Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ธมฺมสงฺคณี-มูลฎีกา • Dhammasaṅgaṇī-mūlaṭīkā |
กามาวจรกุสลํ
Kāmāvacarakusalaṃ
นิเทฺทสวารกถาวณฺณนา
Niddesavārakathāvaṇṇanā
๒. ผุสนกวเสนาติ สเนฺต อสเนฺตปิ วิสเย อาปาถคเต จิตฺตสฺส สนฺนิปตนวเสน ‘‘จิตฺตํ มโน’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ๖, ๑๗) วิย กิจฺจวิเสสํ, ‘‘มานส’’นฺติอาทีสุ (ธ. ส. ๖, ๑๗) วิย สมาเน อเตฺถ สทฺทวิเสสํ, ‘‘ปณฺฑร’’นฺติอาทีสุ (ธ. ส. ๖, ๑๗) วิย คุณวิเสสํ, ‘‘เจตสิกํ สาต’’นฺติอาทีสุ (ธ. ส. ๒, ๑๘) วิย นิสฺสยวิเสสํ, ‘‘จิตฺตสฺส ฐิตี’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ๑๕, ๒๔) วิย อญฺญสฺส อวตฺถาภาววิเสสํ, ‘‘อลุพฺภนา’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ๓๒) วิย อญฺญสฺส กิริยาภาววิเสสํ, ‘‘อลุพฺภิตตฺต’’นฺติอาทีสุ (ธ. ส. ๓๒) วิย อญฺญสฺส กิริยาภาวภูตตาวิเสสนฺติอาทิกํ อนเปกฺขิตฺวา ธมฺมมตฺตทีปนํ สภาวปทํฯ ผุสนฺตสฺส หิ จิตฺตสฺส ผุสนกิริยา ผุสนากาโรฯ สมฺผุสนาติ อารมฺมณสมาคมผุสนา, น ปฎิลาภสมฺผุสนาฯ สมฺผุสิตสฺส อารมฺมเณน สมาคตสฺส จิตฺตสฺส ภาโว สมฺผุสิตตฺตํฯ ยสฺมิํ สติ จิตฺตํ สมฺผุสิตนฺติ วุจฺจติ, โส ตสฺส ภาโวฯ เอวํ อเญฺญสุปิ ภาวนิเทฺทเสสุ ทฎฺฐพฺพํฯ
2. Phusanakavasenāti sante asantepi visaye āpāthagate cittassa sannipatanavasena ‘‘cittaṃ mano’’tiādīsu (dha. sa. 6, 17) viya kiccavisesaṃ, ‘‘mānasa’’ntiādīsu (dha. sa. 6, 17) viya samāne atthe saddavisesaṃ, ‘‘paṇḍara’’ntiādīsu (dha. sa. 6, 17) viya guṇavisesaṃ, ‘‘cetasikaṃ sāta’’ntiādīsu (dha. sa. 2, 18) viya nissayavisesaṃ, ‘‘cittassa ṭhitī’’tiādīsu (dha. sa. 15, 24) viya aññassa avatthābhāvavisesaṃ, ‘‘alubbhanā’’tiādīsu (dha. sa. 32) viya aññassa kiriyābhāvavisesaṃ, ‘‘alubbhitatta’’ntiādīsu (dha. sa. 32) viya aññassa kiriyābhāvabhūtatāvisesantiādikaṃ anapekkhitvā dhammamattadīpanaṃ sabhāvapadaṃ. Phusantassa hi cittassa phusanakiriyā phusanākāro. Samphusanāti ārammaṇasamāgamaphusanā, na paṭilābhasamphusanā. Samphusitassa ārammaṇena samāgatassa cittassa bhāvo samphusitattaṃ. Yasmiṃ sati cittaṃ samphusitanti vuccati, so tassa bhāvo. Evaṃ aññesupi bhāvaniddesesu daṭṭhabbaṃ.
อปรสฺส เววจนสฺส, อปเรน วา ปุริมตฺถสฺส ทีปนา อปรทีปนาฯ ‘‘ปณฺฑิจฺจํ โกสลฺล’’นฺติ เอวมาทโย ปญฺญาวิเสสา นานากาเล ลพฺภมานาปิ เอกสฺมิํ จิเตฺต ลพฺภนฺติฯ เอกสฺมิญฺจ วิเสเส อิตเรปิ อนุคตา โหนฺตีติ ทเสฺสตุํ ตถา วิภตฺติ อตฺถโต วิภตฺติ โหติ อตฺถนานเตฺตน กตตฺตาฯ อถ วา ยถา ‘‘โกโธ กุชฺฌนา กุชฺฌิตตฺต’’นฺติ (ธ. ส. ๑๐๖๖) สภาวาการภาวนิเทฺทเสหิ โกโธติ เอวมากาโรว อโตฺถ วุโตฺต, น เอวมิธ, อิธ ปน ปณฺฑิตาทิภาวาการภิโนฺน อโตฺถ วุโตฺตติ อิทํ วิภตฺติคมนํ อตฺถวเสน โหติฯ สมฺผุสิตตฺตนฺติ เอตฺถาปิ น ‘‘ผโสฺส’’ติ เอวมากาโรว อโตฺถ วุโตฺตฯ สมฺผโสฺสติ เอวมากาโร ปน วุโตฺตติ อตฺถโต วิภตฺติคมนนฺติ วุตฺตํฯ
Aparassa vevacanassa, aparena vā purimatthassa dīpanā aparadīpanā. ‘‘Paṇḍiccaṃ kosalla’’nti evamādayo paññāvisesā nānākāle labbhamānāpi ekasmiṃ citte labbhanti. Ekasmiñca visese itarepi anugatā hontīti dassetuṃ tathā vibhatti atthato vibhatti hoti atthanānattena katattā. Atha vā yathā ‘‘kodho kujjhanā kujjhitatta’’nti (dha. sa. 1066) sabhāvākārabhāvaniddesehi kodhoti evamākārova attho vutto, na evamidha, idha pana paṇḍitādibhāvākārabhinno attho vuttoti idaṃ vibhattigamanaṃ atthavasena hoti. Samphusitattanti etthāpi na ‘‘phasso’’ti evamākārova attho vutto. Samphassoti evamākāro pana vuttoti atthato vibhattigamananti vuttaṃ.
โทโส พฺยาปาโทติ อุเทฺทเสปิ นามนานเตฺตน นานาภูโต อุทฺทิโฎฺฐฯ นิเทฺทเสปิ เตเนว นานเตฺตน นิทฺทิโฎฺฐฯ เอโกว ขโนฺธ โหตีติ เอเกน ขนฺธสเทฺทน วตฺตพฺพตํ สนฺธายาหฯ เจตนาติ สงฺขารกฺขนฺธํ ทเสฺสติ ตปฺปมุขตฺตาฯ อสทฺธมฺมาติ อสตํ, อสโนฺต วา ธมฺมา, น วา สทฺธมฺมาติ อสทฺธมฺมาติ อสทฺธมฺมวจนียภาเวน เอกีภูโตปิ อสทฺธโมฺม โกธครุตาทิวิสิเฎฺฐน สทฺธมฺมครุตาปฎิเกฺขปนานเตฺตน นานตฺตํ คโตติ ‘‘จตฺตาโร’’ติ วุตฺตํฯ น สทฺธมฺมครุตาติ วุจฺจมานา วา อสทฺธมฺมครุตา อสทฺธมฺมครุตาภาเวน เอกีภูตาปิ โกธาทิวิสิฎฺฐปฎิเกฺขปนานเตฺตน นานตฺตํ คตาฯ ปฎิปโกฺข วา ปฎิกฺขิปียติ เตน, สยํ วา ปฎิกฺขิปตีติ ปฎิเกฺขโปติ วุจฺจตีติ สทฺธมฺมครุตาปฎิเกฺขปนานเตฺตน อสทฺธมฺมครุตา อสทฺธมฺมา วา นานตฺตํ คตาฯ อโลโภติอาทีนํ ผสฺสาทีหิ นานตฺตํ โลภาทิวิสิเฎฺฐน ปฎิเกฺขเปน โลภาทิปฎิปเกฺขน วา เวทิตพฺพํฯ อโลภาโทสาโมหานํ อญฺญมญฺญนานตฺตํ ยถาวุเตฺตน ปฎิเกฺขปนานเตฺตน โยเชตพฺพํฯ ปทตฺถสฺส ปทนฺตเรน วิภาวนํ ปทตฺถุติฯ เตน หิ ตํ ปทํ มหตฺถนฺติ ทีปิตํ โหติ อลงฺกตญฺจาติฯ อตฺถวิเสสาภาเวปิ อาภรณวเสน จ อาทรวเสน จ ปุน วจนํ ทฬฺหีกมฺมํฯ
Doso byāpādoti uddesepi nāmanānattena nānābhūto uddiṭṭho. Niddesepi teneva nānattena niddiṭṭho. Ekova khandho hotīti ekena khandhasaddena vattabbataṃ sandhāyāha. Cetanāti saṅkhārakkhandhaṃ dasseti tappamukhattā. Asaddhammāti asataṃ, asanto vā dhammā, na vā saddhammāti asaddhammāti asaddhammavacanīyabhāvena ekībhūtopi asaddhammo kodhagarutādivisiṭṭhena saddhammagarutāpaṭikkhepanānattena nānattaṃ gatoti ‘‘cattāro’’ti vuttaṃ. Na saddhammagarutāti vuccamānā vā asaddhammagarutā asaddhammagarutābhāvena ekībhūtāpi kodhādivisiṭṭhapaṭikkhepanānattena nānattaṃ gatā. Paṭipakkho vā paṭikkhipīyati tena, sayaṃ vā paṭikkhipatīti paṭikkhepoti vuccatīti saddhammagarutāpaṭikkhepanānattena asaddhammagarutā asaddhammā vā nānattaṃ gatā. Alobhotiādīnaṃ phassādīhi nānattaṃ lobhādivisiṭṭhena paṭikkhepena lobhādipaṭipakkhena vā veditabbaṃ. Alobhādosāmohānaṃ aññamaññanānattaṃ yathāvuttena paṭikkhepanānattena yojetabbaṃ. Padatthassa padantarena vibhāvanaṃ padatthuti. Tena hi taṃ padaṃ mahatthanti dīpitaṃ hoti alaṅkatañcāti. Atthavisesābhāvepi ābharaṇavasena ca ādaravasena ca puna vacanaṃ daḷhīkammaṃ.
๓. ตชฺชนฺติ ตสฺส ผลสฺส อนุจฺฉวิกํฯ น เกวลํ นิทฺทิสิยมานํ สาตเมว อธิกตํ , อถ โข ยถานิทฺทิฎฺฐานิ อารมฺมณานิปีติ ‘‘เตหิ วา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตสฺส วา ชาตา การณภาเวน ผสฺสตฺถํ ปวตฺตาติ ตชฺชาฯ ตํสมงฺคีปุคฺคลํ, สมฺปยุตฺตธเมฺม วา อตฺตนิ สาทยตีติ สาตํ ท-การสฺส ต-การํ กตฺวาฯ สุฎฺฐุ ขาทติ, ขณติ วา ทุกฺขนฺติ สุขํฯ
3. Tajjanti tassa phalassa anucchavikaṃ. Na kevalaṃ niddisiyamānaṃ sātameva adhikataṃ , atha kho yathāniddiṭṭhāni ārammaṇānipīti ‘‘tehi vā’’tiādi vuttaṃ. Tassa vā jātā kāraṇabhāvena phassatthaṃ pavattāti tajjā. Taṃsamaṅgīpuggalaṃ, sampayuttadhamme vā attani sādayatīti sātaṃ da-kārassa ta-kāraṃ katvā. Suṭṭhu khādati, khaṇati vā dukkhanti sukhaṃ.
๕. ปาโสติ ราคปาโสฯ โส หิ นิราวรณตฺตา อนฺตลิกฺขจโรฯ อกุสลมฺปิ ปณฺฑรนฺติ วุตฺตํ, โก ปน วาโท กุสลนฺติ อธิปฺปาโยฯ ตญฺหิ ปณฺฑรโต นิกฺขนฺตํ สยญฺจ ปณฺฑรนฺติฯ อถ วา สพฺพมฺปิ จิตฺตํ สภาวโต ปณฺฑรเมว, อาคนฺตุโกปกฺกิเลสโวทาเนหิ ปน สาวชฺชานวชฺชานํ อุปกฺกิลิฎฺฐวิสุทฺธตรตา โหนฺตีติฯ ทารุปฺปมาเณสุ สิลาทีสุ ขนฺธปญฺญตฺติยา อภาวา กิญฺจิ นิมิตฺตํ อนเปกฺขิตฺวา ทารุมฺหิ ปวตฺตา ขนฺธปญฺญตฺตีติ ‘‘ปณฺณตฺติมตฺตเฎฺฐนา’’ติ วุตฺตํฯ ตํ-สเทฺทน มโนวิญฺญาณธาตุเยว วุเจฺจยฺย นิทฺทิสิตพฺพตฺตาติ น ตสฺสา ตชฺชตาฯ เตหิ อารมฺมเณหิ ชาตา ตชฺชาติ จ วุจฺจมาเน สมฺผสฺสชตา น วตฺตพฺพาฯ น หิ โส อารมฺมณํ, นาปิ วิเสสปจฺจโยฯ ‘‘ติณฺณํ สงฺคติ ผโสฺส’’ติ วิญฺญาณเมว ผสฺสสฺส วิเสสปจฺจโยติ วุโตฺตติ ตสฺมา น วิญฺญาณํ วิเสสปจฺจยภูตํ สมฺผสฺสชตาย ตชฺชามโนวิญฺญาณธาตุสมฺผสฺสชาปญฺญตฺติํ ลภติ, น จ ตเทว ตสฺส การณภาเวน ผลภาเวน จ วุจฺจมานํ สุวิเญฺญยฺยํ โหตีติฯ กิํ วา เอเตน, ยถา ภควตา วุตฺตา ตํสภาวาเยว เต ธมฺมาติ น เอวํวิเธสุ การณํ มคฺคิตพฺพํฯ
5. Pāsoti rāgapāso. So hi nirāvaraṇattā antalikkhacaro. Akusalampi paṇḍaranti vuttaṃ, ko pana vādo kusalanti adhippāyo. Tañhi paṇḍarato nikkhantaṃ sayañca paṇḍaranti. Atha vā sabbampi cittaṃ sabhāvato paṇḍarameva, āgantukopakkilesavodānehi pana sāvajjānavajjānaṃ upakkiliṭṭhavisuddhataratā hontīti. Dāruppamāṇesu silādīsu khandhapaññattiyā abhāvā kiñci nimittaṃ anapekkhitvā dārumhi pavattā khandhapaññattīti ‘‘paṇṇattimattaṭṭhenā’’ti vuttaṃ. Taṃ-saddena manoviññāṇadhātuyeva vucceyya niddisitabbattāti na tassā tajjatā. Tehi ārammaṇehi jātā tajjāti ca vuccamāne samphassajatā na vattabbā. Na hi so ārammaṇaṃ, nāpi visesapaccayo. ‘‘Tiṇṇaṃ saṅgati phasso’’ti viññāṇameva phassassa visesapaccayoti vuttoti tasmā na viññāṇaṃ visesapaccayabhūtaṃ samphassajatāya tajjāmanoviññāṇadhātusamphassajāpaññattiṃ labhati, na ca tadeva tassa kāraṇabhāvena phalabhāvena ca vuccamānaṃ suviññeyyaṃ hotīti. Kiṃ vā etena, yathā bhagavatā vuttā taṃsabhāvāyeva te dhammāti na evaṃvidhesu kāraṇaṃ maggitabbaṃ.
๗. เอวํ ตกฺกนวเสน โลกสิเทฺธนาติ อธิปฺปาโยฯ เอวเญฺจวญฺจ ภวิตพฺพนฺติ วิวิธํ ตกฺกนํ กูเป วิย อุทกสฺส อารมฺมณสฺส อากฑฺฒนํ วิตกฺกนํฯ
7. Evaṃtakkanavasena lokasiddhenāti adhippāyo. Evañcevañca bhavitabbanti vividhaṃ takkanaṃ kūpe viya udakassa ārammaṇassa ākaḍḍhanaṃ vitakkanaṃ.
๘. สมนฺตโต จรณํ วิจรณํฯ
8. Samantato caraṇaṃ vicaraṇaṃ.
๙. อตฺตมนตาติ เอตฺถ อตฺต-สเทฺทน น จิตฺตํ วุตฺตํฯ น หิ จิตฺตสฺส มโน อตฺถีติฯ อตฺตมนสฺส ปน ปุคฺคลสฺส ภาโว อตฺตมนตาติ วตฺวา ปุน ปุคฺคลทิฎฺฐินิเสธนตฺถํ ‘‘จิตฺตสฺสา’’ติ วุตฺตํฯ
9. Attamanatāti ettha atta-saddena na cittaṃ vuttaṃ. Na hi cittassa mano atthīti. Attamanassa pana puggalassa bhāvo attamanatāti vatvā puna puggaladiṭṭhinisedhanatthaṃ ‘‘cittassā’’ti vuttaṃ.
๑๑. น พลวตี, กสฺมา อวฎฺฐิติ วุตฺตาติ? เอกคฺคจิเตฺตน ปาณวธาทิกรเณ ตถา อวฎฺฐานมตฺตภาวโต ฯ วิรูปํ, วิวิธํ วา สํหรณํ วิกิรณํ วิสาหาโร, สํหรณํ วา สมฺปิณฺฑนํ, ตทภาโว วิสาหาโรฯ
11. Na balavatī, kasmā avaṭṭhiti vuttāti? Ekaggacittena pāṇavadhādikaraṇe tathā avaṭṭhānamattabhāvato . Virūpaṃ, vividhaṃ vā saṃharaṇaṃ vikiraṇaṃ visāhāro, saṃharaṇaṃ vā sampiṇḍanaṃ, tadabhāvo visāhāro.
๑๒. อญฺญสฺมิํ ปริยาเยติ อญฺญสฺมิํ การเณฯ สมานาธิกรณภาโว ทฺวินฺนํ พหูนํ วา ปทานํ เอกสฺมิํ อเตฺถ ปวตฺติฯ
12. Aññasmiṃ pariyāyeti aññasmiṃ kāraṇe. Samānādhikaraṇabhāvo dvinnaṃ bahūnaṃ vā padānaṃ ekasmiṃ atthe pavatti.
๑๓. อารมฺภติ จาติ อาปชฺชติ จฯ อุทฺธํ ยมนํ อุยฺยาโมฯ ธุรนฺติ นิปฺผาเทตุํ อารทฺธํ กุสลํ, ปฎิญฺญํ วาฯ
13. Ārambhati cāti āpajjati ca. Uddhaṃ yamanaṃ uyyāmo. Dhuranti nipphādetuṃ āraddhaṃ kusalaṃ, paṭiññaṃ vā.
๑๔. ติณฺณนฺติ พุทฺธาทีนํฯ จิเตฺต อารมฺมณสฺส อุปฎฺฐานํ โชตนญฺจ สติเยวาติ ตสฺสา เอตํ ลกฺขณํฯ
14. Tiṇṇanti buddhādīnaṃ. Citte ārammaṇassa upaṭṭhānaṃ jotanañca satiyevāti tassā etaṃ lakkhaṇaṃ.
๑๖. ปาสาณสกฺขรวาลิกาทิรหิตา ภูมิ สณฺหาติ ‘‘สณฺหเฎฺฐนา’’ติ วุตฺตํฯ
16. Pāsāṇasakkharavālikādirahitā bhūmi saṇhāti ‘‘saṇhaṭṭhenā’’ti vuttaṃ.
๑๙. อยนฺตีติ เอกกมฺมนิพฺพตฺตมนุสฺสาทิสนฺตติอวิเจฺฉทวเสน ปวตฺตนฺติฯ กุสลากุสเลสุปิ หิ ชีวิตํ อินฺทฺริยปจฺจยภาเวน สมฺปยุเตฺต ปวตฺตยมานเมว ตทวิเจฺฉทสฺส ปจฺจโย โหติฯ
19. Ayantīti ekakammanibbattamanussādisantatiavicchedavasena pavattanti. Kusalākusalesupi hi jīvitaṃ indriyapaccayabhāvena sampayutte pavattayamānameva tadavicchedassa paccayo hoti.
๓๐. ยํ หิรียตีติ หิรียติ-สเทฺทน วุโตฺต ภาโว ยํ-สเทฺทน วุจฺจตีติ ยนฺติ ภาวนปุํสกํ วา เอตํ ทฎฺฐพฺพํฯ หิริยิตเพฺพนาติ จ เหตุอเตฺถ กรณวจนํ ยุชฺชติฯ
30. Yaṃ hirīyatīti hirīyati-saddena vutto bhāvo yaṃ-saddena vuccatīti yanti bhāvanapuṃsakaṃ vā etaṃ daṭṭhabbaṃ. Hiriyitabbenāti ca hetuatthe karaṇavacanaṃ yujjati.
๓๒. อลุพฺภนกวเสนาติ เอตฺถ อลุพฺภนเมว อลุพฺภนกนฺติ ภาวนิเทฺทโส ทฎฺฐโพฺพฯ
32. Alubbhanakavasenāti ettha alubbhanameva alubbhanakanti bhāvaniddeso daṭṭhabbo.
๓๓. อพฺยาปโชฺชติ พฺยาปาเทน ทุเกฺขน โทมนสฺสสงฺขาเตน โทเสน วิย น พฺยาปาเทตโพฺพติปิ อโตฺถ ยุชฺชติฯ
33. Abyāpajjoti byāpādena dukkhena domanassasaṅkhātena dosena viya na byāpādetabbotipi attho yujjati.
๔๒-๔๓. ถินมิทฺธาทิปฎิปกฺขภาเวน กุสลธเมฺม อนิจฺจาทิมนสิกาเร จ สีฆํ สีฆํ ปริวตฺตนสมตฺถตา ลหุปริณามตา, อวิชฺชานีวรณานญฺหิ ตณฺหาสํโยชนานํ สตฺตานํ อกุสลปฺปวตฺติ ปกติภูตาติ น ตตฺถ ลหุปริณามตาย อโตฺถฯ เตสญฺจ ภาโว ครุตาเยวาติ ตพฺพิธุรสภาวานํ ลหุตา ทฎฺฐพฺพาฯ สา หิ ปวตฺตมานา สีฆํ ภวงฺควุฎฺฐานสฺส ปจฺจโย โหติฯ
42-43. Thinamiddhādipaṭipakkhabhāvena kusaladhamme aniccādimanasikāre ca sīghaṃ sīghaṃ parivattanasamatthatā lahupariṇāmatā, avijjānīvaraṇānañhi taṇhāsaṃyojanānaṃ sattānaṃ akusalappavatti pakatibhūtāti na tattha lahupariṇāmatāya attho. Tesañca bhāvo garutāyevāti tabbidhurasabhāvānaṃ lahutā daṭṭhabbā. Sā hi pavattamānā sīghaṃ bhavaṅgavuṭṭhānassa paccayo hoti.
๔๔-๔๕. เย จ ธมฺมา โมหสมฺปยุตฺตา วิย อวิปนฺนลหุตา, เตสญฺจ กุสลกรเณ อปฺปฎิฆาโต มุทุตาฯ อปฺปฎิฆาเตน มุทุตาทิรูปสทิสตาย อรูปธมฺมานมฺปิ มุทุตา มทฺทวตาติอาทิ วุตฺตํฯ
44-45. Ye ca dhammā mohasampayuttā viya avipannalahutā, tesañca kusalakaraṇe appaṭighāto mudutā. Appaṭighātena mudutādirūpasadisatāya arūpadhammānampi mudutā maddavatātiādi vuttaṃ.
๔๖-๔๗. สิเนหวเสน กิลินฺนํ อติมุทุกํ จิตฺตํ อกมฺมญฺญํ โหติ วิลีนํ วิย สุวณฺณํ, มานาทิวเสน อติถทฺธญฺจ อตาปิตํ วิย สุวณฺณํ, ยํ ปนานุรูปมุทุตายุตฺตํ, ตํ กมฺมญฺญํ โหติ ยุตฺตมทฺทวํ วิย สุวณฺณํฯ ตเสฺสว มุทุกสฺส โย กมฺมญฺญากาโร, สา กมฺมญฺญตาติ มุทุตาวิสิฎฺฐา กมฺมญฺญตา เวทิตพฺพาฯ
46-47. Sinehavasena kilinnaṃ atimudukaṃ cittaṃ akammaññaṃ hoti vilīnaṃ viya suvaṇṇaṃ, mānādivasena atithaddhañca atāpitaṃ viya suvaṇṇaṃ, yaṃ panānurūpamudutāyuttaṃ, taṃ kammaññaṃ hoti yuttamaddavaṃ viya suvaṇṇaṃ. Tasseva mudukassa yo kammaññākāro, sā kammaññatāti mudutāvisiṭṭhā kammaññatā veditabbā.
๕๐-๕๑. ปโจฺจสกฺกนภาเวน ปวตฺตํ อกุสลเมว ปโจฺจสกฺกนํฯ เอกวีสติ อเนสนา นาม เวชฺชกมฺมํ กโรติ, ทูตกมฺมํ กโรติ, ปหิณกมฺมํ กโรติ, คณฺฑํ ผาเลติ, อรุมกฺขนํ เทติ, อุทฺธํวิเรจนํ เทติ, อโธวิเรจนํ เทติ, นตฺถุเตลํ ปจติ, จกฺขุเตลํ ปจติ, เวฬุทานํ เทติ, ปณฺณทานํ เทติ, ปุปฺผทานํ เทติ, ผลทานํ เทติ, สินานทานํ เทติ, ทนฺตกฎฺฐทานํ เทติ, มุโขทกทานํ เทติ, จุณฺณทานํ เทติ, มตฺติกาทานํ เทติ, จาฎุกกมฺมํ กโรติ, มุคฺคสูปิยํ, ปาริภฎฺยํ, ชงฺฆเปสนิยํ ทฺวาวีสติมํ ทูตกเมฺมน สทิสํ, ตสฺมา เอกวีสติฯ ฉ อโคจรา เวสิยาโคจโร, วิธวา, ถุลฺลกุมารี, ปณฺฑก, ปานาคาร, ภิกฺขุนีอโคจโรติฯ สเงฺขปโตติ สรูเปน อนุทฺทิฎฺฐตฺตา ‘‘ตตฺถ กตโม ฉโนฺท’’ติอาทิ น สกฺกา วตฺตุนฺติ ‘‘โย ฉโนฺท ฉนฺทิกตา’’ติอาทินิเทฺทสํ สงฺขิปิตฺวา ‘‘เย วา ปนา’’ติ นิเทฺทโส กโตติ อโตฺถฯ
50-51. Paccosakkanabhāvena pavattaṃ akusalameva paccosakkanaṃ. Ekavīsati anesanā nāma vejjakammaṃ karoti, dūtakammaṃ karoti, pahiṇakammaṃ karoti, gaṇḍaṃ phāleti, arumakkhanaṃ deti, uddhaṃvirecanaṃ deti, adhovirecanaṃ deti, natthutelaṃ pacati, cakkhutelaṃ pacati, veḷudānaṃ deti, paṇṇadānaṃ deti, pupphadānaṃ deti, phaladānaṃ deti, sinānadānaṃ deti, dantakaṭṭhadānaṃ deti, mukhodakadānaṃ deti, cuṇṇadānaṃ deti, mattikādānaṃ deti, cāṭukakammaṃ karoti, muggasūpiyaṃ, pāribhaṭyaṃ, jaṅghapesaniyaṃ dvāvīsatimaṃ dūtakammena sadisaṃ, tasmā ekavīsati. Cha agocarā vesiyāgocaro, vidhavā, thullakumārī, paṇḍaka, pānāgāra, bhikkhunīagocaroti. Saṅkhepatoti sarūpena anuddiṭṭhattā ‘‘tattha katamo chando’’tiādi na sakkā vattunti ‘‘yo chando chandikatā’’tiādiniddesaṃ saṅkhipitvā ‘‘ye vā panā’’ti niddeso katoti attho.
นิเทฺทสวารกถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Niddesavārakathāvaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / อภิธมฺมปิฎก • Abhidhammapiṭaka / ธมฺมสงฺคณีปาฬิ • Dhammasaṅgaṇīpāḷi / กามาวจรกุสลํ • Kāmāvacarakusalaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / อภิธมฺมปิฎก (อฎฺฐกถา) • Abhidhammapiṭaka (aṭṭhakathā) / ธมฺมสงฺคณิ-อฎฺฐกถา • Dhammasaṅgaṇi-aṭṭhakathā / กามาวจรกุสลํ นิเทฺทสวารกถา • Kāmāvacarakusalaṃ niddesavārakathā
ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / ธมฺมสงฺคณี-อนุฎีกา • Dhammasaṅgaṇī-anuṭīkā / นิเทฺทสวารกถาวณฺณนา • Niddesavārakathāvaṇṇanā