Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / จูฬวคฺค-อฎฺฐกถา • Cūḷavagga-aṭṭhakathā |
นิมนฺตนภตฺตกถา
Nimantanabhattakathā
นิมนฺตนํ ปุคฺคลิกเญฺจ, สยเมว อิสฺสโรฯ สงฺฆิกํ ปน อุเทฺทสภเตฺต วุตฺตนเยเนว คาเหตพฺพํฯ สเจ ปเนตฺถ ทูโต พฺยโตฺต โหติ, ‘‘ภเนฺต , ราชเคเห ภิกฺขุสงฺฆสฺส ภตฺตํ คณฺหถา’’ติ อวตฺวา ‘‘ภิกฺขํ คณฺหถา’’ติ วทติ, ปิณฺฑปาติกานมฺปิ วฎฺฎติฯ อถ ทูโต อพฺยโตฺต ‘‘ภตฺตํ คณฺหถา’’ติ วทติ, ภตฺตุเทฺทสโก พฺยโตฺต ‘‘ภตฺต’’นฺติ อวตฺวา ‘‘ภเนฺต, ตุเมฺห ยาถา’’ติ วทติ; เอวมฺปิ ปิณฺฑปาติกานมฺปิ วฎฺฎติฯ ตุมฺหากํ ปฎิปาฎิยา ‘‘ภตฺตํ ปาปุณาตี’’ติ วุเตฺต ปน น วฎฺฎติฯ สเจ นิมเนฺตตุํ อาคตมนุโสฺส อาสนสาลํ ปวิสิตฺวา ‘‘อฎฺฐ ภิกฺขู เทถา’’ติ วา ‘‘อฎฺฐ ปเตฺต เทถา’’ติ วา วทติ; เอวมฺปิ ปิณฺฑปาติกานํ วฎฺฎติ, ‘‘ตุเมฺห จ ตุเมฺห จ คจฺฉถา’’ติ วตฺตพฺพํฯ สเจ ปน ‘‘อฎฺฐ ภิกฺขู เทถ; ภตฺตํ คณฺหถ, อฎฺฐ ปเตฺต เทถ; ภตฺตํ คณฺหถา’’ติ วทติ, ปฎิปาฎิยา คาเหตพฺพํฯ คาเหเนฺตน ปน วิจฺฉินฺทิตฺวา ‘‘ภตฺต’’นฺติ อวทเนฺตน ‘‘ตุเมฺห จ ตุเมฺห จ คจฺฉถา’’ติ วุเตฺต ปิณฺฑปาติกานํ วฎฺฎติฯ ‘‘ภเนฺต, ตุมฺหากํ ปตฺตํ เทถ, ตุเมฺห เอถา’’ติ วุเตฺต ปน ‘‘สาธุ, อุปาสกา’’ติ คนฺตพฺพํฯ สงฺฆโต อุทฺทิสิตฺวา ‘‘ตุเมฺห เอถา’’ติ วุเตฺตปิ ยถาฐิติกาย คาเหตพฺพํฯ
Nimantanaṃ puggalikañce, sayameva issaro. Saṅghikaṃ pana uddesabhatte vuttanayeneva gāhetabbaṃ. Sace panettha dūto byatto hoti, ‘‘bhante , rājagehe bhikkhusaṅghassa bhattaṃ gaṇhathā’’ti avatvā ‘‘bhikkhaṃ gaṇhathā’’ti vadati, piṇḍapātikānampi vaṭṭati. Atha dūto abyatto ‘‘bhattaṃ gaṇhathā’’ti vadati, bhattuddesako byatto ‘‘bhatta’’nti avatvā ‘‘bhante, tumhe yāthā’’ti vadati; evampi piṇḍapātikānampi vaṭṭati. Tumhākaṃ paṭipāṭiyā ‘‘bhattaṃ pāpuṇātī’’ti vutte pana na vaṭṭati. Sace nimantetuṃ āgatamanusso āsanasālaṃ pavisitvā ‘‘aṭṭha bhikkhū dethā’’ti vā ‘‘aṭṭha patte dethā’’ti vā vadati; evampi piṇḍapātikānaṃ vaṭṭati, ‘‘tumhe ca tumhe ca gacchathā’’ti vattabbaṃ. Sace pana ‘‘aṭṭha bhikkhū detha; bhattaṃ gaṇhatha, aṭṭha patte detha; bhattaṃ gaṇhathā’’ti vadati, paṭipāṭiyā gāhetabbaṃ. Gāhentena pana vicchinditvā ‘‘bhatta’’nti avadantena ‘‘tumhe ca tumhe ca gacchathā’’ti vutte piṇḍapātikānaṃ vaṭṭati. ‘‘Bhante, tumhākaṃ pattaṃ detha, tumhe ethā’’ti vutte pana ‘‘sādhu, upāsakā’’ti gantabbaṃ. Saṅghato uddisitvā ‘‘tumhe ethā’’ti vuttepi yathāṭhitikāya gāhetabbaṃ.
นิมนฺตนภตฺตฆรโต ปน ปตฺตตฺถาย อาคตสฺส อุเทฺทสภเตฺต วุตฺตนเยเนว ฐิติกาย ปโตฺต ทาตโพฺพฯ เอโก ‘‘สงฺฆโต ปฎิปาฎิยา ปตฺต’’นฺติ อวตฺวา เกวลํ ‘‘เอกํ ปตฺตํ เทถา’’ติ วตฺวา อคาหิเตเยว ปเตฺต ยสฺส กสฺสจิ ปตฺตํ คเหตฺวา ปูเรตฺวา อาหรติ, ตํ ปตฺตสามิกเสฺสว โหติ, อุเทฺทสภเตฺต วิย ฐิติกาย น คาเหตพฺพํฯ อิธาปิ โย อาคนฺตฺวา ตุณฺหีภูโต ติฎฺฐติ, โส ‘‘กสฺส สนฺติกํ อาคโตสี’’ติ วา ‘‘กสฺส ปตฺตํ หริสฺสสี’’ติ วา น วตฺตโพฺพฯ
Nimantanabhattagharato pana pattatthāya āgatassa uddesabhatte vuttanayeneva ṭhitikāya patto dātabbo. Eko ‘‘saṅghato paṭipāṭiyā patta’’nti avatvā kevalaṃ ‘‘ekaṃ pattaṃ dethā’’ti vatvā agāhiteyeva patte yassa kassaci pattaṃ gahetvā pūretvā āharati, taṃ pattasāmikasseva hoti, uddesabhatte viya ṭhitikāya na gāhetabbaṃ. Idhāpi yo āgantvā tuṇhībhūto tiṭṭhati, so ‘‘kassa santikaṃ āgatosī’’ti vā ‘‘kassa pattaṃ harissasī’’ti vā na vattabbo.
ปุจฺฉาสภาเคน หิ ‘‘ตุมฺหากํ สนฺติกํ อาคโต, ตุมฺหากํ ปตฺตํ หริสฺสามี’’ติ วเทยฺย, ตโต โส ภิกฺขุ ภิกฺขูหิ ชิคุจฺฉนีโย อสฺสฯ ‘‘กุหิํ คจฺฉสิ, กิํ กโรโนฺต อาหิณฺฑสี’’ติ ปน วุเตฺต ‘‘ตสฺส ปตฺตตฺถาย อาคโตมฺหี’’ติ วทนฺตสฺส ปฎิปาฎิยา ภตฺตฎฺฐิติกาย คาเหตฺวา ปโตฺต ทาตโพฺพฯ ‘‘ภตฺตาหรณกปตฺตํ เทถา’’ติ วุเตฺตปิ ปฎิปาฎิยา ภตฺตฎฺฐิติกาย เอว ทาตโพฺพฯ สเจ อาหริตฺวา ‘‘สโพฺพ สโงฺฆ ภุญฺชตู’’ติ วทติ, ภาเชตฺวา ภุญฺชิตพฺพํฯ ปตฺตสามิกสฺส อติกฺกนฺตมฺปิ ฐิติกํ ฐเปตฺวา อญฺญํ ปฎิปาฎิภตฺตํ คาเหตพฺพํฯ
Pucchāsabhāgena hi ‘‘tumhākaṃ santikaṃ āgato, tumhākaṃ pattaṃ harissāmī’’ti vadeyya, tato so bhikkhu bhikkhūhi jigucchanīyo assa. ‘‘Kuhiṃ gacchasi, kiṃ karonto āhiṇḍasī’’ti pana vutte ‘‘tassa pattatthāya āgatomhī’’ti vadantassa paṭipāṭiyā bhattaṭṭhitikāya gāhetvā patto dātabbo. ‘‘Bhattāharaṇakapattaṃ dethā’’ti vuttepi paṭipāṭiyā bhattaṭṭhitikāya eva dātabbo. Sace āharitvā ‘‘sabbo saṅgho bhuñjatū’’ti vadati, bhājetvā bhuñjitabbaṃ. Pattasāmikassa atikkantampi ṭhitikaṃ ṭhapetvā aññaṃ paṭipāṭibhattaṃ gāhetabbaṃ.
เอโก ปาติยา ภตฺตํ อาหริตฺวา ‘‘สงฺฆสฺส ทมฺมี’’ติ วทติ, อาโลปภตฺตฎฺฐิติกโต ปฎฺฐาย อาโลปสเงฺขเปน ภาเชตพฺพํฯ สเจ ปน ตุณฺหีภูโต อจฺฉติ, ‘‘กสฺส เต อาภตํ, กสฺส ทาตุกาโมสี’’ติ น วตฺตโพฺพฯ สเจ ปน ‘‘กุหิํ คจฺฉสิ, กิํ กโรโนฺต อาหิณฺฑสี’’ติ วุเตฺต ‘‘สงฺฆสฺส เม ภตฺตํ อาภตํ, เถรานํ เม ภตฺตํ อาภต’’นฺติ วทติ, คเหตฺวา อาโลปภตฺตฎฺฐิติกาย ภาเชตพฺพํฯ สเจ ปน เอวํ อาภตํ พหุํ โหติ, สกลสฺส สงฺฆสฺส พหุ โหติ, อภิหฎภิกฺขา นาม ปิณฺฑปาติกานมฺปิ วฎฺฎติ, ฐิติกาปุจฺฉนกิจฺจํ นตฺถิ, เถราสนโต ปฎฺฐาย ปตฺตํ ปูเรตฺวา ทาตพฺพํฯ
Eko pātiyā bhattaṃ āharitvā ‘‘saṅghassa dammī’’ti vadati, ālopabhattaṭṭhitikato paṭṭhāya ālopasaṅkhepena bhājetabbaṃ. Sace pana tuṇhībhūto acchati, ‘‘kassa te ābhataṃ, kassa dātukāmosī’’ti na vattabbo. Sace pana ‘‘kuhiṃ gacchasi, kiṃ karonto āhiṇḍasī’’ti vutte ‘‘saṅghassa me bhattaṃ ābhataṃ, therānaṃ me bhattaṃ ābhata’’nti vadati, gahetvā ālopabhattaṭṭhitikāya bhājetabbaṃ. Sace pana evaṃ ābhataṃ bahuṃ hoti, sakalassa saṅghassa bahu hoti, abhihaṭabhikkhā nāma piṇḍapātikānampi vaṭṭati, ṭhitikāpucchanakiccaṃ natthi, therāsanato paṭṭhāya pattaṃ pūretvā dātabbaṃ.
อุปาสโก สงฺฆเตฺถรสฺส วา คนฺถธุตงฺควเสน อภิญฺญาตสฺส วา ภตฺตุเทฺทสกสฺส วา ปหิณาติ ‘‘อมฺหากํ ภตฺตคหณตฺถาย อฎฺฐ ภิกฺขู คเหตฺวา อาคจฺฉถา’’ติ, สเจปิ ญาติอุปฎฺฐาเกหิ เปสิตํ โหติ, อิเม ตโย ชนา ปุจฺฉิตุํ น ลภนฺติ, อารุฬฺหาเยว มาติกํ, สงฺฆโต อฎฺฐ ภิกฺขู อุทฺทิสาเปตฺวา อตฺตนวเมหิ คนฺตพฺพํฯ กสฺมา? ภิกฺขุสงฺฆสฺส หิ เอเต ภิกฺขู นิสฺสาย ลาโภ อุปฺปชฺชตีติฯ คนฺถธุตงฺคาทีหิ ปน อนภิญฺญาโต อาวาสิกภิกฺขุ ปุจฺฉิตุํ ลภติ, ตสฺมา เตน ‘‘กิํ สงฺฆโต คณฺหามิ, อุทาหุ เย ชานามิ, เตหิ สทฺธิํ อาคจฺฉามี’’ติ มาติกํ อาโรเปตฺวา ยถา ทายกา วทนฺติ, ตถา ปฎิปชฺชิตพฺพํฯ ‘‘ตุมฺหากํ นิสฺสิตเก วา เย วา ชานาถ, เต คเหตฺวา เอถา’’ติ วุเตฺต ปน เย อิจฺฉนฺติ, เตหิ สทฺธิํ คนฺตุํ ลภติฯ สเจ ‘‘อฎฺฐ ภิกฺขู ปหิณถา’’ติ เปเสนฺติ, สงฺฆโตว เปเสตพฺพาฯ อตฺตนา สเจ อญฺญสฺมิํ คาเม สกฺกา โหติ ภิกฺขา ลภิตุํ, อโญฺญ คาโม คนฺตโพฺพฯ น สกฺกา เจ โหติ ลภิตุํ, โสเยว คาโม ปิณฺฑาย ปวิสิตโพฺพฯ
Upāsako saṅghattherassa vā ganthadhutaṅgavasena abhiññātassa vā bhattuddesakassa vā pahiṇāti ‘‘amhākaṃ bhattagahaṇatthāya aṭṭha bhikkhū gahetvā āgacchathā’’ti, sacepi ñātiupaṭṭhākehi pesitaṃ hoti, ime tayo janā pucchituṃ na labhanti, āruḷhāyeva mātikaṃ, saṅghato aṭṭha bhikkhū uddisāpetvā attanavamehi gantabbaṃ. Kasmā? Bhikkhusaṅghassa hi ete bhikkhū nissāya lābho uppajjatīti. Ganthadhutaṅgādīhi pana anabhiññāto āvāsikabhikkhu pucchituṃ labhati, tasmā tena ‘‘kiṃ saṅghato gaṇhāmi, udāhu ye jānāmi, tehi saddhiṃ āgacchāmī’’ti mātikaṃ āropetvā yathā dāyakā vadanti, tathā paṭipajjitabbaṃ. ‘‘Tumhākaṃ nissitake vā ye vā jānātha, te gahetvā ethā’’ti vutte pana ye icchanti, tehi saddhiṃ gantuṃ labhati. Sace ‘‘aṭṭha bhikkhū pahiṇathā’’ti pesenti, saṅghatova pesetabbā. Attanā sace aññasmiṃ gāme sakkā hoti bhikkhā labhituṃ, añño gāmo gantabbo. Na sakkā ce hoti labhituṃ, soyeva gāmo piṇḍāya pavisitabbo.
นิมนฺติตภิกฺขู อาสนสาลาย นิสินฺนา โหนฺติ, ตตฺร เจ มนุสฺสา ‘‘ปเตฺต เทถา’’ติ อาคจฺฉนฺติ, อนิมนฺติเตหิ น ทาตพฺพาฯ ‘‘เอเต นิมนฺติตภิกฺขู’’ติ วตฺตพฺพํฯ ‘‘ตุเมฺหปิ เทถา’’ติ วุเตฺต ปน ทาตุํ วฎฺฎติฯ อุสฺสวาทีสุ มนุสฺสา สยเมว ปริเวณานิ จ ปธานฆรานิ จ คนฺตฺวา ติปิฎเก จ ธมฺมกถิเก จ ภิกฺขุสเตนปิ สทฺธิํ นิมเนฺตนฺติฯ ตทา เยปิ ชานนฺติ, เต คเหตฺวา คนฺตุํ วฎฺฎติฯ กสฺมา? น หิ มหาภิกฺขุสเงฺฆน อตฺถิกา มนุสฺสา ปริเวณานิ จ ปธานฆรานิ คจฺฉนฺติ, สนฺนิปาตฎฺฐานโตว ยถาสตฺติ ยถาพลํ ภิกฺขู คณฺหิตฺวา คจฺฉนฺตีติฯ
Nimantitabhikkhū āsanasālāya nisinnā honti, tatra ce manussā ‘‘patte dethā’’ti āgacchanti, animantitehi na dātabbā. ‘‘Ete nimantitabhikkhū’’ti vattabbaṃ. ‘‘Tumhepi dethā’’ti vutte pana dātuṃ vaṭṭati. Ussavādīsu manussā sayameva pariveṇāni ca padhānagharāni ca gantvā tipiṭake ca dhammakathike ca bhikkhusatenapi saddhiṃ nimantenti. Tadā yepi jānanti, te gahetvā gantuṃ vaṭṭati. Kasmā? Na hi mahābhikkhusaṅghena atthikā manussā pariveṇāni ca padhānagharāni gacchanti, sannipātaṭṭhānatova yathāsatti yathābalaṃ bhikkhū gaṇhitvā gacchantīti.
สเจ ปน สงฺฆเตฺถโร วา คนฺถธุตงฺควเสน อภิญฺญาตโก วา ภตฺตุเทฺทสโก วา อญฺญตฺร วา วสฺสํ วสิตฺวา กตฺถจิ วา คนฺตฺวา ปุน สกฎฺฐานํ อาคจฺฉนฺติ, มนุสฺสา จ อาคนฺตุกสฺส สกฺการํ กโรนฺติ, เอกวารํ เย ชานนฺติ, เต คเหตฺวา คนฺตพฺพํฯ ปฎิพทฺธกาลโต ปน ปฎฺฐาย ทุติยวาเร อารเทฺธ สงฺฆโตเยว คเหตฺวา คนฺตพฺพํฯ อภินวอาคนฺตุกาว หุตฺวา ญาตี วา อุปฎฺฐาเก วา ปสฺสิสฺสามาติ คจฺฉนฺติ, ตตฺร เตสํ ญาตี จ อุปฎฺฐากา จ สกฺการํ กโรนฺติฯ เอตฺถ ปน เย ชานนฺติ, เต คเหตฺวา คนฺตุํ วฎฺฎติฯ
Sace pana saṅghatthero vā ganthadhutaṅgavasena abhiññātako vā bhattuddesako vā aññatra vā vassaṃ vasitvā katthaci vā gantvā puna sakaṭṭhānaṃ āgacchanti, manussā ca āgantukassa sakkāraṃ karonti, ekavāraṃ ye jānanti, te gahetvā gantabbaṃ. Paṭibaddhakālato pana paṭṭhāya dutiyavāre āraddhe saṅghatoyeva gahetvā gantabbaṃ. Abhinavaāgantukāva hutvā ñātī vā upaṭṭhāke vā passissāmāti gacchanti, tatra tesaṃ ñātī ca upaṭṭhākā ca sakkāraṃ karonti. Ettha pana ye jānanti, te gahetvā gantuṃ vaṭṭati.
โย ปน อติลาภี โหติ, สกฎฺฐานญฺจ อาคนฺตุกฎฺฐานญฺจ เอกสทิสํ, สพฺพตฺถ มนุสฺสา สงฺฆภตฺตํ สเชฺชตฺวาว นิสีทนฺติ, เตน สงฺฆโตว คเหตฺวา คนฺตพฺพนฺติ อยํ นิมนฺตเน วิเสโสฯ อวเสโส สพฺพปโญฺห อุเทฺทสภเตฺต วุตฺตนเยเนว เวทิตโพฺพฯ กุรุนฺทิยํ ปน ‘‘อฎฺฐ มหาเถเร เทถา’’ติ วุเตฺต ‘‘อฎฺฐ มหาเถราว ทาตพฺพา’’ติ วุตฺตํฯ เอส นโย มชฺฌิมาทีสุฯ สเจ ปน อวิเสเสตฺวา ‘‘อฎฺฐ ภิกฺขู เทถา’’ติ วทติ, สงฺฆโต ทาตพฺพาฯ
Yo pana atilābhī hoti, sakaṭṭhānañca āgantukaṭṭhānañca ekasadisaṃ, sabbattha manussā saṅghabhattaṃ sajjetvāva nisīdanti, tena saṅghatova gahetvā gantabbanti ayaṃ nimantane viseso. Avaseso sabbapañho uddesabhatte vuttanayeneva veditabbo. Kurundiyaṃ pana ‘‘aṭṭha mahāthere dethā’’ti vutte ‘‘aṭṭha mahātherāva dātabbā’’ti vuttaṃ. Esa nayo majjhimādīsu. Sace pana avisesetvā ‘‘aṭṭha bhikkhū dethā’’ti vadati, saṅghato dātabbā.
นิมนฺตนภตฺตกถา นิฎฺฐิตาฯ
Nimantanabhattakathā niṭṭhitā.