Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ธมฺมสงฺคณี-อนุฎีกา • Dhammasaṅgaṇī-anuṭīkā

    นิทานกถาวณฺณนา

    Nidānakathāvaṇṇanā

    ปริเจฺฉโท สตฺตปฺปกรณภาโวฯ สนฺนิเวโส สตฺตนฺนํ ปกรณานํ ตทวยวานญฺจ ววตฺถานํฯ สาคเรหิ ตถา จินฺตาติ ‘‘อิมสฺส อภิธมฺมสฺส คมฺภีรภาววิชานนตฺถํ จตฺตาโร สาครา เวทิตพฺพา’’ติอาทินา นเยน ชลสาคราทีหิ สห นยสาครวิจาโรฯ ‘‘สตภาเคน สหสฺสภาเคน ธมฺมนฺตรา ธมฺมนฺตรํ สงฺกมิตฺวา สงฺกมิตฺวา เทเสสี’’ติอาทินา เทสนาเภเทหิ อภิธมฺมสฺส คมฺภีรภาวกถา เทสนาหิ คมฺภีรตา

    Paricchedo sattappakaraṇabhāvo. Sanniveso sattannaṃ pakaraṇānaṃ tadavayavānañca vavatthānaṃ. Sāgarehi tathā cintāti ‘‘imassa abhidhammassa gambhīrabhāvavijānanatthaṃ cattāro sāgarā veditabbā’’tiādinā nayena jalasāgarādīhi saha nayasāgaravicāro. ‘‘Satabhāgena sahassabhāgena dhammantarā dhammantaraṃ saṅkamitvā saṅkamitvā desesī’’tiādinā desanābhedehi abhidhammassa gambhīrabhāvakathā desanāhi gambhīratā.

    ‘‘เอวํ เตมาสํ นิรนฺตรํ เทเสนฺตสฺสา’’ติอาทินา เทสนากาเล ภควโต สรีรสฺส ยาปิตาการวิจาโร เทสนา…เป.… คหณํฯ ตถา เถรสฺส…เป.…ปิ จาติ ‘‘อภิธเมฺม วาจนามโคฺค นามา’’ติอาทินา อภิธเมฺม วาจนามคฺคสฺส สาริปุตฺตเตฺถรสมฺพนฺธิตตา ตสฺส จ เตเนว อุปฺปาทิตตาฯ โย หิ ภควตา เทวตานํ เทสิตากาโร, โส อปริจฺฉินฺนวารนยตนฺติตาย อนโนฺต อปริมาโณ น ภิกฺขูนํ วาจนาโยโคฺค, โย จ เถรสฺส เทสิตากาโร, โส อติสํขิตฺตตายฯ นาติสเงฺขปนาติวิตฺถารภูโต ปน ปาฐนโย เถรปฺปภาวิโต วาจนามโคฺคติฯ

    ‘‘Evaṃ temāsaṃ nirantaraṃ desentassā’’tiādinā desanākāle bhagavato sarīrassa yāpitākāravicāro desanā…pe… gahaṇaṃ. Tathā therassa…pe…pi cāti ‘‘abhidhamme vācanāmaggo nāmā’’tiādinā abhidhamme vācanāmaggassa sāriputtattherasambandhitatā tassa ca teneva uppāditatā. Yo hi bhagavatā devatānaṃ desitākāro, so aparicchinnavāranayatantitāya ananto aparimāṇo na bhikkhūnaṃ vācanāyoggo, yo ca therassa desitākāro, so atisaṃkhittatāya. Nātisaṅkhepanātivitthārabhūto pana pāṭhanayo therappabhāvito vācanāmaggoti.

    วจนตฺถวิชานเนนาติอาทินา กุสลา ธมฺมาติอาทิปทานเญฺญว อตฺถวณฺณนํ อกตฺวา อภิธมฺม-สทฺทวิจารสฺส สมฺพนฺธมาหฯ ‘‘เย เต มยา ธมฺมา อภิญฺญา เทสิตาฯ เสยฺยถิทํ – จตฺตาโร สติปฎฺฐานา…เป.… สิกฺขิตํ สิกฺขิํสุ เทฺว ภิกฺขู อภิธเมฺม นานาวาทา’’ติอาทิสุตฺตวเสน กิญฺจาปิ โพธิปกฺขิยธมฺมา ‘‘อภิธโมฺม’’ติ วุจฺจนฺติ, ธมฺม-สโทฺท จ สมาธิอาทีสุ ทิฎฺฐปฺปโยโค, ปริยตฺติธโมฺม เอว ปน อิธ อธิเปฺปโตติ ทเสฺสโนฺต ‘‘สุตฺตนฺตาธิกา ปาฬีติ อโตฺถ’’ติ อาหฯ ตตฺถ ธมฺมพฺยภิจารภาเวน วิเสสโต อภิธโมฺม วิย สุตฺตโนฺตปิ ‘‘ธโมฺม’’ติ วุจฺจติฯ ‘‘โย โว, อานนฺท, มยา ธโมฺม จ วินโย จ เทสิโต ปญฺญโตฺต’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๒๑๖) อญฺญตฺถ จ สมฺภวโต อภิ-สเทฺทน นิวเตฺตตพฺพตฺถํ ทีเปตุํ ‘‘สุตฺตนฺตา’’ติ วุตฺตํฯ นนุ จ อติเรกวิเสสฎฺฐา ภินฺนสภาวา ยโต เต ยถากฺกมํ อธิกวิจิตฺตปริยาเยหิ โพธิตา, ตสฺมา ‘‘ธมฺมาติเรกธมฺมวิเสสเฎฺฐหี’’ติ พหุวจเนน ภวิตพฺพํ, น เอกวจเนนาติ อนุโยคํ มนสิ กตฺวา อาห ‘‘ทฺวินฺนมฺปิ…เป.… เอกวจนนิเทฺทโส กโต’’ติฯ

    Vacanatthavijānanenātiādinā kusalā dhammātiādipadānaññeva atthavaṇṇanaṃ akatvā abhidhamma-saddavicārassa sambandhamāha. ‘‘Ye te mayā dhammā abhiññā desitā. Seyyathidaṃ – cattāro satipaṭṭhānā…pe… sikkhitaṃ sikkhiṃsu dve bhikkhū abhidhamme nānāvādā’’tiādisuttavasena kiñcāpi bodhipakkhiyadhammā ‘‘abhidhammo’’ti vuccanti, dhamma-saddo ca samādhiādīsu diṭṭhappayogo, pariyattidhammo eva pana idha adhippetoti dassento ‘‘suttantādhikā pāḷīti attho’’ti āha. Tattha dhammabyabhicārabhāvena visesato abhidhammo viya suttantopi ‘‘dhammo’’ti vuccati. ‘‘Yo vo, ānanda, mayā dhammo ca vinayo ca desito paññatto’’tiādīsu (dī. ni. 1.216) aññattha ca sambhavato abhi-saddena nivattetabbatthaṃ dīpetuṃ ‘‘suttantā’’ti vuttaṃ. Nanu ca atirekavisesaṭṭhā bhinnasabhāvā yato te yathākkamaṃ adhikavicittapariyāyehi bodhitā, tasmā ‘‘dhammātirekadhammavisesaṭṭhehī’’ti bahuvacanena bhavitabbaṃ, na ekavacanenāti anuyogaṃ manasi katvā āha ‘‘dvinnampi…pe… ekavacananiddeso kato’’ti.

    ปโยคเมว นารหติ อุปสคฺค-สทฺทานํ ธาตุ-สทฺทเสฺสว ปุรโต ปโยชนียตฺตาฯ อถาปิ ปยุเชฺชยฺย อติมาลาทีสุ อติ-สทฺทาทโย วิยฯ เอวมฺปิ ยถา ‘‘อติมาลา’’ติ เอตฺถ สมาสวเสน อนาวิภูตาย กมนกิริยาย วิเสสโก อติ-สโทฺท, น มาลาย, เอวมิธาปิ อภิ-สโทฺท น ธมฺมวิเสสโก ยุโตฺตติ อธิปฺปาโยฯ อญฺญสฺสปิ หิ อุปสคฺคสฺสาติ อิทํ รุฬฺหีวเสน, อเตฺถ อุปสชฺชตีติ วา อุปสคฺคสฺส อนฺวตฺถสญฺญตํ คเหตฺวา วุตฺตํฯ อติฉตฺตาทีสุ หิ อติ-สโทฺท อิธ อุปสโคฺคติ อธิเปฺปโตฯ ตตฺถ ยถา กลฺยาโณ ปูชิโต วา ปุริโส อติปุริโสติ ภวติ, เอวํ อติเรกวิเสสฎฺฐานมฺปิ กลฺยาณปูชิตตฺถภาวสมฺภวโต กลฺยาณํ วา ปูชิตํ วา ฉตฺตํ อติฉตฺตนฺติ สทฺทนโย เวทิตโพฺพฯ กลฺยาณปูชิตภาวา หิ คุณวิเสสโยเคน อิจฺฉิตพฺพาฯ คุณวิเสโส เจส ยทิทํ ปมาณาติเรโก จ วิจิตฺตรูปตา จฯ เอวญฺจ ปน กตฺวา ‘‘อกิริยายปี’’ติ วจนํ สมตฺถิตํ ภวติฯ ยถา จ อติฉตฺตาทีสุ, เอวํ อภิธมฺม-สเทฺทปิ ทฎฺฐพฺพํฯ อเนกตฺถา หิ นิปาตาติฯ ตพฺภาวทีปกตฺตาติ อติเรกวิเสสภาวทีปกตฺตาฯ

    Payogameva nārahati upasagga-saddānaṃ dhātu-saddasseva purato payojanīyattā. Athāpi payujjeyya atimālādīsu ati-saddādayo viya. Evampi yathā ‘‘atimālā’’ti ettha samāsavasena anāvibhūtāya kamanakiriyāya visesako ati-saddo, na mālāya, evamidhāpi abhi-saddo na dhammavisesako yuttoti adhippāyo. Aññassapi hi upasaggassāti idaṃ ruḷhīvasena, atthe upasajjatīti vā upasaggassa anvatthasaññataṃ gahetvā vuttaṃ. Atichattādīsu hi ati-saddo idha upasaggoti adhippeto. Tattha yathā kalyāṇo pūjito vā puriso atipurisoti bhavati, evaṃ atirekavisesaṭṭhānampi kalyāṇapūjitatthabhāvasambhavato kalyāṇaṃ vā pūjitaṃ vā chattaṃ atichattanti saddanayo veditabbo. Kalyāṇapūjitabhāvā hi guṇavisesayogena icchitabbā. Guṇaviseso cesa yadidaṃ pamāṇātireko ca vicittarūpatā ca. Evañca pana katvā ‘‘akiriyāyapī’’ti vacanaṃ samatthitaṃ bhavati. Yathā ca atichattādīsu, evaṃ abhidhamma-saddepi daṭṭhabbaṃ. Anekatthā hi nipātāti. Tabbhāvadīpakattāti atirekavisesabhāvadīpakattā.

    เอกโต อนาคตตฺตาติ อิทํ สุตฺตเนฺต เอกโต อาคตานํ ขนฺธายตนาทีนํ สุตฺตนฺตภาชนียสฺส ทิฎฺฐตฺตา ‘‘ฉ อิมานิ, ภิกฺขเว, อินฺทฺริยานี’’ติอาทินา (สํ. นิ. ๕.๔๙๕-๔๙๖) จกฺขาทีนํ ฉนฺนํ อิตฺถินฺทฺริยาทีนํ ติณฺณํ สุขินฺทฺริยาทีนํ ปญฺจนฺนํ สทฺธินฺทฺริยาทีนํ ปญฺจนฺนํ อนญฺญาตญฺญสฺสามีตินฺทฺริยาทีนญฺจ ติณฺณํ วเสน วิสุํ วิสุํ สุตฺตนฺตภาเวน อาคตตฺตา เอกสุตฺตภาเวน อนาคตานํ พาวีสติยา อินฺทฺริยานํ สุตฺตนฺตภาชนียสฺส อทิฎฺฐตฺตา จ วุตฺตํ, น สุตฺตเนฺต เอกโต อาคมนสฺส สุตฺตนฺตภาชนียสฺส การณตฺตาฯ สุตฺตเนฺต เอกโต สเพฺพน สพฺพญฺจ อนาคตา หิ ภูมนฺตรปริเจฺฉทปฎิสมฺภิทา สุตฺตนฺตภาชนียวเสน วิภตฺตา ทิสฺสนฺติ, เอกโต อาคตานิ จ สิกฺขาปทานิ ตถา น วิภตฺตานิฯ เวรมณีนํ วิย ปน สภาวกิจฺจาทิวิภาควินิมุโตฺต พาวีสติยา อินฺทฺริยานํ สมาโน วิภชนปฺปกาโร นตฺถิ, โย สุตฺตนฺตภาชนียํ สิยาติ อินฺทฺริยวิภเงฺค สุตฺตนฺตภาชนียํ นตฺถีติ ยุตฺตํ สิยาฯ

    Ekato anāgatattāti idaṃ suttante ekato āgatānaṃ khandhāyatanādīnaṃ suttantabhājanīyassa diṭṭhattā ‘‘cha imāni, bhikkhave, indriyānī’’tiādinā (saṃ. ni. 5.495-496) cakkhādīnaṃ channaṃ itthindriyādīnaṃ tiṇṇaṃ sukhindriyādīnaṃ pañcannaṃ saddhindriyādīnaṃ pañcannaṃ anaññātaññassāmītindriyādīnañca tiṇṇaṃ vasena visuṃ visuṃ suttantabhāvena āgatattā ekasuttabhāvena anāgatānaṃ bāvīsatiyā indriyānaṃ suttantabhājanīyassa adiṭṭhattā ca vuttaṃ, na suttante ekato āgamanassa suttantabhājanīyassa kāraṇattā. Suttante ekato sabbena sabbañca anāgatā hi bhūmantaraparicchedapaṭisambhidā suttantabhājanīyavasena vibhattā dissanti, ekato āgatāni ca sikkhāpadāni tathā na vibhattāni. Veramaṇīnaṃ viya pana sabhāvakiccādivibhāgavinimutto bāvīsatiyā indriyānaṃ samāno vibhajanappakāro natthi, yo suttantabhājanīyaṃ siyāti indriyavibhaṅge suttantabhājanīyaṃ natthīti yuttaṃ siyā.

    ยทิปิ ปจฺจยธมฺมวินิมุโตฺต ปจฺจยภาโว นาม นตฺถิ, ยถา ปน ปวโตฺต ปจฺจยธโมฺม ปจฺจยุปฺปนฺนธมฺมานํ ปจฺจโย โหติ, โส ตสฺส ปวตฺติอาการวิเสโส เหตุอาทิภาโว ตโต อโญฺญ วิย ปจฺจยธมฺมสฺส ปจฺจยภาโวติ วุโตฺต, โส จ ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา สมฺภวนฺตี’’ติอาทีสุ ปธานภาเวน วุโตฺตฯ ตตฺถ จ คุณีภูตา เหตุเหตุผลภูตา อวิชฺชาสงฺขาราทโยติ วุตฺตํ ‘‘ปจฺจยภาโว อุทฺทิโฎฺฐ’’ติฯ อุทฺทิฎฺฐธมฺมานนฺติอาทิ อุเทฺทเสน ปริจฺฉินฺนานํเยว ขนฺธาทีนํ ขนฺธวิภงฺคาทีสุ ปญฺหปุจฺฉกนโย ทสฺสิโต, น อิโต อญฺญถาติ กตฺวา วุตฺตํฯ

    Yadipi paccayadhammavinimutto paccayabhāvo nāma natthi, yathā pana pavatto paccayadhammo paccayuppannadhammānaṃ paccayo hoti, so tassa pavattiākāraviseso hetuādibhāvo tato añño viya paccayadhammassa paccayabhāvoti vutto, so ca ‘‘avijjāpaccayā saṅkhārā sambhavantī’’tiādīsu padhānabhāvena vutto. Tattha ca guṇībhūtā hetuhetuphalabhūtā avijjāsaṅkhārādayoti vuttaṃ ‘‘paccayabhāvo uddiṭṭho’’ti. Uddiṭṭhadhammānantiādi uddesena paricchinnānaṃyeva khandhādīnaṃ khandhavibhaṅgādīsu pañhapucchakanayo dassito, na ito aññathāti katvā vuttaṃ.

    สุตฺตเนฺต สงฺคีติสุตฺตนฺตาทิเกฯ ปญฺจ สิกฺขาปทานิ ปาณาติปาตา…เป.… ปมาทฎฺฐานา เวรมณีติ เอวํ อุทฺทิฎฺฐานิฯ อโญฺญ ปน เวรมณีนํ วิภชิตพฺพปฺปกาโร นตฺถีติ อิทํ อตีตานิจฺจาทิวิภาโค เวรมณีนํ ขนฺธายตนาทีสุ อโนฺตคธตฺตา ตพฺพเสเนว วิชานิตโพฺพ, ตโต ปน อโญฺญ อภิธมฺมนยวิธุโร เวรมณีนํ วิภชิตพฺพปฺปกาโร นตฺถีติ อธิปฺปาเยน วุตฺตํฯ ตถา จ ปฎิสมฺภิทามเคฺค ‘‘จกฺขุํ อนิจฺจํ…เป.… ชรามรณํ อนิจฺจ’’นฺติ อนุปทธมฺมสมฺมสนกถายํ น เวรมณิโย อุทฺธฎาฯ

    Suttante saṅgītisuttantādike. Pañca sikkhāpadāni pāṇātipātā…pe… pamādaṭṭhānā veramaṇīti evaṃ uddiṭṭhāni. Añño pana veramaṇīnaṃ vibhajitabbappakāro natthīti idaṃ atītāniccādivibhāgo veramaṇīnaṃ khandhāyatanādīsu antogadhattā tabbaseneva vijānitabbo, tato pana añño abhidhammanayavidhuro veramaṇīnaṃ vibhajitabbappakāro natthīti adhippāyena vuttaṃ. Tathā ca paṭisambhidāmagge ‘‘cakkhuṃ aniccaṃ…pe… jarāmaraṇaṃ anicca’’nti anupadadhammasammasanakathāyaṃ na veramaṇiyo uddhaṭā.

    นนุ ธมฺมสงฺคณีธาตุกถาทีนมฺปิ วเสน อภิธมฺมปาฬิยา อติเรกวิเสสภาโว ทเสฺสตโพฺพติ? สจฺจเมตํ, โส ปน เอกนฺตอภิธมฺมนยนิสฺสิโต อวุโตฺตปิ สิโทฺธติ กตฺวา น ทสฺสิโตฯ เอเตน วา นิทสฺสเนน โสปิ สโพฺพ เนตโพฺพฯ อภิธมฺมนยสามเญฺญน วา อภิธมฺมภาชนียปญฺหปุจฺฉเกหิ โส วุโตฺต เอวาติ น วุโตฺตติ ทฎฺฐโพฺพฯ

    Nanu dhammasaṅgaṇīdhātukathādīnampi vasena abhidhammapāḷiyā atirekavisesabhāvo dassetabboti? Saccametaṃ, so pana ekantaabhidhammanayanissito avuttopi siddhoti katvā na dassito. Etena vā nidassanena sopi sabbo netabbo. Abhidhammanayasāmaññena vā abhidhammabhājanīyapañhapucchakehi so vutto evāti na vuttoti daṭṭhabbo.

    ปญฺหวาราติ ปุจฺฉนวิสฺสชฺชนวเสน ปวตฺตา ปาฬินยาฯ เอเตฺถวาติ ธมฺมหทยวิภเงฺค เอวฯ อเปกฺขาวสิกตฺตา อปฺปมหนฺตภาวสฺส ยโต อปฺปมตฺติกา มหาธาตุกถาตนฺติ ธมฺมหทยวิภงฺควจนวเสน อวเสสา, ตํ ทสฺสนตฺถํ ‘‘ธมฺมหทยวิภเงฺค อนาคนฺตฺวา มหาธมฺมหทเย อาคตตนฺติโต’’ติ วุตฺตํฯ ธมฺมหทย…เป.… อาคตตนฺติโต รูปกณฺฑธาตุวิภงฺคาทีสุ อนาคนฺตฺวา มหาธาตุกถายํ อาคตตนฺติ อปฺปมตฺติกาวาติ สมฺพโนฺธ ฯ อถ ธาตุกถาย วิตฺถารกถา มหาธาตุกถา ธมฺมหทยวิภเงฺค อนาคนฺตฺวา มหาธมฺมหทเย อาคตตนฺติโต ธาตุกถายํ อนาคนฺตฺวา มหาธาตุกถาย อาคตตนฺติ อปฺปมตฺติกาวาติ โยเชตพฺพํฯ

    Pañhavārāti pucchanavissajjanavasena pavattā pāḷinayā. Etthevāti dhammahadayavibhaṅge eva. Apekkhāvasikattā appamahantabhāvassa yato appamattikā mahādhātukathātanti dhammahadayavibhaṅgavacanavasena avasesā, taṃ dassanatthaṃ ‘‘dhammahadayavibhaṅge anāgantvā mahādhammahadaye āgatatantito’’ti vuttaṃ. Dhammahadaya…pe… āgatatantito rūpakaṇḍadhātuvibhaṅgādīsu anāgantvā mahādhātukathāyaṃ āgatatanti appamattikāvāti sambandho . Atha dhātukathāya vitthārakathā mahādhātukathā dhammahadayavibhaṅge anāgantvā mahādhammahadaye āgatatantito dhātukathāyaṃ anāgantvā mahādhātukathāya āgatatanti appamattikāvāti yojetabbaṃ.

    อุปลพฺภตีติ อนุโลมปจฺจนียปญฺจกสฺส, นุปลพฺภตีติ ปจฺจนียานุโลมปญฺจกสฺส อุปลกฺขณวเสน วุตฺตํฯ สจฺจิกฎฺฐํ นิสฺสยนฺติ ‘‘สพฺพตฺถา’’ติอาทินา เทสาทิอนามสเนน รูปาทิสตฺตปญฺญาสธมฺมปฺปเภทํ สจฺจิกฎฺฐเมว นิสฺสยภูตํฯ สพฺพตฺถาติ เอตฺถาปิ ‘‘อุปลพฺภติ นุปลพฺภตีติ ปฎิญฺญาย คหิตาย ปฎิเกฺขปคฺคหณตฺถ’’นฺติ อาเนตฺวา สมฺพนฺธนียํ, ตถา สพฺพทา สเพฺพสูติ เอตฺถาปิฯ ยทิ ขนฺธายตนาทโย คหิตา อฎฺฐกถายํ อาคตนเยน, อถ ปน วุตฺตนฺติ สมฺพโนฺธฯ โย สจฺจิกโฎฺฐติ สจฺจิกฎฺฐนิสฺสยํ อุปลเกฺขติฯ เอเตหีติ เอเตหิ วจเนหิฯ สจฺจิกฎฺฐเทสกาลปฺปเทเสหิ กถํ สจฺจิกฎฺฐาทีนํ ปเทโส เอกเทสภูโต สโพฺพติ วุจฺจติ? ปเทสานํ ปุถุตฺตาฯ ‘‘สเพฺพสุ ปเทเสสู’’ติ ปเจฺจกํ เภทามสนวเสน จายํ ปโญฺห ปวโตฺตติ น ปุริเมหิ อวเสโสฯ

    Upalabbhatīti anulomapaccanīyapañcakassa, nupalabbhatīti paccanīyānulomapañcakassa upalakkhaṇavasena vuttaṃ. Saccikaṭṭhaṃ nissayanti ‘‘sabbatthā’’tiādinā desādianāmasanena rūpādisattapaññāsadhammappabhedaṃ saccikaṭṭhameva nissayabhūtaṃ. Sabbatthāti etthāpi ‘‘upalabbhati nupalabbhatīti paṭiññāya gahitāya paṭikkhepaggahaṇattha’’nti ānetvā sambandhanīyaṃ, tathā sabbadā sabbesūti etthāpi. Yadi khandhāyatanādayo gahitā aṭṭhakathāyaṃ āgatanayena, atha pana vuttanti sambandho. Yo saccikaṭṭhoti saccikaṭṭhanissayaṃ upalakkheti. Etehīti etehi vacanehi. Saccikaṭṭhadesakālappadesehi kathaṃ saccikaṭṭhādīnaṃ padeso ekadesabhūto sabboti vuccati? Padesānaṃ puthuttā. ‘‘Sabbesu padesesū’’ti paccekaṃ bhedāmasanavasena cāyaṃ pañho pavattoti na purimehi avaseso.

    อุปลพฺภติ…เป.… มิจฺฉาติ เอกนฺติ อุปลพฺภตีติ ปฎิญฺญาคฺคหณปฎิเกฺขปคฺคหณนิคฺคณฺหนานํ อนุโลมปฎิโลมโต ปฎิญฺญาฐปนนิคฺคหปาปนาโรปนานญฺจ วเสน ปวตฺตา ตนฺติ ปฐมปญฺจกสฺส เอกํ องฺคํ เอโก อวยโวติ อโตฺถฯ เอวํ เสเสสุปิ เนตพฺพํฯ นิคฺคหสฺส สุนิคฺคหภาวํ อิจฺฉโต สกวาทิโน ‘‘ตฺวํ เจ ปน มญฺญสิ วตฺตเพฺพ โข ปุคฺคโล นุปลพฺภตี’’ติอาทินา (กถา. ๓) ปฎิญฺญาฐปเนน, เตน ‘‘ตว ตตฺถ เหตาย ปฎิญฺญาย เหวํ ปฎิชานโนฺต เหวํ นิคฺคเหตเพฺพ อถ ตํ นิคฺคณฺหาม สุนิคฺคหิโต จ โหตี’’ติ วตฺวา ‘‘หญฺจิ ปุคฺคโล นุปลพฺภตี’’ติอาทินา (กถา. ๒) ปรวาทิโน อตฺตโน ปฎิกมฺมํ ยถา สกวาที น นิเพฺพเฐติ, เอวํ กรณํ ปฎิกมฺมเวฐนํฯ ปรวาทิโน ปฎิกมฺมสฺส ทุปฺปฎิกมฺมภาวํ อิจฺฉโต สกวาทิโน ตํนิทสฺสเนน ‘‘เอโส เจ ทุนฺนิคฺคหิโต เหว’’นฺติ ปฎิกมฺมนิทสฺสเนน, ‘‘วตฺตเพฺพ โข ปุคฺคโล อุปลพฺภติ…เป.… ปรมเตฺถนาติ (กถา. ๑)ฯ โน จ มยํ ตยา ตตฺถ เหตาย ปฎิญฺญาย เหวํ ปฎิชานโนฺต เหวํ นิคฺคเหตพฺพาฯ อถ อเมฺห นิคฺคณฺหาสิ ทุนฺนิคฺคหิตา จ โหมา’’ติ วตฺวา ‘‘หญฺจิ ปุคฺคโล อุปลพฺภตี’’ติอาทินา (กถา. ๕) นิคฺคหสฺส ทุนฺนิคฺคหิตภาวทสฺสเนน อนิคฺคหิตภาวกรณํ นิคฺคหนิเพฺพฐนํฯ ‘‘เตน หิ ยํ นิคฺคณฺหาสิ หญฺจิ ปุคฺคโล อุปลพฺภตี’’ติอาทิํ วตฺวา ‘‘เตน หิ เย กเต นิคฺคเห เส นิคฺคเห ทุกฺกเฎ สุกเต ปฎิกเมฺม สุกตา ปฎิปาทนา’’ติ สกวาทิโน นิคฺคหสฺส, อนิคฺคหภาวาโรปเนน อตฺตโน ปฎิกมฺมสฺส สุปฎิกมฺมภาวกรเณน จ สกวาทิโน นิคฺคหสฺส เฉโท วินาสนํ ปุคฺคลวาทนิเสธนวเสน สมุฎฺฐิตตฺตาฯ ธมฺมตาย อนุโลมนวเสน อุฎฺฐหิตฺวา ตพฺพิโลมนวเสน ปวโตฺต อนุโลมปจฺจนีกปญฺจโก วุตฺตวิปริยาเยน ทุติยปญฺจโก เวทิตโพฺพฯ

    Upalabbhati…pe… micchāti ekanti upalabbhatīti paṭiññāggahaṇapaṭikkhepaggahaṇaniggaṇhanānaṃ anulomapaṭilomato paṭiññāṭhapananiggahapāpanāropanānañca vasena pavattā tanti paṭhamapañcakassa ekaṃ aṅgaṃ eko avayavoti attho. Evaṃ sesesupi netabbaṃ. Niggahassa suniggahabhāvaṃ icchato sakavādino ‘‘tvaṃ ce pana maññasi vattabbe kho puggalo nupalabbhatī’’tiādinā (kathā. 3) paṭiññāṭhapanena, tena ‘‘tava tattha hetāya paṭiññāya hevaṃ paṭijānanto hevaṃ niggahetabbe atha taṃ niggaṇhāma suniggahito ca hotī’’ti vatvā ‘‘hañci puggalo nupalabbhatī’’tiādinā (kathā. 2) paravādino attano paṭikammaṃ yathā sakavādī na nibbeṭheti, evaṃ karaṇaṃ paṭikammaveṭhanaṃ. Paravādino paṭikammassa duppaṭikammabhāvaṃ icchato sakavādino taṃnidassanena ‘‘eso ce dunniggahito heva’’nti paṭikammanidassanena, ‘‘vattabbe kho puggalo upalabbhati…pe… paramatthenāti (kathā. 1). No ca mayaṃ tayā tattha hetāya paṭiññāya hevaṃ paṭijānanto hevaṃ niggahetabbā. Atha amhe niggaṇhāsi dunniggahitā ca homā’’ti vatvā ‘‘hañci puggalo upalabbhatī’’tiādinā (kathā. 5) niggahassa dunniggahitabhāvadassanena aniggahitabhāvakaraṇaṃ niggahanibbeṭhanaṃ. ‘‘Tena hi yaṃ niggaṇhāsi hañci puggalo upalabbhatī’’tiādiṃ vatvā ‘‘tena hi ye kate niggahe se niggahe dukkaṭe sukate paṭikamme sukatā paṭipādanā’’ti sakavādino niggahassa, aniggahabhāvāropanena attano paṭikammassa supaṭikammabhāvakaraṇena ca sakavādino niggahassa chedo vināsanaṃ puggalavādanisedhanavasena samuṭṭhitattā. Dhammatāya anulomanavasena uṭṭhahitvā tabbilomanavasena pavatto anulomapaccanīkapañcako vuttavipariyāyena dutiyapañcako veditabbo.

    ตทาธาโรติ เต สจฺจิกฎฺฐปรมตฺถา รูปาทโย อาธารา เอตสฺสาติ ตทาธาโรฯ เอเตน ‘‘รูปสฺมิํ อตฺตา’’ติ เอวํปกาโร ปุคฺคลวาโท ทสฺสิโต โหติฯ เตสํ วา อาธารภูโตติ เอเตน ‘‘อตฺตนิ รูป’’นฺติ เอวํปกาโรฯ อญฺญตฺร วา เตหีติ เตหิ รูปาทีหิ วินาฯ อาธาราเธยฺยาทิภาเวน อสํสโฎฺฐ วิสุํเยว วินาฯ เตน สตฺตาทิคุเณหิ อโวกิโณฺณ ปุริโสติ เอวมาทิโกฯ ตํสามิภูตตาย วา ตทธีนภาเวน ‘‘อญฺญตฺร วา เตหี’’ติ วุตฺตนฺติ ‘‘รูปวา อตฺตา’’ติ เอวํปกาโร ปุคฺคลวาโท ทสฺสิโตติ เวทิตโพฺพฯ อนโญฺญติ เอเตน ‘‘รูปํ อตฺตา’’ติ เอวํปกาโรฯ รุปฺปนาทิสภาโว รูปกฺขนฺธาทีนํ วิเสสลกฺขณํ, สปฺปจฺจยาทิสภาโว สามญฺญลกฺขณํฯ รูปาทิโต อโญฺญ อนโญฺญ วา อญฺญเตฺต จ ตทาธาราทิภูโต อุปลพฺภมาโน อาปชฺชตีติ อนุยุญฺชติ สกวาที ปการนฺตรสฺส อสมฺภวโตฯ ปุคฺคลวาที ปุคฺคลสฺส รูปาทีหิ น อญฺญตฺตํ อิจฺฉติ รูปาทิ วิย ปจฺจกฺขโต อนุมานโต วา คาหยิตุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา ตสฺส จ การกเวทกภาวสฺส อยุชฺชมานกตฺตาฯ นาปิ อนญฺญตฺตํ รุปฺปนสปฺปจฺจยาทิสภาวปฺปสงฺคโต ปุคฺคลเสฺสว อภาวปฺปสงฺคโต จฯ ยเถว หิ น วินา อินฺธเนน อคฺคิ ปญฺญาปิยติ, น จ อญฺญํ อินฺธนโต อคฺคิํ สกฺกา ปฎิชานิตุํ, นาปิ อนญฺญํฯ ยทิ หิ อโญฺญ สิยา, น อุณฺหํ อินฺธนํ สิยาฯ อถ อนโญฺญ, นิทฺทหิตพฺพํเยว ทาหกํ สิยาฯ เอวเมว น วินา รูปาทีหิ ปุคฺคโล ปญฺญาปิยติ, น จ เตหิ อโญฺญ, นาปิ อนโญฺญ สสฺสตุเจฺฉทภาวปฺปสงฺคโตติ ลทฺธิยํ ฐตฺวา ปุคฺคลวาที ‘‘น เหวา’’ติ ปฎิกฺขิปติฯ ตตฺถ อคฺคินฺธโนปมา ตาว ยทิ โลกโวหาเรน วุตฺตา, อปฬิตฺตํ กฎฺฐาทิอินฺธนํ นิทฺทหิตพฺพญฺจ, ปฬิตฺตํ ภาสุรุณฺหํ อคฺคิ ทาหกญฺจ, ตญฺจ โอชฎฺฐมกรูปํ ปุริมปจฺฉิมกาลิกํ อนิจฺจํ สงฺขตํ ปฎิจฺจสมุปฺปนฺนํ, ยทิ เอวํ ปุคฺคโล รูปาทีหิ อโญฺญ อนิโจฺจ จ อาปโนฺนฯ อถ ปรมตฺถโต, ตสฺมิํเยว กฎฺฐาทิเก ปฬิเตฺต ยํ อุสุมํ โส อคฺคิ, ตํสหชาตานิ ตีณิ ภูตานิ อินฺธนํ, เอวมฺปิ สิทฺธํ ลกฺขณเภทโต อคฺคินฺธนานํ อญฺญตฺตนฺติ อคฺคิ วิย อินฺธนโต รูปาทีหิ อโญฺญ ปุคฺคโล อนิโจฺจ จ อาปโนฺนติ พฺยาหตาติ เวทิตพฺพํฯ

    Tadādhāroti te saccikaṭṭhaparamatthā rūpādayo ādhārā etassāti tadādhāro. Etena ‘‘rūpasmiṃ attā’’ti evaṃpakāro puggalavādo dassito hoti. Tesaṃ vā ādhārabhūtoti etena ‘‘attani rūpa’’nti evaṃpakāro. Aññatra vā tehīti tehi rūpādīhi vinā. Ādhārādheyyādibhāvena asaṃsaṭṭho visuṃyeva vinā. Tena sattādiguṇehi avokiṇṇo purisoti evamādiko. Taṃsāmibhūtatāya vā tadadhīnabhāvena ‘‘aññatra vā tehī’’ti vuttanti ‘‘rūpavā attā’’ti evaṃpakāro puggalavādo dassitoti veditabbo. Anaññoti etena ‘‘rūpaṃ attā’’ti evaṃpakāro. Ruppanādisabhāvo rūpakkhandhādīnaṃ visesalakkhaṇaṃ, sappaccayādisabhāvo sāmaññalakkhaṇaṃ. Rūpādito añño anañño vā aññatte ca tadādhārādibhūto upalabbhamāno āpajjatīti anuyuñjati sakavādī pakārantarassa asambhavato. Puggalavādī puggalassa rūpādīhi na aññattaṃ icchati rūpādi viya paccakkhato anumānato vā gāhayituṃ asakkuṇeyyattā tassa ca kārakavedakabhāvassa ayujjamānakattā. Nāpi anaññattaṃ ruppanasappaccayādisabhāvappasaṅgato puggalasseva abhāvappasaṅgato ca. Yatheva hi na vinā indhanena aggi paññāpiyati, na ca aññaṃ indhanato aggiṃ sakkā paṭijānituṃ, nāpi anaññaṃ. Yadi hi añño siyā, na uṇhaṃ indhanaṃ siyā. Atha anañño, niddahitabbaṃyeva dāhakaṃ siyā. Evameva na vinā rūpādīhi puggalo paññāpiyati, na ca tehi añño, nāpi anañño sassatucchedabhāvappasaṅgatoti laddhiyaṃ ṭhatvā puggalavādī ‘‘na hevā’’ti paṭikkhipati. Tattha aggindhanopamā tāva yadi lokavohārena vuttā, apaḷittaṃ kaṭṭhādiindhanaṃ niddahitabbañca, paḷittaṃ bhāsuruṇhaṃ aggi dāhakañca, tañca ojaṭṭhamakarūpaṃ purimapacchimakālikaṃ aniccaṃ saṅkhataṃ paṭiccasamuppannaṃ, yadi evaṃ puggalo rūpādīhi añño anicco ca āpanno. Atha paramatthato, tasmiṃyeva kaṭṭhādike paḷitte yaṃ usumaṃ so aggi, taṃsahajātāni tīṇi bhūtāni indhanaṃ, evampi siddhaṃ lakkhaṇabhedato aggindhanānaṃ aññattanti aggi viya indhanato rūpādīhi añño puggalo anicco ca āpannoti byāhatāti veditabbaṃ.

    ปุคฺคโล อุปลพฺภตีติ ปฎิชานนฺตสฺส ปการนฺตรสฺส อสมฺภวโต วุเตฺตสุ ปกาเรสุ เอเกน ปกาเรน อุปลพฺภมาโน อุปลพฺภตีติ ‘‘อาปนฺน’’นฺติ วุตฺตํ ‘‘ปฎิญฺญาย เอกตฺตาปนฺน’’นฺติฯ เอกตฺตาปนฺนตฺตา เอว อปฺปฎิกฺขิปิตพฺพํ, ปุคฺคเล ปฎิสิเทฺธ ตทภินิเวโสปิ อยาถาวโต ปุคฺคลวาทิโน คหิตาการสุญฺญตาวิภาวเนน สกฎฺฐานโต จาวิโต ปฎิเสธิโต เอว นาม โหตีติ วุตฺตํ ‘‘ปุคฺคลทิฎฺฐิํ ปฎิเสเธโนฺต’’ติฯ ปุคฺคโลเยว วา ตถา ปสฺสิตพฺพตฺตา ทิฎฺฐิฯ ‘‘สามี นิวาสี การโก เวทโก นิโจฺจ ธุโว’’ติ อภินิเวสวิสยภูโต หิ ปริกปฺปมตฺตสิโทฺธ ปุคฺคโล อิธ ปฎิกฺขิปียติ, ‘‘น จตฺตาโรเม, ภิกฺขเว, ปุคฺคลา’’ติอาทินา วุตฺตโวหารปุคฺคโลติ อนนุโยโค อากาสกุสุมสฺส รตฺตนีลาทิภาววิจารณา วิยาติ อโตฺถฯ ปุเพฺพ ‘‘นุปลพฺภตี’’ติ ปฎิชานิตฺวา วิเสสโจทนาย อนาปชฺชนโต ปุน ‘‘น เหวา’’ติ ปฎิเกฺขโป ปฎิญฺญาย อาปชฺชนเลโสฯ วญฺฌาปุตฺตกสฺส ทีฆรสฺสตานุโยคสฺส วิย สเพฺพน สพฺพํ ปรมตฺถโต อนุปลพฺภมานสฺส ปุคฺคลสฺส รูปาทีหิ อญฺญานญฺญตานุโยคสฺส อนนุโยคภาโว เอว อิธ อวิปรีตโตฺถ

    Puggalo upalabbhatīti paṭijānantassa pakārantarassa asambhavato vuttesu pakāresu ekena pakārena upalabbhamāno upalabbhatīti ‘‘āpanna’’nti vuttaṃ ‘‘paṭiññāya ekattāpanna’’nti. Ekattāpannattā eva appaṭikkhipitabbaṃ, puggale paṭisiddhe tadabhinivesopi ayāthāvato puggalavādino gahitākārasuññatāvibhāvanena sakaṭṭhānato cāvito paṭisedhito eva nāma hotīti vuttaṃ ‘‘puggaladiṭṭhiṃ paṭisedhento’’ti. Puggaloyeva vā tathā passitabbattā diṭṭhi. ‘‘Sāmī nivāsī kārako vedako nicco dhuvo’’ti abhinivesavisayabhūto hi parikappamattasiddho puggalo idha paṭikkhipīyati, ‘‘na cattārome, bhikkhave, puggalā’’tiādinā vuttavohārapuggaloti ananuyogo ākāsakusumassa rattanīlādibhāvavicāraṇā viyāti attho. Pubbe ‘‘nupalabbhatī’’ti paṭijānitvā visesacodanāya anāpajjanato puna ‘‘na hevā’’ti paṭikkhepo paṭiññāya āpajjanaleso. Vañjhāputtakassa dīgharassatānuyogassa viya sabbena sabbaṃ paramatthato anupalabbhamānassa puggalassa rūpādīhi aññānaññatānuyogassa ananuyogabhāvo eva idha aviparītattho.

    ยํการณาติ เอเตน ‘‘ยโตนิทาน’’นฺติ เอตฺถ วิภตฺติอโลโป ทฎฺฐโพฺพติ ทเสฺสติฯ อชฺฌาจรนฺตีติ อภิภวนฺติฯ อภินนฺทนาทโย ตณฺหาทีหิ ยถาสงฺขฺยํ โยเชตพฺพา, ตณฺหาทิฎฺฐีหิ วา อภินนฺทนโชฺฌสานานิ, ตีหิปิ อภิวทนํ อวิเสเสน วา ตีหิปิ ตโย โยเชตพฺพาฯ เอตฺถ เจ นตฺถิ อภินนฺทิตพฺพนฺติอาทินา อภินนฺทนาทีนํ อภาวสูจเนน ผลูปจารโต อภินนฺทนาทีนํ สมุเจฺฉทปฎิปฺปสฺสทฺธิภูตํ มคฺคผลํ วุจฺจติ, ตํ ปจฺจามสนญฺจ เอเสวาติ อิทนฺติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘อภิ…เป.… ผลํ วา’’ติฯ

    Yaṃkāraṇāti etena ‘‘yatonidāna’’nti ettha vibhattialopo daṭṭhabboti dasseti. Ajjhācarantīti abhibhavanti. Abhinandanādayo taṇhādīhi yathāsaṅkhyaṃ yojetabbā, taṇhādiṭṭhīhi vā abhinandanajjhosānāni, tīhipi abhivadanaṃ avisesena vā tīhipi tayo yojetabbā. Ettha ce natthi abhinanditabbantiādinā abhinandanādīnaṃ abhāvasūcanena phalūpacārato abhinandanādīnaṃ samucchedapaṭippassaddhibhūtaṃ maggaphalaṃ vuccati, taṃ paccāmasanañca esevāti idanti katvā vuttaṃ ‘‘abhi…pe… phalaṃ vā’’ti.

    ‘‘ญายตีติ ชาน’’นฺติ อุกฺกํสคติวิชานเนน นิรวเสสํ เญยฺยชาตํ ปริคฺคยฺหตีติ ตพฺพิสยาย ชานาติกิริยาย สพฺพญฺญุตญฺญาณเมว กรณํ ภวิตุมรหตีติ ‘‘สพฺพญฺญุตญฺญาเณน ชานิตพฺพํ ชานาตี’’ติ วุตฺตํฯ อถ วา ปกรณวเสน, ‘‘ภควา’’ติ สทฺทนฺตรสนฺนิธาเนน วา อยํ อโตฺถ วิภาเวตโพฺพฯ ปสฺสํ ปสฺสตีติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ ชานนฺตาปิ วิปลฺลาสวเสน ชานนฺติ ติตฺถิยา ปฐมชฺฌานอรูปชฺฌาเนหิ กามรูปปริญฺญาวาทิโนฯ ชานโนฺต ชานาติเยว ภควา อนาคามิอรหตฺตมเคฺคหิ ตํปริญฺญาวาทิตายฯ อยญฺจ อโตฺถ ทุกฺขกฺขนฺธสุตฺตวเสน (ม. นิ. ๑.๑๖๓, ๑๗๕ อาทโย) วิภาเวตโพฺพฯ ปญฺญาจกฺขุนา อุปฺปนฺนตฺตา วา จกฺขุภูโตฯ ญาณภูโตติอาทีสุปิ เอเสว นโยฯ อถ วา ทิพฺพจกฺขุอาทิกํ ปญฺจวิธมฺปิ จกฺขุํ ภูโต ปโตฺตติ จกฺขุภูโตฯ เอวํ ญาณภูโตติอาทีสุปิ ทฎฺฐพฺพํฯ สามุกฺกํสิกาย ธมฺมเทสนาย สาติสโย ภควโต วตฺตุอาทิภาโวติ วุตฺตํ ‘‘จตุสจฺจธเมฺม วทตีติ วตฺตา’’ติอาทิฯ ‘‘ปวตฺตา’’ติ เอตฺถ ป-การสฺส ปกฎฺฐตฺถตํ ทเสฺสตุํ ‘‘จิรํ…เป.… ปวตฺตา’’ติ อาหฯ นิทฺธาเรตฺวา เนตา นิเนฺนตา

    ‘‘Ñāyatīti jāna’’nti ukkaṃsagativijānanena niravasesaṃ ñeyyajātaṃ pariggayhatīti tabbisayāya jānātikiriyāya sabbaññutaññāṇameva karaṇaṃ bhavitumarahatīti ‘‘sabbaññutaññāṇena jānitabbaṃ jānātī’’ti vuttaṃ. Atha vā pakaraṇavasena, ‘‘bhagavā’’ti saddantarasannidhānena vā ayaṃ attho vibhāvetabbo. Passaṃ passatīti etthāpi eseva nayo. Jānantāpi vipallāsavasena jānanti titthiyā paṭhamajjhānaarūpajjhānehi kāmarūpapariññāvādino. Jānanto jānātiyeva bhagavā anāgāmiarahattamaggehi taṃpariññāvāditāya. Ayañca attho dukkhakkhandhasuttavasena (ma. ni. 1.163, 175 ādayo) vibhāvetabbo. Paññācakkhunā uppannattā vā cakkhubhūto. Ñāṇabhūtotiādīsupi eseva nayo. Atha vā dibbacakkhuādikaṃ pañcavidhampi cakkhuṃ bhūto pattoti cakkhubhūto. Evaṃ ñāṇabhūtotiādīsupi daṭṭhabbaṃ. Sāmukkaṃsikāya dhammadesanāya sātisayo bhagavato vattuādibhāvoti vuttaṃ ‘‘catusaccadhamme vadatīti vattā’’tiādi. ‘‘Pavattā’’ti ettha pa-kārassa pakaṭṭhatthataṃ dassetuṃ ‘‘ciraṃ…pe… pavattā’’ti āha. Niddhāretvā netā ninnetā.

    ‘‘เอกูนนวุติ จิตฺตานี’’ติ วุตฺตา จิตฺตสหจริยาย ยถา ‘‘กุนฺตา ปจรนฺตี’’ติฯ เตสญฺจ ปาฬิปเทสานํ เอเกกํ ปทํ อุทฺธริตฺวาปิ กิญฺจาปิ กุสลตฺติกปทานิเยว อุทฺธริตฺวา จิตฺตุปฺปาทกเณฺฑ จิตฺตานิ วิภตฺตานิ, กุสลตฺติเกน ปน สภาวธมฺมสงฺคหิตานํ เสสตฺติกทุกปทานํ อสงฺคหิตานํ อภาวโต กุสลตฺติกปทุทฺธาเรน นยทสฺสนภูเตน อิตรตฺติกทุกปทานิปิ อุทฺธฎาเนวาติ วุตฺตํฯ เอวญฺจ กตฺวา มาติกาคฺคหณํ สมตฺถิตํ ภวติฯ

    ‘‘Ekūnanavuti cittānī’’ti vuttā cittasahacariyāya yathā ‘‘kuntā pacarantī’’ti. Tesañca pāḷipadesānaṃ ekekaṃ padaṃ uddharitvāpi kiñcāpi kusalattikapadāniyeva uddharitvā cittuppādakaṇḍe cittāni vibhattāni, kusalattikena pana sabhāvadhammasaṅgahitānaṃ sesattikadukapadānaṃ asaṅgahitānaṃ abhāvato kusalattikapaduddhārena nayadassanabhūtena itarattikadukapadānipi uddhaṭānevāti vuttaṃ. Evañca katvā mātikāggahaṇaṃ samatthitaṃ bhavati.

    โส จ ธโมฺมติ ‘‘ตโย กุสลเหตู’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ๑๐๖๐) ปุริมาย ปุริมาย ปาฬิยา ปจฺฉิมา ปจฺฉิมา อตฺถนิเทฺทโสติ วุตฺตํฯ ‘‘สมาเนนฺตี’’ติสทฺทสฺส ปฎปฎายติ-สทฺทสฺส วิย สทฺทนโย ทฎฺฐโพฺพติ ทเสฺสตุํ ‘‘สมานํ กโรนฺตี’’ติ วุตฺตํฯ สมานกรณญฺจ อูนปกฺขิปเนน อธิกาปนยเนน วา โหติ, อิธ อูนปกฺขิปเนนาติ ทเสฺสตุํ ‘‘ปูเรนฺตี’’ติ วุตฺตํฯ สมาเนตพฺพนฺติ เอตฺถาปีติ ‘‘ปฎฺฐานํ สมาเนตพฺพ’’นฺติ เอตฺถฯ

    So ca dhammoti ‘‘tayo kusalahetū’’tiādīsu (dha. sa. 1060) purimāya purimāya pāḷiyā pacchimā pacchimā atthaniddesoti vuttaṃ. ‘‘Samānentī’’tisaddassa paṭapaṭāyati-saddassa viya saddanayo daṭṭhabboti dassetuṃ ‘‘samānaṃ karontī’’ti vuttaṃ. Samānakaraṇañca ūnapakkhipanena adhikāpanayanena vā hoti, idha ūnapakkhipanenāti dassetuṃ ‘‘pūrentī’’ti vuttaṃ. Samānetabbanti etthāpīti ‘‘paṭṭhānaṃ samānetabba’’nti ettha.

    พลวตา ญาณเวเคน อภิธมฺมปจฺจเวกฺขณวสปฺปวเตฺตนฯ พลวโต ญาณเวคสฺส สพฺพกิเลสเกฺขปนวสปฺปวตฺตสฺสฯ คมฺภีรเมว คมฺภีรคตํ ทิฎฺฐิคตนฺติอาทีสุ วิยฯ นิรวเสเสนาติ น กญฺจิ อวเสเสตฺวาฯ ปญฺจขีลรหิเตนาติ ปญฺจเจโตขีลรหิเตนฯ

    Balavatā ñāṇavegena abhidhammapaccavekkhaṇavasappavattena. Balavato ñāṇavegassa sabbakilesakkhepanavasappavattassa. Gambhīrameva gambhīragataṃ diṭṭhigatantiādīsu viya. Niravasesenāti na kañci avasesetvā. Pañcakhīlarahitenāti pañcacetokhīlarahitena.

    เอกาธิเกสุ อฎฺฐสุ กิเลสสเตสูติ ‘‘ชาติมโท’’ติอาทินา เอกกวเสน อาคตา เตสตฺตติ, ‘‘โกโธ จ อุปนาโห จา’’ติอาทินา ทุกวเสน ฉตฺติํส, ‘‘ตีณิ อกุสลมูลานี’’ติอาทินา ติกวเสน ปญฺจาธิกํ สตํ, ‘‘จตฺตาโร อาสวา’’ติอาทินา จตุกฺกวเสน ฉปฺปญฺญาส, ‘‘ปโญฺจรมฺภาคิยานิ สํโยชนานี’’ติอาทินา ปญฺจกวเสน ปญฺจสตฺตติ, ‘‘ฉ วิวาทมูลานี’’ติอาทินา ฉกฺกวเสน จตุราสีติ, ‘‘สตฺต อนุสยา’’ติอาทินา สตฺตกวเสน เอกูนปญฺญาส, ‘‘อฎฺฐ กิเลสวตฺถูนี’’ติอาทินา อฎฺฐกวเสน จตุสฎฺฐิ, ‘‘นว อาฆาตวตฺถูนี’’ติอาทินา นวกวเสน เอกาสีติ, ‘‘ทส กิเลสวตฺถูนี’’ติอาทินา ทสกวเสน สตฺตติ, ‘‘อชฺฌตฺติกสฺสุปฺปาทาย อฎฺฐารส ตณฺหาวิจริตานี’’ติอาทินา อฎฺฐารสกวเสน อฎฺฐสตนฺติ เอวํ เอกาธิเกสุ อฎฺฐสุ กิเลสสเตสุฯ เสสา เตนวุตาธิกํ ฉสตํ กิเลสาฯ เต พฺรหฺมชาลสุตฺตาคตาหิ ทฺวาสฎฺฐิยา ทิฎฺฐีหิ สห ปญฺจปญฺญาสาธิกํ สตฺตสตํ โหนฺติฯ

    Ekādhikesuaṭṭhasu kilesasatesūti ‘‘jātimado’’tiādinā ekakavasena āgatā tesattati, ‘‘kodho ca upanāho cā’’tiādinā dukavasena chattiṃsa, ‘‘tīṇi akusalamūlānī’’tiādinā tikavasena pañcādhikaṃ sataṃ, ‘‘cattāro āsavā’’tiādinā catukkavasena chappaññāsa, ‘‘pañcorambhāgiyāni saṃyojanānī’’tiādinā pañcakavasena pañcasattati, ‘‘cha vivādamūlānī’’tiādinā chakkavasena caturāsīti, ‘‘satta anusayā’’tiādinā sattakavasena ekūnapaññāsa, ‘‘aṭṭha kilesavatthūnī’’tiādinā aṭṭhakavasena catusaṭṭhi, ‘‘nava āghātavatthūnī’’tiādinā navakavasena ekāsīti, ‘‘dasa kilesavatthūnī’’tiādinā dasakavasena sattati, ‘‘ajjhattikassuppādāya aṭṭhārasa taṇhāvicaritānī’’tiādinā aṭṭhārasakavasena aṭṭhasatanti evaṃ ekādhikesu aṭṭhasu kilesasatesu. Sesā tenavutādhikaṃ chasataṃ kilesā. Te brahmajālasuttāgatāhi dvāsaṭṭhiyā diṭṭhīhi saha pañcapaññāsādhikaṃ sattasataṃ honti.

    อถ วา จุทฺทเสกนฺตากุสลา, ปญฺจวีสติ กุสลาพฺยากตสาธารณา, จุทฺทส กุสลตฺติกสาธารณา, อุปจยาทิทฺวยํ เอกํ กตฺวา สตฺตวีสติ รูปานิ จาติ อิเม อสีติ ธมฺมา, อิเมสุ ภาวทฺวเย เอกํ ฐเปตฺวา อชฺฌตฺติกา เอกูนาสีติ, พาหิรา เอกูนาสีตีติ สเพฺพปิ อฎฺฐปญฺญาสาธิกํ สตํ โหนฺติฯ อิเมสุ เอเกกสฺมิํ ทสนฺนํ ทสนฺนํ กิเลสานํ อุปฺปชฺชนโต อสีติอธิกํ ทิยฑฺฒกิเลสสหสฺสํ โหนฺติฯ

    Atha vā cuddasekantākusalā, pañcavīsati kusalābyākatasādhāraṇā, cuddasa kusalattikasādhāraṇā, upacayādidvayaṃ ekaṃ katvā sattavīsati rūpāni cāti ime asīti dhammā, imesu bhāvadvaye ekaṃ ṭhapetvā ajjhattikā ekūnāsīti, bāhirā ekūnāsītīti sabbepi aṭṭhapaññāsādhikaṃ sataṃ honti. Imesu ekekasmiṃ dasannaṃ dasannaṃ kilesānaṃ uppajjanato asītiadhikaṃ diyaḍḍhakilesasahassaṃ honti.

    อถ วา เตปญฺญาส อรูปธมฺมา, อฎฺฐารส รูปรูปานิ, อากาสธาตุ, ลกฺขณรูปานิ จาติ ปญฺจสตฺตติ ธมฺมา อชฺฌตฺตพหิทฺธาเภทโต ปญฺญาสสตํ โหนฺติฯ ตตฺถ เอเกกสฺมิํ ทส ทส กิเลสาติปิ ทิยฑฺฒกิเลสสหสฺสํฯ ตถา เอตฺถ เวทนํ สุขินฺทฺริยาทิวเสน ปญฺจวิธํ กตฺวา สตฺตปญฺญาส อรูปธมฺมา, อฎฺฐารส รูปรูปานิ จาติ ปญฺจสตฺตติ วิปสฺสนูปคธมฺมา อชฺฌตฺตพหิทฺธาเภทโต ปญฺญาสสตํ โหนฺติฯ เอเตสุ เอเกกสฺมิํ ทส ทส กิเลสาติปิ ทิยฑฺฒกิเลสสหสฺสํ

    Atha vā tepaññāsa arūpadhammā, aṭṭhārasa rūparūpāni, ākāsadhātu, lakkhaṇarūpāni cāti pañcasattati dhammā ajjhattabahiddhābhedato paññāsasataṃ honti. Tattha ekekasmiṃ dasa dasa kilesātipi diyaḍḍhakilesasahassaṃ. Tathā ettha vedanaṃ sukhindriyādivasena pañcavidhaṃ katvā sattapaññāsa arūpadhammā, aṭṭhārasa rūparūpāni cāti pañcasattati vipassanūpagadhammā ajjhattabahiddhābhedato paññāsasataṃ honti. Etesu ekekasmiṃ dasa dasa kilesātipi diyaḍḍhakilesasahassaṃ.

    อปโร นโย – ทฺวาทสอกุสลจิตฺตุปฺปาเทสุ ปฐเม ฉ กิเลสา, ทุติเย สตฺต, ตติเย ฉ, จตุเตฺถ สตฺต, ปญฺจเม ฉ, ฉเฎฺฐ สตฺต, สตฺตเม ฉ, อฎฺฐเม สตฺต, นวเม ปญฺจ, ทสเม ฉ, เอกาทสเม ปญฺจ, ทฺวาทสเม จตฺตาโรติ สเพฺพ ทฺวาสตฺตติ, อิเม ปญฺจทฺวาริกา ปญฺจสุ รูปาทีสุ อารมฺมเณสุ เอเกกสฺมิํ ทฺวาสตฺตตีติ สฎฺฐิอธิกานิ ตีณิ สตานิ, มโนทฺวาริกา ปน ฉสุ อารมฺมเณสุ เอเกกสฺมิํ ทฺวาสตฺตติ ทฺวาสตฺตตีติ กตฺวา ทฺวตฺติํสาธิกานิ จตฺตาริ สตานิ, สพฺพานิปิ ทฺวานวุติอธิกานิ สตฺตสตานิ, ตานิ อชฺฌตฺตพหิทฺธาวิสยตาย จตุราสีติอธิกํ ทิยฑฺฒกิเลสสหสฺสํ โหนฺตีติ เวทิตพฺพํฯ

    Aparo nayo – dvādasaakusalacittuppādesu paṭhame cha kilesā, dutiye satta, tatiye cha, catutthe satta, pañcame cha, chaṭṭhe satta, sattame cha, aṭṭhame satta, navame pañca, dasame cha, ekādasame pañca, dvādasame cattāroti sabbe dvāsattati, ime pañcadvārikā pañcasu rūpādīsu ārammaṇesu ekekasmiṃ dvāsattatīti saṭṭhiadhikāni tīṇi satāni, manodvārikā pana chasu ārammaṇesu ekekasmiṃ dvāsattati dvāsattatīti katvā dvattiṃsādhikāni cattāri satāni, sabbānipi dvānavutiadhikāni sattasatāni, tāni ajjhattabahiddhāvisayatāya caturāsītiadhikaṃ diyaḍḍhakilesasahassaṃ hontīti veditabbaṃ.

    อถ วา รูปารมฺมณาทีนิ ปญฺจ, อวเสสรูปเวทนาสญฺญาสงฺขารวิญฺญาณวเสน ปญฺจ ธมฺมารมฺมณกา เสสา จาติ ทส, เต อชฺฌตฺตพหิทฺธาเภทโต วีสติ, ปญฺญตฺติ จาติ เอกวีสติยา อารมฺมเณสุ ทฺวาสตฺตติ ทฺวาสตฺตติ กิเลสาติ ทฺวาทสาธิกํ ทิยฑฺฒกิเลสสหสฺสํ โหนฺติฯ

    Atha vā rūpārammaṇādīni pañca, avasesarūpavedanāsaññāsaṅkhāraviññāṇavasena pañca dhammārammaṇakā sesā cāti dasa, te ajjhattabahiddhābhedato vīsati, paññatti cāti ekavīsatiyā ārammaṇesu dvāsattati dvāsattati kilesāti dvādasādhikaṃ diyaḍḍhakilesasahassaṃ honti.

    อถ วา ทฺวาทสสุ อกุสลจิตฺตุปฺปาเทสุ ปฐเม วีสติ ธมฺมา, ทุติเย ทฺวาวีสติ, ตติเย วีสติ, จตุเตฺถ ทฺวาวีสติ, ปญฺจเม เอกูนวีสติ, ฉเฎฺฐ เอกูนวีสติ, สตฺตเม เอกูนวีสติ, อฎฺฐเม เอกวีสติ, นวเม เอกูนวีสติ, ทสเม เอกวีสติ, เอกาทสเม โสฬส, ทฺวาทสเม โสฬสาติ สเพฺพ อกุสลธมฺมา ฉตฺติํสาธิกานิ เทฺว สตานิ, อิเม ฉสุ อารมฺมเณสุ ปเจฺจกํ ฉตฺติํ สาธิกานิ เทฺว สตานิ, สเพฺพ โสฬสาธิกานิ จตฺตาริ สตานิ จ สหสฺสํ โหนฺตีติ เอวมฺปิ ทิยฑฺฒกิเลสสหสฺสํ เวทิตพฺพํฯ

    Atha vā dvādasasu akusalacittuppādesu paṭhame vīsati dhammā, dutiye dvāvīsati, tatiye vīsati, catutthe dvāvīsati, pañcame ekūnavīsati, chaṭṭhe ekūnavīsati, sattame ekūnavīsati, aṭṭhame ekavīsati, navame ekūnavīsati, dasame ekavīsati, ekādasame soḷasa, dvādasame soḷasāti sabbe akusaladhammā chattiṃsādhikāni dve satāni, ime chasu ārammaṇesu paccekaṃ chattiṃ sādhikāni dve satāni, sabbe soḷasādhikāni cattāri satāni ca sahassaṃ hontīti evampi diyaḍḍhakilesasahassaṃ veditabbaṃ.

    อิตเรสนฺติ ตณฺหาวิจริตานํ ‘‘อตีตานิ ฉตฺติํสา’’ติอาทินา อตีตาทิภาวามสนโตฯ เขปเนติ อริยมเคฺคน สมุจฺฉินฺทเนฯ ‘‘ทิยฑฺฒกิเลสสหสฺสํ เขเปตฺวา’’ติ หิ วุตฺตํฯ ปรมตฺถโต อตีตาทีนํ มเคฺคน อปฺปหาตพฺพตฺตา ‘‘อตีตาทิภาวามสนา อคฺคหณํ เขปเน’’ติ วุตฺตํฯ ยํ ปน ปฎฺฐาเน ‘‘ทสฺสเนน ปหาตโพฺพ ธโมฺม ทสฺสเนน ปหาตพฺพสฺส ธมฺมสฺส อนนฺตรปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติอาทินา ติเก, ตถา ทสฺสเนน ปหาตพฺพาตีตติกติเก ‘‘อตีตา ทสฺสเนน ปหาตพฺพา’’ติอาทินา จ ตีสุ กาเลสุ ทสฺสนาทิปหาตพฺพวจนํ กตํ, ตํ อตีตาทีนํ สํกิลิฎฺฐตาย อปายคมนียตาย จ ทสฺสนปหาตเพฺพหิ นิรติสยตฺตา วุตฺตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ

    Itaresanti taṇhāvicaritānaṃ ‘‘atītāni chattiṃsā’’tiādinā atītādibhāvāmasanato. Khepaneti ariyamaggena samucchindane. ‘‘Diyaḍḍhakilesasahassaṃ khepetvā’’ti hi vuttaṃ. Paramatthato atītādīnaṃ maggena appahātabbattā ‘‘atītādibhāvāmasanā aggahaṇaṃ khepane’’ti vuttaṃ. Yaṃ pana paṭṭhāne ‘‘dassanena pahātabbo dhammo dassanena pahātabbassa dhammassa anantarapaccayena paccayo’’tiādinā tike, tathā dassanena pahātabbātītatikatike ‘‘atītā dassanena pahātabbā’’tiādinā ca tīsu kālesu dassanādipahātabbavacanaṃ kataṃ, taṃ atītādīnaṃ saṃkiliṭṭhatāya apāyagamanīyatāya ca dassanapahātabbehi niratisayattā vuttanti daṭṭhabbaṃ.

    น ภาสิตตฺถวจนนฺติ อิทํ ‘‘หิตปริยายวจน’’นฺติ เอเตน นิวตฺติตสฺส เอกเทสกถนํฯ ยถา หิ อยํ อตฺถ-สโทฺท น ภาสิตตฺถวจนํ, เอวํ วิสยปฺปโยชนาทิวจนมฺปิ น โหตีติฯ ยถาวุตฺตสฺสาติ หิตปริยายสฺสฯ ‘‘น หญฺญทตฺถตฺถิปสํสลาภา’’ติ ปทสฺส นิเทฺทเส ‘‘อตฺตโตฺถ วา ปรโตฺถ วา’’ติอาทินา (มหานิ. ๖๙) กิญฺจาปิ สุตฺตนิรเปกฺขํ อตฺตตฺถาทโย วุตฺตา สุตฺตตฺถภาเวน อนิทฺทิฎฺฐตฺตา, เตสุ ปน เอโกปิ อตฺถปฺปเภโท สุเตฺตน ทีเปตพฺพตํ นาติกฺกมตีติ อาห ‘‘เต สุตฺตํ สูเจตี’’ติฯ อิมสฺมิํ วิกเปฺป อตฺถ-สโทฺท ภาสิตตฺถวจนมฺปิ โหติฯ ปุริมกา หิ ปญฺจ อตฺถปฺปเภทา หิตปริยายา, ตโต ปเร ฉ ภาสิตตฺถปฺปเภทา, ปจฺฉิมกา ปน อุภยสภาวาฯ ตตฺถ ทุรธิคมตาย วิภาวเน อลทฺธคาโธ คมฺภีโร, น วิวโฎ คุโฬฺห, มูลุทกาทโย วิย ปํสุนา อกฺขรสนฺนิเวสาทินา ติโรหิโต ปฎิจฺฉโนฺน, นิทฺธาเรตฺวา ญาเปตโพฺพ เนโยฺย, ยถารุตวเสเนว เวทิตโพฺพ นีโตอนวชฺชนิกฺกิเลสโวทานา ปริยายวเสน วุตฺตา, กุสลวิปากกิริยธมฺมวเสน วา ฯ ปรมโตฺถ นิพฺพานํ, อวิปรีตสภาโว เอว วาฯ สาติสยํ ปกาสิตานิ ตปฺปรภาเวน ปกาสิตตฺตาฯ ‘‘เอตฺตกํ ตสฺส ภควโต สุตฺตาคตํ สุตฺตปริยาปนฺน’’นฺติ (ปาจิ. ๑๒๔๒), ‘‘สกวาเท ปญฺจสุตฺตสตานี’’ติ (ธ. ส. อฎฺฐ. นิทานกถา; กถา. อฎฺฐ. นิทานกถา) จ เอวมาทีสุ สุตฺต-สโทฺท อุปจริโตติ อธิปฺปาเยนาห ‘‘อิทเมว อตฺถานํ สูจนโต สุตฺตนฺติ วุตฺต’’นฺติฯ เอกนฺตหิตปฎิลาภสํวตฺตนิกา สุตฺตนฺตเทสนาติ อิทมฺปิ วิเนยฺยานํ หิตสมฺปาปเน สุตฺตนฺตเทสนาย ตปฺปรภาวํเยว สนฺธาย วุตฺตํฯ ตปฺปรภาโว จ วิเนยฺยชฺฌาสยานุโลมโต ทฎฺฐโพฺพ, ตถา อตฺตตฺถาทิปฺปกาสนปธานตาปิฯ อิตเรหีติ วินยาภิธเมฺมหิฯ

    Na bhāsitatthavacananti idaṃ ‘‘hitapariyāyavacana’’nti etena nivattitassa ekadesakathanaṃ. Yathā hi ayaṃ attha-saddo na bhāsitatthavacanaṃ, evaṃ visayappayojanādivacanampi na hotīti. Yathāvuttassāti hitapariyāyassa. ‘‘Na haññadatthatthipasaṃsalābhā’’ti padassa niddese ‘‘attattho vā parattho vā’’tiādinā (mahāni. 69) kiñcāpi suttanirapekkhaṃ attatthādayo vuttā suttatthabhāvena aniddiṭṭhattā, tesu pana ekopi atthappabhedo suttena dīpetabbataṃ nātikkamatīti āha ‘‘te suttaṃ sūcetī’’ti. Imasmiṃ vikappe attha-saddo bhāsitatthavacanampi hoti. Purimakā hi pañca atthappabhedā hitapariyāyā, tato pare cha bhāsitatthappabhedā, pacchimakā pana ubhayasabhāvā. Tattha duradhigamatāya vibhāvane aladdhagādho gambhīro, na vivaṭo guḷho, mūludakādayo viya paṃsunā akkharasannivesādinā tirohito paṭicchanno, niddhāretvā ñāpetabbo neyyo, yathārutavaseneva veditabbo nīto. Anavajjanikkilesavodānā pariyāyavasena vuttā, kusalavipākakiriyadhammavasena vā . Paramattho nibbānaṃ, aviparītasabhāvo eva vā. Sātisayaṃ pakāsitāni tapparabhāvena pakāsitattā. ‘‘Ettakaṃ tassa bhagavato suttāgataṃ suttapariyāpanna’’nti (pāci. 1242), ‘‘sakavāde pañcasuttasatānī’’ti (dha. sa. aṭṭha. nidānakathā; kathā. aṭṭha. nidānakathā) ca evamādīsu sutta-saddo upacaritoti adhippāyenāha ‘‘idameva atthānaṃ sūcanato suttanti vutta’’nti. Ekantahitapaṭilābhasaṃvattanikā suttantadesanāti idampi vineyyānaṃ hitasampāpane suttantadesanāya tapparabhāvaṃyeva sandhāya vuttaṃ. Tapparabhāvo ca vineyyajjhāsayānulomato daṭṭhabbo, tathā attatthādippakāsanapadhānatāpi. Itarehīti vinayābhidhammehi.

    รตฺติอาทีสูติ รตฺติราชวินเยสุ วิสยภูเตสุฯ นนุ จ ‘‘อภิรตฺตี’’ติ อวุตฺตตฺตา รตฺติคฺคหณํ น กตฺตพฺพํ, ‘‘อภิญฺญาตา อภิลกฺขิตา’’ติ จ ญาณลกฺขณกิริยาวิเสสโก อภิ-สโทฺทติ? น, ‘‘อภิญฺญาตา อภิลกฺขิตา’’ติ อภิ-สทฺทวิสิฎฺฐานํ ญาตลกฺขิตสทฺทานํ รตฺติสเทฺทน สมานาธิกรณตาย รตฺติวิสยตฺตาฯ เอตฺถ จ วาจกสทฺทสนฺนิธาเน นิปาตานํ ตทตฺถโชตกมตฺตตฺตา ลกฺขิตสทฺทตฺถโชตโก อภิ-สโทฺท ลกฺขเณ วตฺตตีติ วุโตฺตฯ อภิลกฺขิตสทฺทปริยาโย จ อภิญฺญาตสโทฺทติ ทฎฺฐโพฺพ, อภิวินยสทฺทสฺส ปน อภิปุริสสฺส วิย สมาสสิทฺธิ ทฎฺฐพฺพาฯ อเนกตฺถา หิ นิปาตา, อเนกตฺถเภโท จ สทฺทานํ ปโยควิสโยติฯ

    Rattiādīsūti rattirājavinayesu visayabhūtesu. Nanu ca ‘‘abhirattī’’ti avuttattā rattiggahaṇaṃ na kattabbaṃ, ‘‘abhiññātā abhilakkhitā’’ti ca ñāṇalakkhaṇakiriyāvisesako abhi-saddoti? Na, ‘‘abhiññātā abhilakkhitā’’ti abhi-saddavisiṭṭhānaṃ ñātalakkhitasaddānaṃ rattisaddena samānādhikaraṇatāya rattivisayattā. Ettha ca vācakasaddasannidhāne nipātānaṃ tadatthajotakamattattā lakkhitasaddatthajotako abhi-saddo lakkhaṇe vattatīti vutto. Abhilakkhitasaddapariyāyo ca abhiññātasaddoti daṭṭhabbo, abhivinayasaddassa pana abhipurisassa viya samāsasiddhi daṭṭhabbā. Anekatthā hi nipātā, anekatthabhedo ca saddānaṃ payogavisayoti.

    กิญฺจาปิ เทสนาทโย เทเสตพฺพาทินิรเปกฺขา น สนฺติ, อาณาทโย ปน วิเสสโต เทสกาทิอธีนาติ ตํตํวิเสสโยควเสน เตสํ เภโท วุโตฺตฯ ยถา หิ อาณาวิธานํ วิเสสโต อาณารหาธีนํ ตตฺถ โกสลฺลโยคโต, เอวํ โวหารปรมตฺถวิธานานิ จ วิธายกาธีนานีติ อาณาทิวิธิโน เทสกายตฺตตา วุตฺตาฯ อปราธชฺฌาสยานุรูปํ วิย ธมฺมานุรูปมฺปิ สาสนํ วิเสสโต ตถาวิเนตพฺพปุคฺคลาเปกฺขนฺติ วุตฺตํ ‘‘สาสิตพฺพ…เป.… ตพฺพภาเวนา’’ติฯ สํวราสํวรนามรูปานํ วิย วินิเวเฐตพฺพาย ทิฎฺฐิยาปิ กถนํ สติ วาจาวตฺถุสฺมิํ, นาสตีติ วิเสสโต ตทธีนนฺติ อาห ‘‘กเถตพฺพสฺส…เป.… กถา’’ติฯ อุปารมฺภาทีติ อุปารมฺภนิสฺสรณธมฺมโกสรกฺขณานิฯ ปริยาปุณนาทีติ ปริยาปุณนสุปฺปฎิปตฺติทุปฺปฎิปตฺติโยฯ

    Kiñcāpi desanādayo desetabbādinirapekkhā na santi, āṇādayo pana visesato desakādiadhīnāti taṃtaṃvisesayogavasena tesaṃ bhedo vutto. Yathā hi āṇāvidhānaṃ visesato āṇārahādhīnaṃ tattha kosallayogato, evaṃ vohāraparamatthavidhānāni ca vidhāyakādhīnānīti āṇādividhino desakāyattatā vuttā. Aparādhajjhāsayānurūpaṃ viya dhammānurūpampi sāsanaṃ visesato tathāvinetabbapuggalāpekkhanti vuttaṃ ‘‘sāsitabba…pe… tabbabhāvenā’’ti. Saṃvarāsaṃvaranāmarūpānaṃ viya viniveṭhetabbāya diṭṭhiyāpi kathanaṃ sati vācāvatthusmiṃ, nāsatīti visesato tadadhīnanti āha ‘‘kathetabbassa…pe… kathā’’ti. Upārambhādīti upārambhanissaraṇadhammakosarakkhaṇāni. Pariyāpuṇanādīti pariyāpuṇanasuppaṭipattiduppaṭipattiyo.

    ตนฺติสมุทาโย อวยวตนฺติยา อาธาโร ยถา ‘‘รุเกฺข สาขา’’ติฯ น โจเทตพฺพเมตํ สมุเขน, วิสยวิสยิมุเขน วา วินยาทีนํเยว คมฺภีรภาวสฺส วุตฺตตฺตาติ อธิปฺปาโยฯ ธโมฺม หิ วินยาทโย, เตสญฺจ วิสโย อโตฺถ, ธมฺมตฺถวิสยา จ เทสนาปฎิเวธาติฯ ‘‘ปฎิเวธสฺสา’’ติอาทินา ธมฺมตฺถานํ ทุปฺปฎิวิทฺธตฺตา เทสนาย อุปฺปาเทตุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา ปฎิเวธสฺส อุปฺปาเทตุญฺจ ปฎิวิชฺฌิตุญฺจ อสกฺกุเณยฺยตฺตา ทุโกฺขคาหตํ ทเสฺสติฯ

    Tantisamudāyo avayavatantiyā ādhāro yathā ‘‘rukkhe sākhā’’ti. Na codetabbametaṃ samukhena, visayavisayimukhena vā vinayādīnaṃyeva gambhīrabhāvassa vuttattāti adhippāyo. Dhammo hi vinayādayo, tesañca visayo attho, dhammatthavisayā ca desanāpaṭivedhāti. ‘‘Paṭivedhassā’’tiādinā dhammatthānaṃ duppaṭividdhattā desanāya uppādetuṃ asakkuṇeyyattā paṭivedhassa uppādetuñca paṭivijjhituñca asakkuṇeyyattā dukkhogāhataṃ dasseti.

    ธมฺมานุรูปํ ยถาธมฺมนฺติ จ อโตฺถ ยุชฺชติฯ เทสนาปิ หิ ปฎิเวโธ วิย อวิปรีตํ สวิสยวิภาวนโต ธมฺมานุรูปํ ปวตฺตติ ยโต ‘‘อวิปรีตาภิลาโป’’ติ วุจฺจติฯ ธมฺมนิรุตฺติํ ทเสฺสตีติ เอเตน เทสนาสทฺทสภาวาติ ทีเปติฯ ตถา หิ นิรุตฺติปฎิสมฺภิทาย ปริตฺตารมฺมณาทิภาโว ปาฬิยํ วุโตฺต, อฎฺฐกถายญฺจ ‘‘ตํตํสภาวนิรุตฺติสทฺทํ อารมฺมณํ กตฺวา’’ติอาทินา สทฺทารมฺมณตาฯ อิมสฺส อตฺถสฺส อยํ สโทฺท วาจโกติ วจนวจนียํ ววตฺถเปตฺวา ตํตํวจนียวิภาวนวเสน ปวตฺติโต หิ สโทฺท เทสนาติฯ นนุ จ ‘‘ธโมฺม ตนฺตี’’ติ อิมสฺมิํ ปเกฺข ธมฺมสฺสปิ สทฺทสภาวตฺตา ธมฺมเทสนานํ วิเสโส น สิยาติ? น, เตสํ เตสํ อตฺถานํ โพธกภาเวน ญาโต อุคฺคหิตาทิวเสน จ ปุเพฺพ ปวตฺติโต สทฺทปฺปพโนฺธ ธโมฺม, ปจฺฉา ปเรสํ อวโพธนตฺถํ ปวตฺติโต ตทตฺถปฺปกาสนโก สโทฺท เทสนาติฯ อถ วา ยถาวุตฺตสทฺทสมุฎฺฐาปโก จิตฺตุปฺปาโท เทสนา มุสาวาทาทโย วิยฯ วจนสฺส ปวตฺตนนฺติ จ ยถาวุตฺตจิตฺตุปฺปาทมาหฯ โส หิ วจนํ ปวเตฺตติ, ตํ วา เอเตน ปวตฺตียตีติ ปวตฺตนํฯ เทสียติ อโตฺถ เอเตนาติ เทสนาฯ ปกาเรหิ ญาปียติ เอเตน, ปการโต ญาเปตีติ วา ปญฺญตฺตีติ วุจฺจตีติฯ เตเนวาห ‘‘อธิปฺปาโย’’ติอาทิฯ อภิสเมติ, อภิสมียติ วา เอเตนาติ อภิสมโยติ เอวมฺปิ อภิสมยโตฺถ สมฺภวติฯ อภิสเมตพฺพโต ปน อภิสมโยติ ทุติยวิกเปฺป ปฎิเวโธเยวาติฯ

    Dhammānurūpaṃ yathādhammanti ca attho yujjati. Desanāpi hi paṭivedho viya aviparītaṃ savisayavibhāvanato dhammānurūpaṃ pavattati yato ‘‘aviparītābhilāpo’’ti vuccati. Dhammaniruttiṃ dassetīti etena desanāsaddasabhāvāti dīpeti. Tathā hi niruttipaṭisambhidāya parittārammaṇādibhāvo pāḷiyaṃ vutto, aṭṭhakathāyañca ‘‘taṃtaṃsabhāvaniruttisaddaṃ ārammaṇaṃ katvā’’tiādinā saddārammaṇatā. Imassa atthassa ayaṃ saddo vācakoti vacanavacanīyaṃ vavatthapetvā taṃtaṃvacanīyavibhāvanavasena pavattito hi saddo desanāti. Nanu ca ‘‘dhammo tantī’’ti imasmiṃ pakkhe dhammassapi saddasabhāvattā dhammadesanānaṃ viseso na siyāti? Na, tesaṃ tesaṃ atthānaṃ bodhakabhāvena ñāto uggahitādivasena ca pubbe pavattito saddappabandho dhammo, pacchā paresaṃ avabodhanatthaṃ pavattito tadatthappakāsanako saddo desanāti. Atha vā yathāvuttasaddasamuṭṭhāpako cittuppādo desanā musāvādādayo viya. Vacanassa pavattananti ca yathāvuttacittuppādamāha. So hi vacanaṃ pavatteti, taṃ vā etena pavattīyatīti pavattanaṃ. Desīyati attho etenāti desanā. Pakārehi ñāpīyati etena, pakārato ñāpetīti vā paññattīti vuccatīti. Tenevāha ‘‘adhippāyo’’tiādi. Abhisameti, abhisamīyati vā etenāti abhisamayoti evampi abhisamayattho sambhavati. Abhisametabbato pana abhisamayoti dutiyavikappe paṭivedhoyevāti.

    วุตฺตนเยน เวทิตพฺพาติ อวิชฺชาสงฺขาราทีนํ ธมฺมตฺถานํ ทุปฺปฎิวิชฺฌตาย ทุโกฺขคาหตา, เตสํ ปญฺญาปนสฺส ทุกฺกรภาวโต ตํเทสนาย ปฎิเวธนสงฺขาตสฺส ปฎิเวธสฺส อุปฺปาทนวิสยิกรณานํ อสกฺกุเณยฺยตาย ทุโกฺขคาหตา เวทิตพฺพาฯ

    Vuttanayena veditabbāti avijjāsaṅkhārādīnaṃ dhammatthānaṃ duppaṭivijjhatāya dukkhogāhatā, tesaṃ paññāpanassa dukkarabhāvato taṃdesanāya paṭivedhanasaṅkhātassa paṭivedhassa uppādanavisayikaraṇānaṃ asakkuṇeyyatāya dukkhogāhatā veditabbā.

    การเณ ผลโวหาเรน เต ธมฺมา ทุกฺขาย สํวตฺตนฺตีติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘อุปารมฺภ…เป.… เหตุภาเวนา’’ติฯ อญฺญํ อตฺถนฺติ อุปารมฺภํ นิสฺสรณญฺจฯ นิฎฺฐาเปตฺวาติ กถนวเสน ปริโยสาเปตฺวาฯ ตสฺส ‘‘อารทฺธ’’นฺติ เอเตน สมฺพโนฺธฯ อุทฺทานสงฺคหาทิเภโท สงฺคีโตติ ปาโฐ ยุโตฺต, ‘‘สงฺคีติยา’’ติ ปน ลิขนฺติฯ ปุริมํ วา สงฺคีติยาติ ภาเวน ภาวลกฺขเณ ภุมฺมํ, ปจฺฉิมํ อธิกรเณฯ ปิฎกาทีติ ปิฎกนิกายงฺคธมฺมกฺขนฺธานิฯ

    Kāraṇe phalavohārena te dhammā dukkhāya saṃvattantīti vuttanti āha ‘‘upārambha…pe… hetubhāvenā’’ti. Aññaṃ atthanti upārambhaṃ nissaraṇañca. Niṭṭhāpetvāti kathanavasena pariyosāpetvā. Tassa ‘‘āraddha’’nti etena sambandho. Uddānasaṅgahādibhedo saṅgītoti pāṭho yutto, ‘‘saṅgītiyā’’ti pana likhanti. Purimaṃ vā saṅgītiyāti bhāvena bhāvalakkhaṇe bhummaṃ, pacchimaṃ adhikaraṇe. Piṭakādīti piṭakanikāyaṅgadhammakkhandhāni.

    ตตฺถ อเงฺคสุ สุตฺตงฺคเมว น สมฺภวติ ‘‘สคาถกํ สุตฺตํ เคยฺยํ, นิคฺคาถกํ สุตฺตํ เวยฺยากรณ’’นฺติ (ที. นิ. อฎฺฐ. ๑.ปฐมมหาสงฺคีติกถา; ปารา. อฎฺฐ. ๑.ปฐมมหาสงฺคีติกถา; ธ. ส. อฎฺฐ. นิทานกถา) วุตฺตตฺตา, มงฺคลสุตฺตาทีนญฺจ สุตฺตงฺคสงฺคโห น สิยา คาถาภาวโต ธมฺมปทาทีนํ วิย, เคยฺยงฺคสงฺคโห วา สิยา สคาถกตฺตา สคาถาวคฺคสฺส วิย, ตถา อุภโตวิภงฺคาทีสุ สคาถกปเทสานนฺติ? วุจฺจเต –

    Tattha aṅgesu suttaṅgameva na sambhavati ‘‘sagāthakaṃ suttaṃ geyyaṃ, niggāthakaṃ suttaṃ veyyākaraṇa’’nti (dī. ni. aṭṭha. 1.paṭhamamahāsaṅgītikathā; pārā. aṭṭha. 1.paṭhamamahāsaṅgītikathā; dha. sa. aṭṭha. nidānakathā) vuttattā, maṅgalasuttādīnañca suttaṅgasaṅgaho na siyā gāthābhāvato dhammapadādīnaṃ viya, geyyaṅgasaṅgaho vā siyā sagāthakattā sagāthāvaggassa viya, tathā ubhatovibhaṅgādīsu sagāthakapadesānanti? Vuccate –

    สุตฺตนฺติ สามญฺญวิธิ, วิเสสวิธโย ปเร;

    Suttanti sāmaññavidhi, visesavidhayo pare;

    สนิมิตฺตา นิรุฬฺหตฺตา, สหตาเญฺญน นาญฺญโตฯ (เนตฺติ. อฎฺฐ. สงฺคหวารวณฺณนา);

    Sanimittā niruḷhattā, sahatāññena nāññato. (netti. aṭṭha. saṅgahavāravaṇṇanā);

    สพฺพสฺสปิ หิ พุทฺธวจนสฺส สุตฺตนฺติ อยํ สามญฺญวิธิฯ เตเนวาห อายสฺมา มหากจฺจายโน เนตฺติยํ ‘‘นววิธสุตฺตนฺตปริเยฎฺฐี’’ติ (เนตฺติ. สงฺคหวาร)ฯ ‘‘เอตฺตกํ ตสฺส ภควโต สุตฺตาคตํ สุตฺตปริยาปนฺนํ (ปาจิ. ๑๒๔๒) สกวาเท ปญฺจ สุตฺตสตานี’’ติ (ธ. ส. อฎฺฐ. นิทานกถา; กถา. อฎฺฐ. นิทานกถา) เอวมาทิ จ เอตสฺส อตฺถสฺส สาธกํ, ตเทกเทเสสุ ปน เคยฺยาทโย วิเสสวิธโย เตน เตน นิมิเตฺตน ปติฎฺฐิตตฺตาฯ ตถา หิ เคยฺยสฺส สคาถกตฺตํ ตพฺภาวนิมิตฺตํฯ โลเกปิ หิ สสิโลกํ สคาถกํ วา จุณฺณิยคนฺถํ ‘‘เคยฺย’’นฺติ วทนฺติฯ คาถาวิรเห ปน สติ ปุจฺฉํ กตฺวา วิสฺสชฺชนภาโว เวยฺยากรณสฺสฯ ปุจฺฉาวิสฺสชฺชนญฺหิ พฺยากรณนฺติ วุจฺจติฯ พฺยากรณเมว เวยฺยากรณนฺติฯ

    Sabbassapi hi buddhavacanassa suttanti ayaṃ sāmaññavidhi. Tenevāha āyasmā mahākaccāyano nettiyaṃ ‘‘navavidhasuttantapariyeṭṭhī’’ti (netti. saṅgahavāra). ‘‘Ettakaṃ tassa bhagavato suttāgataṃ suttapariyāpannaṃ (pāci. 1242) sakavāde pañca suttasatānī’’ti (dha. sa. aṭṭha. nidānakathā; kathā. aṭṭha. nidānakathā) evamādi ca etassa atthassa sādhakaṃ, tadekadesesu pana geyyādayo visesavidhayo tena tena nimittena patiṭṭhitattā. Tathā hi geyyassa sagāthakattaṃ tabbhāvanimittaṃ. Lokepi hi sasilokaṃ sagāthakaṃ vā cuṇṇiyaganthaṃ ‘‘geyya’’nti vadanti. Gāthāvirahe pana sati pucchaṃ katvā vissajjanabhāvo veyyākaraṇassa. Pucchāvissajjanañhi byākaraṇanti vuccati. Byākaraṇameva veyyākaraṇanti.

    เอวํ สเนฺต สคาถกานมฺปิ ปญฺหวิสฺสชฺชนวเสน ปวตฺตานํ เวยฺยากรณภาโว อาปชฺชตีติ? นาปชฺชติ เวยฺยากรณาทิสญฺญานํ อโนกาสภาวโต ‘‘คาถาวิรเห ปน สตี’’ติ วิเสสิตตฺตา จฯ ตถา หิ ธมฺมปทาทีสุ เกวลํ คาถาพเนฺธสุ สคาถกเตฺตปิ โสมนสฺสญาณมยิกคาถาปฎิสํยุเตฺตสุ ‘‘วุตฺตเญฺหต’’นฺติอาทิวจนสมฺพเนฺธสุ อพฺภุตธมฺมปฎิสํยุเตฺตสุ จ สุตฺตวิเสเสสุ ยถากฺกมํ คาถาอุทานอิติวุตฺตกอพฺภุตธมฺมสญฺญา ปติฎฺฐิตา, ตถา สติปิ คาถาพนฺธภาเว ภควโต อตีตาสุ ชาตีสุ จริยานุภาวปฺปกาสเกสุ ชาตกสญฺญาฯ สติปิ ปญฺหวิสฺสชฺชนภาเว สคาถกเตฺต จ เกสุจิ สุตฺตเนฺตสุ เวทสฺส ลภาปนโต เวทลฺลสญฺญา ปติฎฺฐิตาติ เอวํ เตน เตน สคาถกตฺตาทินา นิมิเตฺตน เตสุ เตสุ สุตฺตวิเสเสสุ เคยฺยาทิสญฺญา ปติฎฺฐิตาติ วิเสสวิธโย สุตฺตงฺคโต ปเร เคยฺยงฺคาทโยฯ ยํ ปเนตฺถ เคยฺยงฺคาทินิมิตฺตรหิตํ, ตํ สุตฺตงฺคํ วิเสสสญฺญาปริหาเรน สามญฺญสญฺญาย ปวตฺตนโตติฯ

    Evaṃ sante sagāthakānampi pañhavissajjanavasena pavattānaṃ veyyākaraṇabhāvo āpajjatīti? Nāpajjati veyyākaraṇādisaññānaṃ anokāsabhāvato ‘‘gāthāvirahe pana satī’’ti visesitattā ca. Tathā hi dhammapadādīsu kevalaṃ gāthābandhesu sagāthakattepi somanassañāṇamayikagāthāpaṭisaṃyuttesu ‘‘vuttañheta’’ntiādivacanasambandhesu abbhutadhammapaṭisaṃyuttesu ca suttavisesesu yathākkamaṃ gāthāudānaitivuttakaabbhutadhammasaññā patiṭṭhitā, tathā satipi gāthābandhabhāve bhagavato atītāsu jātīsu cariyānubhāvappakāsakesu jātakasaññā. Satipi pañhavissajjanabhāve sagāthakatte ca kesuci suttantesu vedassa labhāpanato vedallasaññā patiṭṭhitāti evaṃ tena tena sagāthakattādinā nimittena tesu tesu suttavisesesu geyyādisaññā patiṭṭhitāti visesavidhayo suttaṅgato pare geyyaṅgādayo. Yaṃ panettha geyyaṅgādinimittarahitaṃ, taṃ suttaṅgaṃ visesasaññāparihārena sāmaññasaññāya pavattanatoti.

    นนุ จ สคาถกํ สุตฺตํ เคยฺยํ, นิคฺคาถกํ สุตฺตํ เวยฺยากรณนฺติ สุตฺตงฺคํ น สมฺภวตีติ โจทนา ตทวตฺถาติ? น, โสธิตตฺตาฯ โสธิตญฺหิ ปุเพฺพ คาถาวิรเห สติ ปุจฺฉาวิสฺสชฺชนภาโว เวยฺยากรณภาวสฺส นิมิตฺตนฺติฯ ยญฺจ วุตฺตํ ‘‘คาถาภาวโต มงฺคลสุตฺตาทีนํ สุตฺตงฺคสงฺคโห น สิยา’’ติ, ตํ น, นิรุฬฺหตฺตาฯ นิรุโฬฺห หิ มงฺคลสุตฺตาทีสุ สุตฺตภาโวฯ น หิ ตานิ ธมฺมปทพุทฺธวํสาทโย วิย คาถาภาเวน ปญฺญาตานิ, กินฺตุ สุตฺตภาเวเนวฯ เตเนว หิ อฎฺฐกถายํ สุตฺตนามกนฺติ นามคฺคหณํ กตํฯ ยํ ปน วุตฺตํ ‘‘สคาถกตฺตา เคยฺยงฺคสงฺคโห วา สิยา’’ติ, ตทปิ นตฺถิฯ ยสฺมา สหตาเญฺญนฯ สห คาถาหีติ สคาถกํ, สหภาโว จ นาม อตฺตโต อเญฺญน โหติ, น จ มงฺคลสุตฺตาทีสุ คาถาวินิมุโตฺต โกจิ สุตฺตปฺปเทโส อตฺถิ, โย ‘‘สห คาถาหี’’ติ วุเจฺจยฺย, น จ สมุทาโย นาม โกจิ อตฺถิฯ ยทปิ วุตฺตํ ‘‘อุภโตวิภงฺคาทีสุ สคาถกปฺปเทสานํ เคยฺยงฺคสงฺคโห สิยา’’ติ, ตทปิ น, อญฺญโตฯ อญฺญา เอว หิ ตา คาถา ชาตกาทิปริยาปนฺนตฺตาฯ อโต น ตาหิ อุภโตวิภงฺคาทีนํ เคยฺยงฺคภาโวติ เอวํ สุตฺตาทีนํ องฺคานํ อญฺญมญฺญสงฺกราภาโว เวทิตโพฺพฯ

    Nanu ca sagāthakaṃ suttaṃ geyyaṃ, niggāthakaṃ suttaṃ veyyākaraṇanti suttaṅgaṃ na sambhavatīti codanā tadavatthāti? Na, sodhitattā. Sodhitañhi pubbe gāthāvirahe sati pucchāvissajjanabhāvo veyyākaraṇabhāvassa nimittanti. Yañca vuttaṃ ‘‘gāthābhāvato maṅgalasuttādīnaṃ suttaṅgasaṅgaho na siyā’’ti, taṃ na, niruḷhattā. Niruḷho hi maṅgalasuttādīsu suttabhāvo. Na hi tāni dhammapadabuddhavaṃsādayo viya gāthābhāvena paññātāni, kintu suttabhāveneva. Teneva hi aṭṭhakathāyaṃ suttanāmakanti nāmaggahaṇaṃ kataṃ. Yaṃ pana vuttaṃ ‘‘sagāthakattā geyyaṅgasaṅgaho vā siyā’’ti, tadapi natthi. Yasmā sahatāññena. Saha gāthāhīti sagāthakaṃ, sahabhāvo ca nāma attato aññena hoti, na ca maṅgalasuttādīsu gāthāvinimutto koci suttappadeso atthi, yo ‘‘saha gāthāhī’’ti vucceyya, na ca samudāyo nāma koci atthi. Yadapi vuttaṃ ‘‘ubhatovibhaṅgādīsu sagāthakappadesānaṃ geyyaṅgasaṅgaho siyā’’ti, tadapi na, aññato. Aññā eva hi tā gāthā jātakādipariyāpannattā. Ato na tāhi ubhatovibhaṅgādīnaṃ geyyaṅgabhāvoti evaṃ suttādīnaṃ aṅgānaṃ aññamaññasaṅkarābhāvo veditabbo.

    ชินสาสนํ อภิธโมฺมฯ ปฎิวิทฺธฎฺฐานํ ปฎิเวธภูมิ ปฎิเวธาวตฺถา, ปฎิเวธเหตุ วาฯ ‘‘โส เอวํ ปชานามิ สมฺมาทิฎฺฐิปจฺจยาปิ เวทยิต’’นฺติ (สํ. นิ. ๕.๑๑-๑๒) วุตฺตํฯ ปาฬิยํ ปน ‘‘โส เอวํ ปชานามิ มิจฺฉาทิฎฺฐิปจฺจยาปิ เวทยิตํฯ สมฺมาทิฎฺฐิปจฺจยาปิ เวทยิต’’นฺติ อาคตํ (สํ. นิ. ๕.๑๑-๑๒)ฯ ปจฺจยาทีหีติ ปจฺจยสภาววูปสมตทุปายาทีหิฯ ปรวาทิโจทนํ ปตฺวาติ อฎฺฐกถายํ อาคตํ ปรวาทิโจทนํ ปตฺวาฯ อธิค…เป.… รูเปนาติ อธิคนฺตโพฺพ จ โส เทเสตโพฺพ จาติ อธิคนฺตพฺพเทเสตโพฺพ, โส เอว ธโมฺม, ตทนุรูเปนฯ เอตฺถ จ ยถาธมฺมสาสนตฺตา ยถาธิคตธมฺมเทสนาภาวโต อภิธมฺมสฺส อภิสโมฺพธิ อธิคมนิทานํฯ เทสกาลาทิเยว เทสนานิทานํฯ ยํ ปน อฎฺฐกถายํ ‘‘เทสนานิทานํ ยาว ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนา’’ติ วุตฺตํ, ตํ อภิธมฺมเทสนาวิเสเสน ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนนฺติ กตฺวา วุตฺตํฯ ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนสุเตฺต วา เทสิเตหิ อริยสเจฺจหิ สกลาภิธมฺมปทตฺถสงฺคหโต, ปรมตฺถโต อภิธมฺมภูตานํ วา สมฺมาทิฎฺฐิอาทีนํ ตตฺถ เทสิตตฺตา วุตฺตํฯ ตตฺตกานํเยว เทสนารุฬฺหตาย อฑฺฒฉเกฺกสุ ชาตกสเตสุ ปริปาจนํ วุตฺตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ น หิ เอตฺตกาสุ เอว ชาตีสุ ปุญฺญาทิสมฺภารสมฺภรณํ , กิํ ปน การณํ เอตฺตกา เอว ชาติโย เทสิตาติ? ตทเญฺญสํ อฎฺฐุปฺปตฺติยา อภาวโตฯ

    Jinasāsanaṃ abhidhammo. Paṭividdhaṭṭhānaṃ paṭivedhabhūmi paṭivedhāvatthā, paṭivedhahetu vā. ‘‘So evaṃ pajānāmi sammādiṭṭhipaccayāpi vedayita’’nti (saṃ. ni. 5.11-12) vuttaṃ. Pāḷiyaṃ pana ‘‘so evaṃ pajānāmi micchādiṭṭhipaccayāpi vedayitaṃ. Sammādiṭṭhipaccayāpi vedayita’’nti āgataṃ (saṃ. ni. 5.11-12). Paccayādīhīti paccayasabhāvavūpasamatadupāyādīhi. Paravādicodanaṃ patvāti aṭṭhakathāyaṃ āgataṃ paravādicodanaṃ patvā. Adhiga…pe… rūpenāti adhigantabbo ca so desetabbo cāti adhigantabbadesetabbo, so eva dhammo, tadanurūpena. Ettha ca yathādhammasāsanattā yathādhigatadhammadesanābhāvato abhidhammassa abhisambodhi adhigamanidānaṃ. Desakālādiyeva desanānidānaṃ. Yaṃ pana aṭṭhakathāyaṃ ‘‘desanānidānaṃ yāva dhammacakkappavattanā’’ti vuttaṃ, taṃ abhidhammadesanāvisesena dhammacakkappavattananti katvā vuttaṃ. Dhammacakkappavattanasutte vā desitehi ariyasaccehi sakalābhidhammapadatthasaṅgahato, paramatthato abhidhammabhūtānaṃ vā sammādiṭṭhiādīnaṃ tattha desitattā vuttaṃ. Tattakānaṃyeva desanāruḷhatāya aḍḍhachakkesu jātakasatesu paripācanaṃ vuttanti daṭṭhabbaṃ. Na hi ettakāsu eva jātīsu puññādisambhārasambharaṇaṃ , kiṃ pana kāraṇaṃ ettakā eva jātiyo desitāti? Tadaññesaṃ aṭṭhuppattiyā abhāvato.







    Related texts:



    ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / ธมฺมสงฺคณี-มูลฎีกา • Dhammasaṅgaṇī-mūlaṭīkā / นิทานกถาวณฺณนา • Nidānakathāvaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact