sadevakā lokā, osarantu tavantike.

    เตหิ ถุตปฺปสโตฺถ โส, ทส ธเมฺม สมาทิย;

    Tehi thutappasattho so, dasa dhamme samādiya;

    เต ธเมฺม ปริปูเรโนฺต, ปวนํ ปาวิสี ตทาฯ

    Te dhamme paripūrento, pavanaṃ pāvisī tadā.

    สุเมธกถา นิฎฺฐิตาฯ

    Sumedhakathā niṭṭhitā.

    ตทา เต โภชยิตฺวาน, สสงฺฆํ โลกนายกํ;

    Tadā te bhojayitvāna, sasaṅghaṃ lokanāyakaṃ;

    อุปคจฺฉุํ สรณํ ตสฺส, ทีปงฺกรสฺส สตฺถุโนฯ

    Upagacchuṃ saraṇaṃ tassa, dīpaṅkarassa satthuno.

    สรณาคมเน กญฺจิ, นิเวเสสิ ตถาคโต;

    Saraṇāgamane kañci, nivesesi tathāgato;

    กญฺจิ ปญฺจสุ สีเลสุ, สีเล ทสวิเธ ปรํฯ

    Kañci pañcasu sīlesu, sīle dasavidhe paraṃ.

    กสฺสจิ เทติ สามญฺญํ, จตุโร ผลมุตฺตเม;

    Kassaci deti sāmaññaṃ, caturo phalamuttame;

    กสฺสจิ อสเม ธเมฺม, เทติ โส ปฎิสมฺภิทาฯ

    Kassaci asame dhamme, deti so paṭisambhidā.

    กสฺสจิ วรสมาปตฺติโย, อฎฺฐ เทติ นราสโภ;

    Kassaci varasamāpattiyo, aṭṭha deti narāsabho;

    ติโสฺส กสฺสจิ วิชฺชาโย, ฉฬภิญฺญา ปเวจฺฉติฯ

    Tisso kassaci vijjāyo, chaḷabhiññā pavecchati.

    เตน โยเคน ชนกายํ, โอวทติ มหามุนิ;

    Tena yogena janakāyaṃ, ovadati mahāmuni;

    เตน วิตฺถาริกํ อาสิ, โลกนาถสฺส สาสนํฯ

    Tena vitthārikaṃ āsi, lokanāthassa sāsanaṃ.

    มหาหนุสภกฺขโนฺธ, ทีปงฺกรสนามโก;

    Mahāhanusabhakkhandho, dīpaṅkarasanāmako;

    พหู ชเน ตารยติ, ปริโมเจติ ทุคฺคติํฯ

    Bahū jane tārayati, parimoceti duggatiṃ.

    โพธเนยฺยํ ชนํ ทิสฺวา, สตสหเสฺสปิ โยชเน;

    Bodhaneyyaṃ janaṃ disvā, satasahassepi yojane;

    ขเณน อุปคนฺตฺวาน, โพเธติ ตํ มหามุนิฯ

    Khaṇena upagantvāna, bodheti taṃ mahāmuni.

    ปฐมาภิสมเย พุโทฺธ, โกฎิสตมโพธยิ;

    Paṭhamābhisamaye buddho, koṭisatamabodhayi;

    ทุติยาภิสมเย นาโถ, นวุติโกฎิมโพธยิฯ

    Dutiyābhisamaye nātho, navutikoṭimabodhayi.

    ยทา จ เทวภวนมฺหิ, พุโทฺธ ธมฺมเทสยิ;

    Yadā ca devabhavanamhi, buddho dhammadesayi;

    นวุติโกฎิสหสฺสานํ, ตติยาภิสมโย อหุฯ

    Navutikoṭisahassānaṃ, tatiyābhisamayo ahu.

    สนฺนิปาตา ตโย อาสุํ, ทีปงฺกรสฺส สตฺถุโน;

    Sannipātā tayo āsuṃ, dīpaṅkarassa satthuno;

    โกฎิสตสหสฺสานํ, ปฐโม อาสิ สมาคโมฯ

    Koṭisatasahassānaṃ, paṭhamo āsi samāgamo.

    ปุน นารทกูฎมฺหิ, ปวิเวกคเต ชิเน;

    Puna nāradakūṭamhi, pavivekagate jine;

    ขีณาสวา วีตมลา, สมิํสุ สตโกฎิโยฯ

    Khīṇāsavā vītamalā, samiṃsu satakoṭiyo.

    ยมฺหิ กาเล มหาวีโร, สุทสฺสนสิลุจฺจเย;

    Yamhi kāle mahāvīro, sudassanasiluccaye;

    นวุติโกฎิสหเสฺสหิ, ปวาเรสิ มหามุนิฯ

    Navutikoṭisahassehi, pavāresi mahāmuni.

    อหํ เตน สมเยน, ชฎิโล อุคฺคตาปโน;

    Ahaṃ tena samayena, jaṭilo uggatāpano;

    อนฺตลิกฺขมฺหิ จรโณ, ปญฺจาภิญฺญาสุ ปารคูฯ

    Antalikkhamhi caraṇo, pañcābhiññāsu pāragū.

    ทสวีสสหสฺสานํ, ธมฺมาภิสมโย อหุ;

    Dasavīsasahassānaṃ, dhammābhisamayo ahu;

    เอกทฺวินฺนํ อภิสมยา, คณนาโต อสงฺขิยาฯ

    Ekadvinnaṃ abhisamayā, gaṇanāto asaṅkhiyā.

    วิตฺถาริกํ พาหุชญฺญํ, อิทฺธํ ผีตํ อหุ ตทา;

    Vitthārikaṃ bāhujaññaṃ, iddhaṃ phītaṃ ahu tadā;

    ทีปงฺกรสฺส ภควโต, สาสนํ สุวิโสธิตํฯ

    Dīpaṅkarassa bhagavato, sāsanaṃ suvisodhitaṃ.

    จตฺตาริ สตสหสฺสานิ, ฉฬภิญฺญา มหิทฺธิกา;

    Cattāri satasahassāni, chaḷabhiññā mahiddhikā;

    ทีปงฺกรํ โลกวิทุํ, ปริวาเรนฺติ สพฺพทาฯ

    Dīpaṅkaraṃ lokaviduṃ, parivārenti sabbadā.

    เย เกจิ เตน สมเยน, ชหนฺติ มานุสํ ภวํ;

    Ye keci tena samayena, jahanti mānusaṃ bhavaṃ;

    อปฺปตฺตมานสา เสขา, ครหิตา ภวนฺติ เตฯ

    Appattamānasā sekhā, garahitā bhavanti te.

    สุปุปฺผิตํ ปาวจนํ, อรหเนฺตหิ ตาทิหิ;

    Supupphitaṃ pāvacanaṃ, arahantehi tādihi;

    ขีณาสเวหิ วิมเลหิ, อุปโสภติ สเทวเกฯ

    Khīṇāsavehi vimalehi, upasobhati sadevake.

    นครํ รมฺมวตี นาม, สุเทโว นาม ขตฺติโย;

    Nagaraṃ rammavatī nāma, sudevo nāma khattiyo;

    สุเมธา นาม ชนิกา, ทีปงฺกรสฺส สตฺถุโนฯ

    Sumedhā nāma janikā, dīpaṅkarassa satthuno.

    สุมงฺคโล จ ติโสฺส จ, อเหสุํ อคฺคสาวกา;

    Sumaṅgalo ca tisso ca, ahesuṃ aggasāvakā;

    สาคโต นามุปฎฺฐาโก, ทีปงฺกรสฺส สตฺถุโนฯ

    Sāgato nāmupaṭṭhāko, dīpaṅkarassa satthuno.

    นนฺทา เจว สุนนฺทา จ, อเหสุํ อคฺคสาวิกา;

    Nandā ceva sunandā ca, ahesuṃ aggasāvikā;

    โพธิ ตสฺส ภควโต, ปิปฺผลีติ ปวุจฺจติฯ

    Bodhi tassa bhagavato, pipphalīti pavuccati.

    อสีติหตฺถมุเพฺพโธ, ทีปงฺกโร มหามุนิ;

    Asītihatthamubbedho, dīpaṅkaro mahāmuni;

    โสภติ ทีปรุโกฺขว, สาลราชาว ปุปฺผิโต;

    Sobhati dīparukkhova, sālarājāva pupphito;

    ปภา วิธาวติ ตสฺส, สมนฺตา ทฺวาทสโยชเนฯ

    Pabhā vidhāvati tassa, samantā dvādasayojane.

    สตสหสฺสวสฺสานิ, อายุ ตสฺส มเหสิโน;

    Satasahassavassāni, āyu tassa mahesino;

    ตาวตา ติฎฺฐมาโน โส, ตาเรสิ ชนตํ พหุํฯ

    Tāvatā tiṭṭhamāno so, tāresi janataṃ bahuṃ.

    โชตยิตฺวาน สทฺธมฺมํ, สนฺตาเรตฺวา มหาชนํ;

    Jotayitvāna saddhammaṃ, santāretvā mahājanaṃ;

    ชลิตฺวา อคฺคิกฺขโนฺธว, นิพฺพุโต โส สสาวโกฯ

    Jalitvā aggikkhandhova, nibbuto so sasāvako.

    สา จ อิทฺธิ โส จ ยโส, ตานิ จ ปาเทสุ จกฺกรตนานิ;

    Sā ca iddhi so ca yaso, tāni ca pādesu cakkaratanāni;

    สพฺพํ ตมนฺตรหิตํ, นนุ ริตฺตา สพฺพสงฺขาราติฯ

    Sabbaṃ tamantarahitaṃ, nanu rittā sabbasaṅkhārāti.

    ทีปงฺกรสฺส ภควโต อปรภาเค เอกํ อสเงฺขฺยยฺยํ อติกฺกมิตฺวา โกณฺฑโญฺญ นาม สตฺถา อุทปาทิฯ ตสฺสาปิ ตโย สาวกสนฺนิปาตา อเหสุํฯ ปฐมสนฺนิปาเต โกฎิสตสหสฺสํฯ ทุติเย โกฎิสหสฺสํ, ตติเย นวุติโกฎิโยฯ

    Dīpaṅkarassa bhagavato aparabhāge ekaṃ asaṅkhyeyyaṃ atikkamitvā koṇḍañño nāma satthā udapādi. Tassāpi tayo sāvakasannipātā ahesuṃ. Paṭhamasannipāte koṭisatasahassaṃ. Dutiye koṭisahassaṃ, tatiye navutikoṭiyo.

    ตทา โพธิสโตฺต วิชิตาวี นาม จกฺกวตฺตี หุตฺวา โกฎิสตสหสฺสสงฺขสฺส พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ อทาสิฯ สตฺถา โพธิสตฺตํ ‘‘พุโทฺธ ภวิสฺสตี’’ติ พฺยากริตฺวา ธมฺมํ เทเสสิฯ โส สตฺถุ ธมฺมกถํ สุตฺวา รชฺชํ นิยฺยาเตตฺวา ปพฺพชิฯ โส ตีณิ ปิฎกานิ อุคฺคเหตฺวา อฎฺฐ สมาปตฺติโย, ปญฺจ จ อภิญฺญาโย อุปฺปาเทตฺวา อปริหีนชฺฌาโน พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺติฯ โกณฺฑญฺญพุทฺธสฺส ปน รมฺมวตี นาม นครํ, สุนโนฺท นาม ขตฺติโย ปิตา, สุชาตา นาม มาตา, ภโทฺท จ สุภโทฺท จ เทฺว อคฺคสาวกา, อนุรุโทฺธ นาม อุปฎฺฐาโก, ติสฺสา จ อุปติสฺสา จ เทฺว อคฺคสาวิกา, สาลกลฺยาณี โพธิ, อฎฺฐาสีติหตฺถุเพฺพธํ สรีรํ, วสฺสสตสหสฺสํ อายุปฺปมาณํ อโหสิฯ

    Tadā bodhisatto vijitāvī nāma cakkavattī hutvā koṭisatasahassasaṅkhassa buddhappamukhassa bhikkhusaṅghassa mahādānaṃ adāsi. Satthā bodhisattaṃ ‘‘buddho bhavissatī’’ti byākaritvā dhammaṃ desesi. So satthu dhammakathaṃ sutvā rajjaṃ niyyātetvā pabbaji. So tīṇi piṭakāni uggahetvā aṭṭha samāpattiyo, pañca ca abhiññāyo uppādetvā aparihīnajjhāno brahmaloke nibbatti. Koṇḍaññabuddhassa pana rammavatī nāma nagaraṃ, sunando nāma khattiyo pitā, sujātā nāma mātā, bhaddo ca subhaddo ca dve aggasāvakā, anuruddho nāma upaṭṭhāko, tissā ca upatissā ca dve aggasāvikā, sālakalyāṇī bodhi, aṭṭhāsītihatthubbedhaṃ sarīraṃ, vassasatasahassaṃ āyuppamāṇaṃ ahosi.

    ตสฺส อปรภาเค เอกํ อสเงฺขฺยยฺยํ อติกฺกมิตฺวา เอกสฺมิํเยว กเปฺป จตฺตาโร พุทฺธา นิพฺพตฺติํสุ มงฺคโล สุมโน เรวโต โสภิโตติฯ มงฺคลสฺส ปน ภควโต ตีสุ สาวกสนฺนิปาเตสุ ปฐมสนฺนิปาเต โกฎิสตสหสฺสภิกฺขู อเหสุํฯ ทุติเย โกฎิสหสฺสํฯ ตติเย นวุติโกฎิโยฯ เวมาติกภาตา ปนสฺส อานนฺทกุมาโร นาม นวุติโกฎิสงฺขฺยาย ปริสาย สทฺธิํ ธมฺมสวนตฺถาย สตฺถุ สนฺติกํ อคมาสิ, สตฺถา ตสฺส อนุปุพฺพิกถํ กเถสิฯ โส สทฺธิํ ปริสาย สห ปฎิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิฯ สตฺถา เตสํ กุลปุตฺตานํ ปุพฺพจริยกํ โอโลเกโนฺต อิทฺธิมยปตฺตจีวรสฺส อุปนิสฺสยํ ทิสฺวา ทกฺขิณหตฺถํ ปสาเรตฺวา ‘‘เอถ ภิกฺขโว’’ติ อาหฯ สเพฺพ ตงฺขณเญฺญว อิทฺธิมยปตฺตจีวรธรา สฎฺฐิวสฺสิกเตฺถรา วิย อากปฺปสมฺปนฺนา หุตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ปริวารยิํสุ อยมสฺส ตติโย สาวกสนฺนิปาโต อโหสิฯ

    Tassa aparabhāge ekaṃ asaṅkhyeyyaṃ atikkamitvā ekasmiṃyeva kappe cattāro buddhā nibbattiṃsu maṅgalo sumano revato sobhitoti. Maṅgalassa pana bhagavato tīsu sāvakasannipātesu paṭhamasannipāte koṭisatasahassabhikkhū ahesuṃ. Dutiye koṭisahassaṃ. Tatiye navutikoṭiyo. Vemātikabhātā panassa ānandakumāro nāma navutikoṭisaṅkhyāya parisāya saddhiṃ dhammasavanatthāya satthu santikaṃ agamāsi, satthā tassa anupubbikathaṃ kathesi. So saddhiṃ parisāya saha paṭisambhidāhi arahattaṃ pāpuṇi. Satthā tesaṃ kulaputtānaṃ pubbacariyakaṃ olokento iddhimayapattacīvarassa upanissayaṃ disvā dakkhiṇahatthaṃ pasāretvā ‘‘etha bhikkhavo’’ti āha. Sabbe taṅkhaṇaññeva iddhimayapattacīvaradharā saṭṭhivassikattherā viya ākappasampannā hutvā satthāraṃ vanditvā parivārayiṃsu ayamassa tatiyo sāvakasannipāto ahosi.

    ยถา ปน อเญฺญสํ พุทฺธานํ สมนฺตา อสีติหตฺถปฺปมาณาเยว สรีรปฺปภา โหติ, น, เอวํ ตสฺสฯ ตสฺส ปน ภควโต สรีรปฺปภา นิจฺจกาลํ ทสสหสฺสิโลกธาตุํ ผริตฺวา อฎฺฐาสิฯ รุกฺขปถวีปพฺพตสมุทฺทาทโย อนฺตมโส อุกฺขลิยาทีนิ อุปาทาย สุวณฺณปฎ ปริโยนทฺธา วิย อเหสุํฯ อายุปฺปมาณํ ปนสฺส นวุติวสฺสสหสฺสานิ อโหสิฯ เอตฺตกํ กาลํ จนฺทิมสูริยาทโย อตฺตโน ปภาย วิโรจิตุํ นาสกฺขิํสุ, รตฺตินฺทิวปริเจฺฉโท น ปญฺญายิตฺถฯ ทิวา สูริยาโลเกน วิย สตฺตา นิจฺจํ พุทฺธาโลเกเนว วิจริํสุฯ สายํ ปุปฺผิตานํ กุสุมานํ, ปาโต รวนกสกุณานญฺจ วเสน โลโก รตฺตินฺทิวปริเจฺฉทํ สลฺลเกฺขสิ ฯ กิํ ปน อเญฺญสํ พุทฺธานํ อยมานุภาโว นตฺถีติ? โน นตฺถิ, เตปิ หิ อากงฺขมานา ทสสหสฺสิํ วา โลกธาตุํ, ตโต วา ภิโยฺย อาภาย ผเรยฺยุํฯ มงฺคลสฺส ปน ภควโต ปุพฺพปตฺถนาวเสน อเญฺญสํ พฺยามปฺปภา วิย สรีรปฺปภา นิจฺจเมว ทสสหสฺสิโลกธาตุํ ผริตฺวา อฎฺฐาสิฯ

    Yathā pana aññesaṃ buddhānaṃ samantā asītihatthappamāṇāyeva sarīrappabhā hoti, na, evaṃ tassa. Tassa pana bhagavato sarīrappabhā niccakālaṃ dasasahassilokadhātuṃ pharitvā aṭṭhāsi. Rukkhapathavīpabbatasamuddādayo antamaso ukkhaliyādīni upādāya suvaṇṇapaṭa pariyonaddhā viya ahesuṃ. Āyuppamāṇaṃ panassa navutivassasahassāni ahosi. Ettakaṃ kālaṃ candimasūriyādayo attano pabhāya virocituṃ nāsakkhiṃsu, rattindivaparicchedo na paññāyittha. Divā sūriyālokena viya sattā niccaṃ buddhālokeneva vicariṃsu. Sāyaṃ pupphitānaṃ kusumānaṃ, pāto ravanakasakuṇānañca vasena loko rattindivaparicchedaṃ sallakkhesi . Kiṃ pana aññesaṃ buddhānaṃ ayamānubhāvo natthīti? No natthi, tepi hi ākaṅkhamānā dasasahassiṃ vā lokadhātuṃ, tato vā bhiyyo ābhāya phareyyuṃ. Maṅgalassa pana bhagavato pubbapatthanāvasena aññesaṃ byāmappabhā viya sarīrappabhā niccameva dasasahassilokadhātuṃ pharitvā aṭṭhāsi.

    โส กิร โพธิสตฺตจริยกาเล เวสฺสนฺตรสทิเส อตฺตภาเว ฐิโต สปุตฺตทาโร วงฺกปพฺพตสทิเส ปพฺพเต วสิฯ อเถโก ขรทาฐิโก นาม ยโกฺข มหาปุริสสฺส ทานชฺฌาสยตํ สุตฺวา พฺราหฺมณวเณฺณน อุปสงฺกมิตฺวา มหาสตฺตํ เทฺว ทารเก ยาจิฯ มหาสโตฺต ‘‘ททามิ พฺราหฺมณสฺส ปุตฺตเก’’ติ หฎฺฐปหโฎฺฐ อุทกปริยนฺตํ ปถวิํ กเมฺปโนฺต เทฺวปิ ทารเก อทาสิฯ ยโกฺข จงฺกมนโกฎิยํ อาลมฺพนผลกํ นิสฺสาย ฐตฺวา ปสฺสนฺตเสฺสว มหาสตฺตสฺส มุฬาลกลาปํ วิย เทฺว ทารเก ขาทิฯ มหาปุริสสฺส ยกฺขํ โอโลเกตฺวา วิวฎมเตฺต อคฺคิชาลํ วิย โลหิตธารํ อุคฺคิรมานํ ตสฺส มุขํ ทิสฺวาปิ เกสคฺคมตฺตมฺปิ โทมนสฺสํ นุปฺปชฺชิ, ‘‘สุทินฺนํ วต เม ทาน’’นฺติ จินฺตยโต ปนสฺส สรีเร มหนฺตํ ปีติโสมนสฺสํ อุทปาทิฯ โส ‘‘อิมสฺส เม นิสฺสเนฺทน อนาคเต อิมินาว นีหาเรน สรีรโต รสฺมิโย นิกฺขมนฺตู’’ติ ปตฺถนํ อกาสิฯ ตสฺส ตํ ปตฺถนํ นิสฺสาย พุทฺธภูตสฺส สรีรโต รสฺมิโย นิกฺขมิตฺวา เอตฺตกํ ฐานํ ผริํสุฯ

    So kira bodhisattacariyakāle vessantarasadise attabhāve ṭhito saputtadāro vaṅkapabbatasadise pabbate vasi. Atheko kharadāṭhiko nāma yakkho mahāpurisassa dānajjhāsayataṃ sutvā brāhmaṇavaṇṇena upasaṅkamitvā mahāsattaṃ dve dārake yāci. Mahāsatto ‘‘dadāmi brāhmaṇassa puttake’’ti haṭṭhapahaṭṭho udakapariyantaṃ pathaviṃ kampento dvepi dārake adāsi. Yakkho caṅkamanakoṭiyaṃ ālambanaphalakaṃ nissāya ṭhatvā passantasseva mahāsattassa muḷālakalāpaṃ viya dve dārake khādi. Mahāpurisassa yakkhaṃ oloketvā vivaṭamatte aggijālaṃ viya lohitadhāraṃ uggiramānaṃ tassa mukhaṃ disvāpi kesaggamattampi domanassaṃ nuppajji, ‘‘sudinnaṃ vata me dāna’’nti cintayato panassa sarīre mahantaṃ pītisomanassaṃ udapādi. So ‘‘imassa me nissandena anāgate imināva nīhārena sarīrato rasmiyo nikkhamantū’’ti patthanaṃ akāsi. Tassa taṃ patthanaṃ nissāya buddhabhūtassa sarīrato rasmiyo nikkhamitvā ettakaṃ ṭhānaṃ phariṃsu.

    อปรมฺปิสฺส ปุพฺพจริตํ อตฺถิฯ โส กิร โพธิสตฺตกาเล เอกสฺส พุทฺธสฺส เจติยํ ทิสฺวา ‘‘อิมสฺส พุทฺธสฺส มยา ชีวิตํ ปริจฺจชิตุํ วฎฺฎตี’’ติ ทณฺฑกทีปิกาเวฐนนิยาเมน สกลสรีรํ เวฐาเปตฺวา รตนมตฺตมกุลํ สตสหสฺสคฺฆนิกํ สุวณฺณปาติํ สปฺปิสฺส ปูราเปตฺวา ตตฺถ สหสฺสวฎฺฎิโย ชาลาเปตฺวา ตํ สีเสนาทาย สกลสรีรํ ชาลาเปตฺวา เจติยํ ปทกฺขิณํ กโรโนฺต สกลรตฺติํ วีตินาเมสิฯ เอวํ ยาว อรุณุคฺคมนา วายมนฺตสฺสาปิสฺส โลมกูปมตฺตมฺปิ อุสุมํ น คณฺหิ, ปทุมคพฺภํ ปวิฎฺฐกาโล วิย อโหสิฯ ธโมฺม หิ นาเมส อตฺตานํ รกฺขนฺตํ รกฺขติฯ เตนาห ภควา –

    Aparampissa pubbacaritaṃ atthi. So kira bodhisattakāle ekassa buddhassa cetiyaṃ disvā ‘‘imassa buddhassa mayā jīvitaṃ pariccajituṃ vaṭṭatī’’ti daṇḍakadīpikāveṭhananiyāmena sakalasarīraṃ veṭhāpetvā ratanamattamakulaṃ satasahassagghanikaṃ suvaṇṇapātiṃ sappissa pūrāpetvā tattha sahassavaṭṭiyo jālāpetvā taṃ sīsenādāya sakalasarīraṃ jālāpetvā cetiyaṃ padakkhiṇaṃ karonto sakalarattiṃ vītināmesi. Evaṃ yāva aruṇuggamanā vāyamantassāpissa lomakūpamattampi usumaṃ na gaṇhi, padumagabbhaṃ paviṭṭhakālo viya ahosi. Dhammo hi nāmesa attānaṃ rakkhantaṃ rakkhati. Tenāha bhagavā –

    ‘‘ธโมฺม หเว รกฺขติ ธมฺมจาริํ,

    ‘‘Dhammo have rakkhati dhammacāriṃ,

    ธโมฺม สุจิโณฺณ สุขมาวหาติ;

    Dhammo suciṇṇo sukhamāvahāti;

    เอสานิสํโส ธเมฺม สุจิเณฺณ,

    Esānisaṃso dhamme suciṇṇe,

    น ทุคฺคติํ คจฺฉติ ธมฺมจารี’’ติฯ (เถรคา. ๓๐๓; ชา. ๑.๑๐.๑๐๒; ๑.๑๕.๓๘๕);

    Na duggatiṃ gacchati dhammacārī’’ti. (theragā. 303; jā. 1.10.102; 1.15.385);

    อิมสฺสาปิ กมฺมสฺส นิสฺสเนฺทน ตสฺส ภควโต สรีโรภาโส ทสสหสฺสิโลกธาตุํ ผริตฺวา อฎฺฐาสิฯ

    Imassāpi kammassa nissandena tassa bhagavato sarīrobhāso dasasahassilokadhātuṃ pharitvā aṭṭhāsi.

    ตทา อมฺหากํ โพธิสโตฺต สุรุจิ นาม พฺราหฺมโณ หุตฺวา ‘‘สตฺถารํ นิมเนฺตสฺสามี’’ติ อุปสงฺกมิตฺวา มธุรธมฺมกถํ สุตฺวา ‘‘เสฺว มยฺหํ ภิกฺขํ คณฺหถ ภเนฺต’’ติ อาหฯ พฺราหฺมณ กิตฺตเกหิ เต ภิกฺขูหิ อโตฺถติ, กิตฺตกา ปน โว ภเนฺต ปริวารา ภิกฺขูติฯ ตทา สตฺถุ ปฐมสนฺนิปาโตเยว โหติฯ ตสฺมา ‘‘โกฎิสตสหสฺส’’นฺติ อาหฯ ‘‘ภเนฺต, สเพฺพหิปิ สทฺธิํ มยฺหํ ภิกฺขํ คณฺหถา’’ติ อาหฯ สตฺถา อธิวาเสสิฯ พฺราหฺมโณ สฺวาตนาย นิมเนฺตตฺวา เคหํ คจฺฉโนฺต จิเนฺตสิ ‘‘อหํ เอตฺตกานํ ภิกฺขูนํ ยาคุภตฺตวตฺถาทีนิ ทาตุํ โน น สโกฺกมิ, นิสีทนฎฺฐานํ ปน กถํ ภวิสฺสตี’’ติฯ ตสฺส สา จินฺตา จตุราสีติโยชนสหสฺสมตฺถเก ฐิตสฺส เทวรโญฺญ ปณฺฑุกมฺพลสิลาสนสฺส อุณฺหภาวํ ชเนสิฯ สโกฺก ‘‘โก นุ โข มํ อิมสฺมา ฐานา จาเวตุกาโม’’ติ ทิพฺพจกฺขุนา โอโลเกโนฺต มหาปุริสํ ทิสฺวา ‘‘อยํ สุรุจิ พฺราหฺมโณ พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ นิมเนฺตตฺวา นิสีทนฎฺฐานตฺถาย จิเนฺตสิ, มยาปิ ตตฺถ คนฺตฺวา ปุญฺญโกฎฺฐาสํ คเหตุํ วฎฺฎตี’’ติ วฑฺฒกิวณฺณํ นิมฺมินิตฺวา วาสิผรสุหโตฺถ มหาปุริสสฺส ปุรโต ปาตุรโหสิฯ ‘‘อตฺถิ นุ โข กสฺสจิ ภติยา กตฺตพฺพกิจฺจ’’นฺติ อาหฯ มหาปุริโส ตํ ทิสฺวา ‘‘กิํ กมฺมํ กริสฺสสี’’ติ อาหฯ มม อชานนสิปฺปํ นาม นตฺถิ, เคหํ วา มณฺฑปํ วา โย ยํ กาเรติ, ตสฺส ตํ กาตุํ ชานามีติฯ เตน หิ มยฺหํ กมฺมํ อตฺถีติฯ กิํ, อยฺยาติ? สฺวาตนาย เม โกฎิสตสหสฺสภิกฺขู นิมนฺติตา, เตสํ นิสีทนมณฺฑปํ กริสฺสสีติฯ อหํ นาม กเรยฺยํ, สเจ เม ภติํ ทาตุํ สกฺขิสฺสถาติฯ สกฺขิสฺสามิ, ตาตาติฯ ‘‘สาธุ กริสฺสามี’’ติ คนฺตฺวา เอกํ ปเทสํ โอโลเกสิฯ

    Tadā amhākaṃ bodhisatto suruci nāma brāhmaṇo hutvā ‘‘satthāraṃ nimantessāmī’’ti upasaṅkamitvā madhuradhammakathaṃ sutvā ‘‘sve mayhaṃ bhikkhaṃ gaṇhatha bhante’’ti āha. Brāhmaṇa kittakehi te bhikkhūhi atthoti, kittakā pana vo bhante parivārā bhikkhūti. Tadā satthu paṭhamasannipātoyeva hoti. Tasmā ‘‘koṭisatasahassa’’nti āha. ‘‘Bhante, sabbehipi saddhiṃ mayhaṃ bhikkhaṃ gaṇhathā’’ti āha. Satthā adhivāsesi. Brāhmaṇo svātanāya nimantetvā gehaṃ gacchanto cintesi ‘‘ahaṃ ettakānaṃ bhikkhūnaṃ yāgubhattavatthādīni dātuṃ no na sakkomi, nisīdanaṭṭhānaṃ pana kathaṃ bhavissatī’’ti. Tassa sā cintā caturāsītiyojanasahassamatthake ṭhitassa devarañño paṇḍukambalasilāsanassa uṇhabhāvaṃ janesi. Sakko ‘‘ko nu kho maṃ imasmā ṭhānā cāvetukāmo’’ti dibbacakkhunā olokento mahāpurisaṃ disvā ‘‘ayaṃ suruci brāhmaṇo buddhappamukhaṃ bhikkhusaṅghaṃ nimantetvā nisīdanaṭṭhānatthāya cintesi, mayāpi tattha gantvā puññakoṭṭhāsaṃ gahetuṃ vaṭṭatī’’ti vaḍḍhakivaṇṇaṃ nimminitvā vāsipharasuhattho mahāpurisassa purato pāturahosi. ‘‘Atthi nu kho kassaci bhatiyā kattabbakicca’’nti āha. Mahāpuriso taṃ disvā ‘‘kiṃ kammaṃ karissasī’’ti āha. Mama ajānanasippaṃ nāma natthi, gehaṃ vā maṇḍapaṃ vā yo yaṃ kāreti, tassa taṃ kātuṃ jānāmīti. Tena hi mayhaṃ kammaṃ atthīti. Kiṃ, ayyāti? Svātanāya me koṭisatasahassabhikkhū nimantitā, tesaṃ nisīdanamaṇḍapaṃ karissasīti. Ahaṃ nāma kareyyaṃ, sace me bhatiṃ dātuṃ sakkhissathāti. Sakkhissāmi, tātāti. ‘‘Sādhu karissāmī’’ti gantvā ekaṃ padesaṃ olokesi.

    ทฺวาทสเตรสโยชนปฺปมาโณ ปเทโส กสิณมณฺฑลํ วิย สมตโล อโหสิฯ โส ‘‘เอตฺตเก ฐาเน สตฺตรตนมโย มณฺฑโป อุฎฺฐหตู’’ติ จิเนฺตตฺวา โอโลเกสิฯ ตาวเทว ปถวิํ ภินฺทิตฺวา มณฺฑโป อุฎฺฐหิฯ ตสฺส สุวณฺณมเยสุ ถเมฺภสุ รชตมยา ฆฎกา อเหสุํ, รชตมเยสุ ถเมฺภสุ สุวณฺณมยา, มณิตฺถเมฺภสุ ปวาฬมยา, ปวาฬตฺถเมฺภสุ มณิมยา, สตฺตรตนมเยสุ ถเมฺภสุ สตฺตรตนมยาว ฆฎกา อเหสุํฯ ตโต ‘‘มณฺฑปสฺส อนฺตรเนฺตน กิงฺกิณิกชาลํ โอลมฺพตู’’ติ โอโลเกสิฯ สห โอโลกเนเนว กิงฺกิณิกชาลํ โอลมฺพิ, ยสฺส มนฺทวาเตริตสฺส ปญฺจงฺคิกเสฺสว ตูริยสฺส มธุรสโทฺท นิคฺคจฺฉติฯ ทิพฺพสงฺคีติวตฺตนกาโล วิย อโหสิฯ ‘‘อนฺตรนฺตรา คนฺธทามมาลาทามานิ โอลมฺพนฺตู’’ติ จิเนฺตสิฯ ตาวเทว ทามานิ โอลมฺพิํสุฯ ‘‘โกฎิสตสหสฺสสงฺขฺยานํ ภิกฺขูนํ อาสนานิ จ อาธารกานิ จ ปถวิํ ภินฺทิตฺวา อุฎฺฐหนฺตู’’ติ จิเนฺตสิฯ ตาวเทว อุฎฺฐหิํสุฯ ‘‘โกเณ โกเณ เอเกกา อุทกจาฎิโย อุฎฺฐหนฺตู’’ติ จิเนฺตสิ, ตาวเทว อุทกจาฎิโย อุฎฺฐหิํสุ เอตฺตกํ มาเปตฺวา พฺราหฺมณสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘เอหิ อยฺย ตว มณฺฑปํ โอโลเกตฺวา มยฺหํ ภติํ เทหี’’ติ อาหฯ มหาปุริโส คนฺตฺวา มณฺฑปํ โอโลเกสิ ฯ โอโลเกนฺตเสฺสวสฺส สกลสรีรํ ปญฺจวณฺณาย ปีติยา นิรนฺตรํ ผุฎํ อโหสิฯ อถสฺส มณฺฑปํ โอโลเกตฺวา เอตทโหสิ ‘‘นายํ มณฺฑโป มนุสฺสภูเตน กโต, มยฺหํ ปน อชฺฌาสยํ มยฺหํ คุณํ อาคมฺม อทฺธา สกฺกสฺส ภวนํ อุณฺหํ อโหสิฯ ตโต สเกฺกน เทวรญฺญา อยํ มณฺฑโป การิโต ภวิสฺสตี’’ติฯ ‘‘น โข ปน เม ยุตฺตํ เอวรูเป มณฺฑเป เอกทิวสํเยว ทานํ ทาตุํ, สตฺตาหํ ทสฺสามี’’ติ จิเนฺตสิฯ

    Dvādasaterasayojanappamāṇo padeso kasiṇamaṇḍalaṃ viya samatalo ahosi. So ‘‘ettake ṭhāne sattaratanamayo maṇḍapo uṭṭhahatū’’ti cintetvā olokesi. Tāvadeva pathaviṃ bhinditvā maṇḍapo uṭṭhahi. Tassa suvaṇṇamayesu thambhesu rajatamayā ghaṭakā ahesuṃ, rajatamayesu thambhesu suvaṇṇamayā, maṇitthambhesu pavāḷamayā, pavāḷatthambhesu maṇimayā, sattaratanamayesu thambhesu sattaratanamayāva ghaṭakā ahesuṃ. Tato ‘‘maṇḍapassa antarantena kiṅkiṇikajālaṃ olambatū’’ti olokesi. Saha olokaneneva kiṅkiṇikajālaṃ olambi, yassa mandavāteritassa pañcaṅgikasseva tūriyassa madhurasaddo niggacchati. Dibbasaṅgītivattanakālo viya ahosi. ‘‘Antarantarā gandhadāmamālādāmāni olambantū’’ti cintesi. Tāvadeva dāmāni olambiṃsu. ‘‘Koṭisatasahassasaṅkhyānaṃ bhikkhūnaṃ āsanāni ca ādhārakāni ca pathaviṃ bhinditvā uṭṭhahantū’’ti cintesi. Tāvadeva uṭṭhahiṃsu. ‘‘Koṇe koṇe ekekā udakacāṭiyo uṭṭhahantū’’ti cintesi, tāvadeva udakacāṭiyo uṭṭhahiṃsu ettakaṃ māpetvā brāhmaṇassa santikaṃ gantvā ‘‘ehi ayya tava maṇḍapaṃ oloketvā mayhaṃ bhatiṃ dehī’’ti āha. Mahāpuriso gantvā maṇḍapaṃ olokesi . Olokentassevassa sakalasarīraṃ pañcavaṇṇāya pītiyā nirantaraṃ phuṭaṃ ahosi. Athassa maṇḍapaṃ oloketvā etadahosi ‘‘nāyaṃ maṇḍapo manussabhūtena kato, mayhaṃ pana ajjhāsayaṃ mayhaṃ guṇaṃ āgamma addhā sakkassa bhavanaṃ uṇhaṃ ahosi. Tato sakkena devaraññā ayaṃ maṇḍapo kārito bhavissatī’’ti. ‘‘Na kho pana me yuttaṃ evarūpe maṇḍape ekadivasaṃyeva dānaṃ dātuṃ, sattāhaṃ dassāmī’’ti cintesi.

    พาหิรกทานญฺหิ ตตฺตกมฺปิ สมานํ โพธิสตฺตานํ ตุฎฺฐิํ กาตุํ น สโกฺกติฯ อลงฺกตสีสํ ปน ฉินฺทิตฺวา อญฺชิตอกฺขีนิ อุปฺปาเฎตฺวา, หทยมํสํ วา อุปฺปาเฎตฺวา ทินฺนกาเล โพธิสตฺตานํ จาคํ นิสฺสาย ตุฎฺฐิ นาม โหติฯ อมฺหากมฺปิ หิ โพธิสตฺตสฺส สิวิชาตเก เทวสิกํ ปญฺจสตสหสฺสกหาปณานิ วิสฺสเชฺชตฺวา จตูสุ นครทฺวาเรสุ, มเชฺฌ นคเร จ ทานํ ททนฺตสฺส ตํ ทานํ ตุฎฺฐิํ อุปฺปาเทตุํ นาสกฺขิฯ ยทา ปนสฺส พฺราหฺมณวเณฺณน อาคนฺตฺวา สโกฺก เทวราชา อกฺขีนิ ยาจิ, ตทา ตานิ อุปฺปาเฎตฺวา ททมานเสฺสว หาโส อุปฺปชฺชิ, เกสคฺคมตฺตมฺปิ จิตฺตสฺส อญฺญถตฺตํ นาโหสิฯ เอวํ ทานํ นิสฺสาย โพธิสตฺตานํ ติตฺติ นาม นตฺถิฯ ตสฺมา โสปิ มหาปุริโส ‘‘สตฺตาหํ มยา โกฎิสตสหสฺสสงฺขฺยานํ ภิกฺขูนํ ทานํ ทาตุํ วฎฺฎตี’’ติ จิเนฺตตฺวา ตสฺมิํ มณฺฑเป พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ นิสีทาเปตฺวา สตฺตาหํ ควปานํ นาม อทาสิฯ ควปานนฺติ มหเนฺต มหเนฺต โกลเมฺพ ขีรสฺส ปูเรตฺวา อุทฺธเนสุ อาโรเปตฺวา ฆนปากปเกฺก ขีเร โถเก ตณฺฑุเล ปกฺขิปิตฺวา ปกฺกมธุสกฺกรจุณฺณสปฺปีหิ อภิสงฺขตํ โภชนํ วุจฺจติฯ มนุสฺสาเยว ปน ปริวิสิตุํ นาสกฺขิํสุ, เทวาปิ เอกนฺตริกา หุตฺวา ปริวิสิํสุฯ ทฺวาทสเตรสโยชนปฺปมาณํ ฐานมฺปิ ภิกฺขู คณฺหิตุํ นปฺปโหติเยวฯ เต ปน ภิกฺขู อตฺตโน อานุภาเวน นิสีทิํสุฯ ปริโยสานทิวเส สพฺพภิกฺขูนํ ปตฺตานิ โธวาเปตฺวา เภสชฺชตฺถาย สปฺปินวนีตเตลมธุผาณิตานํ ปูเรตฺวา ติจีวเรหิ สทฺธิํ อทาสิฯ สงฺฆนวกภิกฺขุนา ลทฺธติจีวรสาฎกา สตสหสฺสคฺฆนิกา อเหสุํฯ สตฺถา อนุโมทนํ กโรโนฺต ‘‘อยํ ปุริโส เอวรูปํ มหาทานํ อทาสิ, โก นุ โข ภวิสฺสตี’’ติ อุปธาเรโนฺต ‘‘อนาคเต กปฺปสตสหสฺสาธิกานํ ทฺวินฺนํ อสเงฺขฺยยฺยานํ มตฺถเก โคตโม นาม พุโทฺธ ภวิสฺสตี’’ติ ทิสฺวา มหาปุริสํ อามเนฺตตฺวา ‘‘ตฺวํ เอตฺตกํ นาม กาลํ อติกฺกมิตฺวา โคตโม นาม พุโทฺธ ภวิสฺสสี’’ติ พฺยากาสิฯ

    Bāhirakadānañhi tattakampi samānaṃ bodhisattānaṃ tuṭṭhiṃ kātuṃ na sakkoti. Alaṅkatasīsaṃ pana chinditvā añjitaakkhīni uppāṭetvā, hadayamaṃsaṃ vā uppāṭetvā dinnakāle bodhisattānaṃ cāgaṃ nissāya tuṭṭhi nāma hoti. Amhākampi hi bodhisattassa sivijātake devasikaṃ pañcasatasahassakahāpaṇāni vissajjetvā catūsu nagaradvāresu, majjhe nagare ca dānaṃ dadantassa taṃ dānaṃ tuṭṭhiṃ uppādetuṃ nāsakkhi. Yadā panassa brāhmaṇavaṇṇena āgantvā sakko devarājā akkhīni yāci, tadā tāni uppāṭetvā dadamānasseva hāso uppajji, kesaggamattampi cittassa aññathattaṃ nāhosi. Evaṃ dānaṃ nissāya bodhisattānaṃ titti nāma natthi. Tasmā sopi mahāpuriso ‘‘sattāhaṃ mayā koṭisatasahassasaṅkhyānaṃ bhikkhūnaṃ dānaṃ dātuṃ vaṭṭatī’’ti cintetvā tasmiṃ maṇḍape buddhappamukhaṃ bhikkhusaṅghaṃ nisīdāpetvā sattāhaṃ gavapānaṃ nāma adāsi. Gavapānanti mahante mahante kolambe khīrassa pūretvā uddhanesu āropetvā ghanapākapakke khīre thoke taṇḍule pakkhipitvā pakkamadhusakkaracuṇṇasappīhi abhisaṅkhataṃ bhojanaṃ vuccati. Manussāyeva pana parivisituṃ nāsakkhiṃsu, devāpi ekantarikā hutvā parivisiṃsu. Dvādasaterasayojanappamāṇaṃ ṭhānampi bhikkhū gaṇhituṃ nappahotiyeva. Te pana bhikkhū attano ānubhāvena nisīdiṃsu. Pariyosānadivase sabbabhikkhūnaṃ pattāni dhovāpetvā bhesajjatthāya sappinavanītatelamadhuphāṇitānaṃ pūretvā ticīvarehi saddhiṃ adāsi. Saṅghanavakabhikkhunā laddhaticīvarasāṭakā satasahassagghanikā ahesuṃ. Satthā anumodanaṃ karonto ‘‘ayaṃ puriso evarūpaṃ mahādānaṃ adāsi, ko nu kho bhavissatī’’ti upadhārento ‘‘anāgate kappasatasahassādhikānaṃ dvinnaṃ asaṅkhyeyyānaṃ matthake gotamo nāma buddho bhavissatī’’ti disvā mahāpurisaṃ āmantetvā ‘‘tvaṃ ettakaṃ nāma kālaṃ atikkamitvā gotamo nāma buddho bhavissasī’’ti byākāsi.

    มหาปุริโส พฺยากรณํ สุตฺวา ‘‘อหํ กิร พุโทฺธ ภวิสฺสามิ, โก เม ฆราวาเสน อโตฺถ , ปพฺพชิสฺสามี’’ติ จิเนฺตตฺวา ตถารูปํ สมฺปตฺติํ เขฬปิณฺฑํ วิย ปหาย สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิฯ ปพฺพชิตฺวา จ พุทฺธวจนํ อุคฺคณฺหิตฺวา อภิญฺญา, สมาปตฺติโย จ นิพฺพเตฺตตฺวา อายุปริโยสเน พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺติฯ

    Mahāpuriso byākaraṇaṃ sutvā ‘‘ahaṃ kira buddho bhavissāmi, ko me gharāvāsena attho , pabbajissāmī’’ti cintetvā tathārūpaṃ sampattiṃ kheḷapiṇḍaṃ viya pahāya satthu santike pabbaji. Pabbajitvā ca buddhavacanaṃ uggaṇhitvā abhiññā, samāpattiyo ca nibbattetvā āyupariyosane brahmaloke nibbatti.

    มงฺคลสฺส ปน ภควโต อุตฺตรํ นาม นครํ อโหสิฯ ปิตาปิ อุตฺตโร นาม ขตฺติโย, มาตาปิ อุตฺตรา นาม, สุเทโว จ ธมฺมเสโน จ เทฺว อคฺคสาวกา, ปาลิโต นาม อุปฎฺฐาโก, สีวลี จ อโสกา จ เทฺว อคฺคสาวิกา, นาครุโกฺข โพธิ, อฎฺฐาสีติหตฺถุเพฺพธํ สรีรํ อโหสิฯ นวุติวสฺสสหสฺสานิ ฐตฺวา ปรินิพฺพุเต ปน ตสฺมิํ เอกปฺปหาเรเนว ทสจกฺกวาฬสหสฺสานิ เอกนฺธการานิ อเหสุํฯ สพฺพจกฺกวาเฬสุ มนุสฺสานํ มหนฺตํ อาโรทนปริเทวนํ อโหสิฯ

    Maṅgalassa pana bhagavato uttaraṃ nāma nagaraṃ ahosi. Pitāpi uttaro nāma khattiyo, mātāpi uttarā nāma, sudevo ca dhammaseno ca dve aggasāvakā, pālito nāma upaṭṭhāko, sīvalī ca asokā ca dve aggasāvikā, nāgarukkho bodhi, aṭṭhāsītihatthubbedhaṃ sarīraṃ ahosi. Navutivassasahassāni ṭhatvā parinibbute pana tasmiṃ ekappahāreneva dasacakkavāḷasahassāni ekandhakārāni ahesuṃ. Sabbacakkavāḷesu manussānaṃ mahantaṃ ārodanaparidevanaṃ ahosi.

    เอวํ ทสสหสฺสิโลกธาตุํ อนฺธการํ กตฺวา ปรินิพฺพุตสฺส ตสฺส ภควโต อปรภาเค สุมโน นาม สตฺถา อุทปาทิฯ ตสฺสาปิ ตโย สาวกสนฺนิปาตาฯ ปฐมสนฺนิปาเต โกฎิสตสหสฺสภิกฺขู อเหสุํฯ ทุติเย กญฺจนปพฺพตมฺหิ นวุติโกฎิสหสฺสานิ, ตติเย อสีติโกฎิสหสฺสานิฯ ตทา มหาสโตฺต อตุโล นาม นาคราชา อโหสิ มหิทฺธิโก มหานุภาโว, โส ‘‘พุโทฺธ อุปฺปโนฺน’’ติ สุตฺวา ญาติสงฺฆปริวุโต นาคภวนา นิกฺขมิตฺวา โกฎิสตสหสฺสภิกฺขุปริวารสฺส ตสฺส ภควโต ทิพฺพตูริเยหิ อุปหารํ การาเปตฺวา มหาทานํ ปวเตฺตตฺวา ปเจฺจกํ ทุสฺสยุคานิ ทตฺวา สรเณสุ ปติฎฺฐาสิฯ โสปิ นํ สตฺถา ‘‘อนาคเต พุโทฺธ ภวิสฺสสี’’ติ พฺยากาสิฯ

    Evaṃ dasasahassilokadhātuṃ andhakāraṃ katvā parinibbutassa tassa bhagavato aparabhāge sumano nāma satthā udapādi. Tassāpi tayo sāvakasannipātā. Paṭhamasannipāte koṭisatasahassabhikkhū ahesuṃ. Dutiye kañcanapabbatamhi navutikoṭisahassāni, tatiye asītikoṭisahassāni. Tadā mahāsatto atulo nāma nāgarājā ahosi mahiddhiko mahānubhāvo, so ‘‘buddho uppanno’’ti sutvā ñātisaṅghaparivuto nāgabhavanā nikkhamitvā koṭisatasahassabhikkhuparivārassa tassa bhagavato dibbatūriyehi upahāraṃ kārāpetvā mahādānaṃ pavattetvā paccekaṃ dussayugāni datvā saraṇesu patiṭṭhāsi. Sopi naṃ satthā ‘‘anāgate buddho bhavissasī’’ti byākāsi.

    ตสฺส ภควโต นครํ เมขลํ นาม อโหสิ, สุทโตฺต นาม ราชา ปิตา, สิริมา นาม มาตา, สรโณ จ ภาวิตโตฺต จ เทฺว อคฺคสาวกา, อุเทโน นาม อุปฎฺฐาโก, โสณา จ อุปโสณา จ เทฺว อคฺคสาวิกา, นาครุโกฺขว โพธิ, นวุติหตฺถุเพฺพธํ สรีรํ, นวุติเยว วสฺสสหสฺสานิ อายุปฺปมาณํ อโหสีติฯ

    Tassa bhagavato nagaraṃ mekhalaṃ nāma ahosi, sudatto nāma rājā pitā, sirimā nāma mātā, saraṇo ca bhāvitatto ca dve aggasāvakā, udeno nāma upaṭṭhāko, soṇā ca upasoṇā ca dve aggasāvikā, nāgarukkhova bodhi, navutihatthubbedhaṃ sarīraṃ, navutiyeva vassasahassāni āyuppamāṇaṃ ahosīti.

    ตสฺส อปรภาเค เรวโต นาม สตฺถา อุทปาทิฯ ตสฺสาปิ ตโย สาวกสนฺนิปาตา อเหสุํ, ปฐมสนฺนิปาเต คณนา นาม นตฺถิ, ทุติเย โกฎิสตสหสฺสภิกฺขู อเหสุํ, ตถา ตติเยฯ ตทา โพธิสโตฺต อติเทโว นาม พฺราหฺมโณ หุตฺวา สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา สรเณสุ ปติฎฺฐาย สิรสฺมิํ อญฺชลิํ ฐเปตฺวา ตสฺส สตฺถุโน กิเลสปฺปหาเน วณฺณํ วตฺวา อุตฺตราสเงฺคน ปูชมกาสิฯ โสปิ นํ ‘‘พุโทฺธ ภวิสฺสสี’’ติ พฺยากาสิฯ

    Tassa aparabhāge revato nāma satthā udapādi. Tassāpi tayo sāvakasannipātā ahesuṃ, paṭhamasannipāte gaṇanā nāma natthi, dutiye koṭisatasahassabhikkhū ahesuṃ, tathā tatiye. Tadā bodhisatto atidevo nāma brāhmaṇo hutvā satthu dhammadesanaṃ sutvā saraṇesu patiṭṭhāya sirasmiṃ añjaliṃ ṭhapetvā tassa satthuno kilesappahāne vaṇṇaṃ vatvā uttarāsaṅgena pūjamakāsi. Sopi naṃ ‘‘buddho bhavissasī’’ti byākāsi.

    ตสฺส ปน ภควโต นครํ สุธญฺญวตี นาม อโหสิ, ปิตา วิปุโล นาม ขตฺติโย, มาตาปิ วิปุลา นาม, วรุโณ จ พฺรหฺมเทโว จ เทฺว อคฺคสาวกา, สมฺภโว นาม อุปฎฺฐาโก, ภทฺทา จ สุภทฺทา จ เทฺว อคฺคสาวิกา, นาครุโกฺขว โพธิ, สรีรํ อสีติหตฺถุเพฺพธํ อโหสิ, อายุ สฎฺฐิวสฺสสหสฺสานีติฯ

    Tassa pana bhagavato nagaraṃ sudhaññavatī nāma ahosi, pitā vipulo nāma khattiyo, mātāpi vipulā nāma, varuṇo ca brahmadevo ca dve aggasāvakā, sambhavo nāma upaṭṭhāko, bhaddā ca subhaddā ca dve aggasāvikā, nāgarukkhova bodhi, sarīraṃ asītihatthubbedhaṃ ahosi, āyu saṭṭhivassasahassānīti.

    ตสฺส อปรภาเค โสภิโต นาม สตฺถา อุทปาทิฯ ตสฺสาปิ ตโย สาวกสนฺนิปาตา, ปฐมสนฺนิปาเต โกฎิสตภิกฺขู อเหสุํ, ทุติเย นวุติโกฎิโย, ตติเย อสีติโกฎิโยฯ ตทา โพธิสโตฺต อชิโต นาม พฺราหฺมโณ หุตฺวา สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา สรเณสุ ปติฎฺฐาย พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ อทาสิฯ โสปิ นํ ‘‘พุโทฺธ ภวิสฺสสี’’ติ พฺยากาสิฯ

    Tassa aparabhāge sobhito nāma satthā udapādi. Tassāpi tayo sāvakasannipātā, paṭhamasannipāte koṭisatabhikkhū ahesuṃ, dutiye navutikoṭiyo, tatiye asītikoṭiyo. Tadā bodhisatto ajito nāma brāhmaṇo hutvā satthu dhammadesanaṃ sutvā saraṇesu patiṭṭhāya buddhappamukhassa bhikkhusaṅghassa mahādānaṃ adāsi. Sopi naṃ ‘‘buddho bhavissasī’’ti byākāsi.

    ตสฺส ปน ภควโต นครํ สุธมฺมํ นาม อโหสิ, ปิตา สุธโมฺม นาม ราชา, มาตาปิ สุธมฺมา นาม, อสโม จ สุเนโตฺต จ เทฺว อคฺคสาวกา, อโนโม นาม อุปฎฺฐาโก, นกุลา จ สุชาตา จ เทฺว อคฺคสาวิกา, นาครุโกฺขว โพธิ, อฎฺฐปณฺณาสหตฺถุเพฺพธํ สรีรํ อโหสิ, นวุติ วสฺสสหสฺสานิ อายุปฺปมาณนฺติฯ

    Tassa pana bhagavato nagaraṃ sudhammaṃ nāma ahosi, pitā sudhammo nāma rājā, mātāpi sudhammā nāma, asamo ca sunetto ca dve aggasāvakā, anomo nāma upaṭṭhāko, nakulā ca sujātā ca dve aggasāvikā, nāgarukkhova bodhi, aṭṭhapaṇṇāsahatthubbedhaṃ sarīraṃ ahosi, navuti vassasahassāni āyuppamāṇanti.

    ตสฺส อปรภาเค เอกํ อสเงฺขฺยยฺยํ อติกฺกมิตฺวา เอกสฺมิํเยว กเปฺป ตโย พุทฺธา นิพฺพตฺติํสุ อโนมทสฺสี, ปทุโม, นารโทติฯ อโนมทสฺสิสฺส ภควโต ตโย สาวกสนฺนิปาตา, ปฐเม อฎฺฐ ภิกฺขุสตสหสฺสานิ อเหสุํ, ทุติเย สตฺต, ตติเย ฉ ตทา โพธิสโตฺต เอโก ยกฺขเสนาปติ อโหสิ มหิทฺธิโก มหานุภาโว อเนกโกฎิสตสหสฺสานํ ยกฺขานํ อธิปติฯ โส ‘‘พุโทฺธ อุปฺปโนฺน’’ติ สุตฺวา อาคนฺตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ อทาสิฯ สตฺถาปิ นํ ‘‘อนาคเต พุโทฺธ ภวิสฺสสี’’ติ พฺยากาสิฯ

    Tassa aparabhāge ekaṃ asaṅkhyeyyaṃ atikkamitvā ekasmiṃyeva kappe tayo buddhā nibbattiṃsu anomadassī, padumo, nāradoti. Anomadassissa bhagavato tayo sāvakasannipātā, paṭhame aṭṭha bhikkhusatasahassāni ahesuṃ, dutiye satta, tatiye cha tadā bodhisatto eko yakkhasenāpati ahosi mahiddhiko mahānubhāvo anekakoṭisatasahassānaṃ yakkhānaṃ adhipati. So ‘‘buddho uppanno’’ti sutvā āgantvā buddhappamukhassa bhikkhusaṅghassa mahādānaṃ adāsi. Satthāpi naṃ ‘‘anāgate buddho bhavissasī’’ti byākāsi.

    อโนมทสฺสิสฺส ปน ภควโต จนฺทวตี นาม นครํ อโหสิ, ยสวา นาม ราชา ปิตา, ยโสธรา นาม มาตา, นิสโภ จ อโนโม จ เทฺว อคฺคสาวกา, วรุโณ นาม อุปฎฺฐาโก , สุนฺทรี จ สุมนา จ เทฺว อคฺคสาวิกา, อชฺชุนรุโกฺข โพธิ, สรีรํ อฎฺฐปณฺณาสหตฺถุเพฺพธํ อโหสิ, วสฺสสตสหสฺสํ อายูติฯ

    Anomadassissa pana bhagavato candavatī nāma nagaraṃ ahosi, yasavā nāma rājā pitā, yasodharā nāma mātā, nisabho ca anomo ca dve aggasāvakā, varuṇo nāma upaṭṭhāko , sundarī ca sumanā ca dve aggasāvikā, ajjunarukkho bodhi, sarīraṃ aṭṭhapaṇṇāsahatthubbedhaṃ ahosi, vassasatasahassaṃ āyūti.

    ตสฺส อปรภาเค ปทุโม นาม สตฺถา อุทปาทิฯ ตสฺสาปิ ตโย สาวกสนฺนิปาตา, ปฐมสนฺนิปาเต โกฎิสตสหสฺสภิกฺขู อเหสุํ, ทุติเย ตีณิสตสหสฺสานิ, ตติเย อคามเก อรเญฺญ มหาวนสณฺฑวาสีนํ ภิกฺขูนํ เทฺว สตสหสฺสานิฯ ตทา ตถาคเต ตสฺมิํเยว วนสเณฺฑ วสเนฺต โพธิสโตฺต สีโห หุตฺวา สตฺถารํ นิโรธสมาปตฺติสมาปนฺนํ ทิสฺวา ปสนฺนจิโตฺต วนฺทิตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปีติโสมนสฺสชาโต ติกฺขตฺตุํ สีหนาทํ นทิตฺวา สตฺตาหํ พุทฺธารมฺมณํ ปีติํอวิชหิตฺวา ปีติสุเขเนว โคจราย อปกฺกมิตฺวา ชีวิตปริจฺจาคํ กตฺวา ปยิรุปาสมาโน อฎฺฐาสิฯ สตฺถา สตฺตาหจฺจเยน นิโรธา วุฎฺฐิโต สีหํ โอโลเกตฺวา ‘‘ภิกฺขุสเงฺฆปิ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา สงฺฆํ วนฺทิสฺสตี’’ติ ‘‘ภิกฺขุสโงฺฆ อาคจฺฉตู’’ติ จิเนฺตสิฯ ภิกฺขู ตาวเทว อาคมิํสุฯ สีโห สเงฺฆ จิตฺตํ ปสาเทติฯ สตฺถา ตสฺส มานสํ โอโลเกตฺวา ‘‘อนาคเต พุโทฺธ ภวิสฺสสี’’ติ พฺยากาสิฯ

    Tassa aparabhāge padumo nāma satthā udapādi. Tassāpi tayo sāvakasannipātā, paṭhamasannipāte koṭisatasahassabhikkhū ahesuṃ, dutiye tīṇisatasahassāni, tatiye agāmake araññe mahāvanasaṇḍavāsīnaṃ bhikkhūnaṃ dve satasahassāni. Tadā tathāgate tasmiṃyeva vanasaṇḍe vasante bodhisatto sīho hutvā satthāraṃ nirodhasamāpattisamāpannaṃ disvā pasannacitto vanditvā padakkhiṇaṃ katvā pītisomanassajāto tikkhattuṃ sīhanādaṃ naditvā sattāhaṃ buddhārammaṇaṃ pītiṃavijahitvā pītisukheneva gocarāya apakkamitvā jīvitapariccāgaṃ katvā payirupāsamāno aṭṭhāsi. Satthā sattāhaccayena nirodhā vuṭṭhito sīhaṃ oloketvā ‘‘bhikkhusaṅghepi cittaṃ pasādetvā saṅghaṃ vandissatī’’ti ‘‘bhikkhusaṅgho āgacchatū’’ti cintesi. Bhikkhū tāvadeva āgamiṃsu. Sīho saṅghe cittaṃ pasādeti. Satthā tassa mānasaṃ oloketvā ‘‘anāgate buddho bhavissasī’’ti byākāsi.

    ปทุมสฺส ปน ภควโต จมฺปกํ นครํ อโหสิ อสโม นาม ราชา ปิตา, มาตา อสมา นาม, สาโล จ อุปสาโล จ เทฺว อคฺคสาวกา, วรุโณ นาม อุปฎฺฐาโก, รามา จ สุรามา จ เทฺว อคฺคสาวิกา, โสณรุโกฺข นาม โพธิ อฎฺฐปณฺณาสหตฺถุเพฺพธํ สรีรํ อโหสิ, อายุ วสฺสสตสหสฺสนฺติฯ

    Padumassa pana bhagavato campakaṃ nagaraṃ ahosi asamo nāma rājā pitā, mātā asamā nāma, sālo ca upasālo ca dve aggasāvakā, varuṇo nāma upaṭṭhāko, rāmā ca surāmā ca dve aggasāvikā, soṇarukkho nāma bodhi aṭṭhapaṇṇāsahatthubbedhaṃ sarīraṃ ahosi, āyu vassasatasahassanti.

    ตสฺส อปรภาเค นารโท นาม สตฺถา อุทปาทิฯ ตสฺสาปิ ตโย สาวกสนฺนิปาตา, ปฐมสนฺนิปาเต โกฎิสตสหสฺสภิกฺขู อเหสุํ, ทุติเย นวุติโกฎิสหสฺสานิ, ตติเย อสีติโกฎิสหสฺสานิฯ ตทา โพธิสโตฺต อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ปญฺจสุ อภิญฺญาสุ, อฎฺฐสุ จ สมาปตฺตีสุ จิณฺณวสี หุตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ ทตฺวา โลหิตจนฺทเนน ปูชมกาสิ, โสปิ นํ ‘‘อนาคเต พุโทฺธ ภวิสฺสสี’’ติ พฺยากาสิฯ

    Tassa aparabhāge nārado nāma satthā udapādi. Tassāpi tayo sāvakasannipātā, paṭhamasannipāte koṭisatasahassabhikkhū ahesuṃ, dutiye navutikoṭisahassāni, tatiye asītikoṭisahassāni. Tadā bodhisatto isipabbajjaṃ pabbajitvā pañcasu abhiññāsu, aṭṭhasu ca samāpattīsu ciṇṇavasī hutvā buddhappamukhassa bhikkhusaṅghassa mahādānaṃ datvā lohitacandanena pūjamakāsi, sopi naṃ ‘‘anāgate buddho bhavissasī’’ti byākāsi.

    ตสฺส ปน ภควโต ธญฺญวตี นาม นครํ อโหสิ, สุเทโว นาม ขตฺติโย ปิตา, อโนมา นาม มาตา, ภทฺทสาโล จ ชิตมิโตฺต จ เทฺว อคฺคสาวกา, วาสิโฎฺฐ นาม อุปฎฺฐาโก, อุตฺตรา จ ผคฺคุนี จ เทฺว อคฺคสาวิกา, มหาโสณรุโกฺข โพธิ, สรีรํ อฎฺฐาสีติหตฺถุเพฺพธํ อโหสิ, นวุติ วสฺสสหสฺสานิ อายูติฯ

    Tassa pana bhagavato dhaññavatī nāma nagaraṃ ahosi, sudevo nāma khattiyo pitā, anomā nāma mātā, bhaddasālo ca jitamitto ca dve aggasāvakā, vāsiṭṭho nāma upaṭṭhāko, uttarā ca phaggunī ca dve aggasāvikā, mahāsoṇarukkho bodhi, sarīraṃ aṭṭhāsītihatthubbedhaṃ ahosi, navuti vassasahassāni āyūti.

    นารทพุทฺธสฺส ปน อปรภาเค เอกํ อสเงฺขฺยยฺยํ อติกฺกมิตฺวา อิโต สตสหสฺสกปฺปมตฺถเก เอกสฺมิํ กเปฺป เอโกว ปทุมุตฺตโร นาม พุโทฺธ อุทปาทิฯ ตสฺสาปิ ตโย สาวกสนฺนิปาตา, ปฐมสนฺนิปาเต โกฎิสตสหสฺสภิกฺขู อเหสุํ, ทุติเย เวภารปพฺพเต นวุติโกฎิสหสฺสานิ, ตติเย อสีติโกฎิสหสฺสานิฯ ตทา โพธิสโตฺต ชฎิโล นาม มหารฎฺฐิโย หุตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส สจีวรํ ทานํ อทาสิฯ โสปิ นํ ‘‘อนาคเต พุโทฺธ ภวิสฺสสี’’ติ พฺยากาสิฯ ปทุมุตฺตรสฺส ปน ภควโต กาเล ติตฺถิยา นาม นาเหสุํ สเพฺพ เทวมนุสฺสา พุทฺธเมว สรณมกํสุฯ

    Nāradabuddhassa pana aparabhāge ekaṃ asaṅkhyeyyaṃ atikkamitvā ito satasahassakappamatthake ekasmiṃ kappe ekova padumuttaro nāma buddho udapādi. Tassāpi tayo sāvakasannipātā, paṭhamasannipāte koṭisatasahassabhikkhū ahesuṃ, dutiye vebhārapabbate navutikoṭisahassāni, tatiye asītikoṭisahassāni. Tadā bodhisatto jaṭilo nāma mahāraṭṭhiyo hutvā buddhappamukhassa bhikkhusaṅghassa sacīvaraṃ dānaṃ adāsi. Sopi naṃ ‘‘anāgate buddho bhavissasī’’ti byākāsi. Padumuttarassa pana bhagavato kāle titthiyā nāma nāhesuṃ sabbe devamanussā buddhameva saraṇamakaṃsu.

    ตสฺส นครํ หํสวตี นาม อโหสิ, ปิตา อานโนฺท นาม ขตฺติโย, มาตา สุชาตา นาม, เทวโล จ สุชาโต จ เทฺว อคฺคสาวกา สุมโน นาม อุปฎฺฐาโก, อมิตา จ อสมา จ เทฺว อคฺคสาวิกา, สลลรุโกฺข โพธิ, สรีรํ อฎฺฐาสีติหตฺถุเพฺพธํ อโหสิ, สรีรปฺปภา สมนฺตโต ทฺวาทส โยชนานิ คณฺหิ วสฺสสตสหสฺสํ อายูติฯ

    Tassa nagaraṃ haṃsavatī nāma ahosi, pitā ānando nāma khattiyo, mātā sujātā nāma, devalo ca sujāto ca dve aggasāvakā sumano nāma upaṭṭhāko, amitā ca asamā ca dve aggasāvikā, salalarukkho bodhi, sarīraṃ aṭṭhāsītihatthubbedhaṃ ahosi, sarīrappabhā samantato dvādasa yojanāni gaṇhi vassasatasahassaṃ āyūti.

    ตสฺส อปรภาเค สตฺตติกปฺปสหสฺสานิ อติกฺกมิตฺวา อิโต ติํสกปฺปสหสฺสมตฺถเก สุเมโธสุชาโต จาติ เอกสฺมิํ กเปฺป เทฺว พุทฺธา นิพฺพตฺติํสุฯ สุเมธสฺสาปิ ตโย สาวกสนฺนิปาตา, ปฐมสนฺนิปาเต สุทสฺสนนคเร โกฎิสตขีณาสวา อเหสุํ, ทุติเย นวุติโกฎิโย, ตติเย อสีติโกฎิโยฯ ตทา โพธิสโตฺต อุตฺตโร นาม พฺราหฺมณมาณโว หุตฺวา นิทหิตฺวา ฐปิตํเยว อสีติโกฎิธนํ วิสฺสเชฺชตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ ทตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา สรเณสุ ปติฎฺฐาย นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิฯ โสปิ นํ ‘‘อนาคเต พุโทฺธ ภวิสฺสสี’’ติ พฺยากาสิฯ

    Tassa aparabhāge sattatikappasahassāni atikkamitvā ito tiṃsakappasahassamatthake sumedho ca sujāto cāti ekasmiṃ kappe dve buddhā nibbattiṃsu. Sumedhassāpi tayo sāvakasannipātā, paṭhamasannipāte sudassananagare koṭisatakhīṇāsavā ahesuṃ, dutiye navutikoṭiyo, tatiye asītikoṭiyo. Tadā bodhisatto uttaro nāma brāhmaṇamāṇavo hutvā nidahitvā ṭhapitaṃyeva asītikoṭidhanaṃ vissajjetvā buddhappamukhassa bhikkhusaṅghassa mahādānaṃ datvā dhammaṃ sutvā saraṇesu patiṭṭhāya nikkhamitvā pabbaji. Sopi naṃ ‘‘anāgate buddho bhavissasī’’ti byākāsi.

    สุเมธสฺส ภควโต สุทสฺสนํ นาม นครํ อโหสิ, สุทโตฺต นาม ราชา ปิตา, มาตาปิ สุทตฺตา นาม, สรโณ จ สพฺพกาโม จ เทฺว อคฺคสาวกา, สาคโร นาม อุปฎฺฐาโก, รามา จ สุรามา จ เทฺว อคฺคสาวิกา, มหานีปรุโกฺข โพธิ, สรีรํ อฎฺฐาสีติหตฺถุเพฺพธํ อโหสิ, อายุ นวุติ วสฺสสหสฺสานีติฯ

    Sumedhassa bhagavato sudassanaṃ nāma nagaraṃ ahosi, sudatto nāma rājā pitā, mātāpi sudattā nāma, saraṇo ca sabbakāmo ca dve aggasāvakā, sāgaro nāma upaṭṭhāko, rāmā ca surāmā ca dve aggasāvikā, mahānīparukkho bodhi, sarīraṃ aṭṭhāsītihatthubbedhaṃ ahosi, āyu navuti vassasahassānīti.

    ตสฺส อปรภาเค สุชาโต นาม สตฺถา อุทปาทิฯ ตสฺสาปิ ตโย สาวกสนฺนิปาตา, ปฐมสนฺนิปาเต สฎฺฐิภิกฺขุสตสหสฺสานิ อเหสุํ , ทุติเย ปญฺญาสํ, ตติเย จตฺตาลีสํฯ ตทา โพธิสโตฺต จกฺกวตฺติราชา หุตฺวา ‘‘พุโทฺธ อุปฺปโนฺน’’ติ สุตฺวา อุปสงฺกมิตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส สทฺธิํ สตฺตหิ รตเนหิ จตุมหาทีปรชฺชํ ทตฺวา สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิฯ สกลรฎฺฐวาสิโน รฎฺฐุปฺปาทํ คเหตฺวา อารามิกกิจฺจํ สาเธนฺตา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส นิจฺจํ มหาทานํ อทํสุฯ โสปิ นํ สตฺถา พฺยากาสิฯ

    Tassa aparabhāge sujāto nāma satthā udapādi. Tassāpi tayo sāvakasannipātā, paṭhamasannipāte saṭṭhibhikkhusatasahassāni ahesuṃ , dutiye paññāsaṃ, tatiye cattālīsaṃ. Tadā bodhisatto cakkavattirājā hutvā ‘‘buddho uppanno’’ti sutvā upasaṅkamitvā dhammaṃ sutvā buddhappamukhassa bhikkhusaṅghassa saddhiṃ sattahi ratanehi catumahādīparajjaṃ datvā satthu santike pabbaji. Sakalaraṭṭhavāsino raṭṭhuppādaṃ gahetvā ārāmikakiccaṃ sādhentā buddhappamukhassa bhikkhusaṅghassa niccaṃ mahādānaṃ adaṃsu. Sopi naṃ satthā byākāsi.

    ตสฺส ภควโต นครํ สุมงฺคลํ นาม อโหสิ, อุคฺคโต นาม ราชา ปิตา, ปภาวตี นาม มาตา, สุทสฺสโน จ สุเทโว จ เทฺว อคฺคสาวกา, นารโท นาม อุปฎฺฐาโก, นาคา จ นาคสมาลา จ เทฺว อคฺคสาวิกา, มหาเวฬุรุโกฺข โพธิ, โส กิร มนฺทจฺฉิโทฺท ฆนกฺขโนฺธ อุปรินิคฺคตาหิ มหาสาขาหิ โมรปิญฺฉกลาโป วิย วิโรจิตฺถฯ ตสฺส ภควโต สรีรํ ปณฺณาสหตฺถุเพฺพธํ อโหสิ, อายุ นวุติวสฺสสหสฺสานีติฯ

    Tassa bhagavato nagaraṃ sumaṅgalaṃ nāma ahosi, uggato nāma rājā pitā, pabhāvatī nāma mātā, sudassano ca sudevo ca dve aggasāvakā, nārado nāma upaṭṭhāko, nāgā ca nāgasamālā ca dve aggasāvikā, mahāveḷurukkho bodhi, so kira mandacchiddo ghanakkhandho upariniggatāhi mahāsākhāhi morapiñchakalāpo viya virocittha. Tassa bhagavato sarīraṃ paṇṇāsahatthubbedhaṃ ahosi, āyu navutivassasahassānīti.

    ตสฺส อปรภาเค อิโต อฎฺฐารสกปฺปสตมตฺถเก เอกสฺมิํ กเปฺป ปิยทสฺสี, อตฺถทสฺสี, ธมฺมทสฺสีติ ตโย พุทฺธา นิพฺพตฺติํสุฯ ปิยทสฺสิสฺสาปิ ตโย สาวกสนฺนิปาตาฯ ปฐเม โกฎิสตสหสฺสภิกฺขู อเหสุํ, ทุติเย นวุติโกฎิโย, ตติเย อสีติโกฎิโยฯ ตทา โพธิสโตฺต กสฺสโป นาม มาณโว ติณฺณํ เวทานํ ปารงฺคโต หุตฺวา สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา โกฎิสตสหสฺสธนปริจฺจาเคน สงฺฆารามํ กาเรตฺวา สรเณสุ จ สีเลสุ จ ปติฎฺฐาสิฯ อถ นํ สตฺถา ‘‘อฎฺฐารสกปฺปสตจฺจเยน พุโทฺธ ภวิสฺสสี’’ติ พฺยากาสิฯ

    Tassa aparabhāge ito aṭṭhārasakappasatamatthake ekasmiṃ kappe piyadassī, atthadassī, dhammadassīti tayo buddhā nibbattiṃsu. Piyadassissāpi tayo sāvakasannipātā. Paṭhame koṭisatasahassabhikkhū ahesuṃ, dutiye navutikoṭiyo, tatiye asītikoṭiyo. Tadā bodhisatto kassapo nāma māṇavo tiṇṇaṃ vedānaṃ pāraṅgato hutvā satthu dhammadesanaṃ sutvā koṭisatasahassadhanapariccāgena saṅghārāmaṃ kāretvā saraṇesu ca sīlesu ca patiṭṭhāsi. Atha naṃ satthā ‘‘aṭṭhārasakappasataccayena buddho bhavissasī’’ti byākāsi.

    ตสฺส ภควโต อโนมํ นาม นครํ อโหสิ, ปิตา สุทิโนฺน นาม ราชา, มาตา จนฺทา นาม, ปาลิโต จ สพฺพทสฺสี จ เทฺว อคฺคสาวกา, โสภิโต นาม อุปฎฺฐาโก, สุชาตา จ ธมฺมทินฺนา จ เทฺว อคฺคสาวิกา, ปิยงฺคุรุโกฺข โพธิ, สรีรํ อสีติหตฺถุเพฺพธํ อโหสิ, นวุติวสฺสสหสฺสานิ อายูติฯ

    Tassa bhagavato anomaṃ nāma nagaraṃ ahosi, pitā sudinno nāma rājā, mātā candā nāma, pālito ca sabbadassī ca dve aggasāvakā, sobhito nāma upaṭṭhāko, sujātā ca dhammadinnā ca dve aggasāvikā, piyaṅgurukkho bodhi, sarīraṃ asītihatthubbedhaṃ ahosi, navutivassasahassāni āyūti.

    ตสฺส อปรภาเค อตฺถทสฺสี นาม ภควา อุทปาทิฯ ตสฺสาปิ ตโย สาวกสนฺนิปาตาฯ ปฐเม อฎฺฐนวุติภิกฺขุสตสหสฺสานิ อเหสุํ, ทุติเย อฎฺฐาสีติสหสฺสานิ, ตถา ตติเยฯ ตทา โพธิสโตฺต สุสีโม นาม มหิทฺธิโก ตาปโส หุตฺวา เทวโลกโต มนฺทารวปุปฺผจฺฉตฺตํ อาหริตฺวา สตฺถารํ ปูเชสิฯ โสปิ นํ สตฺถา พฺยากาสิฯ

    Tassa aparabhāge atthadassī nāma bhagavā udapādi. Tassāpi tayo sāvakasannipātā. Paṭhame aṭṭhanavutibhikkhusatasahassāni ahesuṃ, dutiye aṭṭhāsītisahassāni, tathā tatiye. Tadā bodhisatto susīmo nāma mahiddhiko tāpaso hutvā devalokato mandāravapupphacchattaṃ āharitvā satthāraṃ pūjesi. Sopi naṃ satthā byākāsi.

    ตสฺส ภควโต โสภณํ นาม นครํ อโหสิ, สาคโร นาม ราชา ปิตา, สุทสฺสนา นาม มาตา, สโนฺต จ อุปสโนฺต จ เทฺว อคฺคสาวกา, อภโย นาม อุปฎฺฐาโก, ธมฺมา จ สุธมฺมา จ เทฺว อคฺคสาวิกา, จมฺปกรุโกฺข โพธิ, สรีรํ อสีติหตฺถุเพฺพธํ อโหสิ, สรีรปฺปภา สมนฺตโต สพฺพกาลํ โยชนมตฺตํ ผริตฺวา อฎฺฐาสิ, อายุ วสฺสสตสหสฺสนฺติฯ

    Tassa bhagavato sobhaṇaṃ nāma nagaraṃ ahosi, sāgaro nāma rājā pitā, sudassanā nāma mātā, santo ca upasanto ca dve aggasāvakā, abhayo nāma upaṭṭhāko, dhammā ca sudhammā ca dve aggasāvikā, campakarukkho bodhi, sarīraṃ asītihatthubbedhaṃ ahosi, sarīrappabhā samantato sabbakālaṃ yojanamattaṃ pharitvā aṭṭhāsi, āyu vassasatasahassanti.

    ตสฺส อปรภาเค ธมฺมทสฺสี นาม สตฺถา อุทปาทิฯ ตสฺสาปิ ตโย สาวกสนฺนิปาตาฯ ปฐมสนฺนิปาเต โกฎิสตภิกฺขู อเหสุํ, ทุติเย นวุติโกฎิโย, ตติเย อสีติโกฎิโยฯ ตทา โพธิสโตฺต สโกฺก เทวราชา หุตฺวา ทิพฺพคนฺธปุเปฺผหิ จ ทิพฺพตูริเยหิ จ ปูชมกาสิฯ โสปิ นํ สตฺถา พฺยากาสิฯ

    Tassa aparabhāge dhammadassī nāma satthā udapādi. Tassāpi tayo sāvakasannipātā. Paṭhamasannipāte koṭisatabhikkhū ahesuṃ, dutiye navutikoṭiyo, tatiye asītikoṭiyo. Tadā bodhisatto sakko devarājā hutvā dibbagandhapupphehi ca dibbatūriyehi ca pūjamakāsi. Sopi naṃ satthā byākāsi.

    ตสฺส ภควโต สรณํ นาม นครํ อโหสิ, ปิตา สรโณ นาม ราชา, มาตา สุนนฺทา นาม, ปทุโม จ ผุสฺสเทโว จ เทฺว อคฺคสาวกา, สุเนโตฺต นาม อุปฎฺฐาโก, เขมา จ สพฺพนามา จ เทฺว อคฺคสาวิกา, รตฺตงฺกุรรุโกฺข โพธิ, ‘‘กกุธรุโกฺข’’ติปิ ‘‘พิมฺพิชาโล’’ติปิ วุจฺจติ สรีรํ ปนสฺส อสีติหตฺถุเพฺพธํ อโหสิ, วสฺสสตสหสฺสํ อายูติฯ

    Tassa bhagavato saraṇaṃ nāma nagaraṃ ahosi, pitā saraṇo nāma rājā, mātā sunandā nāma, padumo ca phussadevo ca dve aggasāvakā, sunetto nāma upaṭṭhāko, khemā ca sabbanāmā ca dve aggasāvikā, rattaṅkurarukkho bodhi, ‘‘kakudharukkho’’tipi ‘‘bimbijālo’’tipi vuccati sarīraṃ panassa asītihatthubbedhaṃ ahosi, vassasatasahassaṃ āyūti.

    ตสฺส อปรภาเค อิโต จตุนวุติกปฺปมตฺถเก เอกสฺมิํ กเปฺป เอโกว สิทฺธโตฺถ นาม พุโทฺธ อุทปาทิฯ ตสฺสาปิ ตโย สาวกสนฺนิปาตาฯ ปฐมสนฺนิปาเต โกฎิสตสหสฺสภิกฺขู อเหสุํ, ทุติเย นวุติโกฎิโย ตติเย อสีติโกฎิโยฯ ตทา โพธิสโตฺต อุคฺคเตโช อภิญฺญาพลสมฺปโนฺน มงฺคโล นาม ตาปโส หุตฺวา มหาชมฺพุผลํ อาหริตฺวา ตถาคตสฺส อทาสิฯ สตฺถา ตํ ผลํ ปริภุญฺชิตฺวา ‘‘จตุนวุติกปฺปมตฺถเก พุโทฺธ ภวิสฺสสี’’ติ โพธิสตฺตํ พฺยากาสิฯ

    Tassa aparabhāge ito catunavutikappamatthake ekasmiṃ kappe ekova siddhattho nāma buddho udapādi. Tassāpi tayo sāvakasannipātā. Paṭhamasannipāte koṭisatasahassabhikkhū ahesuṃ, dutiye navutikoṭiyo tatiye asītikoṭiyo. Tadā bodhisatto uggatejo abhiññābalasampanno maṅgalo nāma tāpaso hutvā mahājambuphalaṃ āharitvā tathāgatassa adāsi. Satthā taṃ phalaṃ paribhuñjitvā ‘‘catunavutikappamatthake buddho bhavissasī’’ti bodhisattaṃ byākāsi.

    ตสฺส ภควโต นครํ เวภารํ นาม อโหสิ, ปิตา ชยเสโน นาม ราชา, มาตา สุผสฺสา นาม, สมฺพโล จ สุมิโตฺต จ เทฺว อคฺคสาวกา, เรวโต นาม อุปฎฺฐาโก, สีวลา จ สุรามา จ เทฺว อคฺคสาวิกา, กณิการรุโกฺข โพธิ, สรีรํ สฎฺฐิหตฺถุเพฺพธํ อโหสิ, วสฺสสตสหสฺสํ อายูติฯ

    Tassa bhagavato nagaraṃ vebhāraṃ nāma ahosi, pitā jayaseno nāma rājā, mātā suphassā nāma, sambalo ca sumitto ca dve aggasāvakā, revato nāma upaṭṭhāko, sīvalā ca surāmā ca dve aggasāvikā, kaṇikārarukkho bodhi, sarīraṃ saṭṭhihatthubbedhaṃ ahosi, vassasatasahassaṃ āyūti.

    ตสฺส อปรภาเค อิโต เทฺวนวุติกปฺปมตฺถเก ติโสฺส ผุโสฺสติ เอกสฺมิํ กเปฺป เทฺว พุทฺธา นิพฺพตฺติํสุฯ ติสฺสสฺส ปน ภควโต ตโย สาวกสนฺนิปาตาฯ ปฐมสนฺนิปาเต ภิกฺขูนํ โกฎิสตํ อโหสิ, ทุติเย นวุติโกฎิโย, ตติเย อสีติโกฎิโยฯ ตทา โพธิสโตฺต มหาโภโค มหายโส สุชาโต นาม ขตฺติโย หุตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา มหิทฺธิกภาวํ ปตฺวา ‘‘พุโทฺธ อุปฺปโนฺน’’ติ สุตฺวา ทิพฺพมนฺทารวปทุมปาริจฺฉตฺตกปุปฺผานิ อาทาย จตุปริสมเชฺฌ คจฺฉนฺตํ ตถาคตํ ปูเชสิ, อากาเส ปุปฺผวิตานํ หุตฺวา อฎฺฐาสิฯ โสปิ นํ สตฺถา ‘‘อิโต เทฺวนวุติกปฺปมตฺถเก พุโทฺธ ภวิสฺสสี’’ติ พฺยากาสิฯ

    Tassa aparabhāge ito dvenavutikappamatthake tisso phussoti ekasmiṃ kappe dve buddhā nibbattiṃsu. Tissassa pana bhagavato tayo sāvakasannipātā. Paṭhamasannipāte bhikkhūnaṃ koṭisataṃ ahosi, dutiye navutikoṭiyo, tatiye asītikoṭiyo. Tadā bodhisatto mahābhogo mahāyaso sujāto nāma khattiyo hutvā isipabbajjaṃ pabbajitvā mahiddhikabhāvaṃ patvā ‘‘buddho uppanno’’ti sutvā dibbamandāravapadumapāricchattakapupphāni ādāya catuparisamajjhe gacchantaṃ tathāgataṃ pūjesi, ākāse pupphavitānaṃ hutvā aṭṭhāsi. Sopi naṃ satthā ‘‘ito dvenavutikappamatthake buddho bhavissasī’’ti byākāsi.

    ตสฺส ภควโต เขมํ นาม นครํ อโหสิ, ปิตา ชนสโนฺธ นาม ขตฺติโย, มาตา ปทุมา นาม, พฺรหฺมเทโว จ อุทโย จ เทฺว อคฺคสาวกา สมโงฺค นาม อุปฎฺฐาโก, ผุสฺสา จ สุทตฺตา จ เทฺว อคฺคสาวิกา อสนรุโกฺข โพธิ, สรีรํ สฎฺฐิหตฺถุเพฺพธํ อโหสิ, วสฺสสตสหสฺสํ อายูติฯ

    Tassa bhagavato khemaṃ nāma nagaraṃ ahosi, pitā janasandho nāma khattiyo, mātā padumā nāma, brahmadevo ca udayo ca dve aggasāvakā samaṅgo nāma upaṭṭhāko, phussā ca sudattā ca dve aggasāvikā asanarukkho bodhi, sarīraṃ saṭṭhihatthubbedhaṃ ahosi, vassasatasahassaṃ āyūti.

    ตสฺส อปรภาเค ผุโสฺส นาม สตฺถา อุทปาทิฯ ตสฺสาปิ ตโย สาวกสนฺนิปาตา, ปฐมสนฺนิปาเต สฎฺฐิ ภิกฺขุสตสหสฺสานิ อเหสุํ, ทุติเย ปณฺณาส, ตติเย ทฺวตฺติํสฯ ตทา โพธิสโตฺต วิชิตาวี นาม ขตฺติโย หุตฺวา มหารชฺชํ ปหาย สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา ตีณิ ปิฎกานิ อุคฺคเหตฺวา มหาชนสฺส ธมฺมกถํ กเถสิฯ สีลปารมิญฺจ ปูเรสิฯ โสปิ นํ ‘‘พุโทฺธ ภวิสฺสสี’’ติ พฺยากาสิฯ

    Tassa aparabhāge phusso nāma satthā udapādi. Tassāpi tayo sāvakasannipātā, paṭhamasannipāte saṭṭhi bhikkhusatasahassāni ahesuṃ, dutiye paṇṇāsa, tatiye dvattiṃsa. Tadā bodhisatto vijitāvī nāma khattiyo hutvā mahārajjaṃ pahāya satthu santike pabbajitvā tīṇi piṭakāni uggahetvā mahājanassa dhammakathaṃ kathesi. Sīlapāramiñca pūresi. Sopi naṃ ‘‘buddho bhavissasī’’ti byākāsi.

    ตสฺส ภควโต กาสิ นาม นครํ อโหสิ, ชยเสโน นาม ราชา ปิตา, สิริมา นาม มาตา, สุรกฺขิโต จ ธมฺมเสโน จ เทฺว อคฺคสาวกา, สภิโย นาม อุปฎฺฐาโก, จาลา จ อุปจาลา จ เทฺว อคฺคสาวิกา , อามลกรุโกฺข โพธิ, สรีรํ อฎฺฐปณฺณาสหตฺถุเพฺพธํ อโหสิ, นวุติ วสฺสสหสฺสานิ อายูติฯ

    Tassa bhagavato kāsi nāma nagaraṃ ahosi, jayaseno nāma rājā pitā, sirimā nāma mātā, surakkhito ca dhammaseno ca dve aggasāvakā, sabhiyo nāma upaṭṭhāko, cālā ca upacālā ca dve aggasāvikā , āmalakarukkho bodhi, sarīraṃ aṭṭhapaṇṇāsahatthubbedhaṃ ahosi, navuti vassasahassāni āyūti.

    ตสฺส อปรภาเค อิโต เอกนวุติกเปฺป วิปสฺสี นาม ภควา อุทปาทิฯ ตสฺสาปิ ตโย สาวกสนฺนิปาตา , ปฐมสนฺนิปาเต อฎฺฐสฎฺฐิภิกฺขุสตสหสฺสานิ อเหสุํ, ทุติเย เอกสตสหสฺสํ, ตติเย อสีติสหสฺสานิฯ ตทา โพธิสโตฺต มหิทฺธิโก มหานุภาโว อตุโล นาม นาคราชา หุตฺวา สตฺตรตนขจิตํ โสวณฺณมยํ มหาปีฐํ ภควโต อทาสิฯ โสปิ นํ สตฺถา ‘‘อิโต เอกนวุติกเปฺป พุโทฺธ ภวิสฺสสี’’ติ พฺยากาสิฯ

    Tassa aparabhāge ito ekanavutikappe vipassī nāma bhagavā udapādi. Tassāpi tayo sāvakasannipātā , paṭhamasannipāte aṭṭhasaṭṭhibhikkhusatasahassāni ahesuṃ, dutiye ekasatasahassaṃ, tatiye asītisahassāni. Tadā bodhisatto mahiddhiko mahānubhāvo atulo nāma nāgarājā hutvā sattaratanakhacitaṃ sovaṇṇamayaṃ mahāpīṭhaṃ bhagavato adāsi. Sopi naṃ satthā ‘‘ito ekanavutikappe buddho bhavissasī’’ti byākāsi.

    ตสฺส ภควโต พนฺธุมตี นาม นครํ อโหสิ, พนฺธุมา นาม ราชา ปิตาฯ พนฺธุมตี นาม มาตา, ขโณฺฑ จ ติโสฺส จ เทฺว อคฺคสาวกา, อโสโก นาม อุปฎฺฐาโก, จนฺทา จ จนฺทมิตฺตา จ เทฺว อคฺคสาวิกา ปาฎลิรุโกฺข โพธิ, สรีรํ อสีติหตฺถุเพฺพธํ อโหสิ, สรีรปฺปภา สทา สตฺต โยชนานิ ผริตฺวา อฎฺฐาสิ, อสีติวสฺสสหสฺสานิ อายูติฯ

    Tassa bhagavato bandhumatī nāma nagaraṃ ahosi, bandhumā nāma rājā pitā. Bandhumatī nāma mātā, khaṇḍo ca tisso ca dve aggasāvakā, asoko nāma upaṭṭhāko, candā ca candamittā ca dve aggasāvikā pāṭalirukkho bodhi, sarīraṃ asītihatthubbedhaṃ ahosi, sarīrappabhā sadā satta yojanāni pharitvā aṭṭhāsi, asītivassasahassāni āyūti.

    ตสฺส อปรภาเค อิโต เอกติํสกเปฺป สิขี, เวสฺสภู จาติ เทฺว พุทฺธา อเหสุํฯ สิขิสฺสาปิ ภควโต ตโย สาวกสนฺนิปาตา, ปฐมสนฺนิปาเต ภิกฺขุสตสหสฺสํ อโหสิ, ทุติเย อสีติสหสฺสานิ, ตติเย สตฺตติฯ ตทา โพธิสโตฺต อรินฺทโม นาม ราชา หุตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส สจีวรํ มหาทานํ ปวเตฺตตฺวา สตฺตรตนปฎิมณฺฑิตํ หตฺถิรตนํ ทตฺวา หตฺถิปฺปมาณํ กตฺวา กปฺปิยภณฺฑํ อทาสิฯ โสปิ นํ ‘‘อิโต เอกติํสกเปฺป พุโทฺธ ภวิสฺสสี’’ติ พฺยากาสิฯ

    Tassa aparabhāge ito ekatiṃsakappe sikhī, vessabhū cāti dve buddhā ahesuṃ. Sikhissāpi bhagavato tayo sāvakasannipātā, paṭhamasannipāte bhikkhusatasahassaṃ ahosi, dutiye asītisahassāni, tatiye sattati. Tadā bodhisatto arindamo nāma rājā hutvā buddhappamukhassa bhikkhusaṅghassa sacīvaraṃ mahādānaṃ pavattetvā sattaratanapaṭimaṇḍitaṃ hatthiratanaṃ datvā hatthippamāṇaṃ katvā kappiyabhaṇḍaṃ adāsi. Sopi naṃ ‘‘ito ekatiṃsakappe buddho bhavissasī’’ti byākāsi.

    ตสฺส ปน ภควโต อรุณวตี นาม นครํ อโหสิ, อรุณวา นาม ขตฺติโย ปิตา, ปภาวตี นาม มาตา, อภิภู จ สมฺภโว จ เทฺว อคฺคสาวกา เขมงฺกโร นาม อุปฎฺฐาโก, สขิลา จ ปทุมา จ เทฺว อคฺคสาวิกา, ปุณฺฑรีกรุโกฺข โพธิ, สรีรํ สตฺตติหตฺถุเพฺพธํ อโหสิ, สรีรปฺปภา โยชนตฺตยํ ผริตฺวา อฎฺฐาสิ, สตฺตหิวสฺสสหสฺสานิ อายูติฯ

    Tassa pana bhagavato aruṇavatī nāma nagaraṃ ahosi, aruṇavā nāma khattiyo pitā, pabhāvatī nāma mātā, abhibhū ca sambhavo ca dve aggasāvakā khemaṅkaro nāma upaṭṭhāko, sakhilā ca padumā ca dve aggasāvikā, puṇḍarīkarukkho bodhi, sarīraṃ sattatihatthubbedhaṃ ahosi, sarīrappabhā yojanattayaṃ pharitvā aṭṭhāsi, sattahivassasahassāni āyūti.

    ตสฺส อปรภาเค เวสฺสภู นาม สตฺถา อุทปาทิฯ ตสฺสาปิ ตโย สาวกสนฺนิปาตา ปฐมสนฺนิปาเต อสีติภิกฺขุสหสฺสานิ อเหสุํ ทุติเย สตฺตติ, ตติเย สฎฺฐิฯ ตทา โพธิสโตฺต สุทสฺสโน นาม ราชา หุตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส สจีวรํ มหาทานํ ทตฺวา สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา อาจารคุณสมฺปโนฺน พุทฺธรตเน จิตฺตีการปีติพหุโล อโหสิฯ โสปิ นํ ‘‘อิโต เอกติํเส กเปฺป พุโทฺธ ภวิสฺสสี’’ติ พฺยากาสิฯ

    Tassa aparabhāge vessabhū nāma satthā udapādi. Tassāpi tayo sāvakasannipātā paṭhamasannipāte asītibhikkhusahassāni ahesuṃ dutiye sattati, tatiye saṭṭhi. Tadā bodhisatto sudassano nāma rājā hutvā buddhappamukhassa bhikkhusaṅghassa sacīvaraṃ mahādānaṃ datvā satthu santike pabbajitvā ācāraguṇasampanno buddharatane cittīkārapītibahulo ahosi. Sopi naṃ ‘‘ito ekatiṃse kappe buddho bhavissasī’’ti byākāsi.

    ตสฺส ปน ภควโต อโนมํ นาม นครํ อโหสิ, สุปฺปตีโต นาม ราชา ปิตา, ยสวตี นาม มาตา, โสโณ จ อุตฺตโร จ เทฺว อคฺคสาวกา อุปสโนฺต นาม อุปฎฺฐาโก ทามา จ สมาลา จ เทฺว อคฺคสาวิกา, สาลรุโกฺข โพธิ, สรีรํ สฎฺฐิหตฺถุเพฺพธํ อโหสิ, สฎฺฐิวสฺสสหสฺสานิ อายูติฯ

    Tassa pana bhagavato anomaṃ nāma nagaraṃ ahosi, suppatīto nāma rājā pitā, yasavatī nāma mātā, soṇo ca uttaro ca dve aggasāvakā upasanto nāma upaṭṭhāko dāmā ca samālā ca dve aggasāvikā, sālarukkho bodhi, sarīraṃ saṭṭhihatthubbedhaṃ ahosi, saṭṭhivassasahassāni āyūti.

    ตสฺส อปรภาเค อิมสฺมิํ กเปฺป จตฺตาโร พุทฺธา นิพฺพตฺตา กกุสโนฺธ, โกณาคมโน, กสฺสโป, อมฺหากํ ภควาติฯ กกุสนฺธสฺส ภควโต เอโก สาวกสนฺนิปาโต, ตตฺถ จตฺตาลีสภิกฺขุสหสฺสานิ อเหสุํฯ ตทา โพธิสโตฺต เขโม นาม ราชา หุตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส สปตฺตจีวรํ มหาทานญฺจ อญฺชนาทิเภสชฺชานิ จ ทตฺวา สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ปพฺพชิฯ โสปิ นํ สตฺถา พฺยากาสิฯ

    Tassa aparabhāge imasmiṃ kappe cattāro buddhā nibbattā kakusandho, koṇāgamano, kassapo, amhākaṃ bhagavāti. Kakusandhassa bhagavato eko sāvakasannipāto, tattha cattālīsabhikkhusahassāni ahesuṃ. Tadā bodhisatto khemo nāma rājā hutvā buddhappamukhassa bhikkhusaṅghassa sapattacīvaraṃ mahādānañca añjanādibhesajjāni ca datvā satthu dhammadesanaṃ sutvā pabbaji. Sopi naṃ satthā byākāsi.

    กกุสนฺธสฺส ปน ภควโต เขมํ นาม นครํ อโหสิ, อคฺคิทโตฺต นาม พฺราหฺมโณ ปิตา, วิสาขา นาม พฺราหฺมณี มาตา, วิธุโร จ สญฺชีโว จ เทฺว อคฺคสาวกา, พุทฺธิโช นาม อุปฎฺฐาโก สามา จ จมฺปา จ เทฺว อคฺคสาวิกา มหาสิรีสรุโกฺข โพธิ สรีรํ จตฺตาลีสหตฺถุเพฺพธํ อโหสิ, จตฺตาลีสวสฺสสหสฺสานิ อายูติฯ

    Kakusandhassa pana bhagavato khemaṃ nāma nagaraṃ ahosi, aggidatto nāma brāhmaṇo pitā, visākhā nāma brāhmaṇī mātā, vidhuro ca sañjīvo ca dve aggasāvakā, buddhijo nāma upaṭṭhāko sāmā ca campā ca dve aggasāvikā mahāsirīsarukkho bodhi sarīraṃ cattālīsahatthubbedhaṃ ahosi, cattālīsavassasahassāni āyūti.

    ตสฺส อปรภาเค โกณาคมโน นาม สตฺถา อุทปาทิฯ ตสฺสาปิ เอโก สาวกสนฺนิปาโต, ตตฺถ ติํสภิกฺขุสหสฺสานิ อเหสุํฯ ตทา โพธิสโตฺต ปพฺพโต นาม ราชา หุตฺวา อมจฺจคณปริวุโต สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ธมฺมเทสนํ สุตฺวา พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ นิมเนฺตตฺวา มหาทานํ ปวเตฺตตฺวา ปตฺตุณฺณจีนปฎโกเสยฺยกมฺพลทุกุลานิ เจว สุวณฺณปาทุกญฺจ ทตฺวา สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิฯ โสปิ นํ สตฺถา พฺยากาสิฯ

    Tassa aparabhāge koṇāgamano nāma satthā udapādi. Tassāpi eko sāvakasannipāto, tattha tiṃsabhikkhusahassāni ahesuṃ. Tadā bodhisatto pabbato nāma rājā hutvā amaccagaṇaparivuto satthu santikaṃ gantvā dhammadesanaṃ sutvā buddhappamukhaṃ bhikkhusaṅghaṃ nimantetvā mahādānaṃ pavattetvā pattuṇṇacīnapaṭakoseyyakambaladukulāni ceva suvaṇṇapādukañca datvā satthu santike pabbaji. Sopi naṃ satthā byākāsi.

    ตสฺส ภควโต โสภวตี นาม นครํ อโหสิ, ยญฺญทโตฺต นาม พฺราหฺมโณ ปิตา, อุตฺตรา นาม พฺราหฺมณี มาตา, ภิโยฺยโส จ อุตฺตโร จ เทฺว อคฺคสาวกา, โสตฺถิโช นาม อุปฎฺฐาโก, สมุทฺทา จ อุตฺตรา จ เทฺว อคฺคสาวิกา, อุทุมฺพรรุโกฺข โพธิ, สรีรํ ติํสหตฺถุเพฺพธํ อโหสิ, ติํสวสฺสสหสฺสานิ อายูติฯ

    Tassa bhagavato sobhavatī nāma nagaraṃ ahosi, yaññadatto nāma brāhmaṇo pitā, uttarā nāma brāhmaṇī mātā, bhiyyoso ca uttaro ca dve aggasāvakā, sotthijo nāma upaṭṭhāko, samuddā ca uttarā ca dve aggasāvikā, udumbararukkho bodhi, sarīraṃ tiṃsahatthubbedhaṃ ahosi, tiṃsavassasahassāni āyūti.

    ตสฺส อปรภาเค กสฺสโป นาม สตฺถา อุทปาทิฯ ตสฺสาปิ เอโกว สาวกสนฺนิปาโต, ตตฺถ วีสติภิกฺขุสหสฺสานิ อเหสุํฯ ตทา โพธิสโตฺต โชติปาโล นาม มาณโว ติณฺณํ เวทานํ ปารคู ภูมิยเญฺจว อนฺตลิเกฺข จ ปากโฎ ฆฎิการสฺส กุมฺภการสฺส มิโตฺต อโหสิ, โส เตน สทฺธิํ สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ธมฺมกถํ สุตฺวา ปพฺพชิตฺวา อารทฺธวีริโย ตีณิ ปิฎกานิ อุคฺคเหตฺวา วตฺตสมฺปตฺติยา พุทฺธสาสนํ โสเภสิฯ โสปิ นํ สตฺถา พฺยากาสิฯ

    Tassa aparabhāge kassapo nāma satthā udapādi. Tassāpi ekova sāvakasannipāto, tattha vīsatibhikkhusahassāni ahesuṃ. Tadā bodhisatto jotipālo nāma māṇavo tiṇṇaṃ vedānaṃ pāragū bhūmiyañceva antalikkhe ca pākaṭo ghaṭikārassa kumbhakārassa mitto ahosi, so tena saddhiṃ satthāraṃ upasaṅkamitvā dhammakathaṃ sutvā pabbajitvā āraddhavīriyo tīṇi piṭakāni uggahetvā vattasampattiyā buddhasāsanaṃ sobhesi. Sopi naṃ satthā byākāsi.

    ตสฺส ภควโต ชาตนครํ พาราณสี นาม อโหสิฯ พฺรหฺมทโตฺต นาม พฺราหฺมโณ ปิตา, ธนวตี นาม พฺราหฺมณี มาตา, ติโสฺส จ ภารทฺวาโช จ เทฺว อคฺคสาวกา, สพฺพมิโตฺต นาม อุปฎฺฐาโก อนุฬา จ อุรุเวฬา จ เทฺว อคฺคสาวิกา, นิโคฺรธรุโกฺข โพธิ สรีรํ วีสติหตฺถุเพฺพธํ อโหสิ, วีสติวสฺสสหสฺสานิ อายูติฯ

    Tassa bhagavato jātanagaraṃ bārāṇasī nāma ahosi. Brahmadatto nāma brāhmaṇo pitā, dhanavatī nāma brāhmaṇī mātā, tisso ca bhāradvājo ca dve aggasāvakā, sabbamitto nāma upaṭṭhāko anuḷā ca uruveḷā ca dve aggasāvikā, nigrodharukkho bodhi sarīraṃ vīsatihatthubbedhaṃ ahosi, vīsativassasahassāni āyūti.

    ตสฺส ปน ภควโต โอรภาเค ฐเปตฺวา อิมํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ อโญฺญ พุโทฺธ นาม นตฺถิฯ อิติ ทีปงฺกราทีนํ จตุวีสติยา พุทฺธานํ สนฺติเก ลทฺธพฺยากรโณ ปน โพธิสโตฺต เยเนน –

    Tassa pana bhagavato orabhāge ṭhapetvā imaṃ sammāsambuddhaṃ añño buddho nāma natthi. Iti dīpaṅkarādīnaṃ catuvīsatiyā buddhānaṃ santike laddhabyākaraṇo pana bodhisatto yenena –

    ‘‘มนุสฺสตฺตํ ลิงฺคสมฺปตฺติ, เหตุ สตฺถารทสฺสนํ;

    ‘‘Manussattaṃ liṅgasampatti, hetu satthāradassanaṃ;

    ปพฺพชฺชา คุณสมฺปตฺติ, อธิกาโร จ ฉนฺทตา;

    Pabbajjā guṇasampatti, adhikāro ca chandatā;

    อฎฺฐธมฺมสโมธานา, อภินีหาโร สมิชฺฌตี’’ติฯ (พุ. วํ. ๒.๕๙);

    Aṭṭhadhammasamodhānā, abhinīhāro samijjhatī’’ti. (bu. vaṃ. 2.59);

    อิเม อฎฺฐ ธเมฺม สโมธาเนตฺวา ทีปงฺกรปาทมูเล กตาภินีหาเรน ‘‘หนฺท พุทฺธกเร ธเมฺม วิจินามิ อิโต จิโต’’ติ อุสฺสาหํ กตฺวา ‘‘วิจินโนฺต ตทาทกฺขิํ, ปฐมํ ทานปารมิ’’นฺติ ทานปารมิตาทโย พุทฺธกรา ธมฺมา ทิฎฺฐา, เต ปูเรโนฺต ยาว เวสฺสนฺตรตฺตภาวา อาคมิฯ อาคจฺฉโนฺต จ เย เต กตาภินีหารานํ โพธิสตฺตานํ อานิสํสา สํวณฺณิตา –

    Ime aṭṭha dhamme samodhānetvā dīpaṅkarapādamūle katābhinīhārena ‘‘handa buddhakare dhamme vicināmi ito cito’’ti ussāhaṃ katvā ‘‘vicinanto tadādakkhiṃ, paṭhamaṃ dānapārami’’nti dānapāramitādayo buddhakarā dhammā diṭṭhā, te pūrento yāva vessantarattabhāvā āgami. Āgacchanto ca ye te katābhinīhārānaṃ bodhisattānaṃ ānisaṃsā saṃvaṇṇitā –

    ‘‘เอวํ สพฺพงฺคสมฺปนฺนา, โพธิยา นิยตา นรา;

    ‘‘Evaṃ sabbaṅgasampannā, bodhiyā niyatā narā;

    สํสรํ ทีฆมทฺธานํ, กปฺปโกฎิสเตหิปิฯ

    Saṃsaraṃ dīghamaddhānaṃ, kappakoṭisatehipi.

    ‘‘อวีจิมฺหิ นุปฺปชฺชนฺติ, ตถา โลกนฺตเรสุ จ;

    ‘‘Avīcimhi nuppajjanti, tathā lokantaresu ca;

    นิชฺฌามตณฺหา ขุปฺปิปาสา, น โหนฺติ กาลกญฺชิกาฯ

    Nijjhāmataṇhā khuppipāsā, na honti kālakañjikā.

    ‘‘น โหนฺติ ขุทฺทกา ปาณา, อุปฺปชฺชนฺตาปิ ทุคฺคติํ;

    ‘‘Na honti khuddakā pāṇā, uppajjantāpi duggatiṃ;

    ชายมานา มนุเสฺสสุ, ชจฺจนฺธา น ภวนฺติ เตฯ

    Jāyamānā manussesu, jaccandhā na bhavanti te.

    ‘‘โสตเวกลฺลตา นตฺถิ, น ภวนฺติ มูคปกฺขิกา;

    ‘‘Sotavekallatā natthi, na bhavanti mūgapakkhikā;

    อิตฺถิภาวํ น คจฺฉนฺติ, อุภโตพฺยญฺชนปณฺฑกาฯ

    Itthibhāvaṃ na gacchanti, ubhatobyañjanapaṇḍakā.

    ‘‘น ภวนฺติ ปริยาปนฺนา, โพธิยา นิยตา นรา;

    ‘‘Na bhavanti pariyāpannā, bodhiyā niyatā narā;

    มุตฺตา อานนฺตริเกหิ, สพฺพตฺถ สุทฺธโคจราฯ

    Muttā ānantarikehi, sabbattha suddhagocarā.

    ‘‘มิจฺฉาทิฎฺฐิํ น เสวนฺติ, กมฺมกิริยทสฺสนา;

    ‘‘Micchādiṭṭhiṃ na sevanti, kammakiriyadassanā;

    วสมานาปิ สเคฺคสุ, อสญฺญํ นุปปชฺชเรฯ

    Vasamānāpi saggesu, asaññaṃ nupapajjare.

    ‘‘สุทฺธาวาเสสุ เทเวสุ, เหตุ นาม น วิชฺชติ;

    ‘‘Suddhāvāsesu devesu, hetu nāma na vijjati;

    เนกฺขมฺมนินฺนา สปฺปุริสา, วิสํยุตฺตา ภวาภเว;

    Nekkhammaninnā sappurisā, visaṃyuttā bhavābhave;

    จรนฺติ โลกตฺถจริยาโย, ปูเรนฺติ สพฺพปารมี’’ติฯ

    Caranti lokatthacariyāyo, pūrenti sabbapāramī’’ti.

    เต อานิสํเส อธิคนฺตฺวาว อาคโตฯ ปารมิโย ปูเรนฺตสฺส จ ตสฺส อกิตฺติพฺราหฺมณกาเล สงฺขพฺราหฺมณกาเล ธนญฺจยราชกาเล มหาสุทสฺสนราชกาเล มหาโควินฺทกาเล นิมิมหาราชกาเล จนฺทกุมารกาเล วิสยฺหเสฎฺฐิกาเล สิวิราชกาเล เวสฺสนฺตรราชกาเลติ ทานปารมิตาย ปูริตตฺตภาวานํ ปริมาณํ นาม นตฺถิฯ เอกเนฺตน ปนสฺส สสปณฺฑิตชาตกาเล –

    Te ānisaṃse adhigantvāva āgato. Pāramiyo pūrentassa ca tassa akittibrāhmaṇakāle saṅkhabrāhmaṇakāle dhanañcayarājakāle mahāsudassanarājakāle mahāgovindakāle nimimahārājakāle candakumārakāle visayhaseṭṭhikāle sivirājakāle vessantararājakāleti dānapāramitāya pūritattabhāvānaṃ parimāṇaṃ nāma natthi. Ekantena panassa sasapaṇḍitajātakāle –

    ‘‘ภิกฺขาย อุปคตํ ทิสฺวา, สกตฺตานํ ปริจฺจชิํ;

    ‘‘Bhikkhāya upagataṃ disvā, sakattānaṃ pariccajiṃ;

    ทาเนน เม สโม นตฺถิ, เอสา เม ทานปารมี’’ติฯ (จริยา. ๑.๑๔๓ ตสฺสุทฺทาน –

    Dānena me samo natthi, esā me dānapāramī’’ti. (cariyā. 1.143 tassuddāna –

    เอวํ อตฺตปริจฺจาคํ กโรนฺตสฺส ทานปารมิตา ปรมตฺถปารมี นาม ชาตาฯ

    Evaṃ attapariccāgaṃ karontassa dānapāramitā paramatthapāramī nāma jātā.

    ตถา สีลวนาคราชกาเล จเมฺปยฺยนาคราชกาเล ภูริทตฺตนาคราชกาเล ฉทฺทนฺตนาคราชกาเล ชยทฺทิสราชปุตฺตกาเล อลีนสตฺตุกุมารกาเลติ สีลปารมิตาย ปูริตตฺตภาวานํ ปริมาณํ นาม นตฺถิฯ เอกเนฺตน ปนสฺส สงฺขปาลชาตกาเล –

    Tathā sīlavanāgarājakāle campeyyanāgarājakāle bhūridattanāgarājakāle chaddantanāgarājakāle jayaddisarājaputtakāle alīnasattukumārakāleti sīlapāramitāya pūritattabhāvānaṃ parimāṇaṃ nāma natthi. Ekantena panassa saṅkhapālajātakāle –

    ‘‘สูเลหิปิ วิชฺฌิยโนฺต, โกฎฺฎิยโนฺตปิ สตฺติหิ;

    ‘‘Sūlehipi vijjhiyanto, koṭṭiyantopi sattihi;

    โภชปุเตฺต น กุปฺปามิ, เอสา เม สีลปารมี’’ติฯ (จริยา. ๒.๙๑) –

    Bhojaputte na kuppāmi, esā me sīlapāramī’’ti. (cariyā. 2.91) –

    เอวํ อตฺตปริจฺจาคํ กโรนฺตสฺส สีลปารมิตา ปรมตฺถปารมี นาม ชาตาฯ

    Evaṃ attapariccāgaṃ karontassa sīlapāramitā paramatthapāramī nāma jātā.

    ตถา โสมนสฺสกุมารกาเล หตฺถิปาลกุมารกาเล อโยฆรปณฺฑิตกาเลติ มหารชฺชํ ปหาย เนกฺขมฺมปารมิตาย ปูริตตฺตภาวานํ ปริมาณํ นาม นตฺถิฯ เอกเนฺตน ปนสฺส จูฬสุตโสมชาตกาเล –

    Tathā somanassakumārakāle hatthipālakumārakāle ayogharapaṇḍitakāleti mahārajjaṃ pahāya nekkhammapāramitāya pūritattabhāvānaṃ parimāṇaṃ nāma natthi. Ekantena panassa cūḷasutasomajātakāle –

    ‘‘มหารชฺชํ หตฺถคตํ, เขฬปิณฺฑํว ฉฑฺฑยิํ;

    ‘‘Mahārajjaṃ hatthagataṃ, kheḷapiṇḍaṃva chaḍḍayiṃ;

    จชโต น โหติ ลคนํ, เอสา เม เนกฺขมฺมปารมี’’ติฯ –

    Cajato na hoti laganaṃ, esā me nekkhammapāramī’’ti. –

    เอวํ นิสฺสงฺคตาย รชฺชํ ฉเฑฺฑตฺวา นิกฺขมนฺตสฺส เนกฺขมฺมปารมิตา ปรมตฺถปารมี นาม ชาตาฯ

    Evaṃ nissaṅgatāya rajjaṃ chaḍḍetvā nikkhamantassa nekkhammapāramitā paramatthapāramī nāma jātā.

    ตถา วิธุรปณฺฑิตกาเล มหาโควินฺทปณฺฑิตกาเล กุทาลปณฺฑิตกาเล อรกปณฺฑิตกาเล โพธิปริพฺพาชกกาเล มโหสธปณฺฑิตกาเลติ ปญฺญาปารมิตาย ปูริตตฺตภาวานํ ปริมาณํ นาม นตฺถิฯ เอกเนฺตน ปนสฺส สตฺตุภสฺตชาตเก เสนกปณฺฑิตกาเล –

    Tathā vidhurapaṇḍitakāle mahāgovindapaṇḍitakāle kudālapaṇḍitakāle arakapaṇḍitakāle bodhiparibbājakakāle mahosadhapaṇḍitakāleti paññāpāramitāya pūritattabhāvānaṃ parimāṇaṃ nāma natthi. Ekantena panassa sattubhastajātake senakapaṇḍitakāle –

    ‘‘ปญฺญาย วิจินโนฺตหํ, พฺราหฺมณํ โมจยิํ ทุขา;

    ‘‘Paññāya vicinantohaṃ, brāhmaṇaṃ mocayiṃ dukhā;

    ปญฺญาย เม สโม นตฺถิ, เอสา เม ปญฺญาปารมี’’ติฯ –

    Paññāya me samo natthi, esā me paññāpāramī’’ti. –

    อโนฺตภสฺตคตํ สปฺปํ ทเสฺสนฺตสฺส ปญฺญาปารมิตา ปรมตฺถปารมี นาม ชาตาฯ

    Antobhastagataṃ sappaṃ dassentassa paññāpāramitā paramatthapāramī nāma jātā.

    ตถา วีริยปารมิตาทีนมฺปิ ปูริตตฺตภาวานํ ปริมาณํ นาม นตฺถิฯ เอกเนฺตน ปนสฺส มหาชนกชาตเก –

    Tathā vīriyapāramitādīnampi pūritattabhāvānaṃ parimāṇaṃ nāma natthi. Ekantena panassa mahājanakajātake –

    ‘‘อตีรทสฺสี ชลมเชฺฌ, หตา สเพฺพว มานุสา;

    ‘‘Atīradassī jalamajjhe, hatā sabbeva mānusā;

    จิตฺตสฺส อญฺญถา นตฺถิ, เอสา เม วีริยปารมี’’ติฯ –

    Cittassa aññathā natthi, esā me vīriyapāramī’’ti. –

    เอวํ มหาสมุทฺทํ ตรนฺตสฺส วีริยปารมิตา ปรมตฺถปารมี นาม ชาตาฯ

    Evaṃ mahāsamuddaṃ tarantassa vīriyapāramitā paramatthapāramī nāma jātā.

    ขนฺติวาทีชาตเก –

    Khantivādījātake –

    ‘‘อเจตนํว โกเฎฺฎเนฺต, ติเณฺหน ผรสุนา มมํ;

    ‘‘Acetanaṃva koṭṭente, tiṇhena pharasunā mamaṃ;

    กาสิราเช น กุปฺปามิ, เอสา เม ขนฺติปารมี’’ติฯ –

    Kāsirāje na kuppāmi, esā me khantipāramī’’ti. –

    เอวํ อเจตนภาเวน วิย มหาทุกฺขํ อธิวาเสนฺตสฺส ขนฺติปารมิตา ปรมตฺถปารมี นาม ชาตาฯ

    Evaṃ acetanabhāvena viya mahādukkhaṃ adhivāsentassa khantipāramitā paramatthapāramī nāma jātā.

    มหาสุตโสมชาตเก –

    Mahāsutasomajātake –

    ‘‘สจฺจวาจํ อนุรกฺขโนฺต, จชิตฺวา มม ชีวิตํ;

    ‘‘Saccavācaṃ anurakkhanto, cajitvā mama jīvitaṃ;

    โมเจสิํ เอกสตํ ขตฺติเย, เอสา เม สจฺจปารมี’’ติฯ –

    Mocesiṃ ekasataṃ khattiye, esā me saccapāramī’’ti. –

    เอวํ ชีวิตํ จวิตฺวา สจฺจมนุรกฺขนฺตสฺส สจฺจปารมิตา ปรมตฺถปารมี นาม ชาตาฯ

    Evaṃ jīvitaṃ cavitvā saccamanurakkhantassa saccapāramitā paramatthapāramī nāma jātā.

    มูคปกฺขชาตเก –

    Mūgapakkhajātake –

    ‘‘มาตา ปิตา น เม เทสฺสา, นปิ เทสฺสํ มหายสํ;

    ‘‘Mātā pitā na me dessā, napi dessaṃ mahāyasaṃ;

    สพฺพญฺญุตํ ปิยํ มยฺหํ, ตสฺมา วตมธิฎฺฐหิ’’นฺติฯ –

    Sabbaññutaṃ piyaṃ mayhaṃ, tasmā vatamadhiṭṭhahi’’nti. –

    เอวํ ชีวิตํ จชิตฺวา วตํ อธิฎฺฐหนฺตสฺส อธิฎฺฐานปารมิตา ปรมตฺถปารมี นาม ชาตาฯ

    Evaṃ jīvitaṃ cajitvā vataṃ adhiṭṭhahantassa adhiṭṭhānapāramitā paramatthapāramī nāma jātā.

    เอกราชชาตเก –

    Ekarājajātake –

    ‘‘น มํ โกจิ อุตฺตสติ, นปิหํ ภายามิ กสฺสจิ;

    ‘‘Na maṃ koci uttasati, napihaṃ bhāyāmi kassaci;

    เมตฺตาพเลนุปตฺถโทฺธ, รมามิ ปวเน ตทา’’ติฯ (จริยา. ๓.๑๑๓) –

    Mettābalenupatthaddho, ramāmi pavane tadā’’ti. (cariyā. 3.113) –

    เอวํ ชีวิตํ อนปโลเกตฺวา เมตฺตายนฺตสฺส เมตฺตาปารมิตา ปรมตฺถปารมี นาม ชาตาฯ

    Evaṃ jīvitaṃ anapaloketvā mettāyantassa mettāpāramitā paramatthapāramī nāma jātā.

    โลมหํสชาตเก –

    Lomahaṃsajātake –

    ‘‘สุสาเน เสยฺยํ กเปฺปมิ, ฉวฎฺฐิกํ อุปนิธายหํ;

    ‘‘Susāne seyyaṃ kappemi, chavaṭṭhikaṃ upanidhāyahaṃ;

    คามณฺฑลา อุปาคนฺตฺวา, รูปํ ทเสฺสนฺติ นปฺปก’’นฺติฯ –

    Gāmaṇḍalā upāgantvā, rūpaṃ dassenti nappaka’’nti. –

    เอวํ คามทารเกสุ นิฎฺฐุภนาทีหิ เจว มาลาคนฺธูปหาราทีหิ จ สุขทุกฺขํ อุปฺปาเทเนฺตสุปิ อุเปกฺขนํ อนติวเตฺตนฺตสฺส อุเปกฺขาปารมิตา ปรมตฺถปารมี นาม ชาตาฯ อยเมตฺถ สเงฺขโป, วิตฺถารโต ปเนส อโตฺถ จริยาปิฎกโต คเหตโพฺพฯ

    Evaṃ gāmadārakesu niṭṭhubhanādīhi ceva mālāgandhūpahārādīhi ca sukhadukkhaṃ uppādentesupi upekkhanaṃ anativattentassa upekkhāpāramitā paramatthapāramī nāma jātā. Ayamettha saṅkhepo, vitthārato panesa attho cariyāpiṭakato gahetabbo.

    เอวํ ปารมิโย ปูเรตฺวา เวสฺสนฺตรตฺตภาเว ฐิโต –

    Evaṃ pāramiyo pūretvā vessantarattabhāve ṭhito –

    ‘‘อเจตนายํ ปถวี, อวิญฺญาย สุขํ ทุขํ;

    ‘‘Acetanāyaṃ pathavī, aviññāya sukhaṃ dukhaṃ;

    สาปิ ทานพลา มยฺหํ, สตฺตกฺขตฺตุํ ปกมฺปถา’’ติฯ (จริยา. ๑.๑๒๔);

    Sāpi dānabalā mayhaṃ, sattakkhattuṃ pakampathā’’ti. (cariyā. 1.124);

    เอวํ มหาปถวีกมฺปนานิ มหาปุญฺญานิ กตฺวา อายุปริโยสาเน ตโต จุโต ตุสิตภวเน นิพฺพตฺติ, ตตฺถ อเญฺญ เทเว ทสหิ ฐาเนหิ อธิคณฺหิตฺวา ‘‘ยาวตายุกํ ทิพฺพสมฺปตฺติํ อนุภวโนฺต มนุสฺสคณนาย อิทานิ สตฺตหิ ทิวเสหิ อายุกฺขยํ ปาปุณิสฺสตี’’ติ วตฺถานิ กิลิสฺสนฺติ, มาลา มิลายนฺติ, กเจฺฉหิ เสทา มุจฺจนฺติ, กาเย เววณฺณิยํ โอกฺกมติ, เทโว เทวาสเน น สณฺฐหตีติ อิเมสุ ปญฺจสุ ปุพฺพนิมิเตฺตสุ อุปฺปเนฺนสุ ตานิ ทิสฺวา ‘‘สุญฺญา วต โภ สคฺคา ภวิสฺสนฺตี’’ติ สํเวคชาตาหิ เทวตาหิ มหาสตฺตสฺส ปูริตปารมิภาวํ ญตฺวา ‘‘อิมสฺมิํ อิทานิ อญฺญํ เทวโลกํ อนุปคนฺตฺวา มนุสฺสโลเก อุปฺปชฺชิตฺวา พุทฺธภาวํ ปเตฺต ปุญฺญานิ กตฺวา จุตา จุตา มนุสฺสา เทวโลกํ ปริปูเรสฺสนฺตี’’ติ จิเนฺตตฺวา –

    Evaṃ mahāpathavīkampanāni mahāpuññāni katvā āyupariyosāne tato cuto tusitabhavane nibbatti, tattha aññe deve dasahi ṭhānehi adhigaṇhitvā ‘‘yāvatāyukaṃ dibbasampattiṃ anubhavanto manussagaṇanāya idāni sattahi divasehi āyukkhayaṃ pāpuṇissatī’’ti vatthāni kilissanti, mālā milāyanti, kacchehi sedā muccanti, kāye vevaṇṇiyaṃ okkamati, devo devāsane na saṇṭhahatīti imesu pañcasu pubbanimittesu uppannesu tāni disvā ‘‘suññā vata bho saggā bhavissantī’’ti saṃvegajātāhi devatāhi mahāsattassa pūritapāramibhāvaṃ ñatvā ‘‘imasmiṃ idāni aññaṃ devalokaṃ anupagantvā manussaloke uppajjitvā buddhabhāvaṃ patte puññāni katvā cutā cutā manussā devalokaṃ paripūressantī’’ti cintetvā –

    ‘‘ยโตหํ ตุสิเต กาเย, สนฺตุสิโต นามหํ ตทา;

    ‘‘Yatohaṃ tusite kāye, santusito nāmahaṃ tadā;

    ทสสหสฺสี สมาคนฺตฺวา, ยาจนฺติ ปญฺชลี มมํฯ

    Dasasahassī samāgantvā, yācanti pañjalī mamaṃ.

    ‘‘กาโล เทว มหาวีร, อุปฺปชฺช มาตุกุจฺฉิยํ;

    ‘‘Kālo deva mahāvīra, uppajja mātukucchiyaṃ;

    สเทวกํ ตารยโนฺต, พุชฺฌสฺสุ อมตํ ปท’’นฺติฯ (พุ. วํ. ๑.๖๖-๖๗);

    Sadevakaṃ tārayanto, bujjhassu amataṃ pada’’nti. (bu. vaṃ. 1.66-67);

    เอวํ พุทฺธภาวตฺถาย อายาจิโต กาลํ, ทีปํ, เทสํ, กุลํ, ชเนตฺติยา อายุปฺปมาณนฺติ อิมานิ ปญฺจ มหาวิโลกนานิ วิโลเกตฺวา กตสนฺนิฎฺฐาโน ตโต จุโต สกฺยราชกุเล ปฎิสนฺธิํ คเหตฺวา ตตฺถ มหาสมฺปตฺติยา ปริหริยมาโน อนุกฺกเมน ภทฺรโยพฺพนํ อนุปาปุณิฯ อิมสฺมิํ อนฺตเร ‘‘สโต สมฺปชาโน อานนฺท โพธิสโตฺต ตุสิตา กายา จวิตฺวา มาตุกุจฺฉิํ โอกฺกมี’’ติอาทีนํ (ม. นิ. ๓.๒๐๐) สุตฺตปทานเญฺจว เตสํ อฎฺฐกถาย จ วเสน วิตฺถาโร เวทิตโพฺพฯ

    Evaṃ buddhabhāvatthāya āyācito kālaṃ, dīpaṃ, desaṃ, kulaṃ, janettiyā āyuppamāṇanti imāni pañca mahāvilokanāni viloketvā katasanniṭṭhāno tato cuto sakyarājakule paṭisandhiṃ gahetvā tattha mahāsampattiyā parihariyamāno anukkamena bhadrayobbanaṃ anupāpuṇi. Imasmiṃ antare ‘‘sato sampajāno ānanda bodhisatto tusitā kāyā cavitvā mātukucchiṃ okkamī’’tiādīnaṃ (ma. ni. 3.200) suttapadānañceva tesaṃ aṭṭhakathāya ca vasena vitthāro veditabbo.

    โส ติณฺณํ อุตูนํ อนุจฺฉวิเกสุ ตีสุ ปาสาเทสุ เทวโลกสิริํ วิย รชฺชสิริํ อนุภวมาโน อุยฺยานกีฬาย คมนสมเย อนุกฺกเมน ชิณฺณพฺยาธิมตสงฺขาเต ตโย เทวทูเต ทิสฺวา สญฺชาตสํเวโค นิวตฺติตฺวา จตุตฺถวาเร ปพฺพชิตํ ทิสฺวา ‘สาธุ ปพฺพชฺชา’ติ ปพฺพชฺชาย รุจิํ อุปฺปาเทตฺวา อุยฺยานํ คนฺตฺวา ตตฺถ ทิวสภาคํ เขเปตฺวา มงฺคลโปกฺขรณีตีเร นิสิโนฺน กปฺปกเวสํ คเหตฺวา อาคเตน วิสฺสกเมฺมน เทวปุเตฺตน อลงฺกตปฎิยโตฺต ราหุลภทฺทสฺส ชาตสาสนํ สุตฺวา ปุตฺตสิเนหสฺส พลวภาวํ ญตฺวา ‘ยาว อิทํ พนฺธนํ น วฑฺฒติ ตาวเทว นํ ฉินฺทิสฺสามี’ติ จิเนฺตตฺวา สายํ นครํ ปวิสโนฺต –

    So tiṇṇaṃ utūnaṃ anucchavikesu tīsu pāsādesu devalokasiriṃ viya rajjasiriṃ anubhavamāno uyyānakīḷāya gamanasamaye anukkamena jiṇṇabyādhimatasaṅkhāte tayo devadūte disvā sañjātasaṃvego nivattitvā catutthavāre pabbajitaṃ disvā ‘sādhu pabbajjā’ti pabbajjāya ruciṃ uppādetvā uyyānaṃ gantvā tattha divasabhāgaṃ khepetvā maṅgalapokkharaṇītīre nisinno kappakavesaṃ gahetvā āgatena vissakammena devaputtena alaṅkatapaṭiyatto rāhulabhaddassa jātasāsanaṃ sutvā puttasinehassa balavabhāvaṃ ñatvā ‘yāva idaṃ bandhanaṃ na vaḍḍhati tāvadeva naṃ chindissāmī’ti cintetvā sāyaṃ nagaraṃ pavisanto –

    ‘‘นิพฺพุตา นูน สา มาตา, นิพฺพุโต นูน โส ปิตา;

    ‘‘Nibbutā nūna sā mātā, nibbuto nūna so pitā;

    นิพฺพุตา นูน สา นารี, ยสฺสายํ อีทิโส ปตี’’ติฯ (พุ. วํ. อฎฺฐ. ๒๗ อวิทูเรนิทานกถา; ธ. ป. อฎฺฐ. ๑.๑๐ สาริปุตฺตเตฺถรวตฺถุ; อป. อฎฺฐ. ๑.อวิทูเรนิทานกถา; ชา. อฎฺฐ. ๑.อวิทูเรนิทานกถา);

    Nibbutā nūna sā nārī, yassāyaṃ īdiso patī’’ti. (bu. vaṃ. aṭṭha. 27 avidūrenidānakathā; dha. pa. aṭṭha. 1.10 sāriputtattheravatthu; apa. aṭṭha. 1.avidūrenidānakathā; jā. aṭṭha. 1.avidūrenidānakathā);

    กิสาโคตมิยา นาม ปิตุจฺฉาธีตาย ภาสิตํ อิมํ คาถํ สุตฺวา, ‘อหํ อิมาย นิพฺพุตปทํ สาวิโต’ติ คีวโต สตสหสฺสคฺฆนิกํ มุตฺตาหารํ มุญฺจิตฺวา, ตสฺสา เปเสตฺวา, อตฺตโน ภวนํ ปวิสิตฺวา, สิริสยเน นิสิโนฺน นิทฺทาวเสน นาฎกานํ วิปฺปการํ ทิสฺวา, นิพฺพินฺนหทโย ฉนฺนํ อุฎฺฐาเปตฺวา, กณฺฑกํ อาหราเปตฺวา, กณฺฑกํ อารุยฺห, ฉนฺนสหาโยว ทสสหสฺสิโลกธาตุเทวตาหิ กตปริวาโร มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมิตฺวา, เตเนว รตฺตาวเสเสน ตีณิ มหารชฺชานิ อติกฺกมฺม อโนมานทีตีเร ปพฺพชิตฺวา, อนุกฺกเมน ราชคหํ คนฺตฺวา, ตตฺถ ปิณฺฑาย จริตฺวา, ปณฺฑวปพฺพตปพฺภาเร นิสิโนฺน มคธราเชน รเชฺชน นิมนฺติยมาโน ตํ ปฎิกฺขิปิตฺวา, สพฺพญฺญุตํ ปตฺวา ตสฺส วิชิตํ อาคมนตฺถาย เตน คหิตปฎิโญฺญ , อาฬารญฺจ อุทกญฺจ อุปสงฺกมิตฺวา, เตสํ สนฺติเก อธิคตวิเสเสน อปริตุโฎฺฐ ฉพฺพสฺสานิ มหาปธานํ ปทหิตฺวา, วิสาขาปุณฺณมทิวเส ปาโตว เสนานิคเม สุชาตาย ทินฺนํ ปายาสํ ปริภุญฺชิตฺวา, เนรญฺชราย นทิยา สุวณฺณปาติํ ปวาเหตฺวา, เนรญฺชราย ตีเร มหาวนสเณฺฑ นานาสมาปตฺตีหิ ทิวสภาคํ วีตินาเมตฺวา, สายนฺหสมเย โสตฺถิเยน ทินฺนํ อฎฺฐติณมุฎฺฐิํ คเหตฺวา, กาเฬน นาคราเชน อภิตฺถุตคุโณ โพธิมณฺฑํ อารุยฺห ติณานิ สนฺถริตฺวา, ‘น ตาวิมํ ปลฺลงฺกํ ภินฺทิสฺสามิ ยาว เม น อนุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตํ วิมุจฺจิสฺสตี’ติ ปฎิญฺญํ กตฺวา, ปาจีนทิสาภิมุโข นิสีทิตฺวา, สูริเย อนตฺถงฺคมิเตเยว มารพลํ วิธมิตฺวา, ปฐมยาเม ปุเพฺพนิวาสญาณํ, มชฺฌิมยาเม จุตูปปาตญาณํ ปตฺวา, ปจฺฉิมยามาวสาเน ทสพลจตุเวสารชฺชาทิสพฺพพุทฺธคุณปฎิมณฺฑิตํ สพฺพญฺญุตญฺญาณํ ปฎิวิชฺฌโนฺตเยว อิมํ อภิธมฺมนยสมุทฺทํ อธิคญฺฉิฯ เอวมสฺส อธิคมนิทานํ เวทิตพฺพํฯ

    Kisāgotamiyā nāma pitucchādhītāya bhāsitaṃ imaṃ gāthaṃ sutvā, ‘ahaṃ imāya nibbutapadaṃ sāvito’ti gīvato satasahassagghanikaṃ muttāhāraṃ muñcitvā, tassā pesetvā, attano bhavanaṃ pavisitvā, sirisayane nisinno niddāvasena nāṭakānaṃ vippakāraṃ disvā, nibbinnahadayo channaṃ uṭṭhāpetvā, kaṇḍakaṃ āharāpetvā, kaṇḍakaṃ āruyha, channasahāyova dasasahassilokadhātudevatāhi kataparivāro mahābhinikkhamanaṃ nikkhamitvā, teneva rattāvasesena tīṇi mahārajjāni atikkamma anomānadītīre pabbajitvā, anukkamena rājagahaṃ gantvā, tattha piṇḍāya caritvā, paṇḍavapabbatapabbhāre nisinno magadharājena rajjena nimantiyamāno taṃ paṭikkhipitvā, sabbaññutaṃ patvā tassa vijitaṃ āgamanatthāya tena gahitapaṭiñño , āḷārañca udakañca upasaṅkamitvā, tesaṃ santike adhigatavisesena aparituṭṭho chabbassāni mahāpadhānaṃ padahitvā, visākhāpuṇṇamadivase pātova senānigame sujātāya dinnaṃ pāyāsaṃ paribhuñjitvā, nerañjarāya nadiyā suvaṇṇapātiṃ pavāhetvā, nerañjarāya tīre mahāvanasaṇḍe nānāsamāpattīhi divasabhāgaṃ vītināmetvā, sāyanhasamaye sotthiyena dinnaṃ aṭṭhatiṇamuṭṭhiṃ gahetvā, kāḷena nāgarājena abhitthutaguṇo bodhimaṇḍaṃ āruyha tiṇāni santharitvā, ‘na tāvimaṃ pallaṅkaṃ bhindissāmi yāva me na anupādāya āsavehi cittaṃ vimuccissatī’ti paṭiññaṃ katvā, pācīnadisābhimukho nisīditvā, sūriye anatthaṅgamiteyeva mārabalaṃ vidhamitvā, paṭhamayāme pubbenivāsañāṇaṃ, majjhimayāme cutūpapātañāṇaṃ patvā, pacchimayāmāvasāne dasabalacatuvesārajjādisabbabuddhaguṇapaṭimaṇḍitaṃ sabbaññutaññāṇaṃ paṭivijjhantoyeva imaṃ abhidhammanayasamuddaṃ adhigañchi. Evamassa adhigamanidānaṃ veditabbaṃ.

    เอวํ อธิคตาภิธโมฺม เอกปลฺลเงฺกน นิสินฺนสตฺตาหํ อนิมิสสตฺตาหํ จงฺกมนสตฺตาหญฺจ อติกฺกมิตฺวา, จตุเตฺถ สตฺตาเห สยมฺภูญาณาธิคเมน อธิคตํ อภิธมฺมํ วิจินิตฺวา อปรานิปิ อชปาลมุจลินฺทราชายตเนสุ ตีณิ สตฺตาหานิ วีตินาเมตฺวา, อฎฺฐเม สตฺตาเห อชปาลนิโคฺรธรุกฺขมูเล นิสิโนฺน ธมฺมคมฺภีรตาปจฺจเวกฺขเณน อโปฺปสฺสุกฺกตํ อาปชฺชมาโน ทสสหสฺสิมหาพฺรหฺมปริวาเรน สหมฺปติพฺรหฺมุนา อายาจิตธมฺมเทสโน พุทฺธจกฺขุนา โลกํ โอโลเกตฺวา, พฺรหฺมุโน อเชฺฌสนํ อาทาย ‘‘กสฺส นุ โข อหํ ปฐมํ ธมฺมํ เทเสยฺย’นฺติ โอโลเกโนฺต อาฬารุทกานํ กาลงฺกตภาวํ ญตฺวา, ปญฺจวคฺคิยานํ ภิกฺขูนํ พหูปการตํ อนุสฺสริตฺวา, อุฎฺฐายาสนา กาสิปุรํ คจฺฉโนฺต อนฺตรามเคฺค อุปเกน สทฺธิํ มเนฺตตฺวา, อาสาฬฺหีปุณฺณมทิวเส อิสิปตเน มิคทาเย ปญฺจวคฺคิยานํ ภิกฺขูนํ วสนฎฺฐานํ ปตฺวา,เต อนนุจฺฉวิเกน สมุทาจาเรน สมุทาจรเนฺต สญฺญาเปตฺวา, ธมฺมจกฺกํ ปวเตฺตโนฺต อญฺญาสิโกณฺฑญฺญเตฺถรปฺปมุขา อฎฺฐารส พฺรหฺมโกฎิโย อมตปานํ ปาเยสิฯ เอวํ ยาว ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนา เทสนานิทานํ เวทิตพฺพํฯ อยเมตฺถ สเงฺขโปฯ วิตฺถาโร ปน สาฎฺฐกถานํ อริยปริเยสน(ม. นิ. ๑.๒๗๔) ปพฺพชฺชสุตฺตาทีนํ (สุ. นิ. ๔๐๗ อาทโย) วเสน เวทิตโพฺพฯ

    Evaṃ adhigatābhidhammo ekapallaṅkena nisinnasattāhaṃ animisasattāhaṃ caṅkamanasattāhañca atikkamitvā, catutthe sattāhe sayambhūñāṇādhigamena adhigataṃ abhidhammaṃ vicinitvā aparānipi ajapālamucalindarājāyatanesu tīṇi sattāhāni vītināmetvā, aṭṭhame sattāhe ajapālanigrodharukkhamūle nisinno dhammagambhīratāpaccavekkhaṇena appossukkataṃ āpajjamāno dasasahassimahābrahmaparivārena sahampatibrahmunā āyācitadhammadesano buddhacakkhunā lokaṃ oloketvā, brahmuno ajjhesanaṃ ādāya ‘‘kassa nu kho ahaṃ paṭhamaṃ dhammaṃ deseyya’nti olokento āḷārudakānaṃ kālaṅkatabhāvaṃ ñatvā, pañcavaggiyānaṃ bhikkhūnaṃ bahūpakārataṃ anussaritvā, uṭṭhāyāsanā kāsipuraṃ gacchanto antarāmagge upakena saddhiṃ mantetvā, āsāḷhīpuṇṇamadivase isipatane migadāye pañcavaggiyānaṃ bhikkhūnaṃ vasanaṭṭhānaṃ patvā,te ananucchavikena samudācārena samudācarante saññāpetvā, dhammacakkaṃ pavattento aññāsikoṇḍaññattherappamukhā aṭṭhārasa brahmakoṭiyo amatapānaṃ pāyesi. Evaṃ yāva dhammacakkappavattanā desanānidānaṃ veditabbaṃ. Ayamettha saṅkhepo. Vitthāro pana sāṭṭhakathānaṃ ariyapariyesana(ma. ni. 1.274) pabbajjasuttādīnaṃ (su. ni. 407 ādayo) vasena veditabbo.

    เอวํ อธิคมนิทานเทสนานิทานสมฺปนฺนสฺส ปนสฺส อภิธมฺมสฺส อปรานิปิ ทูเรนิทานํ, อวิทูเรนิทานํ, สนฺติเกนิทานนฺติ ตีณิ นิทานานิฯ ตตฺถ ทีปงฺกรปาทมูลโต ปฎฺฐาย ยาว ตุสิตปุรา ทูเรนิทานํ เวทิตพฺพํฯ ตุสิตปุรโต ปฎฺฐาย ยาว โพธิมณฺฑา อวิทูเรนิทานํฯ ‘เอกํ สมยํ ภควา เทเวสุ วิหรติ ตาวติํเสสุ ปาริจฺฉตฺตกมูเล ปณฺฑุกมฺพลสิลายํ, ตตฺถ โข ภควา เทวานํ ตาวติํสานํ อภิธมฺมกถํ กเถสี’ติ อิทมสฺส สนฺติเกนิทานํฯ อยํ ตาว นิทานกถาฯ

    Evaṃ adhigamanidānadesanānidānasampannassa panassa abhidhammassa aparānipi dūrenidānaṃ, avidūrenidānaṃ, santikenidānanti tīṇi nidānāni. Tattha dīpaṅkarapādamūlato paṭṭhāya yāva tusitapurā dūrenidānaṃ veditabbaṃ. Tusitapurato paṭṭhāya yāva bodhimaṇḍā avidūrenidānaṃ. ‘Ekaṃ samayaṃ bhagavā devesu viharati tāvatiṃsesu pāricchattakamūle paṇḍukambalasilāyaṃ, tattha kho bhagavā devānaṃ tāvatiṃsānaṃ abhidhammakathaṃ kathesī’ti idamassa santikenidānaṃ. Ayaṃ tāva nidānakathā.

    นิทานกถา นิฎฺฐิตาฯ

    Nidānakathā niṭṭhitā.





    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact