Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เนตฺติปฺปกรณ-อฎฺฐกถา • Nettippakaraṇa-aṭṭhakathā |
๓. นิเทฺทสวารวณฺณนา
3. Niddesavāravaṇṇanā
๔. เอวํ อุทฺทิเฎฺฐ หาราทโย นิทฺทิสิตุํ ‘‘ตตฺถ สเงฺขปโต’’ติอาทิ อารทฺธํฯ ตตฺถ ตตฺถาติ ตสฺมิํ อุเทฺทสปาเฐฯ สเงฺขปโต เนตฺติ กิตฺติตาติ สมาสโต เนตฺติปฺปกรณํ กถิตํฯ หารนยมูลปทานญฺหิ สรูปทสฺสนํ อุเทฺทสปาเฐน กตนฺติฯ เอตฺถ จ หารนยานํ –
4. Evaṃ uddiṭṭhe hārādayo niddisituṃ ‘‘tattha saṅkhepato’’tiādi āraddhaṃ. Tattha tatthāti tasmiṃ uddesapāṭhe. Saṅkhepato netti kittitāti samāsato nettippakaraṇaṃ kathitaṃ. Hāranayamūlapadānañhi sarūpadassanaṃ uddesapāṭhena katanti. Ettha ca hāranayānaṃ –
สามญฺญโต วิเสเสน, ปทโตฺถ ลกฺขณํ กโม;
Sāmaññato visesena, padattho lakkhaṇaṃ kamo;
เอตฺตาวตา จ เหตฺวาที, เวทิตพฺพา หิ วิญฺญุนาฯ
Ettāvatā ca hetvādī, veditabbā hi viññunā.
เตสุ อวิเสสโต วิเสสโต จ หารนยานํ อโตฺถ ทสฺสิโตฯ ลกฺขณาทีสุ ปน อวิเสสโต สเพฺพปิ หารา นยา จ ยถากฺกมํ พฺยญฺชนตฺถมุเขน นวงฺคสฺส สาสนสฺส อตฺถสํวณฺณนลกฺขณาฯ วิเสสโต ปน ตสฺส ตสฺส หารสฺส นยสฺส จ ลกฺขณํ นิเทฺทเส เอว กถยิสฺสามฯ กมาทีนิ จ ยสฺมา เนสํ ลกฺขเณสุ ญาเตสุ วิเญฺญยฺยานิ โหนฺติ, ตสฺมา ตานิปิ นิเทฺทสโต ปรโต ปกาสยิสฺสามฯ
Tesu avisesato visesato ca hāranayānaṃ attho dassito. Lakkhaṇādīsu pana avisesato sabbepi hārā nayā ca yathākkamaṃ byañjanatthamukhena navaṅgassa sāsanassa atthasaṃvaṇṇanalakkhaṇā. Visesato pana tassa tassa hārassa nayassa ca lakkhaṇaṃ niddese eva kathayissāma. Kamādīni ca yasmā nesaṃ lakkhaṇesu ñātesu viññeyyāni honti, tasmā tānipi niddesato parato pakāsayissāma.
หารสเงฺขโป
Hārasaṅkhepo
๑. ยา ปน อสฺสาทาทีนวตาติอาทิกา นิเทฺทสคาถา, ตาสุ อสฺสาทาทีนวตาติ อสฺสาโท อาทีนวตาติ ปทวิภาโคฯ อาทีนวตาติ จ อาทีนโว เอวฯ เกจิ ‘‘อสฺสาทาทีนวโต’’ติ ปฐนฺติ, ตํ น สุนฺทรํฯ ตตฺถ อสฺสาทียตีติ อสฺสาโท, สุขํ โสมนสฺสญฺจฯ วุตฺตเญฺหตํ – ‘‘ยํ, ภิกฺขเว, ปญฺจุปาทานกฺขเนฺธ ปฎิจฺจ อุปฺปชฺชติ สุขํ โสมนสฺสํ, อยํ ปญฺจสุ อุปาทานกฺขเนฺธสุ อสฺสาโท’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๖๖; สํ. นิ. ๓.๒๖)ฯ ยถา เจตํ สุขํ โสมนสฺสํ, เอวํ อิฎฺฐารมฺมณมฺปิฯ วุตฺตมฺปิ เจตํ – ‘‘โส ตทสฺสาเทติ ตํ นิกาเมตี’’ติ ‘‘รูปํ อสฺสาเทติ อภินนฺทติ, ตํ อารพฺภ ราโค อุปฺปชฺชตี’’ติ (ปฎฺฐา. ๑.๑.๔๒๔), ‘‘สํโยชนีเยสุ, ภิกฺขเว, ธเมฺมสุ อสฺสาทานุปสฺสิโน’’ติ (สํ. นิ. ๒.๕๓) จ ฯ อสฺสาเทติ เอตายาติ วา อสฺสาโท, ตณฺหาฯ ตณฺหาย หิ การณภูตาย ปุคฺคโล สุขมฺปิ สุขารมฺมณมฺปิ อสฺสาเทติฯ ยถา จ ตณฺหา, เอวํ วิปลฺลาสาปิฯ วิปลฺลาสวเสน หิ สตฺตา อนิฎฺฐมฺปิ อารมฺมณํ อิฎฺฐากาเรน อสฺสาเทนฺติ, เอวํ เวทนาย สเพฺพสํ เตภูมกสงฺขารานํ ตณฺหาย วิปลฺลาสานญฺจ อสฺสาทวิจาโร เวทิตโพฺพฯ
1. Yā pana assādādīnavatātiādikā niddesagāthā, tāsu assādādīnavatāti assādo ādīnavatāti padavibhāgo. Ādīnavatāti ca ādīnavo eva. Keci ‘‘assādādīnavato’’ti paṭhanti, taṃ na sundaraṃ. Tattha assādīyatīti assādo, sukhaṃ somanassañca. Vuttañhetaṃ – ‘‘yaṃ, bhikkhave, pañcupādānakkhandhe paṭicca uppajjati sukhaṃ somanassaṃ, ayaṃ pañcasu upādānakkhandhesu assādo’’ti (ma. ni. 1.166; saṃ. ni. 3.26). Yathā cetaṃ sukhaṃ somanassaṃ, evaṃ iṭṭhārammaṇampi. Vuttampi cetaṃ – ‘‘so tadassādeti taṃ nikāmetī’’ti ‘‘rūpaṃ assādeti abhinandati, taṃ ārabbha rāgo uppajjatī’’ti (paṭṭhā. 1.1.424), ‘‘saṃyojanīyesu, bhikkhave, dhammesu assādānupassino’’ti (saṃ. ni. 2.53) ca . Assādeti etāyāti vā assādo, taṇhā. Taṇhāya hi kāraṇabhūtāya puggalo sukhampi sukhārammaṇampi assādeti. Yathā ca taṇhā, evaṃ vipallāsāpi. Vipallāsavasena hi sattā aniṭṭhampi ārammaṇaṃ iṭṭhākārena assādenti, evaṃ vedanāya sabbesaṃ tebhūmakasaṅkhārānaṃ taṇhāya vipallāsānañca assādavicāro veditabbo.
กถํ ปน ทุกฺขาทุกฺขมสุขเวทนานํ อสฺสาทนียตาติ? วิปลฺลาสโต สุขปริยายสพฺภาวโต จฯ ตถา หิ วุตฺตํ – ‘‘สุขา โข, อาวุโส วิสาข, เวทนา ฐิติสุขา วิปริณามทุกฺขาฯ ทุกฺขา เวทนา ฐิติทุกฺขา วิปริณามสุขา, อทุกฺขมสุขา เวทนา ญาณสุขา อญฺญาณทุกฺขา’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๖๕)ฯ ตตฺถ เวทนาย อฎฺฐสตปริยายวเสน, เตภูมกสงฺขารานํ นิเกฺขปกณฺฑรูปกณฺฑวเสน, ตณฺหาย สํกิเลสวตฺถุวิภเงฺค นิเกฺขปกเณฺฑ จ ตณฺหานิเทฺทสวเสน, วิปลฺลาสานํ สุขสญฺญาทิวเสน ทฺวาสฎฺฐิทิฎฺฐิคตวเสน จ วิภาโค เวทิตโพฺพฯ
Kathaṃ pana dukkhādukkhamasukhavedanānaṃ assādanīyatāti? Vipallāsato sukhapariyāyasabbhāvato ca. Tathā hi vuttaṃ – ‘‘sukhā kho, āvuso visākha, vedanā ṭhitisukhā vipariṇāmadukkhā. Dukkhā vedanā ṭhitidukkhā vipariṇāmasukhā, adukkhamasukhā vedanā ñāṇasukhā aññāṇadukkhā’’ti (ma. ni. 1.465). Tattha vedanāya aṭṭhasatapariyāyavasena, tebhūmakasaṅkhārānaṃ nikkhepakaṇḍarūpakaṇḍavasena, taṇhāya saṃkilesavatthuvibhaṅge nikkhepakaṇḍe ca taṇhāniddesavasena, vipallāsānaṃ sukhasaññādivasena dvāsaṭṭhidiṭṭhigatavasena ca vibhāgo veditabbo.
อาทีนโว ทุกฺขา เวทนา ติโสฺสปิ วา ทุกฺขตาฯ อถ วา สเพฺพปิ เตภูมกา สงฺขารา อาทีนโวฯ อาทีนํ อติวิย กปณํ วาติ ปวตฺตตีติ หิ อาทีนโว, กปณมนุโสฺส, เอวํสภาวา จ เตภูมกา ธมฺมา อนิจฺจตาทิโยเคนฯ ยโต ตตฺถ อาทีนวานุปสฺสนา อารทฺธวิปสฺสกานํ ยถาภูตนโยติ วุจฺจติฯ ตถา จ วุตฺตํ – ‘‘ยํ, ภิกฺขเว, ปญฺจุปาทานกฺขนฺธา อนิจฺจา ทุกฺขา วิปริณามธมฺมา, อยํ ปญฺจสุ อุปาทานกฺขเนฺธสุ อาทีนโว’’ติฯ ตสฺมา อาทีนโว ทุกฺขสจฺจนิเทฺทสภูตานํ ชาติยาทีนํ อนิจฺจตาทีนํ ทฺวาจตฺตาลีสาย อาการานญฺจ วเสน วิภชิตฺวา นิทฺทิสิตโพฺพฯ
Ādīnavo dukkhā vedanā tissopi vā dukkhatā. Atha vā sabbepi tebhūmakā saṅkhārā ādīnavo. Ādīnaṃ ativiya kapaṇaṃ vāti pavattatīti hi ādīnavo, kapaṇamanusso, evaṃsabhāvā ca tebhūmakā dhammā aniccatādiyogena. Yato tattha ādīnavānupassanā āraddhavipassakānaṃ yathābhūtanayoti vuccati. Tathā ca vuttaṃ – ‘‘yaṃ, bhikkhave, pañcupādānakkhandhā aniccā dukkhā vipariṇāmadhammā, ayaṃ pañcasu upādānakkhandhesu ādīnavo’’ti. Tasmā ādīnavo dukkhasaccaniddesabhūtānaṃ jātiyādīnaṃ aniccatādīnaṃ dvācattālīsāya ākārānañca vasena vibhajitvā niddisitabbo.
นิสฺสรติ เอเตนาติ นิสฺสรณํ, อริยมโคฺคฯ นิสฺสรตีติ วา นิสฺสรณํ นิพฺพานํฯ อุภยมฺปิ สามญฺญนิเทฺทเสน เอกเสเสน วา ‘‘นิสฺสรณ’’นฺติ วุตฺตํฯ ปิ-สโทฺท ปุริมานํ ปจฺฉิมานญฺจ สมฺปิณฺฑนโตฺถฯ ตตฺถ อริยมคฺคปเกฺข สติปฎฺฐานาทีนํ สตฺตตฺติํสโพธิปกฺขิยธมฺมานํ กายานุปสฺสนาทีนญฺจ ตทโนฺตคธเภทานํ วเสน นิสฺสรณํ วิภชิตฺวา นิทฺทิสิตพฺพํฯ
Nissarati etenāti nissaraṇaṃ, ariyamaggo. Nissaratīti vā nissaraṇaṃ nibbānaṃ. Ubhayampi sāmaññaniddesena ekasesena vā ‘‘nissaraṇa’’nti vuttaṃ. Pi-saddo purimānaṃ pacchimānañca sampiṇḍanattho. Tattha ariyamaggapakkhe satipaṭṭhānādīnaṃ sattattiṃsabodhipakkhiyadhammānaṃ kāyānupassanādīnañca tadantogadhabhedānaṃ vasena nissaraṇaṃ vibhajitvā niddisitabbaṃ.
นิพฺพานปเกฺข ปน กิญฺจาปิ อสงฺขตาย ธาตุยา นิปฺปริยาเยน วิภาโค นตฺถิฯ ปริยาเยน ปน โสปาทิเสสนิรุปาทิเสสเภเทนฯ ยโต วา ตํ นิสฺสฎํ, เตสํ ปฎิสมฺภิทามเคฺค (ปฎิ. ม. ๑.๓) ทสฺสิตปฺปเภทานํ จกฺขาทีนํ ฉนฺนํ ทฺวารานํ รูปาทีนํ ฉนฺนํ อารมฺมณานํ ตํตํทฺวารปฺปวตฺตานํ ฉนฺนํ ฉนฺนํ วิญฺญาณผสฺสเวทนาสญฺญาเจตนาตณฺหาวิตกฺกวิจารานํ ปถวีธาตุอาทีนํ ฉนฺนํ ธาตูนํ ทสนฺนํ กสิณายตนานํ อสุภานํ เกสาทีนํ ทฺวตฺติํสาย อาการานํ ปญฺจนฺนํ ขนฺธานํ ทฺวาทสนฺนํ อายตนานํ อฎฺฐารสนฺนํ ธาตูนํ โลกิยานํ อินฺทฺริยานํ กามธาตุอาทีนํ ติสฺสนฺนํ ธาตูนํ กามภวาทีนํ ติณฺณํ ติณฺณํ ภวานํ จตุนฺนํ ฌานานํ อปฺปมญฺญานํ อารุปฺปานํ ทฺวาทสนฺนํ ปฎิจฺจสมุปฺปาทงฺคานญฺจาติ เอวมาทีนํ สงฺขตธมฺมานํ นิสฺสรณภาเวน จ วิภชิตฺวา นิทฺทิสิตพฺพํฯ
Nibbānapakkhe pana kiñcāpi asaṅkhatāya dhātuyā nippariyāyena vibhāgo natthi. Pariyāyena pana sopādisesanirupādisesabhedena. Yato vā taṃ nissaṭaṃ, tesaṃ paṭisambhidāmagge (paṭi. ma. 1.3) dassitappabhedānaṃ cakkhādīnaṃ channaṃ dvārānaṃ rūpādīnaṃ channaṃ ārammaṇānaṃ taṃtaṃdvārappavattānaṃ channaṃ channaṃ viññāṇaphassavedanāsaññācetanātaṇhāvitakkavicārānaṃ pathavīdhātuādīnaṃ channaṃ dhātūnaṃ dasannaṃ kasiṇāyatanānaṃ asubhānaṃ kesādīnaṃ dvattiṃsāya ākārānaṃ pañcannaṃ khandhānaṃ dvādasannaṃ āyatanānaṃ aṭṭhārasannaṃ dhātūnaṃ lokiyānaṃ indriyānaṃ kāmadhātuādīnaṃ tissannaṃ dhātūnaṃ kāmabhavādīnaṃ tiṇṇaṃ tiṇṇaṃ bhavānaṃ catunnaṃ jhānānaṃ appamaññānaṃ āruppānaṃ dvādasannaṃ paṭiccasamuppādaṅgānañcāti evamādīnaṃ saṅkhatadhammānaṃ nissaraṇabhāvena ca vibhajitvā niddisitabbaṃ.
ผลนฺติ เทสนาผลํฯ กิํ ปน ตนฺติ? ยํ เทสนาย นิปฺผาทียติฯ นนุ จ นิพฺพานาธิคโม ภควโต เทสนาย นิปฺผาทียติฯ นิพฺพานญฺจ ‘‘นิสฺสรณ’’นฺติ อิมินา วุตฺตเมวาติ? สจฺจเมตํ, ตญฺจ โข ปรมฺปรายฯ อิธ ปน ปจฺจกฺขโต เทสนาผลํ อธิเปฺปตํฯ ตํ ปน สุตมยญาณํฯ อตฺถธมฺมเวทาทิอริยมคฺคสฺส ปุพฺพภาคปฺปฎิปตฺติภูตา ฉพฺพิสุทฺธิโยฯ ยญฺจ ตสฺมิํ ขเณ มคฺคํ อนภิสมฺภุณนฺตสฺส กาลนฺตเร ตทธิคมการณภูตํ สมฺปตฺติภวเหตุ จ สิยาฯ ตถา หิ วกฺขติ – ‘‘อตฺตานุทิฎฺฐิํ อูหจฺจ, เอวํ มจฺจุตโร สิยาติ (สุ. นิ. ๑๑๒๕; กถา. ๒๒๖; จูฬนิ. โมฆราชมาณวปุจฺฉา ๑๔๔, โมฆราชมาณวปุจฺฉานิเทฺทส ๘๘; เนตฺติ. ๕; เปฎโก. ๒๒) อิทํ ผล’’นฺติ, ‘‘ธโมฺม หเว รกฺขติ ธมฺมจารินฺติ อิทํ ผล’’นฺติ (ชา. ๑.๑๐.๑๐๒-๑๐๓; ๑.๑๕.๓๘๕) จฯ เอเตน นเยน เทเวสุ จ มานุเสสุ จ อายุวณฺณพลสุขยสปริวารอาธิปเตยฺยสมฺปตฺติโย อุปธิสมฺปตฺติโย จกฺกวตฺติสิรี เทวรชฺชสิรี จตฺตาริ สมฺปตฺติจกฺกานิ สีลสมฺปทา สมาธิสมฺปทา ติโสฺส วิชฺชา ฉ อภิญฺญา จตโสฺส ปฎิสมฺภิทา สาวกโพธิ ปเจฺจกโพธิ สมฺมาสโมฺพธีติ สพฺพาปิ สมฺปตฺติโย ปุญฺญสมฺภารเหตุกา ภควโต เทสนาย สาเธตพฺพตาย ผลนฺติ เวทิตพฺพาฯ
Phalanti desanāphalaṃ. Kiṃ pana tanti? Yaṃ desanāya nipphādīyati. Nanu ca nibbānādhigamo bhagavato desanāya nipphādīyati. Nibbānañca ‘‘nissaraṇa’’nti iminā vuttamevāti? Saccametaṃ, tañca kho paramparāya. Idha pana paccakkhato desanāphalaṃ adhippetaṃ. Taṃ pana sutamayañāṇaṃ. Atthadhammavedādiariyamaggassa pubbabhāgappaṭipattibhūtā chabbisuddhiyo. Yañca tasmiṃ khaṇe maggaṃ anabhisambhuṇantassa kālantare tadadhigamakāraṇabhūtaṃ sampattibhavahetu ca siyā. Tathā hi vakkhati – ‘‘attānudiṭṭhiṃ ūhacca, evaṃ maccutaro siyāti (su. ni. 1125; kathā. 226; cūḷani. mogharājamāṇavapucchā 144, mogharājamāṇavapucchāniddesa 88; netti. 5; peṭako. 22) idaṃ phala’’nti, ‘‘dhammo have rakkhati dhammacārinti idaṃ phala’’nti (jā. 1.10.102-103; 1.15.385) ca. Etena nayena devesu ca mānusesu ca āyuvaṇṇabalasukhayasaparivāraādhipateyyasampattiyo upadhisampattiyo cakkavattisirī devarajjasirī cattāri sampatticakkāni sīlasampadā samādhisampadā tisso vijjā cha abhiññā catasso paṭisambhidā sāvakabodhi paccekabodhi sammāsambodhīti sabbāpi sampattiyo puññasambhārahetukā bhagavato desanāya sādhetabbatāya phalanti veditabbā.
อุปาโยติ อริยมคฺคปทฎฺฐานภูตา ปุพฺพภาคปฺปฎิปทาฯ สา หิ ปุริมา ปุริมา ปจฺฉิมาย ปจฺฉิมาย อธิคมูปายภาวโต ปรมฺปราย มคฺคนิพฺพานาธิคมสฺส จ เหตุภาวโต อุปาโยฯ ยา จ ปุเพฺพ วุตฺตผลาธิคมสฺส อุปายปฎิปตฺติฯ เกจิ ปน ‘‘สห วิปสฺสนาย มโคฺค อุปาโย’’ติ วทนฺติ, เตสํ มเตน นิสฺสรณนฺติ นิพฺพานเมว วุตฺตํ สิยาฯ ผลํ วิย อุปาโยปิ ปุพฺพภาโคติ วุตฺตํ สิยา, ยํ ปน วกฺขติ ‘‘สเพฺพ ธมฺมา…เป.… วิสุทฺธิยาติ (ธ. ป. ๒๗๙; เถรคา. ๖๗๘) อยํ อุปาโย’’ติฯ เอตฺถาปิ ปุพฺพภาคปฺปฎิปทา เอว อุทาหฎาติ สกฺกา วิญฺญาตุํฯ ยสฺมา ปน ‘‘เต ปหาย ตเร โอฆนฺติ อิทํ นิสฺสรณ’’นฺติ อริยมคฺคสฺส นิสฺสรณภาวํ วกฺขติฯ อริยมโคฺค หิ โอฆตรณนฺติฯ
Upāyoti ariyamaggapadaṭṭhānabhūtā pubbabhāgappaṭipadā. Sā hi purimā purimā pacchimāya pacchimāya adhigamūpāyabhāvato paramparāya magganibbānādhigamassa ca hetubhāvato upāyo. Yā ca pubbe vuttaphalādhigamassa upāyapaṭipatti. Keci pana ‘‘saha vipassanāya maggo upāyo’’ti vadanti, tesaṃ matena nissaraṇanti nibbānameva vuttaṃ siyā. Phalaṃ viya upāyopi pubbabhāgoti vuttaṃ siyā, yaṃ pana vakkhati ‘‘sabbe dhammā…pe… visuddhiyāti (dha. pa. 279; theragā. 678) ayaṃ upāyo’’ti. Etthāpi pubbabhāgappaṭipadā eva udāhaṭāti sakkā viññātuṃ. Yasmā pana ‘‘te pahāya tare oghanti idaṃ nissaraṇa’’nti ariyamaggassa nissaraṇabhāvaṃ vakkhati. Ariyamaggo hi oghataraṇanti.
อาณตฺตีติ อาณารหสฺส ภควโต เวเนยฺยชนสฺส หิตสิทฺธิยา ‘‘เอวํ ปฎิปชฺชาหี’’ติ วิธานํฯ ตถา หิ วกฺขติ ‘‘สุญฺญโต โลกํ อเวกฺขสฺสุ, โมฆราชาติ (สุ. นิ. ๑๑๒๕; กถา. ๒๒๖; เนตฺติ. ๕; เปฎโก. ๒๒; จูฬนิ. โมฆราชมาณวปุจฺฉา ๑๔๔, โมฆราชมาณวปุจฺฉานิเทฺทส ๘๘) อาณตฺตี’’ติฯ
Āṇattīti āṇārahassa bhagavato veneyyajanassa hitasiddhiyā ‘‘evaṃ paṭipajjāhī’’ti vidhānaṃ. Tathā hi vakkhati ‘‘suññato lokaṃ avekkhassu, mogharājāti (su. ni. 1125; kathā. 226; netti. 5; peṭako. 22; cūḷani. mogharājamāṇavapucchā 144, mogharājamāṇavapucchāniddesa 88) āṇattī’’ti.
โยคีนนฺติ จตุสจฺจกมฺมฎฺฐานภาวนาย ยุตฺตปฺปยุตฺตานํ เวเนยฺยานํ, อตฺถายาติ วจนเสโสฯ เทสนาหาโรติ เอเตสํ ยถาวุตฺตานํ อสฺสาทาทีนํ วิภชนลกฺขโณ สํวณฺณนาวิเสโส เทสนาหาโร นามาติ อโตฺถฯ เอตฺถาห – กิํ ปเนเตสํ อสฺสาทาทีนํ อนวเสสานํ วจนํ เทสนาหาโร, อุทาหุ เอกจฺจานนฺติ? นิรวเสสานํเยวฯ ยสฺมิญฺหิ สุเตฺต อสฺสาทาทีนวนิสฺสรณานิ สรูปโต อาคตานิ, ตตฺถ วตฺตพฺพเมว นตฺถิฯ ยตฺถ ปน เอกเทเสน อาคตานิ, น วา สรูเปนฯ ตตฺถ อนาคตํ อตฺถวเสน นิทฺธาเรตฺวา หาโร โยเชตโพฺพฯ อยญฺจ อโตฺถ เทสนาหารวิภเงฺค อาคมิสฺสตีติ อิธ น ปปญฺจิโตฯ
Yogīnanti catusaccakammaṭṭhānabhāvanāya yuttappayuttānaṃ veneyyānaṃ, atthāyāti vacanaseso. Desanāhāroti etesaṃ yathāvuttānaṃ assādādīnaṃ vibhajanalakkhaṇo saṃvaṇṇanāviseso desanāhāro nāmāti attho. Etthāha – kiṃ panetesaṃ assādādīnaṃ anavasesānaṃ vacanaṃ desanāhāro, udāhu ekaccānanti? Niravasesānaṃyeva. Yasmiñhi sutte assādādīnavanissaraṇāni sarūpato āgatāni, tattha vattabbameva natthi. Yattha pana ekadesena āgatāni, na vā sarūpena. Tattha anāgataṃ atthavasena niddhāretvā hāro yojetabbo. Ayañca attho desanāhāravibhaṅge āgamissatīti idha na papañcito.
๒. ยํ ปุจฺฉิตนฺติ ยา ปุจฺฉา, วิจิยมานาติ วจนเสโสฯ วิสฺสชฺชิตํ อนุคีตีติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ ตตฺถ วิสฺสชฺชิตนฺติ วิสฺสชฺชนา, สา เอกํสพฺยากรณาทิวเสน จตุพฺพิธํ พฺยากรณํฯ จ-สโทฺท สมฺปิณฺฑนโตฺถ, เตน คาถายํ อวุตฺตํ ปทาทิํ สงฺคณฺหาติฯ ตา ปน ปุจฺฉาวิสฺสชฺชนา กสฺสาติ อาห ‘‘สุตฺตสฺสา’’ติฯ เอเตน สุเตฺต อาคตํ ปุจฺฉาวิสฺสชฺชนํ วิเจตพฺพนฺติ ทเสฺสติฯ ยา จ อนุคีติติ วุตฺตเสฺสว อตฺถสฺส ยา อนุ ปจฺฉา คีติ อนุคีติ, สงฺคหคาถา, ปุจฺฉาย วา อนุรูปา คีติฯ เอเตน ปุพฺพาปรํ คหิตํฯ พฺยากรณสฺส หิ ปุจฺฉานุรูปตา อิธ ปุพฺพาปรํ อธิเปฺปตํฯ ยา ‘‘ปุจฺฉานุสนฺธี’’ติ วุจฺจติฯ ปุริมํ ‘‘สุตฺตสฺสา’’ติ ปทํ ปุพฺพาเปกฺขนฺติ ปุน ‘‘สุตฺตสฺสา’’ติ วุตฺตํฯ เตน สุตฺตสฺส นิสฺสยภูเต อสฺสาทาทิเก ปริคฺคณฺหาติฯ เอตฺตาวตา วิจยหารสฺส วิสโย นิรวเสเสน ทสฺสิโต โหติฯ ตถา จ วกฺขติ วิจยหารวิภเงฺค ‘‘ปทํ วิจินติ…เป.… อนุคีติํ วิจินตี’’ติฯ
2. Yaṃ pucchitanti yā pucchā, viciyamānāti vacanaseso. Vissajjitaṃ anugītīti etthāpi eseva nayo. Tattha vissajjitanti vissajjanā, sā ekaṃsabyākaraṇādivasena catubbidhaṃ byākaraṇaṃ. Ca-saddo sampiṇḍanattho, tena gāthāyaṃ avuttaṃ padādiṃ saṅgaṇhāti. Tā pana pucchāvissajjanā kassāti āha ‘‘suttassā’’ti. Etena sutte āgataṃ pucchāvissajjanaṃ vicetabbanti dasseti. Yā ca anugītiti vuttasseva atthassa yā anu pacchā gīti anugīti, saṅgahagāthā, pucchāya vā anurūpā gīti. Etena pubbāparaṃ gahitaṃ. Byākaraṇassa hi pucchānurūpatā idha pubbāparaṃ adhippetaṃ. Yā ‘‘pucchānusandhī’’ti vuccati. Purimaṃ ‘‘suttassā’’ti padaṃ pubbāpekkhanti puna ‘‘suttassā’’ti vuttaṃ. Tena suttassa nissayabhūte assādādike pariggaṇhāti. Ettāvatā vicayahārassa visayo niravasesena dassito hoti. Tathā ca vakkhati vicayahāravibhaṅge ‘‘padaṃ vicinati…pe… anugītiṃ vicinatī’’ti.
ตตฺถ สุเตฺต สเพฺพสํ ปทานํ อนุปุเพฺพน อตฺถโส พฺยญฺชนโส จ วิจโย ปทวิจโยฯ ‘‘อยํ ปุจฺฉา อทิฎฺฐโชตนา ทิฎฺฐสํสนฺทนา วิมติเจฺฉทนา อนุมติปุจฺฉา กเถตุกมฺยตาปุจฺฉา สตฺตาธิฎฺฐานา ธมฺมาธิฎฺฐานา เอกาธิฎฺฐานา อเนกาธิฎฺฐานา สมฺมุติวิสยา ปรมตฺถวิสยา อตีตวิสยา อนาคตวิสยา ปจฺจุปฺปนฺนวิสยา’’ติอาทินา ปุจฺฉาวิจโย เวทิตโพฺพฯ ‘‘อิทํ วิสฺสชฺชนํ เอกํสพฺยากรณํ วิภชฺชพฺยากรณํ ปฎิปุจฺฉาพฺยากรณํ ฐปนํ สาวเสสํ นิรวเสสํ สอุตฺตรํ อนุตฺตรํ โลกิยํ โลกุตฺตร’’นฺติอาทินา วิสฺสชฺชนวิจโยฯ
Tattha sutte sabbesaṃ padānaṃ anupubbena atthaso byañjanaso ca vicayo padavicayo. ‘‘Ayaṃ pucchā adiṭṭhajotanā diṭṭhasaṃsandanā vimaticchedanā anumatipucchā kathetukamyatāpucchā sattādhiṭṭhānā dhammādhiṭṭhānā ekādhiṭṭhānā anekādhiṭṭhānā sammutivisayā paramatthavisayā atītavisayā anāgatavisayā paccuppannavisayā’’tiādinā pucchāvicayo veditabbo. ‘‘Idaṃ vissajjanaṃ ekaṃsabyākaraṇaṃ vibhajjabyākaraṇaṃ paṭipucchābyākaraṇaṃ ṭhapanaṃ sāvasesaṃ niravasesaṃ sauttaraṃ anuttaraṃ lokiyaṃ lokuttara’’ntiādinā vissajjanavicayo.
‘‘อยํ ปุจฺฉา อิมินา สเมติ, เอเตน น สเมตี’’ติ ปุจฺฉิตตฺถํ อาเนตฺวา วิจโย ปุเพฺพนาปรํ สํสนฺทิตฺวา จ วิจโย ปุพฺพาปรวิจโยฯ ‘‘อยํ อนุคีติ วุตฺตตฺถสงฺคหา อวุตฺตตฺถสงฺคหา ตทุภยตฺถสงฺคหา กุสลตฺถสงฺคหา อกุสลตฺถสงฺคหา’’ติอาทินา อนุคีติวิจโยฯ อสฺสาทาทีสุ สุขเวทนาย ‘‘อิฎฺฐารมฺมณานุภวนลกฺขณา’’ติอาทินา, ตณฺหาย ‘‘อารมฺมณคฺคหณลกฺขณา’’ติอาทินา, วิปลฺลาสานํ ‘‘วิปรีตคฺคหณลกฺขณา’’ติอาทินา, อวสิฎฺฐานํ เตภูมกธมฺมานํ ‘‘ยถาสกลกฺขณา’’ติอาทินา สเพฺพสญฺจ ทฺวาวีสติยา ติเกสุ ทฺวาจตฺตาลีสาธิเก จ ทุกสเต ลพฺภมานปทวเสน ตํตํอสฺสาทตฺถวิเสสนิทฺธารณํ อสฺสาทวิจโยฯ
‘‘Ayaṃ pucchā iminā sameti, etena na sametī’’ti pucchitatthaṃ ānetvā vicayo pubbenāparaṃ saṃsanditvā ca vicayo pubbāparavicayo. ‘‘Ayaṃ anugīti vuttatthasaṅgahā avuttatthasaṅgahā tadubhayatthasaṅgahā kusalatthasaṅgahā akusalatthasaṅgahā’’tiādinā anugītivicayo. Assādādīsu sukhavedanāya ‘‘iṭṭhārammaṇānubhavanalakkhaṇā’’tiādinā, taṇhāya ‘‘ārammaṇaggahaṇalakkhaṇā’’tiādinā, vipallāsānaṃ ‘‘viparītaggahaṇalakkhaṇā’’tiādinā, avasiṭṭhānaṃ tebhūmakadhammānaṃ ‘‘yathāsakalakkhaṇā’’tiādinā sabbesañca dvāvīsatiyā tikesu dvācattālīsādhike ca dukasate labbhamānapadavasena taṃtaṃassādatthavisesaniddhāraṇaṃ assādavicayo.
ทุกฺขเวทนาย ‘‘อนิฎฺฐานุภวนลกฺขณา’’ติอาทินา, ทุกฺขสจฺจานํ ‘‘ปฎิสนฺธิลกฺขณา’’ติอาทินา, อนิจฺจตาทีนํ อาทิอนฺตวนฺตตาย อนิจฺจนฺติกตาย จ ‘‘อนิจฺจา’’ติอาทินา สเพฺพสญฺจ โลกิยธมฺมานํ สํกิเลสภาคิยหานภาคิยตาทิวเสน อาทีนววุตฺติยา โอการนิทฺธารเณน อาทีนววิจโยฯ นิสฺสรณปเท อริยมคฺคสฺส อาคมนโต กายานุปสฺสนาทิปุพฺพภาคปฺปฎิปทาวิภาควิเสสนิทฺธารณวเสน นิพฺพานสฺส ยถาวุตฺตปริยายวิภาควิเสสนิทฺธารณวเสนาติ เอวํ นิสฺสรณวิจโยฯ ผลาทีนํ ตํตํสุตฺตเทสนาย สาเธตพฺพผลสฺส ตทุปายสฺส ตตฺถ ตตฺถ สุตฺตวิธิวจนสฺส จ วิภาคนิทฺธารณวเสน วิจโย เวทิตโพฺพฯ เอวํ ปทปุจฺฉาวิสฺสชฺชนปุพฺพาปรานุคีตีนํ อสฺสาทาทีนญฺจ วิเสสนิทฺธารณวเสเนว วิจยลกฺขโณ ‘‘วิจโย หาโร’’ติ เวทิตโพฺพฯ
Dukkhavedanāya ‘‘aniṭṭhānubhavanalakkhaṇā’’tiādinā, dukkhasaccānaṃ ‘‘paṭisandhilakkhaṇā’’tiādinā, aniccatādīnaṃ ādiantavantatāya aniccantikatāya ca ‘‘aniccā’’tiādinā sabbesañca lokiyadhammānaṃ saṃkilesabhāgiyahānabhāgiyatādivasena ādīnavavuttiyā okāraniddhāraṇena ādīnavavicayo. Nissaraṇapade ariyamaggassa āgamanato kāyānupassanādipubbabhāgappaṭipadāvibhāgavisesaniddhāraṇavasena nibbānassa yathāvuttapariyāyavibhāgavisesaniddhāraṇavasenāti evaṃ nissaraṇavicayo. Phalādīnaṃ taṃtaṃsuttadesanāya sādhetabbaphalassa tadupāyassa tattha tattha suttavidhivacanassa ca vibhāganiddhāraṇavasena vicayo veditabbo. Evaṃ padapucchāvissajjanapubbāparānugītīnaṃ assādādīnañca visesaniddhāraṇavaseneva vicayalakkhaṇo ‘‘vicayo hāro’’ti veditabbo.
๓. สเพฺพสนฺติ โสฬสนฺนํฯ ภูมีติ พฺยญฺชนํ สนฺธายาหฯ พฺยญฺชนญฺหิ มูลปทานิ วิย นยานํ หารานํ ภูมิ ปวตฺติฎฺฐานํ, เตสํ พฺยญฺชนวิจารภาวโตฯ วุตฺตญฺหิ – ‘‘หารา พฺยญฺชนวิจโย’’ติ, เปฎเกปิ หิ วุตฺตํ – ‘‘ยตฺถ จ สเพฺพ หารา, สมฺปตมานา นยนฺติ สุตฺตตฺถํฯ พฺยญฺชนวิธิปุถุตฺตา’’ติฯ โคจโรติ สุตฺตโตฺถฯ สุตฺตสฺส หิ ปทตฺถุทฺธารณมุเขน หารโยชนาฯ เตสํ พฺยญฺชนตฺถานํฯ ยุตฺตายุตฺตปริกฺขาติ ยุตฺตสฺส จ อยุตฺตสฺส จ อุปปริกฺขาฯ ‘‘ยุตฺตายุตฺติปริกฺขา’’ติปิ ปาโฐ, ยุตฺติอยุตฺตีนํ วิจารณาติ อโตฺถฯ กถํ ปน เตสํ ยุตฺตายุตฺตชานนา? จตูหิ มหาปเทเสหิ อวิรุชฺฌเนนฯ ตตฺถ พฺยญฺชนสฺส ตาว สภาวนิรุตฺติภาโว อธิเปฺปตตฺถวาจกภาโว จ ยุตฺตภาโวฯ อตฺถสฺส ปน สุตฺตวินยธมฺมตาหิ อวิโลมนํ ฯ อยเมตฺถ สเงฺขโปฯ วิตฺถาโร ปน ปรโต อาวิ ภวิสฺสติฯ หาโร ยุตฺตีติ นิทฺทิโฎฺฐติ เอวํ สุเตฺต พฺยญฺชนตฺถานํ ยุตฺตายุตฺตภาววิภาวนลกฺขโณ ยุตฺติหาโรติ เวทิตโพฺพฯ
3. Sabbesanti soḷasannaṃ. Bhūmīti byañjanaṃ sandhāyāha. Byañjanañhi mūlapadāni viya nayānaṃ hārānaṃ bhūmi pavattiṭṭhānaṃ, tesaṃ byañjanavicārabhāvato. Vuttañhi – ‘‘hārā byañjanavicayo’’ti, peṭakepi hi vuttaṃ – ‘‘yattha ca sabbe hārā, sampatamānā nayanti suttatthaṃ. Byañjanavidhiputhuttā’’ti. Gocaroti suttattho. Suttassa hi padatthuddhāraṇamukhena hārayojanā. Tesaṃ byañjanatthānaṃ. Yuttāyuttaparikkhāti yuttassa ca ayuttassa ca upaparikkhā. ‘‘Yuttāyuttiparikkhā’’tipi pāṭho, yuttiayuttīnaṃ vicāraṇāti attho. Kathaṃ pana tesaṃ yuttāyuttajānanā? Catūhi mahāpadesehi avirujjhanena. Tattha byañjanassa tāva sabhāvaniruttibhāvo adhippetatthavācakabhāvo ca yuttabhāvo. Atthassa pana suttavinayadhammatāhi avilomanaṃ . Ayamettha saṅkhepo. Vitthāro pana parato āvi bhavissati. Hāro yuttīti niddiṭṭhoti evaṃ sutte byañjanatthānaṃ yuttāyuttabhāvavibhāvanalakkhaṇo yuttihāroti veditabbo.
๔. ธมฺมนฺติ ยํ กิญฺจิ สุตฺตาคตํ กุสลาทิธมฺมมาหฯ ตสฺส ธมฺมสฺสาติ ตสฺส ยถาวุตฺตสฺส กุสลาทิธมฺมสฺสฯ ยํ ปทฎฺฐานนฺติ ยํ การณํ, โยนิโสมนสิการาทิ สุเตฺต อาคตํ วา อนาคตํ วา สมฺภวโต นิทฺธาเรตฺวา กเถตพฺพนฺติ อธิปฺปาโยฯ อิตีติ เอวํ, วุตฺตนเยนาติ อโตฺถฯ ยาว สพฺพธมฺมาติ ยตฺตกา ตสฺมิํ สุเตฺต อาคตา ธมฺมา, เตสํ สเพฺพสมฺปิ ยถานุรูปํ ปทฎฺฐานํ นิทฺธาเรตฺวา กเถตพฺพนฺติ อธิปฺปาโยฯ อถ วา ยาว สพฺพธมฺมาติ สุตฺตาคตสฺส ธมฺมสฺส ยํ ปทฎฺฐานํ, ตสฺสปิ ยํ ปทฎฺฐานนฺติ สมฺภวโต ยาว สพฺพธมฺมา ปทฎฺฐานวิจารณา กาตพฺพาติ อโตฺถฯ เอโส หาโร ปทฎฺฐาโนติ เอวํ สุเตฺต อาคตธมฺมานํ ปทฎฺฐานภูตา ธมฺมา เตสญฺจ ปทฎฺฐานภูตาติ สมฺภวโต ปทฎฺฐานภูตธมฺมนิทฺธารณลกฺขโณ ปทฎฺฐาโน นาม หาโรติ อโตฺถฯ
4. Dhammanti yaṃ kiñci suttāgataṃ kusalādidhammamāha. Tassa dhammassāti tassa yathāvuttassa kusalādidhammassa. Yaṃ padaṭṭhānanti yaṃ kāraṇaṃ, yonisomanasikārādi sutte āgataṃ vā anāgataṃ vā sambhavato niddhāretvā kathetabbanti adhippāyo. Itīti evaṃ, vuttanayenāti attho. Yāva sabbadhammāti yattakā tasmiṃ sutte āgatā dhammā, tesaṃ sabbesampi yathānurūpaṃ padaṭṭhānaṃ niddhāretvā kathetabbanti adhippāyo. Atha vā yāva sabbadhammāti suttāgatassa dhammassa yaṃ padaṭṭhānaṃ, tassapi yaṃ padaṭṭhānanti sambhavato yāva sabbadhammā padaṭṭhānavicāraṇā kātabbāti attho. Eso hāro padaṭṭhānoti evaṃ sutte āgatadhammānaṃ padaṭṭhānabhūtā dhammā tesañca padaṭṭhānabhūtāti sambhavato padaṭṭhānabhūtadhammaniddhāraṇalakkhaṇo padaṭṭhāno nāma hāroti attho.
๕. วุตฺตมฺหิ เอกธเมฺมติ กุสลาทีสุ ขนฺธาทีสุ วา ยสฺมิํ กิสฺมิญฺจิ เอกธเมฺม, สุเตฺต สรูปโต นิทฺธารณวเสน วา กถิเตฯ เย ธมฺมา เอกลกฺขณา เกจีติ เย เกจิ ธมฺมา กุสลาทิภาเวน รูปกฺขนฺธาทิภาเวน วา เตน ธเมฺมน สมานลกฺขณาฯ วุตฺตา ภวนฺติ สเพฺพติ เต สเพฺพปิ กุสลาทิสภาวา, ขนฺธาทิสภาวา วา ธมฺมา สุเตฺต อวุตฺตาปิ ตาย สมานลกฺขณตาย วุตฺตา ภวนฺติ อาเนตฺวา สํวณฺณนาวเสนาติ อธิปฺปาโยฯ เอตฺถ จ เอกลกฺขณาติ สมานลกฺขณา วุตฺตาฯ เตน สหจาริตา สมานกิจฺจตา สมานเหตุตา สมานผลตา สมานารมฺมณตาติ เอวมาทีหิ อวุตฺตานมฺปิ วุตฺตานํ วิย นิทฺธารณํ เวทิตพฺพํฯ โส หาโร ลกฺขโณ นามาติ เอวํ สุเตฺต อนาคเตปิ ธเมฺม วุตฺตปฺปกาเรน อาคเต วิย นิทฺธาเรตฺวา ยา สํวณฺณนา, โส ลกฺขโณ นาม หาโรติ อโตฺถฯ
5. Vuttamhiekadhammeti kusalādīsu khandhādīsu vā yasmiṃ kismiñci ekadhamme, sutte sarūpato niddhāraṇavasena vā kathite. Ye dhammā ekalakkhaṇā kecīti ye keci dhammā kusalādibhāvena rūpakkhandhādibhāvena vā tena dhammena samānalakkhaṇā. Vuttā bhavanti sabbeti te sabbepi kusalādisabhāvā, khandhādisabhāvā vā dhammā sutte avuttāpi tāya samānalakkhaṇatāya vuttā bhavanti ānetvā saṃvaṇṇanāvasenāti adhippāyo. Ettha ca ekalakkhaṇāti samānalakkhaṇā vuttā. Tena sahacāritā samānakiccatā samānahetutā samānaphalatā samānārammaṇatāti evamādīhi avuttānampi vuttānaṃ viya niddhāraṇaṃ veditabbaṃ. So hāro lakkhaṇo nāmāti evaṃ sutte anāgatepi dhamme vuttappakārena āgate viya niddhāretvā yā saṃvaṇṇanā, so lakkhaṇo nāma hāroti attho.
๖. เนรุตฺตนฺติ นิรุตฺตํ, ปทนิพฺพจนนฺติ อโตฺถฯ อธิปฺปาโยติ พุทฺธานํ สาวกานํ วา ตสฺส สุตฺตสฺส เทสกานํ อธิปฺปาโยฯ พฺยญฺชนนฺติ พฺยญฺชเนน, กรเณ หิ เอตํ ปจฺจตฺตํฯ กามญฺจ สเพฺพ หารา พฺยญฺชนวิจยา, อยํ ปน วิเสสโต พฺยญฺชนทฺวาเรเนว อตฺถปริเยสนาติ กตฺวา ‘‘พฺยญฺชน’’นฺติ วุตฺตํฯ ตถา หิ วกฺขติ – ‘‘พฺยญฺชเนน สุตฺตสฺส เนรุตฺตญฺจ อธิปฺปาโย จ นิทานญฺจ ปุพฺพาปรานุสนฺธิ จ คเวสิตพฺพา’’ติฯ อถาติ ปทปูรณมตฺตํฯ เทสนานิทานนฺติ นิททาติ ผลนฺติ นิทานํ, การณํ, เยน การเณน เทสนา ปวตฺตา, ตํ เทสนาย ปวตฺตินิมิตฺตนฺติ อโตฺถฯ ปุพฺพาปรานุสนฺธีติ ปุเพฺพน จ อปเรน จ อนุสนฺธิฯ ‘‘ปุพฺพาปเรน สนฺธี’’ติปิ ปาโฐ, สุตฺตสฺส ปุพฺพภาเคน อปรภาคํ สํสนฺทิตฺวา กถนนฺติ อโตฺถฯ สงฺคีติวเสน วา ปุพฺพาปรภูเตหิ สุตฺตนฺตเรหิ สํวณฺณิยมานสฺส สุตฺตสฺส สํสนฺทนํ ปุพฺพาปรานุสนฺธิฯ ยญฺจ ปุพฺพปเทน ปรปทสฺส สมฺพนฺธนํ, อยมฺปิ ปุพฺพาปรานุสนฺธิฯ เอโส หาโร จตุพฺยูโหติ เอวํ นิพฺพจนาธิปฺปายาทีนํ จตุนฺนํ วิภาวนลกฺขโณ จตุพฺยูโห หาโร นามาติ อโตฺถฯ
6. Neruttanti niruttaṃ, padanibbacananti attho. Adhippāyoti buddhānaṃ sāvakānaṃ vā tassa suttassa desakānaṃ adhippāyo. Byañjananti byañjanena, karaṇe hi etaṃ paccattaṃ. Kāmañca sabbe hārā byañjanavicayā, ayaṃ pana visesato byañjanadvāreneva atthapariyesanāti katvā ‘‘byañjana’’nti vuttaṃ. Tathā hi vakkhati – ‘‘byañjanena suttassa neruttañca adhippāyo ca nidānañca pubbāparānusandhi ca gavesitabbā’’ti. Athāti padapūraṇamattaṃ. Desanānidānanti nidadāti phalanti nidānaṃ, kāraṇaṃ, yena kāraṇena desanā pavattā, taṃ desanāya pavattinimittanti attho. Pubbāparānusandhīti pubbena ca aparena ca anusandhi. ‘‘Pubbāparena sandhī’’tipi pāṭho, suttassa pubbabhāgena aparabhāgaṃ saṃsanditvā kathananti attho. Saṅgītivasena vā pubbāparabhūtehi suttantarehi saṃvaṇṇiyamānassa suttassa saṃsandanaṃ pubbāparānusandhi. Yañca pubbapadena parapadassa sambandhanaṃ, ayampi pubbāparānusandhi. Eso hāro catubyūhoti evaṃ nibbacanādhippāyādīnaṃ catunnaṃ vibhāvanalakkhaṇo catubyūho hāro nāmāti attho.
๗. เอกมฺหิ ปทฎฺฐาเนติ เอกสฺมิํ อารมฺภธาตุอาทิเก ปรกฺกมธาตุอาทีนํ ปทฎฺฐานภูเต ธเมฺม เทสนารุเฬฺห สติฯ ปริเยสติ เสสกํ ปทฎฺฐานนฺติ ตสฺส วิสภาคตาย อคฺคหเณน วา เสสกํ ปมาทาทีนํ อาสนฺนการณตฺตา ปทฎฺฐานภูตํ โกสชฺชาทิกํ ธมฺมนฺตรํ ปริเยสติ ปญฺญาย คเวสติ, ปริเยสิตฺวา จ สํวณฺณนาย โยเชโนฺต เทสนํ อาวฎฺฎติ ปฎิปเกฺขติ วีริยารมฺภาทิมุเขน อารทฺธสุตฺตํ วุตฺตนเยน ปมาทาทิวเสน นิทฺทิสโนฺต เทสนํ ปฎิปกฺขโต อาวเฎฺฎติ นามฯ อาวโฎฺฎ นาม โส หาโรติ เทสนาย คหิตธมฺมานํ สภาควิสภาคธมฺมวเสน อาวฎฺฎนลกฺขโณ อาวโฎฺฎ หาโร นามาติ อโตฺถฯ
7. Ekamhi padaṭṭhāneti ekasmiṃ ārambhadhātuādike parakkamadhātuādīnaṃ padaṭṭhānabhūte dhamme desanāruḷhe sati. Pariyesati sesakaṃ padaṭṭhānanti tassa visabhāgatāya aggahaṇena vā sesakaṃ pamādādīnaṃ āsannakāraṇattā padaṭṭhānabhūtaṃ kosajjādikaṃ dhammantaraṃ pariyesati paññāya gavesati, pariyesitvā ca saṃvaṇṇanāya yojento desanaṃ āvaṭṭati paṭipakkheti vīriyārambhādimukhena āraddhasuttaṃ vuttanayena pamādādivasena niddisanto desanaṃ paṭipakkhato āvaṭṭeti nāma. Āvaṭṭo nāma so hāroti desanāya gahitadhammānaṃ sabhāgavisabhāgadhammavasena āvaṭṭanalakkhaṇo āvaṭṭo hāro nāmāti attho.
๘. ธมฺมนฺติ สภาวธมฺมํ, ตํ กุสลาทิวเสน อเนกวิธํฯ ปทฎฺฐานนฺติ ยสฺมิํ ปติฎฺฐิเต อุตฺตริ คุณวิเสเส อธิคจฺฉติ, ตํ วิเสสาธิคมนการณํฯ ภูมินฺติ ปุถุชฺชนภูมิ ทสฺสนภูมีติ เอวมาทิกํ ภูมิํฯ วิภชฺชเตติ วิภาเคน กเถติฯ สาธารเณติ ทสฺสนปหาตพฺพาทินามวเสน วา ปุถุชฺชนโสตาปนฺนาทิวตฺถุวเสน วา สาธารเณ อวิสิเฎฺฐ สมาเนติ อโตฺถฯ วุตฺตวิปริยาเยน อสาธารณา เวทิตพฺพาฯ เนโยฺย วิภตฺตีติ ยถาวุตฺตธมฺมาทีนํ วิภชโน อยํ หาโร วิภตฺตีติ ญาตโพฺพติ อโตฺถฯ ตสฺมา สํกิเลสธเมฺม โวทานธเมฺม จ สาธารณาสาธารณโต ปทฎฺฐานโต ภูมิโต จ วิภชนลกฺขโณ ‘‘วิภตฺติหาโร’’ติ ทฎฺฐพฺพํฯ
8. Dhammanti sabhāvadhammaṃ, taṃ kusalādivasena anekavidhaṃ. Padaṭṭhānanti yasmiṃ patiṭṭhite uttari guṇavisese adhigacchati, taṃ visesādhigamanakāraṇaṃ. Bhūminti puthujjanabhūmi dassanabhūmīti evamādikaṃ bhūmiṃ. Vibhajjateti vibhāgena katheti. Sādhāraṇeti dassanapahātabbādināmavasena vā puthujjanasotāpannādivatthuvasena vā sādhāraṇe avisiṭṭhe samāneti attho. Vuttavipariyāyena asādhāraṇā veditabbā. Neyyo vibhattīti yathāvuttadhammādīnaṃ vibhajano ayaṃ hāro vibhattīti ñātabboti attho. Tasmā saṃkilesadhamme vodānadhamme ca sādhāraṇāsādhāraṇato padaṭṭhānato bhūmito ca vibhajanalakkhaṇo ‘‘vibhattihāro’’ti daṭṭhabbaṃ.
๙. นิทฺทิเฎฺฐติ กถิเต สุเตฺต อาคเต, สํวณฺณิเต วาฯ ภาวิเตติ ยถา อุปฺปนฺนสทิสา อุปฺปนฺนาติ วุจฺจนฺติ, เอวํ ภาวิตสทิเส ภาเวตเพฺพติ อโตฺถฯ ปหีเนติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ ปริวตฺตติ ปฎิปเกฺขติ วุตฺตานํ ธมฺมานํ เย ปฎิปกฺขา, เตสํ วเสน ปริวเตฺตตีติ อโตฺถฯ เอวํ นิทฺทิฎฺฐานํ ธมฺมานํ ปฎิปกฺขโต ปริวตฺตนลกฺขโณ ‘‘ปริวตฺตโน หาโร’’ติ เวทิตโพฺพฯ
9. Niddiṭṭheti kathite sutte āgate, saṃvaṇṇite vā. Bhāviteti yathā uppannasadisā uppannāti vuccanti, evaṃ bhāvitasadise bhāvetabbeti attho. Pahīneti etthāpi eseva nayo. Parivattati paṭipakkheti vuttānaṃ dhammānaṃ ye paṭipakkhā, tesaṃ vasena parivattetīti attho. Evaṃ niddiṭṭhānaṃ dhammānaṃ paṭipakkhato parivattanalakkhaṇo ‘‘parivattano hāro’’ti veditabbo.
๑๐. วิวิธานิ เอกสฺมิํเยว อเตฺถ วจนานิ วิวจนานิ, วิวจนานิ เอว เววจนานิ, ปริยายสทฺทาติ อโตฺถฯ ตานิ เววจนานิฯ พหูนีติ อเนกานิฯ ตุ-สโทฺท อวธารเณฯ เตน พหู เอว ปริยายสทฺทา เววจนหารโยชนายํ กเถตพฺพา, น กติปยาติ ทเสฺสติ ฯ สุเตฺต วุตฺตานีติ นววิธสุตฺตนฺตสงฺขาเต เตปิฎเก พุทฺธวจเน ภาสิตานิฯ เอตฺถาปิ ตุ-สทฺทสฺส อโตฺถ อาเนตฺวา โยเชตโพฺพ, เตน ปาฬิยํ อาคตานิเยว เววจนานิ คเหตพฺพานีติ วุตฺตํ โหติฯ เอกธมฺมสฺสาติ เอกสฺส ปทตฺถสฺสฯ โย ชานาติ สุตฺตวิทูติ ยถา ‘‘สปฺปิสฺส ชานาหี’’ติ วุเตฺต ‘‘สปฺปินา วิจาเรหิ, สปฺปิํ เทหิ, เทถา’’ติ วา อาณาเปตีติ อโตฺถ, เอวํ โย สุตฺตโกวิโท ธมฺมกถิโก เอกสฺส อตฺถสฺส พหูปิ ปริยายสเทฺท วิจาเรติ วิภาเวติ โยเชตีติ อโตฺถฯ เววจโน นาม โส หาโรติ ตสฺส อตฺถสฺส วุตฺตปฺปการปริยายสทฺทโยชนาลกฺขโณ เววจนหาโร นามฯ ตสฺมา เอกสฺมิํ อเตฺถ อเนกปริยายสทฺทโยชนาลกฺขโณ ‘‘เววจนหาโร’’ติ เวทิตพฺพํฯ
10. Vividhāni ekasmiṃyeva atthe vacanāni vivacanāni, vivacanāni eva vevacanāni, pariyāyasaddāti attho. Tāni vevacanāni. Bahūnīti anekāni. Tu-saddo avadhāraṇe. Tena bahū eva pariyāyasaddā vevacanahārayojanāyaṃ kathetabbā, na katipayāti dasseti . Sutte vuttānīti navavidhasuttantasaṅkhāte tepiṭake buddhavacane bhāsitāni. Etthāpi tu-saddassa attho ānetvā yojetabbo, tena pāḷiyaṃ āgatāniyeva vevacanāni gahetabbānīti vuttaṃ hoti. Ekadhammassāti ekassa padatthassa. Yo jānāti suttavidūti yathā ‘‘sappissa jānāhī’’ti vutte ‘‘sappinā vicārehi, sappiṃ dehi, dethā’’ti vā āṇāpetīti attho, evaṃ yo suttakovido dhammakathiko ekassa atthassa bahūpi pariyāyasadde vicāreti vibhāveti yojetīti attho. Vevacano nāma so hāroti tassa atthassa vuttappakārapariyāyasaddayojanālakkhaṇo vevacanahāro nāma. Tasmā ekasmiṃ atthe anekapariyāyasaddayojanālakkhaṇo ‘‘vevacanahāro’’ti veditabbaṃ.
๑๑. ธมฺมนฺติ ขนฺธาทิธมฺมํฯ ปญฺญตฺตีหีติ ปญฺญาปเนหิ ปกาเรหิ ญาปเนหิ, อสงฺกรโต วา ฐปเนหิฯ วิวิธาหีติ นิเกฺขปปฺปภวาทิวเสน อเนกวิธาหิฯ โส อากาโรติ โย เอกเสฺสวตฺถสฺส นิเกฺขปปฺปภวปญฺญตฺติอาทิวเสน อเนกาหิ ปญฺญตฺตีหิ ปญฺญาปนากาโรฯ เญโยฺย ปญฺญตฺติ นาม หาโรติ ปญฺญตฺติหาโร นามาติ ญาตโพฺพฯ ตสฺมา เอเกกสฺส ธมฺมสฺส อเนกาหิ ปญฺญตฺตีหิ ปญฺญาเปตพฺพาการวิภาวนลกฺขโณ ‘‘ปญฺญตฺติหาโร’’ติ เวทิตพฺพํฯ
11. Dhammanti khandhādidhammaṃ. Paññattīhīti paññāpanehi pakārehi ñāpanehi, asaṅkarato vā ṭhapanehi. Vividhāhīti nikkhepappabhavādivasena anekavidhāhi. So ākāroti yo ekassevatthassa nikkhepappabhavapaññattiādivasena anekāhi paññattīhi paññāpanākāro. Ñeyyo paññatti nāma hāroti paññattihāro nāmāti ñātabbo. Tasmā ekekassa dhammassa anekāhi paññattīhi paññāpetabbākāravibhāvanalakkhaṇo ‘‘paññattihāro’’ti veditabbaṃ.
๑๒. ปฎิจฺจุปฺปาโทติ ปฎิจฺจสมุปฺปาโทฯ อินฺทฺริยขนฺธาติ อินฺทฺริยานิ จ ขนฺธา จฯ ธาตุอายตนาติ ธาตุโย จ อายตนานิ จฯ เอเตหีติ โย ทฺวาทสปทิโก ปจฺจยากาโร ยานิ จ ทฺวาวีสตินฺทฺริยานิ เย จ ปญฺจกฺขนฺธา ยา จ อฎฺฐารส ธาตุโย ยานิ จ ทฺวาทสายตนานิ, เอเตหิ สุเตฺต อาคตปทตฺถมุเขน นิทฺธาริยมาเนหิฯ โอตรติ โยติ โย สํวณฺณนานโย โอคาหติ, ปฎิจฺจสมุปฺปาทาทิเก อนุปวิสตีติ อโตฺถฯ โอตรโณ นาม โส หาโรติ โย ยถาวุโตฺต สํวณฺณนาวิเสโส, โส โอตรณหาโร นามฯ จ-สเทฺทน เจตฺถ สุญฺญตมุขาทีนํ คาถายํ อวุตฺตานมฺปิ สงฺคโห ทฎฺฐโพฺพฯ เอวํ ปฎิจฺจสมุปฺปาทาทิมุเขหิ สุตฺตตฺถสฺส โอตรณลกฺขโณ โอตรโณ หาโร นามาติ เวทิตพฺพํฯ
12. Paṭiccuppādoti paṭiccasamuppādo. Indriyakhandhāti indriyāni ca khandhā ca. Dhātuāyatanāti dhātuyo ca āyatanāni ca. Etehīti yo dvādasapadiko paccayākāro yāni ca dvāvīsatindriyāni ye ca pañcakkhandhā yā ca aṭṭhārasa dhātuyo yāni ca dvādasāyatanāni, etehi sutte āgatapadatthamukhena niddhāriyamānehi. Otarati yoti yo saṃvaṇṇanānayo ogāhati, paṭiccasamuppādādike anupavisatīti attho. Otaraṇo nāma so hāroti yo yathāvutto saṃvaṇṇanāviseso, so otaraṇahāro nāma. Ca-saddena cettha suññatamukhādīnaṃ gāthāyaṃ avuttānampi saṅgaho daṭṭhabbo. Evaṃ paṭiccasamuppādādimukhehi suttatthassa otaraṇalakkhaṇo otaraṇo hāro nāmāti veditabbaṃ.
๑๓. วิสฺสชฺชิตมฺหีติ พุทฺธาทีหิ พฺยากเตฯ ปเญฺหติ ญาตุํ อิจฺฉิเต อเตฺถฯ คาถายนฺติ คาถารุเฬฺหฯ อิทญฺจ ปุจฺฉนฺตา เยภุเยฺยน คาถาพนฺธวเสน ปุจฺฉนฺตีติ กตฺวา วุตฺตํฯ ยมารพฺภาติ สา ปน คาถา ยํ อตฺถํ อารพฺภ อธิกิจฺจ ปุจฺฉิตา, ตสฺส อตฺถสฺสฯ สุทฺธาสุทฺธปริกฺขาติ ปทํ โสธิตํ, อารโมฺภ น โสธิโต, ปทญฺจ โสธิตํ อารโมฺภ จ โสธิโตติ เอวํ ปทาทีนํ โสธิตาโสธิตภาววิจาโร ฯ หาโร โส โสธโน นามาติ ยถาวุตฺตวิจาโร โสธโน หาโร นามฯ เอวํ สุเตฺต ปทปทตฺถปญฺหารมฺภานํ โสธนลกฺขโณ ‘‘โสธโน หาโร’’ติ เวทิตพฺพํฯ
13. Vissajjitamhīti buddhādīhi byākate. Pañheti ñātuṃ icchite atthe. Gāthāyanti gāthāruḷhe. Idañca pucchantā yebhuyyena gāthābandhavasena pucchantīti katvā vuttaṃ. Yamārabbhāti sā pana gāthā yaṃ atthaṃ ārabbha adhikicca pucchitā, tassa atthassa. Suddhāsuddhaparikkhāti padaṃ sodhitaṃ, ārambho na sodhito, padañca sodhitaṃ ārambho ca sodhitoti evaṃ padādīnaṃ sodhitāsodhitabhāvavicāro . Hāro so sodhanonāmāti yathāvuttavicāro sodhano hāro nāma. Evaṃ sutte padapadatthapañhārambhānaṃ sodhanalakkhaṇo ‘‘sodhano hāro’’ti veditabbaṃ.
๑๔. เอกตฺตตายาติ เอกสฺส ภาโว เอกตฺตํ, เอกตฺตเมว เอกตฺตตา, ตาย เอกตฺตตายฯ เอก-สโทฺท เจตฺถ สมานสทฺทปริยาโย, ตสฺมา สามเญฺญนาติ อโตฺถฯ วิสิฎฺฐา มตฺตา วิมตฺตา, วิมตฺตาว เวมตฺตํ, ตสฺส ภาโว เวมตฺตตา, ตาย เวมตฺตตาย, วิเสเสนาติ อโตฺถฯ เต น วิกปฺปยิตพฺพาติ เย ธมฺมา ‘‘ทุกฺขํ สมุทโย’’ติอาทินา สามเญฺญน, ‘‘ชาติ ชรา กามตณฺหา ภวตณฺหา’’ติอาทินา วิเสเสน จ สุเตฺต เทสิตา, เต ‘‘กิเมตฺถ สามญฺญํ, โก วา วิเสโส’’ติ เอวํ สามญฺญวิเสสวิกปฺปนวเสน น วิกปฺปยิตพฺพาฯ กสฺมา? สามญฺญวิเสสกปฺปนาย โวหารภาเวน อนวฎฺฐานโต กาลทิสาวิเสสาทีนํ วิย อเปกฺขาสิทฺธิโต จฯ ยถา หิ ‘‘อชฺช หิโยฺย เสฺว’’ติ วุจฺจมานา กาลวิเสสา อนวฎฺฐิตสภาวา ‘‘ปุริมา ทิสา ปจฺฉิมา ทิสา’’ติ วุจฺจมานา ทิสาวิเสสา จ, เอวํ สามญฺญวิเสสาปิฯ ตถา หิ ‘‘อิทํ ทุกฺข’’นฺติ วุจฺจมานํ ชาติอาทิอเปกฺขาย สามญฺญมฺปิ สมานํ สจฺจาเปกฺขาย วิเสโส โหติฯ เอส นโย สมุทยาทีสุปิฯ เอโส หาโร อธิฎฺฐาโนติ เอวํ สุตฺตาคตานํ ธมฺมานํ อวิกปฺปนวเสน สามญฺญวิเสสนิทฺธารณลกฺขโณ อธิฎฺฐาโน หาโร นามาติ อโตฺถฯ
14. Ekattatāyāti ekassa bhāvo ekattaṃ, ekattameva ekattatā, tāya ekattatāya. Eka-saddo cettha samānasaddapariyāyo, tasmā sāmaññenāti attho. Visiṭṭhā mattā vimattā, vimattāva vemattaṃ, tassa bhāvo vemattatā, tāya vemattatāya, visesenāti attho. Te na vikappayitabbāti ye dhammā ‘‘dukkhaṃ samudayo’’tiādinā sāmaññena, ‘‘jāti jarā kāmataṇhā bhavataṇhā’’tiādinā visesena ca sutte desitā, te ‘‘kimettha sāmaññaṃ, ko vā viseso’’ti evaṃ sāmaññavisesavikappanavasena na vikappayitabbā. Kasmā? Sāmaññavisesakappanāya vohārabhāvena anavaṭṭhānato kāladisāvisesādīnaṃ viya apekkhāsiddhito ca. Yathā hi ‘‘ajja hiyyo sve’’ti vuccamānā kālavisesā anavaṭṭhitasabhāvā ‘‘purimā disā pacchimā disā’’ti vuccamānā disāvisesā ca, evaṃ sāmaññavisesāpi. Tathā hi ‘‘idaṃ dukkha’’nti vuccamānaṃ jātiādiapekkhāya sāmaññampi samānaṃ saccāpekkhāya viseso hoti. Esa nayo samudayādīsupi. Eso hāro adhiṭṭhānoti evaṃ suttāgatānaṃ dhammānaṃ avikappanavasena sāmaññavisesaniddhāraṇalakkhaṇo adhiṭṭhāno hāro nāmāti attho.
๑๕. เย ธมฺมาติ เย อวิชฺชาทิกา ปจฺจยธมฺมาฯ ยํ ธมฺมนฺติ ยํ สงฺขาราทิกํ ปจฺจยุปฺปนฺนธมฺมํฯ ชนยนฺตีติ นิพฺพเตฺตนฺติฯ ปจฺจยาติ สหชาตปจฺจยภาเวนฯ ปรมฺปรโตติ ปรมฺปรปจฺจยภาเวน, อนุรูปสนฺตานฆฎนวเสน ปจฺจโย หุตฺวาติ อโตฺถฯ อุปนิสฺสยโกฎิ หิ อิธาธิเปฺปตาฯ ปุริมสฺมิํ อวสิโฎฺฐ ปจฺจยภาโวฯ เหตุมวกฑฺฒยิตฺวาติ ตํ ยถาวุตฺตปจฺจยสงฺขาตํ ชนกาทิเภทภินฺนํ เหตุํ อากฑฺฒิตฺวา สุตฺตโต นิทฺธาเรตฺวา โย สํวณฺณนาสงฺขาโต, เอโส หาโร ปริกฺขาโรติ เอวํ สุเตฺต อาคตธมฺมานํ ปริกฺขารสงฺขาเต เหตุปจฺจเย นิทฺธาเรตฺวา สํวณฺณนลกฺขโณ ปริกฺขาโร หาโรติ อโตฺถฯ
15. Ye dhammāti ye avijjādikā paccayadhammā. Yaṃ dhammanti yaṃ saṅkhārādikaṃ paccayuppannadhammaṃ. Janayantīti nibbattenti. Paccayāti sahajātapaccayabhāvena. Paramparatoti paramparapaccayabhāvena, anurūpasantānaghaṭanavasena paccayo hutvāti attho. Upanissayakoṭi hi idhādhippetā. Purimasmiṃ avasiṭṭho paccayabhāvo. Hetumavakaḍḍhayitvāti taṃ yathāvuttapaccayasaṅkhātaṃ janakādibhedabhinnaṃ hetuṃ ākaḍḍhitvā suttato niddhāretvā yo saṃvaṇṇanāsaṅkhāto, eso hāro parikkhāroti evaṃ sutte āgatadhammānaṃ parikkhārasaṅkhāte hetupaccaye niddhāretvā saṃvaṇṇanalakkhaṇo parikkhāro hāroti attho.
๑๖. เย ธมฺมาติ เย สีลาทิธมฺมาฯ ยํมูลาติ เยสํ สมาธิอาทีนํ มูลภูตา, เต เตสํ สมาธิอาทีนํ ปทฎฺฐานภาเวน สมาโรปยิตพฺพาติ สมฺพโนฺธฯ เย เจกตฺถา ปกาสิตา มุนินาติ เย จ ราควิราคาเจโตวิมุตฺติเสกฺขผลกามธาตุสมติกฺกมนาทิสทฺทา อนาคามิผลตฺถตาย เอกตฺถา พุทฺธมุนินา ปริทีปิตา, เต อญฺญมญฺญเววจนภาเวน สมาโรปยิตพฺพาติ สมฺพโนฺธฯ สมาโรปนเญฺจตฺถ สุเตฺต ยถารุตวเสน นิทฺธารณวเสน วา คยฺหมานสฺส สิกฺขตฺตยสงฺขาตสฺส สีลาทิกฺขนฺธตฺตยสฺส ปริยายนฺตรวิภาวนมุเขน ภาวนาปาริปูริกถนํ, ภาวนาปาริปูรี จ ปหาตพฺพสฺส ปหาเนนาติ ปหานสมาโรปนาปิ อตฺถโต ทสฺสิตา เอว โหติฯ เอส สมาโรปโน หาโรติ เอส สุเตฺต อาคตธมฺมานํ ปทฎฺฐานเววจนภาวนาปหานสมาโรปนวิจารณลกฺขโณ สมาโรปโน นาม หาโรติ อโตฺถฯ
16. Ye dhammāti ye sīlādidhammā. Yaṃmūlāti yesaṃ samādhiādīnaṃ mūlabhūtā, te tesaṃ samādhiādīnaṃ padaṭṭhānabhāvena samāropayitabbāti sambandho. Ye cekatthā pakāsitā munināti ye ca rāgavirāgācetovimuttisekkhaphalakāmadhātusamatikkamanādisaddā anāgāmiphalatthatāya ekatthā buddhamuninā paridīpitā, te aññamaññavevacanabhāvena samāropayitabbāti sambandho. Samāropanañcettha sutte yathārutavasena niddhāraṇavasena vā gayhamānassa sikkhattayasaṅkhātassa sīlādikkhandhattayassa pariyāyantaravibhāvanamukhena bhāvanāpāripūrikathanaṃ, bhāvanāpāripūrī ca pahātabbassa pahānenāti pahānasamāropanāpi atthato dassitā eva hoti. Esa samāropano hāroti esa sutte āgatadhammānaṃ padaṭṭhānavevacanabhāvanāpahānasamāropanavicāraṇalakkhaṇo samāropano nāma hāroti attho.
นยสเงฺขโป
Nayasaṅkhepo
๑๗. เอวํ คาถาพนฺธวเสน โสฬสปิ หาเร นิทฺทิสิตฺวา อิทานิ นเย นิทฺทิสิตุํ ‘‘ตณฺหญฺจา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ตณฺหญฺจ อวิชฺชมฺปิ จาติ สุเตฺต อาคตํ อตฺถโต นิทฺธารณวเสน วา คหิตํ ตณฺหํ อวิชฺชญฺจ โย เนตีติ สมฺพโนฺธฯ โย สํวณฺณนาวิเสโส ตํ เนติ สํกิเลสปกฺขํ ปาเปติ สํกิเลสวเสน สุตฺตตฺถํ โยเชตีติ อธิปฺปาโยฯ สมเถนาติ สมาธินาฯ วิปสฺสนายาติ ปญฺญาย, โย เนติ โวทานปกฺขํ ปาเปติ, ตถา สุตฺตตฺถํ โยเชตีติ อธิปฺปาโยฯ สเจฺจหิ โยชยิตฺวาติ นยโนฺต จ ตณฺหา จ อวิชฺชา จ ภวมูลกตฺตา สมุทยสจฺจํ, อวเสสา เตภูมกธมฺมา ทุกฺขสจฺจํ, สมถวิปสฺสนา มคฺคสจฺจํ, เตน ปตฺตพฺพา อสงฺขตธาตุ นิโรธสจฺจนฺติ เอวํ อิเมหิ จตูหิ สเจฺจหิ โยเชตฺวาฯ อยํ นโย นนฺทิยาวโฎฺฎติ โย ตณฺหาวิชฺชาหิ สํกิเลสปกฺขสฺส สุตฺตตฺถสฺส สมถวิปสฺสนาหิ โวทานปกฺขสฺส จตุสจฺจโยชนมุเขน นยนลกฺขโณ สํวณฺณนาวิเสโส, อยํ นนฺทิยาวโฎฺฎ นโย นามาติ อโตฺถฯ เอตฺถ จ นยสฺส ภูมิ คาถายํ ‘‘นโย’’ติ วุตฺตา, ตสฺมา สํวณฺณนาวิเสโสติ วุตฺตํฯ น หิ อตฺถนโย สํวณฺณนา, จตุสจฺจปฎิเวธสฺส อนุรูโป ปุพฺพภาเค อนุคาหณนโย อตฺถนโยฯ ตสฺส ปน ยา อุคฺฆฎิตญฺญุอาทีนํ วเสน ตณฺหาทิมุเขน นยภูมิรจนา, ตตฺถ นยโวหาโรฯ
17. Evaṃ gāthābandhavasena soḷasapi hāre niddisitvā idāni naye niddisituṃ ‘‘taṇhañcā’’tiādi vuttaṃ. Tattha taṇhañca avijjampi cāti sutte āgataṃ atthato niddhāraṇavasena vā gahitaṃ taṇhaṃ avijjañca yo netīti sambandho. Yo saṃvaṇṇanāviseso taṃ neti saṃkilesapakkhaṃ pāpeti saṃkilesavasena suttatthaṃ yojetīti adhippāyo. Samathenāti samādhinā. Vipassanāyāti paññāya, yo neti vodānapakkhaṃ pāpeti, tathā suttatthaṃ yojetīti adhippāyo. Saccehi yojayitvāti nayanto ca taṇhā ca avijjā ca bhavamūlakattā samudayasaccaṃ, avasesā tebhūmakadhammā dukkhasaccaṃ, samathavipassanā maggasaccaṃ, tena pattabbā asaṅkhatadhātu nirodhasaccanti evaṃ imehi catūhi saccehi yojetvā. Ayaṃ nayo nandiyāvaṭṭoti yo taṇhāvijjāhi saṃkilesapakkhassa suttatthassa samathavipassanāhi vodānapakkhassa catusaccayojanamukhena nayanalakkhaṇo saṃvaṇṇanāviseso, ayaṃ nandiyāvaṭṭo nayo nāmāti attho. Ettha ca nayassa bhūmi gāthāyaṃ ‘‘nayo’’ti vuttā, tasmā saṃvaṇṇanāvisesoti vuttaṃ. Na hi atthanayo saṃvaṇṇanā, catusaccapaṭivedhassa anurūpo pubbabhāge anugāhaṇanayo atthanayo. Tassa pana yā ugghaṭitaññuādīnaṃ vasena taṇhādimukhena nayabhūmiracanā, tattha nayavohāro.
๑๘. อกุสเลติ ทฺวาทสจิตฺตุปฺปาทสงฺคหิเต สเพฺพปิ อกุสเล ธเมฺมฯ สมูเลหีติ อตฺตโน มูเลหิ, โลภโทสโมเหหีติ อโตฺถฯ กุสเลติ สเพฺพปิ จตุภูมเก กุสเล ธเมฺมฯ กุสลมูเลหีติ กุสเลหิ อโลภาทิมูเลหิ โย เนติฯ นยโนฺต จ กุสลากุสลํ มายามรีจิอาทโย วิย อภูตํ น โหตีติ ภูตํฯ ปฎฆฎาทโย วิย น สมฺมุติสจฺจมตฺตนฺติ ตถํฯ อกุสลสฺส อิฎฺฐวิปากตาภาวโต กุสลสฺส จ อนิฎฺฐวิปากตาภาวโต วิปาเก สติ อวิสํวาทกตฺตา อวิตถํ เนติฯ เอวเมเตสํ ติณฺณมฺปิ ปทานํ กุสลากุสลวิเสสนตา ทฎฺฐพฺพาฯ อถ วา อกุสลมูเลหิ อกุสลานิ กุสลมูเลหิ จ กุสลานิ นยโนฺต อยํ นโย ภูตํ ตถํ อวิตถํ เนติ, จตฺตาริ สจฺจานิ นิทฺธาเรตฺวา โยเชตีติ อโตฺถฯ ทุกฺขาทีนิ หิ พาธกาทิภาวโต อญฺญถาภาวาภาเวน ภูตานิ, สจฺจสภาวตฺตา ตถานิ, อวิสํวาทนโต อวิตถานิฯ วุตฺตเญฺหตํ ภควตา ‘‘จตฺตาริมานิ, ภิกฺขเว, ตถานิ อวิตถานิ อนญฺญถานี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๑๐๙๐)ฯ ติปุกฺขลํ ตํ นยํ อาหูติ โย อกุสลมูเลหิ สํกิเลสปกฺขสฺส กุสลมูเลหิ โวทานปกฺขสฺส สุตฺตตฺถสฺส จตุสจฺจโยชนมุเขน นยนลกฺขโณ สํวณฺณนาวิเสโส, ตํ ติปุกฺขลํ นยนฺติ วทนฺตีติ อโตฺถฯ
18. Akusaleti dvādasacittuppādasaṅgahite sabbepi akusale dhamme. Samūlehīti attano mūlehi, lobhadosamohehīti attho. Kusaleti sabbepi catubhūmake kusale dhamme. Kusalamūlehīti kusalehi alobhādimūlehi yo neti. Nayanto ca kusalākusalaṃ māyāmarīciādayo viya abhūtaṃ na hotīti bhūtaṃ. Paṭaghaṭādayo viya na sammutisaccamattanti tathaṃ. Akusalassa iṭṭhavipākatābhāvato kusalassa ca aniṭṭhavipākatābhāvato vipāke sati avisaṃvādakattā avitathaṃ neti. Evametesaṃ tiṇṇampi padānaṃ kusalākusalavisesanatā daṭṭhabbā. Atha vā akusalamūlehi akusalāni kusalamūlehi ca kusalāni nayanto ayaṃ nayo bhūtaṃ tathaṃ avitathaṃ neti, cattāri saccāni niddhāretvā yojetīti attho. Dukkhādīni hi bādhakādibhāvato aññathābhāvābhāvena bhūtāni, saccasabhāvattā tathāni, avisaṃvādanato avitathāni. Vuttañhetaṃ bhagavatā ‘‘cattārimāni, bhikkhave, tathāni avitathāni anaññathānī’’ti (saṃ. ni. 5.1090). Tipukkhalaṃ taṃ nayaṃ āhūti yo akusalamūlehi saṃkilesapakkhassa kusalamūlehi vodānapakkhassa suttatthassa catusaccayojanamukhena nayanalakkhaṇo saṃvaṇṇanāviseso, taṃ tipukkhalaṃ nayanti vadantīti attho.
๑๙. วิปลฺลาเสหีติ อสุเภ สุภนฺติอาทินยปฺปวเตฺตหิ จตูหิ วิปลฺลาเสหิฯ กิเลเสติ กิลิสฺสนฺติ วิพาธิยนฺตีติ กิเลสา, สํกิลิฎฺฐธมฺมา, สํกิเลสปกฺขนฺติ อโตฺถฯ เกจิ ‘‘สํกิเลเส’’ติปิ ปฐนฺติ, กิเลสสหิเตติ อโตฺถฯ อินฺทฺริเยหีติ สทฺธาทีหิ อินฺทฺริเยหิฯ สทฺธเมฺมติ ปฎิปตฺติปฎิเวธสทฺธเมฺม, โวทานปกฺขนฺติ อโตฺถฯ เอตํ นยนฺติ โย สุภสญฺญาทีหิ วิปลฺลาเสหิ สกลสฺส สํกิเลสปกฺขสฺส สทฺธินฺทฺริยาทีหิ โวทานปกฺขสฺส จตุสจฺจโยชนวเสน นยนลกฺขโณ สํวณฺณนาวิเสโส, เอตํ นยํ นยวิทู สทฺธมฺมนยโกวิทา, อตฺถนยกุสลา เอว วา สีหวิกฺกีฬิตํ นยนฺติ วทนฺตีติ อโตฺถฯ
19. Vipallāsehīti asubhe subhantiādinayappavattehi catūhi vipallāsehi. Kileseti kilissanti vibādhiyantīti kilesā, saṃkiliṭṭhadhammā, saṃkilesapakkhanti attho. Keci ‘‘saṃkilese’’tipi paṭhanti, kilesasahiteti attho. Indriyehīti saddhādīhi indriyehi. Saddhammeti paṭipattipaṭivedhasaddhamme, vodānapakkhanti attho. Etaṃ nayanti yo subhasaññādīhi vipallāsehi sakalassa saṃkilesapakkhassa saddhindriyādīhi vodānapakkhassa catusaccayojanavasena nayanalakkhaṇo saṃvaṇṇanāviseso, etaṃ nayaṃ nayavidū saddhammanayakovidā, atthanayakusalā eva vā sīhavikkīḷitaṃ nayanti vadantīti attho.
๒๐. เวยฺยากรเณสูติ ตสฺส ตสฺส อตฺถนยสฺส โยชนตฺถํ กเตสุ สุตฺตสฺส อตฺถวิสฺสชฺชเนสูติ อโตฺถฯ เตเนวาห ‘‘ตหิํ ตหิ’’นฺติฯ กุสลากุสลาติ โวทานิยา สํกิเลสิกา จ ตสฺส ตสฺส นยสฺส ทิสาภูตธมฺมาฯ วุตฺตาติ สุตฺตโต นิทฺธาเรตฺวา กถิตาฯ มนสา โวโลกยเตติ เต ยถาวุตฺตธเมฺม จิเตฺตเนว ‘‘อยํ ปฐมา ทิสา อยํ ทุติยา ทิสา’’ติอาทินา ตสฺส ตสฺส นยสฺส ทิสาภาเวน อุปปริกฺขติ, วิจาเรตีติ อโตฺถฯ ‘‘โอโลกยเต เต อพหี’’ติปิ ปาโฐฯ ตตฺถ เตติ เต ยถาวุตฺตธเมฺมฯ อพหีติ อพฺภนฺตรํ, จิเตฺต เอวาติ อโตฺถฯ ตํ ขุ ทิสาโลจนํ อาหูติ โอโลกยเตติ เอตฺถ ยเทตํ โอโลกนํ, ตํ ทิสาโลจนํ นาม นยํ วทนฺติฯ ขุ-ติ จ นิปาโต อวธารเณฯ เตน โอโลกนเมว อยํ นโย, น โกจิ อตฺถวิเสโสติ ทเสฺสติฯ
20. Veyyākaraṇesūti tassa tassa atthanayassa yojanatthaṃ katesu suttassa atthavissajjanesūti attho. Tenevāha ‘‘tahiṃ tahi’’nti. Kusalākusalāti vodāniyā saṃkilesikā ca tassa tassa nayassa disābhūtadhammā. Vuttāti suttato niddhāretvā kathitā. Manasā volokayateti te yathāvuttadhamme citteneva ‘‘ayaṃ paṭhamā disā ayaṃ dutiyā disā’’tiādinā tassa tassa nayassa disābhāvena upaparikkhati, vicāretīti attho. ‘‘Olokayate te abahī’’tipi pāṭho. Tattha teti te yathāvuttadhamme. Abahīti abbhantaraṃ, citte evāti attho. Taṃ khu disālocanaṃ āhūti olokayateti ettha yadetaṃ olokanaṃ, taṃ disālocanaṃ nāma nayaṃ vadanti. Khu-ti ca nipāto avadhāraṇe. Tena olokanameva ayaṃ nayo, na koci atthavisesoti dasseti.
๒๑. โอโลเกตฺวาติ ปฐมาทิทิสาภาเวน อุปปริกฺขิตฺวาฯ ทิสาโลจเนนาติ ทิสาโลจนนเยน กรณภูเตนฯ เยน หิ วิธินา ตสฺส ตสฺส อตฺถนยสฺส โยชนาย ทิสา โอโลกียนฺติ, โส วิธิ ทิสาโลจนนฺติ เอวํ วา เอตฺถ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ อุกฺขิปิยาติ อุทฺธริตฺวา, ทิสาภูตธเมฺม สุตฺตโต นิทฺธาเรตฺวาติ อโตฺถฯ ‘‘อุกฺขิปิย โย สมาเนตี’’ติปิ ปฐนฺติ, ตสฺสโตฺถ – ‘‘โย เตสํ ทิสาภูตธมฺมานํ สมานยนํ กโรตี’’ติฯ ยนฺติ วา กิริยาปรามสนํ ฯ สมาเนตีติ สมํ, สมฺมา วา อาเนติ ตสฺส ตสฺส นยสฺส โยชนาวเสนฯ เก ปน อาเนติ? สเพฺพ กุสลากุสเล ตํตํนยทิสาภูเตฯ อยํ นโยติ สมาเนตีติ เอตฺถ ยเทตํ ตํตํนยทิสาภูตธมฺมานํ สมานยนํ, อยํ องฺกุโส นาม นโยติ อโตฺถฯ เอตญฺจ ทฺวยํ ‘‘โวหารนโย, กมฺมนโย’’ติ จ วุจฺจติฯ
21. Oloketvāti paṭhamādidisābhāvena upaparikkhitvā. Disālocanenāti disālocananayena karaṇabhūtena. Yena hi vidhinā tassa tassa atthanayassa yojanāya disā olokīyanti, so vidhi disālocananti evaṃ vā ettha attho daṭṭhabbo. Ukkhipiyāti uddharitvā, disābhūtadhamme suttato niddhāretvāti attho. ‘‘Ukkhipiya yo samānetī’’tipi paṭhanti, tassattho – ‘‘yo tesaṃ disābhūtadhammānaṃ samānayanaṃ karotī’’ti. Yanti vā kiriyāparāmasanaṃ . Samānetīti samaṃ, sammā vā āneti tassa tassa nayassa yojanāvasena. Ke pana āneti? Sabbe kusalākusale taṃtaṃnayadisābhūte. Ayaṃ nayoti samānetīti ettha yadetaṃ taṃtaṃnayadisābhūtadhammānaṃ samānayanaṃ, ayaṃ aṅkuso nāma nayoti attho. Etañca dvayaṃ ‘‘vohāranayo, kammanayo’’ti ca vuccati.
๒๒. เอวํ หาเร นเย จ นิทฺทิสิตฺวา อิทานิ เนสํ โยชนกฺกมํ ทเสฺสโนฺต ‘‘โสฬส หารา ปฐม’’นฺติอาทิมาหฯ ตตฺถ ปฐมํ โสฬส หารา ‘‘โยเชตพฺพา’’ติ วจนเสโสฯ หารสํวณฺณนา ปฐมํ กาตพฺพา พฺยญฺชนปริเยฎฺฐิภาวโตติ อธิปฺปาโยฯ ทิสโลจนโตติ ทิสาโลจเนน, อยเมว วา ปาโฐฯ องฺกุเสน หีติ หิ-สโทฺท นิปาตมตฺตํฯ เสสํ อุตฺตานเมวฯ
22. Evaṃ hāre naye ca niddisitvā idāni nesaṃ yojanakkamaṃ dassento ‘‘soḷasa hārā paṭhama’’ntiādimāha. Tattha paṭhamaṃ soḷasa hārā ‘‘yojetabbā’’ti vacanaseso. Hārasaṃvaṇṇanā paṭhamaṃ kātabbā byañjanapariyeṭṭhibhāvatoti adhippāyo. Disalocanatoti disālocanena, ayameva vā pāṭho. Aṅkusena hīti hi-saddo nipātamattaṃ. Sesaṃ uttānameva.
ทฺวาทสปทํ
Dvādasapadaṃ
๒๓. อิทานิ เยสํ พฺยญฺชนปทานํ อตฺถปทานญฺจ วเสน ทฺวาทส ปทานิ สุตฺตนฺติ วุตฺตํ, ตานิ ปทานิ นิทฺทิสิตุํ ‘‘อกฺขรํ ปท’’นฺติอาทิมาหฯ ตตฺถ อปริโยสิเต ปเท วโณฺณ อกฺขรํ ปริยายวเสน อกฺขรณโต อสญฺจรณโตฯ น หิ วณฺณสฺส ปริยาโย วิชฺชติ, อถ วโณฺณติ เกนเฎฺฐน วโณฺณ? อตฺถสํวณฺณนเฎฺฐนฯ วโณฺณ เอว หิ อิตฺตรขณตาย อปราปรภาเวน ปวโตฺต ปทาทิภาเวน คยฺหมาโน ยถาสมฺพนฺธํ ตํ ตํ อตฺถํ วทติ ฯ เอกกฺขรํ วา ปทํ อกฺขรํ, เกจิ ปน ‘‘มนสา เทสนาวาจาย อกฺขรณโต อกฺขร’’นฺติ วทนฺติฯ
23. Idāni yesaṃ byañjanapadānaṃ atthapadānañca vasena dvādasa padāni suttanti vuttaṃ, tāni padāni niddisituṃ ‘‘akkharaṃ pada’’ntiādimāha. Tattha apariyosite pade vaṇṇo akkharaṃ pariyāyavasena akkharaṇato asañcaraṇato. Na hi vaṇṇassa pariyāyo vijjati, atha vaṇṇoti kenaṭṭhena vaṇṇo? Atthasaṃvaṇṇanaṭṭhena. Vaṇṇo eva hi ittarakhaṇatāya aparāparabhāvena pavatto padādibhāvena gayhamāno yathāsambandhaṃ taṃ taṃ atthaṃ vadati . Ekakkharaṃ vā padaṃ akkharaṃ, keci pana ‘‘manasā desanāvācāya akkharaṇato akkhara’’nti vadanti.
ปทนฺติ ปชฺชติ อโตฺถ เอเตนาติ ปทํ, ตํ นามปทํ อาขฺยาตปทํ อุปสคฺคปทํ นิปาตปทนฺติ จตุพฺพิธํฯ ตตฺถ ‘‘ผโสฺส เวทนา จิตฺต’’นฺติ เอวมาทิกํ สตฺวปฺปธานํ นามปทํฯ ‘‘ผุสติ เวทยติ วิชานาตี’’ติ เอวมาทิกํ กิริยาปธานํ อาขฺยาตปทํฯ กิริยาวิเสสคฺคหณนิมิตฺตํ ‘‘ป’’ อิติ เอวมาทิกํ อุปสคฺคปทํฯ กิริยาย สตฺวสฺส จ สรูปวิเสสปฺปกาสนเหตุภูตํ ‘‘เอว’’นฺติ เอวมาทิกํ นิปาตปทํฯ
Padanti pajjati attho etenāti padaṃ, taṃ nāmapadaṃ ākhyātapadaṃ upasaggapadaṃ nipātapadanti catubbidhaṃ. Tattha ‘‘phasso vedanā citta’’nti evamādikaṃ satvappadhānaṃ nāmapadaṃ. ‘‘Phusati vedayati vijānātī’’ti evamādikaṃ kiriyāpadhānaṃ ākhyātapadaṃ. Kiriyāvisesaggahaṇanimittaṃ ‘‘pa’’ iti evamādikaṃ upasaggapadaṃ. Kiriyāya satvassa ca sarūpavisesappakāsanahetubhūtaṃ ‘‘eva’’nti evamādikaṃ nipātapadaṃ.
พฺยญฺชนนฺติ สเงฺขปโต วุตฺตํ ปทาภิหิตํ อตฺถํ พฺยญฺชยตีติ พฺยญฺชนํ, วากฺยํฯ ตํ ปน อตฺถโต ปทสมุทาโยติ ทฎฺฐพฺพํฯ ปทมตฺตสวเนปิ หิ อธิการาทิวเสน ลพฺภมาเนหิ ปทนฺตเรหิ อนุสนฺธานํ กตฺวาว อตฺถสมฺปฎิปตฺติ โหตีติ วากฺยเมว อตฺถํ พฺยญฺชยติฯ นิรุตฺตีติ อาการาภิหิตํ นิพฺพจนํ นิรุตฺติฯ
Byañjananti saṅkhepato vuttaṃ padābhihitaṃ atthaṃ byañjayatīti byañjanaṃ, vākyaṃ. Taṃ pana atthato padasamudāyoti daṭṭhabbaṃ. Padamattasavanepi hi adhikārādivasena labbhamānehi padantarehi anusandhānaṃ katvāva atthasampaṭipatti hotīti vākyameva atthaṃ byañjayati. Niruttīti ākārābhihitaṃ nibbacanaṃ nirutti.
นิเทฺทโสติ นิพฺพจนวิตฺถาโร นิรวเสสเทสนตฺตา นิเทฺทโสฯ ปเทหิ วากฺยสฺส วิภาโค อากาโรฯ ยทิ เอวํ ปทโต อาการสฺส โก วิเสโสติ? อปริโยสิเต วาเกฺย อวิภชฺชมาเน วา ตทวยโว ปทํฯ อุจฺจารณวเสน ปริโยสิเต วาเกฺย วิภชฺชมาเน วา ตทวยโว อากาโรติ อยเมเตสํ วิเสโสฯ ฉฎฺฐํ วจนํ ฉฎฺฐวจนํฯ อากาโร ฉฎฺฐวจนํ เอตสฺสาติ อาการฉฎฺฐวจนํ, พฺยญฺชนปทํฯ เอตฺถ จ พฺยญฺชนนฺติ อิมสฺส ปทสฺส อนนฺตรํ วตฺตพฺพํ อาการปทํ นิเทฺทสปทานนฺตรํ วทเนฺตน ‘‘อาการฉฎฺฐวจน’’นฺติ วุตฺตํ, ปทานุปุพฺพิกํ ปน อิจฺฉเนฺตหิ ตํ พฺยญฺชนปทานนฺตรเมว กาตพฺพํฯ ตถา หิ วกฺขติ ‘‘อปริมาณา พฺยญฺชนา อปริมาณา อาการาติ, พฺยญฺชเนหิ วิวรติ อากาเรหิ วิภชตี’’ติ จฯ เกจิ ปน ‘‘อาการปทพฺยญฺชนนิรุตฺติโย จ นิเทฺทโส’’ติ ปฐนฺติฯ เอตฺตาว พฺยญฺชนํ สพฺพนฺติ ยานิมานิ อกฺขราทีนิ นิทฺทิฎฺฐานิ, เอตฺตกเมว สพฺพํ พฺยญฺชนํ, เอเตหิ อสงฺคหิตํ พฺยญฺชนํ นาม นตฺถีติ อโตฺถฯ
Niddesoti nibbacanavitthāro niravasesadesanattā niddeso. Padehi vākyassa vibhāgo ākāro. Yadi evaṃ padato ākārassa ko visesoti? Apariyosite vākye avibhajjamāne vā tadavayavo padaṃ. Uccāraṇavasena pariyosite vākye vibhajjamāne vā tadavayavo ākāroti ayametesaṃ viseso. Chaṭṭhaṃ vacanaṃ chaṭṭhavacanaṃ. Ākāro chaṭṭhavacanaṃ etassāti ākārachaṭṭhavacanaṃ, byañjanapadaṃ. Ettha ca byañjananti imassa padassa anantaraṃ vattabbaṃ ākārapadaṃ niddesapadānantaraṃ vadantena ‘‘ākārachaṭṭhavacana’’nti vuttaṃ, padānupubbikaṃ pana icchantehi taṃ byañjanapadānantarameva kātabbaṃ. Tathā hi vakkhati ‘‘aparimāṇā byañjanā aparimāṇā ākārāti, byañjanehi vivarati ākārehi vibhajatī’’ti ca. Keci pana ‘‘ākārapadabyañjananiruttiyo ca niddeso’’ti paṭhanti. Ettāva byañjanaṃ sabbanti yānimāni akkharādīni niddiṭṭhāni, ettakameva sabbaṃ byañjanaṃ, etehi asaṅgahitaṃ byañjanaṃ nāma natthīti attho.
๒๔. สงฺกาสนาติ สํขิเตฺตน กาสนาฯ ปกาสนาติ ปฐมํ กาสนา, กาสียติ ทีปียตีติ อโตฺถฯ อิมินา หิ อตฺถปททฺวเยน อกฺขรปเทหิ วิภาวิยมาโน อตฺถากาโร คหิโตฯ ยสฺมา อกฺขเรหิ สุยฺยมาเนหิ สุณนฺตานํ วิเสสวิธานสฺส กตตฺตา ปทปริโยสาเน ปทตฺถสมฺปฎิปตฺติ โหติฯ ตถา หิ วกฺขติ ‘‘ตตฺถ ภควา อกฺขเรหิ สงฺกาเสติ ปเทหิ ปกาเสตีติ, อกฺขเรหิ ปเทหิ จ อุคฺฆาเฎตี’’ติ จฯ
24. Saṅkāsanāti saṃkhittena kāsanā. Pakāsanāti paṭhamaṃ kāsanā, kāsīyati dīpīyatīti attho. Iminā hi atthapadadvayena akkharapadehi vibhāviyamāno atthākāro gahito. Yasmā akkharehi suyyamānehi suṇantānaṃ visesavidhānassa katattā padapariyosāne padatthasampaṭipatti hoti. Tathā hi vakkhati ‘‘tattha bhagavā akkharehi saṅkāseti padehi pakāsetīti, akkharehi padehi ca ugghāṭetī’’ti ca.
วิวรณาติ วิตฺถารณาฯ วิภชนา จ อุตฺตานีกมฺมญฺจ ปญฺญตฺติ จ วิภชนุตฺตานีกมฺมปญฺญตฺติฯ ตตฺถ วิภชนาติ วิภาคกรณํ, อุภเยนาปิ นิทฺทิสนมาหฯ อิธ ปุริมนเยเนว พฺยญฺชนากาเรหิ นิทฺทิสิยมาโน อตฺถากาโร ทสฺสิโตติ ทฎฺฐพฺพํฯ อุตฺตานีกมฺมํ ปากฎกรณํฯ ปกาเรหิ ญาปนํ ปญฺญตฺติฯ ทฺวเยนาปิ ปฎินิทฺทิสนํ กเถติฯ เอตฺถาปิ นิรุตฺตินิเทฺทสสงฺขาเตหิ พฺยญฺชนปเทหิ นิทฺทิสิยมาโน อตฺถากาโร วุโตฺต, โย ปฎินิทฺทิสียตีติ วุจฺจติฯ เอเตหีติ เอเตหิ เอว สงฺกาสนาทิวินิมุตฺตสฺส เทสนาตฺถสฺส อภาวโตฯ อโตฺถติ สุตฺตโตฺถฯ กมฺมนฺติ อุคฺฆฎนาทิกมฺมํฯ สุตฺตเตฺถน หิ เทสนาย ปวตฺติยมาเนน อุคฺฆฎิตญฺญุอาทิเวเนยฺยานํ จิตฺตสนฺตานสฺส ปโพธนกิริยานิพฺพตฺติฯ โส จ สุตฺตโตฺถ สงฺกาสนาทิอากาโรติฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘อโตฺถ กมฺมญฺจ นิทฺทิฎฺฐ’’นฺติฯ
Vivaraṇāti vitthāraṇā. Vibhajanā ca uttānīkammañca paññatti ca vibhajanuttānīkammapaññatti. Tattha vibhajanāti vibhāgakaraṇaṃ, ubhayenāpi niddisanamāha. Idha purimanayeneva byañjanākārehi niddisiyamāno atthākāro dassitoti daṭṭhabbaṃ. Uttānīkammaṃ pākaṭakaraṇaṃ. Pakārehi ñāpanaṃ paññatti. Dvayenāpi paṭiniddisanaṃ katheti. Etthāpi niruttiniddesasaṅkhātehi byañjanapadehi niddisiyamāno atthākāro vutto, yo paṭiniddisīyatīti vuccati. Etehīti etehi eva saṅkāsanādivinimuttassa desanātthassa abhāvato. Atthoti suttattho. Kammanti ugghaṭanādikammaṃ. Suttatthena hi desanāya pavattiyamānena ugghaṭitaññuādiveneyyānaṃ cittasantānassa pabodhanakiriyānibbatti. So ca suttattho saṅkāsanādiākāroti. Tena vuttaṃ – ‘‘attho kammañca niddiṭṭha’’nti.
๒๕. ตีณีติ ลิงฺควิปลฺลาเสน วุตฺตํ, ตโยติ วุตฺตํ โหติฯ นวหิ ปเทหีติ นวหิ โกฎฺฐาเสหิ ฯ อโตฺถ สมายุโตฺตติ อโตฺถ สมฺมา ยุโตฺต น วินา วตฺตติฯ สพฺพสฺส หิ พุทฺธวจนสฺส จตุสจฺจปฺปกาสนโต อตฺถนยานญฺจ จตุสจฺจโยชนวเสน ปวตฺตนโต สโพฺพ ปาฬิอโตฺถ อตฺถนยตฺตยสงฺคหิโต สงฺกาสนาทิอาการวิเสสวุตฺติ จาติฯ
25. Tīṇīti liṅgavipallāsena vuttaṃ, tayoti vuttaṃ hoti. Navahi padehīti navahi koṭṭhāsehi . Attho samāyuttoti attho sammā yutto na vinā vattati. Sabbassa hi buddhavacanassa catusaccappakāsanato atthanayānañca catusaccayojanavasena pavattanato sabbo pāḷiattho atthanayattayasaṅgahito saṅkāsanādiākāravisesavutti cāti.
๒๖. อิทานิ ยถานิทฺทิเฎฺฐ เทสนาหาราทิเก เนตฺติปฺปกรณสฺส ปทเตฺถ สุขคฺคหณตฺถํ คณนวเสน ปริจฺฉินฺทิตฺวา ทเสฺสโนฺต ‘‘อตฺถสฺสา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ จตุพฺพีสาติ โสฬส หารา ฉ พฺยญฺชนปทานิ เทฺว กมฺมนยาติ เอวํ จตุพฺพีสฯ อุภยนฺติ ฉ อตฺถปทานิ ตโย อตฺถนยาติ อิทํ นววิธํ ยถาวุตฺตํ จตุพฺพีสวิธญฺจาติ เอตํ อุภยํฯ สงฺกลยิตฺวาติ สมฺปิเณฺฑตฺวาฯ ‘‘สเงฺขปยโต’’ติปิ ปาโฐ, เอกโต กโรนฺตสฺสาติ อโตฺถฯ เอตฺติกาติ เอตปฺปมาณา, อิโต วินิมุโตฺต โกจิ เนตฺติปทตฺถา นตฺถีติ อโตฺถฯ
26. Idāni yathāniddiṭṭhe desanāhārādike nettippakaraṇassa padatthe sukhaggahaṇatthaṃ gaṇanavasena paricchinditvā dassento ‘‘atthassā’’tiādimāha. Tattha catubbīsāti soḷasa hārā cha byañjanapadāni dve kammanayāti evaṃ catubbīsa. Ubhayanti cha atthapadāni tayo atthanayāti idaṃ navavidhaṃ yathāvuttaṃ catubbīsavidhañcāti etaṃ ubhayaṃ. Saṅkalayitvāti sampiṇḍetvā. ‘‘Saṅkhepayato’’tipi pāṭho, ekato karontassāti attho. Ettikāti etappamāṇā, ito vinimutto koci nettipadatthā natthīti attho.
เอวํ เตตฺติํสปทตฺถาย เนตฺติยา สุตฺตสฺส อตฺถปริเยสนาย โย ‘‘โสฬส หารา ปฐม’’นฺติ นเยหิ ปฐมํ หารา สํวเณฺณตพฺพาติ หารนยานํ สํวณฺณนากฺกโม ทสฺสิโต, สฺวายํ หารนยานํ เทสนากฺกเมเนว สิโทฺธฯ เอวํ สิเทฺธ สติ อยํ อารโมฺภ อิมมตฺถํ ทีเปติ – สเพฺพปิเม หารา นยา จ อิมินา ทสฺสิตกฺกเมเนว สุเตฺตสุ สํวณฺณนาวเสน โยเชตพฺพา, น อุปฺปฎิปาฎิยาติฯ
Evaṃ tettiṃsapadatthāya nettiyā suttassa atthapariyesanāya yo ‘‘soḷasa hārā paṭhama’’nti nayehi paṭhamaṃ hārā saṃvaṇṇetabbāti hāranayānaṃ saṃvaṇṇanākkamo dassito, svāyaṃ hāranayānaṃ desanākkameneva siddho. Evaṃ siddhe sati ayaṃ ārambho imamatthaṃ dīpeti – sabbepime hārā nayā ca iminā dassitakkameneva suttesu saṃvaṇṇanāvasena yojetabbā, na uppaṭipāṭiyāti.
กิํ ปเนตฺถ การณํ, ยเทเต หารา นยา จ อิมินาว กเมน เทสิตาติ? ยทิปิ นายมนุโยโค กตฺถจิ อนุกฺกเม นิวิสติ, อปิ จ ธมฺมเทสนาย นิสฺสยผลตทุปายสรีรภูตานํ อสฺสาทาทีนํ วิภาวนสภาวตฺตา ปกติยา สพฺพสุตฺตานุรูปาติ สุวิเญฺญยฺยภาวโต ปเรสญฺจ สํวณฺณนาวิเสสานํ วิจยหาราทีนํ ปติฎฺฐาภาวโต ปฐมํ เทสนาหาโร ทสฺสิโตฯ
Kiṃ panettha kāraṇaṃ, yadete hārā nayā ca imināva kamena desitāti? Yadipi nāyamanuyogo katthaci anukkame nivisati, api ca dhammadesanāya nissayaphalatadupāyasarīrabhūtānaṃ assādādīnaṃ vibhāvanasabhāvattā pakatiyā sabbasuttānurūpāti suviññeyyabhāvato paresañca saṃvaṇṇanāvisesānaṃ vicayahārādīnaṃ patiṭṭhābhāvato paṭhamaṃ desanāhāro dassito.
ปทปุจฺฉาวิสฺสชฺชนปุพฺพาปรานุคีตีหิ สทฺธิํ เทสนาหารปทตฺถานํ ปวิจยสภาวตาย ตสฺส อนนฺตรํ วิจโยฯ ตถา หิ วกฺขติ ‘‘ปทํ วิจินติ…เป.… อาณตฺติํ วิจินติ อนุคีติํ วิจินตี’’ติฯ
Padapucchāvissajjanapubbāparānugītīhi saddhiṃ desanāhārapadatthānaṃ pavicayasabhāvatāya tassa anantaraṃ vicayo. Tathā hi vakkhati ‘‘padaṃ vicinati…pe… āṇattiṃ vicinati anugītiṃ vicinatī’’ti.
วิจเยน หาเรน ปวิจิตานํ อตฺถานํ ยุตฺตายุตฺติวิจารณา ยุตฺตาติ ยุตฺติวิจารณภาวโต วิจยานนฺตรํ ยุตฺติหาโร วุโตฺตฯ ตถา หิ วกฺขติ – ‘‘วิจเยน หาเรน วิจินิตฺวา ยุตฺติหาเรน โยเชตพฺพ’’นฺติฯ
Vicayena hārena pavicitānaṃ atthānaṃ yuttāyuttivicāraṇā yuttāti yuttivicāraṇabhāvato vicayānantaraṃ yuttihāro vutto. Tathā hi vakkhati – ‘‘vicayena hārena vicinitvā yuttihārena yojetabba’’nti.
ยุตฺตายุตฺตานํเยว อตฺถานํ อุปปตฺติอนุรูปํ การณปรมฺปราย นิทฺธารณลกฺขณํ ปทฎฺฐานจินฺตนํ กตฺตพฺพนฺติ ยุตฺติหารานนฺตรํ ปทฎฺฐานหาโร ทสฺสิโตฯ ตถา หิ วกฺขติ – ‘‘โย โกจิ อุปนิสฺสโย โย โกจิ ปจฺจโย จ, สโพฺพ โส ปทฎฺฐาน’’นฺติฯ
Yuttāyuttānaṃyeva atthānaṃ upapattianurūpaṃ kāraṇaparamparāya niddhāraṇalakkhaṇaṃ padaṭṭhānacintanaṃ kattabbanti yuttihārānantaraṃ padaṭṭhānahāro dassito. Tathā hi vakkhati – ‘‘yo koci upanissayo yo koci paccayo ca, sabbo so padaṭṭhāna’’nti.
ยุตฺตายุตฺตานํ การณปรมฺปราย ปริคฺคหิตสภาวานํเยว จ ธมฺมานํ อวุตฺตานมฺปิ เอกลกฺขณตาย คหณํ กาตพฺพนฺติ ทสฺสนตฺถํ ปทฎฺฐานานนฺตรํ ลกฺขโณ หาโร วุโตฺตฯ ตถา หิ ลกฺขณหารวิภเงฺค ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา’’ติอาทินา ปฎิจฺจสมุปฺปาทํ ทเสฺสตฺวา ‘‘เอวํ เย ธมฺมา เอกลกฺขณา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ
Yuttāyuttānaṃ kāraṇaparamparāya pariggahitasabhāvānaṃyeva ca dhammānaṃ avuttānampi ekalakkhaṇatāya gahaṇaṃ kātabbanti dassanatthaṃ padaṭṭhānānantaraṃ lakkhaṇo hāro vutto. Tathā hi lakkhaṇahāravibhaṅge ‘‘avijjāpaccayā saṅkhārā’’tiādinā paṭiccasamuppādaṃ dassetvā ‘‘evaṃ ye dhammā ekalakkhaṇā’’tiādi vuttaṃ.
อตฺถโต นิทฺธาริตานมฺปิ ธมฺมานํ นิพฺพจนาทีนิ วตฺตพฺพานิ, น สุเตฺต สรูปโต อาคตานเมวาติ ทสฺสนตฺถํ ลกฺขณานนฺตรํ จตุพฺยูโห วุโตฺตฯ เอวญฺหิ นิรวเสสโต อตฺถาวโพโธ โหติ, เอวญฺจ กตฺวา ‘‘ยทา หิ ภิกฺขุ อตฺถสฺส จ นามํ ชานาติ ธมฺมสฺส จ นามํ ชานาติ ตถา ตถา นํ อภินิโรเปตี’’ติ อนวเสสปริยาทานํ วกฺขติฯ ตถา ‘‘ปุนปฺปุนํ คพฺภมุเปตี’’ติ เอตฺถ ‘‘เย ชรามรเณน อฎฺฎิยิตุกามา ภวิสฺสนฺติ , เต ภวิสฺสนฺติ โภชเน มตฺตญฺญุโน อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวารา’’ติอาทินา สมฺมาปฎิปตฺติํ อธิปฺปายภาเวน วกฺขติฯ
Atthato niddhāritānampi dhammānaṃ nibbacanādīni vattabbāni, na sutte sarūpato āgatānamevāti dassanatthaṃ lakkhaṇānantaraṃ catubyūho vutto. Evañhi niravasesato atthāvabodho hoti, evañca katvā ‘‘yadā hi bhikkhu atthassa ca nāmaṃ jānāti dhammassa ca nāmaṃ jānāti tathā tathā naṃ abhiniropetī’’ti anavasesapariyādānaṃ vakkhati. Tathā ‘‘punappunaṃ gabbhamupetī’’ti ettha ‘‘ye jarāmaraṇena aṭṭiyitukāmā bhavissanti , te bhavissanti bhojane mattaññuno indriyesu guttadvārā’’tiādinā sammāpaṭipattiṃ adhippāyabhāvena vakkhati.
นิพฺพจนาธิปฺปายนิทานวจเนหิ สทฺธิํ สุเตฺต ปทตฺถานํ สุตฺตนฺตรสํสนฺทนสงฺขาเต ปุพฺพาปรวิจาเร ทสฺสิเต เตสํ สภาควิสภาคธมฺมนฺตราวฎฺฎนํ สุเขน สกฺกา ทเสฺสตุนฺติ จตุพฺยูหานนฺตรํ อาวโฎฺฎ วุโตฺตฯ เตเนว หิ ‘‘อารมฺภถ นิกฺกมถา’’ติ คาถายํ อารมฺภนิกฺกมนพุทฺธสาสนโยคธุนเนหิ วีริยสมาธิปญฺญินฺทฺริยานิ นิทฺธาเรตฺวา ตทนุโยคสฺส มูลํ ‘‘ปมาโท’’ติ สุตฺตนฺตเร ทสฺสิโต ปมาโท อาวฎฺฎิโตฯ
Nibbacanādhippāyanidānavacanehi saddhiṃ sutte padatthānaṃ suttantarasaṃsandanasaṅkhāte pubbāparavicāre dassite tesaṃ sabhāgavisabhāgadhammantarāvaṭṭanaṃ sukhena sakkā dassetunti catubyūhānantaraṃ āvaṭṭo vutto. Teneva hi ‘‘ārambhatha nikkamathā’’ti gāthāyaṃ ārambhanikkamanabuddhasāsanayogadhunanehi vīriyasamādhipaññindriyāni niddhāretvā tadanuyogassa mūlaṃ ‘‘pamādo’’ti suttantare dassito pamādo āvaṭṭito.
สภาควิสภาคธมฺมาวฎฺฎเน นิโยชิเต สาธารณาสาธารณวเสน สํกิเลสโวทานธมฺมานํ ปทฎฺฐานโต ภูมิโต จ วิภาโค สกฺกา สุเขน โยชิตุนฺติ อาวฎฺฎานนฺตรํ วิภตฺติหาโร วุโตฺตฯ ยโต วิภตฺติหารวิภเงฺค ‘‘กตเม ธมฺมา สาธารณา? เทฺว ธมฺมา สาธารณา, นามสาธารณา วตฺถุสาธารณา จา’’ติ อารภิตฺวา ‘‘มิจฺฉตฺตนิยตานํ สตฺตานํ อนิยตานญฺจ สตฺตานํ ทสฺสนปฺปหาตพฺพา กิเลสา สาธารณา, ปุถุชฺชนสฺส โสตาปนฺนสฺส จ กามราคพฺยาปาทา สาธารณา’’ติอาทินา สภาควิสภาคปริยายวเนฺตเยว ธเมฺม วิภชิสฺสติฯ
Sabhāgavisabhāgadhammāvaṭṭane niyojite sādhāraṇāsādhāraṇavasena saṃkilesavodānadhammānaṃ padaṭṭhānato bhūmito ca vibhāgo sakkā sukhena yojitunti āvaṭṭānantaraṃ vibhattihāro vutto. Yato vibhattihāravibhaṅge ‘‘katame dhammā sādhāraṇā? Dve dhammā sādhāraṇā, nāmasādhāraṇā vatthusādhāraṇā cā’’ti ārabhitvā ‘‘micchattaniyatānaṃ sattānaṃ aniyatānañca sattānaṃ dassanappahātabbā kilesā sādhāraṇā, puthujjanassa sotāpannassa ca kāmarāgabyāpādā sādhāraṇā’’tiādinā sabhāgavisabhāgapariyāyavanteyeva dhamme vibhajissati.
สาวชฺชานวชฺชธมฺมานํ สปฺปฎิภาคาภาวโต เตสํ วิภาเค กเต สุตฺตาคเต ธเมฺม อกสิเรน ปฎิปกฺขโต ปริวเตฺตตุํ สกฺกาติ วิภตฺติอนนฺตรํ ปริวตฺตนหาโร วุโตฺตฯ ตถา หิ ‘‘สมฺมาทิฎฺฐิสฺส ปุริสปุคฺคลสฺส มิจฺฉาทิฎฺฐิ นิชฺชิณฺณา ภวตี’’ติ ปฎิวิภตฺตสภาเว เอว ธเมฺม ปริวตฺตนหารวิภเงฺค อุทาหริสฺสติฯ
Sāvajjānavajjadhammānaṃ sappaṭibhāgābhāvato tesaṃ vibhāge kate suttāgate dhamme akasirena paṭipakkhato parivattetuṃ sakkāti vibhattianantaraṃ parivattanahāro vutto. Tathā hi ‘‘sammādiṭṭhissa purisapuggalassa micchādiṭṭhi nijjiṇṇā bhavatī’’ti paṭivibhattasabhāve eva dhamme parivattanahāravibhaṅge udāharissati.
ปฎิปกฺขโต ปริวตฺติตาปิ ธมฺมา ปริยายวจเนหิ โพเธตพฺพา, น สุเตฺต อาคตาเยวาติ ทสฺสนตฺถํ ปริวตฺตนานนฺตรํ เววจนหาโร วุโตฺตฯ
Paṭipakkhato parivattitāpi dhammā pariyāyavacanehi bodhetabbā, na sutte āgatāyevāti dassanatthaṃ parivattanānantaraṃ vevacanahāro vutto.
เอวํ เต ธมฺมา ปริยายสทฺทโตปิ วิภาวิตา โหนฺตีติ ปริยายโต ปกาสิตานํ ธมฺมานํ ปเภทโต ปญฺญตฺติวเสน วิภชนํ สุเขน สกฺกา ญาตุนฺติ เววจนหารานนฺตรํ ปญฺญตฺติหาโร วุโตฺตฯ ตถา หิ สุเตฺต อาคตธมฺมานํ ปริยายปญฺญตฺติวิภาคํ สุโพธนญฺจ ปญฺญตฺติหารวิภเงฺค วกฺขติฯ
Evaṃ te dhammā pariyāyasaddatopi vibhāvitā hontīti pariyāyato pakāsitānaṃ dhammānaṃ pabhedato paññattivasena vibhajanaṃ sukhena sakkā ñātunti vevacanahārānantaraṃ paññattihāro vutto. Tathā hi sutte āgatadhammānaṃ pariyāyapaññattivibhāgaṃ subodhanañca paññattihāravibhaṅge vakkhati.
ปภาวปริญฺญาทิปญฺญตฺติวิภาคมุเขน ปฎิจฺจสมุปฺปาทสจฺจาทิธมฺมวิภาเค กเต สุเตฺต อาคตธมฺมานํ ปฎิจฺจสมุปฺปาทาทิมุเขน อวธารณํ สกฺกา ทเสฺสตุนฺติ ปญฺญตฺติอนนฺตรํ โอตรโณ หาโร วุโตฺตฯ ตถา หิ ‘‘อุทฺธํ อโธ’’ติ คาถํ อุทฺทิสิตฺวา ‘‘วิปฺปมุโตฺต’’ติ ปเทน อเสกฺขํ วิชฺชํ นิทฺธาเรตฺวา ‘‘วิชฺชุปฺปาทา อวิชฺชานิโรโธ’’ติอาทินา ปฎิจฺจสมุปฺปาทํ อุทาหริสฺสติฯ
Pabhāvapariññādipaññattivibhāgamukhena paṭiccasamuppādasaccādidhammavibhāge kate sutte āgatadhammānaṃ paṭiccasamuppādādimukhena avadhāraṇaṃ sakkā dassetunti paññattianantaraṃ otaraṇo hāro vutto. Tathā hi ‘‘uddhaṃ adho’’ti gāthaṃ uddisitvā ‘‘vippamutto’’ti padena asekkhaṃ vijjaṃ niddhāretvā ‘‘vijjuppādā avijjānirodho’’tiādinā paṭiccasamuppādaṃ udāharissati.
ธาตายตนาทีสุ โอตาริตานํ สุเตฺต ปทตฺถานํ ปุจฺฉารมฺภวิโสธนํ สกฺกา สุเขน สมฺปาเทตุนฺติ โอตรณานนฺตรํ โสธโน หาโร วุโตฺตฯ ตถา หิ วกฺขติ – ‘‘ยตฺถ เอวํ สุโทฺธ อารโมฺภ, โส ปโญฺห วิสฺสชฺชิโต ภวตี’’ติอาทิฯ
Dhātāyatanādīsu otāritānaṃ sutte padatthānaṃ pucchārambhavisodhanaṃ sakkā sukhena sampādetunti otaraṇānantaraṃ sodhano hāro vutto. Tathā hi vakkhati – ‘‘yattha evaṃ suddho ārambho, so pañho vissajjito bhavatī’’tiādi.
วิโสธิเตสุ สุเตฺต ปทปทเตฺถสุ ตตฺถ ลพฺภมานสามญฺญวิเสสภาโว สุกโร โหตีติ ทเสฺสตุํ โสธนานนฺตรํ อธิฎฺฐาโน หาโร ทสฺสิโตฯ โสธโน หิ อธิฎฺฐานสฺส พหูปกาโร, ตโต เอว หิ ‘‘ยถา ยถา วา ปน ปุจฺฉิตํ, ตถา ตถา วิสฺสชฺชยิตพฺพ’’นฺติ วกฺขติฯ
Visodhitesu sutte padapadatthesu tattha labbhamānasāmaññavisesabhāvo sukaro hotīti dassetuṃ sodhanānantaraṃ adhiṭṭhāno hāro dassito. Sodhano hi adhiṭṭhānassa bahūpakāro, tato eva hi ‘‘yathā yathā vā pana pucchitaṃ, tathā tathā vissajjayitabba’’nti vakkhati.
สามญฺญวิเสสภูเตสุ สาธารณาสาธารเณสุ ธเมฺมสุ ปเวทิเตสุ ปริกฺขารสงฺขาตสฺส สาธารณาสาธารณรูปสฺส ปจฺจยเหตุราสิสฺส ปเภโท สุวิเญฺญโยฺยติ อธิฎฺฐานานนฺตรํ ปริกฺขาโร วุโตฺต ฯ ตถา หิ วกฺขติ ‘‘อสาธารณลกฺขโณ เหตุ, สาธารณลกฺขโณ ปจฺจโยฯ ยถา กิํ ภเว, ยถา องฺกุรสฺส นิพฺพตฺติยา พีชํ อสาธารณํ, ปถวี อาโป จ สาธารณา’’ติอาทิฯ
Sāmaññavisesabhūtesu sādhāraṇāsādhāraṇesu dhammesu paveditesu parikkhārasaṅkhātassa sādhāraṇāsādhāraṇarūpassa paccayaheturāsissa pabhedo suviññeyyoti adhiṭṭhānānantaraṃ parikkhāro vutto . Tathā hi vakkhati ‘‘asādhāraṇalakkhaṇo hetu, sādhāraṇalakkhaṇo paccayo. Yathā kiṃ bhave, yathā aṅkurassa nibbattiyā bījaṃ asādhāraṇaṃ, pathavī āpo ca sādhāraṇā’’tiādi.
อสาธารเณ สาธารเณ จ การเณ ทสฺสิเต ตสฺส อตฺตโน ผเลสุ การณากาโร เตสํ เหตุผลานํ ปเภทโต เทสนากาโร ภาเวตพฺพปหาตพฺพธมฺมานํ ภาวนาปหานานิ จ นิทฺธาเรตฺวา วุจฺจมานานิ สมฺมา สุตฺตสฺส อตฺถํ ตถตฺตาวโพธาย สํวตฺตนฺตีติ ปริกฺขารานนฺตรํ สมาโรปโน หาโร ทสฺสิโตติฯ อิทํ หารานํ อนุกฺกมการณํฯ
Asādhāraṇe sādhāraṇe ca kāraṇe dassite tassa attano phalesu kāraṇākāro tesaṃ hetuphalānaṃ pabhedato desanākāro bhāvetabbapahātabbadhammānaṃ bhāvanāpahānāni ca niddhāretvā vuccamānāni sammā suttassa atthaṃ tathattāvabodhāya saṃvattantīti parikkhārānantaraṃ samāropano hāro dassitoti. Idaṃ hārānaṃ anukkamakāraṇaṃ.
นยานํ ปน เวเนยฺยตฺตยปฺปโยชิตตฺตา อตฺถนยตฺตยูปเทสสฺส ตทนุกฺกเมเนว นนฺทิยาวฎฺฎาทีนํ ติณฺณํ อตฺถนยานํ กโม เวทิตโพฺพฯ อุคฺฆฎิตญฺญุอาทโย หิ ตโย เวเนยฺยา นนฺทิยาวฎฺฎาทโย ปโยเชนฺติฯ ตสฺมา เต อุเทฺทสนิเทฺทสปฎินิเทฺทสา วิย ยถากฺกมํ เตสํ อุปการาย สวํตฺตนฺตีติฯ ตถา หิ เนสํ จตฺตาโร ฉ อฎฺฐ จ มูลปทา นิทฺทิฎฺฐาฯ อิตรสฺส ปน นยทฺวยสฺส อตฺถนยตฺตยสฺส ภูมิยา อาโลจนํ ตสฺส ตตฺถ สมานยนญฺจาติ อิมินา การเณน อุเทฺทสกฺกโม เวทิตโพฺพฯ น หิ สกฺกา อโนโลเกตฺวา สมาเนตุนฺติฯ
Nayānaṃ pana veneyyattayappayojitattā atthanayattayūpadesassa tadanukkameneva nandiyāvaṭṭādīnaṃ tiṇṇaṃ atthanayānaṃ kamo veditabbo. Ugghaṭitaññuādayo hi tayo veneyyā nandiyāvaṭṭādayo payojenti. Tasmā te uddesaniddesapaṭiniddesā viya yathākkamaṃ tesaṃ upakārāya savaṃttantīti. Tathā hi nesaṃ cattāro cha aṭṭha ca mūlapadā niddiṭṭhā. Itarassa pana nayadvayassa atthanayattayassa bhūmiyā ālocanaṃ tassa tattha samānayanañcāti iminā kāraṇena uddesakkamo veditabbo. Na hi sakkā anoloketvā samānetunti.
เอตปรมตา จ หารานํ เอตฺตเกหิ ปการวิเสเสหิ อตฺถนยตฺตยสหิเตหิ สุตฺตสฺส อโตฺถ นิทฺธาริยมาโน เวเนยฺยานํ อลมนุตฺตราย ปฐมาย ภูมิยา สมธิคมายาติ เวทิตโพฺพฯ ทสฺสนภูมิสมนุปฺปตฺติอตฺถา หิ เนตฺติปฺปกรณเทสนาติฯ อถ วา เอตทโนฺตคธตฺตา สเพฺพสํ สุตฺตสฺส สํวณฺณนาวิเสสานํ เอตฺตาวตา หารานํ ทฎฺฐพฺพาฯ ยตฺตกา หิ สุตฺตสฺส สํวณฺณนาวิเสสา, สเพฺพ เต เนตฺติอุปเทสายตฺตาติ วุโตฺตวายมโตฺถฯ
Etaparamatā ca hārānaṃ ettakehi pakāravisesehi atthanayattayasahitehi suttassa attho niddhāriyamāno veneyyānaṃ alamanuttarāya paṭhamāya bhūmiyā samadhigamāyāti veditabbo. Dassanabhūmisamanuppattiatthā hi nettippakaraṇadesanāti. Atha vā etadantogadhattā sabbesaṃ suttassa saṃvaṇṇanāvisesānaṃ ettāvatā hārānaṃ daṭṭhabbā. Yattakā hi suttassa saṃvaṇṇanāvisesā, sabbe te nettiupadesāyattāti vuttovāyamattho.
ตถา หิ เย เกจิ สุตฺตสฺส สํวณฺณนาปการา นิทฺทิสียนฺติฯ เสยฺยถิทํ – สุตฺตสฺส สมุฎฺฐานํ วตฺตพฺพํ, อธิปฺปาโย วิภาเวตโพฺพ, อเนกธา ปทโตฺถ สํวเณฺณตโพฺพ, วิธิ อนุวาโท จ เวทิตโพฺพ, วิโรโธ สมาธาตโพฺพ, อนุสนฺธิยา อนุรูปํ นิคเมตพฺพนฺติฯ ตถา สุตฺตสฺส ปโยชนํ ปิณฺฑโตฺถ ปทโตฺถ อนุสนฺธิ โจทนา ปริหาโร จ อตฺถํ วทเนฺตน วตฺตพฺพาติฯ ตถา อุโปคฺฆาฎปทวิคฺคหปทตฺถจาลนาปจฺจุปฎฺฐานานิ วตฺตพฺพานีติฯ
Tathā hi ye keci suttassa saṃvaṇṇanāpakārā niddisīyanti. Seyyathidaṃ – suttassa samuṭṭhānaṃ vattabbaṃ, adhippāyo vibhāvetabbo, anekadhā padattho saṃvaṇṇetabbo, vidhi anuvādo ca veditabbo, virodho samādhātabbo, anusandhiyā anurūpaṃ nigametabbanti. Tathā suttassa payojanaṃ piṇḍattho padattho anusandhi codanā parihāro ca atthaṃ vadantena vattabbāti. Tathā upogghāṭapadaviggahapadatthacālanāpaccupaṭṭhānāni vattabbānīti.
ตถา ติโสฺส กถา เอกนาฬิกา จตุรสฺสา นิสินฺนวตฺติกาฯ ตตฺถ ปาฬิํ วตฺวา เอเกกปทสฺส อตฺถกถนํ เอกนาฬิกา นามฯ
Tathā tisso kathā ekanāḷikā caturassā nisinnavattikā. Tattha pāḷiṃ vatvā ekekapadassa atthakathanaṃ ekanāḷikā nāma.
ปฎิปกฺขํ ทเสฺสตฺวา ปฎิปกฺขสฺส อุปมํ ทเสฺสตฺวา สปกฺขํ ทเสฺสตฺวา สปกฺขสฺส อุปมํ ทเสฺสตฺวา กถนํ จตุรสฺสา นามฯ
Paṭipakkhaṃ dassetvā paṭipakkhassa upamaṃ dassetvā sapakkhaṃ dassetvā sapakkhassa upamaṃ dassetvā kathanaṃ caturassā nāma.
วิสภาคธมฺมวเสเนว ปริโยสานํ คนฺตฺวา ปุน สภาคธมฺมวเสเนว ปริโยสานคมนํ นิสินฺนวตฺติกา นามฯ
Visabhāgadhammavaseneva pariyosānaṃ gantvā puna sabhāgadhammavaseneva pariyosānagamanaṃ nisinnavattikā nāma.
เภทกถาย ตตฺวกถาย ปริยายวจเนหิ จ สุตฺตํ สํวเณฺณตพฺพนฺติ จ เอวมาทโยฯ เตสมฺปิ เอเตฺถว อวโรโธ, ยสฺมา เต อิธ กติปยหารสงฺคหิตาติฯ
Bhedakathāya tatvakathāya pariyāyavacanehi ca suttaṃ saṃvaṇṇetabbanti ca evamādayo. Tesampi ettheva avarodho, yasmā te idha katipayahārasaṅgahitāti.
นยานํ ปน ยสฺมา อุคฺฆฎิตญฺญุอาทโย ตโย เอว เวเนยฺยา สจฺจาภิสมยภาคิโน ตทตฺถาย จ อตฺถนยเทสนา, ตสฺมา สติปิ สํกิเลสโวทานธมฺมานํ ยถาวุตฺตมูลปทเภทโต วเฑฺฒตฺวา วิภชิตพฺพปฺปกาเร ตถา มูลปทานิ อวเฑฺฒตฺวา เวเนยฺยตฺตยวเสเนว เอตปรมตา วุตฺตาฯ นวสุ นวสุ เอว หิ มูลปเทสุ สเพฺพสํ สํกิเลสโวทานธมฺมานํ อโนฺตคธภาวโต น ตานิ วเฑฺฒตพฺพานิ เวเนยฺยตฺตยาธิการโต น หาเปตพฺพานีติ นยานํ เอตปรมตา ทฎฺฐพฺพาฯ
Nayānaṃ pana yasmā ugghaṭitaññuādayo tayo eva veneyyā saccābhisamayabhāgino tadatthāya ca atthanayadesanā, tasmā satipi saṃkilesavodānadhammānaṃ yathāvuttamūlapadabhedato vaḍḍhetvā vibhajitabbappakāre tathā mūlapadāni avaḍḍhetvā veneyyattayavaseneva etaparamatā vuttā. Navasu navasu eva hi mūlapadesu sabbesaṃ saṃkilesavodānadhammānaṃ antogadhabhāvato na tāni vaḍḍhetabbāni veneyyattayādhikārato na hāpetabbānīti nayānaṃ etaparamatā daṭṭhabbā.
กมฺมนยานํ ปน อาโลจนสมานยนโต อญฺญสฺส ปการนฺตรสฺส อสมฺภวโต เอตปรมตาฯ เหตฺวาทีติ เอตฺถ อาทิสเทฺทน ผลภูมิอุปนิสาสภาควิสภาคลกฺขณนยาทโย ปริคฺคหิตาฯ เตสุ เหตูติ การณํ, โย ธโมฺมติปิ วุจฺจติ, โส ปน ปจฺจยภาเวน เอกวิโธฯ การโก สมฺปาปโกติ ทุวิโธฯ ปุน การโก ญาปโก สมฺปาปโกติ ติวิโธฯ เหตุเหตุ ปจฺจยเหตุ อุตฺตมเหตุ สาธารณเหตูติ จตุพฺพิโธฯ ปจฺจยธโมฺม กุสโล อกุสโล สโทฺท อริยมโคฺคติ ปญฺจวิโธฯ ตถา สภาคเหตุ อสภาคเหตุ อชฺฌตฺติกเหตุ พาหิรเหตุ ชนกเหตุ ปริคฺคาหกเหตุ สาธารณเหตุ อสาธารณเหตุ สมนนฺตรเหตุ ปรมฺปรเหตุ สหชาตเหตุ อสหชาตเหตุ สาสวเหตุ อนาสวเหตูติอาทินา อเนกวิโธ จาติ เวทิตโพฺพฯ
Kammanayānaṃ pana ālocanasamānayanato aññassa pakārantarassa asambhavato etaparamatā. Hetvādīti ettha ādisaddena phalabhūmiupanisāsabhāgavisabhāgalakkhaṇanayādayo pariggahitā. Tesu hetūti kāraṇaṃ, yo dhammotipi vuccati, so pana paccayabhāvena ekavidho. Kārako sampāpakoti duvidho. Puna kārako ñāpako sampāpakoti tividho. Hetuhetu paccayahetu uttamahetu sādhāraṇahetūti catubbidho. Paccayadhammo kusalo akusalo saddo ariyamaggoti pañcavidho. Tathā sabhāgahetu asabhāgahetu ajjhattikahetu bāhirahetu janakahetu pariggāhakahetu sādhāraṇahetu asādhāraṇahetu samanantarahetu paramparahetu sahajātahetu asahajātahetu sāsavahetu anāsavahetūtiādinā anekavidho cāti veditabbo.
ผลมฺปิ ปจฺจยุปฺปนฺนภาเวน เอกวิธํฯ อธิคนฺตพฺพโตปิ สมฺปาปกเหตุวเสน ผลปริยาโย ลพฺภตีติ นิพฺพเตฺตตพฺพอธิคนฺตพฺพภาวโต ทุวิธํฯ ญาเปตพฺพนิพฺพเตฺตตพฺพปตฺตพฺพโต ติวิธํฯ ปจฺจยุปฺปนฺนวิปากกิริยาวจนตฺถนิพฺพานวเสน ปญฺจวิธํฯ สภาคเหตุนิพฺพตฺตํ อสภาคเหตุนิพฺพตฺตนฺติ เอวมาทิวเสน อเนกวิธญฺจาติ เวทิตพฺพํฯ ตถา โลกิยํ โลกุตฺตรนฺติฯ ตตฺถ โลกุตฺตรํ จตฺตาริ สามญฺญผลานิฯ โลกิยผลํ ทุวิธํ กายิกํ มานสญฺจ ฯ ตตฺถ กายิกํ ปญฺจทฺวาริกํ, อวสิฎฺฐํ มานสํฯ ยญฺจ ตาย ตาย สุตฺตเทสนาย สาเธตพฺพํ, ตทปิ ผลนฺติฯ
Phalampi paccayuppannabhāvena ekavidhaṃ. Adhigantabbatopi sampāpakahetuvasena phalapariyāyo labbhatīti nibbattetabbaadhigantabbabhāvato duvidhaṃ. Ñāpetabbanibbattetabbapattabbato tividhaṃ. Paccayuppannavipākakiriyāvacanatthanibbānavasena pañcavidhaṃ. Sabhāgahetunibbattaṃ asabhāgahetunibbattanti evamādivasena anekavidhañcāti veditabbaṃ. Tathā lokiyaṃ lokuttaranti. Tattha lokuttaraṃ cattāri sāmaññaphalāni. Lokiyaphalaṃ duvidhaṃ kāyikaṃ mānasañca . Tattha kāyikaṃ pañcadvārikaṃ, avasiṭṭhaṃ mānasaṃ. Yañca tāya tāya suttadesanāya sādhetabbaṃ, tadapi phalanti.
ภูมีติ สาสวภูมิ อนาสวภูมิ สงฺขตภูมิ อสงฺขตภูมิ ทสฺสนภูมิ ภาวนาภูมิ ปุถุชฺชนภูมิ เสกฺขภูมิ อเสกฺขภูมิ สาวกภูมิ ปเจฺจกพุทฺธภูมิ สมฺมาสมฺพุทฺธภูมิ ฌานภูมิ อสมาหิตภูมิ ปฎิปชฺชมานภูมิ ปฎิปนฺนภูมิ ปฐมาภูมิ ยาว จตุตฺถีภูมิ กามาวจรภูมิ ยาว โลกุตฺตรภูมีติ พหุวิธาฯ ตตฺถ สาสวภูมิ ปริตฺตมหคฺคตา ธมฺมาฯ อนาสวภูมิ อปฺปมาณา ธมฺมาฯ สงฺขตภูมิ นิพฺพานวชฺชา สเพฺพ สภาวธมฺมาฯ อสงฺขตภูมิ อปฺปจฺจยา ธมฺมาฯ ทสฺสนภูมิ ปฐมมคฺคผลธมฺมาฯ ภาวนาภูมิ อวสิฎฺฐมคฺคผลธมฺมาฯ ปุถุชฺชนภูมิ หีนมชฺฌิมา ธมฺมาฯ เสกฺขภูมิ จตฺตาโร อริยมคฺคธมฺมา เหฎฺฐิมา จ ตโย ผลธมฺมาฯ อเสกฺขภูมิ อคฺคผลธมฺมาฯ สาวกปเจฺจกพุทฺธพุทฺธธมฺมา สาวกาทิภูมิโยฯ ฌานภูมิ ฌานธมฺมาฯ อสมาหิตภูมิ ฌานวชฺชิตา ธมฺมาฯ ปฎิปชฺชมานภูมิ มคฺคธมฺมาฯ ปฎิปนฺนภูมิ ผลธมฺมาฯ ปฐมาทิภูมิโย สห ผเลน จตฺตาโร มคฺคา อปริยาปนฺนา ธมฺมา ‘‘ปฐมาย ภูมิยา ปตฺติยา’’ติอาทิวจนโตฯ กามาวจราทิภูมิโย กามาวจราทิธมฺมาฯ เย จ ธมฺมา เตสํ เตสํ หารนยานํ ปติฎฺฐานภาเวน สุเตฺตสุ นิทฺธารียนฺติ, เตปิ ภูมิโยติ วิญฺญาตพฺพาฯ
Bhūmīti sāsavabhūmi anāsavabhūmi saṅkhatabhūmi asaṅkhatabhūmi dassanabhūmi bhāvanābhūmi puthujjanabhūmi sekkhabhūmi asekkhabhūmi sāvakabhūmi paccekabuddhabhūmi sammāsambuddhabhūmi jhānabhūmi asamāhitabhūmi paṭipajjamānabhūmi paṭipannabhūmi paṭhamābhūmi yāva catutthībhūmi kāmāvacarabhūmi yāva lokuttarabhūmīti bahuvidhā. Tattha sāsavabhūmi parittamahaggatā dhammā. Anāsavabhūmi appamāṇā dhammā. Saṅkhatabhūmi nibbānavajjā sabbe sabhāvadhammā. Asaṅkhatabhūmi appaccayā dhammā. Dassanabhūmi paṭhamamaggaphaladhammā. Bhāvanābhūmi avasiṭṭhamaggaphaladhammā. Puthujjanabhūmi hīnamajjhimā dhammā. Sekkhabhūmi cattāro ariyamaggadhammā heṭṭhimā ca tayo phaladhammā. Asekkhabhūmi aggaphaladhammā. Sāvakapaccekabuddhabuddhadhammā sāvakādibhūmiyo. Jhānabhūmi jhānadhammā. Asamāhitabhūmi jhānavajjitā dhammā. Paṭipajjamānabhūmi maggadhammā. Paṭipannabhūmi phaladhammā. Paṭhamādibhūmiyo saha phalena cattāro maggā apariyāpannā dhammā ‘‘paṭhamāya bhūmiyā pattiyā’’tiādivacanato. Kāmāvacarādibhūmiyo kāmāvacarādidhammā. Ye ca dhammā tesaṃ tesaṃ hāranayānaṃ patiṭṭhānabhāvena suttesu niddhārīyanti, tepi bhūmiyoti viññātabbā.
อุปนิสาติ พลวการณํ, โย อุปนิสฺสยปจฺจโยติ วุจฺจติฯ ยญฺจ สนฺธาย สุเตฺต ‘‘ทุกฺขูปนิสา สทฺธา สทฺธูปนิสํ ‘สีล’นฺติ ยาว วิมุตฺตูปนิสํ วิมุตฺติญาณทสฺสน’’นฺติ วุตฺตํฯ อปิ จ อุปนิสาติ ตสฺมิํ ตสฺมิํ สมเย สิทฺธเนฺต หทยภูตํ อพฺภนฺตรํ วุจฺจติฯ อิธาปิ เนตฺติหทยํ, ยํ สมฺมา ปริคฺคณฺหนฺตา ธมฺมกถิกา ตสฺมิํ ตสฺมิํ สุเตฺต อาคตธมฺมมุเขน สพฺพหารนยโยชนาย สมตฺถา โหนฺติฯ กิํ ปเนตํ เนตฺติหทยํ? ยทิทํ เอตเสฺสว เตตฺติํสวิธสฺส ปกรณปทตฺถโสฬสสฺส อฎฺฐวีสติวิธปฎฺฐานวิภงฺคสหิตสฺส วิสโย สห นิมิตฺตวิภาเคน อสงฺกรโต ววตฺถิโตฯ
Upanisāti balavakāraṇaṃ, yo upanissayapaccayoti vuccati. Yañca sandhāya sutte ‘‘dukkhūpanisā saddhā saddhūpanisaṃ ‘sīla’nti yāva vimuttūpanisaṃ vimuttiñāṇadassana’’nti vuttaṃ. Api ca upanisāti tasmiṃ tasmiṃ samaye siddhante hadayabhūtaṃ abbhantaraṃ vuccati. Idhāpi nettihadayaṃ, yaṃ sammā pariggaṇhantā dhammakathikā tasmiṃ tasmiṃ sutte āgatadhammamukhena sabbahāranayayojanāya samatthā honti. Kiṃ panetaṃ nettihadayaṃ? Yadidaṃ etasseva tettiṃsavidhassa pakaraṇapadatthasoḷasassa aṭṭhavīsatividhapaṭṭhānavibhaṅgasahitassa visayo saha nimittavibhāgena asaṅkarato vavatthito.
เสยฺยถิทํ – เทสนาหารสฺส อสฺสาทาทโย วิสโย, ตสฺส อสฺสาทาทิวิภาวนลกฺขณตฺตาฯ ตสฺส อสฺสาโท สุขํ โสมนสฺสนฺติ เอวมาทิวิภาโค, ตสฺส นิมิตฺตํ อิฎฺฐารมฺมณาทิ, อยญฺจ อโตฺถ เทสนาหารวิจยหารนิเทฺทสวณฺณนายํ วิตฺถารโต ปกาสิโต เอวฯ สุเตฺต อาคตธมฺมสฺส สภาควิสภาคธมฺมาวฎฺฎนวิสโย อาวฎฺฎหาโร, ตทุภยอาวฎฺฎนลกฺขณตฺตาฯ สุเตฺต อาคตธมฺมานํ ปจฺจนีกธมฺมวิสโย ปริวตฺตนหาโร, ปฎิปกฺขธมฺมปริวตฺตนลกฺขณตฺตาฯ ปทฎฺฐานปริกฺขาเรสุ อาสนฺนการณํ อุปนิสฺสยการณญฺจ ปทฎฺฐานํ, เหตุ ปริกฺขาโรติ อยเมเตสํ วิเสโสฯ
Seyyathidaṃ – desanāhārassa assādādayo visayo, tassa assādādivibhāvanalakkhaṇattā. Tassa assādo sukhaṃ somanassanti evamādivibhāgo, tassa nimittaṃ iṭṭhārammaṇādi, ayañca attho desanāhāravicayahāraniddesavaṇṇanāyaṃ vitthārato pakāsito eva. Sutte āgatadhammassa sabhāgavisabhāgadhammāvaṭṭanavisayo āvaṭṭahāro, tadubhayaāvaṭṭanalakkhaṇattā. Sutte āgatadhammānaṃ paccanīkadhammavisayo parivattanahāro, paṭipakkhadhammaparivattanalakkhaṇattā. Padaṭṭhānaparikkhāresu āsannakāraṇaṃ upanissayakāraṇañca padaṭṭhānaṃ, hetu parikkhāroti ayametesaṃ viseso.
สภาควิสภาคธมฺมา จ เตสํ เตสํ ธมฺมานํ อนุกูลปฎิกูลธมฺมา ยถากฺกมํ เวทิตพฺพาฯ ยถา – สมฺมาทิฎฺฐิยา สมฺมาสงฺกโปฺป สภาโค, มิจฺฉาสงฺกโปฺป วิสภาโคติ อิมินา นเยน สพฺพํ สภาควิสภาคโต เวทิตพฺพํฯ
Sabhāgavisabhāgadhammā ca tesaṃ tesaṃ dhammānaṃ anukūlapaṭikūladhammā yathākkamaṃ veditabbā. Yathā – sammādiṭṭhiyā sammāsaṅkappo sabhāgo, micchāsaṅkappo visabhāgoti iminā nayena sabbaṃ sabhāgavisabhāgato veditabbaṃ.
ลกฺขณนฺติ สภาโวฯ โส หารนยานํ นิเทฺทเส วิภาวิโต เอวฯ
Lakkhaṇanti sabhāvo. So hāranayānaṃ niddese vibhāvito eva.
ยํ ปเนตํ เหตุอาทิวิเสสวินิมุตฺตํ หารนยานํ โยชนานิพนฺธนํ, โส นโยฯ ยถาห – ลกฺขณหาเร ‘‘เอวํ เย ธมฺมา เอกลกฺขณา กิจฺจโต จ ลกฺขณโต จ สามญฺญโต จา’’ติอาทิฯ ตถา วิจเยน หาเรน วิจินิตฺวา ยุตฺติหาเรน โยเชตพฺพาติฯ ตถา โสธนหาราทีสุ สุโทฺธ อารโมฺภ โหติ, โส ปโญฺห วิสฺสชฺชิโต ภวตีติ เอวมาทิฯ เอกตฺตาทโยปิ นยา อิธ นโยติ คเหตพฺพาฯ
Yaṃ panetaṃ hetuādivisesavinimuttaṃ hāranayānaṃ yojanānibandhanaṃ, so nayo. Yathāha – lakkhaṇahāre ‘‘evaṃ ye dhammā ekalakkhaṇā kiccato ca lakkhaṇato ca sāmaññato cā’’tiādi. Tathā vicayena hārena vicinitvā yuttihārena yojetabbāti. Tathā sodhanahārādīsu suddho ārambho hoti, so pañho vissajjito bhavatīti evamādi. Ekattādayopi nayā idha nayoti gahetabbā.
เอวํ เหตุผลาทีนิ อุปธาเรตฺวา เนสํ วเสน ตตฺถ ตตฺถ สุเตฺต ลพฺภมานปทตฺถนิทฺธารณมุเขน ยถาลกฺขณํ เอเต หารา นยา จ โยเชตพฺพาฯ วิเสสโต ปน ปทฎฺฐานปริกฺขารา เหตุวเสนฯ เทสนาวิจยจตุพฺยูหสมาโรปนา เหตุผลวเสนฯ ตถา เววจนปญฺญตฺติโอตรณโสธนา ผลวเสเนวาติ เกจิฯ วิภตฺติ เหตุภูมิวเสนฯ ปริวโตฺต วิสภาควเสนฯ อาวโฎฺฎ สภาควิสภาควเสนฯ ลกฺขณยุตฺติอธิฎฺฐานา นยวเสน โยเชตพฺพาติฯ เอตฺตาวตา จ ยํ วุตฺตํ –
Evaṃ hetuphalādīni upadhāretvā nesaṃ vasena tattha tattha sutte labbhamānapadatthaniddhāraṇamukhena yathālakkhaṇaṃ ete hārā nayā ca yojetabbā. Visesato pana padaṭṭhānaparikkhārā hetuvasena. Desanāvicayacatubyūhasamāropanā hetuphalavasena. Tathā vevacanapaññattiotaraṇasodhanā phalavasenevāti keci. Vibhatti hetubhūmivasena. Parivatto visabhāgavasena. Āvaṭṭo sabhāgavisabhāgavasena. Lakkhaṇayuttiadhiṭṭhānā nayavasena yojetabbāti. Ettāvatā ca yaṃ vuttaṃ –
‘‘สามญฺญโต วิเสเสน, ปทโตฺถ ลกฺขณํ กโม;
‘‘Sāmaññato visesena, padattho lakkhaṇaṃ kamo;
เอตฺตาวตา จ เหตฺวาที, เวทิตพฺพา หิ วิญฺญุนา’’ติฯ
Ettāvatā ca hetvādī, veditabbā hi viññunā’’ti.
อยํ คาถา วุตฺตตฺถา โหติฯ
Ayaṃ gāthā vuttatthā hoti.
นิเทฺทสวารวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Niddesavāravaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เนตฺติปฺปกรณปาฬิ • Nettippakaraṇapāḷi / ๓. นิเทฺทสวาโร • 3. Niddesavāro
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / ขุทฺทกนิกาย (ฎีกา) • Khuddakanikāya (ṭīkā) / เนตฺติปฺปกรณ-ฎีกา • Nettippakaraṇa-ṭīkā / ๓. นิเทฺทสวารวณฺณนา • 3. Niddesavāravaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / ขุทฺทกนิกาย (ฎีกา) • Khuddakanikāya (ṭīkā) / เนตฺติวิภาวินี • Nettivibhāvinī / ๓. นิเทฺทสวารอตฺถวิภาวนา • 3. Niddesavāraatthavibhāvanā