Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) |
๘. วงฺคีสสํยุตฺตํ
8. Vaṅgīsasaṃyuttaṃ
๑. นิกฺขนฺตสุตฺตวณฺณนา
1. Nikkhantasuttavaṇṇanā
๒๐๙. วงฺคีสสํยุตฺตสฺส ปฐเม อคฺคาฬเว เจติเยติ อาฬวิยํ อคฺคเจติเยฯ อนุปฺปเนฺน พุเทฺธ อคฺคาฬวโคตมกาทีนิ ยกฺขนาคาทีนํ ภวนานิ, เจติยานิ อเหสุํฯ อุปฺปเนฺน พุเทฺธ ตานิ อปเนตฺวา มนุสฺสา วิหาเร กริํสุฯ เตสํ ตาเนว นามานิ ชาตานิฯ นิโคฺรธกเปฺปนาติ นิโคฺรธรุกฺขมูลวาสินา กปฺปเตฺถเรนฯ โอหิยฺยโกติ โอหีนโกฯ วิหารปาโลติ โส กิร ตทา อวสฺสิโก โหติ ปตฺตจีวรคฺคหเณ อโกวิโทฯ อถ นํ เถรา ภิกฺขู – ‘‘อาวุโส, อิมานิ ฉตฺตุปาหนกตฺตรยฎฺฐิอาทีนิ โอโลเกโนฺต นิสีทา’’ติ วิหารรกฺขกํ กตฺวา ปิณฺฑาย ปวิสิํสุฯ เตน วุตฺตํ ‘‘วิหารปาโล’’ติฯ สมลงฺกริตฺวาติ อตฺตโน วิภวานุรูเปน อลงฺกาเรน อลงฺกริตฺวาฯ จิตฺตํ อนุทฺธํเสตีติ กุสลจิตฺตํ วิทฺธํเสติ วินาเสติฯ ตํ กุเตตฺถ ลพฺภาติ เอตสฺมิํ ราเค อุปฺปเนฺน ตํ การณํ กุโต ลพฺภาฯ ยํ เม ปโรติ เยน เม การเณน อโญฺญ ปุคฺคโล วา ธโมฺม วา อนภิรติํ วิโนเทตฺวา อิทาเนว อภิรติํ อุปฺปาเทยฺย อาจริยุปชฺฌายาปิ มํ วิหาเร โอหาย คตาฯ
209. Vaṅgīsasaṃyuttassa paṭhame aggāḷave cetiyeti āḷaviyaṃ aggacetiye. Anuppanne buddhe aggāḷavagotamakādīni yakkhanāgādīnaṃ bhavanāni, cetiyāni ahesuṃ. Uppanne buddhe tāni apanetvā manussā vihāre kariṃsu. Tesaṃ tāneva nāmāni jātāni. Nigrodhakappenāti nigrodharukkhamūlavāsinā kappattherena. Ohiyyakoti ohīnako. Vihārapāloti so kira tadā avassiko hoti pattacīvaraggahaṇe akovido. Atha naṃ therā bhikkhū – ‘‘āvuso, imāni chattupāhanakattarayaṭṭhiādīni olokento nisīdā’’ti vihārarakkhakaṃ katvā piṇḍāya pavisiṃsu. Tena vuttaṃ ‘‘vihārapālo’’ti. Samalaṅkaritvāti attano vibhavānurūpena alaṅkārena alaṅkaritvā. Cittaṃ anuddhaṃsetīti kusalacittaṃ viddhaṃseti vināseti. Taṃ kutettha labbhāti etasmiṃ rāge uppanne taṃ kāraṇaṃ kuto labbhā. Yaṃ me paroti yena me kāraṇena añño puggalo vā dhammo vā anabhiratiṃ vinodetvā idāneva abhiratiṃ uppādeyya ācariyupajjhāyāpi maṃ vihāre ohāya gatā.
อคารสฺมาติ อคารโต นิกฺขนฺตํฯ อนคาริยนฺติ ปพฺพชฺชํ อุปคตนฺติ อโตฺถฯ กณฺหโตติ กณฺหปกฺขโต มารปกฺขโต อาธาวนฺติฯ อุคฺคปุตฺตาติ อุคฺคตานํ ปุตฺตา มเหสกฺขา ราชญฺญภูตาฯ ทฬฺหธมฺมิโนติ ทฬฺหธนุโน, อุตฺตมปฺปมาณํ อาจริยธนุํ ธารยมานาฯ สหสฺสํ อปลายินนฺติ เย เต สมนฺตา สเรหิ ปริกิเรยฺยุํ, เตสํ อปลายีนํ สงฺขํ ทเสฺสโนฺต ‘‘สหสฺส’’นฺติ อาหฯ เอตโต ภิโยฺยติ เอตสฺมา สหสฺสา อติเรกตราฯ เนว มํ พฺยาธยิสฺสนฺตีติ มํ จาเลตุํ น สกฺขิสฺสนฺติฯ ธเมฺม สมฺหิ ปติฎฺฐิตนฺติ อนภิรติํ วิโนเทตฺวา อภิรติํ อุปฺปาทนสมเตฺถ สเก สาสนธเมฺม ปติฎฺฐิตํฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – อิสฺสาสสหเสฺส ตาว สมนฺตา สเรหิ ปริกิรเนฺต สิกฺขิโต ปุริโส ทณฺฑกํ คเหตฺวา สเพฺพ สเร สรีเร อปตมาเน อนฺตราว ปหริตฺวา ปาทมูเล ปาเตติฯ ตตฺถ เอโกปิ อิสฺสาโส เทฺว สเร เอกโต น ขิปติ, อิมา ปน อิตฺถิโย รูปารมฺมณาทิวเสน ปญฺจ ปญฺจ สเร เอกโต ขิปนฺติฯ เอวํ ขิปนฺติโย เอตา สเจปิ อติเรกสหสฺสา โหนฺติ, เนว มํ จาเลตุํ สกฺขิสฺสนฺตีติฯ
Agārasmāti agārato nikkhantaṃ. Anagāriyanti pabbajjaṃ upagatanti attho. Kaṇhatoti kaṇhapakkhato mārapakkhato ādhāvanti. Uggaputtāti uggatānaṃ puttā mahesakkhā rājaññabhūtā. Daḷhadhamminoti daḷhadhanuno, uttamappamāṇaṃ ācariyadhanuṃ dhārayamānā. Sahassaṃ apalāyinanti ye te samantā sarehi parikireyyuṃ, tesaṃ apalāyīnaṃ saṅkhaṃ dassento ‘‘sahassa’’nti āha. Etatobhiyyoti etasmā sahassā atirekatarā. Neva maṃ byādhayissantīti maṃ cāletuṃ na sakkhissanti. Dhamme samhi patiṭṭhitanti anabhiratiṃ vinodetvā abhiratiṃ uppādanasamatthe sake sāsanadhamme patiṭṭhitaṃ. Idaṃ vuttaṃ hoti – issāsasahasse tāva samantā sarehi parikirante sikkhito puriso daṇḍakaṃ gahetvā sabbe sare sarīre apatamāne antarāva paharitvā pādamūle pāteti. Tattha ekopi issāso dve sare ekato na khipati, imā pana itthiyo rūpārammaṇādivasena pañca pañca sare ekato khipanti. Evaṃ khipantiyo etā sacepi atirekasahassā honti, neva maṃ cāletuṃ sakkhissantīti.
สกฺขี หิ เม สุตํ เอตนฺติ มยา หิ สมฺมุขา เอตํ สุตํฯ นิพฺพานคมนํ มคฺคนฺติ วิปสฺสนํ สนฺธายาหฯ โส หิ นิพฺพานสฺส ปุพฺพภาคมโคฺค, ลิงฺควิปลฺลาเสน ปน ‘‘มคฺค’’นฺติ อาหฯ ตตฺถ เมติ ตสฺมิํ เม อตฺตโน ตรุณวิปสฺสนาสงฺขาเต นิพฺพานคมนมเคฺค มโน นิรโตฯ ปาปิมาติ กิเลสํ อาลปติฯ มจฺจูติปิ ตเมว อาลปติฯ น เม มคฺคมฺปิ ทกฺขสีติ ยถา เม ภวโยนิอาทีสุ คตมคฺคมฺปิ น ปสฺสสิ, ตถา กริสฺสามีติฯ ปฐมํฯ
Sakkhī hi me sutaṃ etanti mayā hi sammukhā etaṃ sutaṃ. Nibbānagamanaṃ magganti vipassanaṃ sandhāyāha. So hi nibbānassa pubbabhāgamaggo, liṅgavipallāsena pana ‘‘magga’’nti āha. Tattha meti tasmiṃ me attano taruṇavipassanāsaṅkhāte nibbānagamanamagge mano nirato. Pāpimāti kilesaṃ ālapati. Maccūtipi tameva ālapati. Na me maggampi dakkhasīti yathā me bhavayoniādīsu gatamaggampi na passasi, tathā karissāmīti. Paṭhamaṃ.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๑. นิกฺขนฺตสุตฺตํ • 1. Nikkhantasuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๑. นิกฺขนฺตสุตฺตวณฺณนา • 1. Nikkhantasuttavaṇṇanā