Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
[๔๔๕] ๗. นิโคฺรธชาตกวณฺณนา
[445] 7. Nigrodhajātakavaṇṇanā
น วาหเมตํ ชานามีติ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรโนฺต เทวทตฺตํ อารพฺภ กเถสิฯ เอกทิวสญฺหิ ภิกฺขู เตน ‘‘อาวุโส เทวทตฺต, สตฺถา ตว พหูปกาโร, ตฺวญฺหิ สตฺถารํ นิสฺสาย ปพฺพชฺชํ ลภิ อุปสมฺปทํ ลภิ, เตปิฎกํ พุทฺธวจนํ อุคฺคณฺหิ, ฌานํ อุปฺปาเทสิ, ลาภสกฺกาโรปิ เต ทสพลเสฺสว สนฺตโก’’ติ ภิกฺขูหิ วุเตฺต ติณสลากํ อุกฺขิปิตฺวา ‘‘เอตฺตกมฺปิ สมเณน โคตเมน มยฺหํ กตํ คุณํ น ปสฺสามี’’ติ วุเตฺต ธมฺมสภายํ กถํ สมุฎฺฐาเปสุํฯ สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุเตฺต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุเพฺพปิ เทวทโตฺต อกตญฺญู มิตฺตทุพฺภี’’ติ วตฺวา เตหิ ยาจิโต อตีตํ อาหริฯ
Na vāhametaṃ jānāmīti idaṃ satthā veḷuvane viharanto devadattaṃ ārabbha kathesi. Ekadivasañhi bhikkhū tena ‘‘āvuso devadatta, satthā tava bahūpakāro, tvañhi satthāraṃ nissāya pabbajjaṃ labhi upasampadaṃ labhi, tepiṭakaṃ buddhavacanaṃ uggaṇhi, jhānaṃ uppādesi, lābhasakkāropi te dasabalasseva santako’’ti bhikkhūhi vutte tiṇasalākaṃ ukkhipitvā ‘‘ettakampi samaṇena gotamena mayhaṃ kataṃ guṇaṃ na passāmī’’ti vutte dhammasabhāyaṃ kathaṃ samuṭṭhāpesuṃ. Satthā āgantvā ‘‘kāya nuttha, bhikkhave, etarahi kathāya sannisinnā’’ti pucchitvā ‘‘imāya nāmā’’ti vutte ‘‘na, bhikkhave, idāneva, pubbepi devadatto akataññū mittadubbhī’’ti vatvā tehi yācito atītaṃ āhari.
อตีเต ราชคเห มคธมหาราชา นาม รชฺชํ กาเรสิฯ ตทา ราชคหเสฎฺฐิ อตฺตโน ปุตฺตสฺส ชนปทเสฎฺฐิโน ธีตรํ อาเนสิ, สา วญฺฌา อโหสิฯ อถสฺสา อปรภาเค สกฺกาโร ปริหายิฯ ‘‘อมฺหากํ ปุตฺตสฺส เคเห วญฺฌิตฺถิยา วสนฺติยา กถํ กุลวํโส วฑฺฒิสฺสตี’’ติ ยถา สา สุณาติ, เอวมฺปิ กถํ สมุฎฺฐาเปนฺติฯ สา ตํ สุตฺวา ‘‘โหตุ คพฺภินิอาลยํ กตฺวา เอเต วเญฺจสฺสามี’’ติ จิเนฺตตฺวา อตฺตโน อตฺถจาริกํ ธาติํ อาห ‘‘อมฺม, คพฺภินิโย นาม กิญฺจ กิญฺจ กโรนฺตี’’ติ คพฺภินิปริหารํ ปุจฺฉิตฺวา อุตุนิกาเล ปฎิจฺฉาเทตฺวา อมฺพิลาทิรุจิกา หุตฺวา หตฺถปาทานํ อุทฺธุมายนกาเล หตฺถปาทปิฎฺฐิโย โกฎฺฎาเปตฺวา พหลํ กาเรสิ, ทิวเส ทิวเสปิ ปิโลติกาเวฐเนน จ อุทรวฑฺฒนํ วเฑฺฒสิ, ถนมุขานิ กาฬานิ กาเรสิ, สรีรกิจฺจํ กโรนฺตีปิ อญฺญตฺร ตสฺสา ธาติยา อเญฺญสํ สมฺมุขฎฺฐาเน น กโรติฯ สามิโกปิสฺสา คพฺภปริหารํ อทาสิฯ เอวํ นว มาเส วสิตฺวา ‘‘อิทานิ ชนปเท ปิตุ ฆรํ คนฺตฺวา วิชายิสฺสามี’’ติ สสุเร อาปุจฺฉิตฺวา รถมารุหิตฺวา มหเนฺตน ปริวาเรน ราชคหา นิกฺขมิตฺวา มคฺคํ ปฎิปชฺชิฯ ตสฺสา ปน ปุรโต เอโก สโตฺถ คจฺฉติฯ สเตฺถน วสิตฺวา คตฎฺฐานํ เอสา ปาตราสกาเล ปาปุณาติฯ
Atīte rājagahe magadhamahārājā nāma rajjaṃ kāresi. Tadā rājagahaseṭṭhi attano puttassa janapadaseṭṭhino dhītaraṃ ānesi, sā vañjhā ahosi. Athassā aparabhāge sakkāro parihāyi. ‘‘Amhākaṃ puttassa gehe vañjhitthiyā vasantiyā kathaṃ kulavaṃso vaḍḍhissatī’’ti yathā sā suṇāti, evampi kathaṃ samuṭṭhāpenti. Sā taṃ sutvā ‘‘hotu gabbhiniālayaṃ katvā ete vañcessāmī’’ti cintetvā attano atthacārikaṃ dhātiṃ āha ‘‘amma, gabbhiniyo nāma kiñca kiñca karontī’’ti gabbhiniparihāraṃ pucchitvā utunikāle paṭicchādetvā ambilādirucikā hutvā hatthapādānaṃ uddhumāyanakāle hatthapādapiṭṭhiyo koṭṭāpetvā bahalaṃ kāresi, divase divasepi pilotikāveṭhanena ca udaravaḍḍhanaṃ vaḍḍhesi, thanamukhāni kāḷāni kāresi, sarīrakiccaṃ karontīpi aññatra tassā dhātiyā aññesaṃ sammukhaṭṭhāne na karoti. Sāmikopissā gabbhaparihāraṃ adāsi. Evaṃ nava māse vasitvā ‘‘idāni janapade pitu gharaṃ gantvā vijāyissāmī’’ti sasure āpucchitvā rathamāruhitvā mahantena parivārena rājagahā nikkhamitvā maggaṃ paṭipajji. Tassā pana purato eko sattho gacchati. Satthena vasitvā gataṭṭhānaṃ esā pātarāsakāle pāpuṇāti.
อเถกทิวสํ ตสฺมิํ สเตฺถ เอกา ทุคฺคติตฺถี รตฺติยา เอกสฺมิํ นิโคฺรธมูเล ปุตฺตํ วิชายิตฺวา ปาโตว สเตฺถ คจฺฉเนฺต ‘‘อหํ วินา สเตฺถน คนฺตุํ น สกฺขิสฺสามิ, สกฺกา โข ปน ชีวนฺติยา ปุตฺตํ ลภิตุ’’นฺติ นิโคฺรธมูลชาเล ชลาพุเญฺจว คพฺภมลญฺจ อตฺถริตฺวา ปุตฺตํ ฉเฎฺฎตฺวา อคมาสิฯ ทารกสฺสปิ เทวตา อารกฺขํ คณฺหิํสุฯ โส หิ น โย วา โส วา, โพธิสโตฺตเยวฯ โส ปน ตทา ตาทิสํ ปฎิสนฺธิํ คณฺหิฯ อิตรา ปาตราสกาเล ตํ ฐานํ ปตฺวา ‘‘สรีรกิจฺจํ กริสฺสามี’’ติ ตาย ธาติยา สทฺธิํ นิโคฺรธมูลํ คตา สุวณฺณวณฺณํ ทารกํ ทิสฺวา ‘‘อมฺม, นิปฺผนฺนํ โน กิจฺจ’’นฺติ ปิโลติกาโย อปเนตฺวา อุจฺฉงฺคปเทสํ โลหิเตน จ คพฺภมเลน จ มเกฺขตฺวา อตฺตโน คพฺภวุฎฺฐานํ อาโรเจสิฯ ตาวเทว นํ สาณิยา ปริกฺขิปิตฺวา หฎฺฐตุโฎฺฐ สปริชโน ราชคหํ ปณฺณํ เปเสสิฯ อถสฺสา สสฺสุสสุรา วิชาตกาลโต ปฎฺฐาย ‘‘ปิตุ กุเล กิํ กริสฺสติ, อิเธว อาคจฺฉตู’’ติ เปสยิํสุฯ สา ปฎินิวตฺติตฺวา ราชคหเมว ปาวิสิฯ ตตฺถ ตํ สมฺปฎิจฺฉิตฺวา ทารกสฺส นามํ กโรนฺตา นิโคฺรธมูเล ชาตตฺตา ‘‘นิโคฺรธกุมาโร’’ติ นามํ กริํสุฯ ตํ ทิวสเญฺญว อนุเสฎฺฐิสุณิสาปิ วิชายนตฺถาย กุลฆรํ คจฺฉนฺตี อนฺตรามเคฺค เอกิสฺสา รุกฺขสาขาย เหฎฺฐา ปุตฺตํ วิชายิ, ตสฺส ‘‘สาขกุมาโร’’ติ นามํ กริํสุฯ ตํ ทิวสเญฺญว เสฎฺฐิํ นิสฺสาย วสนฺตสฺส ตุนฺนการสฺส ภริยาปิ ปิโลติกนฺตเร ปุตฺตํ วิชายิ, ตสฺส ‘‘โปตฺติโก’’ติ นามํ กริํสุฯ
Athekadivasaṃ tasmiṃ satthe ekā duggatitthī rattiyā ekasmiṃ nigrodhamūle puttaṃ vijāyitvā pātova satthe gacchante ‘‘ahaṃ vinā satthena gantuṃ na sakkhissāmi, sakkā kho pana jīvantiyā puttaṃ labhitu’’nti nigrodhamūlajāle jalābuñceva gabbhamalañca attharitvā puttaṃ chaṭṭetvā agamāsi. Dārakassapi devatā ārakkhaṃ gaṇhiṃsu. So hi na yo vā so vā, bodhisattoyeva. So pana tadā tādisaṃ paṭisandhiṃ gaṇhi. Itarā pātarāsakāle taṃ ṭhānaṃ patvā ‘‘sarīrakiccaṃ karissāmī’’ti tāya dhātiyā saddhiṃ nigrodhamūlaṃ gatā suvaṇṇavaṇṇaṃ dārakaṃ disvā ‘‘amma, nipphannaṃ no kicca’’nti pilotikāyo apanetvā ucchaṅgapadesaṃ lohitena ca gabbhamalena ca makkhetvā attano gabbhavuṭṭhānaṃ ārocesi. Tāvadeva naṃ sāṇiyā parikkhipitvā haṭṭhatuṭṭho saparijano rājagahaṃ paṇṇaṃ pesesi. Athassā sassusasurā vijātakālato paṭṭhāya ‘‘pitu kule kiṃ karissati, idheva āgacchatū’’ti pesayiṃsu. Sā paṭinivattitvā rājagahameva pāvisi. Tattha taṃ sampaṭicchitvā dārakassa nāmaṃ karontā nigrodhamūle jātattā ‘‘nigrodhakumāro’’ti nāmaṃ kariṃsu. Taṃ divasaññeva anuseṭṭhisuṇisāpi vijāyanatthāya kulagharaṃ gacchantī antarāmagge ekissā rukkhasākhāya heṭṭhā puttaṃ vijāyi, tassa ‘‘sākhakumāro’’ti nāmaṃ kariṃsu. Taṃ divasaññeva seṭṭhiṃ nissāya vasantassa tunnakārassa bhariyāpi pilotikantare puttaṃ vijāyi, tassa ‘‘pottiko’’ti nāmaṃ kariṃsu.
มหาเสฎฺฐิ อุโภปิ เต ทารเก ‘‘นิโคฺรธกุมารสฺส ชาตทิวสเญฺญว ชาตา’’ติ อาณาเปตฺวา เตเนว สทฺธิํ สํวเฑฺฒสิฯ เต เอกโต วฑฺฒิตฺวา วยปฺปตฺตา ตกฺกสิลํ คนฺตฺวา สิปฺปํ อุคฺคณฺหิํสุฯ อุโภปิ เสฎฺฐิปุตฺตา อาจริยสฺส เทฺว สหสฺสานิ อทํสุฯ นิโคฺรธกุมาโร โปตฺติกสฺส อตฺตโน สนฺติเก สิปฺปํ ปฎฺฐเปสิฯ เต นิปฺผนฺนสิปฺปา อาจริยํ อาปุจฺฉิตฺวา นิกฺขนฺตา ‘‘ชนปทจาริกํ จริสฺสามา’’ติ อนุปุเพฺพน พาราณสิํ ปตฺวา เอกสฺมิํ รุกฺขมูเล นิปชฺชิํสุฯ ตทา พาราณสิรโญฺญ กาลกตสฺส สตฺตโม ทิวโส, ‘‘เสฺว ผุสฺสรถํ โยเชสฺสามา’’ติ นคเร เภริํ จราเปสุํฯ เตสุปิ สหาเยสุ รุกฺขมูเล นิปชฺชิตฺวา นิทฺทายเนฺตสุ โปตฺติโก ปจฺจูสกาเล อุฎฺฐาย นิโคฺรธกุมารสฺส ปาเท ปริมชฺชโนฺต นิสีทิฯ ตสฺมิํ รุเกฺข วุตฺถกุกฺกุเฎสุ อุปริกุกฺกุโฎ เหฎฺฐากุกฺกุฎสฺส สรีเร วจฺจํ ปาเตสิฯ อถ นํ โส ‘‘เกเนตํ ปาติต’’นฺติ อาหฯ ‘‘สมฺม, มา กุชฺฌิ, มยา อชานเนฺตน ปาติต’’นฺติ อาหฯ ‘‘อเร, ตฺวํ มม สรีรํ อตฺตโน วจฺจฎฺฐานํ มญฺญสิ, กิํ มม ปมาณํ น ชานาสี’’ติฯ อถ นํ อิตโร ‘‘อเร ตฺวํ ‘อชานเนฺตน เม กต’นฺติ วุเตฺตปิ กุชฺฌสิเยว, กิํ ปน เต ปมาณ’’นฺติ อาหฯ ‘‘โย มํ มาเรตฺวา มํสํ ขาทติ, โส ปาโตว สหสฺสํ ลภติ, ตสฺมา อหํ มานํ กโรมี’’ติฯ อถ นํ อิตโร ‘‘อเร เอตฺตกมเตฺตน ตฺวํ มานํ กโรสิ, มํ ปน มาเรตฺวา โย ถูลมํสํ ขาทติ, โส ปาโตว ราชา โหติ, โย มชฺฌิมมํสํ ขาทติ, โส เสนาปติ, โย อฎฺฐินิสฺสิตํ ขาทติ, โส ภณฺฑาคาริโก โหตี’’ติ อาหฯ
Mahāseṭṭhi ubhopi te dārake ‘‘nigrodhakumārassa jātadivasaññeva jātā’’ti āṇāpetvā teneva saddhiṃ saṃvaḍḍhesi. Te ekato vaḍḍhitvā vayappattā takkasilaṃ gantvā sippaṃ uggaṇhiṃsu. Ubhopi seṭṭhiputtā ācariyassa dve sahassāni adaṃsu. Nigrodhakumāro pottikassa attano santike sippaṃ paṭṭhapesi. Te nipphannasippā ācariyaṃ āpucchitvā nikkhantā ‘‘janapadacārikaṃ carissāmā’’ti anupubbena bārāṇasiṃ patvā ekasmiṃ rukkhamūle nipajjiṃsu. Tadā bārāṇasirañño kālakatassa sattamo divaso, ‘‘sve phussarathaṃ yojessāmā’’ti nagare bheriṃ carāpesuṃ. Tesupi sahāyesu rukkhamūle nipajjitvā niddāyantesu pottiko paccūsakāle uṭṭhāya nigrodhakumārassa pāde parimajjanto nisīdi. Tasmiṃ rukkhe vutthakukkuṭesu uparikukkuṭo heṭṭhākukkuṭassa sarīre vaccaṃ pātesi. Atha naṃ so ‘‘kenetaṃ pātita’’nti āha. ‘‘Samma, mā kujjhi, mayā ajānantena pātita’’nti āha. ‘‘Are, tvaṃ mama sarīraṃ attano vaccaṭṭhānaṃ maññasi, kiṃ mama pamāṇaṃ na jānāsī’’ti. Atha naṃ itaro ‘‘are tvaṃ ‘ajānantena me kata’nti vuttepi kujjhasiyeva, kiṃ pana te pamāṇa’’nti āha. ‘‘Yo maṃ māretvā maṃsaṃ khādati, so pātova sahassaṃ labhati, tasmā ahaṃ mānaṃ karomī’’ti. Atha naṃ itaro ‘‘are ettakamattena tvaṃ mānaṃ karosi, maṃ pana māretvā yo thūlamaṃsaṃ khādati, so pātova rājā hoti, yo majjhimamaṃsaṃ khādati, so senāpati, yo aṭṭhinissitaṃ khādati, so bhaṇḍāgāriko hotī’’ti āha.
โปตฺติโก เตสํ กถํ สุตฺวา ‘‘กิํ โน สหเสฺสน, รชฺชเมว วร’’นฺติ สณิกํ รุกฺขํ อภิรุหิตฺวา อุปริสยิตกุกฺกุฎํ คเหตฺวา มาเรตฺวา องฺคาเร ปจิตฺวา ถูลมํสํ นิโคฺรธสฺส อทาสิ, มชฺฌิมมํสํ สาขสฺส อทาสิ, อฎฺฐิมํสํ อตฺตนา ขาทิฯ ขาทิตฺวา ปน ‘‘สมฺม นิโคฺรธ, ตฺวํ อชฺช ราชา ภวิสฺสสิ, สมฺม สาข, ตฺวํ เสนาปติ ภวิสฺสสิ, อหํ ปน ภณฺฑาคาริโก ภวิสฺสามี’’ติ วตฺวา ‘‘กถํ ชานาสี’’ติ ปุโฎฺฐ ตํ ปวตฺติํ อาโรเจสิฯ เต ตโยปิ ชนา ปาตราสเวลาย พาราณสิํ ปวิสิตฺวา เอกสฺส พฺราหฺมณสฺส เคเห สปฺปิสกฺกรยุตฺตํ ปายาสํ ภุญฺชิตฺวา นครา นิกฺขมิตฺวา อุยฺยานํ ปวิสิํสุฯ นิโคฺรธกุมาโร สิลาปเฎฺฎ นิปชฺชิ , อิตเร เทฺว พหิ นิปชฺชิํสุฯ ตสฺมิํ สมเย ปญฺจ ราชกกุธภณฺฑานิ อโนฺต ฐเปตฺวา ผุสฺสรถํ วิสฺสเชฺชสุํฯ ตตฺถ วิตฺถารกถา มหาชนกชาตเก (ชา. ๒.๒๒.๑๒๓ อาทโย) อาวิ ภวิสฺสติฯ ผุสฺสรโถ อุยฺยานํ คนฺตฺวา นิวตฺติตฺวา อาโรหนสโชฺช หุตฺวา อฎฺฐาสิฯ ปุโรหิโต ‘‘อุยฺยาเน ปุญฺญวตา สเตฺตน ภวิตพฺพ’’นฺติ อุยฺยานํ ปวิสิตฺวา กุมารํ ทิสฺวา ปาทนฺตโต สาฎกํ อปเนตฺวา ปาเทสุ ลกฺขณานิ อุปธาเรตฺวา ‘‘ติฎฺฐตุ พาราณสิยํ รชฺชํ, สกลชมฺพุทีปสฺส อธิปติราชา ภวิตุํ ยุโตฺต’’ติ สพฺพตาลาวจเร ปคฺคณฺหาเปสิฯ นิโคฺรธกุมาโร ปพุชฺฌิตฺวา มุขโต สาฎกํ อปเนตฺวา มหาชนํ โอโลเกตฺวา ปริวตฺติตฺวา นิปโนฺน โถกํ วีตินาเมตฺวา สิลาปเฎฺฎ ปลฺลเงฺกน นิสีทิฯ อถ นํ ปุโรหิโต ชณฺณุนา ปติฎฺฐาย ‘‘รชฺชํ เต เทว ปาปุณาตี’’ติ วตฺวา ‘‘‘สาธู’’ติ วุเตฺต ตเตฺถว รตนราสิมฺหิ ฐเปตฺวา อภิสิญฺจิฯ โส รชฺชํ ปตฺวา สาขสฺส เสนาปติฎฺฐานํ ทตฺวา มหเนฺตน สกฺกาเรน นครํ ปาวิสิ, โปตฺติโกปิ เตหิ สทฺธิเญฺญว อคมาสิฯ ตโต ปฎฺฐาย มหาสโตฺต พาราณสิยํ ธเมฺมน รชฺชํ กาเรสิฯ
Pottiko tesaṃ kathaṃ sutvā ‘‘kiṃ no sahassena, rajjameva vara’’nti saṇikaṃ rukkhaṃ abhiruhitvā uparisayitakukkuṭaṃ gahetvā māretvā aṅgāre pacitvā thūlamaṃsaṃ nigrodhassa adāsi, majjhimamaṃsaṃ sākhassa adāsi, aṭṭhimaṃsaṃ attanā khādi. Khāditvā pana ‘‘samma nigrodha, tvaṃ ajja rājā bhavissasi, samma sākha, tvaṃ senāpati bhavissasi, ahaṃ pana bhaṇḍāgāriko bhavissāmī’’ti vatvā ‘‘kathaṃ jānāsī’’ti puṭṭho taṃ pavattiṃ ārocesi. Te tayopi janā pātarāsavelāya bārāṇasiṃ pavisitvā ekassa brāhmaṇassa gehe sappisakkarayuttaṃ pāyāsaṃ bhuñjitvā nagarā nikkhamitvā uyyānaṃ pavisiṃsu. Nigrodhakumāro silāpaṭṭe nipajji , itare dve bahi nipajjiṃsu. Tasmiṃ samaye pañca rājakakudhabhaṇḍāni anto ṭhapetvā phussarathaṃ vissajjesuṃ. Tattha vitthārakathā mahājanakajātake (jā. 2.22.123 ādayo) āvi bhavissati. Phussaratho uyyānaṃ gantvā nivattitvā ārohanasajjo hutvā aṭṭhāsi. Purohito ‘‘uyyāne puññavatā sattena bhavitabba’’nti uyyānaṃ pavisitvā kumāraṃ disvā pādantato sāṭakaṃ apanetvā pādesu lakkhaṇāni upadhāretvā ‘‘tiṭṭhatu bārāṇasiyaṃ rajjaṃ, sakalajambudīpassa adhipatirājā bhavituṃ yutto’’ti sabbatālāvacare paggaṇhāpesi. Nigrodhakumāro pabujjhitvā mukhato sāṭakaṃ apanetvā mahājanaṃ oloketvā parivattitvā nipanno thokaṃ vītināmetvā silāpaṭṭe pallaṅkena nisīdi. Atha naṃ purohito jaṇṇunā patiṭṭhāya ‘‘rajjaṃ te deva pāpuṇātī’’ti vatvā ‘‘‘sādhū’’ti vutte tattheva ratanarāsimhi ṭhapetvā abhisiñci. So rajjaṃ patvā sākhassa senāpatiṭṭhānaṃ datvā mahantena sakkārena nagaraṃ pāvisi, pottikopi tehi saddhiññeva agamāsi. Tato paṭṭhāya mahāsatto bārāṇasiyaṃ dhammena rajjaṃ kāresi.
โส เอกทิวสํ มาตาปิตูนํ สริตฺวา สาขํ อาห – ‘‘สมฺม, น สกฺกา มาตาปิตูหิ วินา วตฺติตุํ, มหเนฺตน ปริวาเรน คนฺตฺวา มาตาปิตโร โน อาเนหี’’ติฯ สาโข ‘‘น เม ตตฺถ คมนกมฺมํ อตฺถี’’ติ ปฎิกฺขิปิฯ ตโต โปตฺติกํ อาณาเปสิฯ โส ‘‘สาธู’’ติ ตตฺถ คนฺตฺวา นิโคฺรธสฺส มาตาปิตโร ‘‘ปุโตฺต โว รเชฺช ปติฎฺฐิโต, เอถ คจฺฉามา’’ติ อาหฯ เต ‘‘อตฺถิ โน ตาว วิภวมตฺตํ, อลํ ตตฺถ คมเนนา’’ติ ปฎิกฺขิปิํสุฯ สาขสฺสปิ มาตาปิตโร อโวจ, เตปิ น อิจฺฉิํสุฯ อตฺตโน มาตาปิตโร อโวจ, ‘‘มยํ ตาต ตุนฺนการกเมฺมน ชีวิสฺสาม อล’’นฺติ ปฎิกฺขิปิํสุฯ โส เตสํ มนํ อลภิตฺวา พาราณสิเมว ปจฺจาคนฺตฺวา ‘‘เสนาปติสฺส ฆเร มคฺคกิลมถํ วิโนเทตฺวา ปจฺฉา นิโคฺรธสหายํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ จิเนฺตตฺวา ตสฺส นิเวสนทฺวารํ คนฺตฺวา ‘‘สหาโย กิร เต โปตฺติโก นาม อาคโตติ เสนาปติสฺส อาโรเจหี’’ติ โทวาริกํ อาห, โส ตถา อกาสิฯ สาโข ปน ‘‘อยํ มยฺหํ รชฺชํ อทตฺวา สหายนิโคฺรธสฺส อทาสี’’ติ ตสฺมิํ เวรํ พนฺธิฯ โส ตํ กถํ สุตฺวาว กุโทฺธ อาคนฺตฺวา ‘‘โก อิมสฺส สหาโย อุมฺมตฺตโก ทาสิปุโตฺต, คณฺหถ น’’นฺติ วตฺวา หตฺถปาทชณฺณุกปฺปเรหิ โกฎฺฎาเปตฺวา คีวายํ คาหาเปตฺวา นีหราเปสิฯ
So ekadivasaṃ mātāpitūnaṃ saritvā sākhaṃ āha – ‘‘samma, na sakkā mātāpitūhi vinā vattituṃ, mahantena parivārena gantvā mātāpitaro no ānehī’’ti. Sākho ‘‘na me tattha gamanakammaṃ atthī’’ti paṭikkhipi. Tato pottikaṃ āṇāpesi. So ‘‘sādhū’’ti tattha gantvā nigrodhassa mātāpitaro ‘‘putto vo rajje patiṭṭhito, etha gacchāmā’’ti āha. Te ‘‘atthi no tāva vibhavamattaṃ, alaṃ tattha gamanenā’’ti paṭikkhipiṃsu. Sākhassapi mātāpitaro avoca, tepi na icchiṃsu. Attano mātāpitaro avoca, ‘‘mayaṃ tāta tunnakārakammena jīvissāma ala’’nti paṭikkhipiṃsu. So tesaṃ manaṃ alabhitvā bārāṇasimeva paccāgantvā ‘‘senāpatissa ghare maggakilamathaṃ vinodetvā pacchā nigrodhasahāyaṃ passissāmī’’ti cintetvā tassa nivesanadvāraṃ gantvā ‘‘sahāyo kira te pottiko nāma āgatoti senāpatissa ārocehī’’ti dovārikaṃ āha, so tathā akāsi. Sākho pana ‘‘ayaṃ mayhaṃ rajjaṃ adatvā sahāyanigrodhassa adāsī’’ti tasmiṃ veraṃ bandhi. So taṃ kathaṃ sutvāva kuddho āgantvā ‘‘ko imassa sahāyo ummattako dāsiputto, gaṇhatha na’’nti vatvā hatthapādajaṇṇukapparehi koṭṭāpetvā gīvāyaṃ gāhāpetvā nīharāpesi.
โส จิเนฺตสิ ‘‘สาโข มม สนฺติกา เสนาปติฎฺฐานํ ลภิตฺวา อกตญฺญู มิตฺตทุพฺภี, มํ โกฎฺฎาเปตฺวา นีหราเปสิ, นิโคฺรโธ ปน ปณฺฑิโต กตญฺญู สปฺปุริโส, ตเสฺสว สนฺติกํ คมิสฺสามี’’ติฯ โส ราชทฺวารํ คนฺตฺวา ‘‘เทว, โปตฺติโก กิร นาม เต สหาโย ทฺวาเร ฐิโต’’ติ รโญฺญ อาโรจาเปสิฯ ราชา ปโกฺกสาเปตฺวา ตํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา อาสนา วุฎฺฐาย ปจฺจุคฺคนฺตฺวา ปฎิสนฺถารํ กตฺวา มสฺสุกมฺมาทีนิ การาเปตฺวา สพฺพาลงฺการปฎิมณฺฑิเตน ปริภุตฺตนานคฺครสโภชเนน เตน สทฺธิํ สุขนิสิโนฺน มาตาปิตูนํ ปวตฺติํ ปุจฺฉิตฺวา อนาคมนภาวํ สุณิฯ สาโขปิ ‘‘โปตฺติโก มํ รโญฺญ สนฺติเก ปริภิเนฺทยฺย , มยิ ปน คเต กิญฺจิ วตฺตุํ น สกฺขิสฺสตี’’ติ ตเตฺถว อคมาสิฯ โปตฺติโก ตสฺส สนฺติเกเยว ราชานํ อามเนฺตตฺวา ‘‘เทว, อหํ มคฺคกิลโนฺต ‘สาขสฺส เคหํ คนฺตฺวา วิสฺสมิตฺวา อิธาคมิสฺสามี’ติ อคมิํฯ อถ มํ สาโข ‘นาหํ ตํ ชานามี’ติ วตฺวา โกฎฺฎาเปตฺวา คีวายํ คาหาเปตฺวา นีหราเปสีติ สทฺทเหยฺยาสิ ตฺวํ เอต’’นฺติ วตฺวา ติโสฺส คาถา อภาสิ –
So cintesi ‘‘sākho mama santikā senāpatiṭṭhānaṃ labhitvā akataññū mittadubbhī, maṃ koṭṭāpetvā nīharāpesi, nigrodho pana paṇḍito kataññū sappuriso, tasseva santikaṃ gamissāmī’’ti. So rājadvāraṃ gantvā ‘‘deva, pottiko kira nāma te sahāyo dvāre ṭhito’’ti rañño ārocāpesi. Rājā pakkosāpetvā taṃ āgacchantaṃ disvā āsanā vuṭṭhāya paccuggantvā paṭisanthāraṃ katvā massukammādīni kārāpetvā sabbālaṅkārapaṭimaṇḍitena paribhuttanānaggarasabhojanena tena saddhiṃ sukhanisinno mātāpitūnaṃ pavattiṃ pucchitvā anāgamanabhāvaṃ suṇi. Sākhopi ‘‘pottiko maṃ rañño santike paribhindeyya , mayi pana gate kiñci vattuṃ na sakkhissatī’’ti tattheva agamāsi. Pottiko tassa santikeyeva rājānaṃ āmantetvā ‘‘deva, ahaṃ maggakilanto ‘sākhassa gehaṃ gantvā vissamitvā idhāgamissāmī’ti agamiṃ. Atha maṃ sākho ‘nāhaṃ taṃ jānāmī’ti vatvā koṭṭāpetvā gīvāyaṃ gāhāpetvā nīharāpesīti saddaheyyāsi tvaṃ eta’’nti vatvā tisso gāthā abhāsi –
๗๒.
72.
‘‘น วาหเมตํ ชานามิ, โก วายํ กสฺส วาติ วา;
‘‘Na vāhametaṃ jānāmi, ko vāyaṃ kassa vāti vā;
ยถา สาโข วทิ เอว, นิโคฺรธ กินฺติ มญฺญสิฯ
Yathā sākho vadi eva, nigrodha kinti maññasi.
๗๓.
73.
‘‘ตโต คลวินีเตน, ปุริสา นีหริํสุ มํ;
‘‘Tato galavinītena, purisā nīhariṃsu maṃ;
ทตฺวา มุขปหารานิ, สาขสฺส วจนํกราฯ
Datvā mukhapahārāni, sākhassa vacanaṃkarā.
๗๔.
74.
‘‘เอตาทิสํ ทุมฺมตินา, อกตญฺญุน ทุพฺภินา;
‘‘Etādisaṃ dummatinā, akataññuna dubbhinā;
กตํ อนริยํ สาเขน, สขินา เต ชนาธิปา’’ติฯ
Kataṃ anariyaṃ sākhena, sakhinā te janādhipā’’ti.
ตตฺถ กินฺติ มญฺญสีติ ยถา มํ สาโข อจริ, กิํ ตฺวมฺปิ เอวเมว มญฺญสิ, อุทาหุ อญฺญถา มญฺญสิ, มํ สาโข เอวํ วเทยฺยาติ สทฺทหสิ, ตํ น สทฺทหสีติ อธิปฺปาโยฯ คลวินีเตนาติ คลคฺคาเหนฯ ทุพฺภินาติ มิตฺตทุพฺภินาฯ
Tattha kinti maññasīti yathā maṃ sākho acari, kiṃ tvampi evameva maññasi, udāhu aññathā maññasi, maṃ sākho evaṃ vadeyyāti saddahasi, taṃ na saddahasīti adhippāyo. Galavinītenāti galaggāhena. Dubbhināti mittadubbhinā.
ตํ สุตฺวา นิโคฺรโธ จตโสฺส คาถา อภาสิ –
Taṃ sutvā nigrodho catasso gāthā abhāsi –
๗๕.
75.
‘‘น วาหเมตํ ชานามิ, นปิ เม โกจิ สํสติ;
‘‘Na vāhametaṃ jānāmi, napi me koci saṃsati;
ยํ เม ตฺวํ สมฺม อกฺขาสิ, สาเขน การณํ กตํฯ
Yaṃ me tvaṃ samma akkhāsi, sākhena kāraṇaṃ kataṃ.
๗๖.
76.
‘‘สขีนํ สาชีวกโร, มม สาขสฺส จูภยํ;
‘‘Sakhīnaṃ sājīvakaro, mama sākhassa cūbhayaṃ;
ตฺวํ โนสิสฺสริยํ ทาตา, มนุเสฺสสุ มหนฺตตํ;
Tvaṃ nosissariyaṃ dātā, manussesu mahantataṃ;
ตยามา ลพฺภิตา อิทฺธี, เอตฺถ เม นตฺถิ สํสโยฯ
Tayāmā labbhitā iddhī, ettha me natthi saṃsayo.
๗๗.
77.
‘‘ยถาปิ พีชมคฺคิมฺหิ, ฑยฺหติ น วิรูหติ;
‘‘Yathāpi bījamaggimhi, ḍayhati na virūhati;
เอวํ กตํ อสปฺปุริเส, นสฺสติ น วิรูหติฯ
Evaṃ kataṃ asappurise, nassati na virūhati.
๗๘.
78.
‘‘กตญฺญุมฺหิ จ โปสมฺหิ, สีลวเนฺต อริยวุตฺติเน;
‘‘Kataññumhi ca posamhi, sīlavante ariyavuttine;
สุเขเตฺต วิย พีชานิ, กตํ ตมฺหิ น นสฺสตี’’ติฯ
Sukhette viya bījāni, kataṃ tamhi na nassatī’’ti.
ตตฺถ สํสตีติ อาจิกฺขติฯ การณํ กตนฺติ อากฑฺฒนวิกฑฺฒนโปถนโกฎฺฎนสงฺขาตํ การณํ กตนฺติ อโตฺถฯ สขีนํ สาชีวกโรติ สมฺม, โปตฺติก ตฺวํ สหายกานํ สุอาชีวกโร ชีวิกาย อุปฺปาเทตาฯ มม สาขสฺส จูภยนฺติ มยฺหญฺจ สาขสฺส จ อุภินฺนมฺปิ สขีนนฺติ อโตฺถฯ ตฺวํ โนสิสฺสริยนฺติ ตฺวํ โน อสิ อิสฺสริยํ ทาตา, ตว สนฺติกา อิมา สมฺปตฺตี อเมฺหหิ ลทฺธาฯ มหนฺตตนฺติ มหนฺตภาวํฯ
Tattha saṃsatīti ācikkhati. Kāraṇaṃ katanti ākaḍḍhanavikaḍḍhanapothanakoṭṭanasaṅkhātaṃ kāraṇaṃ katanti attho. Sakhīnaṃ sājīvakaroti samma, pottika tvaṃ sahāyakānaṃ suājīvakaro jīvikāya uppādetā. Mama sākhassa cūbhayanti mayhañca sākhassa ca ubhinnampi sakhīnanti attho. Tvaṃ nosissariyanti tvaṃ no asi issariyaṃ dātā, tava santikā imā sampattī amhehi laddhā. Mahantatanti mahantabhāvaṃ.
เอวญฺจ ปน วตฺวา เอตฺตกํ กเถเนฺต นิโคฺรเธ สาโข ตเตฺถว อฎฺฐาสิฯ อถ นํ ราชา ‘‘สาข อิมํ โปตฺติกํ สญฺชานาสี’’ติ ปุจฺฉิฯ โส ตุณฺหี อโหสิฯ อถสฺส ราชา ทณฺฑํ อาณาเปโนฺต อฎฺฐมํ คาถมาห –
Evañca pana vatvā ettakaṃ kathente nigrodhe sākho tattheva aṭṭhāsi. Atha naṃ rājā ‘‘sākha imaṃ pottikaṃ sañjānāsī’’ti pucchi. So tuṇhī ahosi. Athassa rājā daṇḍaṃ āṇāpento aṭṭhamaṃ gāthamāha –
๗๙.
79.
‘‘อิมํ ชมฺมํ เนกติกํ, อสปฺปุริสจินฺตกํ;
‘‘Imaṃ jammaṃ nekatikaṃ, asappurisacintakaṃ;
หนนฺตุ สาขํ สตฺตีหิ, นาสฺส อิจฺฉามิ ชีวิต’’นฺติฯ
Hanantu sākhaṃ sattīhi, nāssa icchāmi jīvita’’nti.
ตตฺถ ชมฺมนฺติ ลามกํฯ เนกติกนฺติ วญฺจกํฯ
Tattha jammanti lāmakaṃ. Nekatikanti vañcakaṃ.
ตํ สุตฺวา โปตฺติโก ‘‘มา เอส พาโล มํ นิสฺสาย นสฺสตู’’ติ จิเนฺตตฺวา นวมํ คาถมาห –
Taṃ sutvā pottiko ‘‘mā esa bālo maṃ nissāya nassatū’’ti cintetvā navamaṃ gāthamāha –
๘๐.
80.
‘‘ขมตสฺส มหาราช, ปาณา น ปฎิอานยา;
‘‘Khamatassa mahārāja, pāṇā na paṭiānayā;
ขม เทว อสปฺปุริสสฺส, นาสฺส อิจฺฉามหํ วธ’’นฺติฯ
Khama deva asappurisassa, nāssa icchāmahaṃ vadha’’nti.
ตตฺถ ขมตสฺสาติ ขมตํ อสฺส, เอตสฺส อสปฺปุริสสฺส ขมถาติ อโตฺถฯ น ปฎิอานยาติ มตสฺส นาม ปาณา ปฎิอาเนตุํ น สกฺกาฯ
Tattha khamatassāti khamataṃ assa, etassa asappurisassa khamathāti attho. Na paṭiānayāti matassa nāma pāṇā paṭiānetuṃ na sakkā.
ราชา ตสฺส วจนํ สุตฺวา สาขสฺส ขมิ, เสนาปติฎฺฐานมฺปิ โปตฺติกเสฺสว ทาตุกาโม อโหสิ , โส ปน น อิจฺฉิฯ อถสฺส สพฺพเสนานีนํ วิจารณารหํ ภณฺฑาคาริกฎฺฐานํ นาม อทาสิฯ ปุเพฺพ กิเรตํ ฐานนฺตรํ นาโหสิ, ตโต ปฎฺฐาย ชาตํฯ อปรภาเค โปตฺติโก ภณฺฑาคาริโก ปุตฺตธีตาหิ วฑฺฒมาโน อตฺตโน ปุตฺตธีตานํ โอวาทวเสน โอสานคาถมาห –
Rājā tassa vacanaṃ sutvā sākhassa khami, senāpatiṭṭhānampi pottikasseva dātukāmo ahosi , so pana na icchi. Athassa sabbasenānīnaṃ vicāraṇārahaṃ bhaṇḍāgārikaṭṭhānaṃ nāma adāsi. Pubbe kiretaṃ ṭhānantaraṃ nāhosi, tato paṭṭhāya jātaṃ. Aparabhāge pottiko bhaṇḍāgāriko puttadhītāhi vaḍḍhamāno attano puttadhītānaṃ ovādavasena osānagāthamāha –
๘๑.
81.
‘‘นิโคฺรธเมว เสเวยฺย, น สาขมุปสํวเส;
‘‘Nigrodhameva seveyya, na sākhamupasaṃvase;
นิโคฺรธสฺมิํ มตํ เสโยฺย, ยเญฺจ สาขสฺมิ ชีวิต’’นฺติฯ
Nigrodhasmiṃ mataṃ seyyo, yañce sākhasmi jīvita’’nti.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ‘‘เอวํ, ภิกฺขเว, เทวทโตฺต ปุเพฺพปิ อกตญฺญูเยวา’’ติ วตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา สาโข เทวทโตฺต อโหสิ, โปตฺติโก อานโนฺท, นิโคฺรโธ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ
Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā ‘‘evaṃ, bhikkhave, devadatto pubbepi akataññūyevā’’ti vatvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā sākho devadatto ahosi, pottiko ānando, nigrodho pana ahameva ahosi’’nti.
นิโคฺรธชาตกวณฺณนา สตฺตมาฯ
Nigrodhajātakavaṇṇanā sattamā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๔๔๕. นิโคฺรธชาตกํ • 445. Nigrodhajātakaṃ