Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ปญฺจปกรณ-อนุฎีกา • Pañcapakaraṇa-anuṭīkā |
๓. นิรยปาลกถาวณฺณนา
3. Nirayapālakathāvaṇṇanā
๘๖๖-๘๖๘. เนรยิเก นิรเย ปาเลนฺติ, ตโต นิคฺคนฺตุํ อปฺปทานวเสน รกฺขนฺตีติ นิรยปาลาฯ นิรยปาลตาย วา เนรยิกานํ นรกทุเกฺขน ปริโยนทฺธาย อลํ สมตฺถาติ นิรยปาลาฯ กิํ ปเนเต นิรยปาลา เนรยิกา, อุทาหุ อเนรยิกาติฯ กิเญฺจตฺถ – ยทิ ตาว เนรยิกา, นิรยสํวตฺตนิเยน กเมฺมน นิพฺพตฺตาติ สยมฺปิ นิรยทุกฺขํ ปจฺจนุภเวยฺยุํ, ตถา สติ อเญฺญสํ เนรยิกานํ ยาตนาย อสมตฺถา สิยุํ, ‘‘อิเม เนรยิกา, อิเม นิรยปาลา’’ติ ววตฺถานญฺจ น สิยาฯ เย จ เย ยาเตนฺติ, เตหิ สมานรูปพลปฺปมาเณหิ อิตเรสํ ภยสนฺตาสา น สิยุํฯ อถ อเนรยิกา, เตสํ ตตฺถ กถํ สมฺภโวติ? วุจฺจเต – อเนรยิกา นิรยปาลา อนิรยคติสํวตฺตนิยกมฺมนิพฺพตฺตาฯ นิรยูปปตฺติสํวตฺตนิยกมฺมโต หิ อเญฺญเนว กมฺมุนา เต นิพฺพตฺตนฺติ รกฺขสชาติกตฺตาฯ ตถา หิ วทนฺติ –
866-868. Nerayike niraye pālenti, tato niggantuṃ appadānavasena rakkhantīti nirayapālā. Nirayapālatāya vā nerayikānaṃ narakadukkhena pariyonaddhāya alaṃ samatthāti nirayapālā. Kiṃ panete nirayapālā nerayikā, udāhu anerayikāti. Kiñcettha – yadi tāva nerayikā, nirayasaṃvattaniyena kammena nibbattāti sayampi nirayadukkhaṃ paccanubhaveyyuṃ, tathā sati aññesaṃ nerayikānaṃ yātanāya asamatthā siyuṃ, ‘‘ime nerayikā, ime nirayapālā’’ti vavatthānañca na siyā. Ye ca ye yātenti, tehi samānarūpabalappamāṇehi itaresaṃ bhayasantāsā na siyuṃ. Atha anerayikā, tesaṃ tattha kathaṃ sambhavoti? Vuccate – anerayikā nirayapālā anirayagatisaṃvattaniyakammanibbattā. Nirayūpapattisaṃvattaniyakammato hi aññeneva kammunā te nibbattanti rakkhasajātikattā. Tathā hi vadanti –
‘‘โกธนา กุรูรกมฺมนฺตา, ปาปาภิรุจิโน ตถา;
‘‘Kodhanā kurūrakammantā, pāpābhirucino tathā;
ทุกฺขิเตสุ จ นนฺทนฺติ, ชายนฺติ ยมรกฺขสา’’ติฯ
Dukkhitesu ca nandanti, jāyanti yamarakkhasā’’ti.
ตตฺถ ยเทเก วทนฺติ ‘‘ยาตนาทุกฺขสฺส อปฺปฎิสํเวทนโต, อญฺญถา ปุน อญฺญมญฺญํ ยาเตยฺยุ’’นฺติ จ เอวมาทิ, ตยิทํ อากาสโรมฎฺฐนํ นิรยปาลานํ เนรยิกภาวเสฺสว อภาวโตฯ เย ปน วเทยฺยุํ – ยทิปิ อเนรยิกา นิรยปาลา, อโยมยาย ปน อาทิตฺตาย สมฺปชฺชลิตาย สโชติภูตาย นิรยภูมิยา ปริวตฺตมานา กถํ นาม ทุกฺขํ นานุภวนฺตีติ? กมฺมานุภาวโตฯ ยถา หิ อิทฺธิมโนฺต เจโตวสิปฺปตฺตา มหาโมคฺคลฺลานาทโย เนรยิเก อนุกมฺปนฺตา อิทฺธิพเลน นิรยภูมิํ อุปคตา ตตฺถ ทาหทุเกฺขน น พาธียนฺติ, เอวํ สมฺปทมิทํ ทฎฺฐพฺพํฯ
Tattha yadeke vadanti ‘‘yātanādukkhassa appaṭisaṃvedanato, aññathā puna aññamaññaṃ yāteyyu’’nti ca evamādi, tayidaṃ ākāsaromaṭṭhanaṃ nirayapālānaṃ nerayikabhāvasseva abhāvato. Ye pana vadeyyuṃ – yadipi anerayikā nirayapālā, ayomayāya pana ādittāya sampajjalitāya sajotibhūtāya nirayabhūmiyā parivattamānā kathaṃ nāma dukkhaṃ nānubhavantīti? Kammānubhāvato. Yathā hi iddhimanto cetovasippattā mahāmoggallānādayo nerayike anukampantā iddhibalena nirayabhūmiṃ upagatā tattha dāhadukkhena na bādhīyanti, evaṃ sampadamidaṃ daṭṭhabbaṃ.
ตํ อิทฺธิวิสยสฺส อจิเนฺตยฺยภาวโตติ เจ? อิทมฺปิ ตํสมานํ กมฺมวิปากสฺส อจิเนฺตยฺยภาวโตฯ ตถารูเปน หิ กมฺมุนา เต นิพฺพตฺตา ยถา นิรยทุเกฺขน อพาธิตา เอว หุตฺวา เนรยิเก ยาเตนฺติ, น เจตฺตเกน พาหิรวิสยาภาโว วิชฺชติ อิฎฺฐานิฎฺฐตาย ปเจฺจกํ ทฺวารปุริเสสุ วิภตฺตสภาวตฺตาฯ ตถา หิ เอกจฺจสฺส ทฺวารสฺส ปุริสสฺส อิฎฺฐํ เอกจฺจสฺส อนิฎฺฐํ, เอกจฺจสฺส จ อนิฎฺฐํ เอกจฺจสฺส อิฎฺฐํ โหติฯ เอวญฺจ กตฺวา ยเทเก วทนฺติ ‘‘นตฺถิ กมฺมวเสน เตชสา ปรูปตาปน’’นฺติอาทิ, ตทปาหตํ โหติฯ ยํ ปน วทนฺติ ‘‘อเนรยิกานํ เตสํ กถํ ตตฺถ สมฺภโว’’ติ เนรยิกานํ ยาตกภาวโตฯ เนรยิกสตฺตยาตนาโยคฺคญฺหิ อตฺตภาวํ นิพฺพเตฺตนฺตํ กมฺมํ ตาทิสนิกนฺติวินามิตํ นิรยฎฺฐาเนเยว นิพฺพเตฺตติฯ เต จ เนรยิเกหิ อธิกตรพลาโรหปริณาหา อติวิย ภยานกสนฺตาสกุรูรตรปโยคา จ โหนฺติฯ เอเตเนว ตตฺถ กากสุนขาทีนมฺปิ นิพฺพตฺติ สํวณฺณิตาติ ทฎฺฐพฺพํฯ
Taṃ iddhivisayassa acinteyyabhāvatoti ce? Idampi taṃsamānaṃ kammavipākassa acinteyyabhāvato. Tathārūpena hi kammunā te nibbattā yathā nirayadukkhena abādhitā eva hutvā nerayike yātenti, na cettakena bāhiravisayābhāvo vijjati iṭṭhāniṭṭhatāya paccekaṃ dvārapurisesu vibhattasabhāvattā. Tathā hi ekaccassa dvārassa purisassa iṭṭhaṃ ekaccassa aniṭṭhaṃ, ekaccassa ca aniṭṭhaṃ ekaccassa iṭṭhaṃ hoti. Evañca katvā yadeke vadanti ‘‘natthi kammavasena tejasā parūpatāpana’’ntiādi, tadapāhataṃ hoti. Yaṃ pana vadanti ‘‘anerayikānaṃ tesaṃ kathaṃ tattha sambhavo’’ti nerayikānaṃ yātakabhāvato. Nerayikasattayātanāyoggañhi attabhāvaṃ nibbattentaṃ kammaṃ tādisanikantivināmitaṃ nirayaṭṭhāneyeva nibbatteti. Te ca nerayikehi adhikatarabalārohapariṇāhā ativiya bhayānakasantāsakurūratarapayogā ca honti. Eteneva tattha kākasunakhādīnampi nibbatti saṃvaṇṇitāti daṭṭhabbaṃ.
กถมญฺญคติเกหิ อญฺญคติกพาธนนฺติ จ น วตฺตพฺพํ อญฺญตฺถาปิ ตถา ทสฺสนโตฯ ยํ ปเนเก วทนฺติ ‘‘อสตฺตสภาวา นิรยปาลา นิรยสุนขาทโย จา’’ติ, ตํ เตสํ มติมตฺตํ อญฺญตฺถ ตถา อทสฺสนโตฯ น หิ กาจิ อตฺถิ ตาทิสี ธมฺมปฺปวตฺติ, ยา อสตฺตสภาวา, สมฺปติสเตฺตหิ อปฺปโยชิตา จ อตฺถกิจฺจํ สาเธนฺตี ทิฎฺฐปุพฺพาฯ เปตานํ ปานียนิวารกานํ ทณฺฑาทิหตฺถปุริสานมฺปิ อสตฺตภาเว วิเสสการณํ นตฺถิฯ สุปินูปฆาโตปิ อตฺถกิจฺจสมตฺถตาย อปฺปมาณํ ทสฺสนาทิมเตฺตนปิ ตทตฺถสิทฺธิโตฯ ตถา หิ สุปิเน อาหารูปโภคาทินา น อตฺถสิทฺธิ อตฺถิ, นิมฺมานรูปํ ปเนตฺถ ลทฺธปริหารํ อิทฺธิวิสยสฺส อจิเนฺตยฺยภาวโตฯ อิธาปิ กมฺมวิปากสฺส อจิเนฺตยฺยภาวโตติ เจ? ตํ น, อสิทฺธตฺตาฯ เนรยิกานํ กมฺมวิปาโก นิรยปาลาติ อสิทฺธเมตํ, วุตฺตนเยน ปน เนสํ สตฺตภาโว เอว สิโทฺธฯ สกฺกา หิ วตฺตุํ สตฺตสงฺขาตา นิรยปาลสญฺญิตา ธมฺมปฺปวตฺติ สาภิสนฺธิกา ปรูปฆาติ อตฺถกิจฺจสพฺภาวโต โอชาหาราทิรกฺขสสนฺตติ วิยาติฯ อภิสนฺธิปุพฺพกตา เจตฺถ น สกฺกา ปฎิกฺขิปิตุํ ตถา ตถา อภิสนฺธิยา ยาตนโต, ตโต เอว น สงฺฆาฎปพฺพตาทีหิ อเนกนฺติกตาฯ เย ปน วทนฺติ ‘‘ภูตวิเสสา เอว เต วณฺณสณฺฐานาทิวิเสสวโนฺต เภรวาการา นรกปาลาติ สมญฺญํ ลภนฺตี’’ติ, ตทสิทฺธํฯ อุชุกเมว ปาฬิยํ ‘‘อตฺถิ นิรเย นิรยปาลา’’ติ วาทสฺส ปติฎฺฐาปิตตฺตาฯ
Kathamaññagatikehi aññagatikabādhananti ca na vattabbaṃ aññatthāpi tathā dassanato. Yaṃ paneke vadanti ‘‘asattasabhāvā nirayapālā nirayasunakhādayo cā’’ti, taṃ tesaṃ matimattaṃ aññattha tathā adassanato. Na hi kāci atthi tādisī dhammappavatti, yā asattasabhāvā, sampatisattehi appayojitā ca atthakiccaṃ sādhentī diṭṭhapubbā. Petānaṃ pānīyanivārakānaṃ daṇḍādihatthapurisānampi asattabhāve visesakāraṇaṃ natthi. Supinūpaghātopi atthakiccasamatthatāya appamāṇaṃ dassanādimattenapi tadatthasiddhito. Tathā hi supine āhārūpabhogādinā na atthasiddhi atthi, nimmānarūpaṃ panettha laddhaparihāraṃ iddhivisayassa acinteyyabhāvato. Idhāpi kammavipākassa acinteyyabhāvatoti ce? Taṃ na, asiddhattā. Nerayikānaṃ kammavipāko nirayapālāti asiddhametaṃ, vuttanayena pana nesaṃ sattabhāvo eva siddho. Sakkā hi vattuṃ sattasaṅkhātā nirayapālasaññitā dhammappavatti sābhisandhikā parūpaghāti atthakiccasabbhāvato ojāhārādirakkhasasantati viyāti. Abhisandhipubbakatā cettha na sakkā paṭikkhipituṃ tathā tathā abhisandhiyā yātanato, tato eva na saṅghāṭapabbatādīhi anekantikatā. Ye pana vadanti ‘‘bhūtavisesā eva te vaṇṇasaṇṭhānādivisesavanto bheravākārā narakapālāti samaññaṃ labhantī’’ti, tadasiddhaṃ. Ujukameva pāḷiyaṃ ‘‘atthi niraye nirayapālā’’ti vādassa patiṭṭhāpitattā.
อปิจ ยถา อริยวินเย นรกปาลานํ ภูตมตฺตตา อสิทฺธา, ตถา ปญฺญตฺติมตฺตวาทิโนปิ เตสํ ภูตมตฺตตา อสิทฺธาวฯ น หิ ตสฺส ภูตานิ นาม สนฺติฯ ยทิ ปรมตฺถํ คเหตฺวา โวหรติ, อถ กสฺมา เวทนาทิเก เอว ปฎิกฺขิปตีติ? ติฎฺฐเตสา อนวฎฺฐิตตกฺกานํ อปฺปหีนสโมฺมหวิปลฺลาสานํ วาทวีมํสา, เอวํ อเตฺถว นิรยปาลาติ นิฎฺฐเมตฺถ คนฺตพฺพํฯ สติ จ เนสํ สพฺภาเว, อสติปิ พาหิเร วิสเย นรเก วิย เทสาทินิยโม โหตีติ วาโท น สิชฺฌติ เอวาติ ทฎฺฐพฺพํฯ
Apica yathā ariyavinaye narakapālānaṃ bhūtamattatā asiddhā, tathā paññattimattavādinopi tesaṃ bhūtamattatā asiddhāva. Na hi tassa bhūtāni nāma santi. Yadi paramatthaṃ gahetvā voharati, atha kasmā vedanādike eva paṭikkhipatīti? Tiṭṭhatesā anavaṭṭhitatakkānaṃ appahīnasammohavipallāsānaṃ vādavīmaṃsā, evaṃ attheva nirayapālāti niṭṭhamettha gantabbaṃ. Sati ca nesaṃ sabbhāve, asatipi bāhire visaye narake viya desādiniyamo hotīti vādo na sijjhati evāti daṭṭhabbaṃ.
นิรยปาลกถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Nirayapālakathāvaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / อภิธมฺมปิฎก • Abhidhammapiṭaka / กถาวตฺถุปาฬิ • Kathāvatthupāḷi / (๑๙๖) ๓. นิรยปาลกถา • (196) 3. Nirayapālakathā
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / อภิธมฺมปิฎก (อฎฺฐกถา) • Abhidhammapiṭaka (aṭṭhakathā) / ปญฺจปกรณ-อฎฺฐกถา • Pañcapakaraṇa-aṭṭhakathā / ๓. นิรยปาลกถาวณฺณนา • 3. Nirayapālakathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / ปญฺจปกรณ-มูลฎีกา • Pañcapakaraṇa-mūlaṭīkā / ๓. นิรยปาลกถาวณฺณนา • 3. Nirayapālakathāvaṇṇanā