Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เนตฺติวิภาวินี • Nettivibhāvinī |
๓. นิเทฺทสวารอตฺถวิภาวนา
3. Niddesavāraatthavibhāvanā
โสฬสหารนิเทฺทสวิภาวนา
Soḷasahāraniddesavibhāvanā
๔. หาราทีสุ สมุทายสฺส เนตฺติปฺปกรณสฺส อุเทฺทโส อุทฺทิโฎฺฐ, อเมฺหหิ จ ญาโต, ‘‘กตโม นิเทฺทโส’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา อุทฺทิเฎฺฐ หาราทโย นิทฺทิสิตุํ ‘‘ตตฺถ สเงฺขปโต เนตฺตี’’ติอาทิ อารทฺธํฯ อฎฺฐกถายํ ปน ‘‘เอวํ อุทฺทิเฎฺฐ หาราทโย นิทฺทิสิตุํ ‘ตตฺถ สเงฺขปโต’ติอาทิ อารทฺธ’’นฺติ (เนตฺติ. อฎฺฐ. ๔) วุตฺตํฯ ตตฺถ ตตฺถาติ ตสฺมิํ ‘‘ตตฺถ กตเม โสฬส หารา? เทสนา วิจโย’’ติอาทิอุเทฺทสปาเฐฯ สเงฺขปโตติ สมาสโตฯ เนตฺตีติ เนตฺติปฺปกรณํฯ กิตฺติตาติ กถิตา, อิทานิ นิเทฺทสโต กเถสฺสามีติ วุตฺตํ โหติฯ
4. Hārādīsu samudāyassa nettippakaraṇassa uddeso uddiṭṭho, amhehi ca ñāto, ‘‘katamo niddeso’’ti pucchitabbattā uddiṭṭhe hārādayo niddisituṃ ‘‘tattha saṅkhepato nettī’’tiādi āraddhaṃ. Aṭṭhakathāyaṃ pana ‘‘evaṃ uddiṭṭhe hārādayo niddisituṃ ‘tattha saṅkhepato’tiādi āraddha’’nti (netti. aṭṭha. 4) vuttaṃ. Tattha tatthāti tasmiṃ ‘‘tattha katame soḷasa hārā? Desanā vicayo’’tiādiuddesapāṭhe. Saṅkhepatoti samāsato. Nettīti nettippakaraṇaṃ. Kittitāti kathitā, idāni niddesato kathessāmīti vuttaṃ hoti.
๑.
1.
‘‘อสฺสาทาทีนวตา, นิสฺสรณมฺปิ จ ผลํ อุปาโย จฯ
‘‘Assādādīnavatā, nissaraṇampi ca phalaṃ upāyo ca.
อาณตฺตี จ ภควโต, โยคีนํ เทสนาหาโร’’ติฯ –
Āṇattī ca bhagavato, yogīnaṃ desanāhāro’’ti. –
คาถายํ เยน สํวณฺณนาวิเสเสน สุเตฺต อาคตา อสฺสาโทปิ อาทีนวตา อาทีนโวปิ นิสฺสรณมฺปิ ผลมฺปิ อุปาโยปิ โยคีนํ อตฺถาย ภควโต อาณตฺติปิ อิเม ธมฺมา ทสฺสิตา สํวณฺณิตา สํวณฺณนาวเสน ญาปิตา, โส สํวณฺณนาวิเสโส เทสนาหาโร นามาติ อตฺถโยชนาฯ
Gāthāyaṃ yena saṃvaṇṇanāvisesena sutte āgatā assādopi ādīnavatā ādīnavopi nissaraṇampi phalampi upāyopi yogīnaṃ atthāya bhagavato āṇattipi ime dhammā dassitā saṃvaṇṇitā saṃvaṇṇanāvasena ñāpitā, so saṃvaṇṇanāviseso desanāhāro nāmāti atthayojanā.
วจนตฺถาทโย อฎฺฐกถายํ วิตฺถารโต วุตฺตาว, ตสฺมา กิญฺจิมตฺตเมว กเถสฺสามิฯ อสฺสาทียเตติ อสฺสาโท, โก โส? สุขํ, โสมนสฺสํ, อิฎฺฐารมฺมณภูตา ปญฺจุปาทานกฺขนฺธา จฯ อสฺสาเทติ เอตายาติ วา อสฺสาโท, โก โส? ตณฺหา, วิปลฺลาสา จฯ วิปลฺลาสวเสน หิ เอกเจฺจ สตฺตา อนิฎฺฐมฺปิ อารมฺมณํ อิฎฺฐากาเรน อสฺสาเทนฺติฯ
Vacanatthādayo aṭṭhakathāyaṃ vitthārato vuttāva, tasmā kiñcimattameva kathessāmi. Assādīyateti assādo, ko so? Sukhaṃ, somanassaṃ, iṭṭhārammaṇabhūtā pañcupādānakkhandhā ca. Assādeti etāyāti vā assādo, ko so? Taṇhā, vipallāsā ca. Vipallāsavasena hi ekacce sattā aniṭṭhampi ārammaṇaṃ iṭṭhākārena assādenti.
อาภุสํ กเมฺมน ทีนํ ทุกฺขาทิ หุตฺวา วาติ ปวตฺตตีติ อาทีนโว, ทุกฺขาทิฯ อถ วา อติวิย อาทีนํ กปณํ หุตฺวา วาติ ปวตฺตตีติ อาทีนโว, กปณมนุโสฺส, ตถาภาวา จ เตภูมกา ธมฺมา อนิจฺจตาทิโยคโตฯ
Ābhusaṃ kammena dīnaṃ dukkhādi hutvā vāti pavattatīti ādīnavo, dukkhādi. Atha vā ativiya ādīnaṃ kapaṇaṃ hutvā vāti pavattatīti ādīnavo, kapaṇamanusso, tathābhāvā ca tebhūmakā dhammā aniccatādiyogato.
นิสฺสรติ เอเตนาติ นิสฺสรณํ, อริยมโคฺคฯ นิสฺสรตีติ วา นิสฺสรณํ, นิพฺพานํฯ ปิ-สโทฺท สมฺปิณฺฑนโตฺถฯ นิสฺสรณเภโท อฎฺฐกถายํ (เนตฺติ. อฎฺฐ. ๔ หารสเงฺขป) พหุธา วุโตฺตวฯ
Nissarati etenāti nissaraṇaṃ, ariyamaggo. Nissaratīti vā nissaraṇaṃ, nibbānaṃ. Pi-saddo sampiṇḍanattho. Nissaraṇabhedo aṭṭhakathāyaṃ (netti. aṭṭha. 4 hārasaṅkhepa) bahudhā vuttova.
ผลติ ปวตฺตตีติ ผลํ, เทสนาย ผลํฯ ยทิปิ เทสนา ผลนิปฺผาทิกา น โหติ, ตถาปิ ภควโต ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ปุญฺญสมฺภารา สมฺภวนฺติ, ปุญฺญสมฺภารเหตุโต ผลํ ปวตฺตํ, ตสฺมา เทสนาย ผลํ นามาติฯ กตมํ ตํ? เทวมนุเสฺสสุ อายุวณฺณสุขพลยสปริวารอธิปเตยฺยอุปธิสมฺปตฺติจกฺกวตฺติสิริเทวรชฺช- สิริจตุสมฺปตฺติจกฺกสีลสมาธิสมฺปทา วิชฺชาภิญฺญา ปฎิสมฺภิทา สาวกโพธิปเจฺจกโพธิสมฺมาสโมฺพธิโยฯ
Phalati pavattatīti phalaṃ, desanāya phalaṃ. Yadipi desanā phalanipphādikā na hoti, tathāpi bhagavato dhammadesanaṃ sutvā puññasambhārā sambhavanti, puññasambhārahetuto phalaṃ pavattaṃ, tasmā desanāya phalaṃ nāmāti. Katamaṃ taṃ? Devamanussesu āyuvaṇṇasukhabalayasaparivāraadhipateyyaupadhisampatticakkavattisiridevarajja- siricatusampatticakkasīlasamādhisampadā vijjābhiññā paṭisambhidā sāvakabodhipaccekabodhisammāsambodhiyo.
ปจฺจยสามคฺคิํ อุปคนฺตฺวา อยติ ปวตฺตติ ผลํ เอเตนาติ อุปาโย, โก โส? อริยมคฺคสฺส ปุพฺพภาคปฎิปทาฯ ปุริมา ปฎิปทา หิ ปจฺฉิมาย ปฎิปทาย อธิคมูปาโย, ปรมฺปราย มคฺคนิพฺพานาธิคมสฺส จ อุปาโยฯ เกจิ ‘‘มโคฺคปิ อุปาโย’’ติ วทนฺติ, เตสํ มเตน นิพฺพานเมว นิสฺสรณนฺติ วุตฺตํ สิยาฯ ‘‘เต ปหาย ตเร โอฆนฺติ อิทํ นิสฺสรณ’’นฺติ (เนตฺติ. ๕) ปน อริยมคฺคสฺส นิสฺสรณภาวํ วกฺขติ, ตสฺมา เกสญฺจิ วาโท น คเหตโพฺพฯ
Paccayasāmaggiṃ upagantvā ayati pavattati phalaṃ etenāti upāyo, ko so? Ariyamaggassa pubbabhāgapaṭipadā. Purimā paṭipadā hi pacchimāya paṭipadāya adhigamūpāyo, paramparāya magganibbānādhigamassa ca upāyo. Keci ‘‘maggopi upāyo’’ti vadanti, tesaṃ matena nibbānameva nissaraṇanti vuttaṃ siyā. ‘‘Te pahāya tare oghanti idaṃ nissaraṇa’’nti (netti. 5) pana ariyamaggassa nissaraṇabhāvaṃ vakkhati, tasmā kesañci vādo na gahetabbo.
อาณตฺตีติ อาณารหสฺส ภควโต เวเนยฺยานํ หิตสิทฺธิยา ‘‘เอวํ สมฺมาปฎิปตฺติํ ปฎิปชฺชาหิ, มิจฺฉาปฎิปตฺติํ มา ปฎิปชฺชาหี’’ติ วิธานํ อาณาฐปนํ อาณตฺติ นามฯ
Āṇattīti āṇārahassa bhagavato veneyyānaṃ hitasiddhiyā ‘‘evaṃ sammāpaṭipattiṃ paṭipajjāhi, micchāpaṭipattiṃ mā paṭipajjāhī’’ti vidhānaṃ āṇāṭhapanaṃ āṇatti nāma.
ยุชฺชนฺติ ปยุชฺชนฺติ จตุสจฺจกมฺมฎฺฐานภาวนาสูติ โยคิโน, เวเนยฺยา, เตสํ โยคีนํ อตฺถายาติ วจนเสสํ นีหริตฺวา โยชนา กาตพฺพาฯ สุเตฺต อาคตานํ สเพฺพสํ อสฺสาทาทีนํ เอกเทสาคตานมฺปิ นีหริตฺวา สเพฺพสํ วิภชนสํวณฺณนาวิเสโส เทสนาหาโรติ นิเทฺทสโต คเหตโพฺพ, โส จ วิภชนากาโร เทสนาหารวิภเงฺค (เนตฺติ. ๕) อาคมิสฺสตีติ อิธ น ทสฺสิโตติฯ
Yujjanti payujjanti catusaccakammaṭṭhānabhāvanāsūti yogino, veneyyā, tesaṃ yogīnaṃ atthāyāti vacanasesaṃ nīharitvā yojanā kātabbā. Sutte āgatānaṃ sabbesaṃ assādādīnaṃ ekadesāgatānampi nīharitvā sabbesaṃ vibhajanasaṃvaṇṇanāviseso desanāhāroti niddesato gahetabbo, so ca vibhajanākāro desanāhāravibhaṅge (netti. 5) āgamissatīti idha na dassitoti.
เทสนาหารนิเทฺทโส นิทฺทิโฎฺฐ, อเมฺหหิ จ ญาโต, ‘‘กตโม วิจยหารนิเทฺทโส’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา –
Desanāhāraniddeso niddiṭṭho, amhehi ca ñāto, ‘‘katamo vicayahāraniddeso’’ti pucchitabbattā –
๒.
2.
‘‘ยํ ปุจฺฉิตญฺจ วิสฺสชฺชิตญฺจ, สุตฺตสฺส ยา จ อนุคีติฯ
‘‘Yaṃ pucchitañca vissajjitañca, suttassa yā ca anugīti.
สุตฺตสฺส โย ปวิจโย, หาโร วิจโยติ นิทฺทิโฎฺฐ’’ติฯ –
Suttassa yo pavicayo, hāro vicayoti niddiṭṭho’’ti. –
คาถา วุตฺตาฯ ตตฺถ สุตฺตสฺส ยํ ปุจฺฉิตญฺจ ยา ปุจฺฉา วิจยมานา จ สุตฺตสฺส ยํ วิสฺสชฺชิตญฺจ ยา วิสฺสชฺชนา วิจยมานา จ สุตฺตสฺส โย ปทาทิวิจโย, อสฺสาทาทิวิจโย จ อตฺถิ, เต วุตฺตปฺปการา วิจยมานา ปุจฺฉาทโย เยน สํวณฺณนาวิเสเสน วิจิยนฺติ, โส สํวณฺณนาวิเสโส วิจโย หาโรติ นิทฺทิโฎฺฐติ อตฺถโยชนา กาตพฺพาฯ
Gāthā vuttā. Tattha suttassa yaṃ pucchitañca yā pucchā vicayamānā ca suttassa yaṃ vissajjitañca yā vissajjanā vicayamānā ca suttassa yo padādivicayo, assādādivicayo ca atthi, te vuttappakārā vicayamānā pucchādayo yena saṃvaṇṇanāvisesena viciyanti, so saṃvaṇṇanāviseso vicayo hāroti niddiṭṭhoti atthayojanā kātabbā.
ปุจฺฉียเต ปุจฺฉิตํฯ วิสฺสชฺชียเต วิสฺสชฺชิตนฺติ ภาวสาธนโตฺถ ทฎฺฐโพฺพ, น กมฺมสาธนโตฺถฯ เตน วุตฺตํ ฎีกายํ ‘‘ภาวเตฺถ โตติ อาห – ‘วิสฺสชฺชิตนฺติ วิสฺสชฺชนา’’’ติฯ
Pucchīyate pucchitaṃ. Vissajjīyate vissajjitanti bhāvasādhanattho daṭṭhabbo, na kammasādhanattho. Tena vuttaṃ ṭīkāyaṃ ‘‘bhāvatthe toti āha – ‘vissajjitanti vissajjanā’’’ti.
‘‘สุตฺตสฺสา’’ติ นิยมิตตฺตา สํวณฺณนาวเสน อฎฺฐกถายํ อาคตํ น คเหตพฺพนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ โส วิจโย หาโร อฎฺฐกถายํ (เนตฺติ. อฎฺฐ. ๔ หารสเงฺขป) วุโตฺตวฯ กถํ? –
‘‘Suttassā’’ti niyamitattā saṃvaṇṇanāvasena aṭṭhakathāyaṃ āgataṃ na gahetabbanti daṭṭhabbaṃ. So vicayo hāro aṭṭhakathāyaṃ (netti. aṭṭha. 4 hārasaṅkhepa) vuttova. Kathaṃ? –
‘‘อยํ ปุจฺฉา อทิฎฺฐโชตนา ทิฎฺฐสํสนฺทนา วิมติเจฺฉทนา อนุมติปุจฺฉา กเถตุกมฺยตาปุจฺฉา สตฺตาธิฎฺฐานา ธมฺมาธิฎฺฐานา เอกาธิฎฺฐานา อเนกาธิฎฺฐานา สมฺมุติวิสยา ปรมตฺถวิสยา อตีตวิสยา อนาคตวิสยา ปจฺจุปฺปนฺนวิสยา’’ติอาทินา ปุจฺฉาวิจโย เวทิตโพฺพฯ ‘‘อิทํ วิสฺสชฺชนํ เอกํสพฺยากรณํ วิภชฺชพฺยากรณํ ปฎิปุจฺฉาพฺยากรณํ ฐปนํ สาวเสสํ นิรวเสสํ สอุตฺตรํ นิรุตฺตรํ โลกิยํ โลกุตฺตร’’นฺติอาทินา วิสฺสชฺชนวิจโยฯ
‘‘Ayaṃ pucchā adiṭṭhajotanā diṭṭhasaṃsandanā vimaticchedanā anumatipucchā kathetukamyatāpucchā sattādhiṭṭhānā dhammādhiṭṭhānā ekādhiṭṭhānā anekādhiṭṭhānā sammutivisayā paramatthavisayā atītavisayā anāgatavisayā paccuppannavisayā’’tiādinā pucchāvicayo veditabbo. ‘‘Idaṃ vissajjanaṃ ekaṃsabyākaraṇaṃ vibhajjabyākaraṇaṃ paṭipucchābyākaraṇaṃ ṭhapanaṃ sāvasesaṃ niravasesaṃ sauttaraṃ niruttaraṃ lokiyaṃ lokuttara’’ntiādinā vissajjanavicayo.
‘‘อยํ ปุจฺฉา อิมินา สเมติ, เอเตน น สเมตี’’ติ ปุจฺฉิตตฺถํ อาเนตฺวา, วิจโย ปุเพฺพนาปรํ สํสนฺทิตฺวา จ วิจโย ปุพฺพาปรวิจโยฯ ‘‘อยํ อนุคีติ วุตฺตตฺถสงฺคหา อวุตฺตตฺถสงฺคหา ตทุภยตฺถสงฺคหา กุสลตฺถสงฺคหา อกุสลตฺถสงฺคหา’’ติอาทินา อนุคีติวิจโยฯ อสฺสาทาทีสุ สุขเวทนาย ‘‘อิฎฺฐารมฺมณานุภวนลกฺขณา’’ติอาทินา, ตณฺหาย ‘‘อารมฺมณคฺคหณลกฺขณา’’ติอาทินา, วิปลฺลาสานํ ‘‘วิปรีตคฺคหณลกฺขณา’’ติอาทินา, อวสิฎฺฐานํ เตภูมกธมฺมานํ ‘‘ยถาสกลกฺขณา’’ติอาทินา สเพฺพสญฺจ ทฺวาวีสติยา ติเกสุ, ทฺวาจตฺตาลีสาธิเก จ ทุกสเต ลพฺภมานปทวเสน ตํตํอสฺสาทตฺถวิเสสนิทฺธารณํ อสฺสาทวิจโยฯ
‘‘Ayaṃ pucchā iminā sameti, etena na sametī’’ti pucchitatthaṃ ānetvā, vicayo pubbenāparaṃ saṃsanditvā ca vicayo pubbāparavicayo. ‘‘Ayaṃ anugīti vuttatthasaṅgahā avuttatthasaṅgahā tadubhayatthasaṅgahā kusalatthasaṅgahā akusalatthasaṅgahā’’tiādinā anugītivicayo. Assādādīsu sukhavedanāya ‘‘iṭṭhārammaṇānubhavanalakkhaṇā’’tiādinā, taṇhāya ‘‘ārammaṇaggahaṇalakkhaṇā’’tiādinā, vipallāsānaṃ ‘‘viparītaggahaṇalakkhaṇā’’tiādinā, avasiṭṭhānaṃ tebhūmakadhammānaṃ ‘‘yathāsakalakkhaṇā’’tiādinā sabbesañca dvāvīsatiyā tikesu, dvācattālīsādhike ca dukasate labbhamānapadavasena taṃtaṃassādatthavisesaniddhāraṇaṃ assādavicayo.
ทุกฺขเวทนาย ‘‘อนิฎฺฐานุภวนลกฺขณา’’ติอาทินา, ทุกฺขสจฺจานํ ‘‘ปฎิสนฺธิลกฺขณา’’ติอาทินา, อนิจฺจตาทีนํ อาทิอนฺตวนฺตตาย อนิจฺจนฺติกตาย จ ‘‘อนิจฺจา’’ติอาทินา สเพฺพสญฺจ โลกิยธมฺมานํ สํกิเลสภาคิยหานภาคิยตาทิวเสน อาทีนววุตฺติยา โอการนิทฺธารเณน อาทีนววิจโยฯ นิสฺสรณปเท อริยมคฺคสฺส อาคมนโต กายานุปสฺสนาทิปุพฺพภาคปฎิปทาวิภาควิเสสนิทฺธารณวเสน, นิพฺพานสฺส ยถาวุตฺตปริยายวิภาควิเสสนิทฺธารณวเสนาติ เอวํ นิสฺสรณวิจโยฯ ผลาทีนํ ตํตํสุตฺตเทสนาย สาเธตพฺพผลสฺส ตทุปายสฺส ตตฺถ ตตฺถ สุตฺตวิธิวจนสฺส จ วิภาคนิทฺธารณวเสน วิจโย เวทิตโพฺพฯ เอวํ ปทปุจฺฉาวิสฺสชฺชนปุจฺฉาปุพฺพาปรานุคีตีนํ, อสฺสาทาทีนญฺจ วิเสสนิทฺธารณวเสเนว วิจยลกฺขโณ ‘‘วิจโย หาโร’’ติ เวทิตโพฺพติ –
Dukkhavedanāya ‘‘aniṭṭhānubhavanalakkhaṇā’’tiādinā, dukkhasaccānaṃ ‘‘paṭisandhilakkhaṇā’’tiādinā, aniccatādīnaṃ ādiantavantatāya aniccantikatāya ca ‘‘aniccā’’tiādinā sabbesañca lokiyadhammānaṃ saṃkilesabhāgiyahānabhāgiyatādivasena ādīnavavuttiyā okāraniddhāraṇena ādīnavavicayo. Nissaraṇapade ariyamaggassa āgamanato kāyānupassanādipubbabhāgapaṭipadāvibhāgavisesaniddhāraṇavasena, nibbānassa yathāvuttapariyāyavibhāgavisesaniddhāraṇavasenāti evaṃ nissaraṇavicayo. Phalādīnaṃ taṃtaṃsuttadesanāya sādhetabbaphalassa tadupāyassa tattha tattha suttavidhivacanassa ca vibhāganiddhāraṇavasena vicayo veditabbo. Evaṃ padapucchāvissajjanapucchāpubbāparānugītīnaṃ, assādādīnañca visesaniddhāraṇavaseneva vicayalakkhaṇo ‘‘vicayo hāro’’ti veditabboti –
เอวํ วุโตฺตวฯ
Evaṃ vuttova.
วิสฺสชฺชนวิเสโส ปน ฎีกายํ วุโตฺตฯ กถํ? –
Vissajjanaviseso pana ṭīkāyaṃ vutto. Kathaṃ? –
‘‘จกฺขุ อนิจฺจ’’นฺติ ปุเฎฺฐ ‘‘อาม, จกฺขุ อนิจฺจเมวา’’ติ เอกนฺตโต วิสฺสชฺชนํ เอกํสพฺยากรณํ, ‘‘อญฺญินฺทฺริยํ ภาเวตพฺพํ, สจฺฉิกาตพฺพญฺจา’’ติ ปุเฎฺฐ ‘‘มคฺคปริยาปนฺนํ ภาเวตพฺพํ, ผลปริยาปนฺนํ สจฺฉิกาตพฺพ’’นฺติ วิภชิตฺวา วิสฺสชฺชนํ วิภชฺชพฺยากรณํ, ‘‘อญฺญินฺทฺริยํ กุสล’’นฺติ ปุเฎฺฐ ‘‘กิํ อนวชฺชโฎฺฐ กุสลโตฺถ, อุทาหุ สุขวิปากโฎฺฐ’’ติ ปฎิปุจฺฉิตฺวา วิสฺสชฺชนํ ปฎิปุจฺฉาพฺยากรณํ, ‘‘สสฺสโต อตฺตา, อสสฺสโต วา’’ติ วุเตฺต ‘‘อพฺยากตเมต’’นฺติอาทินา อวิสฺสชฺชนํ ฐปนํ, ‘‘กิํ ปเนเต ‘กุสลา’ติ วา ‘ธมฺมา’ติ วา เอกตฺถา, อุทาหุ นานตฺถา’’ติ อิทํ ปุจฺฉนํ สาวเสสํฯ วิสฺสชฺชนสฺส ปน สาวเสสโต เวเนยฺยชฺฌาสยวเสน เทสนายํ เวทิตพฺพาฯ อปาฎิหีรกํ สอุตฺตรํ สปฺปาฎิหีรกํ นิรุตฺตรํ, เสสํ วิจยหารนิเทฺทเส สุวิเญฺญยฺยเมวาติ –
‘‘Cakkhu anicca’’nti puṭṭhe ‘‘āma, cakkhu aniccamevā’’ti ekantato vissajjanaṃ ekaṃsabyākaraṇaṃ, ‘‘aññindriyaṃ bhāvetabbaṃ, sacchikātabbañcā’’ti puṭṭhe ‘‘maggapariyāpannaṃ bhāvetabbaṃ, phalapariyāpannaṃ sacchikātabba’’nti vibhajitvā vissajjanaṃ vibhajjabyākaraṇaṃ, ‘‘aññindriyaṃ kusala’’nti puṭṭhe ‘‘kiṃ anavajjaṭṭho kusalattho, udāhu sukhavipākaṭṭho’’ti paṭipucchitvā vissajjanaṃ paṭipucchābyākaraṇaṃ, ‘‘sassato attā, asassato vā’’ti vutte ‘‘abyākatameta’’ntiādinā avissajjanaṃ ṭhapanaṃ, ‘‘kiṃ panete ‘kusalā’ti vā ‘dhammā’ti vā ekatthā, udāhu nānatthā’’ti idaṃ pucchanaṃ sāvasesaṃ. Vissajjanassa pana sāvasesato veneyyajjhāsayavasena desanāyaṃ veditabbā. Apāṭihīrakaṃ sauttaraṃ sappāṭihīrakaṃ niruttaraṃ, sesaṃ vicayahāraniddese suviññeyyamevāti –
วุโตฺตวฯ สํวณฺณนาสุ วุโตฺต อโตฺถ อนากุโล ปากโฎ ยติโปเตหิ วิญฺญาโต, โส สพฺพตฺถ อเมฺหหิ น วิภโตฺตติ ทฎฺฐโพฺพฯ
Vuttova. Saṃvaṇṇanāsu vutto attho anākulo pākaṭo yatipotehi viññāto, so sabbattha amhehi na vibhattoti daṭṭhabbo.
วิจยหารนิเทฺทโส นิทฺทิโฎฺฐ, อเมฺหหิ จ ญาโต, ‘‘กตโม ยุตฺติหารนิเทฺทโส’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา –
Vicayahāraniddeso niddiṭṭho, amhehi ca ñāto, ‘‘katamo yuttihāraniddeso’’ti pucchitabbattā –
๓.
3.
‘‘สเพฺพสํ หารานํ, ยา ภูมี โย จ โคจโร เตสํฯ
‘‘Sabbesaṃ hārānaṃ, yā bhūmī yo ca gocaro tesaṃ.
ยุตฺตายุตฺตปริกฺขา, หาโร ยุตฺตีติ นิทฺทิโฎฺฐ’’ติฯ –
Yuttāyuttaparikkhā, hāro yuttīti niddiṭṭho’’ti. –
คาถา วุตฺตาฯ ตตฺถ สเพฺพสํ โสฬสนฺนํ หารานํ ยา ภูมิ ปวตฺตนฎฺฐานภูตํ พฺยญฺชนํ, โย โคจโร สุตฺตโตฺถ จ อตฺถิ, เตสํ ภูมิสงฺขาตพฺยญฺชนโคจรสงฺขาตสุตฺตตฺถานํ ยา ยุตฺตายุตฺตปริกฺขา ยุตฺตายุตฺตีนํ วิจารณา สํวณฺณนา กตา, โส ยุตฺติอยุตฺติปริกฺขาวิจารณสงฺขาโต สํวณฺณนาวิเสโส ‘‘ยุตฺติ หาโร’’ติ นิทฺทิโฎฺฐติ อตฺถโยชนาฯ
Gāthā vuttā. Tattha sabbesaṃ soḷasannaṃ hārānaṃ yā bhūmi pavattanaṭṭhānabhūtaṃ byañjanaṃ, yo gocaro suttattho ca atthi, tesaṃ bhūmisaṅkhātabyañjanagocarasaṅkhātasuttatthānaṃ yā yuttāyuttaparikkhā yuttāyuttīnaṃ vicāraṇā saṃvaṇṇanā katā, so yuttiayuttiparikkhāvicāraṇasaṅkhāto saṃvaṇṇanāviseso ‘‘yutti hāro’’ti niddiṭṭhoti atthayojanā.
เตสํ หารานํ ภูมิภูตสฺส สุเตฺต อาคตสฺส พฺยญฺชนสฺส ยุตฺติภาโว ทุวิโธ สภาวนิรุตฺติภาโว, อธิเปฺปตตฺถวาจกภาโว จฯ โคจรภูตสฺส ปน สุเตฺต อาคตสฺส ยุตฺติภาโว สุตฺตวินยธมฺมตาหิ อวิโลมนํฯ อยุตฺติภาโว วุตฺตวิปริยาเยน คเหตโพฺพฯ
Tesaṃ hārānaṃ bhūmibhūtassa sutte āgatassa byañjanassa yuttibhāvo duvidho sabhāvaniruttibhāvo, adhippetatthavācakabhāvo ca. Gocarabhūtassa pana sutte āgatassa yuttibhāvo suttavinayadhammatāhi avilomanaṃ. Ayuttibhāvo vuttavipariyāyena gahetabbo.
ยุตฺติหารนิเทฺทโส นิทฺทิโฎฺฐ, อเมฺหหิ จ ญาโต, ‘‘กตโม ปทฎฺฐานหารนิเทฺทโส’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา –
Yuttihāraniddeso niddiṭṭho, amhehi ca ñāto, ‘‘katamo padaṭṭhānahāraniddeso’’ti pucchitabbattā –
๔.
4.
‘‘ธมฺมํ เทเสติ ชิโน, ตสฺส จ ธมฺมสฺส ยํ ปทฎฺฐานํฯ
‘‘Dhammaṃ deseti jino, tassa ca dhammassa yaṃ padaṭṭhānaṃ.
อิติ ยาว สพฺพธมฺมา, เอโส หาโร ปทฎฺฐาโน’’ติฯ –
Iti yāva sabbadhammā, eso hāro padaṭṭhāno’’ti. –
คาถา วุตฺตาฯ ตตฺถ ธมฺมนฺติ ยํ กิญฺจิ กุสลาทิธมฺมํ สุเตฺต ชิโน เทเสติ, ตสฺส สุเตฺต ชิเนน เทสิตสฺส กุสลาทิธมฺมสฺส ยญฺจ ปทฎฺฐานํ นิทฺธาเรตพฺพํ, ตํ ตํ ปทฎฺฐานญฺจาติ เอวํ วุตฺตนเยน ยาว ยตฺตกา สเพฺพ ธมฺมา สุเตฺต ชิเนน เทสิตา, ตตฺตกานํ สเพฺพสํ ธมฺมานํ ยญฺจ ปทฎฺฐานํ นิทฺธาเรตพฺพํ, ตสฺส จ ปทฎฺฐานสฺส ยญฺจ ปทฎฺฐานํ นิทฺธาเรตพฺพํ, ตํ ตํ ปทฎฺฐานญฺจ, อิติ เอวํ วุตฺตนเยน ยาว ยตฺตกา สเพฺพ ปทฎฺฐานธมฺมา นิทฺธาเรตพฺพาว, ตตฺตกานิ สพฺพานิ ธมฺมปทฎฺฐานานิ ยถานุรูปํ นิทฺธาเรตฺวา เยน สํวณฺณนาวิเสเสน กถิตานิ, เอโส สํวณฺณนาวิเสโส ‘‘ปทฎฺฐาโน หาโร’’ติ นิทฺทิโฎฺฐติ อตฺถโยชนาฯ
Gāthā vuttā. Tattha dhammanti yaṃ kiñci kusalādidhammaṃ sutte jino deseti, tassa sutte jinena desitassa kusalādidhammassa yañca padaṭṭhānaṃ niddhāretabbaṃ, taṃ taṃ padaṭṭhānañcāti evaṃ vuttanayena yāva yattakā sabbe dhammā sutte jinena desitā, tattakānaṃ sabbesaṃ dhammānaṃ yañca padaṭṭhānaṃ niddhāretabbaṃ, tassa ca padaṭṭhānassa yañca padaṭṭhānaṃ niddhāretabbaṃ, taṃ taṃ padaṭṭhānañca, iti evaṃ vuttanayena yāva yattakā sabbe padaṭṭhānadhammā niddhāretabbāva, tattakāni sabbāni dhammapadaṭṭhānāni yathānurūpaṃ niddhāretvā yena saṃvaṇṇanāvisesena kathitāni, eso saṃvaṇṇanāviseso ‘‘padaṭṭhāno hāro’’ti niddiṭṭhoti atthayojanā.
สุเตฺต เทสิตกุสลธมฺมสฺส โยนิโสมนสิการสทฺธมฺมสฺสวนสปฺปุริสูปนิสฺสยาทิ ปทฎฺฐานํ, สุเตฺต เทสิตอกุสลธมฺมสฺส อโยนิโสมนสิการอสทฺธมฺมสฺสวนอสปฺปุริสูปนิสฺสยาทิ ปทฎฺฐานํ, อพฺยากตสฺส ธมฺมสฺส ยถารหํ กุสลากุสลาพฺยากตา ปทฎฺฐานนฺติอาทินา นิทฺธาเรตพฺพนฺติฯ
Sutte desitakusaladhammassa yonisomanasikārasaddhammassavanasappurisūpanissayādi padaṭṭhānaṃ, sutte desitaakusaladhammassa ayonisomanasikāraasaddhammassavanaasappurisūpanissayādi padaṭṭhānaṃ, abyākatassa dhammassa yathārahaṃ kusalākusalābyākatā padaṭṭhānantiādinā niddhāretabbanti.
ปทฎฺฐานหารนิเทฺทโส นิทฺทิโฎฺฐ, อเมฺหหิ จ ญาโต, ‘‘กตโม ลกฺขณหารนิเทฺทโส’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา –
Padaṭṭhānahāraniddeso niddiṭṭho, amhehi ca ñāto, ‘‘katamo lakkhaṇahāraniddeso’’ti pucchitabbattā –
๕.
5.
‘‘วุตฺตมฺหิ เอกธเมฺม, เย ธมฺมา เอกลกฺขณา เกจิฯ
‘‘Vuttamhi ekadhamme, ye dhammā ekalakkhaṇā keci.
วุตฺตา ภวนฺติ สเพฺพ, โส หาโร ลกฺขโณ นามา’’ติฯ –
Vuttā bhavanti sabbe, so hāro lakkhaṇo nāmā’’ti. –
คาถา วุตฺตาฯ ตตฺถ เอกธเมฺม สุเตฺต ภควตา วุตฺตมฺหิ, อฎฺฐกถายํ นิทฺธาริเต วา สติ เตน ธเมฺมน เย เกจิ ธมฺมา เอกลกฺขณา ภวนฺติ, สเพฺพ เต ธมฺมา สุเตฺต สรูปโต อวุตฺตาปิ สมานลกฺขณตาย สํวเณฺณตพฺพภาเวน อาเนตฺวา เยน สํวณฺณนาวิเสเสน วุตฺตา ภวนฺติ, โส สํวณฺณนาวิเสโส ‘‘ลกฺขโณ นาม หาโร’’ติ นิทฺทิโฎฺฐติ อตฺถโยชนาฯ
Gāthā vuttā. Tattha ekadhamme sutte bhagavatā vuttamhi, aṭṭhakathāyaṃ niddhārite vā sati tena dhammena ye keci dhammā ekalakkhaṇā bhavanti, sabbe te dhammā sutte sarūpato avuttāpi samānalakkhaṇatāya saṃvaṇṇetabbabhāvena ānetvā yena saṃvaṇṇanāvisesena vuttā bhavanti, so saṃvaṇṇanāviseso ‘‘lakkhaṇo nāma hāro’’ti niddiṭṭhoti atthayojanā.
เอกํ สมานํ ลกฺขณํ เอเตสนฺติ เอกลกฺขณา, สมานลกฺขณา, สหจาริตาย วา สมานกิจฺจตาย วา สมานเหตุตาย วา สมานผลตาย วา สมานารมฺมณตาย วา อวุตฺตาปิ นิทฺธาริตาติฯ กถํ ? – ‘‘นานตฺตกายานานตฺตสญฺญิโน (ที. นิ. ๓.๓๔๑, ๓๕๗, ๓๕๙; อ. นิ. ๙.๒๔), นานตฺตสญฺญานํ อมนสิการา’’ติอาทีสุ สหจาริตาย สญฺญาย สหคตา ธมฺมา นิทฺธาริตาฯ ‘‘ททํ มิตฺตานิ คนฺถตี’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๒๔๖; สุ. นิ. ๑๘๙) สมานกิจฺจตา, ปิยวจนอตฺถจริยา สมานตฺถตาปิ นิทฺธาริตา, ‘‘ผสฺสปจฺจยา เวทนา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๑๒๖; สํ. นิ. ๒.๑; มหาว. ๑; วิภ. ๒๒๕; อุทา. ๑; เนตฺติ. ๒๔) สมานเหตุตาย สญฺญาทโยปิ นิทฺธาริตา, ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๑๒๖; สํ. นิ. ๒.๑; มหาว. ๑; วิภ. ๒๒๕; อุทา. ๑; เนตฺติ. ๒๔) สมานผลตาย ตณฺหุปาทานาทโยปิ นิทฺธาริตา, ‘‘รูปํ อสฺสาเทติ อภินนฺทติ, ตํ อารพฺภ ราโค อุปฺปชฺชตี’’ติอาทีสุ (ปฎฺฐา. ๑.๑.๔๒๔) สมานารมฺมณตาย ตํสมฺปยุตฺตา เวทนาทโยปิ นิทฺธาริตา, นิทฺธาเรตฺวา วตฺตพฺพาติ อโตฺถติฯ วิตฺถาโร วิภงฺควาเร (เนตฺติ. ๒๓) อาคมิสฺสติฯ
Ekaṃ samānaṃ lakkhaṇaṃ etesanti ekalakkhaṇā, samānalakkhaṇā, sahacāritāya vā samānakiccatāya vā samānahetutāya vā samānaphalatāya vā samānārammaṇatāya vā avuttāpi niddhāritāti. Kathaṃ ? – ‘‘Nānattakāyānānattasaññino (dī. ni. 3.341, 357, 359; a. ni. 9.24), nānattasaññānaṃ amanasikārā’’tiādīsu sahacāritāya saññāya sahagatā dhammā niddhāritā. ‘‘Dadaṃ mittāni ganthatī’’tiādīsu (saṃ. ni. 1.246; su. ni. 189) samānakiccatā, piyavacanaatthacariyā samānatthatāpi niddhāritā, ‘‘phassapaccayā vedanā’’tiādīsu (ma. ni. 3.126; saṃ. ni. 2.1; mahāva. 1; vibha. 225; udā. 1; netti. 24) samānahetutāya saññādayopi niddhāritā, ‘‘avijjāpaccayā saṅkhārā’’tiādīsu (ma. ni. 3.126; saṃ. ni. 2.1; mahāva. 1; vibha. 225; udā. 1; netti. 24) samānaphalatāya taṇhupādānādayopi niddhāritā, ‘‘rūpaṃ assādeti abhinandati, taṃ ārabbha rāgo uppajjatī’’tiādīsu (paṭṭhā. 1.1.424) samānārammaṇatāya taṃsampayuttā vedanādayopi niddhāritā, niddhāretvā vattabbāti atthoti. Vitthāro vibhaṅgavāre (netti. 23) āgamissati.
ลกฺขโณ หาโร นิทฺทิโฎฺฐ, อเมฺหหิ จ ญาโต, ‘‘กตโม จตุพฺยูโห หาโร’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา –
Lakkhaṇo hāro niddiṭṭho, amhehi ca ñāto, ‘‘katamo catubyūho hāro’’ti pucchitabbattā –
๖.
6.
‘‘เนรุตฺตมธิปฺปาโย , พฺยญฺชนมถ เทสนานิทานญฺจ;
‘‘Neruttamadhippāyo , byañjanamatha desanānidānañca;
ปุพฺพาปรานุสนฺธี, เอโส หาโร จตุพฺยูโห’’ติฯ –
Pubbāparānusandhī, eso hāro catubyūho’’ti. –
คาถา วุตฺตาฯ ตตฺถ เนรุตฺตํ สุตฺตปทนิพฺพจนญฺจ พุทฺธานํ ตสฺส ตสฺส สุตฺตสฺส เทสกานํ, สาวกานํ วา อธิปฺปาโย จ อตฺถพฺยญฺชเนน พฺยญฺชนมุเขน เทสนานิทานญฺจ ปุพฺพาปเรน อนุสนฺธิ จ เอเต นิรุตฺตาทโย เยน สํวณฺณนาวิเสเสน วิภาวียนฺติ, เอโส สํวณฺณนาวิเสโส ‘‘จตุพฺยูโห หาโร’’ติ นิทฺทิโฎฺฐฯ เทสนาปวตฺตินิมิตฺตํ เทสกสฺส อชฺฌาสยาทิ เทสนานิทานํ นามฯ จตุพฺยูหหารสฺส พหุวิสยตฺตา วิภเงฺค (เนตฺติ. ๒๕ อาทโย) ลกฺขณสมฺปตฺติํ กตฺวา กถยิสฺสามฯ
Gāthā vuttā. Tattha neruttaṃ suttapadanibbacanañca buddhānaṃ tassa tassa suttassa desakānaṃ, sāvakānaṃ vā adhippāyo ca atthabyañjanena byañjanamukhena desanānidānañca pubbāparena anusandhi ca ete niruttādayo yena saṃvaṇṇanāvisesena vibhāvīyanti, eso saṃvaṇṇanāviseso ‘‘catubyūho hāro’’ti niddiṭṭho. Desanāpavattinimittaṃ desakassa ajjhāsayādi desanānidānaṃ nāma. Catubyūhahārassa bahuvisayattā vibhaṅge (netti. 25 ādayo) lakkhaṇasampattiṃ katvā kathayissāma.
จตุพฺยูหหารนิเทฺทโส นิทฺทิโฎฺฐ, อเมฺหหิ จ ญาโต, ‘‘กตโม อาวฎฺฎหารนิเทฺทโส’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา –
Catubyūhahāraniddeso niddiṭṭho, amhehi ca ñāto, ‘‘katamo āvaṭṭahāraniddeso’’ti pucchitabbattā –
๗.
7.
‘‘เอกมฺหิ ปทฎฺฐาเน, ปริเยสติ เสสกํ ปทฎฺฐานํ;
‘‘Ekamhi padaṭṭhāne, pariyesati sesakaṃ padaṭṭhānaṃ;
อาวฎฺฎติ ปฎิปเกฺข, อาวโฎฺฎ นาม โส หาโร’’ติฯ –
Āvaṭṭati paṭipakkhe, āvaṭṭo nāma so hāro’’ti. –
คาถา วุตฺตาฯ ตตฺถ ปรกฺกมธาตุอาทีนํ ปทฎฺฐาเน เอกมฺหิ อารมฺภธาตุอาทิเก เทสนารุเฬฺห สติ วิสภาคตาย วา เสสกํ ปทฎฺฐานํ ปริเยสติ , เทสนาย สรูปโต อคฺคหเณน วา เสสกํ ปทฎฺฐานํ ปริเยสติ, เยน สํวณฺณนาวิเสเสน ปริเยสิตฺวา โยเชโนฺต เทสนํ ปมาทาทีนํ ปทฎฺฐานภูเต โกสชฺชาทิเก ปฎิปเกฺข อาวฎฺฎติ อาวฎฺฎาเปติ, โส สํวณฺณนาวิเสโส ‘‘อาวโฎฺฎ หาโร นามา’’ติ นิทฺทิโฎฺฐติ อตฺถโยชนาฯ
Gāthā vuttā. Tattha parakkamadhātuādīnaṃ padaṭṭhāne ekamhi ārambhadhātuādike desanāruḷhe sati visabhāgatāya vā sesakaṃ padaṭṭhānaṃ pariyesati , desanāya sarūpato aggahaṇena vā sesakaṃ padaṭṭhānaṃ pariyesati, yena saṃvaṇṇanāvisesena pariyesitvā yojento desanaṃ pamādādīnaṃ padaṭṭhānabhūte kosajjādike paṭipakkhe āvaṭṭati āvaṭṭāpeti, so saṃvaṇṇanāviseso ‘‘āvaṭṭo hāro nāmā’’ti niddiṭṭhoti atthayojanā.
‘‘ปฎิปเกฺข’’ติ อิทํ นิทสฺสนมตฺตํ, เสเสปิ สภาเค อาวฎฺฎนโตฯ น หิ อารมฺภธาตุอาทิเก เทสนารุเฬฺห สติ ตปฺปฎิปเกฺข โกสชฺชาทิเกเยว เทสนํ อาวเฎฺฎติ, อถ โข อวเสสวีริยารมฺภาทิเกปิ เทสนํ อาวเฎฺฎตีติฯ
‘‘Paṭipakkhe’’ti idaṃ nidassanamattaṃ, sesepi sabhāge āvaṭṭanato. Na hi ārambhadhātuādike desanāruḷhe sati tappaṭipakkhe kosajjādikeyeva desanaṃ āvaṭṭeti, atha kho avasesavīriyārambhādikepi desanaṃ āvaṭṭetīti.
อาวฎฺฎหารนิเทฺทโส นิทฺทิโฎฺฐ, อเมฺหหิ จ ญาโต, ‘‘กตโม วิภตฺติหารนิเทฺทโส’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา –
Āvaṭṭahāraniddeso niddiṭṭho, amhehi ca ñāto, ‘‘katamo vibhattihāraniddeso’’ti pucchitabbattā –
๘.
8.
‘‘ธมฺมญฺจ ปทฎฺฐานํ, ภูมิญฺจ วิภชเต อยํ หาโรฯ
‘‘Dhammañca padaṭṭhānaṃ, bhūmiñca vibhajate ayaṃ hāro.
สาธารเณ อสาธารเณ จ เนโยฺย วิภตฺตี’’ติฯ –
Sādhāraṇe asādhāraṇe ca neyyo vibhattī’’ti. –
คาถา วุตฺตาฯ ตตฺถ กุสลาทิวเสน อเนกวิธํ สภาวธมฺมญฺจ ทานสีลาทิปทฎฺฐานญฺจ ‘‘ทสฺสนภูมิ ภาวนาภูมี’’ติ เอวมาทิกํ ภูมิญฺจ สาธารเณ จ อสาธารเณ จ เยน สํวณฺณนาวิเสเสน วิภชเต, โส สํวณฺณนาวิเสโส ‘‘วิภตฺติ หาโร’’ติ เนโยฺยติ อตฺถโยชนาฯ
Gāthā vuttā. Tattha kusalādivasena anekavidhaṃ sabhāvadhammañca dānasīlādipadaṭṭhānañca ‘‘dassanabhūmi bhāvanābhūmī’’ti evamādikaṃ bhūmiñca sādhāraṇe ca asādhāraṇe ca yena saṃvaṇṇanāvisesena vibhajate, so saṃvaṇṇanāviseso ‘‘vibhatti hāro’’ti neyyoti atthayojanā.
‘‘อิมสฺมิํ สุเตฺต วุตฺตา กุสลา วาสนาภาคิยา, อิมสฺมิํ สุเตฺต วุตฺตา กุสลา นิเพฺพธภาคิยา’’ตฺยาทินา, ‘‘อิมสฺมิํ สุเตฺต วุตฺตา อกุสลา กิเลสภาคิยา’’ตฺยาทินา ธมฺมญฺจ, ‘‘อิทํ สีลํ อิมสฺส มหคฺคตวิเสสสฺส ปทฎฺฐานํ, อิทํ สีลํ อิทํ ฌานํ อิมสฺส โลกุตฺตรสฺส ปทฎฺฐาน’’นฺตฺยาทินา ปทฎฺฐานญฺจ, ‘‘ทสฺสนปหาตพฺพสฺส ปุถุชฺชโน ภูมิ, ภาวนาปหาตพฺพสฺส โสตาปนฺนาทโย ภูมิ’’ตฺยาทินา ภูมิญฺจ, ‘‘กามราคพฺยาปาทา ปุถุชฺชนโสตาปนฺนานํ สาธารณา’’ตฺยาทินา สาธารเณ จ, ‘‘กามราคพฺยาปาทา อนาคามิอรหนฺตานํ อสาธารณา’’ตฺยาทินา อสาธารเณ จ เยน วิภชติ, โส วิภตฺติ หาโร นามาติอาทินา (เนตฺติ. ๓๓-๓๔) วิตฺถาเรตฺวา วิภชนากาโร คเหตโพฺพฯ
‘‘Imasmiṃ sutte vuttā kusalā vāsanābhāgiyā, imasmiṃ sutte vuttā kusalā nibbedhabhāgiyā’’tyādinā, ‘‘imasmiṃ sutte vuttā akusalā kilesabhāgiyā’’tyādinā dhammañca, ‘‘idaṃ sīlaṃ imassa mahaggatavisesassa padaṭṭhānaṃ, idaṃ sīlaṃ idaṃ jhānaṃ imassa lokuttarassa padaṭṭhāna’’ntyādinā padaṭṭhānañca, ‘‘dassanapahātabbassa puthujjano bhūmi, bhāvanāpahātabbassa sotāpannādayo bhūmi’’tyādinā bhūmiñca, ‘‘kāmarāgabyāpādā puthujjanasotāpannānaṃ sādhāraṇā’’tyādinā sādhāraṇe ca, ‘‘kāmarāgabyāpādā anāgāmiarahantānaṃ asādhāraṇā’’tyādinā asādhāraṇe ca yena vibhajati, so vibhatti hāro nāmātiādinā (netti. 33-34) vitthāretvā vibhajanākāro gahetabbo.
วิภตฺติหารนิเทฺทโส นิทฺทิโฎฺฐ, อเมฺหหิ จ ญาโต, ‘‘กตโม ปริวตฺตนหารนิเทฺทโส’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา –
Vibhattihāraniddeso niddiṭṭho, amhehi ca ñāto, ‘‘katamo parivattanahāraniddeso’’ti pucchitabbattā –
๙.
9.
‘‘กุสลากุสเล ธเมฺม, นิทฺทิเฎฺฐ ภาวิเต ปหีเน จฯ
‘‘Kusalākusale dhamme, niddiṭṭhe bhāvite pahīne ca.
ปริวตฺตติ ปฎิปเกฺข, หาโร ปริวตฺตโน นามา’’ติฯ –
Parivattati paṭipakkhe, hāro parivattano nāmā’’ti. –
คาถา วุตฺตาฯ ตตฺถ สุเตฺต ภาวิเต ภาวิตเพฺพ กุสเล อนวชฺชธเมฺม นิทฺทิเฎฺฐ กถิเต, สํวณฺณิเต วา ปหีเน ปหาตเพฺพ อกุสเล สาวชฺชธเมฺม นิทฺทิเฎฺฐ กถิเต, สํวณฺณิเต วา เตสํ ธมฺมานํ ปฎิปเกฺข วิปรีตธเมฺม เยน สํวณฺณนาวิเสเสน ปริวตฺตติ ปริวเตฺตติ, โส สํวณฺณนาวิเสโส ‘‘ปริวตฺตโน หาโร นามา’’ติ เวทิตโพฺพติ อตฺถโยชนาฯ
Gāthā vuttā. Tattha sutte bhāvite bhāvitabbe kusale anavajjadhamme niddiṭṭhe kathite, saṃvaṇṇite vā pahīne pahātabbe akusale sāvajjadhamme niddiṭṭhe kathite, saṃvaṇṇite vā tesaṃ dhammānaṃ paṭipakkhe viparītadhamme yena saṃvaṇṇanāvisesena parivattati parivatteti, so saṃvaṇṇanāviseso ‘‘parivattano hāro nāmā’’ti veditabboti atthayojanā.
‘‘สมฺมาทิฎฺฐิสฺส ปุริสปุคฺคลสฺส มิจฺฉาทิฎฺฐิ นิชฺชิณฺณา ภวตี’’ติอาทินา จ ‘‘ยสฺส วา ปาณาติปาตา ปฎิวิรตสฺส ปาณาติปาโต ปหีโน’’ติอาทินา จ ‘‘ภุญฺชิตพฺพา กามา …เป.… กาเมหิ เวรมณี เตสํ อธโมฺม’’ติอาทินา จ ปฎิปเกฺข ปริวตฺตนภาวํ วิภงฺควาเร (เนตฺติ. ๓๕ อาทโย) วกฺขตีติ น วิตฺถาริตาฯ
‘‘Sammādiṭṭhissa purisapuggalassa micchādiṭṭhi nijjiṇṇā bhavatī’’tiādinā ca ‘‘yassa vā pāṇātipātā paṭiviratassa pāṇātipāto pahīno’’tiādinā ca ‘‘bhuñjitabbā kāmā …pe… kāmehi veramaṇī tesaṃ adhammo’’tiādinā ca paṭipakkhe parivattanabhāvaṃ vibhaṅgavāre (netti. 35 ādayo) vakkhatīti na vitthāritā.
ปริวตฺตนหารนิเทฺทโส นิทฺทิโฎฺฐ, อเมฺหหิ จ ญาโต, ‘‘กตโม เววจนหารนิเทฺทโส’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา –
Parivattanahāraniddeso niddiṭṭho, amhehi ca ñāto, ‘‘katamo vevacanahāraniddeso’’ti pucchitabbattā –
๑๐.
10.
‘‘เววจนานิ พหูนิ ตุ, สุเตฺต วุตฺตานิ เอกธมฺมสฺสฯ
‘‘Vevacanāni bahūni tu, sutte vuttāni ekadhammassa.
โย ชานาติ สุตฺตวิทู, เววจโน นาม โส หาโร’’ติฯ –
Yo jānāti suttavidū, vevacano nāma so hāro’’ti. –
คาถา วุตฺตาฯ ตตฺถ เอกธมฺมสฺส ปทตฺถสฺส สุเตฺต วุตฺตานิ ตุ วุตฺตานิ เอว, พหูนิ ตุ พหูนิ เอว เววจนานิ เยน สํวณฺณนาวิเสเสน โย สุตฺตวิทู ชานาติ, ชานิตฺวา เอกสฺมิํเยว ปทเตฺถ โยเชติ, ตสฺส สุตฺตวิทุโน โส สํวณฺณนาวิเสโส ‘‘เววจโน นาม หาโร’’ติ นิทฺทิโฎฺฐติ อตฺถโยชนาฯ
Gāthā vuttā. Tattha ekadhammassa padatthassa sutte vuttāni tu vuttāni eva, bahūni tu bahūni eva vevacanāni yena saṃvaṇṇanāvisesena yo suttavidū jānāti, jānitvā ekasmiṃyeva padatthe yojeti, tassa suttaviduno so saṃvaṇṇanāviseso ‘‘vevacano nāma hāro’’ti niddiṭṭhoti atthayojanā.
เอตฺถ จ โย โส-สทฺทา อสมานตฺถา จ โหนฺตีติ ‘‘โย สุตฺตวิทู’’ติ วตฺวา ‘‘โส สํวณฺณนาวิเสโส’’ติ วุตฺตนฺติฯ ‘‘ภควา’’ติ ปทสฺส เอกสฺมิํเยว อเตฺถ ภควติ ‘‘อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ วิชฺชาจรณสมฺปโนฺน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุโทฺธ ภควา, ผลนิปฺผตฺติคโต เวสารชฺชปฺปโตฺต อธิคตปฎิสมฺภิโท จตุโยควิปฺปหีโน อคติคมนวีติวโตฺต อุทฺธฎสโลฺล นิรุฬฺหวโณ มทฺทิตกณฺฎโก นิพฺพาปิตปริยุฎฺฐาโน พนฺธนาตีโต คนฺถวินิเวฐโน อชฺฌาสยวีติวโตฺต ภินฺนนฺธกาโร จกฺขุมา โลกธมฺมสมติกฺกโนฺต อนุโรธวิโรธวิปฺปยุโตฺต อิฎฺฐานิเฎฺฐสุ ธเมฺมสุ อสเงฺขปคโต พนฺธนาติวโตฺต ฐปิตสงฺคาโม อภิกฺกนฺตตโร อุกฺกาธโร อาโลกกโร ปโชฺชตกโร ตโมนุโท รณญฺชโห อปริมาณวโณฺณ อปฺปเมยฺยวโณฺณ อสเงฺขยฺยวโณฺณ อาภงฺกโร ปภงฺกโร ธโมฺมภาสปโชฺชตกโร’’ติ (เนตฺติ. ๓๘) เอวมาทีนิ พหูนิ เววจนานิ โยชิตานิฯ วิตฺถาโร วิภงฺควาเร (เนตฺติ. ๓๗ อาทโย) อาคมิสฺสติฯ
Ettha ca yo so-saddā asamānatthā ca hontīti ‘‘yo suttavidū’’ti vatvā ‘‘so saṃvaṇṇanāviseso’’ti vuttanti. ‘‘Bhagavā’’ti padassa ekasmiṃyeva atthe bhagavati ‘‘arahaṃ sammāsambuddho vijjācaraṇasampanno sugato lokavidū anuttaro purisadammasārathi satthā devamanussānaṃ buddho bhagavā, phalanipphattigato vesārajjappatto adhigatapaṭisambhido catuyogavippahīno agatigamanavītivatto uddhaṭasallo niruḷhavaṇo madditakaṇṭako nibbāpitapariyuṭṭhāno bandhanātīto ganthaviniveṭhano ajjhāsayavītivatto bhinnandhakāro cakkhumā lokadhammasamatikkanto anurodhavirodhavippayutto iṭṭhāniṭṭhesu dhammesu asaṅkhepagato bandhanātivatto ṭhapitasaṅgāmo abhikkantataro ukkādharo ālokakaro pajjotakaro tamonudo raṇañjaho aparimāṇavaṇṇo appameyyavaṇṇo asaṅkheyyavaṇṇo ābhaṅkaro pabhaṅkaro dhammobhāsapajjotakaro’’ti (netti. 38) evamādīni bahūni vevacanāni yojitāni. Vitthāro vibhaṅgavāre (netti. 37 ādayo) āgamissati.
เววจนหารนิเทฺทโส นิทฺทิโฎฺฐ, อเมฺหหิ จ ญาโต, ‘‘กตโม ปญฺญตฺติหารนิเทฺทโส’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา –
Vevacanahāraniddeso niddiṭṭho, amhehi ca ñāto, ‘‘katamo paññattihāraniddeso’’ti pucchitabbattā –
๑๑.
11.
‘‘เอกํ ภควา ธมฺมํ, ปญฺญตฺตีหิ วิวิธาหิ เทเสติฯ
‘‘Ekaṃ bhagavā dhammaṃ, paññattīhi vividhāhi deseti.
โส อากาโร เญโยฺย, ปญฺญตฺตี นาม โส หาโร’’ติฯ –
So ākāro ñeyyo, paññattī nāma so hāro’’ti. –
คาถา วุตฺตาฯ ตตฺถ ภควา เอกํ ขนฺธาทิธมฺมํ วิวิธาหิ นิเกฺขปปฺปภวปญฺญตฺตาทีหิ ปญฺญตฺตีหิ เยน ปญฺญาเปตพฺพากาเรน เทเสติ, โส ปญฺญาเปตพฺพากาโร เยน สํวณฺณนาวิเสเสน วิภาวิโต, โส สํวณฺณนาวิเสโส ‘‘ปญฺญตฺติ หาโร นามา’’ติ เญโยฺยติ อตฺถโยชนาฯ
Gāthā vuttā. Tattha bhagavā ekaṃ khandhādidhammaṃ vividhāhi nikkhepappabhavapaññattādīhi paññattīhi yena paññāpetabbākārena deseti, so paññāpetabbākāro yena saṃvaṇṇanāvisesena vibhāvito, so saṃvaṇṇanāviseso ‘‘paññatti hāro nāmā’’ti ñeyyoti atthayojanā.
ตตฺถ วิวิธาหิ ปญฺญตฺตีหิ นิเกฺขปปญฺญตฺติปภวปญฺญตฺติปริญฺญาปญฺญตฺติปหานปญฺญตฺติ- ภาวนาปญฺญตฺติสจฺฉิกิริยาปญฺญตฺตินิโรธปญฺญตฺตินิพฺพิทาปญฺญตฺตีติ เอวมาทิปญฺญตฺตีหิ เอกปทตฺถเสฺสว ปญฺญาเปตพฺพาการวิภาวนาลกฺขโณ สํวณฺณนาวิเสโส ปญฺญตฺติ หาโร นามาติฯ
Tattha vividhāhi paññattīhi nikkhepapaññattipabhavapaññattipariññāpaññattipahānapaññatti- bhāvanāpaññattisacchikiriyāpaññattinirodhapaññattinibbidāpaññattīti evamādipaññattīhi ekapadatthasseva paññāpetabbākāravibhāvanālakkhaṇo saṃvaṇṇanāviseso paññatti hāro nāmāti.
ตตฺถ ‘‘อิทํ ทุกฺข’’นฺติ อยํ ปญฺญตฺติ ปญฺจนฺนํ ขนฺธานํ, ฉนฺนํ ธาตูนํ, อฎฺฐารสนฺนํ ธาตูนํ, ทฺวาทสนฺนํ อายตนานํ, ทสนฺนํ อินฺทฺริยานํ นิเกฺขปปญฺญตฺติฯ
Tattha ‘‘idaṃ dukkha’’nti ayaṃ paññatti pañcannaṃ khandhānaṃ, channaṃ dhātūnaṃ, aṭṭhārasannaṃ dhātūnaṃ, dvādasannaṃ āyatanānaṃ, dasannaṃ indriyānaṃ nikkhepapaññatti.
‘‘กพฬีกาเร เจ, ภิกฺขเว, อาหาเร อตฺถิ ราโค, อตฺถิ นนฺที, อตฺถิ ตณฺหา, ปติฎฺฐิตํ ตตฺถ วิญฺญาณํ วิรุฬฺหํฯ ยตฺถ ปติฎฺฐิตํ วิญฺญาณํ วิรุฬฺหํ, อตฺถิ ตตฺถ นามรูปสฺส อวกฺกนฺติฯ ยตฺถ อตฺถิ นามรูปสฺส อวกฺกนฺติ, อตฺถิ ตตฺถ สงฺขารานํ วุทฺธี’’ติ (สํ. นิ. ๒.๖๔; กถา. ๒๙๖) เอวมาทิ ปภวปญฺญตฺติ ทุกฺขสฺส จ สมุทยสฺส จาติฯ
‘‘Kabaḷīkāre ce, bhikkhave, āhāre atthi rāgo, atthi nandī, atthi taṇhā, patiṭṭhitaṃ tattha viññāṇaṃ viruḷhaṃ. Yattha patiṭṭhitaṃ viññāṇaṃ viruḷhaṃ, atthi tattha nāmarūpassa avakkanti. Yattha atthi nāmarūpassa avakkanti, atthi tattha saṅkhārānaṃ vuddhī’’ti (saṃ. ni. 2.64; kathā. 296) evamādi pabhavapaññatti dukkhassa ca samudayassa cāti.
‘‘กพฬีกาเร เจ, ภิกฺขเว, อาหาเร นตฺถิ ราโค, นตฺถิ นนฺที, นตฺถิ ตณฺหา’’ติ (สํ. นิ. ๒.๖๔; กถา. ๒๙๖) เอวมาทิ ปริญฺญาปญฺญตฺติ ทุกฺขสฺส, ‘‘ปหานปญฺญตฺติ สมุทยสฺส, ภาวนาปญฺญตฺติ มคฺคสฺส, สจฺฉิกิริยาปญฺญตฺติ นิโรธสฺสา’’ติ จ ‘‘นิเกฺขปปญฺญตฺติ สุตมยิยา ปญฺญาย, สจฺฉิกิริยาปญฺญตฺติ อนญฺญาตญฺญสฺสามีตินฺทฺริยสฺส, ปวตฺตนาปญฺญตฺติ ธมฺมจกฺกสฺสา’’ติ เอวมาทิวิตฺถาโร วิภเงฺค (เนตฺติ. ๓๙ อาทโย) อาคมิสฺสตีติฯ
‘‘Kabaḷīkāre ce, bhikkhave, āhāre natthi rāgo, natthi nandī, natthi taṇhā’’ti (saṃ. ni. 2.64; kathā. 296) evamādi pariññāpaññatti dukkhassa, ‘‘pahānapaññatti samudayassa, bhāvanāpaññatti maggassa, sacchikiriyāpaññatti nirodhassā’’ti ca ‘‘nikkhepapaññatti sutamayiyā paññāya, sacchikiriyāpaññatti anaññātaññassāmītindriyassa, pavattanāpaññatti dhammacakkassā’’ti evamādivitthāro vibhaṅge (netti. 39 ādayo) āgamissatīti.
ปณฺณตฺติหารนิเทฺทโส นิทฺทิโฎฺฐ, อเมฺหหิ จ ญาโต, ‘‘กตโม โอตรณหารนิเทฺทโส’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา –
Paṇṇattihāraniddeso niddiṭṭho, amhehi ca ñāto, ‘‘katamo otaraṇahāraniddeso’’ti pucchitabbattā –
๑๒.
12.
‘‘โย จ ปฎิจฺจุปฺปาโท, อินฺทฺริยขนฺธา จ ธาตุอายตนาฯ
‘‘Yo ca paṭiccuppādo, indriyakhandhā ca dhātuāyatanā.
เอเตหิ โอตรติ โย, โอตรโณ นาม โส หาโร’’ติฯ –
Etehi otarati yo, otaraṇo nāma so hāro’’ti. –
คาถา วุตฺตาฯ ตตฺถ โย ปฎิจฺจสมุปฺปาโท จ เย อินฺทฺริยขนฺธา จ ยานิ ธาตุอายตนานิ จ เยน สํวณฺณนาวิเสเสน นิทฺธาริตานิ, เอเตหิ ปฎิจฺจสมุปฺปาทาทินฺทฺริยขนฺธธาตายตเนหิ, สุเตฺต อาคตปทตฺถมุเขน นิทฺธาริยมาเนหิ จ โย สํวณฺณนาวิเสโส โอตรติ โอคาหติ ปฎิจฺจสมุปฺปาทาทิเก ตตฺถ วาจกวเสน, ตตฺถ ญาปกวเสน วา อนุปวิสติ, โส สํวณฺณนาวิเสโส โอตรโณ หาโร นามาติ อตฺถโยชนาฯ
Gāthā vuttā. Tattha yo paṭiccasamuppādo ca ye indriyakhandhā ca yāni dhātuāyatanāni ca yena saṃvaṇṇanāvisesena niddhāritāni, etehi paṭiccasamuppādādindriyakhandhadhātāyatanehi, sutte āgatapadatthamukhena niddhāriyamānehi ca yo saṃvaṇṇanāviseso otarati ogāhati paṭiccasamuppādādike tattha vācakavasena, tattha ñāpakavasena vā anupavisati, so saṃvaṇṇanāviseso otaraṇo hāro nāmāti atthayojanā.
ตตฺถ อินฺทฺริยขนฺธาติ อินฺทฺริยานิ จ ขนฺธา จาติ อินฺทฺริยขนฺธาฯ ธาตุอายตนาติ ธาตุโย จ อายตนานิ จ ธาตุอายตนาฯ กถํ โอตรโณ? ‘‘อุทฺธํ อโธ สพฺพธิ วิปฺปมุโตฺต’’ติอาทิ (เนตฺติ. ๔๒) ปาโฐฯ
Tattha indriyakhandhāti indriyāni ca khandhā cāti indriyakhandhā. Dhātuāyatanāti dhātuyo ca āyatanāni ca dhātuāyatanā. Kathaṃ otaraṇo? ‘‘Uddhaṃ adho sabbadhi vippamutto’’tiādi (netti. 42) pāṭho.
อุทฺธนฺติ รูปธาตุ จ อรูปธาตุ จฯ อโธติ กามธาตุฯ สพฺพธิ วิปฺปมุโตฺตติ เตธาตุเก อยํ อเสกฺขาวิมุตฺติฯ ตานิเยว อเสกฺขานิ ปญฺจินฺทฺริยานิ, อยํ อินฺทฺริเยหิ โอตรณาฯ
Uddhanti rūpadhātu ca arūpadhātu ca. Adhoti kāmadhātu. Sabbadhi vippamuttoti tedhātuke ayaṃ asekkhāvimutti. Tāniyeva asekkhāni pañcindriyāni, ayaṃ indriyehi otaraṇā.
ตานิเยว อเสกฺขานิ ปญฺจินฺทฺริยานิ วิชฺชา, วิชฺชุปฺปาทา อวิชฺชานิโรโธ…เป.… ทุกฺขกฺขนฺธสฺส นิโรโธ โหติ, อยํ ปฎิจฺจสมุปฺปาเทหิ โอตรณาฯ
Tāniyeva asekkhāni pañcindriyāni vijjā, vijjuppādā avijjānirodho…pe… dukkhakkhandhassa nirodho hoti, ayaṃ paṭiccasamuppādehi otaraṇā.
ตานิเยว อเสกฺขานิ ปญฺจินฺทฺริยานิ ตีหิ ขเนฺธหิ สงฺคหิตานิ สีลกฺขเนฺธน สมาธิกฺขเนฺธน ปญฺญากฺขเนฺธน, อยํ ขเนฺธหิ โอตรณาฯ
Tāniyeva asekkhāni pañcindriyāni tīhi khandhehi saṅgahitāni sīlakkhandhena samādhikkhandhena paññākkhandhena, ayaṃ khandhehi otaraṇā.
ตานิเยว อเสกฺขานิ ปญฺจินฺทฺริยานิ สงฺขารปริยาปนฺนานิ เย สงฺขารา อนาสวา, โน จ ภวงฺคา, เต สงฺขารา ธมฺมธาตุสงฺคหิตา, อยํ ธาตูหิ โอตรณาฯ
Tāniyeva asekkhāni pañcindriyāni saṅkhārapariyāpannāni ye saṅkhārā anāsavā, no ca bhavaṅgā, te saṅkhārā dhammadhātusaṅgahitā, ayaṃ dhātūhi otaraṇā.
สา ธมฺมธาตุ ธมฺมายตนปริยาปนฺนา, ยํ อายตนํ อนาสวํ, โน จ ภวงฺคํ, อยํ อายตเนหิ โอตรณาติ เอวมาทีหิ วิภเงฺค (เนตฺติ. ๔๒ อาทโย) อาคมิสฺสตีติฯ
Sā dhammadhātu dhammāyatanapariyāpannā, yaṃ āyatanaṃ anāsavaṃ, no ca bhavaṅgaṃ, ayaṃ āyatanehi otaraṇāti evamādīhi vibhaṅge (netti. 42 ādayo) āgamissatīti.
โอตรณหารนิเทฺทโส นิทฺทิโฎฺฐ, อเมฺหหิ จ ญาโต, ‘‘กตโม โสธนหารนิเทฺทโส’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา –
Otaraṇahāraniddeso niddiṭṭho, amhehi ca ñāto, ‘‘katamo sodhanahāraniddeso’’ti pucchitabbattā –
๑๓.
13.
‘‘วิสฺสชฺชิตมฺหิ ปเญฺห, คาถายํ ปุจฺฉิตา ยมารพฺภฯ
‘‘Vissajjitamhi pañhe, gāthāyaṃ pucchitā yamārabbha.
สุทฺธาสุทฺธปริกฺขา, หาโร โส โสธโน นามา’’ติฯ –
Suddhāsuddhaparikkhā, hāro so sodhano nāmā’’ti. –
คาถา วุตฺตาฯ ตตฺถ ติสฺสํ คาถายํ อารุเฬฺห ปเญฺห ญาตุมิจฺฉิเต อเตฺถ ภควตา วิสฺสชฺชนคาถายํ วิสฺสชฺชิตมฺหิ ยํ สุตฺตตฺถํ อารพฺภ อธิกิจฺจ สา คาถา ปุจฺฉิตา ปุจฺฉนตฺถาย ฐปิตา, ตสฺส สุตฺตตฺถสฺส เยน สํวณฺณนาวิเสเสน สุทฺธาสุทฺธปริกฺขา วิจารณา ภเว, โส สํวณฺณนาวิเสโส โสธโน หาโร นามาติ อตฺถโยชนาฯ
Gāthā vuttā. Tattha tissaṃ gāthāyaṃ āruḷhe pañhe ñātumicchite atthe bhagavatā vissajjanagāthāyaṃ vissajjitamhi yaṃ suttatthaṃ ārabbha adhikicca sā gāthā pucchitā pucchanatthāya ṭhapitā, tassa suttatthassa yena saṃvaṇṇanāvisesena suddhāsuddhaparikkhā vicāraṇā bhave, so saṃvaṇṇanāviseso sodhano hāro nāmāti atthayojanā.
กถํ? ‘‘อวิชฺชาย นิวุโต โลโก’’ติ ปทํ โสธิตํ, อารโมฺภ น โสธิโตฯ ‘‘วิวิจฺฉา ปมาทา นปฺปกาสตี’’ติ ปทํ โสธิตํ, อารโมฺภ น โสธิโตฯ ‘‘ชปฺปาภิเลปนํ พฺรูมี’’ติ ปทํ โสธิตํ, อารโมฺภ น โสธิโตฯ ‘‘ทุกฺขมสฺส มหพฺภย’’นฺติ ปทญฺจ โสธิตํ, อารโมฺภ จ โสธิโตติฯ เอวํ ปทาทีนํ โสธิตาโสธิตภาววิจาโร หาโร โสธโน นามฯ วิตฺถารโต ปน วิภเงฺค (เนตฺติ. ๔๕ อาทโย) อาคมิสฺสตีติฯ
Kathaṃ? ‘‘Avijjāya nivuto loko’’ti padaṃ sodhitaṃ, ārambho na sodhito. ‘‘Vivicchā pamādā nappakāsatī’’ti padaṃ sodhitaṃ, ārambho na sodhito. ‘‘Jappābhilepanaṃ brūmī’’ti padaṃ sodhitaṃ, ārambho na sodhito. ‘‘Dukkhamassa mahabbhaya’’nti padañca sodhitaṃ, ārambho ca sodhitoti. Evaṃ padādīnaṃ sodhitāsodhitabhāvavicāro hāro sodhano nāma. Vitthārato pana vibhaṅge (netti. 45 ādayo) āgamissatīti.
โสธนหารนิเทฺทโส นิทฺทิโฎฺฐ, อเมฺหหิ จ ญาโต, ‘‘กตโม อธิฎฺฐานหารนิเทฺทโส’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา –
Sodhanahāraniddeso niddiṭṭho, amhehi ca ñāto, ‘‘katamo adhiṭṭhānahāraniddeso’’ti pucchitabbattā –
๑๔.
14.
‘‘เอกตฺตตาย ธมฺมา, เยปิ จ เวมตฺตตาย นิทฺทิฎฺฐาฯ
‘‘Ekattatāya dhammā, yepi ca vemattatāya niddiṭṭhā.
เต น วิกปฺปยิตพฺพา, เอโส หาโร อธิฎฺฐาโน’’ติฯ –
Te na vikappayitabbā, eso hāro adhiṭṭhāno’’ti. –
คาถา วุตฺตาฯ ตตฺถ เย ทุกฺขสจฺจาทโย ธมฺมา เอกตฺตตาย สามเญฺญนปิ จ เวมตฺตตาย วิเสเสนปิ นิทฺทิฎฺฐา, เยน สํวณฺณนาวิเสเสน นิทฺทิฎฺฐา ทุกฺขสจฺจาทโย ธมฺมา น วิกปฺปยิตพฺพา สามญฺญวิเสสกปฺปนาย โวหารภาเวน อนวฎฺฐานโต, กาลทิสาวิเสสาทีนํ วิย อเปกฺขาสิทฺธิโต จ, เอโส สํวณฺณนาวิเสโส อธิฎฺฐาโน หาโรติ อตฺถโยชนาฯ
Gāthā vuttā. Tattha ye dukkhasaccādayo dhammā ekattatāya sāmaññenapi ca vemattatāya visesenapi niddiṭṭhā, yena saṃvaṇṇanāvisesena niddiṭṭhā dukkhasaccādayo dhammā na vikappayitabbā sāmaññavisesakappanāya vohārabhāvena anavaṭṭhānato, kāladisāvisesādīnaṃ viya apekkhāsiddhito ca, eso saṃvaṇṇanāviseso adhiṭṭhāno hāroti atthayojanā.
ตตฺถ เอกตฺตตายาติ เอกสฺส สมานสฺส ภาโว เอกตฺตํ, เอกตฺตเมว เอกตฺตตา, ตายฯ เอกสโทฺท เจตฺถ สมานตฺถวาจโก, น สงฺขฺยาวาจโกติฯ เวมตฺตตายาติ วิสิฎฺฐา มตฺตา วิมตฺตา, วิมตฺตา เอว เวมตฺตํ, เวมตฺตสฺส ภาโว เวมตฺตตา, ตายฯ ยถา หิ ‘‘อชฺช เสฺว’’ติ วุจฺจมานา กาลวิเสสา อนวฎฺฐิตา ภวนฺติ, ‘‘ปุริมา ทิสา, ปจฺฉิมา ทิสา’’ติ วุจฺจมานา ทิสาวิเสสา, เอวํ สามญฺญวิเสสา จ อตฺถสฺส สภาวาติฯ ตถา หิ ‘‘อิทํ ทุกฺข’’นฺติ วุจฺจมานํ ชาติอาทิํ อเปกฺขาย สามญฺญํ สมานมฺปิ สจฺจาเปกฺขาย วิเสโส โหติฯ เอส นโย สมุทยสจฺจาทีสุปีติฯ ‘‘ทุกฺข’’นฺติ เอกตฺตตาฯ ‘‘ชาติ ทุกฺขา, ชรา ทุกฺขา, มรณํ ทุกฺข’’นฺติ เอวมาทิ เวมตฺตตาฯ ‘‘ทุกฺขสมุทโย’’ติ เอกตฺตตา, ‘‘ตณฺหา โปโนภวิกา นนฺทีราคสหคตา’’ติ เอวมาทิ เวมตฺตตาติ เอวมาทิ วิตฺถาโร วิภเงฺค (เนตฺติ. ๔๖ อาทโย) อาคมิสฺสตีติฯ
Tattha ekattatāyāti ekassa samānassa bhāvo ekattaṃ, ekattameva ekattatā, tāya. Ekasaddo cettha samānatthavācako, na saṅkhyāvācakoti. Vemattatāyāti visiṭṭhā mattā vimattā, vimattā eva vemattaṃ, vemattassa bhāvo vemattatā, tāya. Yathā hi ‘‘ajja sve’’ti vuccamānā kālavisesā anavaṭṭhitā bhavanti, ‘‘purimā disā, pacchimā disā’’ti vuccamānā disāvisesā, evaṃ sāmaññavisesā ca atthassa sabhāvāti. Tathā hi ‘‘idaṃ dukkha’’nti vuccamānaṃ jātiādiṃ apekkhāya sāmaññaṃ samānampi saccāpekkhāya viseso hoti. Esa nayo samudayasaccādīsupīti. ‘‘Dukkha’’nti ekattatā. ‘‘Jāti dukkhā, jarā dukkhā, maraṇaṃ dukkha’’nti evamādi vemattatā. ‘‘Dukkhasamudayo’’ti ekattatā, ‘‘taṇhā ponobhavikā nandīrāgasahagatā’’ti evamādi vemattatāti evamādi vitthāro vibhaṅge (netti. 46 ādayo) āgamissatīti.
อธิฎฺฐานหารนิเทฺทโส นิทฺทิโฎฺฐ, อเมฺหหิ จ ญาโต, ‘‘กตโม ปริกฺขารหารนิเทฺทโส’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา –
Adhiṭṭhānahāraniddeso niddiṭṭho, amhehi ca ñāto, ‘‘katamo parikkhārahāraniddeso’’ti pucchitabbattā –
๑๕.
15.
‘‘เย ธมฺมา ยํ ธมฺมํ, ชนยนฺติปฺปจฺจยา ปรมฺปรโตฯ
‘‘Ye dhammā yaṃ dhammaṃ, janayantippaccayā paramparato.
เหตุมวกฑฺฒยิตฺวา, เอโส หาโร ปริกฺขาโร’’ติฯ –
Hetumavakaḍḍhayitvā, eso hāro parikkhāro’’ti. –
คาถา วุตฺตาฯ ตตฺถ อวิชฺชาทิกา เย ปจฺจยธมฺมา สงฺขาราทิกํ ยํ ผลธมฺมํ ปจฺจยา สหชาตปจฺจเยน ปรมฺปรโต ปรมฺปรปจฺจยภาเวน ชนยนฺติ, ตสฺส สงฺขาราทิผลสฺส ปจฺจยํ ปริกฺขารภูตํ ปุริมุปฺปนฺนํ อวิชฺชาทิกํ อสาธารณํ ชนกํ เหตุํ, อโยนิโสมนสิการาทิกํ สาธารณํ ปจฺจยเหตุญฺจ อวกฑฺฒยิตฺวา สุตฺตโต นิทฺธาเรตฺวา โย สํวณฺณนาวิเสโส ปริกฺขารสํวณฺณนาภาเวน ปวโตฺต, เอโส สํวณฺณนาวิเสโส ปริกฺขาโร หาโร นามาติ อตฺถโยชนาฯ อวิชฺชาทโย หิ อวิชฺชาทีนํ อสาธารณเหตู ภวนฺติ, อโยนิโสมนสิการาทโย สาธารณปจฺจยาฯ เตนาห – ‘‘อสาธารณลกฺขโณ เหตุ, สาธารณลกฺขโณ ปจฺจโย’’ติ, ‘‘อวิชฺชา อวิชฺชาย เหตุ, อโยนิโสมนสิกาโร ปจฺจโย’’ติอาทิกํ (เนตฺติ. ๔๙) วิภงฺควจนญฺจฯ
Gāthā vuttā. Tattha avijjādikā ye paccayadhammā saṅkhārādikaṃ yaṃ phaladhammaṃ paccayā sahajātapaccayena paramparato paramparapaccayabhāvena janayanti, tassa saṅkhārādiphalassa paccayaṃ parikkhārabhūtaṃ purimuppannaṃ avijjādikaṃ asādhāraṇaṃ janakaṃ hetuṃ, ayonisomanasikārādikaṃ sādhāraṇaṃ paccayahetuñca avakaḍḍhayitvā suttato niddhāretvā yo saṃvaṇṇanāviseso parikkhārasaṃvaṇṇanābhāvena pavatto, eso saṃvaṇṇanāviseso parikkhāro hāro nāmāti atthayojanā. Avijjādayo hi avijjādīnaṃ asādhāraṇahetū bhavanti, ayonisomanasikārādayo sādhāraṇapaccayā. Tenāha – ‘‘asādhāraṇalakkhaṇo hetu, sādhāraṇalakkhaṇo paccayo’’ti, ‘‘avijjā avijjāya hetu, ayonisomanasikāro paccayo’’tiādikaṃ (netti. 49) vibhaṅgavacanañca.
ปริกฺขารหารนิเทฺทโส นิทฺทิโฎฺฐ, อเมฺหหิ จ ญาโต, ‘‘กตโม สมาโรปนหารนิเทฺทโส’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา –
Parikkhārahāraniddeso niddiṭṭho, amhehi ca ñāto, ‘‘katamo samāropanahāraniddeso’’ti pucchitabbattā –
๑๖.
16.
‘‘เย ธมฺมา ยํมูลา, เย เจกตฺถา ปกาสิตา มุนินาฯ
‘‘Ye dhammā yaṃmūlā, ye cekatthā pakāsitā muninā.
เต สมาโรปยิตพฺพา, เอส สมาโรปโน หาโร’’ติฯ –
Te samāropayitabbā, esa samāropano hāro’’ti. –
คาถา วุตฺตาฯ ตตฺถ เย สีลาทโย ธมฺมา ยํมูลา เยสํ สมาธิอาทีนํ มูลา, เต สีลาทโย ธมฺมา เตสํ สมาธิอาทีนํ ปทฎฺฐานภาเวน สํวณฺณนาวิเสเสน สมาโรปยิตพฺพา, เย จ ราควิราคเจโตวิมุตฺติเสกฺขผลกามธาตุสมติกฺกมนาทิสทฺทา อนาคามิผลตฺถตาย เอกตฺถา สมานตฺถาติ พุทฺธมุนินา ปกาสิตา, เต ราค…เป.… ติกฺกมนาทิสทฺทา อญฺญมญฺญเววจนภาเวน สมาโรปยิตพฺพา, เอโส สํวณฺณนาวิเสโส สมาโรปโน หาโร นามาติ อตฺถโยชนาฯ
Gāthā vuttā. Tattha ye sīlādayo dhammā yaṃmūlā yesaṃ samādhiādīnaṃ mūlā, te sīlādayo dhammā tesaṃ samādhiādīnaṃ padaṭṭhānabhāvena saṃvaṇṇanāvisesena samāropayitabbā, ye ca rāgavirāgacetovimuttisekkhaphalakāmadhātusamatikkamanādisaddā anāgāmiphalatthatāya ekatthā samānatthāti buddhamuninā pakāsitā, te rāga…pe… tikkamanādisaddā aññamaññavevacanabhāvena samāropayitabbā, eso saṃvaṇṇanāviseso samāropano hāro nāmāti atthayojanā.
เอตฺถ จ สีลาทิกฺขนฺธตฺตยสฺส ปริยายนฺตรวิภาวนาปาริปูรี กถิตา, ภาวนาปาริปูรี จ ปหาตพฺพสฺส ปหาเนน โหตีติ ภาวนาสมาโรปนปหานสมาโรปนาปิ ทสฺสิตาติ จตุพฺพิโธ สมาโรปโน ปทฎฺฐานสมาโรปโน, เววจนสมาโรปโน, ภาวนาสมาโรปโน, ปหานสมาโรปโนติฯ
Ettha ca sīlādikkhandhattayassa pariyāyantaravibhāvanāpāripūrī kathitā, bhāvanāpāripūrī ca pahātabbassa pahānena hotīti bhāvanāsamāropanapahānasamāropanāpi dassitāti catubbidho samāropano padaṭṭhānasamāropano, vevacanasamāropano, bhāvanāsamāropano, pahānasamāropanoti.
ตตฺถ กายิกสุจริตํ, วาจสิกสุจริตญฺจ สีลกฺขโนฺธ, มโนสุจริเต อนภิชฺฌา, อพฺยาปาโท จ สมาธิกฺขโนฺธ, สมฺมาทิฎฺฐิ ปญฺญากฺขโนฺธฯ สีลกฺขโนฺธ สมาธิกฺขนฺธสฺส ปทฎฺฐานํ, สมาธิกฺขโนฺธ ปญฺญากฺขนฺธสฺส ปทฎฺฐานํฯ สีลกฺขโนฺธ, สมาธิกฺขโนฺธ จ สมถสฺส ปทฎฺฐานํ, ปญฺญากฺขโนฺธ วิปสฺสนาย ปทฎฺฐานํฯ สมโถ ราควิราคเจโตวิมุตฺติยา ปทฎฺฐานํ, วิปสฺสนา อวิชฺชาวิราคปญฺญาวิมุตฺติยา ปทฎฺฐานนฺติ เอวมาทิ ปทฎฺฐานสมาโรปโนฯ ราควิราคา เจโตวิมุตฺติ เสกฺขผลํ, อวิชฺชาวิราคา ปญฺญาวิมุตฺติ อเสกฺขผลํ, อิทํ เววจนํฯ ราควิราคา เจโตวิมุตฺติ อนาคามิผลํ, อวิชฺชาวิราคา ปญฺญาวิมุตฺติ อคฺคผลํ อรหตฺตํ, อิทํ เววจนํฯ ราควิราคา เจโตวิมุตฺติ กามธาตุสมติกฺกมนํ, อวิชฺชาวิราคา เจโตวิมุตฺติ เตธาตุสมติกฺกมนํ, อิทํ เววจนํฯ ปญฺญินฺทฺริยํ, ปญฺญาพลํ, อธิปญฺญาสิกฺขา, ปญฺญากฺขโนฺธติ เอวมาทิ เววจนนฺติ เอวมาทิ เววจนสมาโรปโนฯ กาเย กายานุปสฺสิโน วิหรโต จตฺตาโร สติปฎฺฐานา ภาวนาปาริปูริํ คจฺฉนฺติ, จตูสุ สติปฎฺฐาเนสุ ภาวิยมาเนสุ จตฺตาโร สมฺมปฺปธานา ภาวนาปาริปูริํ คจฺฉนฺติ, จตูสุ สมฺมปฺปธาเนสุ ภาวิยมาเนสุ จตฺตาโร อิทฺธิปาทา ภาวนาปาริปูริํ คจฺฉนฺตีติ เอวมาทิ ภาวนาสมาโรปโนฯ กาเย กายานุปสฺสี วิหรโนฺต อสุเภ ‘‘สุภ’’นฺติ วิปลฺลาสํ ปชหติ, กพฬีกาโร จสฺส อาหาโร ปริญฺญํ คจฺฉติ, กามุปาทาเนน จ อนุปาทาโน ภวติ, กามโยเคน จ วิสํยุโตฺต ภวติ, อภิชฺฌากายคเนฺถน จ วิปฺปยุชฺชติ, กามาสเวน จ อนาสโว ภวติ, กาโมฆญฺจ อุตฺติโณฺณ ภวติ, ราคสเลฺลน จ วิสโลฺล ภวติ, รูปูปิกา จสฺส วิญฺญาณฎฺฐิติ ปริญฺญํ คจฺฉติ , รูปธาตุยํ จสฺส ราโค ปหีโน ภวติ, น จ ฉนฺทาคติํ คจฺฉติ, เวทนาสูติ เอวมาทิ ปหานสมาโรปโนติ เอวมาทิ สมาโรปโน หาโร นิยุโตฺตติฯ
Tattha kāyikasucaritaṃ, vācasikasucaritañca sīlakkhandho, manosucarite anabhijjhā, abyāpādo ca samādhikkhandho, sammādiṭṭhi paññākkhandho. Sīlakkhandho samādhikkhandhassa padaṭṭhānaṃ, samādhikkhandho paññākkhandhassa padaṭṭhānaṃ. Sīlakkhandho, samādhikkhandho ca samathassa padaṭṭhānaṃ, paññākkhandho vipassanāya padaṭṭhānaṃ. Samatho rāgavirāgacetovimuttiyā padaṭṭhānaṃ, vipassanā avijjāvirāgapaññāvimuttiyā padaṭṭhānanti evamādi padaṭṭhānasamāropano. Rāgavirāgā cetovimutti sekkhaphalaṃ, avijjāvirāgā paññāvimutti asekkhaphalaṃ, idaṃ vevacanaṃ. Rāgavirāgā cetovimutti anāgāmiphalaṃ, avijjāvirāgā paññāvimutti aggaphalaṃ arahattaṃ, idaṃ vevacanaṃ. Rāgavirāgā cetovimutti kāmadhātusamatikkamanaṃ, avijjāvirāgā cetovimutti tedhātusamatikkamanaṃ, idaṃ vevacanaṃ. Paññindriyaṃ, paññābalaṃ, adhipaññāsikkhā, paññākkhandhoti evamādi vevacananti evamādi vevacanasamāropano. Kāye kāyānupassino viharato cattāro satipaṭṭhānā bhāvanāpāripūriṃ gacchanti, catūsu satipaṭṭhānesu bhāviyamānesu cattāro sammappadhānā bhāvanāpāripūriṃ gacchanti, catūsu sammappadhānesu bhāviyamānesu cattāro iddhipādā bhāvanāpāripūriṃ gacchantīti evamādi bhāvanāsamāropano. Kāye kāyānupassī viharanto asubhe ‘‘subha’’nti vipallāsaṃ pajahati, kabaḷīkāro cassa āhāro pariññaṃ gacchati, kāmupādānena ca anupādāno bhavati, kāmayogena ca visaṃyutto bhavati, abhijjhākāyaganthena ca vippayujjati, kāmāsavena ca anāsavo bhavati, kāmoghañca uttiṇṇo bhavati, rāgasallena ca visallo bhavati, rūpūpikā cassa viññāṇaṭṭhiti pariññaṃ gacchati , rūpadhātuyaṃ cassa rāgo pahīno bhavati, na ca chandāgatiṃ gacchati, vedanāsūti evamādi pahānasamāropanoti evamādi samāropano hāro niyuttoti.
อิติ สตฺติพลานุรูปา รจิตาฯ
Iti sattibalānurūpā racitā.
โสฬสหารนิเทฺทสวิภาวนา นิฎฺฐิตาฯ
Soḷasahāraniddesavibhāvanā niṭṭhitā.
นยนิเทฺทสวิภาวนา
Nayaniddesavibhāvanā
๑๗. หารนิเทฺทสา นิทฺทิฎฺฐา, อเมฺหหิ จ ญาตา, ‘‘กตเม นยนิเทฺทสา’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘ตณฺหญฺจา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อถ วา เอวํ อุเทฺทสกฺกเมเนว หาเร นิทฺทิสิตฺวา อิทานิ นเย นิทฺทิสิตุํ ‘‘ตณฺหญฺจา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ โย สํวณฺณนาวิเสโส สุเตฺต อาคตํ ตณฺหญฺจ อวิชฺชญฺจ อตฺถโต นิทฺธารณวเสน คหิตํ ตณฺหญฺจ อวิชฺชญฺจ สํกิเลสปกฺขํ เนติ, สุเตฺต อาคเตน สมเถน, สุเตฺต อาคตาย วิปสฺสนาย อตฺถโต นิทฺธารณวเสน วา คหิเตน สมเถน, คหิตาย วิปสฺสนาย โวทานปกฺขํ เนติ, นยโนฺต จ สเจฺจหิ โยเชตฺวา เนติ, อยํ สํวณฺณนาวิเสโส โส นนฺทิยาวโฎฺฎ นโย นามาติ อตฺถโยชนาฯ
17. Hāraniddesā niddiṭṭhā, amhehi ca ñātā, ‘‘katame nayaniddesā’’ti pucchitabbattā ‘‘taṇhañcā’’tiādi vuttaṃ. Atha vā evaṃ uddesakkameneva hāre niddisitvā idāni naye niddisituṃ ‘‘taṇhañcā’’tiādi vuttaṃ. Tattha yo saṃvaṇṇanāviseso sutte āgataṃ taṇhañca avijjañca atthato niddhāraṇavasena gahitaṃ taṇhañca avijjañca saṃkilesapakkhaṃ neti, sutte āgatena samathena, sutte āgatāya vipassanāya atthato niddhāraṇavasena vā gahitena samathena, gahitāya vipassanāya vodānapakkhaṃ neti, nayanto ca saccehi yojetvā neti, ayaṃ saṃvaṇṇanāviseso so nandiyāvaṭṭo nayo nāmāti atthayojanā.
เอตฺถ จ อตฺถนยสฺส ภูมิ, สํวณฺณนา จ คาถายํ ‘‘นโย’’ติ วุตฺตา, ตสฺมา ‘‘สํวณฺณนาวิเสโส’’ติ วุตฺตํฯ น หิ อตฺถนโย สํวณฺณนา, จตุสจฺจปฎิเวธสฺส อนุรูโป ปุพฺพภาเค อนุคาหณนโย อตฺถนโยวฯ ตสฺส ปน อตฺถนยสฺส ยา สํวณฺณนา อุคฺฆฎิตญฺญุอาทีนํ วเสน ตณฺหาทิมุเขน นยภูมิรจนา ปวตฺตา, ตสฺส สํวณฺณนาว นยโวหาโร กโตติ วิตฺถารโต หารสมฺปาเต (เนตฺติ. ๗๘-๗๙) อาคมิสฺสติฯ
Ettha ca atthanayassa bhūmi, saṃvaṇṇanā ca gāthāyaṃ ‘‘nayo’’ti vuttā, tasmā ‘‘saṃvaṇṇanāviseso’’ti vuttaṃ. Na hi atthanayo saṃvaṇṇanā, catusaccapaṭivedhassa anurūpo pubbabhāge anugāhaṇanayo atthanayova. Tassa pana atthanayassa yā saṃvaṇṇanā ugghaṭitaññuādīnaṃ vasena taṇhādimukhena nayabhūmiracanā pavattā, tassa saṃvaṇṇanāva nayavohāro katoti vitthārato hārasampāte (netti. 78-79) āgamissati.
นนฺทิยาวฎฺฎนยนิเทฺทโส นิทฺทิโฎฺฐ, อเมฺหหิ จ ญาโต, ‘‘กตโม ติปุกฺขลนยนิเทฺทโส’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา –
Nandiyāvaṭṭanayaniddeso niddiṭṭho, amhehi ca ñāto, ‘‘katamo tipukkhalanayaniddeso’’ti pucchitabbattā –
๑๘.
18.
‘‘โย อกุสเล สมูเลหิ, เนติ กุสเล จ กุสลมูเลหิฯ
‘‘Yo akusale samūlehi, neti kusale ca kusalamūlehi.
ภูตํ ตถํ อวิตถํ, ติปุกฺขลํ ตํ นยํ อาหู’’ติฯ –
Bhūtaṃ tathaṃ avitathaṃ, tipukkhalaṃ taṃ nayaṃ āhū’’ti. –
คาถา วุตฺตาฯ ตตฺถ โย สํวณฺณนาวิเสโส อกุสเล สมูเลหิ อตฺตโน อกุสลสฺส ตีหิ โลภาทีหิ มูเลหิ สํกิเลสปกฺขํ เนติ, กุสเล จ กุสลมูเลหิ ตีหิ อโลภาทีหิ โวทานปกฺขํ เนติ, นยโนฺต จ ภูตํ กุสลากุสลํ เนติ, น อภูตํ มายามรีจิอาทโย วิย, ตถํ กุสลากุสลํ เนติ, น ฆฎาทโย วิย สมฺมุติสจฺจมตฺตํ, อวิตถํ กุสลากุสลํ เนติ, น วิตถํฯ กุสลากุสลานํ สภาวโต วิชฺชมานตฺตา ภูตา ปรมตฺถสจฺจตฺตา ตถา, อกุสลสฺส อิฎฺฐวิปากตาภาวโต, กุสลสฺส จ อนิฎฺฐวิปากตาภาวโต วิปาเก สติ อวิสํวาทกตฺตา อวิตถา ภวนฺติ, กุสลากุสลา หิ เอเตสํ ติณฺณํ ‘‘ภูตํ, ตถํ, อวิตถ’’นฺติ ปทานํ กุสลากุสลวิเสสนตา ทฎฺฐพฺพาฯ
Gāthā vuttā. Tattha yo saṃvaṇṇanāviseso akusale samūlehi attano akusalassa tīhi lobhādīhi mūlehi saṃkilesapakkhaṃ neti, kusale ca kusalamūlehi tīhi alobhādīhi vodānapakkhaṃ neti, nayanto ca bhūtaṃ kusalākusalaṃ neti, na abhūtaṃ māyāmarīciādayo viya, tathaṃ kusalākusalaṃ neti, na ghaṭādayo viya sammutisaccamattaṃ, avitathaṃ kusalākusalaṃ neti, na vitathaṃ. Kusalākusalānaṃ sabhāvato vijjamānattā bhūtā paramatthasaccattā tathā, akusalassa iṭṭhavipākatābhāvato, kusalassa ca aniṭṭhavipākatābhāvato vipāke sati avisaṃvādakattā avitathā bhavanti, kusalākusalā hi etesaṃ tiṇṇaṃ ‘‘bhūtaṃ, tathaṃ, avitatha’’nti padānaṃ kusalākusalavisesanatā daṭṭhabbā.
อถ วา อกุสลมูเลหิ อกุสลานิ, กุสลมูเลหิ จ กุสลานิ นยโนฺต อยํ นโย ภูตํ ตถํ อวิตถํ เนติ จตฺตาริ สจฺจานิ นิทฺธาเรตฺวา โยเชติฯ ทุกฺขาทีนิ หิ พาธกาทิภาวโต อญฺญถาภาวาภาเวน ภูตานิ, สจฺจสภาวตฺตา ตถานิ, อวิสํวาทนโต อวิตถานิฯ วุตฺตเญฺหตํ ภควตา – ‘‘จตฺตาริมานิ, ภิกฺขเว, ตถานิ อวิตถานิ อนญฺญถานี’’ติ สํ. นิ. ๕.๑๐๙๐; ปฎิ. ม. ๒.๘)ฯ อกุสลาทิสุตฺตตฺถสฺส จตุสจฺจโยชนมุเขน นยนลกฺขณํ ตํ สํวณฺณนาวิเสสํ ติปุกฺขลํ นยนฺติ อาหูติ อตฺถโยชนาฯ
Atha vā akusalamūlehi akusalāni, kusalamūlehi ca kusalāni nayanto ayaṃ nayo bhūtaṃ tathaṃ avitathaṃ neti cattāri saccāni niddhāretvā yojeti. Dukkhādīni hi bādhakādibhāvato aññathābhāvābhāvena bhūtāni, saccasabhāvattā tathāni, avisaṃvādanato avitathāni. Vuttañhetaṃ bhagavatā – ‘‘cattārimāni, bhikkhave, tathāni avitathāni anaññathānī’’ti saṃ. ni. 5.1090; paṭi. ma. 2.8). Akusalādisuttatthassa catusaccayojanamukhena nayanalakkhaṇaṃ taṃ saṃvaṇṇanāvisesaṃ tipukkhalaṃ nayanti āhūti atthayojanā.
ตตฺถ ตีหิ เหตูหิ ปุกฺขโล โสภโนติ ติปุกฺขโล อกุสลาทิโก อตฺถนโย สํวณฺณนาวิเสโสติ ฐานูปจารโต ติปุกฺขลนโย นามาติฯ วิตฺถาโร ปน หารสมฺปาเต (เนตฺติ. ๘๗-๘๘) อาคมิสฺสติฯ
Tattha tīhi hetūhi pukkhalo sobhanoti tipukkhalo akusalādiko atthanayo saṃvaṇṇanāvisesoti ṭhānūpacārato tipukkhalanayo nāmāti. Vitthāro pana hārasampāte (netti. 87-88) āgamissati.
ติปุกฺขลนยนิเทฺทโส นิทฺทิโฎฺฐ, อเมฺหหิ จ ญาโต, ‘‘กตโม สีหวิกฺกีฬิตนยนิเทฺทโส’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา –
Tipukkhalanayaniddeso niddiṭṭho, amhehi ca ñāto, ‘‘katamo sīhavikkīḷitanayaniddeso’’ti pucchitabbattā –
๑๙.
19.
‘‘โย เนติ วิปลฺลาเสหิ, กิเลเส อินฺทฺริเยหิ สทฺธเมฺมฯ
‘‘Yo neti vipallāsehi, kilese indriyehi saddhamme.
เอตํ นยํ นยวิทู, สีหวิกฺกีฬิตํ อาหู’’ติฯ –
Etaṃ nayaṃ nayavidū, sīhavikkīḷitaṃ āhū’’ti. –
คาถา วุตฺตาฯ ตตฺถ โย สํวณฺณนาวิเสโส สุเตฺต วุเตฺตหิ วิปลฺลาเสหิ กิเลเส สํกิเลสปกฺขํ เนติ, สุเตฺต วุเตฺตหิ อินฺทฺริเยหิ สทฺธเมฺม โวทานปกฺขํ เนติ, เอตํ สํวณฺณนาวิเสสํ นยวิทู สทฺธมฺมนยโกวิทา, อตฺถนยกุสลา เอว วา สีหวิกฺกีฬิตํ นยนฺติ อาหูติ อตฺถโยชนาฯ
Gāthā vuttā. Tattha yo saṃvaṇṇanāviseso sutte vuttehi vipallāsehi kilese saṃkilesapakkhaṃ neti, sutte vuttehi indriyehi saddhamme vodānapakkhaṃ neti, etaṃ saṃvaṇṇanāvisesaṃ nayavidū saddhammanayakovidā, atthanayakusalā eva vā sīhavikkīḷitaṃ nayanti āhūti atthayojanā.
ตตฺถ วิปลฺลาเสหีติ อสุเภ สุภํ, ทุเกฺข สุขํ, อนิเจฺจ นิจฺจํ, อนตฺตนิ อตฺตาติ จตูหิ วิปลฺลาเสหิฯ อินฺทฺริเยหีติ สทฺธาทีหิ อินฺทฺริเยหิฯ สทฺธเมฺมติ ปฎิปตฺติปฎิเวธสทฺธเมฺมฯ เสสเมตฺถ วุตฺตนยเมวฯ วิตฺถาโร ปน หารสมฺปาเต (เนตฺติ. ๘๖-๘๗) อาคมิสฺสตีติฯ
Tattha vipallāsehīti asubhe subhaṃ, dukkhe sukhaṃ, anicce niccaṃ, anattani attāti catūhi vipallāsehi. Indriyehīti saddhādīhi indriyehi. Saddhammeti paṭipattipaṭivedhasaddhamme. Sesamettha vuttanayameva. Vitthāro pana hārasampāte (netti. 86-87) āgamissatīti.
สีหวิกฺกีฬิตนยนิเทฺทโส นิทฺทิโฎฺฐ, อเมฺหหิ จ ญาโต, ‘‘กตโม ทิสาโลจนนยนิเทฺทโส’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา –
Sīhavikkīḷitanayaniddeso niddiṭṭho, amhehi ca ñāto, ‘‘katamo disālocananayaniddeso’’ti pucchitabbattā –
๒๐.
20.
‘‘เวยฺยากรเณสุ หิ เย, กุสลากุสลา ตหิํ ตหิํ วุตฺตาฯ
‘‘Veyyākaraṇesu hi ye, kusalākusalā tahiṃ tahiṃ vuttā.
มนสา โวโลกยเต, ตํ ขุ ทิสาโลจนํ อาหู’’ติฯ –
Manasā volokayate, taṃ khu disālocanaṃ āhū’’ti. –
คาถา วุตฺตาฯ ‘‘สีหโลจนํ อาหู’’ติ ปาโฐ ลิขิโต, โส ปน น เถรสฺส ปาโฐติ ทฎฺฐโพฺพ ภินฺนลกฺขณตฺตาฯ ตตฺถ ตหิํ ตหิํ เวยฺยากรเณสุ เย กุสลากุสลา นยสฺส ทิสาภูตา ธมฺมา วุตฺตา, เต กุสลากุสเล นยสฺส ทิสาภูตธเมฺม อพหิ อพฺภนฺตรํ จิเตฺต เอว ยํ โอโลกนํ กโรติ, ตํ โอโลกนํ ขุ โอโลกนํ เอว ทิสาโลจนนฺติ อาหูติ อตฺถโยชนาฯ
Gāthā vuttā. ‘‘Sīhalocanaṃ āhū’’ti pāṭho likhito, so pana na therassa pāṭhoti daṭṭhabbo bhinnalakkhaṇattā. Tattha tahiṃ tahiṃ veyyākaraṇesu ye kusalākusalā nayassa disābhūtā dhammā vuttā, te kusalākusale nayassa disābhūtadhamme abahi abbhantaraṃ citte eva yaṃ olokanaṃ karoti, taṃ olokanaṃ khu olokanaṃ eva disālocananti āhūti atthayojanā.
ตตฺถ เวยฺยากรเณสูติ ตสฺส ตสฺส อตฺถนยสฺส โยชนตฺถํ กเตสุ สุตฺตสฺส อตฺถวิสฺสชฺชเนสุฯ กุสลาติ โวทานิยาฯ อกุสลาติ สํกิเลสิกาฯ วุตฺตาติ สุตฺตโต นิทฺธาเรตฺวา กถิตาฯ โอโลกยเตติ เต กุสลาทิธเมฺม จิเตฺตเนว ‘‘อยํ ปฐมา ทิสา, อยํ ทุติยา ทิสา’’ติอาทินา ตสฺส ตสฺส นยสฺส ทิสาภาเวน อุปปริกฺขติ, วิจาเรตีติ อโตฺถฯ ขูติ อวธารณเตฺถ นิปาโต, เตน ทิสาโลจนนโย โกจิ อตฺถวิเสโส น โหตีติ ทเสฺสตีติฯ
Tattha veyyākaraṇesūti tassa tassa atthanayassa yojanatthaṃ katesu suttassa atthavissajjanesu. Kusalāti vodāniyā. Akusalāti saṃkilesikā. Vuttāti suttato niddhāretvā kathitā. Olokayateti te kusalādidhamme citteneva ‘‘ayaṃ paṭhamā disā, ayaṃ dutiyā disā’’tiādinā tassa tassa nayassa disābhāvena upaparikkhati, vicāretīti attho. Khūti avadhāraṇatthe nipāto, tena disālocananayo koci atthaviseso na hotīti dassetīti.
๒๑. ทิสาโลจนนยนิเทฺทโส นิทฺทิโฎฺฐฯ อเมฺหหิ จ ญาโตฯ ‘‘กตโม องฺกุสนยนิเทฺทโส’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘โอโลเกตฺวา’’ติอาทิคาถา วุตฺตาฯ ตตฺถ ตํตํนยทิสาภูเต สเพฺพ กุสลากุสเล ทิสาโลจเนน โอโลเกตฺวา อุกฺขิปิย สุตฺตโต อุทฺธริตฺวา ยํ สมาเนติ ยํ สมานยนํ กโรติ, อยํ สมานยนสงฺขาโต นโย องฺกุโส นโย นามาติ อตฺถโยชนาฯ
21. Disālocananayaniddeso niddiṭṭho. Amhehi ca ñāto. ‘‘Katamo aṅkusanayaniddeso’’ti pucchitabbattā ‘‘oloketvā’’tiādigāthā vuttā. Tattha taṃtaṃnayadisābhūte sabbe kusalākusale disālocanena oloketvā ukkhipiya suttato uddharitvā yaṃ samāneti yaṃ samānayanaṃ karoti, ayaṃ samānayanasaṅkhāto nayo aṅkuso nayo nāmāti atthayojanā.
เอตฺถ จ องฺกุโส นาม หตฺถีนํ อิจฺฉิตฎฺฐานํ อานยนการณภูโต วชิราทิมโย ติกฺขโคฺค อุชุวงฺกภูโต ทพฺพสมฺภารวิเสโส, อยมฺปิ นโย องฺกุโส วิยาติ อเตฺถน องฺกุโสฯ เอเตน หิ นเยน อิจฺฉิตํ สุตฺตตฺถํ นยตีติฯ มุขฺยโต ปน อเงฺก วิชฺฌนฎฺฐาเน อุทฺธโฎ อสติ อโนฺต ปวิสตีติ องฺกุโสฯ องฺกสทฺทูปปทอุปุพฺพอสธาตุ อปจฺจโยติฯ อยมฺปิ นโย โกจิปิ อตฺถวิเสโส น โหตีติฯ
Ettha ca aṅkuso nāma hatthīnaṃ icchitaṭṭhānaṃ ānayanakāraṇabhūto vajirādimayo tikkhaggo ujuvaṅkabhūto dabbasambhāraviseso, ayampi nayo aṅkuso viyāti atthena aṅkuso. Etena hi nayena icchitaṃ suttatthaṃ nayatīti. Mukhyato pana aṅke vijjhanaṭṭhāne uddhaṭo asati anto pavisatīti aṅkuso. Aṅkasaddūpapadaupubbaasadhātu apaccayoti. Ayampi nayo kocipi atthaviseso na hotīti.
โสฬส หารนิเทฺทสา เจว ปญฺจ นยนิเทฺทสา จ อาจริเยน นิทฺทิฎฺฐาฯ อเมฺหหิ จ ญาตา, ‘‘สํวเณฺณตพฺพสุเตฺต กิํ โสฬส หารา ปฐมํ โยเชตพฺพา, อุทาหุ นยา’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา –
Soḷasa hāraniddesā ceva pañca nayaniddesā ca ācariyena niddiṭṭhā. Amhehi ca ñātā, ‘‘saṃvaṇṇetabbasutte kiṃ soḷasa hārā paṭhamaṃ yojetabbā, udāhu nayā’’ti pucchitabbattā –
๒๒.
22.
‘‘โสฬส หารา ปฐมํ, ทิสาโลจนโต ทิสา วิโลเกตฺวาฯ
‘‘Soḷasa hārā paṭhamaṃ, disālocanato disā viloketvā.
สงฺขิปิย องฺกุเสน หิ, นเยหิ ติหิ นิทฺทิเส สุตฺต’’นฺติฯ –
Saṅkhipiya aṅkusena hi, nayehi tihi niddise sutta’’nti. –
คาถมาหฯ อฎฺฐกถายํ ปน ‘‘เอวํ หาเร, นเย จ นิทฺทิสิตฺวา อิทานิ เนสํ โยชนกฺกมํ ทเสฺสโนฺต ‘โสฬส หารา ปฐม’นฺติอาทิมาหา’’ติ (เนตฺติ. อฎฺฐ. ๒๒) วุตฺตํฯ ตตฺถ โสฬส หารา พฺยญฺชนปริเยฎฺฐิภาวโต สํวเณฺณตพฺพสุเตฺต สํวณฺณนาภาเวน ปฐมํ โยเชตพฺพา, โยเชเนฺตน นิทฺทิฎฺฐา หารานุกฺกเมเนว โยเชตพฺพา, น อุปฺปฎิปาฎิยาฯ หารสํวณฺณนานุกฺกเมน สํวเณฺณตพฺพํ ปฐมํ สํวเณฺณตฺวา ปจฺฉา ทิสาโลจเนน โอโลเกตฺวา องฺกุสนเยน เนตฺวา ตีหิ อตฺถนเยหิ นิทฺทิเสติ อธิปฺปาโยฯ
Gāthamāha. Aṭṭhakathāyaṃ pana ‘‘evaṃ hāre, naye ca niddisitvā idāni nesaṃ yojanakkamaṃ dassento ‘soḷasa hārā paṭhama’ntiādimāhā’’ti (netti. aṭṭha. 22) vuttaṃ. Tattha soḷasa hārā byañjanapariyeṭṭhibhāvato saṃvaṇṇetabbasutte saṃvaṇṇanābhāvena paṭhamaṃ yojetabbā, yojentena niddiṭṭhā hārānukkameneva yojetabbā, na uppaṭipāṭiyā. Hārasaṃvaṇṇanānukkamena saṃvaṇṇetabbaṃ paṭhamaṃ saṃvaṇṇetvā pacchā disālocanena oloketvā aṅkusanayena netvā tīhi atthanayehi niddiseti adhippāyo.
อิติ สตฺติพลานุรูปา รจิตา
Iti sattibalānurūpā racitā
นยนิเทฺทสวิภาวนา นิฎฺฐิตาฯ
Nayaniddesavibhāvanā niṭṭhitā.
ทฺวาทสปทวิภาวนา
Dvādasapadavibhāvanā
เนตฺติวิสยํ สาสนวรสงฺขาตํ สํวเณฺณตพฺพสุตฺตํ เยสํ พฺยญฺชนปทานํ, อตฺถปทานญฺจ วเสน ‘‘ทฺวาทส ปทานิ สุตฺต’’นฺติ สงฺคหวาเร วุตฺตํ, ‘‘กตมานิ ตานี’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา สรูปโต นิทฺทิสิตุํ –
Nettivisayaṃ sāsanavarasaṅkhātaṃ saṃvaṇṇetabbasuttaṃ yesaṃ byañjanapadānaṃ, atthapadānañca vasena ‘‘dvādasa padāni sutta’’nti saṅgahavāre vuttaṃ, ‘‘katamāni tānī’’ti pucchitabbattā sarūpato niddisituṃ –
๒๓.
23.
‘‘อกฺขรํ ปทํ พฺยญฺชนํ, นิรุตฺติ ตเถว นิเทฺทโสฯ
‘‘Akkharaṃ padaṃ byañjanaṃ, nirutti tatheva niddeso.
อาการฉฎฺฐวจนํ, เอตฺตาว พฺยญฺชนํ สพฺพํฯ
Ākārachaṭṭhavacanaṃ, ettāva byañjanaṃ sabbaṃ.
๒๔.
24.
สงฺกาสนา ปกาสนา, วิวรณา วิภชนุตฺตานีกมฺมปญฺญตฺติฯ
Saṅkāsanā pakāsanā, vivaraṇā vibhajanuttānīkammapaññatti.
เอเตหิ ฉหิ ปเทหิ, อโตฺถ กมฺมญฺจ นิทฺทิฎฺฐ’’นฺติฯ –
Etehi chahi padehi, attho kammañca niddiṭṭha’’nti. –
คาถาทฺวยํ วุตฺตํฯ อฎฺฐกถายํ ปน ‘‘อิทานิ เยสํ พฺยญฺชนปทานํ, อตฺถปทานญฺจ วเสน ‘ทฺวาทส ปทานิ ‘สุตฺต’นฺติ วุตฺตํ, ตานิ ปทานิ นิทฺทิสิตุํ ‘อกฺขรปท’นฺติอาทิมาหา’’ติ (เนตฺติ. อฎฺฐ. ๒๓) วุตฺตํฯ
Gāthādvayaṃ vuttaṃ. Aṭṭhakathāyaṃ pana ‘‘idāni yesaṃ byañjanapadānaṃ, atthapadānañca vasena ‘dvādasa padāni ‘sutta’nti vuttaṃ, tāni padāni niddisituṃ ‘akkharapada’ntiādimāhā’’ti (netti. aṭṭha. 23) vuttaṃ.
ตตฺถ เกนเฎฺฐน อกฺขรนฺติ? อกฺขรเฎฺฐน อสญฺจรณเฎฺฐนฯ อการาทิวโณฺณ หิ อการาทิโต อิการาทิปริยายํ นกฺขรติ, น สญฺจรติ, น สงฺกมติฯ เตนาห อฎฺฐกถายํ ‘‘อปริโยสิเต ปเท วโณฺณ อกฺขรํ ปริยายวเสน อกฺขรณโต อสญฺจรณโต’’ติ (เนตฺติ. อฎฺฐ. ๒๓)ฯ อปริโยสิเต ปเทติ จ วิภตฺยนฺตภาวํ อปฺปเตฺต ทฺวิติจตุกฺขรวเนฺตสุ ปเทสุ เอกทฺวิติกฺขรมเตฺตเยว อกฺขรํ นาม, ปริโยสิเต ปทํเยว, น อกฺขรนฺติ อธิปฺปาโยฯ ปทํ ปน ปเวสนโต อตฺถวเสน ปริยายํ สญฺจรนฺตํ วิย โหติ, น เอวํ อการาทิวโณฺณ อเววจนตฺตาฯ ‘‘มา เอวํ มญฺญสี’’ติอาทีสุ วา เอกกฺขรปทา มา-การาทิ อกฺขรํ นาม, วิภตฺยนฺตํ ปทํ ปน ปทเมว โหติฯ
Tattha kenaṭṭhena akkharanti? Akkharaṭṭhena asañcaraṇaṭṭhena. Akārādivaṇṇo hi akārādito ikārādipariyāyaṃ nakkharati, na sañcarati, na saṅkamati. Tenāha aṭṭhakathāyaṃ ‘‘apariyosite pade vaṇṇo akkharaṃ pariyāyavasena akkharaṇato asañcaraṇato’’ti (netti. aṭṭha. 23). Apariyosite padeti ca vibhatyantabhāvaṃ appatte dviticatukkharavantesu padesu ekadvitikkharamatteyeva akkharaṃ nāma, pariyosite padaṃyeva, na akkharanti adhippāyo. Padaṃ pana pavesanato atthavasena pariyāyaṃ sañcarantaṃ viya hoti, na evaṃ akārādivaṇṇo avevacanattā. ‘‘Mā evaṃ maññasī’’tiādīsu vā ekakkharapadā mā-kārādi akkharaṃ nāma, vibhatyantaṃ padaṃ pana padameva hoti.
ปชฺชติ อโตฺถ เอเตนาติ ปทํฯ ตํ นามาขฺยาโตปสคฺคนิปาตปฺปเภเทน จตุพฺพิธํฯ ตตฺถ ทพฺพปธานํ ‘‘ผโสฺส เวทนา จิตฺต’’นฺติ เอวมาทิกํ นามปทํฯ ตตฺถ หิ ทพฺพมาวิภูตรูปํ, กิริยา อนาวิภูตรูปาฯ กิริยาปธานํ ‘‘ผุสติ เวทยติ วิชานาตี’’ติ เอวมาทิกํ อาขฺยาตปทํ นามฯ ตตฺถ หิ ผุสนาทิกิริยา อาวิภูตรูปา, ทพฺพมนาวิภูตรูปํฯ กิริยาวิเสสโพธเหตุภูตํ ป-อุป-อิติเอวมาทิกํ อุปสคฺคปทํ นามฯ ‘‘จิรปฺปวาสิํ (ธ. ป. ๒๑๙) อุปวุตฺถ’’นฺติ (อ. นิ. ๓.๗๑; สุ. นิ. ๔๐๕) เอวมาทีสุ หิ ป-อุปาทิสทฺทา วสนาทิกิริยาย วิโยคาทิวิสิฎฺฐตํ ทีเปนฺติฯ วจนโตฺถ ปน นามปทอาขฺยาตปททฺวยํ อุปคนฺตฺวา ตสฺส ปททฺวยสฺส อตฺถํ สชฺชนฺตีติ อุปสคฺคาติ ทฎฺฐโพฺพฯ กิริยาย เจว ทพฺพสฺส จ สรูปวิเสสปกาสนเหตุภูตํ ‘‘เอวํ, อิตี’’ติ เอวมาทิกํ นิปาตปทํ อสฺสปิ สํวณฺณนายปิ อิจฺฉิตตฺตา, อกฺขเรน ปน กถํ คหิโตติ เจ? อกฺขเรหิ สุยฺยมาเนหิ สุณนฺตานํ วิเสสวิธานสฺส กตตฺตา ปทปริโยสาเน ปทตฺถสมฺปฎิปตฺติ โหติฯ ตสฺมา อกฺขเรนปิ อตฺถากาโร คหิโตวาติ เวทิตโพฺพฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘อกฺขเรหิ สงฺกาเสติ, ปเทหิ ปกาเสติ, อกฺขเรหิ จ ปเทหิ จ อุคฺฆเฎตี’’ติ (เนตฺติ. ๙) จฯ
Pajjati attho etenāti padaṃ. Taṃ nāmākhyātopasagganipātappabhedena catubbidhaṃ. Tattha dabbapadhānaṃ ‘‘phasso vedanā citta’’nti evamādikaṃ nāmapadaṃ. Tattha hi dabbamāvibhūtarūpaṃ, kiriyā anāvibhūtarūpā. Kiriyāpadhānaṃ ‘‘phusati vedayati vijānātī’’ti evamādikaṃ ākhyātapadaṃ nāma. Tattha hi phusanādikiriyā āvibhūtarūpā, dabbamanāvibhūtarūpaṃ. Kiriyāvisesabodhahetubhūtaṃ pa-upa-itievamādikaṃ upasaggapadaṃ nāma. ‘‘Cirappavāsiṃ (dha. pa. 219) upavuttha’’nti (a. ni. 3.71; su. ni. 405) evamādīsu hi pa-upādisaddā vasanādikiriyāya viyogādivisiṭṭhataṃ dīpenti. Vacanattho pana nāmapadaākhyātapadadvayaṃ upagantvā tassa padadvayassa atthaṃ sajjantīti upasaggāti daṭṭhabbo. Kiriyāya ceva dabbassa ca sarūpavisesapakāsanahetubhūtaṃ ‘‘evaṃ, itī’’ti evamādikaṃ nipātapadaṃ assapi saṃvaṇṇanāyapi icchitattā, akkharena pana kathaṃ gahitoti ce? Akkharehi suyyamānehi suṇantānaṃ visesavidhānassa katattā padapariyosāne padatthasampaṭipatti hoti. Tasmā akkharenapi atthākāro gahitovāti veditabbo. Tena vuttaṃ – ‘‘akkharehi saṅkāseti, padehi pakāseti, akkharehi ca padehi ca ugghaṭetī’’ti (netti. 9) ca.
วิวรณา วิตฺถารณาฯ วิภชนา จ อุตฺตานีกมฺมญฺจ ปญฺญตฺติ จ วิภชนุตฺตานีกมฺมปญฺญตฺตีติ สมาหาเร อยํ ทฺวนฺทสมาโสฯ ตตฺถ วิภาคกรณํ วิภชนํ นามฯ พฺยญฺชนากาเรหิ โย อตฺถากาโร นิทฺทิสิยมาโน, โส อตฺถากาโร วิวรณวิภชนาติ ทฺวีหิ อตฺถปเทหิ นิทฺทิสิโตฯ ปากฎกรณํ อุตฺตานีกมฺมํ นามฯ ปกาเรหิ ญาปนํ ปญฺญตฺติฯ นิรุตฺตินิเทฺทสสงฺขาเตหิ พฺยญฺชนปเทหิ ปกาสิยมาโน โย อตฺถากาโร อตฺถิ, โส อตฺถากาโร อุตฺตานีกมฺมปญฺญตฺตีหิ ปฎินิทฺทิสิโตฯ เอเตหิ สงฺกาสนาทีหิ ฉหิ อตฺถปเทหิ อโตฺถ สุตฺตโตฺถ คหิโต, กมฺมญฺจ อุคฺฆฎนาทิกมฺมญฺจ นิทฺทิฎฺฐนฺติ อโตฺถฯ เยน สุตฺตเตฺถน อุคฺฆฎิตญฺญุโน จิตฺตสนฺตานสฺส สโมฺพธนกิริยาสงฺขาตสฺส อุคฺฆฎนกมฺมสฺส นิพฺพตฺติ ภเว, โส สุตฺตโตฺถ สงฺกาสนาปกาสนากาโร โหติฯ เยน สุตฺตเตฺถน วิปญฺจิตญฺญุโน จิตฺตสนฺตานสฺส โพธนกิริยาสงฺขาตสฺส วิปญฺจนกมฺมสฺส นิพฺพตฺติ, โส สุตฺตโตฺถ วิวรณาวิภชนากาโร โหติฯ เยน สุตฺตเตฺถน เนยฺยสฺส จิตฺตสนฺตานสฺส ปโพธนกิริยาสงฺขาตสฺส นยกมฺมสฺส นิพฺพตฺติ, โส สุตฺตโตฺถ อุตฺตานีกมฺมปญฺญตฺตากาโร โหตีติ ทฎฺฐโพฺพฯ เตนาห อฎฺฐกถาจริโย ‘‘สุตฺตเตฺถน หิ เทสนาย ปวตฺติยมาเนน อุคฺฆฎิตญฺญุอาทิเวเนยฺยานํ จิตฺตสนฺตานสฺส ปโพธนกิริยานิพฺพตฺติ, โส จ สุตฺตโตฺถ สงฺกาสนาทิอากาโร’’ติ (เนตฺติ. อฎฺฐ. ๒๔)ฯ
Vivaraṇā vitthāraṇā. Vibhajanā ca uttānīkammañca paññatti ca vibhajanuttānīkammapaññattīti samāhāre ayaṃ dvandasamāso. Tattha vibhāgakaraṇaṃ vibhajanaṃ nāma. Byañjanākārehi yo atthākāro niddisiyamāno, so atthākāro vivaraṇavibhajanāti dvīhi atthapadehi niddisito. Pākaṭakaraṇaṃ uttānīkammaṃ nāma. Pakārehi ñāpanaṃ paññatti. Niruttiniddesasaṅkhātehi byañjanapadehi pakāsiyamāno yo atthākāro atthi, so atthākāro uttānīkammapaññattīhi paṭiniddisito. Etehi saṅkāsanādīhi chahi atthapadehi attho suttattho gahito, kammañca ugghaṭanādikammañca niddiṭṭhanti attho. Yena suttatthena ugghaṭitaññuno cittasantānassa sambodhanakiriyāsaṅkhātassa ugghaṭanakammassa nibbatti bhave, so suttattho saṅkāsanāpakāsanākāro hoti. Yena suttatthena vipañcitaññuno cittasantānassa bodhanakiriyāsaṅkhātassa vipañcanakammassa nibbatti, so suttattho vivaraṇāvibhajanākāro hoti. Yena suttatthena neyyassa cittasantānassa pabodhanakiriyāsaṅkhātassa nayakammassa nibbatti, so suttattho uttānīkammapaññattākāro hotīti daṭṭhabbo. Tenāha aṭṭhakathācariyo ‘‘suttatthena hi desanāya pavattiyamānena ugghaṭitaññuādiveneyyānaṃ cittasantānassa pabodhanakiriyānibbatti, so ca suttattho saṅkāsanādiākāro’’ti (netti. aṭṭha. 24).
‘‘ยถาวุเตฺตหิ ตีหิ อตฺถนเยหิ เจว ฉหิ อตฺถปเทหิ จ อยุโตฺตปิ อโตฺถ กิํ โกจิ อตฺถิ, อุทาหุ สโพฺพ อโตฺถ ยุโตฺต เอวา’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา –
‘‘Yathāvuttehi tīhi atthanayehi ceva chahi atthapadehi ca ayuttopi attho kiṃ koci atthi, udāhu sabbo attho yutto evā’’ti pucchitabbattā –
๒๕.
25.
‘‘ตีณิ จ นยา อนูนา, อตฺถสฺส จ ฉปฺปทานิ คณิตานิฯ
‘‘Tīṇi ca nayā anūnā, atthassa ca chappadāni gaṇitāni.
นวหิ ปเทหิ ภควโต, วจนสฺสโตฺถ สมายุโตฺต’’ติฯ –
Navahi padehi bhagavato, vacanassattho samāyutto’’ti. –
คาถมาหฯ ตตฺถ ตีณีติ ลิงฺควิปลฺลาสนิเทฺทโส, ตโยติ ปน ปกติลิงฺคนิเทฺทโส วตฺตโพฺพฯ คณิตา อนูนา ตโย อตฺถสฺส นยา จ คณิตานิ อนูนานิ ฉ อตฺถสฺส ปทานิ จ นิทฺทิฎฺฐานิ, นิทฺทิเฎฺฐหิ จ อตฺถปเทหิ ภควโต วจนสฺส สโพฺพ อโตฺถ สมายุโตฺตว อยุโตฺต โกจิ อโตฺถ นตฺถีติ โยชนา กาตพฺพาฯ อตฺถสฺสาติ สุตฺตตฺถสฺสฯ นยาติ เนตฺติอตฺถนยาฯ ปทานีติ เนตฺติอตฺถปทานิฯ
Gāthamāha. Tattha tīṇīti liṅgavipallāsaniddeso, tayoti pana pakatiliṅganiddeso vattabbo. Gaṇitā anūnā tayo atthassa nayā ca gaṇitāni anūnāni cha atthassa padāni ca niddiṭṭhāni, niddiṭṭhehi ca atthapadehi bhagavato vacanassa sabbo attho samāyuttova ayutto koci attho natthīti yojanā kātabbā. Atthassāti suttatthassa. Nayāti nettiatthanayā. Padānīti nettiatthapadāni.
๒๖. เย หาราทโย นิทฺทิฎฺฐา, เต หาราทโย สมฺปิเณฺฑตฺวา เนตฺติปฺปกรณสฺส ปทเตฺถ สุขคฺคหณตฺถํ คณนวเสน ปริจฺฉินฺทิตฺวา ทเสฺสโนฺต ‘‘อตฺถสฺสา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ อตฺถสฺส สมูหสฺส อวยวภูตานิ นวเภทานิ อตฺถปทานิ สุตฺตพฺยญฺชนสฺส อตฺถสฺส ปริเยฎฺฐิสงฺขาตาย สํวณฺณนาย คณนโต จตุวีสติ พฺยญฺชนปทานิ โหนฺติ, อตฺถปทพฺยญฺชนปทภูตํ อุภยํ สเงฺขปยโต สมฺปิณฺฑยโต เตตฺติํสา เตตฺติํสวิธา เอตฺติกา เตตฺติํสวิธาว เนตฺตีติ โยชนาฯ
26. Ye hārādayo niddiṭṭhā, te hārādayo sampiṇḍetvā nettippakaraṇassa padatthe sukhaggahaṇatthaṃ gaṇanavasena paricchinditvā dassento ‘‘atthassā’’tiādimāha. Tattha atthassa samūhassa avayavabhūtāni navabhedāni atthapadāni suttabyañjanassa atthassa pariyeṭṭhisaṅkhātāya saṃvaṇṇanāya gaṇanato catuvīsati byañjanapadāni honti, atthapadabyañjanapadabhūtaṃ ubhayaṃ saṅkhepayato sampiṇḍayato tettiṃsā tettiṃsavidhā ettikā tettiṃsavidhāva nettīti yojanā.
ตตฺถ นวปฺปทานีติ ตโย อตฺถนยา, ฉ อตฺถปทานิ จฯ จตุพฺพีสาติ โสฬส หารา, ฉ พฺยญฺชนปทานิ, เทฺว ทิสาโลจนนยองฺกุสนยา จาติ เอวํ เตตฺติํสวิธา จ เนตฺติ นาม, อิโต วินิมุโตฺต อโญฺญ โกจิ เนตฺติปทโตฺถ นตฺถีติ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ
Tattha navappadānīti tayo atthanayā, cha atthapadāni ca. Catubbīsāti soḷasa hārā, cha byañjanapadāni, dve disālocananayaaṅkusanayā cāti evaṃ tettiṃsavidhā ca netti nāma, ito vinimutto añño koci nettipadattho natthīti attho daṭṭhabbo.
‘‘เอวํ เตตฺติํสปทตฺถาย เนตฺติยา หารนยานํ กตโม เทสนาหารวิจยหาโร’’ติอาทิ เทสนากฺกเมเนว สิโทฺธ, เอวํ สิเทฺธ สติปิ ‘‘โสฬส หารา ปฐม’’นฺติ อารโมฺภ ‘‘สเพฺพปิเม หารา เจว นยา จ อิมินา ทสฺสิตกฺกเมเนว สํวเณฺณตเพฺพสุ สุเตฺตสุ สํวณฺณนาวเสน โยเชตพฺพา, น อุปฺปฎิปาฎิยา’’ติ อิมมตฺถํ ทีเปติฯ ทีปนวจนสวนานุสาเรน ญาเปติ, ตสฺมา เอวํ กโม ทสฺสิโต, อสฺสาทาทีนวนิสฺสรณานิ ธมฺมเทสนาย นิสฺสยานิ, ผลญฺจ ธมฺมเทสนาย ผลํ, อุปาโย จ ธมฺมเทสนาย อุปาโย, อาณตฺติ จ ธมฺมเทสนาย สรีรํฯ เทสนาหารสฺส ตาสํ อสฺสาทาทีนวนิสฺสรณผลุปายาณตฺตีนํ วิภาวนสภาวตฺตาฯ
‘‘Evaṃ tettiṃsapadatthāya nettiyā hāranayānaṃ katamo desanāhāravicayahāro’’tiādi desanākkameneva siddho, evaṃ siddhe satipi ‘‘soḷasa hārā paṭhama’’nti ārambho ‘‘sabbepime hārā ceva nayā ca iminā dassitakkameneva saṃvaṇṇetabbesu suttesu saṃvaṇṇanāvasena yojetabbā, na uppaṭipāṭiyā’’ti imamatthaṃ dīpeti. Dīpanavacanasavanānusārena ñāpeti, tasmā evaṃ kamo dassito, assādādīnavanissaraṇāni dhammadesanāya nissayāni, phalañca dhammadesanāya phalaṃ, upāyo ca dhammadesanāya upāyo, āṇatti ca dhammadesanāya sarīraṃ. Desanāhārassa tāsaṃ assādādīnavanissaraṇaphalupāyāṇattīnaṃ vibhāvanasabhāvattā.
นิทฺธารเณน วินาปิ ปกติยา สพฺพสํวเณฺณตพฺพสุเตฺตสุ อนรูปาติ สุวิเญฺญยฺยตฺตา, สํวณฺณนาวิเสสานํ วิจยหาราทีนํ นิสฺสยภาวโต จ ปฐมํ เทสนาหาโร ทสฺสิโตฯ
Niddhāraṇena vināpi pakatiyā sabbasaṃvaṇṇetabbasuttesu anarūpāti suviññeyyattā, saṃvaṇṇanāvisesānaṃ vicayahārādīnaṃ nissayabhāvato ca paṭhamaṃ desanāhāro dassito.
ปทปุจฺฉาวิสฺสชฺชนาปุจฺฉาปทานุคีตีหิ สทฺธิํ เทสนาหารปทตฺถานํ อสฺสาทาทีนํ ปวิจยภาวโต เทสนาหารานนฺตรํ วิจโย หาโรฯ
Padapucchāvissajjanāpucchāpadānugītīhi saddhiṃ desanāhārapadatthānaṃ assādādīnaṃ pavicayabhāvato desanāhārānantaraṃ vicayo hāro.
วิจยหาเรน ปวิจิตานํ อตฺถานํ ยุตฺตายุตฺติวิจารณภาวโต วิจยหารานนฺตรํ ยุตฺติ หาโรฯ
Vicayahārena pavicitānaṃ atthānaṃ yuttāyuttivicāraṇabhāvato vicayahārānantaraṃ yutti hāro.
ปทฎฺฐานหารสฺส ยุตฺตายุตฺตานํเยว อตฺถานํ อุปปตฺติอนุรูปํ การณปรมฺปราย นิทฺธารณตฺตา ยุตฺติหารานนฺตรํ ปทฎฺฐานหาโรฯ
Padaṭṭhānahārassa yuttāyuttānaṃyeva atthānaṃ upapattianurūpaṃ kāraṇaparamparāya niddhāraṇattā yuttihārānantaraṃ padaṭṭhānahāro.
ยุตฺตายุตฺตานํ การณปรมฺปราย ปริคฺคหิตสภาวานํเยว จ ธมฺมานํ อวุตฺตานมฺปิ สมานลกฺขณตาย คหณลกฺขณตฺตาย ปทฎฺฐานหารานนฺตรํ ลกฺขณหาโรฯ
Yuttāyuttānaṃ kāraṇaparamparāya pariggahitasabhāvānaṃyeva ca dhammānaṃ avuttānampi samānalakkhaṇatāya gahaṇalakkhaṇattāya padaṭṭhānahārānantaraṃ lakkhaṇahāro.
ลกฺขณหาเรน อตฺถโต สุตฺตนฺตรโต นิทฺธาริตานมฺปิ ธมฺมานํ นิพฺพจนาทีนิ วตฺตพฺพานิ, น สุเตฺต สรูปโต อาคตธมฺมานํเยวาติ ทสฺสนตฺถํ ลกฺขณหารานนฺตรํ จตุพฺยูโห หาโรฯ เอวญฺหิ นิรวเสสโต อตฺถาวโพโธ โหติฯ
Lakkhaṇahārena atthato suttantarato niddhāritānampi dhammānaṃ nibbacanādīni vattabbāni, na sutte sarūpato āgatadhammānaṃyevāti dassanatthaṃ lakkhaṇahārānantaraṃ catubyūho hāro. Evañhi niravasesato atthāvabodho hoti.
จตุพฺยูเหน หาเรน วุเตฺตหิ นิพฺพจนาธิปฺปายนิทาเนหิ สทฺธิํ สุเตฺต ปทตฺถานํ สุตฺตนฺตรสํสนฺทนสงฺขาเต ปุพฺพาปรวิจาเร ทสฺสิเต เตสํ สุตฺตปทตฺถานํ สภาควิสภาคธมฺมนฺตราวฎฺฎนํ สุเขน สกฺกา ทเสฺสตุนฺติ จตุพฺยูหหารานนฺตรํ อาวโฎฺฎ หาโรฯ สุตฺตนฺตรสํสนฺทนสฺส หิ สภาควิสภาคธมฺมนฺตราวฎฺฎนยสฺส อุปายภาวโต ‘‘อารมฺภถ นิกฺกมถา’’ติอาทิคาถาย (สํ. นิ. ๑.๑๘๕; เนตฺติ. ๒๙; เปฎโก. ๓๘) อารมฺภนนิกฺกมนพุทฺธสาสนโยคธุนเนหิ วีริยสมาธิปญฺญินฺทฺริยานิ นิทฺธาเรตฺวา เตสุ อารมฺภนนิกฺกมนพุทฺธสาสนโยคธุนเนสุ อนนุโยคสฺส มูลํ ปมาโทติ สุตฺตนฺตเร ทสฺสิโต ปมาโท อาวฎฺฎิโตติฯ
Catubyūhena hārena vuttehi nibbacanādhippāyanidānehi saddhiṃ sutte padatthānaṃ suttantarasaṃsandanasaṅkhāte pubbāparavicāre dassite tesaṃ suttapadatthānaṃ sabhāgavisabhāgadhammantarāvaṭṭanaṃ sukhena sakkā dassetunti catubyūhahārānantaraṃ āvaṭṭo hāro. Suttantarasaṃsandanassa hi sabhāgavisabhāgadhammantarāvaṭṭanayassa upāyabhāvato ‘‘ārambhatha nikkamathā’’tiādigāthāya (saṃ. ni. 1.185; netti. 29; peṭako. 38) ārambhananikkamanabuddhasāsanayogadhunanehi vīriyasamādhipaññindriyāni niddhāretvā tesu ārambhananikkamanabuddhasāsanayogadhunanesu ananuyogassa mūlaṃ pamādoti suttantare dassito pamādo āvaṭṭitoti.
อาวเฎฺฎน หาเรน สภาควิสภาคธมฺมาวฎฺฎเนน ปโยชิเต สาธารณาสาธารณวเสน สํกิเลสโวทานธมฺมานํ ปทฎฺฐานโต เจว ภูมิโต จ วิภาโค สกฺกา สุเขน โยเชตุนฺติ อาวฎฺฎหารานนฺตรํ วิภตฺติ หาโรฯ
Āvaṭṭena hārena sabhāgavisabhāgadhammāvaṭṭanena payojite sādhāraṇāsādhāraṇavasena saṃkilesavodānadhammānaṃ padaṭṭhānato ceva bhūmito ca vibhāgo sakkā sukhena yojetunti āvaṭṭahārānantaraṃ vibhatti hāro.
วิภตฺติหาเรน สํกิเลสโวทานธมฺมานํ วิภาเค กเต สํวเณฺณตพฺพสุเตฺต อาคตา ธมฺมา อกสิเรน ปฎิปกฺขโต ปริวเตฺตตุํ สกฺกาติ วิภตฺติหารานนฺตรํ ปริวตฺตนหาโรฯ วิภตฺติหาเรน หิ ‘‘สมฺมาทิฎฺฐิสฺส ปุริสปุคฺคลสฺส มิจฺฉาทิฎฺฐิ นิชฺชิณฺณา โหตี’’ติ (เนตฺติ. ๓๕) ปฎิวิภตฺตสภาเว เอว ธเมฺม ปริวตฺตนหารวิภเงฺค อุทาหรียิสฺสติฯ
Vibhattihārena saṃkilesavodānadhammānaṃ vibhāge kate saṃvaṇṇetabbasutte āgatā dhammā akasirena paṭipakkhato parivattetuṃ sakkāti vibhattihārānantaraṃ parivattanahāro. Vibhattihārena hi ‘‘sammādiṭṭhissa purisapuggalassa micchādiṭṭhi nijjiṇṇā hotī’’ti (netti. 35) paṭivibhattasabhāve eva dhamme parivattanahāravibhaṅge udāharīyissati.
ปริวตฺตนหาเรน ปฎิปกฺขโต ปริวตฺติตาปิ ธมฺมา ปริยายวจเนหิ โพเธตพฺพา, น สํวเณฺณตพฺพสุเตฺต อาคตธมฺมาเยวาติ ทสฺสนตฺถํ ปริวตฺตนหารานนฺตรํ เววจนหาโรฯ
Parivattanahārena paṭipakkhato parivattitāpi dhammā pariyāyavacanehi bodhetabbā, na saṃvaṇṇetabbasutte āgatadhammāyevāti dassanatthaṃ parivattanahārānantaraṃ vevacanahāro.
เววจนหาเรน ปริยายโต ปกาสิตานํ ธมฺมานํ ปเภทโต ปญฺญตฺติวเสน วิภชนํ สุเขน สกฺกา ญาตุนฺติ เววจนหารานนฺตรํ ปญฺญตฺติ หาโรฯ
Vevacanahārena pariyāyato pakāsitānaṃ dhammānaṃ pabhedato paññattivasena vibhajanaṃ sukhena sakkā ñātunti vevacanahārānantaraṃ paññatti hāro.
ปญฺญตฺติหาเรน ปภวปริญฺญาทิปญฺญตฺติวิภาคมุเขน ปฎิจฺจสมุปฺปาทสจฺจาทิธมฺมวิภาเค กเต สุเตฺต อาคตธมฺมานํ ปฎิจฺจสมุปฺปาทาทิมุเขน อวตรณํ สกฺกา ทเสฺสตุนฺติ ปญฺญตฺติหารานนฺตรํ โอตรโณ หาโรฯ
Paññattihārena pabhavapariññādipaññattivibhāgamukhena paṭiccasamuppādasaccādidhammavibhāge kate sutte āgatadhammānaṃ paṭiccasamuppādādimukhena avataraṇaṃ sakkā dassetunti paññattihārānantaraṃ otaraṇo hāro.
โอตรเณน หาเรน ธาตายตนาทีสุ โอตาริตานํ สํวเณฺณตพฺพสุเตฺต ปทตฺถานํ ปุจฺฉารมฺภโสธนํ สกฺกา สุเขน สมฺปาเทตุนฺติ โอตรณหารานนฺตรํ โสธโน หาโรฯ
Otaraṇena hārena dhātāyatanādīsu otāritānaṃ saṃvaṇṇetabbasutte padatthānaṃ pucchārambhasodhanaṃ sakkā sukhena sampādetunti otaraṇahārānantaraṃ sodhano hāro.
โสธเนน หาเรน สํวเณฺณตพฺพสุเตฺต ปทปทเตฺถสุ วิโสธิเตสุ ตตฺถ ตตฺถ เอกตฺตตาย วา เวมตฺตตาย วา ลพฺภมานสามญฺญวิเสสภาโว สุกโร โหตีติ ทเสฺสตุํ โสธนหารานนฺตรํ อธิฎฺฐาโน หาโรฯ
Sodhanena hārena saṃvaṇṇetabbasutte padapadatthesu visodhitesu tattha tattha ekattatāya vā vemattatāya vā labbhamānasāmaññavisesabhāvo sukaro hotīti dassetuṃ sodhanahārānantaraṃ adhiṭṭhāno hāro.
สามญฺญวิเสสภูเตสุ สาธารณาสาธารเณสุ ธเมฺมสุ อธิฎฺฐาเนน หาเรน ปเวทิเตสุ ปริกฺขารสงฺขาตสฺส สาธารณาสาธารณรูปสฺส ปจฺจยเหตุราสิสฺส ปเภโท สุวิเญฺญโยฺยติ อธิฎฺฐานหารานนฺตรํ ปริกฺขาโร หาโรฯ
Sāmaññavisesabhūtesu sādhāraṇāsādhāraṇesu dhammesu adhiṭṭhānena hārena paveditesu parikkhārasaṅkhātassa sādhāraṇāsādhāraṇarūpassa paccayaheturāsissa pabhedo suviññeyyoti adhiṭṭhānahārānantaraṃ parikkhāro hāro.
อสาธารเณ, สาธารเณ จ การเณ ปริกฺขาเรน หาเรน ทสฺสิเต ตสฺส อตฺตโน ผเลสุ การณากาโร, เตสํ เหตุผลานํ ปเภทโต เทสนากาโร, ภาเวตพฺพปหาตพฺพธมฺมานํ ภาวนาปหานานิ จ นิทฺธาเรตฺวา วุจฺจมานานิ สมฺมา สํวเณฺณตพฺพสุตฺตสฺส อตฺถํ ตถตฺตาวโพธาย สํวตฺตนฺตีติ ปริกฺขารหารานนฺตรํ สมาโรปโน หาโร ทสฺสิโต โหติฯ อิทํ หารานํ ทสฺสนานุกฺกมการณํ ทฎฺฐพฺพํฯ
Asādhāraṇe, sādhāraṇe ca kāraṇe parikkhārena hārena dassite tassa attano phalesu kāraṇākāro, tesaṃ hetuphalānaṃ pabhedato desanākāro, bhāvetabbapahātabbadhammānaṃ bhāvanāpahānāni ca niddhāretvā vuccamānāni sammā saṃvaṇṇetabbasuttassa atthaṃ tathattāvabodhāya saṃvattantīti parikkhārahārānantaraṃ samāropano hāro dassito hoti. Idaṃ hārānaṃ dassanānukkamakāraṇaṃ daṭṭhabbaṃ.
อุเทฺทโส อุคฺฆฎิตญฺญุโน อุปการาย สํวตฺตติ ยถา, เอวํ นนฺทิยาวฎฺฎนโย อุคฺฆฎิตญฺญุโน อุปการาย สํวตฺตติ, ตสฺมา ปฐมํ นนฺทิยาวฎฺฎนโย ทสฺสิโตฯ นิเทฺทโส วิปญฺจิตญฺญุโน อุปการาย สํวตฺตติ ยถา, เอวํ ติปุกฺขลนโย วิปญฺจิตญฺญุโน อุปการาย สํวตฺตติ, ตสฺมา นนฺทิยาวฎฺฎนยานนฺตรํ ติปุกฺขลนโยฯ ปฎินิเทฺทโส เนยฺยสฺส อุปการาย สํวตฺตติ ยถา, เอวํ สีหวิกฺกีฬิตนโย เนยฺยสฺส อุปการาย สํวตฺตติ ฯ ตสฺมา ติปุกฺขลานนฺตรํ สีหวิกฺกีฬิตนโย ทสฺสิโตติ ติณฺณํ อตฺถนยานํ ทสฺสนานุกฺกโม เวทิตโพฺพฯ อตฺถนยานํ ทิสาภูตาย ภูมิยา อาโลเกตฺวา เตสํ ตสฺสา ทิสาย ภูมิยา สมานยนํ โหติฯ น หิ สกฺกา อโนโลเกตฺวา สมาเนตุนฺติ ทิสาโลจนนยํ ทเสฺสตฺวา องฺกุสนโย ทสฺสิโตฯ โปตฺถการุฬฺหาวเฉกา สพฺพาสุ ทิสาสุ หตฺถิคมนฎฺฐานํ โอโลเกตฺวา องฺกุเสน อิจฺฉิตฎฺฐานํ สมานยนฺติฯ เกจิ อเจฺฉกา อโนโลเกตฺวา วินยนฺติฯ เตสํ นยนมตฺตเมว, น สมานยนํฯ เอวเมว ปณฺฑิตา สุตฺตตฺถํ วเณฺณนฺตา มนสาว โอโลเกตฺวาว นยา เนตพฺพาติ ทฎฺฐพฺพาฯ
Uddeso ugghaṭitaññuno upakārāya saṃvattati yathā, evaṃ nandiyāvaṭṭanayo ugghaṭitaññuno upakārāya saṃvattati, tasmā paṭhamaṃ nandiyāvaṭṭanayo dassito. Niddeso vipañcitaññuno upakārāya saṃvattati yathā, evaṃ tipukkhalanayo vipañcitaññuno upakārāya saṃvattati, tasmā nandiyāvaṭṭanayānantaraṃ tipukkhalanayo. Paṭiniddeso neyyassa upakārāya saṃvattati yathā, evaṃ sīhavikkīḷitanayo neyyassa upakārāya saṃvattati . Tasmā tipukkhalānantaraṃ sīhavikkīḷitanayo dassitoti tiṇṇaṃ atthanayānaṃ dassanānukkamo veditabbo. Atthanayānaṃ disābhūtāya bhūmiyā āloketvā tesaṃ tassā disāya bhūmiyā samānayanaṃ hoti. Na hi sakkā anoloketvā samānetunti disālocananayaṃ dassetvā aṅkusanayo dassito. Potthakāruḷhāvachekā sabbāsu disāsu hatthigamanaṭṭhānaṃ oloketvā aṅkusena icchitaṭṭhānaṃ samānayanti. Keci acchekā anoloketvā vinayanti. Tesaṃ nayanamattameva, na samānayanaṃ. Evameva paṇḍitā suttatthaṃ vaṇṇentā manasāva oloketvāva nayā netabbāti daṭṭhabbā.
สมุฎฺฐานสํวณฺณนา อธิปฺปายสํวณฺณนา ปทตฺถสํวณฺณนา วิธิอนุวาทสํวณฺณนา นิคมนสํวณฺณนาติ วา, ปโยชนสํวณฺณนา ปิณฺฑตฺถสํวณฺณนา อนุสนฺธิสํวณฺณนา โจทนาสํวณฺณนา ปริหารสํวณฺณนาติ วา, อุโปคฺฆาฎสํวณฺณนา ปทวิคฺคหสํวณฺณนา ปทตฺถจาลนสํวณฺณนา ปจฺจุปฎฺฐานสํวณฺณนาติ วา, ตถา เอกนาฬิกากถา จตุรสฺสกถา นิสินฺนวตฺติกากถาติ วา อาคตาฯ
Samuṭṭhānasaṃvaṇṇanā adhippāyasaṃvaṇṇanā padatthasaṃvaṇṇanā vidhianuvādasaṃvaṇṇanā nigamanasaṃvaṇṇanāti vā, payojanasaṃvaṇṇanā piṇḍatthasaṃvaṇṇanā anusandhisaṃvaṇṇanā codanāsaṃvaṇṇanā parihārasaṃvaṇṇanāti vā, upogghāṭasaṃvaṇṇanā padaviggahasaṃvaṇṇanā padatthacālanasaṃvaṇṇanā paccupaṭṭhānasaṃvaṇṇanāti vā, tathā ekanāḷikākathā caturassakathā nisinnavattikākathāti vā āgatā.
ตตฺถ สมุฎฺฐานํ นิทานเมวฯ วิธิอนุวาโท วิเสสวจนเมวฯ อุโปคฺฆาโฎ นิทานเมวฯ จาลนา โจทนาเยวฯ ปจฺจุปฎฺฐานํ ปริหาโรวฯ
Tattha samuṭṭhānaṃ nidānameva. Vidhianuvādo visesavacanameva. Upogghāṭo nidānameva. Cālanā codanāyeva. Paccupaṭṭhānaṃ parihārova.
ปาฬิํ วตฺวา เอเกกปทสฺส อตฺถกถนสงฺขาตา สํวณฺณนา เอกนาฬิกากถา นามฯ
Pāḷiṃ vatvā ekekapadassa atthakathanasaṅkhātā saṃvaṇṇanā ekanāḷikākathā nāma.
ปฎิปกฺขํ ทเสฺสตฺวา ปฎิปกฺขสฺส อุปมํ ทเสฺสตฺวา สปกฺขํ ทเสฺสตฺวา สปกฺขสฺส อุปมํ ทเสฺสตฺวา กถนสงฺขาตา สํวณฺณนา จตุรสฺสกถา นามฯ
Paṭipakkhaṃ dassetvā paṭipakkhassa upamaṃ dassetvā sapakkhaṃ dassetvā sapakkhassa upamaṃ dassetvā kathanasaṅkhātā saṃvaṇṇanā caturassakathā nāma.
วิสภาคธมฺมวเสเนว ปริโยสานํ คนฺตฺวา ปุน สภาคธมฺมวเสเนว ปริโยสานคมนสงฺขาตา สํวณฺณนา นิสินฺนวตฺติกากถา นามฯ
Visabhāgadhammavaseneva pariyosānaṃ gantvā puna sabhāgadhammavaseneva pariyosānagamanasaṅkhātā saṃvaṇṇanā nisinnavattikākathā nāma.
ตา สพฺพา สํวณฺณนาโยปิ เทสนาหาราทีสุ เนตฺติสํวณฺณนาสุ อโนฺตคธาเยวฯ เตนาห ‘‘ยตฺตกา หิ สุตฺตสฺส สํวณฺณนาวิเสสา, สเพฺพ เต เนตฺติอุปเทสายตฺตา’’ติฯ เอวํ เอตฺตาวตา เอตปรมตา ทฎฺฐพฺพา ฯ เหตุผลภูมิอุปนิสาสภาควิสภาคลกฺขณนยาทโย ปน อฎฺฐกถายํ (เนตฺติ. อฎฺฐ. ๔ ทฺวาทสปท) วิตฺถารโต วุตฺตาติ น วิตฺถารยิสฺสามีติฯ
Tā sabbā saṃvaṇṇanāyopi desanāhārādīsu nettisaṃvaṇṇanāsu antogadhāyeva. Tenāha ‘‘yattakā hi suttassa saṃvaṇṇanāvisesā, sabbe te nettiupadesāyattā’’ti. Evaṃ ettāvatā etaparamatā daṭṭhabbā . Hetuphalabhūmiupanisāsabhāgavisabhāgalakkhaṇanayādayo pana aṭṭhakathāyaṃ (netti. aṭṭha. 4 dvādasapada) vitthārato vuttāti na vitthārayissāmīti.
อิติ สตฺติพลานุรูปา รจิตา
Iti sattibalānurūpā racitā
นิเทฺทสวารอตฺถวิภาวนา นิฎฺฐิตาฯ
Niddesavāraatthavibhāvanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เนตฺติปฺปกรณปาฬิ • Nettippakaraṇapāḷi / ๓. นิเทฺทสวาโร • 3. Niddesavāro
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / ขุทฺทกนิกาย (อฎฺฐกถา) • Khuddakanikāya (aṭṭhakathā) / เนตฺติปฺปกรณ-อฎฺฐกถา • Nettippakaraṇa-aṭṭhakathā / ๓. นิเทฺทสวารวณฺณนา • 3. Niddesavāravaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / ขุทฺทกนิกาย (ฎีกา) • Khuddakanikāya (ṭīkā) / เนตฺติปฺปกรณ-ฎีกา • Nettippakaraṇa-ṭīkā / ๓. นิเทฺทสวารวณฺณนา • 3. Niddesavāravaṇṇanā