Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
๑๘. ปณฺณาสนิปาโต
18. Paṇṇāsanipāto
[๕๒๖] ๑. นิฬินิกาชาตกวณฺณนา
[526] 1. Niḷinikājātakavaṇṇanā
อุทฺทยฺหเต ชนปโทติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต ปุราณทุติยิกาปโลภนํ อารพฺพ กเถสิฯ กเถโนฺต จ ตํ ภิกฺขุํ ‘‘เกน อุกฺกณฺฐาปิโตสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ปุราณทุติยิกายา’’ติ วุเตฺต ‘‘น เอสา โข, ภิกฺขุ, อิทาเนว ตว อนตฺถการิกา, ปุเพฺพปิ ตฺวํ เอตํ นิสฺสาย ฌานา ปริหายิตฺวา มหาวินาสํ ปโตฺต’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ
Uddayhatejanapadoti idaṃ satthā jetavane viharanto purāṇadutiyikāpalobhanaṃ ārabba kathesi. Kathento ca taṃ bhikkhuṃ ‘‘kena ukkaṇṭhāpitosī’’ti pucchitvā ‘‘purāṇadutiyikāyā’’ti vutte ‘‘na esā kho, bhikkhu, idāneva tava anatthakārikā, pubbepi tvaṃ etaṃ nissāya jhānā parihāyitvā mahāvināsaṃ patto’’ti vatvā atītaṃ āhari.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต อุทิจฺจพฺราหฺมณมหาสาลกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปโตฺต อุคฺคหิตสิโปฺป อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพิชิตฺวา ฌานาภิญฺญา นิพฺพเตฺตตฺวา หิมวนฺตปเทเส วาสํ กเปฺปสิฯ อลมฺพุสาชาตเก วุตฺตนเยเนว ตํ ปฎิจฺจ เอกา มิคี คพฺภํ ปฎิลภิตฺวา ปุตฺตํ วิชายิ, ‘‘อิสิสิโงฺค’’เตฺววสฺส นามํ อโหสิฯ อถ นํ ปิตา วยปฺปตฺตํ ปพฺพาเชตฺวา กสิณปริกมฺมํ อุคฺคณฺหาเปสิฯ โส นจิรเสฺสว ฌานาภิญฺญา อุปฺปาเทตฺวา ฌานสุเขน กีฬิ, โฆรตโป ปรมธิตินฺทฺริโย อโหสิฯ ตสฺส สีลเตเชน สกฺกสฺส ภวนํ กมฺปิฯ สโกฺก อาวเชฺชโนฺต ตํ การณํ ญตฺวา ‘‘อุปาเยนสฺส สีลํ ภินฺทิสฺสามี’’ติ ตีณิ สํวจฺฉรานิ สกลกาสิรเฎฺฐ วุฎฺฐิํ นิวาเรสิ, รฎฺฐํ อคฺคิทฑฺฒํ วิย อโหสิฯ สเสฺส อสมฺปชฺชมาเน ทุพฺภิกฺขปีฬิตา มนุสฺสา สนฺนิปติตฺวา ราชงฺคเณ อุปโกฺกสิํสุฯ อถ เน ราชา วาตปาเน ฐิโต ‘‘กิํ เอต’’นฺติ ปุจฺฉิฯ ‘‘มหาราช, ตีณิ สํวจฺฉรานิ เทวสฺส อวสฺสนฺตตฺตา สกลรฎฺฐํ อุทฺทยฺหติ, มนุสฺสา ทุกฺขิตา, เทวํ วสฺสาเปหิ, เทวา’’ติฯ ราชา สีลํ สมาทิยิตฺวา อุโปสถํ อุปวสโนฺตปิ วสฺสํ วสฺสาเปตุํ นาสกฺขิฯ
Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto udiccabrāhmaṇamahāsālakule nibbattitvā vayappatto uggahitasippo isipabbajjaṃ pabbijitvā jhānābhiññā nibbattetvā himavantapadese vāsaṃ kappesi. Alambusājātake vuttanayeneva taṃ paṭicca ekā migī gabbhaṃ paṭilabhitvā puttaṃ vijāyi, ‘‘isisiṅgo’’tvevassa nāmaṃ ahosi. Atha naṃ pitā vayappattaṃ pabbājetvā kasiṇaparikammaṃ uggaṇhāpesi. So nacirasseva jhānābhiññā uppādetvā jhānasukhena kīḷi, ghoratapo paramadhitindriyo ahosi. Tassa sīlatejena sakkassa bhavanaṃ kampi. Sakko āvajjento taṃ kāraṇaṃ ñatvā ‘‘upāyenassa sīlaṃ bhindissāmī’’ti tīṇi saṃvaccharāni sakalakāsiraṭṭhe vuṭṭhiṃ nivāresi, raṭṭhaṃ aggidaḍḍhaṃ viya ahosi. Sasse asampajjamāne dubbhikkhapīḷitā manussā sannipatitvā rājaṅgaṇe upakkosiṃsu. Atha ne rājā vātapāne ṭhito ‘‘kiṃ eta’’nti pucchi. ‘‘Mahārāja, tīṇi saṃvaccharāni devassa avassantattā sakalaraṭṭhaṃ uddayhati, manussā dukkhitā, devaṃ vassāpehi, devā’’ti. Rājā sīlaṃ samādiyitvā uposathaṃ upavasantopi vassaṃ vassāpetuṃ nāsakkhi.
ตสฺมิํ กาเล สโกฺก อฑฺฒรตฺตสมเย ตสฺส สิริคพฺภํ ปวิสิตฺวา เอโกภาสํ กตฺวา เวหาเส อฎฺฐาสิฯ ราชา ตํ ทิสฺวา ‘‘โกสิ ตฺว’’นฺติ ปุจฺฉิฯ ‘‘สโกฺกหมสฺมี’’ติฯ ‘‘เกนเตฺถนาคโตสี’’ติ? ‘‘วสฺสติ เต, มหาราช , รเฎฺฐ เทโว’’ติ? ‘‘น วสฺสตี’’ติฯ ‘‘ชานาสิ ปนสฺส อวสฺสนการณ’’นฺติ? ‘‘น ชานามิ, สกฺกา’’ติฯ ‘‘มหาราช, หิมวนฺตปเทเส อิสิสิโงฺค นาม ตาปโส ปฎิวสติ โฆรตโป ปรมธิตินฺทฺริโยฯ โส นิพทฺธํ เทเว วสฺสเนฺต กุชฺฌิตฺวา อากาสํ โอโลเกสิ, ตสฺมา เทโว น วสฺสตี’’ติฯ ‘‘อิทานิ ปเนตฺถ กิํ กาตพฺพ’’นฺติ? ‘‘ตสฺส ตเป ภิเนฺน เทโว วสฺสิสฺสตี’’ติฯ ‘‘โก ปนสฺส ตปํ ภินฺทิตุํ สมโตฺถ’’ติ? ‘‘ธีตา เต, มหาราช, นิฬินิกา สมตฺถา, ตํ ปโกฺกสาเปตฺวา ‘อสุกฎฺฐานํ นาม คนฺตฺวา ตาปสสฺส ตปํ ภินฺทาหี’ติ เปเสหี’’ติฯ เอวํ โส ราชานํ อนุสาสิตฺวา สกฎฺฐานเมว อคมาสิฯ ราชา ปุนทิวเส อมเจฺจหิ สทฺธิํ มเนฺตตฺวา ธีตรํ ปโกฺกสาเปตฺวา ปฐมํ คาถมาห –
Tasmiṃ kāle sakko aḍḍharattasamaye tassa sirigabbhaṃ pavisitvā ekobhāsaṃ katvā vehāse aṭṭhāsi. Rājā taṃ disvā ‘‘kosi tva’’nti pucchi. ‘‘Sakkohamasmī’’ti. ‘‘Kenatthenāgatosī’’ti? ‘‘Vassati te, mahārāja , raṭṭhe devo’’ti? ‘‘Na vassatī’’ti. ‘‘Jānāsi panassa avassanakāraṇa’’nti? ‘‘Na jānāmi, sakkā’’ti. ‘‘Mahārāja, himavantapadese isisiṅgo nāma tāpaso paṭivasati ghoratapo paramadhitindriyo. So nibaddhaṃ deve vassante kujjhitvā ākāsaṃ olokesi, tasmā devo na vassatī’’ti. ‘‘Idāni panettha kiṃ kātabba’’nti? ‘‘Tassa tape bhinne devo vassissatī’’ti. ‘‘Ko panassa tapaṃ bhindituṃ samattho’’ti? ‘‘Dhītā te, mahārāja, niḷinikā samatthā, taṃ pakkosāpetvā ‘asukaṭṭhānaṃ nāma gantvā tāpasassa tapaṃ bhindāhī’ti pesehī’’ti. Evaṃ so rājānaṃ anusāsitvā sakaṭṭhānameva agamāsi. Rājā punadivase amaccehi saddhiṃ mantetvā dhītaraṃ pakkosāpetvā paṭhamaṃ gāthamāha –
๑.
1.
‘‘อุทฺทยฺหเต ชนปโท, รฎฺฐญฺจาปิ วินสฺสติ;
‘‘Uddayhate janapado, raṭṭhañcāpi vinassati;
เอหิ นิฬินิเก คจฺฉ, ตํ เม พฺราหฺมณมานยา’’ติฯ
Ehi niḷinike gaccha, taṃ me brāhmaṇamānayā’’ti.
ตตฺถ ตํ เมติ ตํ มม อนตฺถการิํ พฺราหฺมณํ อตฺตโน วสํ อาเนหิ, กิเลสรติวเสนสฺส สีลํ ภินฺทาหีติฯ
Tattha taṃ meti taṃ mama anatthakāriṃ brāhmaṇaṃ attano vasaṃ ānehi, kilesarativasenassa sīlaṃ bhindāhīti.
ตํ สุตฺวา สา ทุติยํ คาถมาห –
Taṃ sutvā sā dutiyaṃ gāthamāha –
๒.
2.
‘‘นาหํ ทุกฺขกฺขมา ราช, นาหํ อทฺธานโกวิทา;
‘‘Nāhaṃ dukkhakkhamā rāja, nāhaṃ addhānakovidā;
กถํ อหํ คมิสฺสามิ, วนํ กุญฺชรเสวิต’’นฺติฯ
Kathaṃ ahaṃ gamissāmi, vanaṃ kuñjarasevita’’nti.
ตตฺถ ทุกฺขกฺขมาติ อหํ, มหาราช, ทุกฺขสฺส ขมา น โหมิ, อทฺธานมฺปิ น ชานามิ, สาหํ กถํ คมิสฺสามีติฯ
Tattha dukkhakkhamāti ahaṃ, mahārāja, dukkhassa khamā na homi, addhānampi na jānāmi, sāhaṃ kathaṃ gamissāmīti.
ตโต ราชา เทฺว คาถาโย อภาสิ –
Tato rājā dve gāthāyo abhāsi –
๓.
3.
‘‘ผีตํ ชนปทํ คนฺตฺวา, หตฺถินา จ รเถน จ;
‘‘Phītaṃ janapadaṃ gantvā, hatthinā ca rathena ca;
ทารุสงฺฆาฎยาเนน, เอวํ คจฺฉ นิฬินิเกฯ
Dārusaṅghāṭayānena, evaṃ gaccha niḷinike.
๔.
4.
‘‘หตฺถิอสฺสรเถ ปตฺตี, คเจฺฉวาทาย ขตฺติเย;
‘‘Hatthiassarathe pattī, gacchevādāya khattiye;
ตเวว วณฺณรูเปน, วสํ ตมานยิสฺสสี’’ติฯ
Taveva vaṇṇarūpena, vasaṃ tamānayissasī’’ti.
ตตฺถ ทารุสงฺฆาฎยาเนนาติ, อมฺม, นิฬินิเก น ตฺวํ ปทสา คมิสฺสสิ, ผีตํ ปน สุภิกฺขํ เขมํ อตฺตโน ชนปทํ หตฺถิวาหเนหิ จ รถวาหเนหิ จ คนฺตฺวา ตโต ปรมฺปิ อโชฺฌกาเส ปฎิจฺฉเนฺนน วยฺหาทินา อุทกฎฺฐาเน นาวาสงฺขาเตน ทารุสงฺฆาฎยาเนน คจฺฉฯ วณฺณรูเปนาติ เอวํ อกิลมมานา คนฺตฺวา ตว วเณฺณน เจว รูปสมฺปทาย จ ตํ พฺราหฺมณํ อตฺตโน วสํ อานยิสฺสสีติฯ
Tattha dārusaṅghāṭayānenāti, amma, niḷinike na tvaṃ padasā gamissasi, phītaṃ pana subhikkhaṃ khemaṃ attano janapadaṃ hatthivāhanehi ca rathavāhanehi ca gantvā tato parampi ajjhokāse paṭicchannena vayhādinā udakaṭṭhāne nāvāsaṅkhātena dārusaṅghāṭayānena gaccha. Vaṇṇarūpenāti evaṃ akilamamānā gantvā tava vaṇṇena ceva rūpasampadāya ca taṃ brāhmaṇaṃ attano vasaṃ ānayissasīti.
เอวํ โส ธีตรา สทฺธิํ อกเถตพฺพมฺปิ รฎฺฐปริปาลนํ นิสฺสาย กเถสิฯ สาปิ ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฎิจฺฉิฯ อถสฺสา สพฺพํ ทาตพฺพยุตฺตกํ ทตฺวา อมเจฺจหิ สทฺธิํ อุโยฺยเชสิฯ อมจฺจา ตํ อาทาย ปจฺจนฺตํ ปตฺวา ตตฺถ ขนฺธาวารํ นิวาสาเปตฺวา ราชธีตรํ อุกฺขิปาเปตฺวา วนจรเกน เทสิเตน มเคฺคน หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา ปุพฺพณฺหสมเย ตสฺส อสฺสมปทสฺส สมีปํ ปาปุณิํสุฯ ตสฺมิํ ขเณ โพธิสโตฺต ปุตฺตํ อสฺสมปเท นิวาสาเปตฺวา สยํ ผลาผลตฺถาย อรญฺญํ ปวิโฎฺฐ โหติฯ วนจรโก สยํ อสฺสมํ อคนฺตฺวา ตสฺส ปน ทสฺสนฎฺฐาเน ฐตฺวา นิฬินิกาย ตํ ทเสฺสโนฺต เทฺว คาถา อภาสิ –
Evaṃ so dhītarā saddhiṃ akathetabbampi raṭṭhaparipālanaṃ nissāya kathesi. Sāpi ‘‘sādhū’’ti sampaṭicchi. Athassā sabbaṃ dātabbayuttakaṃ datvā amaccehi saddhiṃ uyyojesi. Amaccā taṃ ādāya paccantaṃ patvā tattha khandhāvāraṃ nivāsāpetvā rājadhītaraṃ ukkhipāpetvā vanacarakena desitena maggena himavantaṃ pavisitvā pubbaṇhasamaye tassa assamapadassa samīpaṃ pāpuṇiṃsu. Tasmiṃ khaṇe bodhisatto puttaṃ assamapade nivāsāpetvā sayaṃ phalāphalatthāya araññaṃ paviṭṭho hoti. Vanacarako sayaṃ assamaṃ agantvā tassa pana dassanaṭṭhāne ṭhatvā niḷinikāya taṃ dassento dve gāthā abhāsi –
๕.
5.
‘‘กทลีธชปญฺญาโณ, อาภุชีปริวาริโต;
‘‘Kadalīdhajapaññāṇo, ābhujīparivārito;
เอโส ปทิสฺสติ รโมฺม, อิสิสิงฺคสฺส อสฺสโมฯ
Eso padissati rammo, isisiṅgassa assamo.
๖.
6.
‘‘เอโส อคฺคิสฺส สงฺขาโต, เอโส ธูโม ปทิสฺสติ;
‘‘Eso aggissa saṅkhāto, eso dhūmo padissati;
มเญฺญ โน อคฺคิํ หาเปติ, อิสิสิโงฺค มหิทฺธิโก’’ติฯ
Maññe no aggiṃ hāpeti, isisiṅgo mahiddhiko’’ti.
ตตฺถ กทลีสงฺขาตา ธชา ปญฺญาณํ อสฺสาติ กทลีธชปญฺญาโณฯ อาภุชีปริวาริโตติ ภุชปตฺตวนปริกฺขิโตฺตฯ สงฺขาโตติ เอโส อคฺคิ อสฺส อิสิสิงฺคสฺส ฌาเนน สงฺขาโต ปจฺจกฺขคโต ชลติฯ มเญฺญ โน อคฺคินฺติ อคฺคิํ โน หาเปติ ชุหติ ปริจรตีติ มญฺญามิฯ
Tattha kadalīsaṅkhātā dhajā paññāṇaṃ assāti kadalīdhajapaññāṇo. Ābhujīparivāritoti bhujapattavanaparikkhitto. Saṅkhātoti eso aggi assa isisiṅgassa jhānena saṅkhāto paccakkhagato jalati. Maññe no agginti aggiṃ no hāpeti juhati paricaratīti maññāmi.
อมจฺจาปิ โพธิสตฺตสฺส อรญฺญํ ปวิฎฺฐเวลาย อสฺสมํ ปริวาเรตฺวา อารกฺขํ ฐเปตฺวา ราชธีตรํ อิสิเวสํ คาหาเปตฺวา สุวณฺณจีรเกน นิวาสนปารุปนํ กตฺวา สพฺพาลงฺกาเรหิ อลงฺกริตฺวา ตนฺตุพทฺธํ จิตฺตเคณฺฑุกํ คาหาเปตฺวา อสฺสมปทํ เปเสตฺวา สยํ พหิ รกฺขนฺตา อฎฺฐํสุฯ สา เตน เคณฺฑุเกน กีฬนฺตี จงฺกมโกฎิยํ โอตริฯ ตสฺมิํ ขเณ อิสิสิโงฺค ปณฺณสาลทฺวาเร ปาสาณผลเก นิสิโนฺน โหติฯ โส ตํ อาคจฺฉนฺติํ ทิสฺวา ภีตตสิโต อุฎฺฐาย ปณฺณสาลํ ปวิสิตฺวา อฎฺฐาสิ ฯ สาปิสฺส ปณฺณสาลทฺวารํ คนฺตฺวา กีฬิเยวฯ สตฺถา ตญฺจ ตโต อุตฺตริ จ อตฺถํ ปกาเสโนฺต ติโสฺส คาถา อภาสิ –
Amaccāpi bodhisattassa araññaṃ paviṭṭhavelāya assamaṃ parivāretvā ārakkhaṃ ṭhapetvā rājadhītaraṃ isivesaṃ gāhāpetvā suvaṇṇacīrakena nivāsanapārupanaṃ katvā sabbālaṅkārehi alaṅkaritvā tantubaddhaṃ cittageṇḍukaṃ gāhāpetvā assamapadaṃ pesetvā sayaṃ bahi rakkhantā aṭṭhaṃsu. Sā tena geṇḍukena kīḷantī caṅkamakoṭiyaṃ otari. Tasmiṃ khaṇe isisiṅgo paṇṇasāladvāre pāsāṇaphalake nisinno hoti. So taṃ āgacchantiṃ disvā bhītatasito uṭṭhāya paṇṇasālaṃ pavisitvā aṭṭhāsi . Sāpissa paṇṇasāladvāraṃ gantvā kīḷiyeva. Satthā tañca tato uttari ca atthaṃ pakāsento tisso gāthā abhāsi –
๗.
7.
‘‘ตญฺจ ทิสฺวาน อายนฺติํ, อามุตฺตมณิกุณฺฑลํ;
‘‘Tañca disvāna āyantiṃ, āmuttamaṇikuṇḍalaṃ;
อิสิสิโงฺค ปาวิสิ ภีโต, อสฺสมํ ปณฺณฉาทนํฯ
Isisiṅgo pāvisi bhīto, assamaṃ paṇṇachādanaṃ.
๘.
8.
‘‘อสฺสมสฺส จ สา ทฺวาเร, เคณฺฑุเกนสฺส กีฬติ;
‘‘Assamassa ca sā dvāre, geṇḍukenassa kīḷati;
วิทํสยนฺตี องฺคานิ, คุยฺหํ ปกาสิตานิ จฯ
Vidaṃsayantī aṅgāni, guyhaṃ pakāsitāni ca.
๙.
9.
‘‘ตญฺจ ทิสฺวาน กีฬนฺติํ, ปณฺณสาลคโต ชฎี;
‘‘Tañca disvāna kīḷantiṃ, paṇṇasālagato jaṭī;
อสฺสมา นิกฺขมิตฺวาน, อิทํ วจนมพฺรวี’’ติฯ
Assamā nikkhamitvāna, idaṃ vacanamabravī’’ti.
ตตฺถ เคณฺฑุเกนสฺสาติ อสฺส อิสิสิงฺคสฺส อสฺสมทฺวาเร เคณฺฑุเกน กีฬติฯ วิทํสยนฺตีติ ทเสฺสนฺตีฯ คุยฺหํ ปกาสิตานิ จาติ คุยฺหญฺจ รหสฺสงฺคํ ปกาสิตานิ จ ปากฎานิ มุขหตฺถาทีนิฯ อพฺรวีติ โส กิร ปณฺณสาลาย ฐตฺวา จิเนฺตสิ – ‘‘สจายํ ยโกฺข ภเวยฺย, ปณฺณสาลํ ปวิสิตฺวา มํ มุรุมุราเปตฺวา ขาเทยฺย, นายํ ยโกฺข, ตาปโส ภวิสฺสตี’’ติ อสฺสมา นิกฺขมิตฺวา ปุจฺฉโนฺต คาถมาห –
Tattha geṇḍukenassāti assa isisiṅgassa assamadvāre geṇḍukena kīḷati. Vidaṃsayantīti dassentī. Guyhaṃ pakāsitāni cāti guyhañca rahassaṅgaṃ pakāsitāni ca pākaṭāni mukhahatthādīni. Abravīti so kira paṇṇasālāya ṭhatvā cintesi – ‘‘sacāyaṃ yakkho bhaveyya, paṇṇasālaṃ pavisitvā maṃ murumurāpetvā khādeyya, nāyaṃ yakkho, tāpaso bhavissatī’’ti assamā nikkhamitvā pucchanto gāthamāha –
๑๐.
10.
‘‘อโมฺภ โก นาม โส รุโกฺข, ยสฺส เตวํคตํ ผลํ;
‘‘Ambho ko nāma so rukkho, yassa tevaṃgataṃ phalaṃ;
ทูเรปิ ขิตฺตํ ปเจฺจติ, น ตํ โอหาย คจฺฉตี’’ติฯ
Dūrepi khittaṃ pacceti, na taṃ ohāya gacchatī’’ti.
ตตฺถ ยสฺส เตวํคตํ ผลนฺติ ยสฺส ตว รุกฺขสฺส เอวํคติกํ มโนรมํ ผลํฯ โก นาม โส รุโกฺขติ จิตฺรเคณฺฑุกสฺส อทิฎฺฐปุพฺพตฺตา ‘‘รุกฺขผเลน เตน ภวิตพฺพ’’นฺติ มญฺญมาโน เอวํ ปุจฺฉติฯ
Tattha yassa tevaṃgataṃ phalanti yassa tava rukkhassa evaṃgatikaṃ manoramaṃ phalaṃ. Ko nāma so rukkhoti citrageṇḍukassa adiṭṭhapubbattā ‘‘rukkhaphalena tena bhavitabba’’nti maññamāno evaṃ pucchati.
อถสฺส สา รุกฺขํ อาจิกฺขนฺตี คาถมาห –
Athassa sā rukkhaṃ ācikkhantī gāthamāha –
๑๑.
11.
‘‘อสฺสมสฺส มม พฺรเหฺม, สมีเป คนฺธมาทเน;
‘‘Assamassa mama brahme, samīpe gandhamādane;
พหโว ตาทิสา รุกฺขา, ยสฺส เตวํคตํ ผลํ;
Bahavo tādisā rukkhā, yassa tevaṃgataṃ phalaṃ;
ทูเรปิ ขิตฺตํ ปเจฺจติ, น มํ โอหาย คจฺฉตี’’ติฯ
Dūrepi khittaṃ pacceti, na maṃ ohāya gacchatī’’ti.
ตตฺถ สมีเป คนฺธมาทเนติ คนฺธมาทนปพฺพเต มม อสฺสมสฺส สมีเปฯ ยสฺส เตวํคตนฺติ ยสฺส เอวํคตํ, ต-กาโร พฺยญฺชนสนฺธิกโรติฯ
Tattha samīpe gandhamādaneti gandhamādanapabbate mama assamassa samīpe. Yassa tevaṃgatanti yassa evaṃgataṃ, ta-kāro byañjanasandhikaroti.
อิติ สา มุสาวาทํ อภาสิฯ อิตโรปิ สทฺทหิตฺวา ‘‘ตาปโส เอโส’’ติ สญฺญาย ปฎิสนฺถารํ กโรโนฺต คาถมาห –
Iti sā musāvādaṃ abhāsi. Itaropi saddahitvā ‘‘tāpaso eso’’ti saññāya paṭisanthāraṃ karonto gāthamāha –
๑๒.
12.
‘‘เอตู ภวํ อสฺสมิมํ อเทตุ, ปชฺชญฺจ ภกฺขญฺจ ปฎิจฺฉ ทมฺมิ;
‘‘Etū bhavaṃ assamimaṃ adetu, pajjañca bhakkhañca paṭiccha dammi;
อิทมาสนํ อตฺร ภวํ นิสีทตุ, อิโต ภวํ มูลผลานิ ภุญฺชตู’’ติฯ
Idamāsanaṃ atra bhavaṃ nisīdatu, ito bhavaṃ mūlaphalāni bhuñjatū’’ti.
ตตฺถ อสฺสมิมนฺติ อสฺสมํ อิมํ ภวํ ปวิสตุฯ อเทตูติ ยถาสนฺนิหิตํ อาหารํ ปริภุญฺชตุฯ ปชฺชนฺติ ปาทพฺภญฺชนํฯ ภกฺขนฺติ มธุรผลาผลํฯ ปฎิจฺฉาติ ปฎิคฺคณฺหฯ อิทมาสนนฺติ ปวิฎฺฐกาเล เอวมาหฯ
Tattha assamimanti assamaṃ imaṃ bhavaṃ pavisatu. Adetūti yathāsannihitaṃ āhāraṃ paribhuñjatu. Pajjanti pādabbhañjanaṃ. Bhakkhanti madhuraphalāphalaṃ. Paṭicchāti paṭiggaṇha. Idamāsananti paviṭṭhakāle evamāha.
ตสฺสา ปณฺณสาลํ ปวิสิตฺวา กฎฺฐตฺถรเณ นิสีทนฺติยา สุวณฺณจีรเก ทฺวิธา คเต สรีรํ อปฺปฎิจฺฉนฺนํ อโหสิฯ ตาปโส มาตุคามสรีรสฺส อทิฎฺฐปุพฺพตฺตา ตํ ทิสฺวา ‘‘วโณฺณ เอโส’’ติ สญฺญาย เอวมาห –
Tassā paṇṇasālaṃ pavisitvā kaṭṭhattharaṇe nisīdantiyā suvaṇṇacīrake dvidhā gate sarīraṃ appaṭicchannaṃ ahosi. Tāpaso mātugāmasarīrassa adiṭṭhapubbattā taṃ disvā ‘‘vaṇṇo eso’’ti saññāya evamāha –
๑๓.
13.
‘‘กิํ เต อิทํ อูรูนมนฺตรสฺมิํ, สุปิจฺฉิตํ กณฺหริวปฺปกาสติ;
‘‘Kiṃ te idaṃ ūrūnamantarasmiṃ, supicchitaṃ kaṇharivappakāsati;
อกฺขาหิ เม ปุจฺฉิโต เอตมตฺถํ, โกเส นุ เต อุตฺตมงฺคํ ปวิฎฺฐ’’นฺติฯ
Akkhāhi me pucchito etamatthaṃ, kose nu te uttamaṅgaṃ paviṭṭha’’nti.
ตตฺถ สุปิจฺฉิตนฺติ ทฺวินฺนํ อูรูนํ สมาคมกาเล สุผุสิตํ สิปฺปิปุฎมุขสณฺฐานํฯ สุภลกฺขเณน หิ อสมนฺนาคตาย ตํ ฐานํ อาวาฎธาตุกํ โหติ, สมนฺนาคตาย อพฺภุนฺนตํ สิปฺปิปุฎมุขสณฺฐานํฯ กณฺหริวปฺปกาสตีติ อุโภสุ ปเสฺสสุ กาฬกํ วิย ขายติฯ โกเส นุ เต อุตฺตมงฺคํ ปวิฎฺฐนฺติ ตว อุตฺตมงฺคํ ลิงฺคสณฺฐานํ น ปญฺญายติ, กิํ นุ ตํ ตว สรีรสงฺขาเต โกเส ปวิฎฺฐนฺติ ปุจฺฉติฯ
Tattha supicchitanti dvinnaṃ ūrūnaṃ samāgamakāle suphusitaṃ sippipuṭamukhasaṇṭhānaṃ. Subhalakkhaṇena hi asamannāgatāya taṃ ṭhānaṃ āvāṭadhātukaṃ hoti, samannāgatāya abbhunnataṃ sippipuṭamukhasaṇṭhānaṃ. Kaṇharivappakāsatīti ubhosu passesu kāḷakaṃ viya khāyati. Kose nu te uttamaṅgaṃ paviṭṭhanti tava uttamaṅgaṃ liṅgasaṇṭhānaṃ na paññāyati, kiṃ nu taṃ tava sarīrasaṅkhāte kose paviṭṭhanti pucchati.
อถ นํ สา วญฺจยนฺตี คาถาทฺวยมาห –
Atha naṃ sā vañcayantī gāthādvayamāha –
๑๔.
14.
‘‘อหํ วเน มูลผเลสนํ จรํ, อาสาทยิํ อจฺฉํ สุโฆรรูปํ;
‘‘Ahaṃ vane mūlaphalesanaṃ caraṃ, āsādayiṃ acchaṃ sughorarūpaṃ;
โส มํ ปติตฺวา สหสาชฺฌปโตฺต, ปนุชฺช มํ อพฺพหิ อุตฺตมงฺคํฯ
So maṃ patitvā sahasājjhapatto, panujja maṃ abbahi uttamaṅgaṃ.
๑๕.
15.
‘‘สฺวายํ วโณ ขชฺชติ กณฺฑุวายติ, สพฺพญฺจ กาลํ น ลภามิ สาตํ;
‘‘Svāyaṃ vaṇo khajjati kaṇḍuvāyati, sabbañca kālaṃ na labhāmi sātaṃ;
ปโห ภวํ กณฺฑุมิมํ วิเนตุํ, กุรุตํ ภวํ ยาจิโต พฺราหฺมณตฺถ’’นฺติฯ
Paho bhavaṃ kaṇḍumimaṃ vinetuṃ, kurutaṃ bhavaṃ yācito brāhmaṇattha’’nti.
ตตฺถ อาสาทยินฺติ ฆเฎฺฎสิํ, อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา เลฑฺฑุนา ปหรินฺติ อโตฺถฯ ปติตฺวาติ อุปธาวิตฺวาฯ สหสาชฺฌปฺปโตฺตติ มมํ สหสา อชฺฌปฺปโตฺต สมฺปโตฺตฯ ปนุชฺชาติ อถ มํ โปเตตฺวาฯ อพฺพหีติ มุเขน มม อุตฺตมงฺคํ ลุญฺจิตฺวา ปกฺกามิ, ตโต ปฎฺฐาย อิมสฺมิํ ฐาเน วโณ ชาโตฯ สฺวายนฺติ โส อยํ ตโต ปฎฺฐาย มยฺหํ วโณ ขชฺชติ เจว กณฺฑุวญฺจ กโรติ, ตปฺปจฺจยา สาหํ สพฺพกาลํ กายิกเจตสิกสุขํ น ลภามิฯ ปโหติ ปหุ สมโตฺถฯ พฺราหฺมณตฺถนฺติ ภวํ มยา ยาจิโต อิมํ พฺราหฺมณสฺส อตฺถํ กโรตุ, อิทํ เม ทุกฺขํ หราหีติ วทติฯ
Tattha āsādayinti ghaṭṭesiṃ, āgacchantaṃ disvā leḍḍunā paharinti attho. Patitvāti upadhāvitvā. Sahasājjhappattoti mamaṃ sahasā ajjhappatto sampatto. Panujjāti atha maṃ potetvā. Abbahīti mukhena mama uttamaṅgaṃ luñcitvā pakkāmi, tato paṭṭhāya imasmiṃ ṭhāne vaṇo jāto. Svāyanti so ayaṃ tato paṭṭhāya mayhaṃ vaṇo khajjati ceva kaṇḍuvañca karoti, tappaccayā sāhaṃ sabbakālaṃ kāyikacetasikasukhaṃ na labhāmi. Pahoti pahu samattho. Brāhmaṇatthanti bhavaṃ mayā yācito imaṃ brāhmaṇassa atthaṃ karotu, idaṃ me dukkhaṃ harāhīti vadati.
โส ตสฺสา มุสาวาทํ ‘‘สภาโว’’ติ สทฺทหิตฺวา ‘‘สเจ เต เอวํ สุขํ โหติ, กริสฺสามี’’ติ ตํ ปเทสํ โอโลเกตฺวา อนนฺตรํ คาถมาห –
So tassā musāvādaṃ ‘‘sabhāvo’’ti saddahitvā ‘‘sace te evaṃ sukhaṃ hoti, karissāmī’’ti taṃ padesaṃ oloketvā anantaraṃ gāthamāha –
๑๖.
16.
‘‘คมฺภีรรูโป เต วโณ สโลหิโต, อปูติโก วณคโนฺธ มหา จ;
‘‘Gambhīrarūpo te vaṇo salohito, apūtiko vaṇagandho mahā ca;
กโรมิ เต กิญฺจิ กสายโยคํ, ยถา ภวํ ปรมสุขี ภเวยฺยา’’ติฯ
Karomi te kiñci kasāyayogaṃ, yathā bhavaṃ paramasukhī bhaveyyā’’ti.
ตตฺถ สโลหิโตติ รโตฺตภาโสฯ อปูติโกติ ปูติมํสรหิโตฯ วณคโนฺธติ โถกํ ทุคฺคโนฺธฯ กสายโยคนฺติ อหํ เกจิ รุกฺขกสาเย คเหตฺวา ตว เอกํ กสายโยคํ กโรมีติฯ
Tattha salohitoti rattobhāso. Apūtikoti pūtimaṃsarahito. Vaṇagandhoti thokaṃ duggandho. Kasāyayoganti ahaṃ keci rukkhakasāye gahetvā tava ekaṃ kasāyayogaṃ karomīti.
ตโต นิฬินิกา คาถมาห
Tato niḷinikā gāthamāha
๑๗.
17.
‘‘น มนฺตโยคา น กสายโยคา, น โอสธา พฺรหฺมจาริ กมนฺติ;
‘‘Na mantayogā na kasāyayogā, na osadhā brahmacāri kamanti;
ยํ เต มุทุ เตน วิเนหิ กณฺฑุํ, ยถา อหํ ปรมสุขี ภเวยฺย’’นฺติฯ
Yaṃ te mudu tena vinehi kaṇḍuṃ, yathā ahaṃ paramasukhī bhaveyya’’nti.
ตตฺถ กมนฺตีติ, โภ พฺรหฺมจาริ, อิมสฺมิํ มม วเณ เนว มนฺตโยคา, น กสายโยคา, น ปุปฺผผลาทีนิ โอสธานิ กมนฺติ, อเนกวารํ กเตหิปิ เตหิ เอตสฺส ผาสุกภาโว น ภูตปุโพฺพฯ ยํ ปน เต เอตํ มุทุ องฺคชาตํ, เตน ฆฎฺฎิยมานเสฺสว ตสฺส กณฺฑุ น โหติ, ตสฺมา เตน วิเนหิ กณฺฑุนฺติฯ
Tattha kamantīti, bho brahmacāri, imasmiṃ mama vaṇe neva mantayogā, na kasāyayogā, na pupphaphalādīni osadhāni kamanti, anekavāraṃ katehipi tehi etassa phāsukabhāvo na bhūtapubbo. Yaṃ pana te etaṃ mudu aṅgajātaṃ, tena ghaṭṭiyamānasseva tassa kaṇḍu na hoti, tasmā tena vinehi kaṇḍunti.
โส ‘‘สจฺจํ เอโส ภณตี’’ติ สลฺลเกฺขตฺวา ‘‘เมถุนสํสเคฺคน สีลํ ภิชฺชติ, ฌานํ อนฺตรธายตี’’ติ อชานโนฺต มาตุคามสฺส อทิฎฺฐปุพฺพตฺตา เมถุนธมฺมสฺส จ อชานนภาเวน ‘‘เภสชฺช’’นฺติ วทนฺติยา ตาย เมถุนํ ปฎิเสวิฯ ตาวเทวสฺส สีลํ ภิชฺชิ, ฌานํ ปริหายิฯ โส เทฺว ตโย วาเร สํสคฺคํ กตฺวา กิลโนฺต หุตฺวา นิกฺขมิตฺวา สรํ โอรุยฺห นฺหตฺวา ปฎิปฺปสฺสทฺธทรโถ อาคนฺตฺวา ปณฺณสาลายํ นิสีทิตฺวา ปุนปิ ตํ ‘‘ตาปโส’’ติ มญฺญมาโน วสนฎฺฐานํ ปุจฺฉโนฺต คาถมาห –
So ‘‘saccaṃ eso bhaṇatī’’ti sallakkhetvā ‘‘methunasaṃsaggena sīlaṃ bhijjati, jhānaṃ antaradhāyatī’’ti ajānanto mātugāmassa adiṭṭhapubbattā methunadhammassa ca ajānanabhāvena ‘‘bhesajja’’nti vadantiyā tāya methunaṃ paṭisevi. Tāvadevassa sīlaṃ bhijji, jhānaṃ parihāyi. So dve tayo vāre saṃsaggaṃ katvā kilanto hutvā nikkhamitvā saraṃ oruyha nhatvā paṭippassaddhadaratho āgantvā paṇṇasālāyaṃ nisīditvā punapi taṃ ‘‘tāpaso’’ti maññamāno vasanaṭṭhānaṃ pucchanto gāthamāha –
๑๘.
18.
‘‘อิโต นุ โภโต กตเมน อสฺสโม, กจฺจิ ภวํ อภิรมสิ อรเญฺญ;
‘‘Ito nu bhoto katamena assamo, kacci bhavaṃ abhiramasi araññe;
กจฺจิ นุ เต มูลผลํ ปหูตํ, กจฺจิ ภวนฺตํ น วิหิํสนฺติ วาฬา’’ติฯ
Kacci nu te mūlaphalaṃ pahūtaṃ, kacci bhavantaṃ na vihiṃsanti vāḷā’’ti.
ตตฺถ กตเมนาติ อิโต กตเมน ทิสาภาเคน โภโต อสฺสโมฯ ภวนฺติ อาลปนเมตํฯ
Tattha katamenāti ito katamena disābhāgena bhoto assamo. Bhavanti ālapanametaṃ.
ตโต นิฬินิกา จตโสฺส คาถาโย อภาสิ –
Tato niḷinikā catasso gāthāyo abhāsi –
๑๙.
19.
‘‘อิโต อุชุํ อุตฺตรายํ ทิสายํ, เขมา นที หิมวตา ปภาวี;
‘‘Ito ujuṃ uttarāyaṃ disāyaṃ, khemā nadī himavatā pabhāvī;
ตสฺสา ตีเร อสฺสโม มยฺห รโมฺม, อโห ภวํ อสฺสมํ มยฺหํ ปเสฺสฯ
Tassā tīre assamo mayha rammo, aho bhavaṃ assamaṃ mayhaṃ passe.
๒๐.
20.
‘‘อมฺพา จ สาลา ติลกา จ ชมฺพุโย, อุทฺทาลกา ปาฎลิโย จ ผุลฺลา;
‘‘Ambā ca sālā tilakā ca jambuyo, uddālakā pāṭaliyo ca phullā;
สมนฺตโต กิมฺปุริสาภิคีตํ, อโห ภวํ อสฺสมํ มยฺหํ ปเสฺสฯ
Samantato kimpurisābhigītaṃ, aho bhavaṃ assamaṃ mayhaṃ passe.
๒๑.
21.
‘‘ตาลา จ มูลา จ ผลา จ เมตฺถ, วเณฺณน คเนฺธน อุเปตรูปํ;
‘‘Tālā ca mūlā ca phalā ca mettha, vaṇṇena gandhena upetarūpaṃ;
ตํ ภูมิภาเคหิ อุเปตรูปํ, อโห ภวํ อสฺสมํ มยฺหํ ปเสฺสฯ
Taṃ bhūmibhāgehi upetarūpaṃ, aho bhavaṃ assamaṃ mayhaṃ passe.
๒๒.
22.
‘‘ผลา จ มูลา จ ปหูตเมตฺถ, วเณฺณน คเนฺธน รเสนุเปตา;
‘‘Phalā ca mūlā ca pahūtamettha, vaṇṇena gandhena rasenupetā;
อายนฺติ จ ลุทฺทกา ตํ ปเทสํ, มา เม ตโต มูลผลํ อหาสุ’’นฺติฯ
Āyanti ca luddakā taṃ padesaṃ, mā me tato mūlaphalaṃ ahāsu’’nti.
ตตฺถ อุตฺตรายนฺติ อุตฺตรายฯ เขมาติ เอวํนามิกา นทีฯ หิมวตา ปภาวีติ หิมวนฺตโต ปวตฺตติฯ อโหติ ปตฺถนเตฺถ นิปาโตฯ อุทฺทาลกาติ วาตฆาตกาฯ กิมฺปุริสาภิคีตนฺติ สมนฺตโต ปริวาเรตฺวา มธุรสเทฺทน คายเนฺตหิ กิมฺปุริเสหิ อภิคีตํฯ ตาลา จ มูลา จ ผลา จ เมตฺถาติ เอตฺถ มม อสฺสเม ปาสาทิกา ตาลรุกฺขา จ เตสเญฺญว วณฺณคนฺธาทิสมฺปนฺนา กนฺทสงฺขาตา มูลา จ ผลา จฯ ปหูตเมตฺถาติ นานารุกฺขผลา จ รุกฺขวลฺลิมูลา จ ปหูตา เอตฺถฯ มา เม ตโตติ ตํ มม อสฺสมปทํ สมฺพหุลา ลุทฺทกา อาคจฺฉนฺติ, มยา เจตฺถ อาหริตฺวา ฐปิตํ พหุ มธุรสมูลผลาผลํ อตฺถิ, เต มยิ จิรายเนฺต มูลผลาผลํ หเรยฺยุํฯ เต ตโต มม มูลผลาผลํ มา หริํสุ, ตสฺมา สเจปิ มยา สทฺธิํ อาคนฺตุกาโม, เอหิ, โน เจ, อหํ คมิสฺสามีติ อาหฯ
Tattha uttarāyanti uttarāya. Khemāti evaṃnāmikā nadī. Himavatā pabhāvīti himavantato pavattati. Ahoti patthanatthe nipāto. Uddālakāti vātaghātakā. Kimpurisābhigītanti samantato parivāretvā madhurasaddena gāyantehi kimpurisehi abhigītaṃ. Tālā ca mūlā ca phalā ca metthāti ettha mama assame pāsādikā tālarukkhā ca tesaññeva vaṇṇagandhādisampannā kandasaṅkhātā mūlā ca phalā ca. Pahūtametthāti nānārukkhaphalā ca rukkhavallimūlā ca pahūtā ettha. Mā me tatoti taṃ mama assamapadaṃ sambahulā luddakā āgacchanti, mayā cettha āharitvā ṭhapitaṃ bahu madhurasamūlaphalāphalaṃ atthi, te mayi cirāyante mūlaphalāphalaṃ hareyyuṃ. Te tato mama mūlaphalāphalaṃ mā hariṃsu, tasmā sacepi mayā saddhiṃ āgantukāmo, ehi, no ce, ahaṃ gamissāmīti āha.
ตํ สุตฺวา ตาปโส ยาว ปิตุ อาคมนา อธิวาสาเปตุํ คาถมาห –
Taṃ sutvā tāpaso yāva pitu āgamanā adhivāsāpetuṃ gāthamāha –
๒๓.
23.
‘‘ปิตา มมํ มูลผเลสนํ คโต, อิทานิ อาคจฺฉติ สายกาเล;
‘‘Pitā mamaṃ mūlaphalesanaṃ gato, idāni āgacchati sāyakāle;
อุโภว คจฺฉามเส อสฺสมํ ตํ, ยาว ปิตา มูลผลโต เอตู’’ติฯ
Ubhova gacchāmase assamaṃ taṃ, yāva pitā mūlaphalato etū’’ti.
ตตฺถ อุโภว คจฺฉามเสติ มม ปิตุ อาโรเจตฺวา อุโภว คมิสฺสามฯ
Tattha ubhova gacchāmaseti mama pitu ārocetvā ubhova gamissāma.
ตโต สา จิเนฺตสิ – ‘‘อยํ ตาว อรเญฺญว วฑฺฒิตภาเวน มม อิตฺถิภาวํ น ชานาติ, ปิตา ปนสฺส มํ ทิสฺวาว ชานิตฺวา ‘ตฺวํ อิธ กิํ กโรสี’ติ กาชโกฎิยา ปหริตฺวา สีสมฺปิ เม ภิเนฺทยฺย, ตสฺมิํ อนาคเตเยว มยา คนฺตุํ วฎฺฎติ, อาคมนกมฺมมฺปิ เม นิฎฺฐิต’’นฺติฯ สา ตสฺส อาคมนูปายํ อาจิกฺขนฺตี อิตรํ คาถมาห –
Tato sā cintesi – ‘‘ayaṃ tāva araññeva vaḍḍhitabhāvena mama itthibhāvaṃ na jānāti, pitā panassa maṃ disvāva jānitvā ‘tvaṃ idha kiṃ karosī’ti kājakoṭiyā paharitvā sīsampi me bhindeyya, tasmiṃ anāgateyeva mayā gantuṃ vaṭṭati, āgamanakammampi me niṭṭhita’’nti. Sā tassa āgamanūpāyaṃ ācikkhantī itaraṃ gāthamāha –
๒๔.
24.
‘‘อเญฺญ พหู อิสโย สาธุรูปา, ราชีสโย อนุมเคฺค วสนฺติ;
‘‘Aññe bahū isayo sādhurūpā, rājīsayo anumagge vasanti;
เตเยว ปุเจฺฉสิ มมสฺสมํ ตํ, เต ตํ นยิสฺสนฺติ มมํ สกาเส’’ติฯ
Teyeva pucchesi mamassamaṃ taṃ, te taṃ nayissanti mamaṃ sakāse’’ti.
ตตฺถ ราชีสโยติ, สมฺม, มยา น สกฺกา จิรายิตุํ, อเญฺญ ปน สาธุสภาวา ราชิสโย จ พฺราหฺมณิสโย จ อนุมเคฺค มม อสฺสมมคฺคปเสฺส วสนฺติ, อหํ เตสํ อาจิกฺขิตฺวา คมิสฺสามิ, ตฺวํ เต ปุเจฺฉยฺยาสิ, เต ตํ มม สนฺติกํ นยิสฺสนฺตีติฯ
Tattha rājīsayoti, samma, mayā na sakkā cirāyituṃ, aññe pana sādhusabhāvā rājisayo ca brāhmaṇisayo ca anumagge mama assamamaggapasse vasanti, ahaṃ tesaṃ ācikkhitvā gamissāmi, tvaṃ te puccheyyāsi, te taṃ mama santikaṃ nayissantīti.
เอวํ สา อตฺตโน ปลายนูปายํ กตฺวา ปณฺณสาลโต นิกฺขมิตฺวา ตํ โอโลเกนฺตเมว ‘‘ตฺวํ นิวตฺตา’’ติ วตฺวา อาคมนมเคฺคเนว อมจฺจานํ สนฺติกํ อคมาสิฯ เต ตํ คเหตฺวา ขนฺธาวารํ คนฺตฺวา อนุปุเพฺพน พาราณสิํ ปาปุณิํสุฯ สโกฺกปิ ตํ ทิวสเมว ตุสฺสิตฺวา สกลรเฎฺฐ เทวํ วสฺสาเปสิ, ตโต สุภิกฺขํ ชนปทํ อโหสิฯ อิสิสิงฺคตาปสสฺสปิ ตาย ปกฺกนฺตมตฺตาย เอว กาเย ฑาโห อุปฺปชฺชิฯ โส กมฺปโนฺต ปณฺณสาลํ ปวิสิตฺวา วากจีรํ ปารุปิตฺวา โสจโนฺต นิปชฺชิฯ โพธิสโตฺต สายํ อาคนฺตฺวา ปุตฺตํ อปสฺสโนฺต ‘‘กหํ นุ โข คโต’’ติ กาชํ โอตาเรตฺวา ปณฺณสาลํ ปวิสิตฺวา ตํ นิปนฺนกํ ทิสฺวา ‘‘ตาต, กิํ กโรสี’’ติ ปิฎฺฐิํ ปริมชฺชโนฺต ติโสฺส คาถา อภาสิ –
Evaṃ sā attano palāyanūpāyaṃ katvā paṇṇasālato nikkhamitvā taṃ olokentameva ‘‘tvaṃ nivattā’’ti vatvā āgamanamaggeneva amaccānaṃ santikaṃ agamāsi. Te taṃ gahetvā khandhāvāraṃ gantvā anupubbena bārāṇasiṃ pāpuṇiṃsu. Sakkopi taṃ divasameva tussitvā sakalaraṭṭhe devaṃ vassāpesi, tato subhikkhaṃ janapadaṃ ahosi. Isisiṅgatāpasassapi tāya pakkantamattāya eva kāye ḍāho uppajji. So kampanto paṇṇasālaṃ pavisitvā vākacīraṃ pārupitvā socanto nipajji. Bodhisatto sāyaṃ āgantvā puttaṃ apassanto ‘‘kahaṃ nu kho gato’’ti kājaṃ otāretvā paṇṇasālaṃ pavisitvā taṃ nipannakaṃ disvā ‘‘tāta, kiṃ karosī’’ti piṭṭhiṃ parimajjanto tisso gāthā abhāsi –
๒๕.
25.
‘‘น เต กฎฺฐานิ ภินฺนานิ, น เต อุทกมาภตํ;
‘‘Na te kaṭṭhāni bhinnāni, na te udakamābhataṃ;
อคฺคีปิ เต น หาปิโต, กิํ นุ มโนฺทว ฌายสิฯ
Aggīpi te na hāpito, kiṃ nu mandova jhāyasi.
๒๖.
26.
‘‘ภินฺนานิ กฎฺฐานิ หุโต จ อคฺคิ, ตปนีปิ เต สมิตา พฺรหฺมจารี;
‘‘Bhinnāni kaṭṭhāni huto ca aggi, tapanīpi te samitā brahmacārī;
ปีฐญฺจ มยฺหํ อุทกญฺจ โหติ, รมสิ ตุวํ พฺรหฺมภูโต ปุรตฺถาฯ
Pīṭhañca mayhaṃ udakañca hoti, ramasi tuvaṃ brahmabhūto puratthā.
๒๗.
27.
‘‘อภินฺนกโฎฺฐสิ อนาภโตทโก, อหาปิตคฺคีสิ อสิทฺธโภชโน;
‘‘Abhinnakaṭṭhosi anābhatodako, ahāpitaggīsi asiddhabhojano;
น เม ตุวํ อาลปสี มมชฺช, นฎฺฐํ นุ กิํ เจตสิกญฺจ ทุกฺข’’นฺติฯ
Na me tuvaṃ ālapasī mamajja, naṭṭhaṃ nu kiṃ cetasikañca dukkha’’nti.
ตตฺถ ภินฺนานีติ อรญฺญโต อุทฺธฎานิฯ น หาปิโตติ น ชลิโตฯ ภินฺนานีติ ปุเพฺพ ตยา มมาคมนเวลาย กฎฺฐานิ อุทฺธฎาเนว โหนฺติฯ หุโต จ อคฺคีติ อคฺคิ จ หุโต โหติฯ ตปนีติ วิสิพฺพนอคฺคิสงฺขาตา ตปนีปิ เต สมิตาว สยเมว สํวิทหิตาว โหติฯ ปีฐนฺติ มม อาสนตฺถาย ปีฐญฺจ ปญฺญตฺตเมว โหติฯ อุทกญฺจาติ ปาทโธวนอุทกมฺปิ อุปฎฺฐาปิตเมว โหติฯ พฺรหฺมภูโตติ ตุวมฺปิ อิโต ปุรตฺถา เสฎฺฐภูโต อิมสฺมิํ อสฺสเม อภิรมสิฯ อภินฺนกโฎฺฐสีติ โส ทานิ อชฺช อนุทฺธฎกโฎฺฐสิฯ อสิทฺธโภชโนติ น เต กิญฺจิ อมฺหากํ กนฺทมูลํ วา ปณฺณํ วา เสทิตํฯ มมชฺชาติ, มม ปุตฺต, อชฺช น เม ตฺวํ อาลปสิฯ นฎฺฐํ นุ กินฺติ กิํ นุ เต นฎฺฐํ วา, กิํ เจตสิกํ วา ทุกฺขํ, อกฺขาหิ เม นิปนฺนการณนฺติ ปุจฺฉติฯ
Tattha bhinnānīti araññato uddhaṭāni. Na hāpitoti na jalito. Bhinnānīti pubbe tayā mamāgamanavelāya kaṭṭhāni uddhaṭāneva honti. Huto ca aggīti aggi ca huto hoti. Tapanīti visibbanaaggisaṅkhātā tapanīpi te samitāva sayameva saṃvidahitāva hoti. Pīṭhanti mama āsanatthāya pīṭhañca paññattameva hoti. Udakañcāti pādadhovanaudakampi upaṭṭhāpitameva hoti. Brahmabhūtoti tuvampi ito puratthā seṭṭhabhūto imasmiṃ assame abhiramasi. Abhinnakaṭṭhosīti so dāni ajja anuddhaṭakaṭṭhosi. Asiddhabhojanoti na te kiñci amhākaṃ kandamūlaṃ vā paṇṇaṃ vā seditaṃ. Mamajjāti, mama putta, ajja na me tvaṃ ālapasi. Naṭṭhaṃ nu kinti kiṃ nu te naṭṭhaṃ vā, kiṃ cetasikaṃ vā dukkhaṃ, akkhāhi me nipannakāraṇanti pucchati.
โส ปิตุ วจนํ สุตฺวา ตํ การณํ กเถโนฺต อาห –
So pitu vacanaṃ sutvā taṃ kāraṇaṃ kathento āha –
๒๘.
28.
‘‘อิธาคมา ชฎิโล พฺรหฺมจารี, สุทสฺสเนโยฺย สุตนู วิเนติ;
‘‘Idhāgamā jaṭilo brahmacārī, sudassaneyyo sutanū vineti;
เนวาติทีโฆ น ปนาติรโสฺส, สุกณฺหกณฺหจฺฉทเนหิ โภโตฯ
Nevātidīgho na panātirasso, sukaṇhakaṇhacchadanehi bhoto.
๒๙.
29.
‘‘อมสฺสุชาโต อปุราณวณฺณี, อาธารรูปญฺจ ปนสฺส กเณฺฐ;
‘‘Amassujāto apurāṇavaṇṇī, ādhārarūpañca panassa kaṇṭhe;
เทฺว ยมา คณฺฑา อุเร สุชาตา, สุวณฺณตินฺทุกนิภา ปภสฺสราฯ
Dve yamā gaṇḍā ure sujātā, suvaṇṇatindukanibhā pabhassarā.
๓๐.
30.
‘‘มุขญฺจ ตสฺส ภุสทสฺสเนยฺยํ, กเณฺณสุ ลมฺพนฺติ จ กุญฺจิตคฺคา;
‘‘Mukhañca tassa bhusadassaneyyaṃ, kaṇṇesu lambanti ca kuñcitaggā;
เต โชตเร จรโต มาณวสฺส, สุตฺตญฺจ ยํ สํยมนํ ชฎานํฯ
Te jotare carato māṇavassa, suttañca yaṃ saṃyamanaṃ jaṭānaṃ.
๓๑.
31.
‘‘อญฺญา จ ตสฺส สํยมานิ จตโสฺส, นีลา ปีตา โลหิติกา จ เสตา;
‘‘Aññā ca tassa saṃyamāni catasso, nīlā pītā lohitikā ca setā;
ตา ปิํสเร จรโต มาณวสฺส, ติริฎิสงฺฆาริว ปาวุสมฺหิฯ
Tā piṃsare carato māṇavassa, tiriṭisaṅghāriva pāvusamhi.
๓๒.
32.
‘‘น มิขลํ มุญฺชมยํ ธาเรติ, น สนฺถเร โน ปน ปพฺพชสฺส;
‘‘Na mikhalaṃ muñjamayaṃ dhāreti, na santhare no pana pabbajassa;
ตา โชตเร ชฆนนฺตเร วิลคฺคา, สเตรตา วิชฺชุริวนฺตลิเกฺขฯ
Tā jotare jaghanantare vilaggā, sateratā vijjurivantalikkhe.
๓๓.
33.
‘‘อขีลกานิ จ อวณฺฎกานิ, เหฎฺฐา นภฺยา กฎิสโมหิตานิ;
‘‘Akhīlakāni ca avaṇṭakāni, heṭṭhā nabhyā kaṭisamohitāni;
อฆฎฺฎิตา นิจฺจกีฬํ กโรนฺติ, หํ ตาต กิํรุกฺขผลานิ ตานิฯ
Aghaṭṭitā niccakīḷaṃ karonti, haṃ tāta kiṃrukkhaphalāni tāni.
๓๔.
34.
‘‘ชฎา จ ตสฺส ภุสทสฺสเนยฺยา, ปโรสตํ เวลฺลิตคฺคา สุคนฺธา;
‘‘Jaṭā ca tassa bhusadassaneyyā, parosataṃ vellitaggā sugandhā;
เทฺวธา สิโร สาธุ วิภตฺตรูโป, อโห นุ โข มยฺห ตถา ชฎาสฺสุฯ
Dvedhā siro sādhu vibhattarūpo, aho nu kho mayha tathā jaṭāssu.
๓๕.
35.
‘‘ยทา จ โส ปกิรติ ตา ชฎาโย, วเณฺณน คเนฺธน อุเปตรูปา;
‘‘Yadā ca so pakirati tā jaṭāyo, vaṇṇena gandhena upetarūpā;
นีลุปฺปลํ วาตสเมริตํว, ตเถว สํวาติ ปนสฺสโม อยํฯ
Nīluppalaṃ vātasameritaṃva, tatheva saṃvāti panassamo ayaṃ.
๓๖.
36.
‘‘ปโงฺก จ ตสฺส ภุสทสฺสเนโยฺย, เนตาทิโส ยาทิโส มยฺหํ กาเย;
‘‘Paṅko ca tassa bhusadassaneyyo, netādiso yādiso mayhaṃ kāye;
โส วายติ เอริโต มาลุเตน, วนํ ยถา อคฺคคิเมฺห สุผุลฺลํฯ
So vāyati erito mālutena, vanaṃ yathā aggagimhe suphullaṃ.
๓๗.
37.
‘‘นิหนฺติ โส รุกฺขผลํ ปถพฺยา, สุจิตฺตรูปํ รุจิรํ ทสฺสเนยฺยํ;
‘‘Nihanti so rukkhaphalaṃ pathabyā, sucittarūpaṃ ruciraṃ dassaneyyaṃ;
ขิตฺตญฺจ ตสฺส ปุนเรหิ หตฺถํ, หํ ตาต กิํรุกฺขผลํ นุ โข ตํฯ
Khittañca tassa punarehi hatthaṃ, haṃ tāta kiṃrukkhaphalaṃ nu kho taṃ.
๓๘.
38.
‘‘ทนฺตา จ ตสฺส ภุสทสฺสเนยฺยา, สุทฺธา สมา สงฺขวรูปปนฺนา;
‘‘Dantā ca tassa bhusadassaneyyā, suddhā samā saṅkhavarūpapannā;
มโน ปสาเทนฺติ วิวริยมานา, น หิ นูน โส สากมขาทิ เตหิฯ
Mano pasādenti vivariyamānā, na hi nūna so sākamakhādi tehi.
๓๙.
39.
‘‘อกกฺกสํ อคฺคฬิตํ มุหุํ มุทุํ, อุชุํ อนุทฺธตํ อจปลมสฺส ภาสิตํ;
‘‘Akakkasaṃ aggaḷitaṃ muhuṃ muduṃ, ujuṃ anuddhataṃ acapalamassa bhāsitaṃ;
รุทํ มนุญฺญํ กรวีกสุสฺสรํ, หทยงฺคมํ รญฺชยเตว เม มโนฯ
Rudaṃ manuññaṃ karavīkasussaraṃ, hadayaṅgamaṃ rañjayateva me mano.
๔๐.
40.
‘‘พินฺทุสฺสโร นาติวิสฎฺฐวาโกฺย, น นูน สชฺฌายมติปฺปยุโตฺต;
‘‘Bindussaro nātivisaṭṭhavākyo, na nūna sajjhāyamatippayutto;
อิจฺฉามิ โภ ตํ ปุนเทว ทฎฺฐุํ, มิโตฺต หิ เม มาณโวหุ ปุรตฺถาฯ
Icchāmi bho taṃ punadeva daṭṭhuṃ, mitto hi me māṇavohu puratthā.
๔๑.
41.
‘‘สุสนฺธิ สพฺพตฺถ วิมฎฺฐิมํ วณํ, ปุถู สุชาตํ ขรปตฺตสนฺนิภํ;
‘‘Susandhi sabbattha vimaṭṭhimaṃ vaṇaṃ, puthū sujātaṃ kharapattasannibhaṃ;
เตเนว มํ อุตฺตริยาน มาณโว, วิวริตํ อูรุํ ชฆเนน ปิฬยิฯ
Teneva maṃ uttariyāna māṇavo, vivaritaṃ ūruṃ jaghanena piḷayi.
๔๒.
42.
‘‘ตปนฺติ อาภนฺติ วิโรจเร จ, สเตรตา วิชฺชุริวนฺตลิเกฺข;
‘‘Tapanti ābhanti virocare ca, sateratā vijjurivantalikkhe;
พาหา มุทู อญฺชนโลมสาทิสา, วิจิตฺรวฎฺฎงฺคุลิกาสฺส โสภเรฯ
Bāhā mudū añjanalomasādisā, vicitravaṭṭaṅgulikāssa sobhare.
๔๓.
43.
‘‘อกกฺกสโงฺค น จ ทีฆโลโม, นขาสฺส ทีฆา อปิ โลหิตคฺคา;
‘‘Akakkasaṅgo na ca dīghalomo, nakhāssa dīghā api lohitaggā;
มุทูหิ พาหาหิ ปลิสฺสชโนฺต, กลฺยาณรูโป รมยํ อุปฎฺฐหิฯ
Mudūhi bāhāhi palissajanto, kalyāṇarūpo ramayaṃ upaṭṭhahi.
๔๔.
44.
‘‘ทุมสฺส ตูลูปนิภา ปภสฺสรา, สุวณฺณกมฺพุตลวฎฺฎสุจฺฉวิ;
‘‘Dumassa tūlūpanibhā pabhassarā, suvaṇṇakambutalavaṭṭasucchavi;
หตฺถา มุทู เตหิ มํ สมฺผุสิตฺวา, อิโต คโต เตน มํ ทหนฺติ ตาตฯ
Hatthā mudū tehi maṃ samphusitvā, ito gato tena maṃ dahanti tāta.
๔๕.
45.
‘‘น นูน โส ขาริวิธํ อหาสิ, น นูน โส กฎฺฐานิ สยํ อภญฺชิ;
‘‘Na nūna so khārividhaṃ ahāsi, na nūna so kaṭṭhāni sayaṃ abhañji;
น นูน โส หนฺติ ทุเม กุฐาริยา, น หิสฺส หเตฺถสุ ขิลานิ อตฺถิฯ
Na nūna so hanti dume kuṭhāriyā, na hissa hatthesu khilāni atthi.
๔๖.
46.
‘‘อโจฺฉ จ โข ตสฺส วณํ อกาสิ, โส มํพฺรวิ ‘สุขิตํ มํ กโรหิ’;
‘‘Accho ca kho tassa vaṇaṃ akāsi, so maṃbravi ‘sukhitaṃ maṃ karohi’;
ตาหํ กริํ เตน มมาสิ โสขฺยํ, โส จพฺรวิ ‘สุขิโตสฺมี’ติ พฺรเหฺมฯ
Tāhaṃ kariṃ tena mamāsi sokhyaṃ, so cabravi ‘sukhitosmī’ti brahme.
๔๗.
47.
‘‘อยญฺจ เต มาลุวปณฺณสนฺถตา, วิกิณฺณรูปาว มยา จ เตน จ;
‘‘Ayañca te māluvapaṇṇasanthatā, vikiṇṇarūpāva mayā ca tena ca;
กิลนฺตรูปา อุทเก รมิตฺวา, ปุนปฺปุนํ ปณฺณกุฎิํ วชามฯ
Kilantarūpā udake ramitvā, punappunaṃ paṇṇakuṭiṃ vajāma.
๔๘.
48.
‘‘น มชฺช มนฺตา ปฎิภนฺติ ตาต, น อคฺคิหุตฺตํ นปิ ยญฺญตนฺตํ;
‘‘Na majja mantā paṭibhanti tāta, na aggihuttaṃ napi yaññatantaṃ;
น จาปิ เต มูลผลานิ ภุเญฺช, ยาว น ปสฺสามิ ตํ พฺรหฺมจาริํฯ
Na cāpi te mūlaphalāni bhuñje, yāva na passāmi taṃ brahmacāriṃ.
๔๙.
49.
‘‘อทฺธา ปชานาสิ ตุวมฺปิ ตาต, ยสฺสํ ทิสํ วสเต พฺรหฺมจารี;
‘‘Addhā pajānāsi tuvampi tāta, yassaṃ disaṃ vasate brahmacārī;
ตํ มํ ทิสํ ปาปย ตาต ขิปฺปํ, มา เต อหํ อมริมสฺสมมฺหิฯ
Taṃ maṃ disaṃ pāpaya tāta khippaṃ, mā te ahaṃ amarimassamamhi.
๕๐.
50.
‘‘วิจิตฺรผุลฺลญฺหิ วนํ สุตํ มยา, ทิชาภิฆุฎฺฐํ ทิชสงฺฆเสวิตํ;
‘‘Vicitraphullañhi vanaṃ sutaṃ mayā, dijābhighuṭṭhaṃ dijasaṅghasevitaṃ;
ตํ มํ วนํ ปาปย ตาต ขิปฺปํ, ปุรา เต ปาณํ วิชหามิ อสฺสเม’’ติฯ
Taṃ maṃ vanaṃ pāpaya tāta khippaṃ, purā te pāṇaṃ vijahāmi assame’’ti.
ตตฺถ อิธาคมาติ, ตาต, อิมํ อสฺสมปทํ อาคโตฯ สุทสฺสเนโยฺยติ สุฎฺฐุ ทสฺสเนโยฺยฯ สุตนูติ สุฎฺฐุ ตนุโก นาติกิโส นาติถูโล ฯ วิเนตีติ อตฺตโน สรีรปฺปภาย อสฺสมปทํ เอโกภาสํ วิย วิเนติ ปูเรติฯ สุกณฺหกณฺหจฺฉทเนหิ โภโตติ, ตาต, ตสฺส โภโต สุกเณฺหหิ กณฺหจฺฉทเนหิ ภมรวเณฺณหิ เกเสหิ สุกณฺหสีสํ สุมชฺชิตมณิมยํ วิย ขายติฯ อมสฺสูชาโตติ น ตาวสฺส มสฺสุ ชายติ, ตรุโณเยวฯ อปุราณวณฺณีติ อจิรปพฺพชิโตฯ อาธารรูปญฺจ ปนสฺส กเณฺฐติ กเณฺฐ จ ปนสฺส อมฺหากํ ภิกฺขาภาชนฎฺฐปนํ ปตฺตาธารสทิสํ ปิฬนฺธนํ อตฺถีติ มุตฺตาหารํ สนฺธาย วทติฯ คณฺฑาติ ถเน สนฺธายาหฯ อุเร สุชาตาติ อุรมฺหิ สุชาตาฯ ‘‘อุรโต’’ติปิ ปาโฐฯ ปภสฺสราติ ปภาสมฺปนฺนาฯ ‘‘ปภาสเร’’ติปิ ปาโฐ, โอภาสนฺตีติ อโตฺถฯ
Tattha idhāgamāti, tāta, imaṃ assamapadaṃ āgato. Sudassaneyyoti suṭṭhu dassaneyyo. Sutanūti suṭṭhu tanuko nātikiso nātithūlo . Vinetīti attano sarīrappabhāya assamapadaṃ ekobhāsaṃ viya vineti pūreti. Sukaṇhakaṇhacchadanehi bhototi, tāta, tassa bhoto sukaṇhehi kaṇhacchadanehi bhamaravaṇṇehi kesehi sukaṇhasīsaṃ sumajjitamaṇimayaṃ viya khāyati. Amassūjātoti na tāvassa massu jāyati, taruṇoyeva. Apurāṇavaṇṇīti acirapabbajito. Ādhārarūpañca panassa kaṇṭheti kaṇṭhe ca panassa amhākaṃ bhikkhābhājanaṭṭhapanaṃ pattādhārasadisaṃ piḷandhanaṃ atthīti muttāhāraṃ sandhāya vadati. Gaṇḍāti thane sandhāyāha. Ure sujātāti uramhi sujātā. ‘‘Urato’’tipi pāṭho. Pabhassarāti pabhāsampannā. ‘‘Pabhāsare’’tipi pāṭho, obhāsantīti attho.
ภุสทสฺสเนยฺยนฺติ อติวิย ทสฺสนียํฯ กุญฺจิตคฺคาติ สีหกุณฺฑลํ สนฺธาย วทติฯ สุตฺตญฺจาติ ยํ ตสฺส ชฎาพนฺธนสุตฺตํ, ตมฺปิ โชตติ ปภํ มุญฺจติฯ ‘‘สํยมานิ จตโสฺส’’ติ อิมินา มณิสุวณฺณปวาฬรชตมยานิ จตฺตาริ ปิฬนฺธนานิ ทเสฺสติ ฯ ตา ปิํสเรติ ตานิ ปิฬนฺธนานิ ปาวุสมฺหิ ปวุเฎฺฐ เทเว ติริฎิสงฺฆา วิย วิรวนฺติฯ มิขลนฺติ เมขลํ, อยเมว วา ปาโฐฯ อิทํ นิวตฺถกญฺจนจีรกํ สนฺธายาหฯ น สนฺถเรติ น วาเกฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – ตาต, ยถา มยํ ติณมยํ วา วากมยํ วา จีรกํ ธาเรม, น ตถา โส, โส ปน สุวณฺณจีรกํ ธาเรตีติฯ อขีลกานีติ อตจานิ นิปฺปณฺณานิฯ กฎิสโมหิตานีติ กฎิยํ พทฺธานิฯ นิจฺจกีฬํ กโรนฺตีติ อฆฎฺฎิตานิปิ นิจฺจกาลํ กีฬายนฺติฯ หํ, ตาตาติ หโมฺภ, ตาตฯ กิํ รุกฺขผลานิ ตานีติ ตานิ ตสฺส มาณวสฺส สุตฺตารุฬฺหานิ กฎิยํ พทฺธานิ กตรรุกฺขผลานิ นามาติ มณิสงฺฆาฎิํ สนฺธายาหฯ
Bhusadassaneyyanti ativiya dassanīyaṃ. Kuñcitaggāti sīhakuṇḍalaṃ sandhāya vadati. Suttañcāti yaṃ tassa jaṭābandhanasuttaṃ, tampi jotati pabhaṃ muñcati. ‘‘Saṃyamāni catasso’’ti iminā maṇisuvaṇṇapavāḷarajatamayāni cattāri piḷandhanāni dasseti . Tā piṃsareti tāni piḷandhanāni pāvusamhi pavuṭṭhe deve tiriṭisaṅghā viya viravanti. Mikhalanti mekhalaṃ, ayameva vā pāṭho. Idaṃ nivatthakañcanacīrakaṃ sandhāyāha. Na santhareti na vāke. Idaṃ vuttaṃ hoti – tāta, yathā mayaṃ tiṇamayaṃ vā vākamayaṃ vā cīrakaṃ dhārema, na tathā so, so pana suvaṇṇacīrakaṃ dhāretīti. Akhīlakānīti atacāni nippaṇṇāni. Kaṭisamohitānīti kaṭiyaṃ baddhāni. Niccakīḷaṃ karontīti aghaṭṭitānipi niccakālaṃ kīḷāyanti. Haṃ, tātāti hambho, tāta. Kiṃ rukkhaphalāni tānīti tāni tassa māṇavassa suttāruḷhāni kaṭiyaṃ baddhāni katararukkhaphalāni nāmāti maṇisaṅghāṭiṃ sandhāyāha.
ชฎาติ ชฎามณฺฑลากาเรน พทฺธรตนมิสฺสกเกสวฎฺฎิโย สนฺธายาหฯ เวลฺลิตคฺคาติ กุญฺจิตคฺคาฯ เทฺวธาสิโรติ ตสฺส สีสํ เทฺวธา กตฺวา พทฺธานํ ชฎานํ วเสน สุฎฺฐุ วิภตฺตรูปํฯ ตถาติ ยถา ตสฺส มาณวสฺส ชฎา, ตถา ตุเมฺหหิ มม น พทฺธา, อโห วต มมปิ ตถา อสฺสูติ ปเตฺถโนฺต อาหฯ อุเปตรูปาติ อุเปตสภาวาฯ วาตสเมริตํวาติ ยถา นาม นีลุปฺปลํ วาเตน สมีริตํ, ตเถว อยํ อิมสฺมิํ วนสเณฺฑ อสฺสโม สํวาติฯ เนตาทิโสติ, ตาต, ยาทิโส มม กาเย ปโงฺก, เนตาทิโส ตสฺส สรีเรฯ โส หิ ทสฺสนีโย เจว สุคโนฺธ จฯ อคฺคคิเมฺหติ วสนฺตสมเยฯ
Jaṭāti jaṭāmaṇḍalākārena baddharatanamissakakesavaṭṭiyo sandhāyāha. Vellitaggāti kuñcitaggā. Dvedhāsiroti tassa sīsaṃ dvedhā katvā baddhānaṃ jaṭānaṃ vasena suṭṭhu vibhattarūpaṃ. Tathāti yathā tassa māṇavassa jaṭā, tathā tumhehi mama na baddhā, aho vata mamapi tathā assūti patthento āha. Upetarūpāti upetasabhāvā. Vātasameritaṃvāti yathā nāma nīluppalaṃ vātena samīritaṃ, tatheva ayaṃ imasmiṃ vanasaṇḍe assamo saṃvāti. Netādisoti, tāta, yādiso mama kāye paṅko, netādiso tassa sarīre. So hi dassanīyo ceva sugandho ca. Aggagimheti vasantasamaye.
นิหนฺตีติ ปหรติฯ กิํ รุกฺขผลํ นุ โข ตนฺติ กตรรุกฺขสฺส นุ โข ตํ ผลํฯ สงฺขวรูปปนฺนาติ สุโธตสงฺขปฎิภาคาฯ น หิ นูน โส สากมขาทิ เตหีติ น นูน โส มาณโว มยํ วิย เตหิ ทเนฺตหิ รุกฺขปณฺณานิ เจว มูลผลาผลานิ จ ขาทิฯ อมฺหากญฺหิ ตานิ ขาทนฺตานํ สพลา ปณฺณวณฺณา ทนฺตาติ ทีเปติฯ
Nihantīti paharati. Kiṃ rukkhaphalaṃ nu kho tanti katararukkhassa nu kho taṃ phalaṃ. Saṅkhavarūpapannāti sudhotasaṅkhapaṭibhāgā. Na hi nūna so sākamakhādi tehīti na nūna so māṇavo mayaṃ viya tehi dantehi rukkhapaṇṇāni ceva mūlaphalāphalāni ca khādi. Amhākañhi tāni khādantānaṃ sabalā paṇṇavaṇṇā dantāti dīpeti.
อกกฺกสนฺติ, ตาต, ตสฺส ภาสิตํ อผรุสํ อคฬิตํ, ปุนปฺปุนํ วทนฺตสฺสาปิ มธุรตาย มุหุํ มุทุํ, อปมุสฺสตาย อุชุํ, อวิกฺขิตฺตตาย อนุทฺธฎํ, ปติฎฺฐิตตาย อจปลํฯ รุทนฺติ ภาสมานสฺส สรสงฺขาตํ รุทมฺปิ มโนหรํ กรวีกสฺส วิย สุสฺสรํ สุมธุรํฯ รญฺชยเตวาติ มม มโน รญฺชติเยวฯ พินฺทุสฺสโรติ ปิณฺฑิตสฺสโรฯ มาณโวหูติ โส หิ มาณโว ปุรตฺถา มม มิโตฺต อหุฯ
Akakkasanti, tāta, tassa bhāsitaṃ apharusaṃ agaḷitaṃ, punappunaṃ vadantassāpi madhuratāya muhuṃ muduṃ, apamussatāya ujuṃ, avikkhittatāya anuddhaṭaṃ, patiṭṭhitatāya acapalaṃ. Rudanti bhāsamānassa sarasaṅkhātaṃ rudampi manoharaṃ karavīkassa viya sussaraṃ sumadhuraṃ. Rañjayatevāti mama mano rañjatiyeva. Bindussaroti piṇḍitassaro. Māṇavohūti so hi māṇavo puratthā mama mitto ahu.
สุสนฺธิ สพฺพตฺถ วิมฎฺฐิมํ วณนฺติ ตาต ตสฺส มาณวสฺส อูรูนํ อนฺตเร เอกํ วณํ อตฺถิ, ตํ สุสนฺธิ สุผุสิตํ สิปฺปิปุฎมุขสทิสํ, สพฺพตฺถ วิมฎฺฐํ สมนฺตโต มฎฺฐํฯ ปุถูติ มหนฺตํฯ สุชาตนฺติ สุสณฺฐิตํฯ ขรปตฺตสนฺนิภนฺติ สุปุปฺผิตปทุมมกุฬสนฺนิภํฯ อุตฺตริยานาติ อุตฺตริตฺวา อวตฺถริตฺวาฯ ปิฬยีติ ปีเฬสิฯ ตปนฺตีติ ตสฺส มาณวสฺส สรีรโต นิจฺฉรนฺตา สุวณฺณวณฺณรํสิโย ชลนฺติ โอภาสนฺติ วิโรจนฺติ จฯ พาหาติ พาหาปิสฺส มุทูฯ อญฺชนโลมสาทิสาติ อญฺชนสทิเสหิ โลเมหิ สมนฺนาคตาฯ วิจิตฺรวฎฺฎงฺคุลิกาสฺส โสภเรติ หตฺถาปิสฺส วรลกฺขณวิจิตฺราหิ ปวาลงฺกุรสทิสาหิ วฎฺฎงฺคุลีหิ สมนฺนาคตา โสภนฺติฯ
Susandhi sabbattha vimaṭṭhimaṃ vaṇanti tāta tassa māṇavassa ūrūnaṃ antare ekaṃ vaṇaṃ atthi, taṃ susandhi suphusitaṃ sippipuṭamukhasadisaṃ, sabbattha vimaṭṭhaṃ samantato maṭṭhaṃ. Puthūti mahantaṃ. Sujātanti susaṇṭhitaṃ. Kharapattasannibhanti supupphitapadumamakuḷasannibhaṃ. Uttariyānāti uttaritvā avattharitvā. Piḷayīti pīḷesi. Tapantīti tassa māṇavassa sarīrato niccharantā suvaṇṇavaṇṇaraṃsiyo jalanti obhāsanti virocanti ca. Bāhāti bāhāpissa mudū. Añjanalomasādisāti añjanasadisehi lomehi samannāgatā. Vicitravaṭṭaṅgulikāssa sobhareti hatthāpissa varalakkhaṇavicitrāhi pavālaṅkurasadisāhi vaṭṭaṅgulīhi samannāgatā sobhanti.
อกกฺกสโงฺคติ กจฺฉุปีฬกาทิรหิตองฺคปจฺจโงฺคฯ รมยํ อุปฎฺฐหีติ มํ รมยโนฺต อุปฎฺฐหิ ปริจริฯ ตูลูปนิภาติ มุทุภาวสฺส อุปมาฯ สุวณฺณกมฺพุตลวฎฺฎสุจฺฉวีติ สุวณฺณมยํ อาทาสตลํ วิย วฎฺฎา จ สุจฺฉวิ จ, ปริมณฺฑลตลา เจว สุนฺทรจฺฉวิ จาติ อโตฺถฯ สมฺผุสิตฺวาติ สุฎฺฐุ ผุสิตฺวา อตฺตโน หตฺถสมฺผสฺสํ มม สรีเร ผราเปตฺวาฯ อิโต คโตติ มม โอโลเกนฺตเสฺสว อิโต คโตฯ เตน มํ ทหนฺตีติ เตน ตสฺส หตฺถสมฺผเสฺสน อิทานิ มํ ทหนฺติฯ ตถา หิ ตสฺส คตกาลโต ปฎฺฐาย มม สรีเร ฑาโห อุฎฺฐิโต, เตนมฺหิ โทมนสฺสปฺปโตฺต นิปโนฺนติฯ
Akakkasaṅgoti kacchupīḷakādirahitaaṅgapaccaṅgo. Ramayaṃ upaṭṭhahīti maṃ ramayanto upaṭṭhahi paricari. Tūlūpanibhāti mudubhāvassa upamā. Suvaṇṇakambutalavaṭṭasucchavīti suvaṇṇamayaṃ ādāsatalaṃ viya vaṭṭā ca succhavi ca, parimaṇḍalatalā ceva sundaracchavi cāti attho. Samphusitvāti suṭṭhu phusitvā attano hatthasamphassaṃ mama sarīre pharāpetvā. Ito gatoti mama olokentasseva ito gato. Tena maṃ dahantīti tena tassa hatthasamphassena idāni maṃ dahanti. Tathā hi tassa gatakālato paṭṭhāya mama sarīre ḍāho uṭṭhito, tenamhi domanassappatto nipannoti.
น นูน โส ขาริวิธนฺติ, ตาต, นูน โส มาณโว น ขาริภารํ อุกฺขิปิตฺวา วิจริฯ ขิลานีติ กิลานิ, ‘‘อยเมว วา ปาโฐฯ โสขฺยนฺติ สุขํฯ มาลุวปณฺณสนฺถตา วิกิณฺณรูปาวาติ, ตาต, อยํ ตว มาลุวปณฺณสนฺถตา อชฺช มยา จ เตน จ อญฺญมญฺญํ ปรามสนาลิงฺคนวเสน ปริวตฺตเนฺตหิ วิกิณฺณา วิย อากุลพฺยากุลา ชาตาฯ ปุนปฺปุนํ ปณฺณกุฎิํ วชามาติ, ตาต, อหญฺจ โส จ อภิรมิตฺวา กิลนฺตรูปา ปณฺณสาลโต นิกฺขมิตฺวา อุทกํ ปวิสิตฺวา รมิตฺวา วิคตทรถา ปุนปฺปุนํ อิมเมว กุฎิํ ปวิสามาติ วทติฯ
Nanūna so khārividhanti, tāta, nūna so māṇavo na khāribhāraṃ ukkhipitvā vicari. Khilānīti kilāni, ‘‘ayameva vā pāṭho. Sokhyanti sukhaṃ. Māluvapaṇṇasanthatā vikiṇṇarūpāvāti, tāta, ayaṃ tava māluvapaṇṇasanthatā ajja mayā ca tena ca aññamaññaṃ parāmasanāliṅganavasena parivattantehi vikiṇṇā viya ākulabyākulā jātā. Punappunaṃ paṇṇakuṭiṃ vajāmāti, tāta, ahañca so ca abhiramitvā kilantarūpā paṇṇasālato nikkhamitvā udakaṃ pavisitvā ramitvā vigatadarathā punappunaṃ imameva kuṭiṃ pavisāmāti vadati.
น มชฺช มนฺตาติ อชฺช มม ตสฺส คตกาลโต ปฎฺฐาย เนว มนฺตา ปฎิภนฺติ น อุปฎฺฐหนฺติ น รุจฺจนฺติฯ น อคฺคิหุตฺตํ นปิ ยญฺญตนฺตนฺติ มหาพฺรหฺมุโน อาราธนตฺถาย กตฺตพฺพโหมวิธูปนาทิยญฺญกิริยาปิ เม น ปฎิภาติ น อุปฎฺฐาติ น รุจฺจติฯ น จาปิ เตติ ตยา อาภตมูลผลาผลานิปิ น ภุญฺชามิฯ ยสฺสํ ทิสนฺติ ยสฺสํ ทิสายํฯ วนนฺติ ตสฺส มาณวสฺส อสฺสมํ ปริวาเรตฺวา ฐิตวนนฺติฯ
Na majja mantāti ajja mama tassa gatakālato paṭṭhāya neva mantā paṭibhanti na upaṭṭhahanti na ruccanti. Na aggihuttaṃ napi yaññatantanti mahābrahmuno ārādhanatthāya kattabbahomavidhūpanādiyaññakiriyāpi me na paṭibhāti na upaṭṭhāti na ruccati. Na cāpi teti tayā ābhatamūlaphalāphalānipi na bhuñjāmi. Yassaṃ disanti yassaṃ disāyaṃ. Vananti tassa māṇavassa assamaṃ parivāretvā ṭhitavananti.
ตเสฺสวํ วิลปนฺตสฺส ตํ วิลาปํ สุตฺวา มหาสโตฺต ‘‘เอกาย อิตฺถิยา อิมสฺส สีลํ ภินฺนํ ภวิสฺสตี’’ติ ญตฺวา ตํ โอวทโนฺต ฉ คาถาโย อภาสิ –
Tassevaṃ vilapantassa taṃ vilāpaṃ sutvā mahāsatto ‘‘ekāya itthiyā imassa sīlaṃ bhinnaṃ bhavissatī’’ti ñatvā taṃ ovadanto cha gāthāyo abhāsi –
๕๑.
51.
‘‘อิมสฺมาหํ โชติรเส วนมฺหิ, คนฺธพฺพเทวจฺฉรสงฺฆเสวิเต;
‘‘Imasmāhaṃ jotirase vanamhi, gandhabbadevaccharasaṅghasevite;
อิสีนมาวาเส สนนฺตนมฺหิ, เนตาทิสํ อรติํ ปาปุเณถฯ
Isīnamāvāse sanantanamhi, netādisaṃ aratiṃ pāpuṇetha.
๕๒.
52.
‘‘ภวนฺติ มิตฺตานิ อโถ น โหนฺติ, ญาตีสุ มิเตฺตสุ กโรนฺติ เปมํ;
‘‘Bhavanti mittāni atho na honti, ñātīsu mittesu karonti pemaṃ;
อยญฺจ ชโมฺม กิสฺส วา นิวิโฎฺฐ, โย เนว ชานาติ ‘กุโตมฺหิ อาคโต’ฯ
Ayañca jammo kissa vā niviṭṭho, yo neva jānāti ‘kutomhi āgato’.
๕๓.
53.
‘‘สํวาเสน หิ มิตฺตานิ, สนฺธียนฺติ ปุนปฺปุนํ;
‘‘Saṃvāsena hi mittāni, sandhīyanti punappunaṃ;
เสฺวว มิโตฺต อสํคนฺตุ, อสํวาเสน ชีรติฯ
Sveva mitto asaṃgantu, asaṃvāsena jīrati.
๕๔.
54.
‘‘สเจ ตุวํ ทกฺขสิ พฺรหฺมจาริํ, สเจ ตุวํ สลฺลเป พฺรหฺมจารินา;
‘‘Sace tuvaṃ dakkhasi brahmacāriṃ, sace tuvaṃ sallape brahmacārinā;
สมฺปนฺนสสฺสํว มโหทเกน, ตโปคุณํ ขิปฺปมิมํ ปหิสฺสสิฯ
Sampannasassaṃva mahodakena, tapoguṇaṃ khippamimaṃ pahissasi.
๕๕.
55.
‘‘ปุนปิ เจ ทกฺขสิ พฺรหฺมจาริํ, ปุนปิ เจ สลฺลเป พฺรหฺมจารินา;
‘‘Punapi ce dakkhasi brahmacāriṃ, punapi ce sallape brahmacārinā;
สมฺปนฺนสสฺสํว มโหทเกน, อุสฺมาคตํ ขิปฺปมิมํ ปหิสฺสสิฯ
Sampannasassaṃva mahodakena, usmāgataṃ khippamimaṃ pahissasi.
๕๖.
56.
‘‘ภูตานิ เหตานิ จรนฺติ ตาต, วิรูปรูเปน มนุสฺสโลเก;
‘‘Bhūtāni hetāni caranti tāta, virūparūpena manussaloke;
น ตานิ เสเวถ นโร สปโญฺญ, อาสชฺช นํ นสฺสติ พฺรหฺมจารี’’ติฯ
Na tāni sevetha naro sapañño, āsajja naṃ nassati brahmacārī’’ti.
ตตฺถ อิมสฺมาติ อิมสฺมิํฯ หนฺติ นิปาตมตฺตํฯ โชติรเสติ หูยมานสฺส โชติโน รํสิโอภาสิเตฯ สนนฺตนมฺหีติ โปราณเกฯ ปาปุเณถาติ ปาปุเณยฺยฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – ตาต, เอวรูเป วเน วสโนฺต ยํ อรติํ ตฺวํ ปโตฺต, เอตาทิสํ น ปาปุเณยฺย ปณฺฑิโต กุลปุโตฺต, ปตฺตุํ นารหตีติ อโตฺถฯ
Tattha imasmāti imasmiṃ. Hanti nipātamattaṃ. Jotiraseti hūyamānassa jotino raṃsiobhāsite. Sanantanamhīti porāṇake. Pāpuṇethāti pāpuṇeyya. Idaṃ vuttaṃ hoti – tāta, evarūpe vane vasanto yaṃ aratiṃ tvaṃ patto, etādisaṃ na pāpuṇeyya paṇḍito kulaputto, pattuṃ nārahatīti attho.
‘‘ภวนฺตี’’ติ อิมํ คาถํ มหาสโตฺต อโนฺตคตเมว ภาสติฯ อยเมตฺถ อธิปฺปาโย – โลเก สตฺตานํ มิตฺตานิ นาม โหนฺติปิ น โหนฺติปิ ตตฺถ เยสํ โหนฺติ, เต อตฺตโน ญาตีสุ จ มิเตฺตสุ จ เปมํ กโรนฺติฯ อยญฺจ ชโมฺมติ มิคสิโงฺค ลามโกฯ กิสฺส วา นิวิโฎฺฐติ เกน นาม การเณน ตสฺมิํ มาตุคาเม มิตฺตสญฺญาย นิวิโฎฺฐ, โส มิคิยา กุจฺฉิสฺมิํ นิพฺพตฺติตฺวา อรเญฺญ วฑฺฒิตตฺตา ‘‘กุโตมฺหิ อาคโต’’ติ อตฺตโน อาคตฎฺฐานมตฺตมฺปิ น ชานาติ, ปเคว ญาติมิเตฺตติฯ
‘‘Bhavantī’’ti imaṃ gāthaṃ mahāsatto antogatameva bhāsati. Ayamettha adhippāyo – loke sattānaṃ mittāni nāma hontipi na hontipi tattha yesaṃ honti, te attano ñātīsu ca mittesu ca pemaṃ karonti. Ayañca jammoti migasiṅgo lāmako. Kissa vā niviṭṭhoti kena nāma kāraṇena tasmiṃ mātugāme mittasaññāya niviṭṭho, so migiyā kucchismiṃ nibbattitvā araññe vaḍḍhitattā ‘‘kutomhi āgato’’ti attano āgataṭṭhānamattampi na jānāti, pageva ñātimitteti.
ปุนปฺปุนนฺติ, ตาต, มิตฺตานิ นาม ปุนปฺปุนํ สํวาเสน สํเสวเนน สนฺธียนฺติ ฆฎียนฺติฯ เสฺวว มิโตฺตติ โส เอว มิโตฺต อสํคนฺตุ อสมาคจฺฉนฺตสฺส ปุริสสฺส เตน อสมาคมสงฺขาเตน อสํวาเสน ชีรติ วินสฺสติ ฯ สเจติ ตสฺมา, ตาต, สเจ ตฺวํ ปุนปิ ตํ ทกฺขสิ, เตน วา สลฺลปิสฺสสิ, อถ ยถา นาม นิปฺผนฺนสสฺสํ มโหเฆน หรียติ, เอวํ อิมํ อตฺตโน ตโปคุณํ ปหิสฺสสิ หาเรสฺสสีติ อโตฺถฯ อุสฺมาคตนฺติ สมณเตชํฯ
Punappunanti, tāta, mittāni nāma punappunaṃ saṃvāsena saṃsevanena sandhīyanti ghaṭīyanti. Sveva mittoti so eva mitto asaṃgantu asamāgacchantassa purisassa tena asamāgamasaṅkhātena asaṃvāsena jīrati vinassati . Saceti tasmā, tāta, sace tvaṃ punapi taṃ dakkhasi, tena vā sallapissasi, atha yathā nāma nipphannasassaṃ mahoghena harīyati, evaṃ imaṃ attano tapoguṇaṃ pahissasi hāressasīti attho. Usmāgatanti samaṇatejaṃ.
วิรูปรูเปนาติ วิวิธรูเปนฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – ตาต, มนุสฺสโลกสฺมิญฺหิ เอตานิ ยกฺขินิสงฺขาตานิ ภูตานิ วิวิธรูปปฎิจฺฉเนฺนน อตฺตโน รูเปน อตฺตโน วสํ คเต ขาทิตุํ จรนฺติ, ตานิ สปโญฺญ นโร น เสเวถฯ ตาทิสญฺหิ ภูตํ อาสชฺช นํ ปตฺวา นสฺสติ พฺรหฺมจารี, ทิโฎฺฐสิ ตาย ยกฺขินิยา น ขาทิโตติ ปุตฺตํ โอวทิฯ
Virūparūpenāti vividharūpena. Idaṃ vuttaṃ hoti – tāta, manussalokasmiñhi etāni yakkhinisaṅkhātāni bhūtāni vividharūpapaṭicchannena attano rūpena attano vasaṃ gate khādituṃ caranti, tāni sapañño naro na sevetha. Tādisañhi bhūtaṃ āsajja naṃ patvā nassati brahmacārī, diṭṭhosi tāya yakkhiniyā na khāditoti puttaṃ ovadi.
โส ปิตุ กถํ สุตฺวา ‘‘ยกฺขินี กิร สา’’ติ ภีโต จิตฺตํ นิวเตฺตตฺวา ‘‘ตาต, เอโตฺต น คมิสฺสามิ, ขมถ เม’’ติ ขมาเปสิฯ โสปิ นํ สมสฺสาเสตฺวา ‘‘เอหิ ตฺวํ, มาณว, เมตฺตํ ภาเวหิ, กรุณํ, มุทิตํ, อุเปกฺข’’นฺติ พฺรหฺมวิหารภาวนํ อาจิกฺขิฯ โส ตถา ปฎิปชฺชิตฺวา ปุน ฌานาภิญฺญา นิพฺพเตฺตสิฯ
So pitu kathaṃ sutvā ‘‘yakkhinī kira sā’’ti bhīto cittaṃ nivattetvā ‘‘tāta, etto na gamissāmi, khamatha me’’ti khamāpesi. Sopi naṃ samassāsetvā ‘‘ehi tvaṃ, māṇava, mettaṃ bhāvehi, karuṇaṃ, muditaṃ, upekkha’’nti brahmavihārabhāvanaṃ ācikkhi. So tathā paṭipajjitvā puna jhānābhiññā nibbattesi.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน อุกฺกณฺฐิตภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐหิฯ ตทา นิฬินิกา ปุราณทุติยิกา อโหสิ, อิสิสิโงฺค อุกฺกณฺฐิตภิกฺขุ, ปิตา ปน อหเมว อโหสินฺติฯ
Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā saccāni pakāsetvā jātakaṃ samodhānesi, saccapariyosāne ukkaṇṭhitabhikkhu sotāpattiphale patiṭṭhahi. Tadā niḷinikā purāṇadutiyikā ahosi, isisiṅgo ukkaṇṭhitabhikkhu, pitā pana ahameva ahosinti.
นิฬินิกาชาตกวณฺณนา ปฐมาฯ
Niḷinikājātakavaṇṇanā paṭhamā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๕๒๖. นิฬินิกาชาตกํ • 526. Niḷinikājātakaṃ