Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สุตฺตนิปาต-อฎฺฐกถา • Suttanipāta-aṭṭhakathā |
๑๒. นิโคฺรธกปฺปสุตฺต-(วงฺคีสสุตฺต)-วณฺณนา
12. Nigrodhakappasutta-(vaṅgīsasutta)-vaṇṇanā
เอวํ เม สุตนฺติ นิโคฺรธกปฺปสุตฺตํ, ‘‘วงฺคีสสุตฺต’’นฺติปิ วุจฺจติฯ กา อุปฺปตฺติ? อยเมว ยาสฺส นิทาเน วุตฺตาฯ ตตฺถ เอวํ เมติอาทีนิ วุตฺตตฺถาเนว, ยโต ตานิ อญฺญานิ จ ตถาวิธานิ ฉเฑฺฑตฺวา อวุตฺตนยเมว วณฺณยิสฺสามฯ อคฺคาฬเว เจติเยติ อาฬวิยํ อคฺคเจติเยฯ อนุปฺปเนฺน หิ ภควติ อคฺคาฬวโคตมกาทีนิ อเนกานิ เจติยานิ อเหสุํ ยกฺขนาคาทีนํ ภวนานิฯ ตานิ อุปฺปเนฺน ภควติ มนุสฺสา วินาเสตฺวา วิหาเร อกํสุ, เตเนว จ นาเมน โวหริํสุฯ ตโต อคฺคาฬวเจติยสงฺขาเต วิหาเร วิหรตีติ วุตฺตํ โหติฯ อายสฺมโต วงฺคีสสฺสาติ เอตฺถ อายสฺมาติ ปิยวจนํ, วงฺคีโสติ ตสฺส เถรสฺส นามํฯ โส ชาติโต ปภุติ เอวํ เวทิตโพฺพ – โส กิร ปริพฺพาชกสฺส ปุโตฺต ปริพฺพาชิกาย กุจฺฉิมฺหิ ชาโต อญฺญตรํ วิชฺชํ ชานาติ, ยสฺสานุภาเวน ฉวสีสํ อาโกเฎตฺวา สตฺตานํ คติํ ชานาติฯ มนุสฺสาปิ สุทํ อตฺตโน ญาตีนํ กาลกตานํ สุสานโต สีสานิ อาเนตฺวา ตํ เตสํ คติํ ปุจฺฉนฺติฯ โส ‘‘อสุกนิรเย นิพฺพโตฺต, อสุกมนุสฺสโลเก’’ติ วทติฯ เต เตน วิมฺหิตา ตสฺส พหุํ ธนํ เทนฺติฯ เอวํ โส สกลชมฺพุทีเป ปากโฎ อโหสิฯ
Evaṃme sutanti nigrodhakappasuttaṃ, ‘‘vaṅgīsasutta’’ntipi vuccati. Kā uppatti? Ayameva yāssa nidāne vuttā. Tattha evaṃ metiādīni vuttatthāneva, yato tāni aññāni ca tathāvidhāni chaḍḍetvā avuttanayameva vaṇṇayissāma. Aggāḷave cetiyeti āḷaviyaṃ aggacetiye. Anuppanne hi bhagavati aggāḷavagotamakādīni anekāni cetiyāni ahesuṃ yakkhanāgādīnaṃ bhavanāni. Tāni uppanne bhagavati manussā vināsetvā vihāre akaṃsu, teneva ca nāmena vohariṃsu. Tato aggāḷavacetiyasaṅkhāte vihāre viharatīti vuttaṃ hoti. Āyasmato vaṅgīsassāti ettha āyasmāti piyavacanaṃ, vaṅgīsoti tassa therassa nāmaṃ. So jātito pabhuti evaṃ veditabbo – so kira paribbājakassa putto paribbājikāya kucchimhi jāto aññataraṃ vijjaṃ jānāti, yassānubhāvena chavasīsaṃ ākoṭetvā sattānaṃ gatiṃ jānāti. Manussāpi sudaṃ attano ñātīnaṃ kālakatānaṃ susānato sīsāni ānetvā taṃ tesaṃ gatiṃ pucchanti. So ‘‘asukaniraye nibbatto, asukamanussaloke’’ti vadati. Te tena vimhitā tassa bahuṃ dhanaṃ denti. Evaṃ so sakalajambudīpe pākaṭo ahosi.
โส สตสหสฺสกปฺปํ ปูริตปารมี อภินีหารสมฺปโนฺน ปญฺจหิ ปุริสสหเสฺสหิ ปริวุโต คามนิคมชนปทราชธานีสุ วิจรโนฺต สาวตฺถิํ อนุปฺปโตฺตฯ เตน จ สมเยน ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ, สาวตฺถิวาสิโน ปุเรภตฺตํ ทานํ ทตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ สุนิวตฺถา สุปารุตา ปุปฺผคนฺธาทีนิ คเหตฺวา ธมฺมสฺสวนตฺถาย เชตวนํ คจฺฉนฺติฯ โส เต ทิสฺวา ‘‘มหาชนกาโย กุหิํ คจฺฉตี’’ติ ปุจฺฉิฯ อถสฺส เต อาจิกฺขิํสุ – ‘‘พุโทฺธ โลเก อุปฺปโนฺน, โส พหุชนหิตาย ธมฺมํ เทเสติ, ตตฺถ คจฺฉามา’’ติฯ โสปิ เตหิ สทฺธิํ สปริวาโร คนฺตฺวา ภควตา สทฺธิํ สโมฺมทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ อถ นํ ภควา อามเนฺตสิ – ‘‘กิํ, วงฺคีส, ชานาสิ กิร ตาทิสํ วิชฺชํ, ยาย สตฺตานํ ฉวสีสานิ อาโกเฎตฺวา คติํ ปเวเทสี’’ติ? ‘‘เอวํ, โภ โคตม, ชานามี’’ติฯ ภควา นิรเย นิพฺพตฺตสฺส สีสํ อาหราเปตฺวา ทเสฺสสิ, โส นเขน อาโกเฎตฺวา ‘‘นิรเย นิพฺพตฺตสฺส สีสํ โภ โคตมา’’ติ อาหฯ เอวํ สพฺพคตินิพฺพตฺตานํ สีสานิ ทเสฺสสิ, โสปิ ตเถว ญตฺวา อาโรเจสิฯ อถสฺส ภควา ขีณาสวสีสํ ทเสฺสสิ, โส ปุนปฺปุนํ อาโกเฎตฺวา น อญฺญาสิฯ ตโต ภควา ‘‘อวิสโย เต เอตฺถ วงฺคีส, มเมเวโส วิสโย, ขีณาสวสีส’’นฺติ วตฺวา อิมํ คาถมภาสิ –
So satasahassakappaṃ pūritapāramī abhinīhārasampanno pañcahi purisasahassehi parivuto gāmanigamajanapadarājadhānīsu vicaranto sāvatthiṃ anuppatto. Tena ca samayena bhagavā sāvatthiyaṃ viharati, sāvatthivāsino purebhattaṃ dānaṃ datvā pacchābhattaṃ sunivatthā supārutā pupphagandhādīni gahetvā dhammassavanatthāya jetavanaṃ gacchanti. So te disvā ‘‘mahājanakāyo kuhiṃ gacchatī’’ti pucchi. Athassa te ācikkhiṃsu – ‘‘buddho loke uppanno, so bahujanahitāya dhammaṃ deseti, tattha gacchāmā’’ti. Sopi tehi saddhiṃ saparivāro gantvā bhagavatā saddhiṃ sammoditvā ekamantaṃ nisīdi. Atha naṃ bhagavā āmantesi – ‘‘kiṃ, vaṅgīsa, jānāsi kira tādisaṃ vijjaṃ, yāya sattānaṃ chavasīsāni ākoṭetvā gatiṃ pavedesī’’ti? ‘‘Evaṃ, bho gotama, jānāmī’’ti. Bhagavā niraye nibbattassa sīsaṃ āharāpetvā dassesi, so nakhena ākoṭetvā ‘‘niraye nibbattassa sīsaṃ bho gotamā’’ti āha. Evaṃ sabbagatinibbattānaṃ sīsāni dassesi, sopi tatheva ñatvā ārocesi. Athassa bhagavā khīṇāsavasīsaṃ dassesi, so punappunaṃ ākoṭetvā na aññāsi. Tato bhagavā ‘‘avisayo te ettha vaṅgīsa, mameveso visayo, khīṇāsavasīsa’’nti vatvā imaṃ gāthamabhāsi –
‘‘คตี มิคานํ ปวนํ, อากาโส ปกฺขินํ คติ;
‘‘Gatī migānaṃ pavanaṃ, ākāso pakkhinaṃ gati;
วิภโว คติ ธมฺมานํ, นิพฺพานํ อรหโต คตี’’ติฯ (ปริ. ๓๓๙);
Vibhavo gati dhammānaṃ, nibbānaṃ arahato gatī’’ti. (pari. 339);
วงฺคีโส คาถํ สุตฺวา ‘‘อิมํ เม, โภ โคตม, วิชฺชํ เทหี’’ติ อาหฯ ภควา ‘‘นายํ วิชฺชา อปพฺพชิตานํ สมฺปชฺชตี’’ติ อาหฯ โส ‘‘ปพฺพาเชตฺวา วา มํ, โภ โคตม, ยํ วา อิจฺฉสิ, ตํ กตฺวา อิมํ วิชฺชํ เทหี’’ติ อาหฯ ตทา จ ภควโต นิโคฺรธกปฺปเตฺถโร สมีเป โหติ, ตํ ภควา อาณาเปสิ – ‘‘เตน หิ, นิโคฺรธกปฺป, อิมํ ปพฺพาเชหี’’ติฯ โส ตํ ปพฺพาเชตฺวา ตจปญฺจกกมฺมฎฺฐานํ อาจิกฺขิฯ วงฺคีโส อนุปุเพฺพน ปฎิสมฺภิทาปฺปโตฺต อรหา อโหสิฯ เอตทเคฺค จ ภควตา นิทฺทิโฎฺฐ ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ ปฎิภานวนฺตานํ ยทิทํ วงฺคีโส’’ติ (อ. นิ. ๑.๒๑๒)ฯ
Vaṅgīso gāthaṃ sutvā ‘‘imaṃ me, bho gotama, vijjaṃ dehī’’ti āha. Bhagavā ‘‘nāyaṃ vijjā apabbajitānaṃ sampajjatī’’ti āha. So ‘‘pabbājetvā vā maṃ, bho gotama, yaṃ vā icchasi, taṃ katvā imaṃ vijjaṃ dehī’’ti āha. Tadā ca bhagavato nigrodhakappatthero samīpe hoti, taṃ bhagavā āṇāpesi – ‘‘tena hi, nigrodhakappa, imaṃ pabbājehī’’ti. So taṃ pabbājetvā tacapañcakakammaṭṭhānaṃ ācikkhi. Vaṅgīso anupubbena paṭisambhidāppatto arahā ahosi. Etadagge ca bhagavatā niddiṭṭho ‘‘etadaggaṃ, bhikkhave, mama sāvakānaṃ bhikkhūnaṃ paṭibhānavantānaṃ yadidaṃ vaṅgīso’’ti (a. ni. 1.212).
เอวํ สมุทาคตสฺส อายสฺมโต วงฺคีสสฺส อุปชฺฌาโย วชฺชาวชฺชาทิอุปนิชฺฌายเนน เอวํ ลทฺธโวหาโร นิโคฺรธกโปฺป นาม เถโรฯ กโปฺปติ ตสฺส เถรสฺส นามํ, นิโคฺรธมูเล ปน อรหตฺตํ อธิคตตฺตา ‘‘นิโคฺรธกโปฺป’’ติ ภควตา วุโตฺตฯ ตโต นํ ภิกฺขูปิ เอวํ โวหรนฺติฯ สาสเน ถิรภาวํ ปโตฺตติ เถโรฯ อคฺคาฬเว เจติเย อจิรปรินิพฺพุโต โหตีติ ตสฺมิํ เจติเย อจิรปรินิพฺพุโต โหติฯ รโหคตสฺส ปฎิสลฺลีนสฺสาติ คณมฺหา วูปกฎฺฐตฺตา รโหคตสฺส กาเยน, ปฎิสลฺลีนสฺส จิเตฺตน เตหิ เตหิ วิสเยหิ ปฎินิวตฺติตฺวา สลฺลีนสฺสฯ เอวํ เจตโส ปริวิตโกฺก อุทปาทีติ อิมินา อากาเรน วิตโกฺก อุปฺปชฺชิฯ กสฺมา ปน อุทปาทีติฯ อสมฺมุขตฺตา ทิฎฺฐาเสวนตฺตา จฯ อยญฺหิ ตสฺส ปรินิพฺพานกาเล น สมฺมุขา อโหสิ, ทิฎฺฐปุพฺพญฺจาเนน อสฺส หตฺถกุกฺกุจฺจาทิปุพฺพาเสวนํ, ตาทิสญฺจ อขีณาสวานมฺปิ โหติ ขีณาสวานมฺปิ ปุพฺพปริจเยนฯ
Evaṃ samudāgatassa āyasmato vaṅgīsassa upajjhāyo vajjāvajjādiupanijjhāyanena evaṃ laddhavohāro nigrodhakappo nāma thero. Kappoti tassa therassa nāmaṃ, nigrodhamūle pana arahattaṃ adhigatattā ‘‘nigrodhakappo’’ti bhagavatā vutto. Tato naṃ bhikkhūpi evaṃ voharanti. Sāsane thirabhāvaṃ pattoti thero. Aggāḷave cetiye aciraparinibbuto hotīti tasmiṃ cetiye aciraparinibbuto hoti. Rahogatassa paṭisallīnassāti gaṇamhā vūpakaṭṭhattā rahogatassa kāyena, paṭisallīnassa cittena tehi tehi visayehi paṭinivattitvā sallīnassa. Evaṃ cetaso parivitakko udapādīti iminā ākārena vitakko uppajji. Kasmā pana udapādīti. Asammukhattā diṭṭhāsevanattā ca. Ayañhi tassa parinibbānakāle na sammukhā ahosi, diṭṭhapubbañcānena assa hatthakukkuccādipubbāsevanaṃ, tādisañca akhīṇāsavānampi hoti khīṇāsavānampi pubbaparicayena.
ตถา หิ ปิโณฺฑลภารทฺวาโช ปจฺฉาภตฺตํ ทิวาวิหารตฺถาย อุเทนสฺส อุยฺยานเมว คจฺฉติ ปุเพฺพ ราชา หุตฺวา ตตฺถ ปริจาเรสีติ อิมินา ปุพฺพปริจเยน, ควมฺปติเตฺถโร ตาวติํสภวเน สุญฺญํ เทววิมานํ คจฺฉติ เทวปุโตฺต หุตฺวา ตตฺถ ปริจาเรสีติ อิมินา ปุพฺพปริจเยนฯ ปิลินฺทวโจฺฉ ภิกฺขู วสลวาเทน สมุทาจรติ อโพฺพกิณฺณานิ ปญฺจ ชาติสตานิ พฺราหฺมโณ หุตฺวา ตถา อภาสีติ อิมินา ปุพฺพปริจเยนฯ ตสฺมา อสมฺมุขตฺตา ทิฎฺฐาเสวนตฺตา จสฺส เอวํ เจตโส ปริวิตโกฺก อุทปาทิ ‘‘ปรินิพฺพุโต นุ โข เม อุปชฺฌาโย, อุทาหุ โน ปรินิพฺพุโต’’ติฯ ตโต ปรํ อุตฺตานตฺถเมวฯ เอกํสํ จีวรํ กตฺวาติ เอตฺถ ปน ปุน สณฺฐาปเนน เอวํ วุตฺตํฯ เอกํสนฺติ จ วามํสํ ปารุปิตฺวา ฐิตเสฺสตํ อธิวจนํฯ ยโต ยถา วามํสํ ปารุปิตฺวา ฐิตํ โหติ, ตถา จีวรํ กตฺวาติ เอวมสฺสโตฺถ เวทิตโพฺพฯ เสสํ ปากฎเมวฯ
Tathā hi piṇḍolabhāradvājo pacchābhattaṃ divāvihāratthāya udenassa uyyānameva gacchati pubbe rājā hutvā tattha paricāresīti iminā pubbaparicayena, gavampatitthero tāvatiṃsabhavane suññaṃ devavimānaṃ gacchati devaputto hutvā tattha paricāresīti iminā pubbaparicayena. Pilindavaccho bhikkhū vasalavādena samudācarati abbokiṇṇāni pañca jātisatāni brāhmaṇo hutvā tathā abhāsīti iminā pubbaparicayena. Tasmā asammukhattā diṭṭhāsevanattā cassa evaṃ cetaso parivitakko udapādi ‘‘parinibbuto nu kho me upajjhāyo, udāhu no parinibbuto’’ti. Tato paraṃ uttānatthameva. Ekaṃsaṃ cīvaraṃ katvāti ettha pana puna saṇṭhāpanena evaṃ vuttaṃ. Ekaṃsanti ca vāmaṃsaṃ pārupitvā ṭhitassetaṃ adhivacanaṃ. Yato yathā vāmaṃsaṃ pārupitvā ṭhitaṃ hoti, tathā cīvaraṃ katvāti evamassattho veditabbo. Sesaṃ pākaṭameva.
๓๔๖. อโนมปญฺญนฺติ โอมํ วุจฺจติ ปริตฺตํ ลามกํ, น โอมปญฺญํ, อโนมปญฺญํ, มหาปญฺญนฺติ อโตฺถฯ ทิเฎฺฐว ธเมฺมติ ปจฺจกฺขเมว, อิมสฺมิํเยว อตฺตภาเวติ วา อโตฺถฯ วิจิกิจฺฉานนฺติ เอวรูปานํ ปริวิตกฺกานํฯ ญาโตติ ปากโฎฯ ยสสฺสีติ ลาภปริวารสมฺปโนฺน อภินิพฺพุตโตฺตติ คุตฺตจิโตฺต อปริฑยฺหมานจิโตฺต วาฯ
346.Anomapaññanti omaṃ vuccati parittaṃ lāmakaṃ, na omapaññaṃ, anomapaññaṃ, mahāpaññanti attho. Diṭṭheva dhammeti paccakkhameva, imasmiṃyeva attabhāveti vā attho. Vicikicchānanti evarūpānaṃ parivitakkānaṃ. Ñātoti pākaṭo. Yasassīti lābhaparivārasampanno abhinibbutattoti guttacitto apariḍayhamānacitto vā.
๓๔๗. ตยา กตนฺติ นิโคฺรธมูเล นิสินฺนตฺตา ‘‘นิโคฺรธกโปฺป’’ติ วทตา ตยา กตนฺติ ยถา อตฺตนา อุปลเกฺขติ, ตถา ภณติฯ ภควา ปน น นิสินฺนตฺตา เอว ตํ ตถา อาลปิ, อปิจ โข ตตฺถ อรหตฺตํ ปตฺตตฺตาฯ พฺราหฺมณสฺสาติ ชาติํ สนฺธาย ภณติฯ โส กิร พฺราหฺมณมหาสาลกุลา ปพฺพชิโตฯ นมสฺสํ อจรีติ นมสฺสมาโน วิหาสิฯ มุตฺยเปโกฺขติ นิพฺพานสงฺขาตํ วิมุตฺติํ อเปกฺขมาโน, นิพฺพานํ ปเตฺถโนฺตติ วุตฺตํ โหติฯ ทฬฺหธมฺมทสฺสีติ ภควนฺตํ อาลปติฯ ทฬฺหธโมฺม หิ นิพฺพานํ อภิชฺชนเฎฺฐน, ตญฺจ ภควา ทเสฺสติฯ ตสฺมา ตํ ‘‘ทฬฺหธมฺมทสฺสี’’ติ อาหฯ
347.Tayā katanti nigrodhamūle nisinnattā ‘‘nigrodhakappo’’ti vadatā tayā katanti yathā attanā upalakkheti, tathā bhaṇati. Bhagavā pana na nisinnattā eva taṃ tathā ālapi, apica kho tattha arahattaṃ pattattā. Brāhmaṇassāti jātiṃ sandhāya bhaṇati. So kira brāhmaṇamahāsālakulā pabbajito. Namassaṃ acarīti namassamāno vihāsi. Mutyapekkhoti nibbānasaṅkhātaṃ vimuttiṃ apekkhamāno, nibbānaṃ patthentoti vuttaṃ hoti. Daḷhadhammadassīti bhagavantaṃ ālapati. Daḷhadhammo hi nibbānaṃ abhijjanaṭṭhena, tañca bhagavā dasseti. Tasmā taṃ ‘‘daḷhadhammadassī’’ti āha.
๓๔๘. สกฺยาติปิ ภควนฺตเมว กุลนาเมน อาลปติฯ มยมฺปิ สเพฺพติ นิรวเสสปริสํ สงฺคณฺหิตฺวา อตฺตานํ ทเสฺสโนฺต ภณติฯ สมนฺตจกฺขูติปิ ภควนฺตเมว สพฺพญฺญุตญฺญาเณน อาลปติฯ สมวฎฺฐิตาติ สมฺมา อวฎฺฐิตา อาโภคํ กตฺวา ฐิตาฯ โนติ อมฺหากํฯ สวนายาติ อิมสฺส ปญฺหสฺส เวยฺยากรณสฺสวนตฺถายฯ โสตาติ โสตินฺทฺริยานิฯ ตุวํ โน สตฺถา ตฺวมนุตฺตโรสีติ ถุติวจนมตฺตเมเวตํฯ
348.Sakyātipi bhagavantameva kulanāmena ālapati. Mayampi sabbeti niravasesaparisaṃ saṅgaṇhitvā attānaṃ dassento bhaṇati. Samantacakkhūtipi bhagavantameva sabbaññutaññāṇena ālapati. Samavaṭṭhitāti sammā avaṭṭhitā ābhogaṃ katvā ṭhitā. Noti amhākaṃ. Savanāyāti imassa pañhassa veyyākaraṇassavanatthāya. Sotāti sotindriyāni. Tuvaṃ no satthā tvamanuttarosīti thutivacanamattamevetaṃ.
๓๔๙. ฉิเนฺทว โน วิจิกิจฺฉนฺติ อกุสลวิจิกิจฺฉาย นิพฺพิจิกิโจฺฉ โส, วิจิกิจฺฉาปติรูปกํ ปน ตํ ปริวิตกฺกํ สนฺธาเยวมาหฯ พฺรูหิ เมตนฺติ พฺรูหิ เม เอตํ, ยํ มยา ยาจิโตสิ ‘‘ตํ สาวกํ สกฺย, มยมฺปิ สเพฺพ อญฺญาตุมิจฺฉามา’’ติ, พฺรูวโนฺต จ ตํ พฺราหฺมณํ ปรินิพฺพุตํ เวทย ภูริปญฺญ มเชฺฌว โน ภาส, ปรินิพฺพุตํ ญตฺวา มหาปญฺญํ ภควา มเชฺฌว อมฺหากํ สเพฺพสํ ภาส, ยถา สเพฺพว มยํ ชาเนยฺยามฯ สโกฺกว เทวาน สหสฺสเนโตฺตติ อิทํ ปน ถุติวจนเมวฯ อปิจสฺส อยํ อธิปฺปาโย – ยถา สโกฺก สหสฺสเนโตฺต เทวานํ มเชฺฌ เตหิ สกฺกจฺจํ สมฺปฎิจฺฉิตวจโน ภาสติ, เอวํ อมฺหากํ มเชฺฌ อเมฺหหิ สมฺปฎิจฺฉิตวจโน ภาสาติฯ
349.Chindevano vicikicchanti akusalavicikicchāya nibbicikiccho so, vicikicchāpatirūpakaṃ pana taṃ parivitakkaṃ sandhāyevamāha. Brūhi metanti brūhi me etaṃ, yaṃ mayā yācitosi ‘‘taṃ sāvakaṃ sakya, mayampi sabbe aññātumicchāmā’’ti, brūvanto ca taṃ brāhmaṇaṃ parinibbutaṃ vedaya bhūripañña majjheva no bhāsa, parinibbutaṃ ñatvā mahāpaññaṃ bhagavā majjheva amhākaṃ sabbesaṃ bhāsa, yathā sabbeva mayaṃ jāneyyāma. Sakkova devāna sahassanettoti idaṃ pana thutivacanameva. Apicassa ayaṃ adhippāyo – yathā sakko sahassanetto devānaṃ majjhe tehi sakkaccaṃ sampaṭicchitavacano bhāsati, evaṃ amhākaṃ majjhe amhehi sampaṭicchitavacano bhāsāti.
๓๕๐. เย เกจีติ อิมมฺปิ คาถํ ภควนฺตํ ถุนโนฺตเยว วตฺตุกามตํ ชเนตุํ ภณติฯ ตสฺสโตฺถ เย เกจิ อภิชฺฌาทโย คนฺถา เตสํ อปฺปหาเน โมหวิจิกิจฺฉานํ ปหานาภาวโต ‘‘โมหมคฺคา’’ติ จ ‘‘อญฺญาณปกฺขา’’ติ จ ‘‘วิจิกิจฺฉฎฺฐานา’’ติ จ วุจฺจนฺติฯ สเพฺพ เต ตถาคตํ ปตฺวา ตถาคตสฺส เทสนาพเลน วิทฺธํสิตา น ภวนฺติ นสฺสนฺติฯ กิํ การณํ? จกฺขุญฺหิ เอตํ ปรมํ นรานํ, ยสฺมา ตถาคโต สพฺพคนฺถวิธมนปญฺญาจกฺขุชนนโต นรานํ ปรมํ จกฺขุนฺติ วุตฺตํ โหติฯ
350.Ye kecīti imampi gāthaṃ bhagavantaṃ thunantoyeva vattukāmataṃ janetuṃ bhaṇati. Tassattho ye keci abhijjhādayo ganthā tesaṃ appahāne mohavicikicchānaṃ pahānābhāvato ‘‘mohamaggā’’ti ca ‘‘aññāṇapakkhā’’ti ca ‘‘vicikicchaṭṭhānā’’ti ca vuccanti. Sabbe te tathāgataṃ patvā tathāgatassa desanābalena viddhaṃsitā na bhavanti nassanti. Kiṃ kāraṇaṃ? Cakkhuñhi etaṃ paramaṃ narānaṃ, yasmā tathāgato sabbaganthavidhamanapaññācakkhujananato narānaṃ paramaṃ cakkhunti vuttaṃ hoti.
๓๕๑. โน เจ หิ ชาตูติ อิมมฺปิ คาถํ ถุนโนฺตเยว วตฺตุกามตํ ชเนโนฺตว ภณติฯ ตตฺถ ชาตูติ เอกํสวจนํฯ ปุริโสติ ภควนฺตํ สนฺธายาหฯ โชติมโนฺตติ ปญฺญาโชติสมนฺนาคตา สาริปุตฺตาทโยฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยทิ ภควา ยถา ปุรตฺถิมาทิเภโท วาโต อพฺภฆนํ วิหนติ, เอวํ เทสนาเวเคน กิเลเส น วิหเนยฺย ฯ ตถา ยถา อพฺภฆเนน นิวุโต โลโก ตโมว โหติ เอกนฺธกาโร, เอวํ อญฺญาณนิวุโตปิ ตโมวสฺสฯ เยปิ อิเม ทานิ โชติมโนฺต ขายนฺติ สาริปุตฺตาทโย, เตปิ นรา น ตเปยฺยุนฺติฯ
351.No ce hi jātūti imampi gāthaṃ thunantoyeva vattukāmataṃ janentova bhaṇati. Tattha jātūti ekaṃsavacanaṃ. Purisoti bhagavantaṃ sandhāyāha. Jotimantoti paññājotisamannāgatā sāriputtādayo. Idaṃ vuttaṃ hoti – yadi bhagavā yathā puratthimādibhedo vāto abbhaghanaṃ vihanati, evaṃ desanāvegena kilese na vihaneyya . Tathā yathā abbhaghanena nivuto loko tamova hoti ekandhakāro, evaṃ aññāṇanivutopi tamovassa. Yepi ime dāni jotimanto khāyanti sāriputtādayo, tepi narā na tapeyyunti.
๓๕๒. ธีรา จาติ อิมมฺปิ คาถํ ปุริมนเยเนว ภณติฯ ตสฺสโตฺถ ธีรา จ ปณฺฑิตา ปุริสา ปโชฺชตกรา ภวนฺติ, ปญฺญาปโชฺชตํ อุปฺปาเทนฺติฯ ตสฺมา อหํ ตํ วีร ปธานวีริยสมนฺนาคโต ภควา ตเถว มเญฺญ ธีโรติ จ ปโชฺชตกโรเตฺวว จ มญฺญามิฯ มยญฺหิ วิปสฺสินํ สพฺพธเมฺม ยถาภูตํ ปสฺสนฺตํ ภควนฺตํ ชานนฺตา เอว อุปาคมุมฺหา, ตสฺมา ปริสาสุ โน อาวิกโรหิ กปฺปํ, นิโคฺรธกปฺปํ อาจิกฺข ปกาเสหีติฯ
352.Dhīrā cāti imampi gāthaṃ purimanayeneva bhaṇati. Tassattho dhīrā ca paṇḍitā purisā pajjotakarā bhavanti, paññāpajjotaṃ uppādenti. Tasmā ahaṃ taṃ vīra padhānavīriyasamannāgato bhagavā tatheva maññe dhīroti ca pajjotakarotveva ca maññāmi. Mayañhi vipassinaṃ sabbadhamme yathābhūtaṃ passantaṃ bhagavantaṃ jānantā eva upāgamumhā, tasmā parisāsu no āvikarohi kappaṃ, nigrodhakappaṃ ācikkha pakāsehīti.
๓๕๓. ขิปฺปนฺติ อิมมฺปิ คาถํ ปุริมนเยเนว ภณติฯ ตสฺสโตฺถ ขิปฺปํ คิรํ เอรย ลหุํ อจิรายมาโน วจนํ ภาส, วคฺคุํ มโนรมํ ภควาฯ ยถา สุวณฺณหํโส โคจรปฎิกฺกโนฺต ชาตสฺสรวนสณฺฑํ ทิสฺวา คีวํ ปคฺคยฺห อุจฺจาเรตฺวา รตฺตตุเณฺฑน สณิกํ อตรมาโน วคฺคุํ คิรํ นิกูชติ นิจฺฉาเรติ, เอวเมว ตฺวมฺปิ สณิกํ นิกูช, อิมินา มหาปุริสลกฺขณญฺญตเรน พินฺทุสฺสเรน สุวิกปฺปิเตน สุฎฺฐุวิกปฺปิเตน อภิสงฺขเตนฯ เอเต มยํ สเพฺพว อุชุคตา อวิกฺขิตฺตมานสา หุตฺวา ตว นิกูชิตํ สุโณมาติฯ
353.Khippanti imampi gāthaṃ purimanayeneva bhaṇati. Tassattho khippaṃ giraṃ eraya lahuṃ acirāyamāno vacanaṃ bhāsa, vagguṃ manoramaṃ bhagavā. Yathā suvaṇṇahaṃso gocarapaṭikkanto jātassaravanasaṇḍaṃ disvā gīvaṃ paggayha uccāretvā rattatuṇḍena saṇikaṃ ataramāno vagguṃ giraṃ nikūjati nicchāreti, evameva tvampi saṇikaṃ nikūja, iminā mahāpurisalakkhaṇaññatarena bindussarena suvikappitena suṭṭhuvikappitena abhisaṅkhatena. Ete mayaṃ sabbeva ujugatā avikkhittamānasā hutvā tava nikūjitaṃ suṇomāti.
๓๕๔. ปหีนชาติมรณนฺติ อิมมฺปิ คาถํ ปุริมนเยเนว ภณติฯ ตตฺถ น เสเสตีติ อเสโส, ตํ อเสสํฯ โสตาปนฺนาทโย วิย กิญฺจิ อเสเสตฺวา ปหีนชาติมรณนฺติ วุตฺตํ โหติฯ นิคฺคยฺหาติ สุฎฺฐุ ยาจิตฺวา นิพนฺธิตฺวาฯ โธนนฺติ ธุตสพฺพปาปํฯ วเทสฺสามีติ กถาเปสฺสามิ ธมฺมํฯ น กามกาโร หิ ปุถุชฺชนานนฺติ ปุถุชฺชนานเมว หิ กามกาโร นตฺถิ, ยํ ปเตฺถนฺติ ญาตุํ วา วตฺตุํ วา, ตํ น สโกฺกนฺติฯ สเงฺขยฺยกาโร จ ตถาคตานนฺติ ตถาคตานํ ปน วีมํสกาโร ปญฺญาปุพฺพงฺคมา กิริยาฯ เต ยํ ปเตฺถนฺติ ญาตุํ วา วตฺตุํ วา, ตํ สโกฺกนฺตีติ อธิปฺปาโยฯ
354.Pahīnajātimaraṇanti imampi gāthaṃ purimanayeneva bhaṇati. Tattha na sesetīti aseso, taṃ asesaṃ. Sotāpannādayo viya kiñci asesetvā pahīnajātimaraṇanti vuttaṃ hoti. Niggayhāti suṭṭhu yācitvā nibandhitvā. Dhonanti dhutasabbapāpaṃ. Vadessāmīti kathāpessāmi dhammaṃ. Na kāmakāro hi puthujjanānanti puthujjanānameva hi kāmakāro natthi, yaṃ patthenti ñātuṃ vā vattuṃ vā, taṃ na sakkonti. Saṅkheyyakāro ca tathāgatānanti tathāgatānaṃ pana vīmaṃsakāro paññāpubbaṅgamā kiriyā. Te yaṃ patthenti ñātuṃ vā vattuṃ vā, taṃ sakkontīti adhippāyo.
๓๕๕. อิทานิ ตํ สเงฺขยฺยการํ ปกาเสโนฺต ‘‘สมฺปนฺนเวยฺยากรณ’’นฺติ คาถมาหฯ ตสฺสโตฺถ – ตถา หิ ตว ภควา อิทํ สมุชฺชุปญฺญสฺส ตตฺถ ตตฺถ สมุคฺคหีตํ วุตฺตํ ปวตฺติตํ สมฺปนฺนเวยฺยากรณํ, ‘‘สนฺตติมหามโตฺต สตฺตตาลมตฺตํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา ปรินิพฺพายิสฺสติ, สุปฺปพุโทฺธ สโกฺก สตฺตเม ทิวเส ปถวิํ ปวิสิสฺสตี’’ติ เอวมาทีสุ อวิปรีตํ ทิฎฺฐํฯ ตโต ปน สุฎฺฐุตรํ อญฺชลิํ ปณาเมตฺวา อาห – อยมญฺชลี ปจฺฉิโม สุปฺปณามิโต, อยมปโรปิ อญฺชลี สุฎฺฐุตรํ ปณามิโตฯ มา โมหยีติ มา โน อกถเนน โมหยิ ชานํ ชานโนฺต กปฺปสฺส คติํฯ อโนมปญฺญาติ ภควนฺตํ อาลปติฯ
355. Idāni taṃ saṅkheyyakāraṃ pakāsento ‘‘sampannaveyyākaraṇa’’nti gāthamāha. Tassattho – tathā hi tava bhagavā idaṃ samujjupaññassa tattha tattha samuggahītaṃ vuttaṃ pavattitaṃ sampannaveyyākaraṇaṃ, ‘‘santatimahāmatto sattatālamattaṃ abbhuggantvā parinibbāyissati, suppabuddho sakko sattame divase pathaviṃ pavisissatī’’ti evamādīsu aviparītaṃ diṭṭhaṃ. Tato pana suṭṭhutaraṃ añjaliṃ paṇāmetvā āha – ayamañjalī pacchimo suppaṇāmito, ayamaparopi añjalī suṭṭhutaraṃ paṇāmito. Mā mohayīti mā no akathanena mohayi jānaṃ jānanto kappassa gatiṃ. Anomapaññāti bhagavantaṃ ālapati.
๓๕๖. ปโรวรนฺติ อิมํ ปน คาถํ อปเรนปิ ปริยาเยน อโมหนเมว ยาจโนฺต อาหฯ ตตฺถ ปโรวรนฺติ โลกิยโลกุตฺตรวเสน สุนฺทราสุนฺทรํ ทูเรสนฺติกํ วาฯ อริยธมฺมนฺติ จตุสจฺจธมฺมํฯ วิทิตฺวาติ ปฎิวิชฺฌิตฺวาฯ ชานนฺติ สพฺพํ เญยฺยธมฺมํ ชานโนฺตฯ วาจาภิกงฺขามีติ ยถา ฆมฺมนิ ฆมฺมตโตฺต ปุริโส กิลโนฺต ตสิโต วาริํ, เอวํ เต วาจํ อภิกงฺขามิฯ สุตํ ปวสฺสาติ สุตสงฺขาตํ สทฺทายตนํ ปวสฺส ปคฺฆร มุญฺจ ปวเตฺตหิฯ ‘‘สุตสฺส วสฺสา’’ติปิ ปาโฐ, วุตฺตปฺปการสฺส สทฺทายตนสฺส วุฎฺฐิํ วสฺสาติ อโตฺถฯ
356.Parovaranti imaṃ pana gāthaṃ aparenapi pariyāyena amohanameva yācanto āha. Tattha parovaranti lokiyalokuttaravasena sundarāsundaraṃ dūresantikaṃ vā. Ariyadhammanti catusaccadhammaṃ. Viditvāti paṭivijjhitvā. Jānanti sabbaṃ ñeyyadhammaṃ jānanto. Vācābhikaṅkhāmīti yathā ghammani ghammatatto puriso kilanto tasito vāriṃ, evaṃ te vācaṃ abhikaṅkhāmi. Sutaṃ pavassāti sutasaṅkhātaṃ saddāyatanaṃ pavassa pagghara muñca pavattehi. ‘‘Sutassa vassā’’tipi pāṭho, vuttappakārassa saddāyatanassa vuṭṭhiṃ vassāti attho.
๓๕๗. อิทานิ ยาทิสํ วาจํ อภิกงฺขติ, ตํ ปกาเสโนฺต –
357. Idāni yādisaṃ vācaṃ abhikaṅkhati, taṃ pakāsento –
‘‘ยทตฺถิกํ พฺรหฺมจริยํ อจรี,
‘‘Yadatthikaṃ brahmacariyaṃ acarī,
กปฺปายโน กจฺจิสฺส ตํ อโมฆํ;
Kappāyano kaccissa taṃ amoghaṃ;
นิพฺพายิ โส อาทุ สอุปาทิเสโส,
Nibbāyi so ādu saupādiseso,
ยถา วิมุโตฺต อหุ ตํ สุโณมา’’ติฯ –
Yathā vimutto ahu taṃ suṇomā’’ti. –
คาถมาห ฯ ตตฺถ กปฺปายโนติ กปฺปเมว ปูชาวเสน ภณติฯ ยถา วิมุโตฺตติ ‘‘กิํ อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ยถา อเสกฺขา, อุทาหุ อุปาทิเสสาย ยถา เสกฺขา’’ติ ปุจฺฉติฯ เสสเมตฺถ ปากฎเมวฯ
Gāthamāha . Tattha kappāyanoti kappameva pūjāvasena bhaṇati. Yathā vimuttoti ‘‘kiṃ anupādisesāya nibbānadhātuyā yathā asekkhā, udāhu upādisesāya yathā sekkhā’’ti pucchati. Sesamettha pākaṭameva.
๓๕๘. เอวํ ทฺวาทสหิ คาถาหิ ยาจิโต ภควา ตํ วิยากโรโนฺต –
358. Evaṃ dvādasahi gāthāhi yācito bhagavā taṃ viyākaronto –
‘‘อเจฺฉจฺฉิ ตณฺหํ อิธ นามรูเป, (อิติ ภควา)
‘‘Acchecchi taṇhaṃ idha nāmarūpe, (iti bhagavā)
กณฺหสฺส โสตํ ทีฆรตฺตานุสยิตํ;
Kaṇhassa sotaṃ dīgharattānusayitaṃ;
อตาริ ชาติํ มรณํ อเสสํ,
Atāri jātiṃ maraṇaṃ asesaṃ,
อิจฺจพฺรวี ภควา ปญฺจเสโฎฺฐ’’ติฯ –
Iccabravī bhagavā pañcaseṭṭho’’ti. –
คาถมาหฯ ตตฺถ ปุริมปทสฺส ตาว อโตฺถ – ยาปิ อิมสฺมิํ นามรูเป กามตณฺหาทิเภทา ตณฺหาทีฆรตฺตํ อปฺปหีนเฎฺฐน อนุสยิตา กณฺหนามกสฺส มารสฺส ‘‘โสต’’นฺติปิ วุจฺจติ, ตํ กณฺหสฺส โสตภูตํ ทีฆรตฺตานุสยิตํ อิธ นามรูเป ตณฺหํ กปฺปายโน ฉินฺทีติฯ อิติ ภควาติ อิทํ ปเนตฺถ สงฺคีติการานํ วจนํฯ อตาริ ชาติํ มรณํ อเสสนฺติ โส ตํ ตณฺหํ เฉตฺวา อเสสํ ชาติมรณํ อตาริ, อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายีติ ทเสฺสติฯ อิจฺจพฺรวี ภควา ปญฺจเสโฎฺฐติ วงฺคีเสน ปุโฎฺฐ ภควา เอตทโวจ ปญฺจนฺนํ ปฐมสิสฺสานํ ปญฺจวคฺคิยานํ เสโฎฺฐ, ปญฺจหิ วา สทฺธาทีหิ อินฺทฺริเยหิ, สีลาทีหิ วา ธมฺมกฺขเนฺธหิ อติวิสิเฎฺฐหิ จกฺขูหิ จ เสโฎฺฐติ สงฺคีติการานเมวิทํ วจนํฯ
Gāthamāha. Tattha purimapadassa tāva attho – yāpi imasmiṃ nāmarūpe kāmataṇhādibhedā taṇhādīgharattaṃ appahīnaṭṭhena anusayitā kaṇhanāmakassa mārassa ‘‘sota’’ntipi vuccati, taṃ kaṇhassa sotabhūtaṃ dīgharattānusayitaṃ idha nāmarūpe taṇhaṃ kappāyano chindīti. Iti bhagavāti idaṃ panettha saṅgītikārānaṃ vacanaṃ. Atāri jātiṃ maraṇaṃ asesanti so taṃ taṇhaṃ chetvā asesaṃ jātimaraṇaṃ atāri, anupādisesāya nibbānadhātuyā parinibbāyīti dasseti. Iccabravī bhagavā pañcaseṭṭhoti vaṅgīsena puṭṭho bhagavā etadavoca pañcannaṃ paṭhamasissānaṃ pañcavaggiyānaṃ seṭṭho, pañcahi vā saddhādīhi indriyehi, sīlādīhi vā dhammakkhandhehi ativisiṭṭhehi cakkhūhi ca seṭṭhoti saṅgītikārānamevidaṃ vacanaṃ.
๓๕๙. เอวํ วุเตฺต ภควโต ภาสิตมภินนฺทมานโส วงฺคีโส ‘‘เอส สุตฺวา’’ติอาทิคาถาโย อาหฯ ตตฺถ ปฐมคาถาย อิสิสตฺตมาติ ภควา อิสิ จ สตฺตโม จ อุตฺตมเฎฺฐน วิปสฺสีสิขีเวสฺสภูกกุสนฺธโกณาคมนกสฺสปนามเก ฉ อิสโย อตฺตนา สห สตฺต กโรโนฺต ปาตุภูโตติปิ อิสิสตฺตโม, ตํ อาลปโนฺต อาหฯ น มํ วเญฺจสีติ ยสฺมา ปรินิพฺพุโต, ตสฺมา ตสฺส ปรินิพฺพุตภาวํ อิจฺฉนฺตํ มํ น วเญฺจสิ, น วิสํวาเทสีติ อโตฺถฯ เสสเมตฺถ ปากฎเมวฯ
359. Evaṃ vutte bhagavato bhāsitamabhinandamānaso vaṅgīso ‘‘esa sutvā’’tiādigāthāyo āha. Tattha paṭhamagāthāya isisattamāti bhagavā isi ca sattamo ca uttamaṭṭhena vipassīsikhīvessabhūkakusandhakoṇāgamanakassapanāmake cha isayo attanā saha satta karonto pātubhūtotipi isisattamo, taṃ ālapanto āha. Na maṃ vañcesīti yasmā parinibbuto, tasmā tassa parinibbutabhāvaṃ icchantaṃ maṃ na vañcesi, na visaṃvādesīti attho. Sesamettha pākaṭameva.
๓๖๐. ทุติยคาถาย ยสฺมา มุตฺยเปโกฺข วิหาสิ, ตสฺมา ตํ สนฺธายาห ‘‘ยถาวาที ตถาการี, อหุ พุทฺธสฺส สาวโก’’ติฯ มจฺจุโน ชาลํ ตตนฺติ เตภูมกวเฎฺฎ วิตฺถตํ มารสฺส ตณฺหาชาลํฯ มายาวิโนติ พหุมายสฺสฯ ‘‘ตถา มายาวิโน’’ติปิ เกจิ ปฐนฺติ, เตสํ โย อเนกาหิ มายาหิ อเนกกฺขตฺตุมฺปิ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิ, ตสฺส ตถา มายาวิโนติ อธิปฺปาโยฯ
360. Dutiyagāthāya yasmā mutyapekkho vihāsi, tasmā taṃ sandhāyāha ‘‘yathāvādī tathākārī, ahu buddhassa sāvako’’ti. Maccuno jālaṃ tatanti tebhūmakavaṭṭe vitthataṃ mārassa taṇhājālaṃ. Māyāvinoti bahumāyassa. ‘‘Tathā māyāvino’’tipi keci paṭhanti, tesaṃ yo anekāhi māyāhi anekakkhattumpi bhagavantaṃ upasaṅkami, tassa tathā māyāvinoti adhippāyo.
๓๖๑. ตติยคาถาย อาทีติ การณํฯ อุปาทานสฺสาติ วฎฺฎสฺสฯ วฎฺฎญฺหิ อุปาทาตพฺพเฎฺฐน อิธ ‘‘อุปาทาน’’นฺติ วุตฺตํ, ตเสฺสว อุปาทานสฺส อาทิํ อวิชฺชาตณฺหาทิเภทํ การณํ อทฺทส กโปฺปติ เอวํ วตฺตุํ วฎฺฎติ ภควาติ อธิปฺปาเยน วทติฯ อจฺจคา วตาติ อติกฺกโนฺต วตฯ มจฺจุเธยฺยนฺติ มจฺจุ เอตฺถ ธิยตีติ มจฺจุเธยฺยํ, เตภูมกวฎฺฎเสฺสตํ อธิวจนํฯ ตํ สุทุตฺตรํ มจฺจุเธยฺยํ อจฺจคา วตาติ เวทชาโต ภณติฯ เสสเมตฺถ ปากฎเมวาติฯ
361. Tatiyagāthāya ādīti kāraṇaṃ. Upādānassāti vaṭṭassa. Vaṭṭañhi upādātabbaṭṭhena idha ‘‘upādāna’’nti vuttaṃ, tasseva upādānassa ādiṃ avijjātaṇhādibhedaṃ kāraṇaṃ addasa kappoti evaṃ vattuṃ vaṭṭati bhagavāti adhippāyena vadati. Accagā vatāti atikkanto vata. Maccudheyyanti maccu ettha dhiyatīti maccudheyyaṃ, tebhūmakavaṭṭassetaṃ adhivacanaṃ. Taṃ suduttaraṃ maccudheyyaṃ accagā vatāti vedajāto bhaṇati. Sesamettha pākaṭamevāti.
ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฎฺฐกถาย
Paramatthajotikāya khuddaka-aṭṭhakathāya
สุตฺตนิปาต-อฎฺฐกถาย นิโคฺรธกปฺปสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Suttanipāta-aṭṭhakathāya nigrodhakappasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / สุตฺตนิปาตปาฬิ • Suttanipātapāḷi / ๑๒. นิโคฺรธกปฺปสุตฺตํ • 12. Nigrodhakappasuttaṃ