Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā)

    ๔. นิทานสุตฺตวณฺณนา

    4. Nidānasuttavaṇṇanā

    ๓๔. จตุเตฺถ ปิณฺฑกรณตฺถายาติ อายูหนวเสน ราสิกรณตฺถายฯ อภินฺนานีติ เอกเทเสนปิ อขณฺฑิตานิฯ ภินฺนกาลโต ปฎฺฐาย หิ พีชํ พีชกิจฺจาย น อุปกปฺปติฯ อปูตีนีติ อุทกเตมเนน ปูติภาวํ น อุปคตานิฯ ปูติพีชญฺหิ พีชตฺถาย น อุปกปฺปติฯ เตนาห ‘‘ปูติภาเวน อพีชตฺตํ อปฺปตฺตานี’’ติฯ น วาเตน น จ อาตเปน หตานีติ วาเตน จ อาตเปน จ น หตานิ, นิโรชตํ น ปาปิตานิฯ นิโรชญฺหิ กสฎพีชํ พีชตฺถาย น อุปกปฺปติฯ สาราทานีติ ตณฺฑุลสารสฺส อาทานโต สาราทานิฯ นิสฺสารญฺหิ พีชํ พีชตฺถาย น อุปกปฺปติฯ เตนาห ‘‘คหิตสารานี’’ติ, ปติฎฺฐิตสารานีติ อโตฺถฯ สนฺนิจยภาเวน สุขํ สยิตานีติ จตฺตาโร มาเส โกฎฺฐปกฺขิตฺตนิยาเมเนว สุขสยิตานิฯ

    34. Catutthe piṇḍakaraṇatthāyāti āyūhanavasena rāsikaraṇatthāya. Abhinnānīti ekadesenapi akhaṇḍitāni. Bhinnakālato paṭṭhāya hi bījaṃ bījakiccāya na upakappati. Apūtīnīti udakatemanena pūtibhāvaṃ na upagatāni. Pūtibījañhi bījatthāya na upakappati. Tenāha ‘‘pūtibhāvena abījattaṃ appattānī’’ti. Na vātena na ca ātapena hatānīti vātena ca ātapena ca na hatāni, nirojataṃ na pāpitāni. Nirojañhi kasaṭabījaṃ bījatthāya na upakappati. Sārādānīti taṇḍulasārassa ādānato sārādāni. Nissārañhi bījaṃ bījatthāya na upakappati. Tenāha ‘‘gahitasārānī’’ti, patiṭṭhitasārānīti attho. Sannicayabhāvena sukhaṃ sayitānīti cattāro māse koṭṭhapakkhittaniyāmeneva sukhasayitāni.

    กมฺมวิภตฺตีติ กมฺมวิภาโคฯ ทิฎฺฐธโมฺม วุจฺจติ ปจฺจกฺขภูโต ปจฺจุปฺปโนฺน อตฺตภาโว, ตตฺถ เวทิตพฺพผลํ กมฺมํ ทิฎฺฐธมฺมเวทนียํฯ ปจฺจุปนฺนภวโต อนนฺตรํ เวทิตพฺพผลํ กมฺมํ อุปปชฺชเวทนียํฯ อปรปริยายเวทนียนฺติ ทิฎฺฐธมฺมานนฺตรภวโต อญฺญสฺมิํ อตฺตภาวปริยาเย อตฺตภาวปริวเตฺต เวทิตพฺพผลํ กมฺมํฯ ปฎิปเกฺขหิ อนภิภูตตาย ปจฺจยวิเสเสน ปฎิลทฺธวิเสสตาย จ พลวภาวปฺปตฺตา ตาทิสสฺส ปุพฺพาภิสงฺขารสฺส วเสน สาติสยา หุตฺวา ปวตฺตา ปฐมชวนเจตนา ตสฺมิํเยว อตฺตภาเว ผลทายินี ทิฎฺฐธมฺมเวทนียกมฺมํ นามฯ สา หิ วุตฺตากาเรน พลวตี ชวนสนฺตาเน คุณวิเสสยุเตฺตสุ อุปการานุปการวสปฺปวตฺติยา อาเสวนาลาเภน อปฺปวิปากตาย จ ปฐมชวนเจตนา อิตรทฺวยํ วิย ปวตฺตสนฺตานุปรมาเปกฺขํ โอกาสลาภาเปกฺขญฺจ กมฺมํ น โหตีติ อิเธว ปุปฺผมตฺตํ วิย ปวตฺติวิปากมตฺตํ ผลํ เทติฯ ตถา อสโกฺกนฺตนฺติ กมฺมสฺส วิปากทานํ นาม อุปธิปฺปโยคาทิปจฺจยนฺตรสมวาเยเนว โหตีติ ตทภาวโต ตสฺมิํเยว อตฺตภาเว วิปากํ ทาตุํ อสโกฺกนฺตํฯ อโหสิกมฺมนฺติ อโหสิ เอว กมฺมํ, น ตสฺส วิปาโก อโหสิ อตฺถิ ภวิสฺสติ จาติ เอวํ เวทิตพฺพํ กมฺมํฯ

    Kammavibhattīti kammavibhāgo. Diṭṭhadhammo vuccati paccakkhabhūto paccuppanno attabhāvo, tattha veditabbaphalaṃ kammaṃ diṭṭhadhammavedanīyaṃ. Paccupannabhavato anantaraṃ veditabbaphalaṃ kammaṃ upapajjavedanīyaṃ. Aparapariyāyavedanīyanti diṭṭhadhammānantarabhavato aññasmiṃ attabhāvapariyāye attabhāvaparivatte veditabbaphalaṃ kammaṃ. Paṭipakkhehi anabhibhūtatāya paccayavisesena paṭiladdhavisesatāya ca balavabhāvappattā tādisassa pubbābhisaṅkhārassa vasena sātisayā hutvā pavattā paṭhamajavanacetanā tasmiṃyeva attabhāve phaladāyinī diṭṭhadhammavedanīyakammaṃ nāma. Sā hi vuttākārena balavatī javanasantāne guṇavisesayuttesu upakārānupakāravasappavattiyā āsevanālābhena appavipākatāya ca paṭhamajavanacetanā itaradvayaṃ viya pavattasantānuparamāpekkhaṃ okāsalābhāpekkhañca kammaṃ na hotīti idheva pupphamattaṃ viya pavattivipākamattaṃ phalaṃ deti. Tathā asakkontanti kammassa vipākadānaṃ nāma upadhippayogādipaccayantarasamavāyeneva hotīti tadabhāvato tasmiṃyeva attabhāve vipākaṃ dātuṃ asakkontaṃ. Ahosikammanti ahosi eva kammaṃ, na tassa vipāko ahosi atthi bhavissati cāti evaṃ veditabbaṃ kammaṃ.

    อตฺถสาธิกาติ ทานาทิปาณาติปาตาทิอตฺถสฺส นิปฺผาทิกาฯ กา ปน สาติ อาห ‘‘สตฺตมชวนเจตนา’’ติฯ สา หิ สนฺนิฎฺฐาปกเจตนา วุตฺตนเยน ปฎิลทฺธวิเสสา ปุริมชวนเจตนาหิ ลทฺธาเสวนา จ สมานา อนนฺตรตฺตภาเว วิปากทายินี อุปปชฺชเวทนียกมฺมํ นามฯ ปุริมอุปมายเยวาติ มิคลุทฺทโกปมายเยวฯ

    Atthasādhikāti dānādipāṇātipātādiatthassa nipphādikā. Kā pana sāti āha ‘‘sattamajavanacetanā’’ti. Sā hi sanniṭṭhāpakacetanā vuttanayena paṭiladdhavisesā purimajavanacetanāhi laddhāsevanā ca samānā anantarattabhāve vipākadāyinī upapajjavedanīyakammaṃ nāma. Purimaupamāyayevāti migaluddakopamāyayeva.

    สติ สํสารปฺปวตฺติยาติ อิมินา อสติ สํสารปฺปวตฺติยํ อโหสิกมฺมปเกฺข ติฎฺฐติ วิปจฺจโนกาสสฺส อภาวโตติ ทีเปติฯ ยํ ครุกนฺติ ยํ อกุสลํ มหาสาวชฺชํ, กุสลญฺจ มหานุภาวํ กมฺมํฯ กุสลํ วา หิ โหตุ อกุสลํ วา, ยํ ครุกํ มาตุฆาตาทิกมฺมํ วา มหคฺคตกมฺมํ วา, ตเทว ปฐมํ วิปจฺจติฯ เตนาห ‘‘กุสลากุสเลสุ ปนา’’ติอาทิฯ ยํ พหุลนฺติ ยํ พหุลํ อภิณฺหโส กตํ สมาเสวิตํฯ เตนาห ‘‘กุสลากุสเลสุ ปน ยํ พหุลํ โหตี’’ติอาทิฯ ยทาสนฺนํ นาม มรณกาเล อนุสฺสริตํ กมฺมํ, อาสนฺนกาเล กเต ปน วตฺตพฺพเมว นตฺถีติ อาห ‘‘ยํ ปน กุสลากุสเลสุ อาสนฺนมรเณ’’ติอาทิฯ อนุสฺสริตุนฺติ ปริพฺยตฺตภาเวน อนุสฺสริตุํฯ

    Sati saṃsārappavattiyāti iminā asati saṃsārappavattiyaṃ ahosikammapakkhe tiṭṭhati vipaccanokāsassa abhāvatoti dīpeti. Yaṃ garukanti yaṃ akusalaṃ mahāsāvajjaṃ, kusalañca mahānubhāvaṃ kammaṃ. Kusalaṃ vā hi hotu akusalaṃ vā, yaṃ garukaṃ mātughātādikammaṃ vā mahaggatakammaṃ vā, tadeva paṭhamaṃ vipaccati. Tenāha ‘‘kusalākusalesu panā’’tiādi. Yaṃ bahulanti yaṃ bahulaṃ abhiṇhaso kataṃ samāsevitaṃ. Tenāha ‘‘kusalākusalesu pana yaṃ bahulaṃ hotī’’tiādi. Yadāsannaṃ nāma maraṇakāle anussaritaṃ kammaṃ, āsannakāle kate pana vattabbameva natthīti āha ‘‘yaṃ pana kusalākusalesu āsannamaraṇe’’tiādi. Anussaritunti paribyattabhāvena anussarituṃ.

    เตสํ อภาเวติ เตสํ ยํครุกาทีนํ ติณฺณํ กมฺมานํ อภาเวฯ ยตฺถ กตฺถจิ วิปากํ เทตีติ ปฎิสนฺธิชนกวเสน วิปากํ เทติฯ ปฎิสนฺธิชนกวเสน หิ ครุกาทิกมฺมจตุกฺกํ วุตฺตํฯ ตตฺถ ครุกํ สพฺพปฐมํ วิปจฺจติ, ครุเก อสติ พหุลีกตํ, ตสฺมิํ อสติ ยทาสนฺนํ , ตสฺมิํ อสติ ‘‘กฎตฺตา วา ปนา’’ติ วุตฺตํ ปุริมชาตีสุ กตกมฺมํ วิปจฺจติฯ พหุลาสนฺนปุพฺพกเตสุ จ พลาพลํ ชานิตพฺพํฯ ปาปโต ปาปนฺตรํ กลฺยาณญฺจ, กลฺยาณโต กลฺยาณนฺตรํ ปาปญฺจ พหุลีกตํฯ ตโต มหโตว ปุพฺพกตาทิ อปฺปญฺจ พหุลานุสฺสรเณน วิปฺปฎิสาราทิชนนโต, ปฎิปกฺขสฺส อปริปุณฺณตาย อารทฺธวิปากสฺส กมฺมสฺส กมฺมเสสสฺส วา อปรปริยายเวทนียสฺส อปริกฺขีณตาย สนฺตติยา ปริณามวิเสสโตติ เตหิ เตหิ การเณหิ อายูหิตผลํ ปฐมํ วิปจฺจติฯ มหานารทกสฺสปชาตเก (ชา. ๒.๒๒.๑๑๕๓ อาทโย) วิเทหรโญฺญ เสนาปติ อลาโต, พีชโก ทาโส, ราชกญฺญา รุจา จ เอตฺถ นิทสฺสนํฯ ตถา หิ วุตฺตํ ภควตา –

    Tesaṃ abhāveti tesaṃ yaṃgarukādīnaṃ tiṇṇaṃ kammānaṃ abhāve. Yattha katthaci vipākaṃ detīti paṭisandhijanakavasena vipākaṃ deti. Paṭisandhijanakavasena hi garukādikammacatukkaṃ vuttaṃ. Tattha garukaṃ sabbapaṭhamaṃ vipaccati, garuke asati bahulīkataṃ, tasmiṃ asati yadāsannaṃ , tasmiṃ asati ‘‘kaṭattā vā panā’’ti vuttaṃ purimajātīsu katakammaṃ vipaccati. Bahulāsannapubbakatesu ca balābalaṃ jānitabbaṃ. Pāpato pāpantaraṃ kalyāṇañca, kalyāṇato kalyāṇantaraṃ pāpañca bahulīkataṃ. Tato mahatova pubbakatādi appañca bahulānussaraṇena vippaṭisārādijananato, paṭipakkhassa aparipuṇṇatāya āraddhavipākassa kammassa kammasesassa vā aparapariyāyavedanīyassa aparikkhīṇatāya santatiyā pariṇāmavisesatoti tehi tehi kāraṇehi āyūhitaphalaṃ paṭhamaṃ vipaccati. Mahānāradakassapajātake (jā. 2.22.1153 ādayo) videharañño senāpati alāto, bījako dāso, rājakaññā rucā ca ettha nidassanaṃ. Tathā hi vuttaṃ bhagavatā –

    ‘‘ตตฺรานนฺท, ยฺวายํ ปุคฺคโล อิธ ปาณาติปาตี…เป.… มิจฺฉาทิฎฺฐิฯ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคติํ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชติ, ปุเพฺพ วาสฺส ตํ กตํ โหติ ปาปกมฺมํ ทุกฺขเวทนียํ, ปจฺฉา วาสฺส ตํ กตํ โหติ ปาปกมฺมํ ทุกฺขเวทนียํ, มรณกาเล วาสฺส โหติ มิจฺฉาทิฎฺฐิ สมตฺตา สมาทินฺนา, เตน โส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคติํ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชตี’’ติ –

    ‘‘Tatrānanda, yvāyaṃ puggalo idha pāṇātipātī…pe… micchādiṭṭhi. Kāyassa bhedā paraṃ maraṇā apāyaṃ duggatiṃ vinipātaṃ nirayaṃ upapajjati, pubbe vāssa taṃ kataṃ hoti pāpakammaṃ dukkhavedanīyaṃ, pacchā vāssa taṃ kataṃ hoti pāpakammaṃ dukkhavedanīyaṃ, maraṇakāle vāssa hoti micchādiṭṭhi samattā samādinnā, tena so kāyassa bhedā paraṃ maraṇā apāyaṃ duggatiṃ vinipātaṃ nirayaṃ upapajjatī’’ti –

    อาทิ ฯ สพฺพํ มหากมฺมวิภงฺคสุตฺตํ (ม. นิ. ๓.๓๐๓) วิตฺถาเรตพฺพํฯ กิํ พหุนาฯ ยํ ตํ ตถาคตสฺส มหากมฺมวิภงฺคญาณํ, ตเสฺสวายํ วิสโย, ยทิทํ ตสฺส ตสฺส กมฺมสฺส เตน เตน การเณน ปุพฺพาปรวิปากตา สมตฺถียติฯ

    Ādi . Sabbaṃ mahākammavibhaṅgasuttaṃ (ma. ni. 3.303) vitthāretabbaṃ. Kiṃ bahunā. Yaṃ taṃ tathāgatassa mahākammavibhaṅgañāṇaṃ, tassevāyaṃ visayo, yadidaṃ tassa tassa kammassa tena tena kāraṇena pubbāparavipākatā samatthīyati.

    อิทานิ ชนกาทิกมฺมจตุกฺกํ วิภชโนฺต ‘‘ชนกํ นามา’’ติอาทิมาหฯ ปวตฺติํ น ชเนตีติ ปวตฺติวิปากํ น ชเนติฯ ปฐมนเย ชนกกมฺมสฺส ปฎิสนฺธิวิปากมตฺตเสฺสว วุตฺตตฺตา ตสฺส ปวตฺติวิปากทายกตฺตมฺปิ อนุชานโนฺต ‘‘อปโร นโย’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ ปฎิสนฺธิทานาทิวเสน วิปากสนฺตานสฺส นิพฺพตฺตกํ ชนกํฯ สุขทุกฺขสนฺตานสฺส นามรูปปฺปพนฺธสฺส วา จิรตรํ ปวตฺติเหตุภูตํ อุปตฺถมฺภกํฯ เตนาห ‘‘สุขทุกฺขํ อุปตฺถเมฺภติ, อทฺธานํ ปวเตฺตตี’’ติฯ อุปปีฬกํ สุขทุกฺขปฺปพเนฺธ ปวตฺตมาเน สณิกํ สณิกํ หาเปติฯ เตนาห ‘‘สุขทุกฺขํ ปีเฬติ พาเธติ, อทฺธานํ ปวตฺติตุํ น เทตี’’ติฯ

    Idāni janakādikammacatukkaṃ vibhajanto ‘‘janakaṃ nāmā’’tiādimāha. Pavattiṃ na janetīti pavattivipākaṃ na janeti. Paṭhamanaye janakakammassa paṭisandhivipākamattasseva vuttattā tassa pavattivipākadāyakattampi anujānanto ‘‘aparo nayo’’tiādimāha. Tattha paṭisandhidānādivasena vipākasantānassa nibbattakaṃ janakaṃ. Sukhadukkhasantānassa nāmarūpappabandhassa vā cirataraṃ pavattihetubhūtaṃ upatthambhakaṃ. Tenāha ‘‘sukhadukkhaṃ upatthambheti, addhānaṃ pavattetī’’ti. Upapīḷakaṃ sukhadukkhappabandhe pavattamāne saṇikaṃ saṇikaṃ hāpeti. Tenāha ‘‘sukhadukkhaṃ pīḷeti bādheti, addhānaṃ pavattituṃ na detī’’ti.

    วาตกาฬโก มหลฺลโก โจเร ฆาเตตุํ น สโกฺกตีติ โส กิร มหลฺลกกาเล เอกปฺปหาเรน สีสํ ฉินฺทิตุํ น สโกฺกติ, เทฺว ตโย วาเร ปหรโนฺต มนุเสฺส กิลเมติ, ตสฺมา เต เอวมาหํสุฯ อนุโลมิกํ ขนฺติํ ปฎิลภิตฺวาติ โสตาปตฺติมคฺคสฺส โอรโต อนุโลมิกํ ขนฺติํ ลภิตฺวา ฯ ตรุณวจฺฉาย คาวิยา มทฺทิตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปาปิโตติ เอกา กิร ยกฺขินี เธนุเวเสน อาคนฺตฺวา อุเร ปหริตฺวา มาเรสิ, ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํฯ นคเร ภโว นาคริโย

    Vātakāḷako mahallako core ghātetuṃ na sakkotīti so kira mahallakakāle ekappahārena sīsaṃ chindituṃ na sakkoti, dve tayo vāre paharanto manusse kilameti, tasmā te evamāhaṃsu. Anulomikaṃ khantiṃ paṭilabhitvāti sotāpattimaggassa orato anulomikaṃ khantiṃ labhitvā . Taruṇavacchāya gāviyā madditvā jīvitakkhayaṃ pāpitoti ekā kira yakkhinī dhenuvesena āgantvā ure paharitvā māresi, taṃ sandhāyetaṃ vuttaṃ. Nagare bhavo nāgariyo.

    ฆาเตตฺวาติ อุปจฺฉินฺทิตฺวาฯ กมฺมสฺส อุปจฺฉินฺทนํ นาม ตสฺส วิปากปฺปฎิพาหนเมวาติ อาห ‘‘ตสฺส วิปากํ ปฎิพาหิตฺวา’’ติฯ ตญฺจ อตฺตโน วิปากุปฺปตฺติยา โอกาสกรณนฺติ วุตฺตํ ‘‘อตฺตโน วิปากสฺส โอกาสํ กโรตี’’ติฯ วิปจฺจนาย กโตกาสํ กมฺมํ วิปกฺกเมฺมว นาม โหตีติ อาห ‘‘เอวํ ปน กเมฺมน กเต โอกาเส ตํ วิปากํ อุปฺปนฺนํ นาม วุจฺจตี’’ติฯ อุปปีฬกํ อญฺญสฺส วิปากํ อุปจฺฉินฺทติ, น สยํ อตฺตโน วิปากํ เทติฯ อุปฆาตกํ ปน ทุพฺพลกมฺมํ อุปจฺฉินฺทิตฺวา อตฺตโน วิปากํ อุปฺปาเทตีติ อยเมเตสํ วิเสโสฯ กิญฺจิ พหฺวาพาธตาทิปจฺจยูปสนฺนิปาเตน วิปากสฺส วิพาธกํ อุปปีฬกํ, ตถา วิปากเสฺสว อุปเจฺฉทกํฯ อุปฆาตกกมฺมํ ปน อุปฆาเตตฺวา อตฺตโน วิปากสฺส โอกาสกรเณน วิปจฺจเน สติ ชนกเมว สิยาฯ ชนกาทิภาโว นาม วิปากํ ปติ อิจฺฉิตโพฺพ, น กมฺมํ ปตีติ วิปากเสฺสว อุปฆาตกตา ยุตฺตา วิย ทิสฺสติ, วีมํสิตพฺพํฯ

    Ghātetvāti upacchinditvā. Kammassa upacchindanaṃ nāma tassa vipākappaṭibāhanamevāti āha ‘‘tassa vipākaṃ paṭibāhitvā’’ti. Tañca attano vipākuppattiyā okāsakaraṇanti vuttaṃ ‘‘attano vipākassa okāsaṃ karotī’’ti. Vipaccanāya katokāsaṃ kammaṃ vipakkammeva nāma hotīti āha ‘‘evaṃ pana kammena kate okāse taṃ vipākaṃ uppannaṃ nāma vuccatī’’ti. Upapīḷakaṃ aññassa vipākaṃ upacchindati, na sayaṃ attano vipākaṃ deti. Upaghātakaṃ pana dubbalakammaṃ upacchinditvā attano vipākaṃ uppādetīti ayametesaṃ viseso. Kiñci bahvābādhatādipaccayūpasannipātena vipākassa vibādhakaṃ upapīḷakaṃ, tathā vipākasseva upacchedakaṃ. Upaghātakakammaṃ pana upaghātetvā attano vipākassa okāsakaraṇena vipaccane sati janakameva siyā. Janakādibhāvo nāma vipākaṃ pati icchitabbo, na kammaṃ patīti vipākasseva upaghātakatā yuttā viya dissati, vīmaṃsitabbaṃ.

    อปโร นโย – ยสฺมิํ กเมฺม กเต ปฎิสนฺธิยํ ปวเตฺต จ วิปากกฎตฺตารูปานํ อุปฺปตฺติ โหติ, ตํ ชนกํฯ ยสฺมิํ ปน กเต อเญฺญน ชนิตสฺส อิฎฺฐสฺส วา อนิฎฺฐสฺส วา ผลสฺส วิพาธกวิเจฺฉทกปจฺจยานุปฺปตฺติยา อุปพฺรูหนปจฺจยุปฺปตฺติยา ชนกสามตฺถิยานุรูปํ ปริสุทฺธิจิรตรปฺปพนฺธา โหติ, ตํ อุปตฺถมฺภกํฯ ชนเกน นิพฺพตฺติตํ กุสลผลํ วา อกุสลผลํ วา เยน ปจฺจนีกภูเตน โรคธาตุวิสมตาทินิมิตฺตตาย วิพาธยติ, ตํ อุปปีฬกํฯ เยน ปน กมฺมุนา ชนกสามตฺถิยวเสน จิรตรปฺปพนฺธารหมฺปิ สมานํ ผลํ วิเจฺฉทกปจฺจยุปฺปตฺติยา อุปหญฺญติ วิจฺฉิชฺชติ, ตํ อุปฆาตกนฺติ อยเมตฺถ สาโรฯ

    Aparo nayo – yasmiṃ kamme kate paṭisandhiyaṃ pavatte ca vipākakaṭattārūpānaṃ uppatti hoti, taṃ janakaṃ. Yasmiṃ pana kate aññena janitassa iṭṭhassa vā aniṭṭhassa vā phalassa vibādhakavicchedakapaccayānuppattiyā upabrūhanapaccayuppattiyā janakasāmatthiyānurūpaṃ parisuddhiciratarappabandhā hoti, taṃ upatthambhakaṃ. Janakena nibbattitaṃ kusalaphalaṃ vā akusalaphalaṃ vā yena paccanīkabhūtena rogadhātuvisamatādinimittatāya vibādhayati, taṃ upapīḷakaṃ. Yena pana kammunā janakasāmatthiyavasena ciratarappabandhārahampi samānaṃ phalaṃ vicchedakapaccayuppattiyā upahaññati vicchijjati, taṃ upaghātakanti ayamettha sāro.

    ตตฺถ เกจิ ทุติยสฺส กุสลภาวํ อิตฺถตฺตมาคตสฺส อปฺปาพาธทีฆายุกตาสํวตฺตนวเสน, ปจฺฉิมานํ ทฺวินฺนํ อกุสลภาวํ พหฺวาพาธอปฺปายุกตาสํวตฺตนวเสน วเณฺณนฺติฯ ตถา จ วุตฺตํ มชฺฌิมนิกาเย จูฬกมฺมวิภงฺคสุตฺตวณฺณนายํ (ม. นิ. อฎฺฐ. ๓.๒๙๐) –

    Tattha keci dutiyassa kusalabhāvaṃ itthattamāgatassa appābādhadīghāyukatāsaṃvattanavasena, pacchimānaṃ dvinnaṃ akusalabhāvaṃ bahvābādhaappāyukatāsaṃvattanavasena vaṇṇenti. Tathā ca vuttaṃ majjhimanikāye cūḷakammavibhaṅgasuttavaṇṇanāyaṃ (ma. ni. aṭṭha. 3.290) –

    ‘‘จตฺตาริ หิ กมฺมานิ – อุปปีฬกํ, อุปเจฺฉทกํ, ชนกํ, อุปตฺถมฺภกนฺติฯ พลวกเมฺมน หิ นิพฺพตฺตํ ปวเตฺต อุปปีฬกํ อาคนฺตฺวา อตฺถโต เอวํ วทติ นาม ‘สจาหํ ปฐมตรํ ชาเนยฺยํ, น เต อิธ นิพฺพตฺติตุํ ทเทยฺยํ, จตูสุเยว ตํ อปาเยสุ นิพฺพตฺตาเปยฺยํฯ โหตุ, ตฺวํ ยตฺถ กตฺถจิ นิพฺพตฺต, อหํ อุปปีฬกกมฺมํ นาม ตํ ปีเฬตฺวา นิโรชํ นิยูสํ กสฎํ กริสฺสามี’ติฯ ตโต ปฎฺฐาย ตํ ตาทิสํ กโรติฯ กิํ กโรติ? ปริสฺสยํ อุปเนติ, โภเค วินาเสติฯ

    ‘‘Cattāri hi kammāni – upapīḷakaṃ, upacchedakaṃ, janakaṃ, upatthambhakanti. Balavakammena hi nibbattaṃ pavatte upapīḷakaṃ āgantvā atthato evaṃ vadati nāma ‘sacāhaṃ paṭhamataraṃ jāneyyaṃ, na te idha nibbattituṃ dadeyyaṃ, catūsuyeva taṃ apāyesu nibbattāpeyyaṃ. Hotu, tvaṃ yattha katthaci nibbatta, ahaṃ upapīḷakakammaṃ nāma taṃ pīḷetvā nirojaṃ niyūsaṃ kasaṭaṃ karissāmī’ti. Tato paṭṭhāya taṃ tādisaṃ karoti. Kiṃ karoti? Parissayaṃ upaneti, bhoge vināseti.

    ‘‘ตตฺถ ทารกสฺส มาตุกุจฺฉิยํ นิพฺพตฺตกาลโต ปฎฺฐาย มาตุ อสฺสาโท วา สุขํ วา น โหติ, มาตาปิตูนํ ปีฬาว อุปฺปชฺชติฯ เอวํ ปริสฺสยํ อุปเนติฯ ทารกสฺส ปน มาตุกุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺตกาลโต ปฎฺฐาย เคเห โภคา อุทกํ ปตฺวา โลณํ วิย ราชาทีนํ วเสน นสฺสนฺติ, กุมฺภโทหนเธนุโย ขีรํ น เทนฺติ, สูรตา โคณา จณฺฑา โหนฺติ, กาณา โหนฺติ, ขญฺชา โหนฺติ, โคมณฺฑเล โรโค ปตติ, ทาสาทโย วจนํ น กโรนฺติ, วาปิตํ สสฺสํ น ชายติ, เคหคตํ เคเห, อรญฺญคตํ อรเญฺญ นสฺสติ, อนุปุเพฺพน ฆาสจฺฉาทนมตฺตํ ทุลฺลภํ โหติ, คพฺภปริหาโร น โหติ, วิชาตกาเล มาตุ ถญฺญํ ฉิชฺชติ, ทารโก ปริหารํ อลภโนฺต ปีฬิโต นิโรโช นิยูโส กสโฎ โหติฯ อิทํ อุปปีฬกกมฺมํ นามฯ

    ‘‘Tattha dārakassa mātukucchiyaṃ nibbattakālato paṭṭhāya mātu assādo vā sukhaṃ vā na hoti, mātāpitūnaṃ pīḷāva uppajjati. Evaṃ parissayaṃ upaneti. Dārakassa pana mātukucchimhi nibbattakālato paṭṭhāya gehe bhogā udakaṃ patvā loṇaṃ viya rājādīnaṃ vasena nassanti, kumbhadohanadhenuyo khīraṃ na denti, sūratā goṇā caṇḍā honti, kāṇā honti, khañjā honti, gomaṇḍale rogo patati, dāsādayo vacanaṃ na karonti, vāpitaṃ sassaṃ na jāyati, gehagataṃ gehe, araññagataṃ araññe nassati, anupubbena ghāsacchādanamattaṃ dullabhaṃ hoti, gabbhaparihāro na hoti, vijātakāle mātu thaññaṃ chijjati, dārako parihāraṃ alabhanto pīḷito nirojo niyūso kasaṭo hoti. Idaṃ upapīḷakakammaṃ nāma.

    ‘‘ทีฆายุกกเมฺมน ปน นิพฺพตฺตสฺส อุปเจฺฉทกกมฺมํ อาคนฺตฺวา อายุํ ฉินฺทติฯ ยถา หิ ปุริโส อฎฺฐุสภคมนํ กตฺวา สรํ ขิเปยฺย, ตมโญฺญ ธนุโต มุตฺตมตฺตํ มุคฺคเรน ปหริตฺวา ตเตฺถว ปาเตยฺย, เอวํ ทีฆายุกกเมฺมน นิพฺพตฺตสฺส อุปเจฺฉทกกมฺมํ อายุํ ฉินฺทติฯ กิํ กโรติ? โจรานํ อฎวิํ ปเวเสติ, วาฬมโจฺฉทกํ โอตาเรติ, อญฺญตรํ วา ปน สปริสฺสยฐานํ อุปเนติฯ อิทํ อุปเจฺฉทกกมฺมํ นามฯ ‘อุปฆาตก’นฺติปิ เอตเสฺสว นามํฯ ปฎิสนฺธินิพฺพตฺตกํ ปน กมฺมํ ชนกกมฺมํ นามฯ อปฺปโภคกุลาทีสุ นิพฺพตฺตสฺส โภคสมฺปทาทิกรเณน อุปตฺถมฺภกกมฺมํ อุปตฺถมฺภกกมฺมํ นามฯ

    ‘‘Dīghāyukakammena pana nibbattassa upacchedakakammaṃ āgantvā āyuṃ chindati. Yathā hi puriso aṭṭhusabhagamanaṃ katvā saraṃ khipeyya, tamañño dhanuto muttamattaṃ muggarena paharitvā tattheva pāteyya, evaṃ dīghāyukakammena nibbattassa upacchedakakammaṃ āyuṃ chindati. Kiṃ karoti? Corānaṃ aṭaviṃ paveseti, vāḷamacchodakaṃ otāreti, aññataraṃ vā pana saparissayaṭhānaṃ upaneti. Idaṃ upacchedakakammaṃ nāma. ‘Upaghātaka’ntipi etasseva nāmaṃ. Paṭisandhinibbattakaṃ pana kammaṃ janakakammaṃ nāma. Appabhogakulādīsu nibbattassa bhogasampadādikaraṇena upatthambhakakammaṃ upatthambhakakammaṃ nāma.

    ‘‘ปริตฺตกเมฺมนปิ นิพฺพตฺตํ เอตํ ปวเตฺต ปาณาติปาตาทิวิรติกมฺมํ อาคนฺตฺวา อตฺถโต เอวํ วทติ นาม ‘สจาหํ ปฐมตรํ ชาเนยฺยํ, น เต อิธ นิพฺพตฺติตุํ ทเทยฺยํ, เทวโลเกเยว ตํ นิพฺพตฺตาเปยฺยํ, โหตุ, ตฺวํ ยตฺถ กตฺถจิ นิพฺพตฺต, อหํ อุปตฺถมฺภกกมฺมํ นาม อุปตฺถมฺภํ เต กริสฺสามี’ติ อุปตฺถมฺภํ กโรติฯ กิํ กโรติ? ปริสฺสยํ นาเสติ, โภเค อุปฺปาเทติฯ

    ‘‘Parittakammenapi nibbattaṃ etaṃ pavatte pāṇātipātādiviratikammaṃ āgantvā atthato evaṃ vadati nāma ‘sacāhaṃ paṭhamataraṃ jāneyyaṃ, na te idha nibbattituṃ dadeyyaṃ, devalokeyeva taṃ nibbattāpeyyaṃ, hotu, tvaṃ yattha katthaci nibbatta, ahaṃ upatthambhakakammaṃ nāma upatthambhaṃ te karissāmī’ti upatthambhaṃ karoti. Kiṃ karoti? Parissayaṃ nāseti, bhoge uppādeti.

    ‘‘ตตฺถ ทารกสฺส มาตุกุจฺฉิยํ นิพฺพตฺตกาลโต ปฎฺฐาย มาตาปิตูนํ สุขเมว สาตเมว โหติฯ เยปิ ปกติยา มนุสฺสามนุสฺสปริสฺสยา โหนฺติ, เต สเพฺพ อปคจฺฉนฺติ ฯ เอวํ ปริสฺสยํ นาเสติฯ ทารกสฺส ปน มาตุกุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺตกาลโต ปฎฺฐาย เคเห โภคานํ ปมาณํ น โหติ, นิธิกุมฺภิโย ปุรโตปิ ปจฺฉโตปิ เคหํ ปริวฎฺฎมานา ปวิสนฺติฯ มาตาปิตโร ปเรหิ ฐปิตธนสฺสปิ สมฺมุขีภาวํ คจฺฉนฺติ, เธนุโย พหุขีรา โหนฺติ, โคณา สุขสีลา โหนฺติ, วปฺปฎฺฐาเน สสฺสานิ สมฺปชฺชนฺติ, วฑฺฒิยา วา สมฺปยุตฺตํ, ตาวกาลิกํ วา ทินฺนํ ธนํ อโจทิตา สยเมว อาหริตฺวา เทนฺติ, ทาสาทโย สุพฺพจา โหนฺติ, กมฺมนฺตา น ปริหายนฺติ, ทารโก คพฺภโต ปฎฺฐาย ปริหารํ ลภติ, โกมาริกเวชฺชา สนฺนิหิตาว โหนฺติฯ คหปติกุเล ชาโต เสฎฺฐิฎฺฐานํ, อมจฺจกุลาทีสุ ชาโต เสนาปติฎฺฐานาทีนิ ลภติฯ เอวํ โภเค อุปฺปาเทติฯ โส อปริสฺสโย สโภโค จิรํ ชีวติฯ อิทํ อุปตฺถมฺภกกมฺมํ นามฯ อิเมสุ จตูสุ ปุริมานิ เทฺว อกุสลาเนว, ชนกํ กุสลมฺปิ อกุสลมฺปิ, อุปตฺถมฺภกํ กุสลเมวา’’ติฯ

    ‘‘Tattha dārakassa mātukucchiyaṃ nibbattakālato paṭṭhāya mātāpitūnaṃ sukhameva sātameva hoti. Yepi pakatiyā manussāmanussaparissayā honti, te sabbe apagacchanti . Evaṃ parissayaṃ nāseti. Dārakassa pana mātukucchimhi nibbattakālato paṭṭhāya gehe bhogānaṃ pamāṇaṃ na hoti, nidhikumbhiyo puratopi pacchatopi gehaṃ parivaṭṭamānā pavisanti. Mātāpitaro parehi ṭhapitadhanassapi sammukhībhāvaṃ gacchanti, dhenuyo bahukhīrā honti, goṇā sukhasīlā honti, vappaṭṭhāne sassāni sampajjanti, vaḍḍhiyā vā sampayuttaṃ, tāvakālikaṃ vā dinnaṃ dhanaṃ acoditā sayameva āharitvā denti, dāsādayo subbacā honti, kammantā na parihāyanti, dārako gabbhato paṭṭhāya parihāraṃ labhati, komārikavejjā sannihitāva honti. Gahapatikule jāto seṭṭhiṭṭhānaṃ, amaccakulādīsu jāto senāpatiṭṭhānādīni labhati. Evaṃ bhoge uppādeti. So aparissayo sabhogo ciraṃ jīvati. Idaṃ upatthambhakakammaṃ nāma. Imesu catūsu purimāni dve akusalāneva, janakaṃ kusalampi akusalampi, upatthambhakaṃ kusalamevā’’ti.

    เอตฺถ วิพาธูปฆาตา นาม กุสลวิปากมฺหิ น ยุตฺตาติ อธิปฺปาเยน ‘‘เทฺว อกุสลาเนวา’’ติ วุตฺตํฯ เทวทตฺตาทีนํ ปน นาคาทีนํ อิโต อนุปฺปทินฺนยาปนกเปตานญฺจ นรกาทีสุ อกุสลวิปากูปตฺถมฺภนูปปีฬนูปฆาตกานิ สนฺตีติ จตุนฺนมฺปิ กุสลากุสลภาโว น วิรุชฺฌติฯ เอวญฺจ กตฺวา ยา พหูสุ อานนฺตริเยสุ กเตสุ เอเกน คหิตปฺปฎิสนฺธิกสฺส อิตเรสํ ตสฺส อนุพลปฺปทายิตา วุตฺตา, สาปิ สมตฺถิตา โหติฯ

    Ettha vibādhūpaghātā nāma kusalavipākamhi na yuttāti adhippāyena ‘‘dve akusalānevā’’ti vuttaṃ. Devadattādīnaṃ pana nāgādīnaṃ ito anuppadinnayāpanakapetānañca narakādīsu akusalavipākūpatthambhanūpapīḷanūpaghātakāni santīti catunnampi kusalākusalabhāvo na virujjhati. Evañca katvā yā bahūsu ānantariyesu katesu ekena gahitappaṭisandhikassa itaresaṃ tassa anubalappadāyitā vuttā, sāpi samatthitā hoti.

    สุตฺตนฺตปริยาเยน เอกาทส กมฺมานิ วิภชิตฺวา อิทานิ อภิธมฺมปริยาปนฺนํ ทเสฺสโนฺต ‘‘อเตฺถกจฺจานิ ปาปกานิ กมฺมสมาทานานี’’ติอาทินา วิภงฺคปาฬิํ (วิภ. ๘๑๐) ทเสฺสติฯ ตตฺถ คติสมฺปตฺติปฎิพาฬฺหานีติ คติสมฺปตฺติยา ปฎิพาหิตานิ นิวาริตานิ ปฎิเสธิตานิฯ เสสปเทสุปิ เอเสว นโยฯ ตตฺถ จ คติสมฺปตฺตีติ สมฺปนฺนคติ เทวโลโก จ มนุสฺสโลโก จฯ คติวิปตฺตีติ วิปนฺนคติ จตฺตาโร อปายาฯ อุปธิสมฺปตฺตีติ อตฺตภาวสมิทฺธิฯ อุปธิวิปตฺตีติ หีนอตฺตภาวตาฯ กาลสมฺปตฺตีติ สุราชสุมนุสฺสกาลสงฺขาโต สมฺปนฺนกาโลฯ กาลวิปตฺตีติ ทุราชทุมฺมนุสฺสกาลสงฺขาโต วิปนฺนกาโลฯ ปโยคสมฺปตฺตีติ สมฺมาปโยโคฯ ปโยควิปตฺตีติ มิจฺฉาปโยโคฯ

    Suttantapariyāyena ekādasa kammāni vibhajitvā idāni abhidhammapariyāpannaṃ dassento ‘‘atthekaccāni pāpakāni kammasamādānānī’’tiādinā vibhaṅgapāḷiṃ (vibha. 810) dasseti. Tattha gatisampattipaṭibāḷhānīti gatisampattiyā paṭibāhitāni nivāritāni paṭisedhitāni. Sesapadesupi eseva nayo. Tattha ca gatisampattīti sampannagati devaloko ca manussaloko ca. Gativipattīti vipannagati cattāro apāyā. Upadhisampattīti attabhāvasamiddhi. Upadhivipattīti hīnaattabhāvatā. Kālasampattīti surājasumanussakālasaṅkhāto sampannakālo. Kālavipattīti durājadummanussakālasaṅkhāto vipannakālo. Payogasampattīti sammāpayogo. Payogavipattīti micchāpayogo.

    อิทานิ ยถาวุตฺตปาฬิยา อตฺถํ ทเสฺสโนฺต ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ อนิฎฺฐารมฺมณานุภวนารเห กเมฺม วิชฺชมาเนเยวาติ อิมินา อนิฎฺฐารมฺมณานุภวนนิมฺมิตฺตกสฺส ปาปกมฺมสฺส สพฺภาวํ ทเสฺสติฯ ตํ กมฺมนฺติ ตํ ปาปกํ กมฺมํฯ เอกจฺจสฺส หิ อนิฎฺฐารมฺมณานุภวนนิมิตฺตํ พหุปาปกมฺมํ วิชฺชมานมฺปิ คติวิปตฺติยํ ฐิตเสฺสว วิปจฺจติฯ ยทิ ปน โส เอเกน กลฺยาณกเมฺมน คติสมฺปตฺติยํ เทเวสุ วา มนุเสฺสสุ วา นิพฺพเตฺตยฺย, ตาทิเส ฐาเน อกุสลสฺส วาโร นตฺถิ, เอกนฺตํ กุสลเสฺสวาติ ตํ กมฺมํ คติสมฺปตฺติปฎิพาฬฺหํ น วิปจฺจติฯ ปติพาหิตํ หุตฺวาติ พาธิตํ หุตฺวาฯ อตฺตภาวสมิทฺธิยนฺติ สรีรสมฺปตฺติยํฯ กิลิฎฺฐกมฺมสฺสาติ หตฺถิเมณฺฑอสฺสพนฺธกโคปาลกาทิกมฺมสฺสฯ ปลายิตพฺพยุตฺตกาเลติ หตฺถิอาทิปจฺจตฺถิกสมาคมกาเลฯ ลญฺชํ เทตีติ เอวํ เม พาธตํ ปเรสํ วเส น โหตีติ เทติฯ โจริกยุตฺตกาเลติ ปกฺขพลาทีนํ ลพฺภมานกาเลฯ อนฺตรกเปฺปติ ปริโยสานปฺปเตฺต อนฺตรกเปฺปฯ

    Idāni yathāvuttapāḷiyā atthaṃ dassento ‘‘tatthā’’tiādimāha. Tattha aniṭṭhārammaṇānubhavanārahe kamme vijjamāneyevāti iminā aniṭṭhārammaṇānubhavananimmittakassa pāpakammassa sabbhāvaṃ dasseti. Taṃ kammanti taṃ pāpakaṃ kammaṃ. Ekaccassa hi aniṭṭhārammaṇānubhavananimittaṃ bahupāpakammaṃ vijjamānampi gativipattiyaṃ ṭhitasseva vipaccati. Yadi pana so ekena kalyāṇakammena gatisampattiyaṃ devesu vā manussesu vā nibbatteyya, tādise ṭhāne akusalassa vāro natthi, ekantaṃ kusalassevāti taṃ kammaṃ gatisampattipaṭibāḷhaṃ na vipaccati. Patibāhitaṃ hutvāti bādhitaṃ hutvā. Attabhāvasamiddhiyanti sarīrasampattiyaṃ. Kiliṭṭhakammassāti hatthimeṇḍaassabandhakagopālakādikammassa. Palāyitabbayuttakāleti hatthiādipaccatthikasamāgamakāle. Lañjaṃ detīti evaṃ me bādhataṃ paresaṃ vase na hotīti deti. Corikayuttakāleti pakkhabalādīnaṃ labbhamānakāle. Antarakappeti pariyosānappatte antarakappe.

    อภิธมฺมนเยน โสฬส กมฺมานิ วิภชิตฺวา ปฎิสมฺภิทามคฺคปริยาเยน (ปฎิ. ม. ๑.๒๓๔-๒๓๕) ทฺวาทส กมฺมานิ วิภชิตฺวา ทเสฺสตุํ ‘‘อปรานิปี’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ อตีตภเวสุ กตสฺส กมฺมสฺส อตีตภเวสุเยว วิปกฺกวิปากํ คเหตฺวา ‘‘อโหสิ กมฺมํ อโหสิ กมฺมวิปาโก’’ติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘ยํ กมฺมํ อตีเต อายูหิต’’นฺติอาทิฯ วิปากวารนฺติ วิปจฺจนาวสรํ วิปากวารํฯ ‘‘วิปากวารํ ลภตี’’ติ อิมินา วุตฺตเมวตฺถํ ‘‘ปฎิสนฺธิํ ชเนสี’’ติอาทินา วิภาเวติฯ ตตฺถ ปฎิสนฺธิํ ชเนสีติ อิมินา จ ปฎิสนฺธิทายกสฺส กมฺมสฺส ปวตฺติวิปากทายิตาปิ วุตฺตา โหติฯ ปวตฺติวิปากเสฺสว ปน ทายกํ รูปชนกสีเสน วทติฯ ตเสฺสว อตีตสฺส กมฺมสฺส ทิฎฺฐธมฺมเวทนียสฺส อุปปชฺชเวทนียสฺส จ ปจฺจยเวกเลฺลน อตีตภเวสุเยว อวิปกฺกวิปากญฺจ, อตีเตเยว ปรินิพฺพุตสฺส ทิฎฺฐธมฺมเวทนียอุปปชฺชเวทนียอปรปริยายเวทนียสฺส กมฺมสฺส อวิปกฺกวิปากญฺจ คเหตฺวา ‘‘อโหสิ กมฺมํ นาโหสิ กมฺมวิปาโก’’ติปิ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘ยํ ปน วิปากวารํ น ลภี’’ติอาทิฯ

    Abhidhammanayena soḷasa kammāni vibhajitvā paṭisambhidāmaggapariyāyena (paṭi. ma. 1.234-235) dvādasa kammāni vibhajitvā dassetuṃ ‘‘aparānipī’’tiādimāha. Tattha atītabhavesu katassa kammassa atītabhavesuyeva vipakkavipākaṃ gahetvā ‘‘ahosi kammaṃ ahosi kammavipāko’’ti vuttanti āha ‘‘yaṃ kammaṃ atīte āyūhita’’ntiādi. Vipākavāranti vipaccanāvasaraṃ vipākavāraṃ. ‘‘Vipākavāraṃ labhatī’’ti iminā vuttamevatthaṃ ‘‘paṭisandhiṃ janesī’’tiādinā vibhāveti. Tattha paṭisandhiṃ janesīti iminā ca paṭisandhidāyakassa kammassa pavattivipākadāyitāpi vuttā hoti. Pavattivipākasseva pana dāyakaṃ rūpajanakasīsena vadati. Tasseva atītassa kammassa diṭṭhadhammavedanīyassa upapajjavedanīyassa ca paccayavekallena atītabhavesuyeva avipakkavipākañca, atīteyeva parinibbutassa diṭṭhadhammavedanīyaupapajjavedanīyaaparapariyāyavedanīyassa kammassa avipakkavipākañca gahetvā ‘‘ahosi kammaṃ nāhosi kammavipāko’’tipi vuttanti āha ‘‘yaṃ pana vipākavāraṃ na labhī’’tiādi.

    อตีตเสฺสว กมฺมสฺส อวิปกฺกวิปากสฺส ปจฺจุปฺปนฺนภเว ปจฺจยสมฺปตฺติยา วิปจฺจมานํ วิปากํ คเหตฺวา ‘‘อโหสิ กมฺมํ อตฺถิ กมฺมวิปาโก’’ติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘ยํ ปน อตีเต อายูหิต’’นฺติอาทิมาหฯ อตีตเสฺสว กมฺมสฺส อติกฺกนฺตวิปากกาลสฺส จ ปจฺจุปฺปนฺนภเว ปรินิพฺพายนฺตสฺส จ อวิปจฺจมานวิปากํ คเหตฺวา ‘‘อโหสิ กมฺมํ นตฺถิ กมฺมวิปาโก’’ติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘อลทฺธวิปากวาร’’นฺติอาทิฯ อตีตเสฺสว กมฺมสฺส วิปาการหสฺส อวิปกฺกวิปากสฺส อนาคตภเว ปจฺจยสมฺปตฺติยา วิปจฺจิตพฺพํ วิปากํ คเหตฺวา ‘‘อโหสิ กมฺมํ ภวิสฺสติ กมฺมวิปาโก’’ติ วุตฺตนฺติ ทเสฺสโนฺต ‘‘ยํ ปน อตีเต อายูหิต’’นฺติอาทิมาหฯ อตีตเสฺสว กมฺมสฺส อติกฺกนฺตวิปากกาลสฺส จ อนาคตภเว ปรินิพฺพายิตพฺพสฺส อวิปจฺจิตพฺพวิปากญฺจ คเหตฺวา ‘‘อโหสิ กมฺมํ น ภวิสฺสติ กมฺมวิปาโก’’ติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘ยํ อนาคเต วิปากวารํ น ลภิสฺสตี’’ติอาทิฯ เอวํ ตาว อตีตกมฺมํ อตีตปจฺจุปฺปนฺนานาคตวิปากาวิปากวเสน ฉธา ทสฺสิตํฯ

    Atītasseva kammassa avipakkavipākassa paccuppannabhave paccayasampattiyā vipaccamānaṃ vipākaṃ gahetvā ‘‘ahosi kammaṃ atthi kammavipāko’’ti vuttanti āha ‘‘yaṃ pana atīte āyūhita’’ntiādimāha. Atītasseva kammassa atikkantavipākakālassa ca paccuppannabhave parinibbāyantassa ca avipaccamānavipākaṃ gahetvā ‘‘ahosi kammaṃ natthi kammavipāko’’ti vuttanti āha ‘‘aladdhavipākavāra’’ntiādi. Atītasseva kammassa vipākārahassa avipakkavipākassa anāgatabhave paccayasampattiyā vipaccitabbaṃ vipākaṃ gahetvā ‘‘ahosi kammaṃ bhavissati kammavipāko’’ti vuttanti dassento ‘‘yaṃ pana atīte āyūhita’’ntiādimāha. Atītasseva kammassa atikkantavipākakālassa ca anāgatabhave parinibbāyitabbassa avipaccitabbavipākañca gahetvā ‘‘ahosi kammaṃ na bhavissati kammavipāko’’ti vuttanti āha ‘‘yaṃ anāgate vipākavāraṃ na labhissatī’’tiādi. Evaṃ tāva atītakammaṃ atītapaccuppannānāgatavipākāvipākavasena chadhā dassitaṃ.

    อิทานิ ปจฺจุปฺปนฺนภเว กตสฺส ทิฎฺฐธมฺมเวทนียสฺส อิเธว วิปจฺจมานํ วิปากํ คเหตฺวา ‘‘อตฺถิ กมฺมํ อตฺถิ กมฺมวิปาโก’’ติ วุตฺตนฺติ ทเสฺสโนฺต ‘‘ยํ ปน เอตรหิ อายูหิต’’นฺติอาทิมาหฯ ยํ ปน เอตรหิ วิปากวารํ น ลภตีติอาทินา ตเสฺสว ปจฺจุปฺปนฺนสฺส กมฺมสฺส ปจฺจยเวกเลฺลน อิธ อวิปจฺจมานญฺจ ทิเฎฺฐว ธเมฺม ปรินิพฺพายนฺตสฺส อิธ อวิปจฺจมานญฺจ วิปากํ คเหตฺวา ‘‘อตฺถิ กมฺมํ นตฺถิ กมฺมวิปาโก’’ติ วุตฺตนฺติ ทเสฺสติฯ ปจฺจุปฺปนฺนเสฺสว กมฺมสฺส อุปปชฺชเวทนียสฺส อปรปริยายเวทนียสฺส จ อนาคตภเว วิปจฺจิตพฺพวิปากํ คเหตฺวา ‘‘อตฺถิ กมฺมํ ภวิสฺสติ กมฺมวิปาโก’’ติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘ยํ ปน เอตรหิ อายูหิตํ อนาคเต วิปากวารํ ลภิสฺสตี’’ติอาทิฯ ปจฺจุปฺปนฺนเสฺสว กมฺมสฺส อุปปชฺชเวทนียสฺส ปจฺจยเวกเลฺลน อนาคตภเว อวิปจฺจิตพฺพญฺจ อนาคตภเว ปรินิพฺพายิตพฺพสฺส อปรปริยายเวทนียสฺส อวิปจฺจิตพฺพญฺจ วิปากํ คเหตฺวา ‘‘อตฺถิ กมฺมํ น ภวิสฺสติ กมฺมวิปาโก’’ติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘ยํ ปน วิปากวารํ น ลภิสฺสตี’’ติอาทิฯ

    Idāni paccuppannabhave katassa diṭṭhadhammavedanīyassa idheva vipaccamānaṃ vipākaṃ gahetvā ‘‘atthi kammaṃ atthi kammavipāko’’ti vuttanti dassento ‘‘yaṃ pana etarahi āyūhita’’ntiādimāha. Yaṃ pana etarahi vipākavāraṃ na labhatītiādinā tasseva paccuppannassa kammassa paccayavekallena idha avipaccamānañca diṭṭheva dhamme parinibbāyantassa idha avipaccamānañca vipākaṃ gahetvā ‘‘atthi kammaṃ natthi kammavipāko’’ti vuttanti dasseti. Paccuppannasseva kammassa upapajjavedanīyassa aparapariyāyavedanīyassa ca anāgatabhave vipaccitabbavipākaṃ gahetvā ‘‘atthi kammaṃ bhavissati kammavipāko’’ti vuttanti āha ‘‘yaṃ pana etarahi āyūhitaṃ anāgate vipākavāraṃ labhissatī’’tiādi. Paccuppannasseva kammassa upapajjavedanīyassa paccayavekallena anāgatabhave avipaccitabbañca anāgatabhave parinibbāyitabbassa aparapariyāyavedanīyassa avipaccitabbañca vipākaṃ gahetvā ‘‘atthi kammaṃ na bhavissati kammavipāko’’ti vuttanti āha ‘‘yaṃ pana vipākavāraṃ na labhissatī’’tiādi.

    เอวญฺจ ปจฺจุปฺปนฺนกมฺมํ ปจฺจุปฺปนฺนานาคตวิปากาวิปากวเสน จตุธา ทเสฺสตฺวา อิทานิ อนาคตภเว กตสฺส กมฺมสฺส อนาคเต วิปจฺจิตพฺพวิปากํ คเหตฺวา ‘‘ภวิสฺสติ กมฺมํ ภวิสฺสติ กมฺมวิปาโก’’ติ วุตฺตนฺติ ทเสฺสโนฺต ‘‘ยํ ปนานาคเต อายูหิสฺสตี’’ติอาทิมาหฯ ตเสฺสว อนาคตสฺส กมฺมสฺส ปจฺจยเวกเลฺลน อวิปจฺจิตพฺพญฺจ อนาคตภเว ปรินิพฺพายิตพฺพสฺส อวิปจฺจิตพฺพญฺจ วิปากํ คเหตฺวา ‘‘ภวิสฺสติ กมฺมํ น ภวิสฺสติ กมฺมวิปาโก’’ติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘ยํ ปน วิปากวารํ น ลภิสฺสตี’’ติอาทิ ฯ เอวํ อนาคตกมฺมํ อนาคตวิปากาวิปากวเสน ทฺวิธา ทสฺสิตํฯ เอวนฺติอาทินา ยถาวุตฺตทฺวาทสกมฺมานิ นิคเมติฯ

    Evañca paccuppannakammaṃ paccuppannānāgatavipākāvipākavasena catudhā dassetvā idāni anāgatabhave katassa kammassa anāgate vipaccitabbavipākaṃ gahetvā ‘‘bhavissati kammaṃ bhavissati kammavipāko’’ti vuttanti dassento ‘‘yaṃ panānāgate āyūhissatī’’tiādimāha. Tasseva anāgatassa kammassa paccayavekallena avipaccitabbañca anāgatabhave parinibbāyitabbassa avipaccitabbañca vipākaṃ gahetvā ‘‘bhavissati kammaṃ na bhavissati kammavipāko’’ti vuttanti āha ‘‘yaṃ pana vipākavāraṃ na labhissatī’’tiādi . Evaṃ anāgatakammaṃ anāgatavipākāvipākavasena dvidhā dassitaṃ. Evantiādinā yathāvuttadvādasakammāni nigameti.

    อิทานิ สเพฺพสุ ยถาวุตฺตปฺปเภเทสุ กเมฺมสุ ยานิ อภิธมฺมนเยน วิภตฺตานิ โสฬส กมฺมานิ, ยานิ จ ปฎิสมฺภิทามคฺคปริยาเยน วิภตฺตานิ ทฺวาทส กมฺมานิ, ตานิ สพฺพานิ สุตฺตนฺติกปริยาเยน วิภเตฺตสุ เอกาทสวิเธสุเยว กเมฺมสุ อโนฺตคธานิ, ตานิ จ ทิฎฺฐธมฺมเวทนียอุปปชฺชเวทนียอปรปริยายเวทนีเยสุ ตีสุเยว อโนฺตคธานีติ ทเสฺสโนฺต ‘‘อิติ อิมานิ เจวา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ อตฺตโน ฐานา โอสกฺกิตฺวาติ อตฺตโน ยถาวุตฺตทฺวาทสโสฬสปฺปเภทสงฺขาตฎฺฐานโต ปริหาเปตฺวา, ตํ ตํ ปเภทํ หิตฺวาติ วุตฺตํ โหติฯ เอกาทส กมฺมานิเยว ภวนฺตีติ ตํสภาวานํเยว กมฺมานํ ทฺวาทสธา โสฬสธา จ วิภชิตฺวา วุตฺตตฺตา เอวมาหฯ ยสฺมา เอกาทสธา วุตฺตกมฺมานิ ทิฎฺฐธมฺมเวทนียานิ วา สิยุํ อุปปชฺชเวทนียานิ วา อปรปริยายเวทนียานิ วา, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ตีณิเยว กมฺมานิ โหนฺตี’’ติฯ

    Idāni sabbesu yathāvuttappabhedesu kammesu yāni abhidhammanayena vibhattāni soḷasa kammāni, yāni ca paṭisambhidāmaggapariyāyena vibhattāni dvādasa kammāni, tāni sabbāni suttantikapariyāyena vibhattesu ekādasavidhesuyeva kammesu antogadhāni, tāni ca diṭṭhadhammavedanīyaupapajjavedanīyaaparapariyāyavedanīyesu tīsuyeva antogadhānīti dassento ‘‘iti imāni cevā’’tiādimāha. Tattha attano ṭhānā osakkitvāti attano yathāvuttadvādasasoḷasappabhedasaṅkhātaṭṭhānato parihāpetvā, taṃ taṃ pabhedaṃ hitvāti vuttaṃ hoti. Ekādasa kammāniyevabhavantīti taṃsabhāvānaṃyeva kammānaṃ dvādasadhā soḷasadhā ca vibhajitvā vuttattā evamāha. Yasmā ekādasadhā vuttakammāni diṭṭhadhammavedanīyāni vā siyuṃ upapajjavedanīyāni vā aparapariyāyavedanīyāni vā, tasmā vuttaṃ ‘‘tīṇiyeva kammāni hontī’’ti.

    เตสํ สงฺกมนํ นตฺถีติ เตสํ ทิฎฺฐธมฺมเวทนียาทีนํ สงฺกมนํ นตฺถิ, สงฺกมนํ อุปปชฺชเวทนียาทิภาวาปตฺติฯ เตนาห ‘‘ยถาฐาเนเยว ติฎฺฐนฺตี’’ติ, อตฺตโน ทิฎฺฐธมฺมเวทนียาทิฎฺฐาเนเยว ติฎฺฐนฺตีติ อโตฺถฯ ทิฎฺฐธมฺมเวทนียเมว หิ ปฐมชวนเจตนา, อุปปชฺชเวทนียเมว สตฺตมชวนเจตนา, มเชฺฌ ปญฺจ อปรปริยายเวทนียเมวาติ นตฺถิ เตสํ อญฺญมญฺญํ สงฺคโห, ตสฺมา อตฺตโน อตฺตโน ทิฎฺฐธมฺมเวทนียาทิสภาเวเยว ติฎฺฐนฺติฯ เตเนว ภควตา – ‘‘ทิเฎฺฐ วา ธเมฺม, อุปปชฺช วา, อปเร วา ปริยาเย’’ติ ตโย วิกปฺปา ทสฺสิตาฯ เตเนวาห ‘‘ทิฎฺฐธมฺมเวทนียํ กมฺม’’นฺติอาทิฯ ตตฺถ ‘‘ทิเฎฺฐ วา ธเมฺม’’ติ สตฺถา น วเทยฺยาติ อสติ นิยาเม น วเทยฺยฯ ยสฺมา ปน เตสํ สงฺกมนํ นตฺถิ, นิยตสภาวา หิ ตานิ, ตสฺมา สตฺถา ‘‘ทิเฎฺฐ วา ธเมฺม’’ติอาทิมโวจฯ

    Tesaṃ saṅkamanaṃ natthīti tesaṃ diṭṭhadhammavedanīyādīnaṃ saṅkamanaṃ natthi, saṅkamanaṃ upapajjavedanīyādibhāvāpatti. Tenāha ‘‘yathāṭhāneyeva tiṭṭhantī’’ti, attano diṭṭhadhammavedanīyādiṭṭhāneyeva tiṭṭhantīti attho. Diṭṭhadhammavedanīyameva hi paṭhamajavanacetanā, upapajjavedanīyameva sattamajavanacetanā, majjhe pañca aparapariyāyavedanīyamevāti natthi tesaṃ aññamaññaṃ saṅgaho, tasmā attano attano diṭṭhadhammavedanīyādisabhāveyeva tiṭṭhanti. Teneva bhagavatā – ‘‘diṭṭhe vā dhamme, upapajja vā, apare vā pariyāye’’ti tayo vikappā dassitā. Tenevāha ‘‘diṭṭhadhammavedanīyaṃ kamma’’ntiādi. Tattha ‘‘diṭṭhe vā dhamme’’ti satthā na vadeyyāti asati niyāme na vadeyya. Yasmā pana tesaṃ saṅkamanaṃ natthi, niyatasabhāvā hi tāni, tasmā satthā ‘‘diṭṭhe vā dhamme’’tiādimavoca.

    สุกฺกปเกฺขติ ‘‘อโลโภ นิทานํ กมฺมานํ สมุทยายา’’ติอาทินา อาคเต กุสลปเกฺขฯ นิรุเทฺธติ อริยมคฺคาธิคเมน อนุปฺปาทนิโรเธน นิรุเทฺธฯ ตาลวตฺถุ วิย กตนฺติ ยถา ตาเล ฉิเนฺน ฐิตฎฺฐาเน กิญฺจิ น โหติ, เอวํ กเมฺม ปหีเน กิญฺจิ น โหตีติ อโตฺถฯ ตาลวตฺถูติ วา มตฺถกจฺฉิโนฺน ตาโล วุโตฺต ปตฺตผลมกุลสูจิอาทีนํ อภาวโตฯ ตโต เอว โส อวิรุฬฺหิธโมฺมฯ เอวํ ปหีนกโมฺม สตฺตสนฺตาโนฯ เตนาห ‘‘มตฺถกจฺฉินฺนตาโล วิยา’’ติฯ อนุอภาวํ กตํ ปจฺฉโต ธมฺมปฺปวตฺติยา อภาวโตฯ เตนาห ‘‘ยถา’’ติอาทิฯ อปฺปวตฺติกตกาโล วิยาติ พีชานํ สพฺพโส อปฺปวตฺติยา กตกาโล วิยฯ ฉินฺนมูลกานนฺติ กิเลสมูลสฺส สพฺพโส ฉินฺนตฺตา ฉินฺนมูลกานํฯ กิเลสา หิ ขนฺธานํ มูลานิฯ

    Sukkapakkheti ‘‘alobho nidānaṃ kammānaṃ samudayāyā’’tiādinā āgate kusalapakkhe. Niruddheti ariyamaggādhigamena anuppādanirodhena niruddhe. Tālavatthu viya katanti yathā tāle chinne ṭhitaṭṭhāne kiñci na hoti, evaṃ kamme pahīne kiñci na hotīti attho. Tālavatthūti vā matthakacchinno tālo vutto pattaphalamakulasūciādīnaṃ abhāvato. Tato eva so aviruḷhidhammo. Evaṃ pahīnakammo sattasantāno. Tenāha ‘‘matthakacchinnatālo viyā’’ti. Anuabhāvaṃ kataṃ pacchato dhammappavattiyā abhāvato. Tenāha ‘‘yathā’’tiādi. Appavattikatakālo viyāti bījānaṃ sabbaso appavattiyā katakālo viya. Chinnamūlakānanti kilesamūlassa sabbaso chinnattā chinnamūlakānaṃ. Kilesā hi khandhānaṃ mūlāni.

    เวทนียนฺติ เวทิตพฺพํฯ อญฺญํ วตฺถุ นตฺถีติ อญฺญํ อธิฎฺฐานํ นตฺถิฯ สุคติสญฺญิตาปิ เหฎฺฐิมเนฺตน สงฺขารทุกฺขโต อนปคตตฺตา ทุคฺคติโย เอวาติ วุตฺตํ ‘‘สพฺพา ทุคฺคติโย’’ติ, เอวํ วา เอตฺถ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ โลโภ เอตสฺส การณภูโต อตฺถีติ โลภํ, โลภนิมิตฺตํ กมฺมํฯ ตถา โทสนฺติ เอตฺถาปิฯ เตนาห ‘‘โลภโทสสีเสน โลภชญฺจ โทสชญฺจ กมฺมเมว นิทฺทิฎฺฐ’’นฺติฯ วฎฺฎวิวฎฺฎนฺติ วฎฺฎญฺจ วิวฎฺฎญฺจฯ

    Vedanīyanti veditabbaṃ. Aññaṃ vatthu natthīti aññaṃ adhiṭṭhānaṃ natthi. Sugatisaññitāpi heṭṭhimantena saṅkhāradukkhato anapagatattā duggatiyo evāti vuttaṃ ‘‘sabbā duggatiyo’’ti, evaṃ vā ettha attho daṭṭhabbo. Lobho etassa kāraṇabhūto atthīti lobhaṃ, lobhanimittaṃ kammaṃ. Tathā dosanti etthāpi. Tenāha ‘‘lobhadosasīsena lobhajañca dosajañca kammameva niddiṭṭha’’nti. Vaṭṭavivaṭṭanti vaṭṭañca vivaṭṭañca.

    นิทานสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Nidānasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya / ๔. นิทานสุตฺตํ • 4. Nidānasuttaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๔. นิทานสุตฺตวณฺณนา • 4. Nidānasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact