Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เนตฺติปฺปกรณ-ฎีกา • Nettippakaraṇa-ṭīkā |
นิทานกถาวณฺณนา
Nidānakathāvaṇṇanā
วจนตฺถชานเนน วิทิตปฺปกรณตฺถสามญฺญตฺถสฺส ปกรณกถา วุจฺจมานา โสเภยฺยาติ เนตฺติปทตฺถปริชานนเมว อาทิมฺหิ ยุตฺตรูปนฺติ ตทตฺถํ ปุจฺฉติ ‘‘ตตฺถ เกนเฎฺฐน เนตฺตี’’ติฯ ตตฺถ ตตฺถาติ ‘‘ตสฺสา เนตฺติยา กริสฺสามตฺถวณฺณน’’นฺติ ยทิทํ วุตฺตํ, ตสฺมิํ; ยสฺสา กริสฺสามตฺถวณฺณนนฺติ ปฎิญฺญาตํ, สา เนตฺติ เกนเฎฺฐน เนตฺตีติ อโตฺถฯ ตตฺถาติ วา ‘‘เนตฺติปฺปกรณสฺสา’’ติ เอตสฺมิํ วจเน ยา เนตฺติ วุตฺตา, สา เกนเฎฺฐน เนตฺตีติ อโตฺถฯ ‘‘นยนเฎฺฐนา’’ติ อิทํ กตฺตุกรณาธิกรณสาธนานํ สาธารณวจนนฺติ ‘‘อริยธมฺมํ นยตี’’ติ กตฺตุสาธนวเสน ตาว เนตฺติสทฺทสฺส อตฺถํ วตฺวา อิทานิ กรณาธิกรณสาธนวเสน วตฺตุํ ‘‘นยนฺติ ตายา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ
Vacanatthajānanena viditappakaraṇatthasāmaññatthassa pakaraṇakathā vuccamānā sobheyyāti nettipadatthaparijānanameva ādimhi yuttarūpanti tadatthaṃ pucchati ‘‘tattha kenaṭṭhena nettī’’ti. Tattha tatthāti ‘‘tassā nettiyā karissāmatthavaṇṇana’’nti yadidaṃ vuttaṃ, tasmiṃ; yassā karissāmatthavaṇṇananti paṭiññātaṃ, sā netti kenaṭṭhena nettīti attho. Tatthāti vā ‘‘nettippakaraṇassā’’ti etasmiṃ vacane yā netti vuttā, sā kenaṭṭhena nettīti attho. ‘‘Nayanaṭṭhenā’’ti idaṃ kattukaraṇādhikaraṇasādhanānaṃ sādhāraṇavacananti ‘‘ariyadhammaṃ nayatī’’ti kattusādhanavasena tāva nettisaddassa atthaṃ vatvā idāni karaṇādhikaraṇasādhanavasena vattuṃ ‘‘nayanti tāyā’’tiādi vuttaṃ.
ตถา หิ วุตฺตนฺติ เนตฺติอุปเทสาธีนตฺตา เอว สุตฺตาวโพธสฺส วุตฺตํฯ เปฎเก ‘‘ตสฺมา นิพฺพายิตุกาเมน สุตมเยน อตฺถา ปริเยสิตพฺพา, ตตฺถ ปริเยสนาย อยํ อนุปุพฺพี ภวติ โสฬส หารา ปญฺจ นยา อฎฺฐารส มูลปทานี’’ติอาทิ (เปฎโก. ๓)ฯ หารนยวิจารณา วินิมุโตฺต อตฺถสํวณฺณนาวิเสโส นตฺถีติ อาห ‘‘สุตฺตสฺส อตฺถสํวณฺณนา เนตฺติอุปเทสายตฺตา’’ติฯ สฺวายมโตฺถ ปรโต ปกิณฺณกกถายํ อาวิ ภวิสฺสติฯ เอวํ มหาวิสยา จายํ เนตฺติ กุโต ปภวาติ อาห ‘‘สุตฺตปฺปภวา’’ติ, เอเตน เนตฺติยา ปมาณภูตตํ ทเสฺสติฯ อิทญฺจ สุตฺตสฺส เนตฺติสนฺนิสฺสยตาปริทีปนปรํ, น เถรปฺปภวตาปฎิเกฺขปปรํฯ เถโร หิ ปญฺจ มหานิกาเย โอคาเหตฺวา ตํสนฺนิสฺสเยเนว เตสํ สํวณฺณนาภูตํ อิมํ ปกรณํ อภาสิ, ตสฺมา อยเมว สํวณฺณนาธโมฺม, ยทิทํ สํวเณฺณตพฺพธมฺมสนฺนิสฺสยตาฯ
Tathā hi vuttanti nettiupadesādhīnattā eva suttāvabodhassa vuttaṃ. Peṭake ‘‘tasmā nibbāyitukāmena sutamayena atthā pariyesitabbā, tattha pariyesanāya ayaṃ anupubbī bhavati soḷasa hārā pañca nayā aṭṭhārasa mūlapadānī’’tiādi (peṭako. 3). Hāranayavicāraṇā vinimutto atthasaṃvaṇṇanāviseso natthīti āha ‘‘suttassa atthasaṃvaṇṇanā nettiupadesāyattā’’ti. Svāyamattho parato pakiṇṇakakathāyaṃ āvi bhavissati. Evaṃ mahāvisayā cāyaṃ netti kuto pabhavāti āha ‘‘suttappabhavā’’ti, etena nettiyā pamāṇabhūtataṃ dasseti. Idañca suttassa nettisannissayatāparidīpanaparaṃ, na therappabhavatāpaṭikkhepaparaṃ. Thero hi pañca mahānikāye ogāhetvā taṃsannissayeneva tesaṃ saṃvaṇṇanābhūtaṃ imaṃ pakaraṇaṃ abhāsi, tasmā ayameva saṃvaṇṇanādhammo, yadidaṃ saṃvaṇṇetabbadhammasannissayatā.
ปกรณปริเจฺฉทโตติ ปกรณสฺส วิภาคโตฯ หารวิจาราทโย หิ ตโย เนตฺติปฺปกรณสฺส วิภาคา, ปกรณภูตปริเจฺฉทโต วาฯ ตีณิ หิ เอตานิ ปกรณานิ ตโย อธิการา, ยทิทํ หารวิจาราทโยฯ ปาฬิววตฺถานโตติ ปาฐสนฺนิเวสโตฯ
Pakaraṇaparicchedatoti pakaraṇassa vibhāgato. Hāravicārādayo hi tayo nettippakaraṇassa vibhāgā, pakaraṇabhūtaparicchedato vā. Tīṇi hi etāni pakaraṇāni tayo adhikārā, yadidaṃ hāravicārādayo. Pāḷivavatthānatoti pāṭhasannivesato.
‘‘สโพฺพ หิ ปกรณโตฺถ’’ติอาทินา สงฺคหวารสฺส อนฺวตฺถสญฺญตํ ทเสฺสติฯ ‘‘นนุ เจตฺถ ปฎฺฐานํ อสงฺคหิต’’นฺติ โจทโก พฺยภิจารมาหฯ อิตโร ยทิปิ สรูปโต อสงฺคหิตํ, อตฺถโต ปน สงฺคหิตนฺติ ทเสฺสโนฺต ‘‘นยิทเมว’’ติอาทินา ปริหรติฯ ปุน ‘‘ตถา หี’’ติอาทินา ตเมวตฺถํ ปาฬิยา ปากฎตรํ กโรติฯ อตฺถนยา นนฺทิยาวฎฺฎาทโยฯ สงฺขารตฺติกา ปุญฺญาภิสงฺขาราทโย, กายสงฺขาราทโย จฯ เตสุ อตฺถนยานํ อญฺญมญฺญสงฺคโห ปรโต อาวิ ภวิสฺสติฯ อิตเร ปน กามาวจรา, รูปาวจรา จ กุสลา เจตนา ปุญฺญาภิสงฺขาโร, อกุสลา เจตนา อปุญฺญาภิสงฺขาโร, อรูปาวจรา กุสลา เจตนา อาเนญฺชาภิสงฺขาโรฯ ปุญฺญาภิสงฺขาโร จ อปุญฺญาภิสงฺขาโร จ กายทฺวารปฺปวโตฺต กายสงฺขาโร, โส เอว วจีทฺวารปฺปวโตฺต วจีสงฺขาโร, มโนทฺวารปฺปวโตฺต ปน ติวิโธปิ จิตฺตสงฺขาโรฯ อิติ ชาติวเสน ปุริมตฺติเก วุตฺตา เอว ธมฺมา ทฺวารวเสน ทุติยตฺติเก วุตฺตา, เต เอว จ ปุริมตฺติเกติ อญฺญมญฺญสงฺคโห เวทิตโพฺพฯ
‘‘Sabbohi pakaraṇattho’’tiādinā saṅgahavārassa anvatthasaññataṃ dasseti. ‘‘Nanu cettha paṭṭhānaṃ asaṅgahita’’nti codako byabhicāramāha. Itaro yadipi sarūpato asaṅgahitaṃ, atthato pana saṅgahitanti dassento ‘‘nayidameva’’tiādinā pariharati. Puna ‘‘tathā hī’’tiādinā tamevatthaṃ pāḷiyā pākaṭataraṃ karoti. Atthanayā nandiyāvaṭṭādayo. Saṅkhārattikā puññābhisaṅkhārādayo, kāyasaṅkhārādayo ca. Tesu atthanayānaṃ aññamaññasaṅgaho parato āvi bhavissati. Itare pana kāmāvacarā, rūpāvacarā ca kusalā cetanā puññābhisaṅkhāro, akusalā cetanā apuññābhisaṅkhāro, arūpāvacarā kusalā cetanā āneñjābhisaṅkhāro. Puññābhisaṅkhāro ca apuññābhisaṅkhāro ca kāyadvārappavatto kāyasaṅkhāro, so eva vacīdvārappavatto vacīsaṅkhāro, manodvārappavatto pana tividhopi cittasaṅkhāro. Iti jātivasena purimattike vuttā eva dhammā dvāravasena dutiyattike vuttā, te eva ca purimattiketi aññamaññasaṅgaho veditabbo.
ยตฺถาติ ยสฺมิํ วาเรฯ เปฎเกติ เปฎโกปเทเสฯ สมฺปตมานาติ สํวณฺณนาวเสน สนฺนิปตนฺตาฯ ‘‘พฺยญฺชนวิธิปุถุตฺตา’’ติ อิทํ เอกสฺมิํ สุเตฺต อเนเกสํ หารานํ สนฺนิปตนสฺส การณวจนํฯ ตถา หิ ‘‘อเนกสามตฺถิยนิจิตา สทฺทา’’ติ อกฺขรจินฺตกา วทนฺติฯ
Yatthāti yasmiṃ vāre. Peṭaketi peṭakopadese. Sampatamānāti saṃvaṇṇanāvasena sannipatantā. ‘‘Byañjanavidhiputhuttā’’ti idaṃ ekasmiṃ sutte anekesaṃ hārānaṃ sannipatanassa kāraṇavacanaṃ. Tathā hi ‘‘anekasāmatthiyanicitā saddā’’ti akkharacintakā vadanti.
‘‘น สรูปโต’’ติ อิมินา สงฺคหวาเร วิย อุเทฺทสนิเทฺทสวาเรสุปิ ปฎฺฐานสฺส อตฺถโต อุทฺธฎตํ ทเสฺสติฯ มูลปทคฺคหเณเนว คหิตตฺตา อุเทฺทสวาเร ตาว เอวํ โหตุ, นิเทฺทสวาเร ปน กถนฺติ? ตตฺถาปิ นยคฺคหเณเนว มูลปทานิปิ คหิตานีติ เวทิตพฺพํฯ น หิ มูลปเทหิ วินา กาจิ นยโยชนา สมฺภวติฯ อปเร ปน ‘‘หารนยา วิย ปฎฺฐานํ น สุตฺตสฺส สํวณฺณนาวิเสโส, อถ โข ตสฺมิํ ตสฺมิํ สุเตฺต สํกิเลสภาคิยตาทิลพฺภมานวิเสสมตฺตนฺติ น ตสฺส ปกรณสฺส ปทตฺถสงฺคโหฯ เอวญฺจ กตฺวา เตตฺติํสาย เนตฺติปทเตฺถสุ ปฎฺฐานํ อสงฺคหิตํ, อุเทฺทสนิเทฺทสวาเรสุ จ อนุทฺธฎเมวา’’ติ วทนฺติฯ
‘‘Na sarūpato’’ti iminā saṅgahavāre viya uddesaniddesavāresupi paṭṭhānassa atthato uddhaṭataṃ dasseti. Mūlapadaggahaṇeneva gahitattā uddesavāre tāva evaṃ hotu, niddesavāre pana kathanti? Tatthāpi nayaggahaṇeneva mūlapadānipi gahitānīti veditabbaṃ. Na hi mūlapadehi vinā kāci nayayojanā sambhavati. Apare pana ‘‘hāranayā viya paṭṭhānaṃ na suttassa saṃvaṇṇanāviseso, atha kho tasmiṃ tasmiṃ sutte saṃkilesabhāgiyatādilabbhamānavisesamattanti na tassa pakaraṇassa padatthasaṅgaho. Evañca katvā tettiṃsāya nettipadatthesu paṭṭhānaṃ asaṅgahitaṃ, uddesaniddesavāresu ca anuddhaṭamevā’’ti vadanti.
‘‘ปาฬิโต เอว วิญฺญายตี’’ติ วุตฺตมตฺถํ สมเตฺถโนฺต ‘‘ตถา หิ…เป.… อาภต’’นฺติ อาห, เตน เถเรน ภาสิตภาโว วิย ภควตา อนุโมทิตภาโวปิ ปาฬิอนุคโต เอวาติ ทเสฺสติฯ สาวกภาสิตตฺตา นิทานํ น วุตฺตนฺติ น สกฺกา วตฺตุนฺติ โจเทโนฺต ‘‘สาวก…เป.… ภาสิต’’นฺติ อาหฯ นยิทํ เอกนฺติกนฺติ จ สาวกภาสิตพุทฺธภาสิตภาโว นิทานาวจนสฺส, นิทานวจนสฺส จ อการณํ อุภยตฺถาปิ อุภยสฺส ทสฺสนโตฯ ตสฺมา นิทานาวจเนน เนตฺติยา อสาวกภาสิตตา น สิชฺฌตีติ ทเสฺสติฯ เตนาห ‘‘น จ ตาวตา ตานิ อปฺปมาณํ, เอวมิธาปิ ทฎฺฐพฺพ’’นฺติฯ
‘‘Pāḷito eva viññāyatī’’ti vuttamatthaṃ samatthento ‘‘tathā hi…pe… ābhata’’nti āha, tena therena bhāsitabhāvo viya bhagavatā anumoditabhāvopi pāḷianugato evāti dasseti. Sāvakabhāsitattā nidānaṃ na vuttanti na sakkā vattunti codento ‘‘sāvaka…pe… bhāsita’’nti āha. Nayidaṃ ekantikanti ca sāvakabhāsitabuddhabhāsitabhāvo nidānāvacanassa, nidānavacanassa ca akāraṇaṃ ubhayatthāpi ubhayassa dassanato. Tasmā nidānāvacanena nettiyā asāvakabhāsitatā na sijjhatīti dasseti. Tenāha ‘‘na ca tāvatā tāni appamāṇaṃ, evamidhāpi daṭṭhabba’’nti.
เยเนว การเณน นิทานาวจนสฺส ปมาณภาวสาธนตา, เตเนว การเณน อิมสฺส ปกรณสฺส ปมาณภาวสิทฺธีติ ทเสฺสติ ‘‘นิทานญฺจ นามา’’ติอาทินาฯ อิทานิ ‘‘อถ วา’’ติอาทินา เนตฺติยา นิทานาวจเนน อพฺยภิจารเหตุมาหฯ อยเญฺหตฺถ ปโยโค น เนตฺติยา นิทานํ วตฺตพฺพํ ปาฬิยา อตฺถสํวณฺณนาภาวโตฯ ยา หิ ปาฬิยา อตฺถสํวณฺณนา น ตสฺสา นิทานวจนํ ทิฎฺฐํ ยถา ปฎิสมฺภิทามคฺคสฺส, นิเทฺทสาทีนญฺจาติฯ
Yeneva kāraṇena nidānāvacanassa pamāṇabhāvasādhanatā, teneva kāraṇena imassa pakaraṇassa pamāṇabhāvasiddhīti dasseti ‘‘nidānañca nāmā’’tiādinā. Idāni ‘‘atha vā’’tiādinā nettiyā nidānāvacanena abyabhicārahetumāha. Ayañhettha payogo na nettiyā nidānaṃ vattabbaṃ pāḷiyā atthasaṃvaṇṇanābhāvato. Yā hi pāḷiyā atthasaṃvaṇṇanā na tassā nidānavacanaṃ diṭṭhaṃ yathā paṭisambhidāmaggassa, niddesādīnañcāti.
‘‘อยํ วิภาโค’’ติอาทินา เอกวิธโต ปฎฺฐาย ยาว จตุราสีติสหสฺสปฺปเภทา, ตาว ยถาทสฺสิตสฺส ปกรณวิภาคสฺส ปุน ‘‘อาทินา นเยน ปกรณวิภาโค เวทิตโพฺพ’’ติ อิทํ นิคมนํฯ ตตฺถ อาทินา นเยนาติ อาทิสเทฺทน อภิเญฺญยฺยธมฺมนิเทฺทสโต ปญฺญตฺติปญฺญเปตพฺพธมฺมวิภชนโต ติยทฺธปริยาปนฺนธมฺมวิจารโต จตุโรฆนิตฺถรณตฺถโต ปญฺจาภินนฺทนาทิปฺปหานโต ฉตณฺหากายุปสมนโต สงฺคหวาราทิสตฺตวารสงฺคหโต อฎฺฐมิจฺฉตฺตสมุคฺฆาตทีปนโตติ เอวมาทีนํ สงฺคโห ทฎฺฐโพฺพฯ
‘‘Ayaṃ vibhāgo’’tiādinā ekavidhato paṭṭhāya yāva caturāsītisahassappabhedā, tāva yathādassitassa pakaraṇavibhāgassa puna ‘‘ādinā nayena pakaraṇavibhāgo veditabbo’’ti idaṃ nigamanaṃ. Tattha ādinā nayenāti ādisaddena abhiññeyyadhammaniddesato paññattipaññapetabbadhammavibhajanato tiyaddhapariyāpannadhammavicārato caturoghanittharaṇatthato pañcābhinandanādippahānato chataṇhākāyupasamanato saṅgahavārādisattavārasaṅgahato aṭṭhamicchattasamugghātadīpanatoti evamādīnaṃ saṅgaho daṭṭhabbo.