Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā)

    ๑๐. นิทานสุตฺตวณฺณนา

    10. Nidānasuttavaṇṇanā

    ๖๐. พหุวจนวเสนาติ กุรู นาม ชานปทิโน ราชกุมารา, เตสํ นิวาโส เอโกปิ ชนปโท รุฬฺหีวเสน ‘‘กุรู’’ติ เอวํ พหุวจนวเสนฯ ยตฺถ ภควโต วสโนกาสภูโต โกจิ วิหาโร น โหติ, ตตฺถ เกวลํ โคจรคามกิตฺตนํ นิทานกถาย ปกติ ยถา ‘‘สเกฺกสุ วิหรติ เทวทหํ นาม สกฺยานํ นิคโม’’ติฯ ‘‘อายสฺมา’’ติ วา ‘‘เทวานํ ปิโย’’ติ วา ภวนฺติ วา ปิยสมุทาหาโร เอโสติ อาห ‘‘อายสฺมาติ ปิยวจนเมต’’นฺติฯ ตยิทํ ปิยวจนํ คารววเสน วุจฺจตีติ อาห ‘‘ครุวจนเมต’’นฺติฯ อติทูรํ อจฺจาสนฺนํ อติสมฺมุขา อติปจฺฉโต อุปริวาโต อุนฺนตปฺปเทโสติ อิเม ฉ นิสชฺชโทสาฯ นีลปีตโลหิโตทาตมญฺชิฎฺฐปภสฺสรวเสน ฉพฺพณฺณานํ

    60.Bahuvacanavasenāti kurū nāma jānapadino rājakumārā, tesaṃ nivāso ekopi janapado ruḷhīvasena ‘‘kurū’’ti evaṃ bahuvacanavasena. Yattha bhagavato vasanokāsabhūto koci vihāro na hoti, tattha kevalaṃ gocaragāmakittanaṃ nidānakathāya pakati yathā ‘‘sakkesu viharati devadahaṃ nāma sakyānaṃ nigamo’’ti. ‘‘Āyasmā’’ti vā ‘‘devānaṃ piyo’’ti vā bhavanti vā piyasamudāhāro esoti āha ‘‘āyasmāti piyavacanameta’’nti. Tayidaṃ piyavacanaṃ gāravavasena vuccatīti āha ‘‘garuvacanameta’’nti. Atidūraṃ accāsannaṃ atisammukhā atipacchato uparivāto unnatappadesoti ime cha nisajjadosā. Nīlapītalohitodātamañjiṭṭhapabhassaravasena chabbaṇṇānaṃ.

    กุลสงฺคหตฺถายาติ กุลานุทฺทยตาวเสน กุลานุคฺคณฺหนตฺถายฯ สหสฺสภณฺฑิกํ นิกฺขิปโนฺต วิย ภิกฺขาปฎิคฺคณฺหเนน เตสํ อภิวาทนาทิสมฺปฎิจฺฉเนน จ ปุญฺญาภิสนฺทสฺส ชนเนนฯ ปฎิสมฺมชฺชิตฺวาติ อเนฺตวาสิเกหิ สมฺมฎฺฐฎฺฐานํ สกฺกจฺจการิตาย ปุน สมฺมชฺชิตฺวาฯ อุภยนฺตโต ปฎฺฐาย มชฺฌนฺติ อาทิโต ปฎฺฐาย เวทนํ, ชรามรณโต ปฎฺฐาย จ เวทนํ ปาเปตฺวา สมฺมสนมาหฯ ติกฺขตฺตุนฺติ ‘‘อาทิโต ปฎฺฐาย อนฺต’’นฺติอาทินา วุตฺตจตุราการุปสํหิเต ตโย วาเรฯ เตน ทฺวาทสกฺขตฺตุํ สมฺมสนมาหฯ อมฺหากํ ภควตา คมฺภีรภาเวเนว กถิตตฺตา เสสพุเทฺธหิปิ เอวเมว กถิโตติ ธมฺมนฺวเย ฐตฺวา วุตฺตํ ‘‘สพฺพพุเทฺธหิ…เป.… กถิโต’’ติฯ

    Kulasaṅgahatthāyāti kulānuddayatāvasena kulānuggaṇhanatthāya. Sahassabhaṇḍikaṃ nikkhipanto viya bhikkhāpaṭiggaṇhanena tesaṃ abhivādanādisampaṭicchanena ca puññābhisandassa jananena. Paṭisammajjitvāti antevāsikehi sammaṭṭhaṭṭhānaṃ sakkaccakāritāya puna sammajjitvā. Ubhayantato paṭṭhāya majjhanti ādito paṭṭhāya vedanaṃ, jarāmaraṇato paṭṭhāya ca vedanaṃ pāpetvā sammasanamāha. Tikkhattunti ‘‘ādito paṭṭhāya anta’’ntiādinā vuttacaturākārupasaṃhite tayo vāre. Tena dvādasakkhattuṃ sammasanamāha. Amhākaṃ bhagavatā gambhīrabhāveneva kathitattā sesabuddhehipi evameva kathitoti dhammanvaye ṭhatvā vuttaṃ ‘‘sabbabuddhehi…pe… kathito’’ti.

    ปมาณาติกฺกเมติ อปริมาณเตฺถ ‘‘ยาวญฺจิทํ เตน ภควตา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๓) วิยฯ อติเรกภาวโชตโน หิ ยํ ยาว-สโทฺทฯ เตนาห ‘‘อติคมฺภีโรติ อโตฺถ’’ติฯ อวภาสติ ขายติ อุปฎฺฐาติ ญาณสฺสฯ ตถา อุปฎฺฐานญฺหิ สนฺธาย ‘‘ทิสฺสตี’’ติ วุตฺตํฯ นนุ เอส ปฎิจฺจสมุปฺปาโท เอกนฺตคมฺภีโรว, อถ กสฺมา คมฺภีราวภาสตา โชติตาติ? สจฺจเมตํ, เอกนฺตคมฺภีรตาทสฺสนตฺถเมว ปนสฺส คมฺภีราวภาสคฺคหณํ, ตสฺมา อญฺญตฺถ ลพฺภมานํ จาตุโกฎิกํ พฺยติเรกมุเขน นิทเสฺสตฺวา ตเมวสฺส เอกนฺตคมฺภีรตํ วิภาเวตุํ ‘‘เอกํ หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ เอตํ นตฺถีติ อคมฺภีโร อคมฺภีราวภาโส จาติ เอตํ ทฺวยํ นตฺถิฯ เตน ยถาทสฺสิเต จาตุโกฎิเก ปจฺฉิมา เอกโกฎิ ลพฺภตีติ ทเสฺสติฯ เตนาห ‘‘อยํ หี’’ติอาทิฯ

    Pamāṇātikkameti aparimāṇatthe ‘‘yāvañcidaṃ tena bhagavatā’’tiādīsu (dī. ni. 1.3) viya. Atirekabhāvajotano hi yaṃ yāva-saddo. Tenāha ‘‘atigambhīroti attho’’ti. Avabhāsati khāyati upaṭṭhāti ñāṇassa. Tathā upaṭṭhānañhi sandhāya ‘‘dissatī’’ti vuttaṃ. Nanu esa paṭiccasamuppādo ekantagambhīrova, atha kasmā gambhīrāvabhāsatā jotitāti? Saccametaṃ, ekantagambhīratādassanatthameva panassa gambhīrāvabhāsaggahaṇaṃ, tasmā aññattha labbhamānaṃ cātukoṭikaṃ byatirekamukhena nidassetvā tamevassa ekantagambhīrataṃ vibhāvetuṃ ‘‘ekaṃ hī’’tiādi vuttaṃ. Etaṃ natthīti agambhīro agambhīrāvabhāso cāti etaṃ dvayaṃ natthi. Tena yathādassite cātukoṭike pacchimā ekakoṭi labbhatīti dasseti. Tenāha ‘‘ayaṃ hī’’tiādi.

    เยหิ คมฺภีรภาเวหิ ปฎิจฺจสมุปฺปาโท ‘‘คมฺภีโร’’ติ วุจฺจติ, เต จตูหิ อุปมาหิ อุลฺลิเงฺคโนฺต ‘‘ภวคฺคคฺคหณายา’’ติอาทิมาหฯ ยถา ภวคฺคคฺคหณตฺถํ หตฺถํ ปสาเรตฺวา คเหตุํ น สกฺกา ทูรภาวโต, เอวํ สงฺขาราทีนํ อวิชฺชาทิปจฺจยสมฺภูตสมุทาคตโตฺถ ปกติญาเณน คเหตุํ น สกฺกาฯ ยถา สิเนรุํ ภินฺทิตฺวา มิญฺชํ ปพฺพตรสํ ปากติกปุริเสน นีหริตุํ น สกฺกา, เอวํ ปฎิจฺจสมุปฺปาทคเต ธมฺมตฺถาทิเก ปกติญาเณน ภินฺทิตฺวา วิภชฺช ปฎิวิชฺฌนวเสน ชานิตุํ น สกฺกาฯ ยถา มหาสมุทฺทํ ปกติปุริสสฺส พาหุทฺวยวเสน ปารํ ตริตุํ น สกฺกาฯ เอวํ เวปุลฺลเฎฺฐน มหาสมุทฺทสทิสํ ปฎิจฺจสมุปฺปาทํ ปกติญาเณน เทสนาวเสน ปริหริตุํ น สกฺกาฯ ยถา ปถวิํ ปริวเตฺตตฺวา ปากติกปุริสสฺส ปถโวชํ คเหตุํ น สกฺกา, เอวํ อิตฺถํ อวิชฺชาทโย สงฺขาราทีนํ ปจฺจยา โหนฺตีติ เตสํ ปฎิจฺจสมุปฺปาทสภาโว ปากติกญาเณน นีหริตฺวา คเหตุํ น สโกฺกติ, เอวํ จตุพฺพิธคมฺภีรตาวเสน จตโสฺส อุปมา โยเชตพฺพาฯ ปากติกญาณวเสน จายมตฺถโยชนา กตา ทิฎฺฐสจฺจานํ ตตฺถ ปฎิเวธสพฺภาวโต, ตถาปิ ยสฺมา สาวกานํ ปเจฺจกพุทฺธานญฺจ ตตฺถ สปฺปเทสเมว ญาณํ, พุทฺธานํเยว นิปฺปเทสํฯ ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘พุทฺธวิสยํ ปญฺห’’นฺติฯ

    Yehi gambhīrabhāvehi paṭiccasamuppādo ‘‘gambhīro’’ti vuccati, te catūhi upamāhi ulliṅgento ‘‘bhavaggaggahaṇāyā’’tiādimāha. Yathā bhavaggaggahaṇatthaṃ hatthaṃ pasāretvā gahetuṃ na sakkā dūrabhāvato, evaṃ saṅkhārādīnaṃ avijjādipaccayasambhūtasamudāgatattho pakatiñāṇena gahetuṃ na sakkā. Yathā sineruṃ bhinditvā miñjaṃ pabbatarasaṃ pākatikapurisena nīharituṃ na sakkā, evaṃ paṭiccasamuppādagate dhammatthādike pakatiñāṇena bhinditvā vibhajja paṭivijjhanavasena jānituṃ na sakkā. Yathā mahāsamuddaṃ pakatipurisassa bāhudvayavasena pāraṃ tarituṃ na sakkā. Evaṃ vepullaṭṭhena mahāsamuddasadisaṃ paṭiccasamuppādaṃ pakatiñāṇena desanāvasena pariharituṃ na sakkā. Yathā pathaviṃ parivattetvā pākatikapurisassa pathavojaṃ gahetuṃ na sakkā, evaṃ itthaṃ avijjādayo saṅkhārādīnaṃ paccayā hontīti tesaṃ paṭiccasamuppādasabhāvo pākatikañāṇena nīharitvā gahetuṃ na sakkoti, evaṃ catubbidhagambhīratāvasena catasso upamā yojetabbā. Pākatikañāṇavasena cāyamatthayojanā katā diṭṭhasaccānaṃ tattha paṭivedhasabbhāvato, tathāpi yasmā sāvakānaṃ paccekabuddhānañca tattha sappadesameva ñāṇaṃ, buddhānaṃyeva nippadesaṃ. Tasmā vuttaṃ ‘‘buddhavisayaṃ pañha’’nti.

    มาติ ปฎิเสเธ นิปาโตฯ สฺวายํ ‘‘อุตฺตานกุตฺตานโก วิย ขายตี’’ติ วจนํ สนฺธาย วุโตฺตติ อาห ‘‘มา ภณีติ อโตฺถ’’ติฯ อุสฺสาเทโนฺตติ ปญฺญาวเสน อุกฺกํสโนฺตติ อโตฺถฯ อปสาเทโนฺตติ นิพฺภจฺฉโนฺต, นิคฺคณฺหโนฺตติ อโตฺถฯ เตนาติ มหาปญฺญภาเวนฯ

    ti paṭisedhe nipāto. Svāyaṃ ‘‘uttānakuttānako viya khāyatī’’ti vacanaṃ sandhāya vuttoti āha ‘‘mā bhaṇīti attho’’ti. Ussādentoti paññāvasena ukkaṃsantoti attho. Apasādentoti nibbhacchanto, niggaṇhantoti attho. Tenāti mahāpaññabhāvena.

    ตตฺถาติ เถรสฺส สติปิ อุตฺตานภาเว ปฎิจฺจสมุปฺปาทสฺส อเญฺญสํ คมฺภีรภาเวฯ สุโภชนรสปุฎฺฐสฺสาติ สุนฺทเรน โภชนรเสน โปสิตสฺสฯ กตโยคสฺสาติ นิพฺพุทฺธปโยเค กตปริจยสฺสฯ มลฺลปาสาณนฺติ มเลฺลหิ มหาพเลเหว ขิปิตพฺพปาสาณํฯ กุหิํ อิมสฺส ภาริยฎฺฐานนฺติ กสฺมิํ ปเสฺส อิมสฺส ปาสาณสฺส ครุตรปเทโสติ ตสฺส สลฺลหุกภาวํ ทีเปโนฺต วทติฯ

    Tatthāti therassa satipi uttānabhāve paṭiccasamuppādassa aññesaṃ gambhīrabhāve. Subhojanarasapuṭṭhassāti sundarena bhojanarasena positassa. Katayogassāti nibbuddhapayoge kataparicayassa. Mallapāsāṇanti mallehi mahābaleheva khipitabbapāsāṇaṃ. Kuhiṃ imassa bhāriyaṭṭhānanti kasmiṃ passe imassa pāsāṇassa garutarapadesoti tassa sallahukabhāvaṃ dīpento vadati.

    ติมิรปิงฺคเลเนว ทีเปนฺติ ตสฺส มหาวิปฺผารภาวโตฯ เตนาห ‘‘ตสฺส กิรา’’ติอาทิฯ ปกฺกุถตีติ ปกฺกุถนฺตํ วิย ปริวตฺตติ ปริโต วตฺตติฯ ลกฺขณวจนเญฺหตํฯ ปิฎฺฐิยํ สกลิกอฎฺฐิกา ปิฎฺฐิปตฺตํฯ กายูปปนฺนสฺสาติ มหตา กาเยน อุเปตสฺส, มหากายสฺสาติ อโตฺถฯ ปิญฺฉ วฎฺฎีติ ปิญฺฉ กลาโปฯ สุปณฺณวาตนฺติ นาคคฺคหณาทีสุ ปกฺขปโปฺผฎนวเสน อุปฺปชฺชนกวาตํฯ

    Timirapiṅgalenevadīpenti tassa mahāvipphārabhāvato. Tenāha ‘‘tassa kirā’’tiādi. Pakkuthatīti pakkuthantaṃ viya parivattati parito vattati. Lakkhaṇavacanañhetaṃ. Piṭṭhiyaṃ sakalikaaṭṭhikā piṭṭhipattaṃ. Kāyūpapannassāti mahatā kāyena upetassa, mahākāyassāti attho. Piñcha vaṭṭīti piñcha kalāpo. Supaṇṇavātanti nāgaggahaṇādīsu pakkhapapphoṭanavasena uppajjanakavātaṃ.

    ‘‘ปุพฺพูปนิสฺสยสมฺปตฺติยา’’ติอาทินา อุทฺทิฎฺฐการณานิ วิตฺถารโต วิวริตุํ ‘‘อิโต กิรา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ อิโตติ อิโต ภทฺทกปฺปโตฯ สตสหสฺสิเมติ สตสหสฺสเมฯ หํสวตี นาม นครํ อโหสิ ชาตนครํฯ ธุรปตฺตานีติ พาหิรปตฺตานิ, ยานิ ทีฆตมานิฯ

    ‘‘Pubbūpanissayasampattiyā’’tiādinā uddiṭṭhakāraṇāni vitthārato vivarituṃ ‘‘ito kirā’’tiādi vuttaṃ. Tattha itoti ito bhaddakappato. Satasahassimeti satasahassame. Haṃsavatī nāma nagaraṃ ahosi jātanagaraṃ. Dhurapattānīti bāhirapattāni, yāni dīghatamāni.

    กนิฎฺฐภาตาติ เวมาติกภาตา กนิโฎฺฐ ยถา อมฺหากํ ภควโต นนฺทเตฺถโรฯ พุทฺธานญฺหิ สโหทรา ภาตโร นาม น โหนฺติฯ ตตฺถ เชฎฺฐา ตาว นุปฺปชฺชนฺติ, กนิฎฺฐานํ ปน อสมฺภโว เอวฯ โภคนฺติ วิภวํฯ อุปสโนฺตติ โจรชนิตสโงฺขภวูปสเมน อุปสโนฺต ชนปโทฯ

    Kaniṭṭhabhātāti vemātikabhātā kaniṭṭho yathā amhākaṃ bhagavato nandatthero. Buddhānañhi sahodarā bhātaro nāma na honti. Tattha jeṭṭhā tāva nuppajjanti, kaniṭṭhānaṃ pana asambhavo eva. Bhoganti vibhavaṃ. Upasantoti corajanitasaṅkhobhavūpasamena upasanto janapado.

    เทฺว สาฎเก นิวาเสตฺวาติ สาฎกทฺวยเมว อตฺตโน กายปริหาริยํ กตฺวา, อิตรํ สพฺพสมฺภารํ อตฺตนา โมเจตฺวาฯ

    Dvesāṭake nivāsetvāti sāṭakadvayameva attano kāyaparihāriyaṃ katvā, itaraṃ sabbasambhāraṃ attanā mocetvā.

    ปตฺตคฺคหณตฺถนฺติ อโนฺตปกฺขิตฺตอุณฺหโภชนตฺตา ปตฺตสฺส อปราปรํ หเตฺถ ปริวเตฺตนฺตสฺส สุเขน ปตฺตคฺคหณตฺถํฯ อุตฺตริสาฎกนฺติ อตฺตโน อุตฺตริยํ สาฎกํฯ เอตานิ ปากฎฎฺฐานานีติ เอตานิ ยถาวุตฺตานิ ภควโต เทสนาย ปากฎานิ พุเทฺธ พุทฺธสาวเก จ อุทฺทิสฺส เถรสฺส ปุญฺญกรณฎฺฐานานิ, ปเจฺจกพุทฺธํ ปน โพธิสตฺตญฺจ อุทฺทิสฺส เถรสฺส ปุญฺญกรณฎฺฐานานิ พหูนิเยวฯ

    Pattaggahaṇatthanti antopakkhittauṇhabhojanattā pattassa aparāparaṃ hatthe parivattentassa sukhena pattaggahaṇatthaṃ. Uttarisāṭakanti attano uttariyaṃ sāṭakaṃ. Etāni pākaṭaṭṭhānānīti etāni yathāvuttāni bhagavato desanāya pākaṭāni buddhe buddhasāvake ca uddissa therassa puññakaraṇaṭṭhānāni, paccekabuddhaṃ pana bodhisattañca uddissa therassa puññakaraṇaṭṭhānāni bahūniyeva.

    ปฎิสนฺธิํ คเหตฺวาติ อมฺหากํ โพธิสตฺตสฺส ปฎิสนฺธิคฺคหณทิวเสเยว ปฎิสนฺธิํ คเหตฺวาฯ

    Paṭisandhiṃ gahetvāti amhākaṃ bodhisattassa paṭisandhiggahaṇadivaseyeva paṭisandhiṃ gahetvā.

    อุคฺคหนํ ปาฬิยา อุคฺคณฺหนํ, สวนํ อตฺถสวนํ, ปริปุจฺฉนํ คณฺฐิฎฺฐาเนสุ อตฺถปริปุจฺฉนํ, ธารณํ ปาฬิยา ปาฬิอตฺถสฺส จ จิเตฺต ฐปนํฯ สพฺพเญฺจตํ อิธ ปฎิจฺจสมุปฺปาทวเสน เวทิตพฺพํ, สพฺพสฺสปิ พุทฺธวจนสฺส วเสนาติปิ วฎฺฎติฯ โสตาปนฺนานญฺจ…เป.… อุปฎฺฐาติ ตตฺถ สโมฺมหวิคเมน ‘‘ยํ กิญฺจิ สมุทยธมฺมํ, สพฺพํ ตํ นิโรธธมฺม’’นฺติ อตฺตปจฺจกฺขวเสน อุปฎฺฐานโต ฯ นามรูปปริเจฺฉโทติ สห ปจฺจเยน นามรูปสฺส ปริจฺฉิชฺช อวโพโธฯ จตูหีติ ธมฺมคมฺภีราทีหิ จตูหิ คมฺภีรตาหิ สพฺพาปิ คมฺภีรตา

    Uggahanaṃ pāḷiyā uggaṇhanaṃ, savanaṃ atthasavanaṃ, paripucchanaṃ gaṇṭhiṭṭhānesu atthaparipucchanaṃ, dhāraṇaṃ pāḷiyā pāḷiatthassa ca citte ṭhapanaṃ. Sabbañcetaṃ idha paṭiccasamuppādavasena veditabbaṃ, sabbassapi buddhavacanassa vasenātipi vaṭṭati. Sotāpannānañca…pe… upaṭṭhāti tattha sammohavigamena ‘‘yaṃ kiñci samudayadhammaṃ, sabbaṃ taṃ nirodhadhamma’’nti attapaccakkhavasena upaṭṭhānato . Nāmarūpaparicchedoti saha paccayena nāmarūpassa paricchijja avabodho. Catūhīti dhammagambhīrādīhi catūhi gambhīratāhi sabbāpi gambhīratā.

    สาวเกหิ เทสิตา เทสนาปิ ปน สตฺถุ เอว เทสนาติ อาห ‘‘มยา ทินฺนนเย ฐตฺวา’’ติฯ ‘‘เสเกฺขน นาม นิพฺพานํ สพฺพากาเรน ปฎิวิทฺธํ น โหตี’’ติ น ตสฺส คมฺภีรตาติ ตสฺส คมฺภีรสฺส อุปาทานสฺส คมฺภีรตา วิย สุฎฺฐุ ทิฎฺฐา นาม โหติฯ ตสฺมา อาห ‘‘อิทํ นิพฺพานเมว คมฺภีรํ, ปจฺจยากาโร ปน อุตฺตานโก ชาโต’’ติฯ นิพฺพานญฺหิ สเพฺพปิ อเสกฺขา สพฺพโส ปฎิวิชฺฌนฺติ นิปฺปเทสตฺตา, ปจฺจยาการํ ปน สมฺมาสมฺพุทฺธาเยว อนวเสสโต ปฎิวิชฺฌนฺติ, น อิตเรฯ ตสฺมา ปจฺจยวเสน ‘‘อิทํ อปรทฺธ’’นฺติ วุตฺตํ เถรํ อปสาเทเนฺตนฯ ตเมว หิสฺส อนวเสสโต ปฎิเวธาภาวํ วิภาเวตุํ ‘‘อถ กสฺมา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อสติปิ ธมฺมโต เภเท สํโยชนตฺถอนุสยตฺถวเสน ปน เตสํ ลพฺภมานเภทํ คเหตฺวา ‘‘อิเม จตฺตาโร กิเลเส’’ติ วุตฺตํฯ อโญฺญ หิ เตสํ พนฺธนโตฺถ, อโญฺญ ถามคมนโฎฺฐติฯ เอส นโย เสเสสุปิฯ อิติ อิเมสํ กิเลสานํ อปฺปหีนตฺตา ตถารูปํ อุปนิสฺสยสมฺปทํ อภาวยโตว อนุตฺตานเมว ธมฺมํ อุตฺตานนฺติ น วตฺตพฺพเมวาติ อธิปฺปาโยฯ จตฺตาริ อฎฺฐ โสฬส วา อสเงฺขฺยยฺยานีติ อิทํ มหาโพธิสตฺตานํ สนฺตาเน โพธิปริปาจกธมฺมานํ ติกฺขมชฺฌิมมุทุภาวสิทฺธกาลวิเสสทสฺสนํ, ตญฺจ โข มหาภินีหารโต ปฎฺฐายาติ วทนฺติฯ เอเตหีติ ยถาวุตฺตพุทฺธสาวกอคฺคสาวกปเจฺจกพุทฺธสมฺมาสมฺพุทฺธานํ วิเสสาธิคเมหิฯ ปจฺจนีกนฺติ ปฎิกฺกูลํ วิรุทฺธํฯ สพฺพถา ปจฺจยาการปฎิเวโธ นาม สมฺมาสโมฺพธิยาธิคโม เอวาติ วุตฺตํ ‘‘ปจฺจยาการํ ปฎิวิชฺฌิตุํ วายมนฺตเสฺสวา’’ติฯ นวหิ อากาเรหีติ อุปฺปาทาทีหิ นวหิ ปจฺจยากาเรหิฯ วุตฺตเญฺหตํ ปฎิสมฺภิทายํ (ปฎิ. ม. ๑.๔๕) –

    Sāvakehi desitā desanāpi pana satthu eva desanāti āha ‘‘mayā dinnanaye ṭhatvā’’ti. ‘‘Sekkhena nāma nibbānaṃ sabbākārena paṭividdhaṃ na hotī’’ti na tassa gambhīratāti tassa gambhīrassa upādānassa gambhīratā viya suṭṭhu diṭṭhā nāma hoti. Tasmā āha ‘‘idaṃ nibbānameva gambhīraṃ, paccayākāro pana uttānako jāto’’ti. Nibbānañhi sabbepi asekkhā sabbaso paṭivijjhanti nippadesattā, paccayākāraṃ pana sammāsambuddhāyeva anavasesato paṭivijjhanti, na itare. Tasmā paccayavasena ‘‘idaṃ aparaddha’’nti vuttaṃ theraṃ apasādentena. Tameva hissa anavasesato paṭivedhābhāvaṃ vibhāvetuṃ ‘‘atha kasmā’’tiādi vuttaṃ. Asatipi dhammato bhede saṃyojanatthaanusayatthavasena pana tesaṃ labbhamānabhedaṃ gahetvā ‘‘ime cattāro kilese’’ti vuttaṃ. Añño hi tesaṃ bandhanattho, añño thāmagamanaṭṭhoti. Esa nayo sesesupi. Iti imesaṃ kilesānaṃ appahīnattā tathārūpaṃ upanissayasampadaṃ abhāvayatova anuttānameva dhammaṃ uttānanti na vattabbamevāti adhippāyo. Cattāri aṭṭha soḷasa vā asaṅkhyeyyānīti idaṃ mahābodhisattānaṃ santāne bodhiparipācakadhammānaṃ tikkhamajjhimamudubhāvasiddhakālavisesadassanaṃ, tañca kho mahābhinīhārato paṭṭhāyāti vadanti. Etehīti yathāvuttabuddhasāvakaaggasāvakapaccekabuddhasammāsambuddhānaṃ visesādhigamehi. Paccanīkanti paṭikkūlaṃ viruddhaṃ. Sabbathā paccayākārapaṭivedho nāma sammāsambodhiyādhigamo evāti vuttaṃ ‘‘paccayākāraṃ paṭivijjhituṃ vāyamantassevā’’ti. Navahi ākārehīti uppādādīhi navahi paccayākārehi. Vuttañhetaṃ paṭisambhidāyaṃ (paṭi. ma. 1.45) –

    ‘‘อวิชฺชาสงฺขารานํ อุปฺปาทฎฺฐิติ จ ปวตฺตฎฺฐิติ จ นิมิตฺตฎฺฐิติ จ อายูหนฎฺฐิติ จ สํโยคฎฺฐิติ จ ปลิโพธฎฺฐิติ จ สมุทยฎฺฐิติ จ เหตุฎฺฐิติ จ ปจฺจยฎฺฐิติ จ, อิเมหิ นวหากาเรหิ อวิชฺชา ปจฺจโย, สงฺขารา ปจฺจยสมุปฺปนฺนา’’ติอาทิฯ

    ‘‘Avijjāsaṅkhārānaṃ uppādaṭṭhiti ca pavattaṭṭhiti ca nimittaṭṭhiti ca āyūhanaṭṭhiti ca saṃyogaṭṭhiti ca palibodhaṭṭhiti ca samudayaṭṭhiti ca hetuṭṭhiti ca paccayaṭṭhiti ca, imehi navahākārehi avijjā paccayo, saṅkhārā paccayasamuppannā’’tiādi.

    ตตฺถ นวหากาเรหีติ นวหิ ปจฺจยภาวูปคมเนหิ อากาเรหิฯ อุปฺปชฺชติ เอตสฺมา ผลนฺติ อุปฺปาโท, ผลุปฺปตฺติยา การณภาโวฯ สติ จ อวิชฺชาย สงฺขารา อุปฺปชฺชนฺติ, นาสติ, ตสฺมา อวิชฺชา สงฺขารานํ อุปฺปาโท โหติฯ ตถา อวิชฺชาย สติ สงฺขารา ปวตฺตนฺติ จ นิมิยนฺติ จฯ ยถา จ ภวาทีสุ ขิปนฺติ, เอวํ เตสํ อวิชฺชา ปจฺจโย โหติ, ตถา อายูหนฺติ ผลุปฺปตฺติยา ฆเฎนฺติ สํยุชฺชนฺติ อตฺตโน ผเลนฯ ยสฺมิํ สนฺตาเน สยํ อุปฺปนฺนา, ตํ ปลิพุนฺธนฺติ ปจฺจยนฺตรสมวาเย อุทยนฺติ อุปฺปชฺชนฺติ, หิโนติ จ สงฺขารานํ การณภาวํ อุปคจฺฉติฯ ปฎิจฺจ อวิชฺชํ สงฺขารา อยนฺติ ปวตฺตนฺตีติ เอวํ อวิชฺชาย สงฺขารานํ การณภาวูปคมนวิเสสา อุปฺปาทาทโย เวทิตพฺพาติฯ อุปฺปาทฎฺฐิตีติ จ ติฎฺฐติ เอเตนาติ ฐิติ, การณํฯ อุปฺปาโท เอว ฐิติ อุปฺปาทฐิติฯ เอส นโย เสเสสุปิฯ อิทญฺจ ปจฺจยาการทสฺสนํ ยถา ปุริเมหิ มหาโพธิมูเล ปวตฺติตํ, ตถา อมฺหากํ ภควตาปิ ปวตฺติตนฺติ อจฺฉริยเวคาภิหตา ทสสหสฺสิโลกธาตุ สงฺกมฺปิ สมฺปกมฺปีติ ทเสฺสโนฺต ‘‘ทิฎฺฐมเตฺต’’ติอาทิมาหฯ

    Tattha navahākārehīti navahi paccayabhāvūpagamanehi ākārehi. Uppajjati etasmā phalanti uppādo, phaluppattiyā kāraṇabhāvo. Sati ca avijjāya saṅkhārā uppajjanti, nāsati, tasmā avijjā saṅkhārānaṃ uppādo hoti. Tathā avijjāya sati saṅkhārā pavattanti ca nimiyanti ca. Yathā ca bhavādīsu khipanti, evaṃ tesaṃ avijjā paccayo hoti, tathā āyūhanti phaluppattiyā ghaṭenti saṃyujjanti attano phalena. Yasmiṃ santāne sayaṃ uppannā, taṃ palibundhanti paccayantarasamavāye udayanti uppajjanti, hinoti ca saṅkhārānaṃ kāraṇabhāvaṃ upagacchati. Paṭicca avijjaṃ saṅkhārā ayanti pavattantīti evaṃ avijjāya saṅkhārānaṃ kāraṇabhāvūpagamanavisesā uppādādayo veditabbāti. Uppādaṭṭhitīti ca tiṭṭhati etenāti ṭhiti, kāraṇaṃ. Uppādo eva ṭhiti uppādaṭhiti. Esa nayo sesesupi. Idañca paccayākāradassanaṃ yathā purimehi mahābodhimūle pavattitaṃ, tathā amhākaṃ bhagavatāpi pavattitanti acchariyavegābhihatā dasasahassilokadhātu saṅkampi sampakampīti dassento ‘‘diṭṭhamatte’’tiādimāha.

    เอตสฺส ธมฺมสฺสาติ เอตสฺส ปฎิจฺจสมุปฺปาทสญฺญิตสฺส ธมฺมสฺสฯ โส ปน ยสฺมา อตฺถโต เหตุปฺปภวานํ เหตุฯ เตนาห ‘‘เอตสฺส ปจฺจยธมฺมสฺสา’’ติ ฯ ชาติอาทีนํ ชรามรณปจฺจยตายาติ อโตฺถฯ นามรูปปริเจฺฉโท ตสฺส จ ปจฺจยปริคฺคโห น ปฐมาภินิเวสมเตฺตน โหติ, อถ โข ตตฺถ อปราปรํ ญาณุปฺปตฺติสญฺญิเตน อนุ อนุ พุชฺฌเนนฯ ตทุภยภาวํ ปน ทเสฺสโนฺต ‘‘ญาตปริญฺญาวเสน อนนุพุชฺฌนา’’ติ อาหฯ นิจฺจสญฺญาทีนํ ปชหนวเสน ปวตฺตมานา วิปสฺสนาธเมฺม ปฎิวิชฺฌติ เอว นาม โหติ ปฎิปกฺขวิกฺขมฺภเนน ติกฺขวิสทภาวาปตฺติโต, ตทธิฎฺฐานภูตา จ ตีรณปริญฺญา อริยมโคฺค จ ปริญฺญาปหานาภิสมยวเสน ปวตฺติยา ตีรณปฺปหานปริญฺญาสงฺคโห จาติ ตทุภยปฎิเวธาภาวํ ทเสฺสโนฺต ‘‘ตีรณปฺปหานปริญฺญาวเสน อปฺปฎิวิชฺฌนา’’ติ อาหฯ ตนฺตํ วุจฺจติ ปฎวีนนตฺถํ ตนฺตวาเยติ ตนฺตํ อาวญฺฉิตฺวา ปสาริตสุตฺตวฎฺฎิตํ นียตีติ กตฺวา, ตํ ปน ตนฺตากุลตาย นิทสฺสนภาเวน อากุลเมว คหิตนฺติ อาห ‘‘ตนฺตํ วิย อากุลชาตา’’ติฯ สเงฺขปโต วุตฺตมตฺถํ วิตฺถารโต ทเสฺสโนฺต ‘‘ยถา นามา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ สมาเนตุนฺติ ปุเพฺพนาปรํ สมํ กตฺวา อาเนตุํ, อวิสมํ อุชุํ กาตุนฺติ อโตฺถฯ ตนฺตเมว วา อากุลํ ตนฺตากุลํ, ตนฺตากุลํ วิย ชาตา ภูตา ตนฺตากุลกชาตาฯ มชฺฌิมํ ปฎิปทํ อนุปคนฺตฺวา อนฺตทฺวยปกฺขเนฺทน ปจฺจยากาเร ขลิตฺวา อากุลพฺยากุลา โหนฺติ, เตเนว อนฺตทฺวยปกฺขเนฺทน ตํตํทิฎฺฐิคฺคาหวเสน ปริพฺภมนฺตา อุชุกํ ธมฺมฎฺฐิติตนฺตํ ปฎิวิชฺฌิตุํ น ชานนฺติฯ เตนาห ‘‘น สโกฺกนฺติ ปจฺจยาการํ อุชุํ กาตุ’’นฺติฯ เทฺว โพธิสเตฺตติ ปเจฺจกโพธิสตฺตมหาโพธิสเตฺตฯ อตฺตโน ธมฺมตายาติ อตฺตโน สภาเวน, ปโรปเทเสน วินาติ อโตฺถฯ ตตฺถ ตตฺถ คุฬกชาตนฺติ ตสฺมิํ ตสฺมิํ ฐาเน ชาตคุฬกํ ปิณฺฑิสุตฺตํฯ ตโต เอว คณฺฐิพทฺธนฺติ วุตฺตํฯ ปจฺจเยสุ ปกฺขลิตฺวาติ อนิจฺจทุกฺขานตฺตาทิสภาเวสุ ปจฺจยธเมฺมสุ นิจฺจาทิภาววเสน ปกฺขลิตฺวาฯ ปจฺจเย อุชุํ กาตุํ อสโกฺกโนฺตติ ตเสฺสว นิจฺจาทิคาหสฺส อวิสฺสชฺชนโต ปจฺจยธมฺมนิมิตฺตํ อตฺตโน ทสฺสนํ อุชุํ กาตุํ อสโกฺกโนฺต อิทํสจฺจาภินิเวสกายคนฺถวเสน คณฺฐิกชาตา โหนฺตีติ อาห ‘‘ทฺวาสฎฺฐิ…เป.… คณฺฐิพทฺธา’’ติฯ

    Etassa dhammassāti etassa paṭiccasamuppādasaññitassa dhammassa. So pana yasmā atthato hetuppabhavānaṃ hetu. Tenāha ‘‘etassa paccayadhammassā’’ti . Jātiādīnaṃ jarāmaraṇapaccayatāyāti attho. Nāmarūpaparicchedo tassa ca paccayapariggaho na paṭhamābhinivesamattena hoti, atha kho tattha aparāparaṃ ñāṇuppattisaññitena anu anu bujjhanena. Tadubhayabhāvaṃ pana dassento ‘‘ñātapariññāvasena ananubujjhanā’’ti āha. Niccasaññādīnaṃ pajahanavasena pavattamānā vipassanādhamme paṭivijjhati eva nāma hoti paṭipakkhavikkhambhanena tikkhavisadabhāvāpattito, tadadhiṭṭhānabhūtā ca tīraṇapariññā ariyamaggo ca pariññāpahānābhisamayavasena pavattiyā tīraṇappahānapariññāsaṅgaho cāti tadubhayapaṭivedhābhāvaṃ dassento ‘‘tīraṇappahānapariññāvasena appaṭivijjhanā’’ti āha. Tantaṃ vuccati paṭavīnanatthaṃ tantavāyeti tantaṃ āvañchitvā pasāritasuttavaṭṭitaṃ nīyatīti katvā, taṃ pana tantākulatāya nidassanabhāvena ākulameva gahitanti āha ‘‘tantaṃ viya ākulajātā’’ti. Saṅkhepato vuttamatthaṃ vitthārato dassento ‘‘yathā nāmā’’tiādi vuttaṃ. Samānetunti pubbenāparaṃ samaṃ katvā ānetuṃ, avisamaṃ ujuṃ kātunti attho. Tantameva vā ākulaṃ tantākulaṃ, tantākulaṃ viya jātā bhūtā tantākulakajātā. Majjhimaṃ paṭipadaṃ anupagantvā antadvayapakkhandena paccayākāre khalitvā ākulabyākulā honti, teneva antadvayapakkhandena taṃtaṃdiṭṭhiggāhavasena paribbhamantā ujukaṃ dhammaṭṭhititantaṃ paṭivijjhituṃ na jānanti. Tenāha ‘‘na sakkonti paccayākāraṃ ujuṃ kātu’’nti. Dve bodhisatteti paccekabodhisattamahābodhisatte. Attano dhammatāyāti attano sabhāvena, paropadesena vināti attho. Tattha tattha guḷakajātanti tasmiṃ tasmiṃ ṭhāne jātaguḷakaṃ piṇḍisuttaṃ. Tato eva gaṇṭhibaddhanti vuttaṃ. Paccayesu pakkhalitvāti aniccadukkhānattādisabhāvesu paccayadhammesu niccādibhāvavasena pakkhalitvā. Paccaye ujuṃ kātuṃ asakkontoti tasseva niccādigāhassa avissajjanato paccayadhammanimittaṃ attano dassanaṃ ujuṃ kātuṃ asakkonto idaṃsaccābhinivesakāyaganthavasena gaṇṭhikajātā hontīti āha ‘‘dvāsaṭṭhi…pe… gaṇṭhibaddhā’’ti.

    เย หิ เกจิ สมณา วา พฺราหฺมณา วา สสฺสตทิฎฺฐิอาทิ ทิฎฺฐิโย นิสฺสิตา อลฺลีนา, วินนโต กุลาติ อิตฺถิลิงฺควเสน ลทฺธนามสฺส ตนฺตวายสฺส คณฺฐิกํ นาม อากุลภาเวน อคฺคโต วา มูลโต วา ทุวิเญฺญยฺยาวยวํ ขลิตพนฺธสุตฺตนฺติ อาห ‘‘กุลาคณฺฐิกํ วุจฺจติ เปสการกญฺชิยสุตฺต’’นฺติฯ สกุณิกาติ วฎฺฎจาฎกสกุณิกาฯ สา หิ รุกฺขสาขาสุ โอลมฺพนกุลาวกา โหติฯ ตญฺหิ สา กุลาวกํ ตโต ตโต ติณหีราทิเก อาเนตฺวา ตถา ตถา วินนฺธติ, ยถา เตสํ เปสการกญฺชิยสุตฺตํ วิย อเคฺคน วา อคฺคํ, มูเลน วา มูลํ สมาเนตุํ วิเวเจตุํ วา น สกฺกาฯ เตนาห ‘‘ยถา’’ติอาทิฯ ตทุภยมฺปีติ กุลาคณฺฐิกนฺติ วุตฺตํ กญฺชิยสุตฺตํ กุลาวกญฺจฯ ปุริมนเยเนวาติ ‘‘เอวเมว สตฺตา’’ติอาทินา ปุเพฺพ วุตฺตนเยเนวฯ

    Ye hi keci samaṇā vā brāhmaṇā vā sassatadiṭṭhiādi diṭṭhiyo nissitā allīnā, vinanato kulāti itthiliṅgavasena laddhanāmassa tantavāyassa gaṇṭhikaṃ nāma ākulabhāvena aggato vā mūlato vā duviññeyyāvayavaṃ khalitabandhasuttanti āha ‘‘kulāgaṇṭhikaṃ vuccati pesakārakañjiyasutta’’nti. Sakuṇikāti vaṭṭacāṭakasakuṇikā. Sā hi rukkhasākhāsu olambanakulāvakā hoti. Tañhi sā kulāvakaṃ tato tato tiṇahīrādike ānetvā tathā tathā vinandhati, yathā tesaṃ pesakārakañjiyasuttaṃ viya aggena vā aggaṃ, mūlena vā mūlaṃ samānetuṃ vivecetuṃ vā na sakkā. Tenāha ‘‘yathā’’tiādi. Tadubhayampīti kulāgaṇṭhikanti vuttaṃ kañjiyasuttaṃ kulāvakañca. Purimanayenevāti ‘‘evameva sattā’’tiādinā pubbe vuttanayeneva.

    กามํ มุญฺชปพฺพชติณานิ ยถาชาตานิปิ ทีฆภาเวน ปติตฺวา อรญฺญฎฺฐาเน อญฺญมญฺญํ วินนฺธิตฺวา อากุลานิ หุตฺวา ติฎฺฐนฺติ, ตานิ ปน ตถา ทุพฺพิเวจิยานิ ยถา รชฺชุภูตานีติ ทเสฺสตุํ ‘‘ยถา หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ เสสเมตฺถ เหฎฺฐา วุตฺตนยเมวฯ

    Kāmaṃ muñjapabbajatiṇāni yathājātānipi dīghabhāvena patitvā araññaṭṭhāne aññamaññaṃ vinandhitvā ākulāni hutvā tiṭṭhanti, tāni pana tathā dubbiveciyāni yathā rajjubhūtānīti dassetuṃ ‘‘yathā hī’’tiādi vuttaṃ. Sesamettha heṭṭhā vuttanayameva.

    อปาโยติ อเยน สุเขน, สุขเหตุนา วา วิรหิโตฯ ทุกฺขสฺส คติภาวโตติ อปายิกสฺส ทุกฺขสฺส ปวตฺติฎฺฐานภาวโตฯ สุขสมุสฺสยโตติ ‘‘อพฺภุทยโต วินิปติตตฺตา’’ติ วิรูปํ นิปติตตฺตา ยถา เตนตฺตภาเวน สุขสมุสฺสโย น โหติ, เอวํ นิปติตตฺตาฯ อิตโรติ สํสาโร นนุ ‘‘อปาย’’นฺติอาทินา วุโตฺตปิ สํสาโร เอวาติ? สจฺจเมตํ, นิรยาทีนํ ปน อธิมตฺตทุกฺขภาวทสฺสนตฺถํ อปายาทิคฺคหณํ โคพลิพทฺทญาเยน อยมโตฺถ เวทิตโพฺพฯ ขนฺธานญฺจ ปฎิปาฎีติ ปญฺจนฺนํ ขนฺธานํ เหตุผลภาเวน อปราปรุปฺปตฺติฯ อโพฺภจฺฉินฺนํ วตฺตมานาติ อวิเจฺฉเทน ปวตฺตมานาฯ

    Apāyoti ayena sukhena, sukhahetunā vā virahito. Dukkhassa gatibhāvatoti apāyikassa dukkhassa pavattiṭṭhānabhāvato. Sukhasamussayatoti ‘‘abbhudayato vinipatitattā’’ti virūpaṃ nipatitattā yathā tenattabhāvena sukhasamussayo na hoti, evaṃ nipatitattā. Itaroti saṃsāro nanu ‘‘apāya’’ntiādinā vuttopi saṃsāro evāti? Saccametaṃ, nirayādīnaṃ pana adhimattadukkhabhāvadassanatthaṃ apāyādiggahaṇaṃ gobalibaddañāyena ayamattho veditabbo. Khandhānañca paṭipāṭīti pañcannaṃ khandhānaṃ hetuphalabhāvena aparāparuppatti. Abbhocchinnaṃ vattamānāti avicchedena pavattamānā.

    ตํ สพฺพมฺปีติ ตํ ‘‘อปาย’’นฺติอาทินา วุตฺตํ สพฺพํ อปายทุกฺขเญฺจว วฎฺฎทุกฺขญฺจฯ มหาสมุเทฺท วาตกฺขิตฺตา นาวา วิยาติ อิทํ ปริพฺภมนฎฺฐานสฺส มหนฺตภาวทสฺสนตฺถเญฺจว ปริพฺภมนสฺส อนวตฺติตทสฺสนตฺถญฺจ เวทิตพฺพํฯ เสสํ วุตฺตนยเมวฯ

    Taṃ sabbampīti taṃ ‘‘apāya’’ntiādinā vuttaṃ sabbaṃ apāyadukkhañceva vaṭṭadukkhañca. Mahāsamudde vātakkhittā nāvā viyāti idaṃ paribbhamanaṭṭhānassa mahantabhāvadassanatthañceva paribbhamanassa anavattitadassanatthañca veditabbaṃ. Sesaṃ vuttanayameva.

    นิทานสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Nidānasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.

    ทุกฺขวคฺควณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Dukkhavaggavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๑๐. นิทานสุตฺตํ • 10. Nidānasuttaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๑๐. นิทานสุตฺตวณฺณนา • 10. Nidānasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact