Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มิลินฺทปญฺหปาฬิ • Milindapañhapāḷi

    ๒. นิปฺปปญฺจวโคฺค

    2. Nippapañcavaggo

    ๑. นิปฺปปญฺจปโญฺห

    1. Nippapañcapañho

    . ‘‘ภเนฺต นาคเสน, ภาสิตเมฺปตํ ภควตา ‘นิปฺปปญฺจารามา, ภิกฺขเว, วิหรถ นิปฺปปญฺจรติโน’ติ, กตมํ ตํ นิปฺปปญฺจ’’นฺติ? ‘‘โสตาปตฺติผลํ, มหาราช, นิปฺปปญฺจํ, สกทาคามิผลํ นิปฺปปญฺจํ, อนาคามิผลํ นิปฺปปญฺจํ, อรหตฺตผลํ นิปฺปปญฺจ’’นฺติฯ

    1. ‘‘Bhante nāgasena, bhāsitampetaṃ bhagavatā ‘nippapañcārāmā, bhikkhave, viharatha nippapañcaratino’ti, katamaṃ taṃ nippapañca’’nti? ‘‘Sotāpattiphalaṃ, mahārāja, nippapañcaṃ, sakadāgāmiphalaṃ nippapañcaṃ, anāgāmiphalaṃ nippapañcaṃ, arahattaphalaṃ nippapañca’’nti.

    ‘‘ยทิ, ภเนฺต นาคเสน, โสตาปตฺติผลํ นิปฺปปญฺจํ, สกทาคามิอนาคามิอรหตฺตผลํ นิปฺปปญฺจํ , กิสฺส ปน อิเม ภิกฺขู อุทฺทิสนฺติ ปริปุจฺฉนฺติ สุตฺตํ เคยฺยํ เวยฺยากรณํ คาถํ อุทานํ อิติวุตฺตกํ ชาตกํ อพฺภุตธมฺมํ เวทลฺลํ, นวกเมฺมน ปลิพุชฺฌนฺติ ทาเนน จ ปูชาย จ, นนุ เต ชินปฺปฎิกฺขิตฺตํ กมฺมํ กโรตี’’ติ?

    ‘‘Yadi, bhante nāgasena, sotāpattiphalaṃ nippapañcaṃ, sakadāgāmianāgāmiarahattaphalaṃ nippapañcaṃ , kissa pana ime bhikkhū uddisanti paripucchanti suttaṃ geyyaṃ veyyākaraṇaṃ gāthaṃ udānaṃ itivuttakaṃ jātakaṃ abbhutadhammaṃ vedallaṃ, navakammena palibujjhanti dānena ca pūjāya ca, nanu te jinappaṭikkhittaṃ kammaṃ karotī’’ti?

    ‘‘เย เต, มหาราช, ภิกฺขู อุทฺทิสนฺติ ปริปุจฺฉนฺติ สุตฺตํ เคยฺยํ เวยฺยากรณํ คาถํ อุทานํ อิติวุตฺตกํ ชาตกํ อพฺภุตธมฺมํ เวทลฺลํ, นวกเมฺมน ปลิพุชฺฌนฺติ ทาเนน จ ปูชาย จ, สเพฺพ เต นิปฺปปญฺจสฺส ปตฺติยา กโรนฺติฯ เย เต, มหาราช, สภาวปริสุทฺธา ปุเพฺพ วาสิตวาสนา, เต เอกจิตฺตกฺขเณน นิปฺปปจ โหนฺติฯ เย ปน เต ภิกฺขู มหารชกฺขา, เต อิเมหิ ปโยเคหิ นิปฺปปญฺจา โหนฺติฯ

    ‘‘Ye te, mahārāja, bhikkhū uddisanti paripucchanti suttaṃ geyyaṃ veyyākaraṇaṃ gāthaṃ udānaṃ itivuttakaṃ jātakaṃ abbhutadhammaṃ vedallaṃ, navakammena palibujjhanti dānena ca pūjāya ca, sabbe te nippapañcassa pattiyā karonti. Ye te, mahārāja, sabhāvaparisuddhā pubbe vāsitavāsanā, te ekacittakkhaṇena nippapaca honti. Ye pana te bhikkhū mahārajakkhā, te imehi payogehi nippapañcā honti.

    ‘‘ยถา, มหาราช, เอโก ปุริโส เขเตฺต พีชํ โรเปตฺวา อตฺตโน ยถาพลวีริเยน วินา ปาการวติยา ธญฺญํ อุทฺธเรยฺย, เอโก ปุริโส เขเตฺต พีชํ โรเปตฺวา วนํ ปวิสิตฺวา กฎฺฐญฺจ สาขญฺจ ฉินฺทิตฺวา วติปาการํ กตฺวา ธญฺญํ อุทฺธเรยฺยฯ ยา ตตฺถ ตสฺส วติปาการปริเยสนา, สา ธญฺญตฺถายฯ เอวเมว โข, มหาราช, เย เต สภาวปริสุทฺธา ปุเพฺพ วาสิตวาสนา, เต เอกจิตฺตกฺขเณน นิปฺปปญฺจา โหนฺติ, วินา วติปาการํ ปุริโส วิย ธญฺญุทฺธาโรฯ เย ปน เต ภิกฺขู มหารชกฺขา, เต อิเมหิ ปโยเคหิ นิปฺปปญฺจา โหนฺติ, วติปาการํ กตฺวา ปุริโส วิย ธญฺญุทฺธาโรฯ

    ‘‘Yathā, mahārāja, eko puriso khette bījaṃ ropetvā attano yathābalavīriyena vinā pākāravatiyā dhaññaṃ uddhareyya, eko puriso khette bījaṃ ropetvā vanaṃ pavisitvā kaṭṭhañca sākhañca chinditvā vatipākāraṃ katvā dhaññaṃ uddhareyya. Yā tattha tassa vatipākārapariyesanā, sā dhaññatthāya. Evameva kho, mahārāja, ye te sabhāvaparisuddhā pubbe vāsitavāsanā, te ekacittakkhaṇena nippapañcā honti, vinā vatipākāraṃ puriso viya dhaññuddhāro. Ye pana te bhikkhū mahārajakkhā, te imehi payogehi nippapañcā honti, vatipākāraṃ katvā puriso viya dhaññuddhāro.

    ‘‘ยถา วา ปน, มหาราช, ปุริโส มหติมหเนฺต อมฺพรุกฺขมตฺถเก ผลปิณฺฑิ ภเวยฺย, อถ ตตฺถ โย โกจิ อิทฺธิมา อาคนฺตฺวา ตสฺส ผลํ หเรยฺย, โย ปน ตตฺถ อนิทฺธิมา, โส กฎฺฐญฺจ วลฺลิญฺจ ฉินฺทิตฺวา นิเสฺสณิํ พนฺธิตฺวา ตาย ตํ รุกฺขํ อภิรุหิตฺวา ผลํ หเรยฺยฯ ยา ตตฺถ ตสฺส นิเสฺสณิปริเยสนา, สา ผลตฺถายฯ เอวเมว โข, มหาราช, เย เต สภาวปริสุทฺธา ปุเพฺพ วาสิตวาสนา, เต เอกจิตฺตกฺขเณน นิปฺปปญฺจา โหนฺติ, อิทฺธิมา วิย รุกฺขผลํ หรโนฺตฯ เย ปน เต ภิกฺขู มหารชกฺขา, เต อิมินา ปโยเคน สจฺจานิ อภิสเมนฺติ, นิเสฺสณิยา วิย ปุริโส รุกฺขผลํ หรโนฺต ฯ

    ‘‘Yathā vā pana, mahārāja, puriso mahatimahante ambarukkhamatthake phalapiṇḍi bhaveyya, atha tattha yo koci iddhimā āgantvā tassa phalaṃ hareyya, yo pana tattha aniddhimā, so kaṭṭhañca valliñca chinditvā nisseṇiṃ bandhitvā tāya taṃ rukkhaṃ abhiruhitvā phalaṃ hareyya. Yā tattha tassa nisseṇipariyesanā, sā phalatthāya. Evameva kho, mahārāja, ye te sabhāvaparisuddhā pubbe vāsitavāsanā, te ekacittakkhaṇena nippapañcā honti, iddhimā viya rukkhaphalaṃ haranto. Ye pana te bhikkhū mahārajakkhā, te iminā payogena saccāni abhisamenti, nisseṇiyā viya puriso rukkhaphalaṃ haranto .

    ‘‘ยถา วา ปน, มหาราช, เอโก ปุริโส อตฺถกรณิโก เอกโก เยว สามิกํ อุปคนฺตฺวา อตฺถํ สาเธติฯ เอโก ธนวา ธนวเสน ปริสํ วเฑฺฒตฺวา ปริสาย อตฺถํ สาเธติฯ ยา ตตฺถ ตสฺส ปริสปริเยสนา, สา อตฺถตฺถายฯ เอวเมว โข, มหาราช, เย เต สภาวปริสุทฺธา ปุเพฺพ วาสิตวาสนา, เต เอกจิตฺตกฺขเณน ฉสุ อภิญฺญาสุ วสิภาวํ ปาปุณนฺติ, ปุริโส วิย เอกโก อตฺถสิทฺธิํ กโรโนฺตฯ เย ปน เต ภิกฺขู มหารชกฺขา, เต อิเมหิ ปโยเคหิ สามญฺญตฺถมภิสาเธนฺติ, ปริสาย วิย ปุริโส อตฺถสิทฺธิํ กโรโนฺตฯ

    ‘‘Yathā vā pana, mahārāja, eko puriso atthakaraṇiko ekako yeva sāmikaṃ upagantvā atthaṃ sādheti. Eko dhanavā dhanavasena parisaṃ vaḍḍhetvā parisāya atthaṃ sādheti. Yā tattha tassa parisapariyesanā, sā atthatthāya. Evameva kho, mahārāja, ye te sabhāvaparisuddhā pubbe vāsitavāsanā, te ekacittakkhaṇena chasu abhiññāsu vasibhāvaṃ pāpuṇanti, puriso viya ekako atthasiddhiṃ karonto. Ye pana te bhikkhū mahārajakkhā, te imehi payogehi sāmaññatthamabhisādhenti, parisāya viya puriso atthasiddhiṃ karonto.

    ‘‘อุเทฺทโสปิ, มหาราช, พหุกาโร, ปริปุจฺฉาปิ พหุการา, นวกมฺมมฺปิ พหุการํ, ทานมฺปิ พหุการํ, ปูชาปิ พหุการา เตสุ เตสุ กรณีเยสุฯ ยถา, มหาราช, ปุริโส ราชูปเสวี กตาวี อมจฺจภฎพลโทวาริกอนีกฎฺฐปาริสชฺชชเนหิ, เต ตสฺส กรณีเย อนุปฺปเตฺต สเพฺพปิ อุปการา โหนฺติฯ เอวเมว โข, มหาราช, อุเทฺทโสปิ พหุกาโร, ปริปุจฺฉาปิ พหุการา, นวกมฺมมฺปิ พหุการํ, ทานมฺปิ พหุการํ, ปูชาปิ พหุการา เตสุ เตสุ กรณีเยสุฯ ยทิ, มหาราช, สเพฺพปิ อภิชาติปริสุทฺธา ภเวยฺยุํ, อนุสาสเนน 1 กรณียํ น ภเวยฺยฯ ยสฺมา จ โข, มหาราช, สวเนน กรณียํ โหติ, เถโร, มหาราช, สาริปุโตฺต อปริมิตมสเงฺขยฺยกปฺปํ อุปาทาย อุปจิตกุสลมูโล ปญฺญาย โกฎิํ คโต, โสปิ วินา สวเนน นาสกฺขิ อาสวกฺขยํ ปาปุณิตุํฯ ตสฺมา, มหาราช, พหุการํ สวนํ, ตถา อุเทฺทโสปิ ปริปุจฺฉาปิฯ ตสฺมา อุเทฺทสปริปุจฺฉาปิ นิปฺปปญฺจา สงฺขตา’’ติฯ ‘‘สุนิชฺฌาปิโต, ภเนฺต นาคเสน, ปโญฺห, เอวเมตํ ตถา สมฺปฎิจฺฉามี’’ติฯ

    ‘‘Uddesopi, mahārāja, bahukāro, paripucchāpi bahukārā, navakammampi bahukāraṃ, dānampi bahukāraṃ, pūjāpi bahukārā tesu tesu karaṇīyesu. Yathā, mahārāja, puriso rājūpasevī katāvī amaccabhaṭabaladovārikaanīkaṭṭhapārisajjajanehi, te tassa karaṇīye anuppatte sabbepi upakārā honti. Evameva kho, mahārāja, uddesopi bahukāro, paripucchāpi bahukārā, navakammampi bahukāraṃ, dānampi bahukāraṃ, pūjāpi bahukārā tesu tesu karaṇīyesu. Yadi, mahārāja, sabbepi abhijātiparisuddhā bhaveyyuṃ, anusāsanena 2 karaṇīyaṃ na bhaveyya. Yasmā ca kho, mahārāja, savanena karaṇīyaṃ hoti, thero, mahārāja, sāriputto aparimitamasaṅkheyyakappaṃ upādāya upacitakusalamūlo paññāya koṭiṃ gato, sopi vinā savanena nāsakkhi āsavakkhayaṃ pāpuṇituṃ. Tasmā, mahārāja, bahukāraṃ savanaṃ, tathā uddesopi paripucchāpi. Tasmā uddesaparipucchāpi nippapañcā saṅkhatā’’ti. ‘‘Sunijjhāpito, bhante nāgasena, pañho, evametaṃ tathā sampaṭicchāmī’’ti.

    นิปฺปปญฺจปโญฺห ปฐโมฯ

    Nippapañcapañho paṭhamo.







    Footnotes:
    1. อนุสาสเกน (สี. ปี.)
    2. anusāsakena (sī. pī.)

    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact