Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā |
นิคมนกถาวณฺณนา
Nigamanakathāvaṇṇanā
อุภโตวิภงฺคขนฺธกปริวาเรหิ วิภตฺตํ เทสนํ อตฺถิ ตสฺส วินยปิฎกสฺส, นาเมน สมนฺตปาสาทิกา นาม สํวณฺณนา ‘‘สมนฺตปาสาทิกา นามา’’ติ วุตฺตวจนสํวณฺณนา สมตฺตาติ อาหฯ ตตฺถ ปธานฆเรฯ อิทฺธา อตฺถวินิจฺฉยาทีหิฯ
Ubhatovibhaṅgakhandhakaparivārehi vibhattaṃ desanaṃ atthi tassa vinayapiṭakassa, nāmena samantapāsādikā nāma saṃvaṇṇanā ‘‘samantapāsādikā nāmā’’ti vuttavacanasaṃvaṇṇanā samattāti āha. Tattha padhānaghare. Iddhā atthavinicchayādīhi.
สมฺมา อุทิโต สมุทิโต, เต คุเณ อกิเจฺฉน อธิคโต อธิกปฺปมาณคุเณหิ วา สมุทิโต, เตน สมุทิเตน ‘‘คตานํ ธมฺมานํ คติโย สมเนฺนสตี’’ติ วุตฺตาย สติยา อุปฺปาทิตา สทฺธาทโย ปรมวิสุทฺธา นาม สมนฺนารกฺขตฺตาฯ อิติ สติปิ สทฺธาทีหิ วุตฺตา โหติฯ เอวํ สเนฺต เอตฺถ วุเตฺต จตุพฺพิเธ สีเล ปาติโมกฺขสํวรสีลํ สทฺธา มเณฺฑติฯ สทฺธาสาธนญฺหิ ตํฯ อินฺทฺริยสํวราชีวปาริสุทฺธิปจฺจยปริโภคสีลานิ ปฎิมเณฺฑนฺติ สติวีริยปญฺญาโยติ ยถาโยคํ เวทิตพฺพํฯ อปิจ สทฺธา จ พุทฺธิรหิตา อวิสุทฺธา โหติ พุทฺธิยา ปสาทเหตุตฺตาฯ พุทฺธิโย ปน ตสฺสานุภาเวน ปรมวิสุทฺธา นาม โหนฺติฯ ปญฺญา สทฺธารหิตา เกราฎิกปกฺขํ ภชติ, สทฺธายุตฺตา เอว วิสุทฺธา โหติฯ วีริยญฺจ สมาธิรหิตํ อุทฺธจฺจาย สํวตฺตติ, น สมาธิยุตฺตนฺติ วีริยสฺส สุทฺธวจนโต สมาธิปิ วุโตฺต โหติ, เอวํ ปรมวิสุทฺธา สทฺธาทโยปิ ปาติโมกฺขํ ปฎิมเณฺฑนฺตีติ ญาตพฺพํฯ กถํ? ปฎิปตฺติเทสเก สตฺถริ จ ปฎิปตฺติยญฺจ ปฎิปตฺติผเล จ สทฺธาย วินา สีลสมาทานํ, สมาทินฺนวิโสธนญฺจ กาตุํ น สกฺกาติ สทฺธา ปาติโมกฺขํ ปฎิมเณฺฑติฯ ตตฺถ ‘‘อิติปิ โส ภควา’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๒๕๕; ม. นิ. ๑.๗๔; สํ. นิ. ๑.๒๔๙) สตฺถริ จ ปูเชตุํ สโกฺกติฯ ปฎิปตฺติยํ สีลวิปตฺติสมฺปตฺติมูลเก สนฺทิฎฺฐิกสมฺปรายิกผเล จ สทฺธาปวตฺติ วิตฺถารโต ญาตพฺพา, สีลวิปตฺติสมฺปตฺตินิมิตฺตํ อาทีนวมานิสํสญฺจ อาทีนวปริจฺจาเค, อานิสํสสมฺปาทเน จ อุปายํ ทิสฺวา ตถา ปวตฺตมานา ปญฺญา ปาติโมกฺขสํวรํ ปฎิมเณฺฑติฯ ‘‘อติสีต’’นฺติอาทินา อปฺปวตฺตนารหํ โกสชฺชํ ‘‘โย จ สีตญฺจ อุณฺหญฺจา’’ติ วุตฺตานุสาเรน ปชหิตฺวา อนุปฺปนฺนุปฺปนฺนานํ อสํวรสํวรานํ อนุปฺปาทนปชหนอุปฺปาทนวฑฺฒนวเสน ปวตฺตมานวีริยํ ปาติโมกฺขํ ปฎิมเณฺฑติ, อิมินา นเยน อินฺทฺริยสํวราทีสุปิ โยเชตพฺพํฯ จตุนฺนมฺปิ สงฺคหวตฺถูนํ อนุกูลสมุทาจาโร อิธ อาจาโรติ เวทิตโพฺพฯ อชฺชว-วจเนน ลาภสกฺการเหตุ กายทุจฺจริตาทิกุฎิลกรมายาสาเฐยฺยปฎิปกฺขอชฺชวธมฺมสมาโยคทีปเนน อโลภชฺฌาสยตา ทีปิตาฯ มทฺทว-วจเนน กกฺขฬภาวกรปฎิฆาทิปฎิปกฺขภูตเมตฺตาทิมทฺทวธมฺมสมาโยคทีปเนน หิตชฺฌาสยาทีนิ ทีปิตานิ โหนฺติฯ อาทิ-สเทฺทน ‘‘ขนฺติ จ โสรจฺจญฺจ สาขลฺยญฺจ ปฎิสนฺถาโร จา’’ติอาทินา (ธ. ส. ทุกมาติกา ๑๒๕-๑๒๖) วุตฺตธเมฺมหิ สมาโยโค ทีปิโต โหติฯ อิธ วุตฺตา อชฺชวมทฺทวาทโย คุณา สีลสมฺปตฺติยา เหตู จ โหนฺติ สีลสมฺปตฺติผลญฺจ ตํสมฺปาทนโตฯ สกสมโยติ จตุปริสาฯ เอเตน สภาคทุกฺขภาวาภาโว สูจิโตฯ อถ วา สกสมโยติ โสคตํ ปิฎกตฺตยํ สกสมโย เอว คหนํ ทุทฺทีปนตฺตา, สกสมยสฺส สนฺนิฎฺฐานํ สกสมยคหนํ –
Sammā udito samudito, te guṇe akicchena adhigato adhikappamāṇaguṇehi vā samudito, tena samuditena ‘‘gatānaṃ dhammānaṃ gatiyo samannesatī’’ti vuttāya satiyā uppāditā saddhādayo paramavisuddhā nāma samannārakkhattā. Iti satipi saddhādīhi vuttā hoti. Evaṃ sante ettha vutte catubbidhe sīle pātimokkhasaṃvarasīlaṃ saddhā maṇḍeti. Saddhāsādhanañhi taṃ. Indriyasaṃvarājīvapārisuddhipaccayaparibhogasīlāni paṭimaṇḍenti sativīriyapaññāyoti yathāyogaṃ veditabbaṃ. Apica saddhā ca buddhirahitā avisuddhā hoti buddhiyā pasādahetuttā. Buddhiyo pana tassānubhāvena paramavisuddhā nāma honti. Paññā saddhārahitā kerāṭikapakkhaṃ bhajati, saddhāyuttā eva visuddhā hoti. Vīriyañca samādhirahitaṃ uddhaccāya saṃvattati, na samādhiyuttanti vīriyassa suddhavacanato samādhipi vutto hoti, evaṃ paramavisuddhā saddhādayopi pātimokkhaṃ paṭimaṇḍentīti ñātabbaṃ. Kathaṃ? Paṭipattidesake satthari ca paṭipattiyañca paṭipattiphale ca saddhāya vinā sīlasamādānaṃ, samādinnavisodhanañca kātuṃ na sakkāti saddhā pātimokkhaṃ paṭimaṇḍeti. Tattha ‘‘itipi so bhagavā’’tiādinā (dī. ni. 1.255; ma. ni. 1.74; saṃ. ni. 1.249) satthari ca pūjetuṃ sakkoti. Paṭipattiyaṃ sīlavipattisampattimūlake sandiṭṭhikasamparāyikaphale ca saddhāpavatti vitthārato ñātabbā, sīlavipattisampattinimittaṃ ādīnavamānisaṃsañca ādīnavapariccāge, ānisaṃsasampādane ca upāyaṃ disvā tathā pavattamānā paññā pātimokkhasaṃvaraṃ paṭimaṇḍeti. ‘‘Atisīta’’ntiādinā appavattanārahaṃ kosajjaṃ ‘‘yo ca sītañca uṇhañcā’’ti vuttānusārena pajahitvā anuppannuppannānaṃ asaṃvarasaṃvarānaṃ anuppādanapajahanauppādanavaḍḍhanavasena pavattamānavīriyaṃ pātimokkhaṃ paṭimaṇḍeti, iminā nayena indriyasaṃvarādīsupi yojetabbaṃ. Catunnampi saṅgahavatthūnaṃ anukūlasamudācāro idha ācāroti veditabbo. Ajjava-vacanena lābhasakkārahetu kāyaduccaritādikuṭilakaramāyāsāṭheyyapaṭipakkhaajjavadhammasamāyogadīpanena alobhajjhāsayatā dīpitā. Maddava-vacanena kakkhaḷabhāvakarapaṭighādipaṭipakkhabhūtamettādimaddavadhammasamāyogadīpanena hitajjhāsayādīni dīpitāni honti. Ādi-saddena ‘‘khanti ca soraccañca sākhalyañca paṭisanthāro cā’’tiādinā (dha. sa. dukamātikā 125-126) vuttadhammehi samāyogo dīpito hoti. Idha vuttā ajjavamaddavādayo guṇā sīlasampattiyā hetū ca honti sīlasampattiphalañca taṃsampādanato. Sakasamayoti catuparisā. Etena sabhāgadukkhabhāvābhāvo sūcito. Atha vā sakasamayoti sogataṃ piṭakattayaṃ sakasamayo eva gahanaṃ duddīpanattā, sakasamayassa sanniṭṭhānaṃ sakasamayagahanaṃ –
‘‘สจฺจํ สโตฺต ปฎิสนฺธิ, ปจฺจยาการเมว จ;
‘‘Saccaṃ satto paṭisandhi, paccayākārameva ca;
ทุทฺทสา จตุโร ธมฺมา, เทเสตุญฺจ สุทุกฺกรา’’ติฯ (วิภ. อฎฺฐ. ๒๒๕) –
Duddasā caturo dhammā, desetuñca sudukkarā’’ti. (vibha. aṭṭha. 225) –
วุตฺตตฺตา ยถา สกสมยสฺส คหนปเทน โยชนา วุตฺตา, ตถา ปรสมยสฺสปิฯ ปญฺญาเวยฺยตฺติเยนาติ อเนน ติขิเณน ญาเณน กตสิลานิสิตสตฺถสทิสสภาวปญฺญา วุตฺตาฯ ติปิฎกสงฺขาตาย ปริยตฺติยา ปเภโท ติปิฎกปริยตฺติปฺปเภโทฯ ตสฺมิํ ปเภเทฯ ตนฺติ จ ตนฺติอโตฺถ จ สาสนํ นามฯ อิธ ‘‘ตนฺติ เอวา’’ติ วทนฺติฯ ยสฺมิํ อยํ สํวณฺณนา นิฎฺฐาปิตา, ตสฺมิํ กาเล ปฎิเวธญาณาภาวโต สุตมยํ สนฺธาย ‘‘อปฺปฎิหตญาณปฺปภาเวนา’’ติ วุตฺตํฯ กรณสมฺปตฺติยา ชนิตตฺตา สุขวินิคฺคตํฯ สุขวินิคฺคตตฺตา มธุโรทาตวจนลาวณฺณยุเตฺตนาปิ โยเชตพฺพํ, อีทิสํ วจนํ โสตสุขญฺจ สนฺนิเวสสมฺปตฺติสุขญฺจ โหติฯ ‘‘เวยฺยากรเณนา’’ติ อวตฺวา ‘‘มหาเวยฺยากรเณนา’’ติ วุตฺตตฺตา สิกฺขานิรุตฺติฉโนฺทวิจิตฺยาทิปฎิมณฺฑิตปาณินิยนฺยาสาธารณธารณสภาโว สูจิโต ภวติฯ ยุตฺตวาทินาติอาทีสุ ยุตฺตมุตฺตวาทินา ฐานุปฺปตฺติยปญฺญาย สมนฺนาคเตนาติ อโตฺถฯ โอชาเภเทปิ อายุสตฺติกรณตาทิสามตฺถโยคานํ มหากวินา รจิตคนฺถสฺส มหนฺตตฺตา วา ‘‘ติปิฎกปริยตฺติปฺปเภเท’’ติอาทีหิ สาสเน, เหตุวิสเย, สเทฺท จาติ อิเมสุ ตีสุ ฐาเนสุ ปาฎวภาวํ ทีเปโนฺต เวนยิกพุทฺธิสมฺปตฺติสพฺภาวมสฺส สูเจติฯ เยสํ ปุคฺคลานํ ปภินฺนา ปฎิสมฺภิทาทิ, เต ปภินฺนปฎิสมฺภิทาทโย ธมฺมาฯ เตหิ ปริวาริโต อุกฺขิตฺตสนฺตติอุปเจฺฉทมกตฺวา อตฺตโน สนฺตาเน อุปฺปาทนวฑฺฒนวเสน วาริโต โส ปภินฺนปฎิสมฺภิทาปริวาโรฯ ตสฺมิํ ปภินฺนปฎิสมฺภิทาปริวาเร อุตฺตริมนุสฺสธเมฺมติ อโตฺถฯ ฉฬภิญฺญจตุปฎิสมฺภิทาทิปฺปเภทคุณปฎิมณฺฑิเต ปน ฉฬภิญฺญา อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา เอวฯ จตูสุ ปฎิสมฺภิทาสุ อตฺถปฎิสมฺภิทาย เอกเทโสวฯ ตทุภยํ สยํ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมปริยาปนฺนํ กถํ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมํ ปฎิมเณฺฑตีติ เจ? รุกฺขํ รุกฺขสฺส อวยวภูตปุปฺผาทโย วิย สยญฺจ เยสํ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมานํ อวยวตฺตาติฯ กามาวจรธมฺมปริยาปนฺนปฎิสมฺภิทาญาณํ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมานํ อนวยวภูตํ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมํ ปฎิมเณฺฑติ, ปุริสสฺส อนวยวภูโต อลงฺกาโร วิย ปุริสํฯ อถ วา กามาวจรปอสมฺภิทาปริวาโร ฉฬภิญฺญาปฎิสมฺภิทาทิปฺปเภทคุเณ ปฎิมเณฺฑติฯ โลกุตฺตรปฎิสมฺภิทํ สนฺธาย ปุน ปฎิสมฺภิทาวจนญฺจฯ สาสเน อุปฺปชฺชิตฺวา สาสนสฺส อลงฺการภูเตน, ยสฺมิํ วํเส อุปฺปโนฺน, ตเสฺสว วา อลงฺการภูเตนฯ สเงฺขปวิตฺถาเรสุ อิตรีตรกรณํ, อปฺปสนฺนปสนฺนานํ ปสาทุปฺปาทนาภิวุฑฺฒิกรณํ, วุตฺตานํ คมฺภีรานํ คมฺภีรุตฺตานภาวกรณนฺติ เอวํ ฉพฺพิธาจริยคุณโยคโต วิปุลพุทฺธิ นามฯ เย ธมฺมจินฺตนํ อติธาวนฺตา เกจิ อุเจฺฉทาทินานปฺปการํ อนฺตํ วา คณฺหนฺติ, ‘‘สพฺพํ เญยฺยํ ปญฺญตฺติ เอวา’’ติ วา ‘‘ปรมโตฺถ เอวา’’ติ วา คณฺหนฺติ, เตสํ พุทฺธิ มิจฺฉาทิฎฺฐิปจฺจยตฺตา สมลา นาม โหติ, อิมสฺส ปน พุทฺธิ ธมฺมจินฺตาติธาวนรหิตตฺตา วิสุทฺธา นาม โหติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘วิปุลวิสุทฺธพุทฺธินา’’ติ ฯ ครูหิ ‘‘ปิโย ครุ ภาวนีโย’’ติอาทินา (อ. นิ. ๗.๓๗; เนตฺติ. ๑๑๓) วุตฺตคุเณหิ ยุตฺตครูหิฯ คุเณหิ ถิรภาวํ คตตฺตา เถเรนฯ
Vuttattā yathā sakasamayassa gahanapadena yojanā vuttā, tathā parasamayassapi. Paññāveyyattiyenāti anena tikhiṇena ñāṇena katasilānisitasatthasadisasabhāvapaññā vuttā. Tipiṭakasaṅkhātāya pariyattiyā pabhedo tipiṭakapariyattippabhedo. Tasmiṃ pabhede. Tanti ca tantiattho ca sāsanaṃ nāma. Idha ‘‘tanti evā’’ti vadanti. Yasmiṃ ayaṃ saṃvaṇṇanā niṭṭhāpitā, tasmiṃ kāle paṭivedhañāṇābhāvato sutamayaṃ sandhāya ‘‘appaṭihatañāṇappabhāvenā’’ti vuttaṃ. Karaṇasampattiyā janitattā sukhaviniggataṃ. Sukhaviniggatattā madhurodātavacanalāvaṇṇayuttenāpi yojetabbaṃ, īdisaṃ vacanaṃ sotasukhañca sannivesasampattisukhañca hoti. ‘‘Veyyākaraṇenā’’ti avatvā ‘‘mahāveyyākaraṇenā’’ti vuttattā sikkhāniruttichandovicityādipaṭimaṇḍitapāṇiniyanyāsādhāraṇadhāraṇasabhāvo sūcito bhavati. Yuttavādinātiādīsu yuttamuttavādinā ṭhānuppattiyapaññāya samannāgatenāti attho. Ojābhedepi āyusattikaraṇatādisāmatthayogānaṃ mahākavinā racitaganthassa mahantattā vā ‘‘tipiṭakapariyattippabhede’’tiādīhi sāsane, hetuvisaye, sadde cāti imesu tīsu ṭhānesu pāṭavabhāvaṃ dīpento venayikabuddhisampattisabbhāvamassa sūceti. Yesaṃ puggalānaṃ pabhinnā paṭisambhidādi, te pabhinnapaṭisambhidādayo dhammā. Tehi parivārito ukkhittasantatiupacchedamakatvā attano santāne uppādanavaḍḍhanavasena vārito so pabhinnapaṭisambhidāparivāro. Tasmiṃ pabhinnapaṭisambhidāparivāre uttarimanussadhammeti attho. Chaḷabhiññacatupaṭisambhidādippabhedaguṇapaṭimaṇḍite pana chaḷabhiññā uttarimanussadhammā eva. Catūsu paṭisambhidāsu atthapaṭisambhidāya ekadesova. Tadubhayaṃ sayaṃ uttarimanussadhammapariyāpannaṃ kathaṃ uttarimanussadhammaṃ paṭimaṇḍetīti ce? Rukkhaṃ rukkhassa avayavabhūtapupphādayo viya sayañca yesaṃ uttarimanussadhammānaṃ avayavattāti. Kāmāvacaradhammapariyāpannapaṭisambhidāñāṇaṃ uttarimanussadhammānaṃ anavayavabhūtaṃ uttarimanussadhammaṃ paṭimaṇḍeti, purisassa anavayavabhūto alaṅkāro viya purisaṃ. Atha vā kāmāvacarapaasambhidāparivāro chaḷabhiññāpaṭisambhidādippabhedaguṇe paṭimaṇḍeti. Lokuttarapaṭisambhidaṃ sandhāya puna paṭisambhidāvacanañca. Sāsane uppajjitvā sāsanassa alaṅkārabhūtena, yasmiṃ vaṃse uppanno, tasseva vā alaṅkārabhūtena. Saṅkhepavitthāresu itarītarakaraṇaṃ, appasannapasannānaṃ pasāduppādanābhivuḍḍhikaraṇaṃ, vuttānaṃ gambhīrānaṃ gambhīruttānabhāvakaraṇanti evaṃ chabbidhācariyaguṇayogato vipulabuddhi nāma. Ye dhammacintanaṃ atidhāvantā keci ucchedādinānappakāraṃ antaṃ vā gaṇhanti, ‘‘sabbaṃ ñeyyaṃ paññatti evā’’ti vā ‘‘paramattho evā’’ti vā gaṇhanti, tesaṃ buddhi micchādiṭṭhipaccayattā samalā nāma hoti, imassa pana buddhi dhammacintātidhāvanarahitattā visuddhā nāma hoti. Tena vuttaṃ ‘‘vipulavisuddhabuddhinā’’ti . Garūhi ‘‘piyo garu bhāvanīyo’’tiādinā (a. ni. 7.37; netti. 113) vuttaguṇehi yuttagarūhi. Guṇehi thirabhāvaṃ gatattā therena.
สีเลน สีลสฺส วา วิสุทฺธิยา สีลวิสุทฺธิยาฯ อวิชฺชณฺฑโกสํ ปทาเลตฺวา ปฐมํ อภินิพฺพตฺตตฺตา โลกเชฎฺฐสฺสฯ โลกสฺส วา คมฺภีเร มหเนฺต สีลาทิกฺขเนฺธ เอสิ คเวสีติ มเหสีติฯ
Sīlena sīlassa vā visuddhiyā sīlavisuddhiyā. Avijjaṇḍakosaṃ padāletvā paṭhamaṃ abhinibbattattā lokajeṭṭhassa. Lokassa vā gambhīre mahante sīlādikkhandhe esi gavesīti mahesīti.
เอตฺตาวตา สมธิกสตฺตวีสติสหสฺสปริมาณาย สมนฺตปาสาทิกสญฺญิตาย วินยฎฺฐกถาย สพฺพปเทสุ วินิจฺฉยชาตํ สงฺขิปิตฺวา คณฺฐิฎฺฐานวิกาสนา กตา โหติ, ตถาปิ ยํ เอตฺถ ลิขิตํ, ตํ สุฎฺฐุ วิจาเรตฺวา ปาฬิญฺจ อฎฺฐกถญฺจ สลฺลเกฺขตฺวา เย อาจริยา พุทฺธสฺส ภควโต มหานุภาวํ, วินยปิฎกสฺส จ วิจิตฺรนยคมฺภีรตฺถตํ สลฺลเกฺขตฺวา โปราณานํ กถามคฺคํ อวินาเสตฺวา อตฺตโน มติํ ปหาย เกวลํ สทฺธมฺมฎฺฐิติยา, ปรานุคฺคหกามตาย จ วินยปิฎกํ ปกาเสนฺตา ฐิตา, เตสํ ปาทมูเล วนฺทิตฺวา ขนฺติโสรจฺจาทิคุณสมนฺนาคเตน หุตฺวา วตฺตสมฺปตฺติยา เตสํ จิตฺตํ อาราเธตฺวา ปเวณิยา อาคตํ วินิจฺฉยํ กถาเปตฺวา อุปธาเรตฺวา ยํ เตน สํสนฺทติ, ตํ คเหตพฺพํ, อิตรํ ฉเฑฺฑตพฺพํฯ อิตรถา ตุณฺหีภูเตน ภวิตพฺพํฯ วินิจฺฉยสงฺกรกเรน ปน น ภวิตพฺพเมวฯ กสฺมา? สาสนสฺส นาสเหตุตฺตาฯ โหติ เจตฺถ –
Ettāvatā samadhikasattavīsatisahassaparimāṇāya samantapāsādikasaññitāya vinayaṭṭhakathāya sabbapadesu vinicchayajātaṃ saṅkhipitvā gaṇṭhiṭṭhānavikāsanā katā hoti, tathāpi yaṃ ettha likhitaṃ, taṃ suṭṭhu vicāretvā pāḷiñca aṭṭhakathañca sallakkhetvā ye ācariyā buddhassa bhagavato mahānubhāvaṃ, vinayapiṭakassa ca vicitranayagambhīratthataṃ sallakkhetvā porāṇānaṃ kathāmaggaṃ avināsetvā attano matiṃ pahāya kevalaṃ saddhammaṭṭhitiyā, parānuggahakāmatāya ca vinayapiṭakaṃ pakāsentā ṭhitā, tesaṃ pādamūle vanditvā khantisoraccādiguṇasamannāgatena hutvā vattasampattiyā tesaṃ cittaṃ ārādhetvā paveṇiyā āgataṃ vinicchayaṃ kathāpetvā upadhāretvā yaṃ tena saṃsandati, taṃ gahetabbaṃ, itaraṃ chaḍḍetabbaṃ. Itarathā tuṇhībhūtena bhavitabbaṃ. Vinicchayasaṅkarakarena pana na bhavitabbameva. Kasmā? Sāsanassa nāsahetuttā. Hoti cettha –
‘‘อสมฺพุธํ พุทฺธมหานุภาวํ,
‘‘Asambudhaṃ buddhamahānubhāvaṃ,
ธมฺมสฺส คมฺภีรนยตฺถตญฺจ;
Dhammassa gambhīranayatthatañca;
โย วณฺณเย ตํ วินยํ อวิญฺญู,
Yo vaṇṇaye taṃ vinayaṃ aviññū,
โส ทุทฺทโส สาสนนาสเหตุฯ
So duddaso sāsananāsahetu.
ปาฬิํ ตทตฺถญฺจ อสมฺพุธญฺหิ,
Pāḷiṃ tadatthañca asambudhañhi,
นาเสติ โย อฎฺฐกถานยญฺจ;
Nāseti yo aṭṭhakathānayañca;
อนิจฺฉยํ นิจฺฉยโต ปเรหิ,
Anicchayaṃ nicchayato parehi,
คาเหติ เตเหว ปุรกฺขโต โสฯ
Gāheti teheva purakkhato so.
อนุกฺกเมเนว มหาชเนน,
Anukkameneva mahājanena,
ปุรกฺขโต ปณฺฑิตมานิภิกฺขุ;
Purakkhato paṇḍitamānibhikkhu;
อปณฺฑิตานํ วิมติํ อกตฺวา,
Apaṇḍitānaṃ vimatiṃ akatvā,
อาจริยลีฬํ ปุรโต กโรตี’’ติฯ
Ācariyalīḷaṃ purato karotī’’ti.
สมนฺตปาสาทิกาย คณฺฐิปทาธิปฺปายปฺปกาสนา สมตฺตาฯ
Samantapāsādikāya gaṇṭhipadādhippāyappakāsanā samattā.
วชิรพุทฺธิฎีกา นิฎฺฐิตาฯ
Vajirabuddhiṭīkā niṭṭhitā.