Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ปฎิสมฺภิทามคฺค-อฎฺฐกถา • Paṭisambhidāmagga-aṭṭhakathā |
๓๔. นิโรธสมาปตฺติญาณนิเทฺทสวณฺณนา
34. Nirodhasamāpattiñāṇaniddesavaṇṇanā
๘๓. นิโรธสมาปตฺติญาณนิเทฺทเส สมถพลนฺติ กามจฺฉนฺทาทโย ปจฺจนีกธเมฺม สเมตีติ สมโถ, โสเยว อกมฺปนียเฎฺฐน พลํฯ อนาคามิอรหนฺตานํเยว สมาธิปฎิปกฺขสฺส กามจฺฉนฺทสฺส ปหาเนน สมาธิสฺมิํ ปริปูรการิภาวปฺปตฺตตฺตา เตสํเยว สมาธิ พลปฺปโตฺตติ กตฺวา ‘‘สมถพล’’นฺติ วุจฺจติ, น อเญฺญสํฯ สมาธิพลนฺติปิ ปาโฐฯ วิปสฺสนาพลนฺติ อนิจฺจาทิวเสน วิวิเธหิ อากาเรหิ ธเมฺม ปสฺสตีติ วิปสฺสนา, สาเยว อกมฺปนียเฎฺฐน พลํฯ เตสํเยว อุภินฺนํ พลปฺปตฺตํ วิปสฺสนาญาณํฯ ตตฺถ สมถพลํ อนุปุเพฺพน จิตฺตสนฺตานวูปสมนตฺถํ นิโรเธ จ ปฎิปาทนตฺถํ, วิปสฺสนาพลํ ปวเตฺต อาทีนวทสฺสนตฺถํ นิโรเธ จ อานิสํสทสฺสนตฺถํฯ
83. Nirodhasamāpattiñāṇaniddese samathabalanti kāmacchandādayo paccanīkadhamme sametīti samatho, soyeva akampanīyaṭṭhena balaṃ. Anāgāmiarahantānaṃyeva samādhipaṭipakkhassa kāmacchandassa pahānena samādhismiṃ paripūrakāribhāvappattattā tesaṃyeva samādhi balappattoti katvā ‘‘samathabala’’nti vuccati, na aññesaṃ. Samādhibalantipi pāṭho. Vipassanābalanti aniccādivasena vividhehi ākārehi dhamme passatīti vipassanā, sāyeva akampanīyaṭṭhena balaṃ. Tesaṃyeva ubhinnaṃ balappattaṃ vipassanāñāṇaṃ. Tattha samathabalaṃ anupubbena cittasantānavūpasamanatthaṃ nirodhe ca paṭipādanatthaṃ, vipassanābalaṃ pavatte ādīnavadassanatthaṃ nirodhe ca ānisaṃsadassanatthaṃ.
นีวรเณติ นิมิตฺตเตฺถ ภุมฺมวจนํ, นีวรณนิมิตฺตํ นีวรณปจฺจยาติ อโตฺถฯ กรณเตฺถ วา ภุมฺมวจนํ, นีวรเณนาติ อโตฺถฯ น กมฺปตีติ ฌานสมงฺคีปุคฺคโลฯ อถ วา ฌานนฺติ ฌานงฺคานํ อธิเปฺปตตฺตา ปฐเมน ฌาเนน ตํสมฺปยุตฺตสมาธิ นีวรเณ น กมฺปติฯ อยเมว เจตฺถ โยชนา คเหตพฺพาฯ อุทฺธเจฺจ จาติ อุทฺธจฺจสหคตจิตฺตุปฺปาเท อุทฺธเจฺจ จฯ อุทฺธจฺจนฺติ จ อุทฺธตภาโว , ตํ อวูปสมลกฺขณํฯ อุทฺธจฺจสหคตกิเลเส จาติ อุทฺธเจฺจน สหคเต เอกุปฺปาทาทิภาวํ คเต อุทฺธจฺจสมฺปยุเตฺต โมหอหิริกอโนตฺตปฺปกิเลเส จฯ ขเนฺธ จาติ อุทฺธจฺจสมฺปยุตฺตจตุกฺขเนฺธ จฯ น กมฺปติ น จลติ น เวธตีติ อญฺญมญฺญเววจนานิฯ อุทฺธเจฺจ น กมฺปติ, อุทฺธจฺจสหคตกิเลเส น จลติ, อุทฺธจฺจสหคตกฺขเนฺธ น เวธตีติ โยเชตพฺพํฯ วิปสฺสนาพลํ สตฺตนฺนํเยว อนุปสฺสนานํ วุตฺตตฺตา ตาสํเยว วเสน วิปสฺสนาพลํ ปริปุณฺณํ โหตีติ เวทิตพฺพํฯ อวิชฺชาย จาติ ทฺวาทสสุปิ อกุสลจิตฺตุปฺปาเทสุ อวิชฺชาย จฯ อวิชฺชาสหคตกิเลเส จาติ ยถาโยคํ อวิชฺชาย สมฺปยุตฺตโลภโทสมานทิฎฺฐิวิจิกิจฺฉาถินอุทฺธจฺจอหิริกอโนตฺตปฺปกิเลเส จฯ
Nīvaraṇeti nimittatthe bhummavacanaṃ, nīvaraṇanimittaṃ nīvaraṇapaccayāti attho. Karaṇatthe vā bhummavacanaṃ, nīvaraṇenāti attho. Na kampatīti jhānasamaṅgīpuggalo. Atha vā jhānanti jhānaṅgānaṃ adhippetattā paṭhamena jhānena taṃsampayuttasamādhi nīvaraṇe na kampati. Ayameva cettha yojanā gahetabbā. Uddhacce cāti uddhaccasahagatacittuppāde uddhacce ca. Uddhaccanti ca uddhatabhāvo , taṃ avūpasamalakkhaṇaṃ. Uddhaccasahagatakilese cāti uddhaccena sahagate ekuppādādibhāvaṃ gate uddhaccasampayutte mohaahirikaanottappakilese ca. Khandhe cāti uddhaccasampayuttacatukkhandhe ca. Na kampati na calati na vedhatīti aññamaññavevacanāni. Uddhacce na kampati, uddhaccasahagatakilese na calati, uddhaccasahagatakkhandhe na vedhatīti yojetabbaṃ. Vipassanābalaṃ sattannaṃyeva anupassanānaṃ vuttattā tāsaṃyeva vasena vipassanābalaṃ paripuṇṇaṃ hotīti veditabbaṃ. Avijjāya cāti dvādasasupi akusalacittuppādesu avijjāya ca. Avijjāsahagatakilese cāti yathāyogaṃ avijjāya sampayuttalobhadosamānadiṭṭhivicikicchāthinauddhaccaahirikaanottappakilese ca.
วจีสงฺขาราติ วิตกฺกวิจาราฯ ‘‘ปุเพฺพ โข, อาวุโส วิสาข, วิตเกฺกตฺวา วิจาเรตฺวา ปจฺฉา วาจํ ภินฺทติ, ตสฺมา วิตกฺกวิจารา วจีสงฺขาโร’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๖๓) วจนโต วาจํ สงฺขโรนฺติ อุปฺปาเทนฺตีติ วจีสงฺขาราฯ กายสงฺขาราติ อสฺสาสปสฺสาสาฯ ‘‘อสฺสาสปสฺสาสา โข, อาวุโส วิสาข, กายิกา เอเต ธมฺมา กายปฎิพทฺธา, ตสฺมา อสฺสาสปสฺสาสา กายสงฺขาโร’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๖๓) วจนโต กาเยน สงฺขรียนฺตีติ กายสงฺขาราฯ สญฺญาเวทยิตนิโรธนฺติ สญฺญาย เวทนาย จ นิโรธํฯ จิตฺตสงฺขาราติ สญฺญา จ เวทนา จฯ ‘‘เจตสิกา เอเต ธมฺมา จิตฺตปฎิพทฺธา, ตสฺมา สญฺญา จ เวทนา จ จิตฺตสงฺขาโร’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๖๓) วจนโต จิเตฺตน สงฺขรียนฺตีติ จิตฺตสงฺขาราฯ
Vacīsaṅkhārāti vitakkavicārā. ‘‘Pubbe kho, āvuso visākha, vitakketvā vicāretvā pacchā vācaṃ bhindati, tasmā vitakkavicārā vacīsaṅkhāro’’ti (ma. ni. 1.463) vacanato vācaṃ saṅkharonti uppādentīti vacīsaṅkhārā. Kāyasaṅkhārāti assāsapassāsā. ‘‘Assāsapassāsā kho, āvuso visākha, kāyikā ete dhammā kāyapaṭibaddhā, tasmā assāsapassāsā kāyasaṅkhāro’’ti (ma. ni. 1.463) vacanato kāyena saṅkharīyantīti kāyasaṅkhārā. Saññāvedayitanirodhanti saññāya vedanāya ca nirodhaṃ. Cittasaṅkhārāti saññā ca vedanā ca. ‘‘Cetasikā ete dhammā cittapaṭibaddhā, tasmā saññā ca vedanā ca cittasaṅkhāro’’ti (ma. ni. 1.463) vacanato cittena saṅkharīyantīti cittasaṅkhārā.
๘๔. ญาณจริยาสุ อนุปสฺสนาวสาเน, วิวฎฺฎนานุปสฺสนาคหเณน วา ตสฺสา อาทิภูตา จริยากถาย ญาณจริยาติ วุตฺตา เสสานุปสฺสนาปิ คหิตา โหนฺตีติ เวทิตพฺพํฯ โสฬสหิ ญาณจริยาหีติ จ อุกฺกฎฺฐปริเจฺฉโท, อนาคามิสฺส ปน อรหตฺตมคฺคผลวชฺชาหิ จุทฺทสหิปิ โหติ ปริปุณฺณพลตฺตาฯ
84. Ñāṇacariyāsu anupassanāvasāne, vivaṭṭanānupassanāgahaṇena vā tassā ādibhūtā cariyākathāya ñāṇacariyāti vuttā sesānupassanāpi gahitā hontīti veditabbaṃ. Soḷasahi ñāṇacariyāhīti ca ukkaṭṭhaparicchedo, anāgāmissa pana arahattamaggaphalavajjāhi cuddasahipi hoti paripuṇṇabalattā.
๘๕. นวหิ สมาธิจริยาหีติ เอตฺถ ปฐมชฺฌานาทีหิ อฎฺฐ, ปฐมชฺฌานาทีนํ ปฎิลาภตฺถาย สพฺพตฺถ อุปจารชฺฌานวเสน เอกาติ นว สมาธิจริยาฯ พลจริยานํ กิํ นานตฺตํ? สมถพเลนปิ หิ ‘‘เนกฺขมฺมวเสนา’’ติอาทีหิ สตฺตหิ ปริยาเยหิ อุปจารสมาธิ วุโตฺต, เปยฺยาลวิตฺถารโต ‘‘ปฐมชฺฌานวเสนา’’ติอาทีหิ สมสตฺตติยา วาเรหิ ยถาโยคํ อปฺปนูปจารสมาธิ วุโตฺต, สมาธิจริยายปิ ‘‘ปฐมํ ฌาน’’นฺติอาทีหิ อฎฺฐหิ ปริยาเยหิ อปฺปนาสมาธิ วุโตฺตฯ ปฐมํ ฌานํ ปฎิลาภตฺถายาติอาทีหิ อฎฺฐหิ ปริยาเยหิ อุปจารสมาธิ วุโตฺตติ อุภยตฺถาปิ อปฺปนูปจารสมาธิเยว วุโตฺตฯ เอวํ สเนฺตปิ อกมฺปิยเฎฺฐน พลานิ วสีภาวเฎฺฐน จริยาติ เวทิตพฺพาฯ วิปสฺสนาพเล ปน สตฺต อนุปสฺสนาว ‘‘วิปสฺสนาพล’’นฺติ วุตฺตา, ญาณจริยาย สตฺต จ อนุปสฺสนา วุตฺตา, วิวฎฺฎนานุปสฺสนาทโย นว จ วิเสเสตฺวา วุตฺตาฯ อิทํ เนสํ นานตฺตํฯ สตฺต อนุปสฺสนา ปน อกมฺปิยเฎฺฐน พลานิ วสีภาวเฎฺฐน จริยาติ เวทิตพฺพาฯ
85.Navahi samādhicariyāhīti ettha paṭhamajjhānādīhi aṭṭha, paṭhamajjhānādīnaṃ paṭilābhatthāya sabbattha upacārajjhānavasena ekāti nava samādhicariyā. Balacariyānaṃ kiṃ nānattaṃ? Samathabalenapi hi ‘‘nekkhammavasenā’’tiādīhi sattahi pariyāyehi upacārasamādhi vutto, peyyālavitthārato ‘‘paṭhamajjhānavasenā’’tiādīhi samasattatiyā vārehi yathāyogaṃ appanūpacārasamādhi vutto, samādhicariyāyapi ‘‘paṭhamaṃ jhāna’’ntiādīhi aṭṭhahi pariyāyehi appanāsamādhi vutto. Paṭhamaṃ jhānaṃ paṭilābhatthāyātiādīhi aṭṭhahi pariyāyehi upacārasamādhi vuttoti ubhayatthāpi appanūpacārasamādhiyeva vutto. Evaṃ santepi akampiyaṭṭhena balāni vasībhāvaṭṭhena cariyāti veditabbā. Vipassanābale pana satta anupassanāva ‘‘vipassanābala’’nti vuttā, ñāṇacariyāya satta ca anupassanā vuttā, vivaṭṭanānupassanādayo nava ca visesetvā vuttā. Idaṃ nesaṃ nānattaṃ. Satta anupassanā pana akampiyaṭṭhena balāni vasībhāvaṭṭhena cariyāti veditabbā.
‘‘วสีภาวตา ปญฺญา’’ติ (ปฎิ. ม. ๑.๓๔ มาติกา) เอตฺถ วุตฺตวสิโย วิสฺสเชฺชตุํ วสีติ ปญฺจ วสิโยติ อิตฺถิลิงฺคโวหาเรน วุตฺตํฯ วโส เอว วสีติ วุตฺตํ โหติฯ ปุน ปุคฺคลาธิฎฺฐานาย เทสนาย ตา วสิโย วิสฺสเชฺชโนฺต อาวชฺชนวสีติอาทิมาหฯ อาวชฺชนาย วโส อาวชฺชนวโส, โส อสฺส อตฺถีติ อาวชฺชนวสีฯ เอเสว นโย เสเสสุฯ ปฐมํ ฌานํ ยตฺถิจฺฉกนฺติ ยตฺถ ยตฺถ ปเทเส อิจฺฉติ คาเม วา อรเญฺญ วา, ตตฺถ ตตฺถ อาวชฺชติฯ ยทิจฺฉกนฺติ ยทา ยทา กาเล สีตกาเล วา อุณฺหกาเล วา, ตทา ตทา อาวชฺชติฯ อถ วา ยํ ยํ ปฐมํ ฌานํ อิจฺฉติ ปถวีกสิณารมฺมณํ วา เสสารมฺมณํ วา, ตํ ตํ อาวชฺชติฯ เอเกกกสิณารมฺมณสฺสาปิ ฌานสฺส วสิตานํ วุตฺตตฺตา ปุริมโยชนาเยว สุนฺทรตราฯ ยาวติจฺฉกนฺติ ยาวตกํ กาลํ อิจฺฉติ อจฺฉราสงฺฆาตมตฺตํ สตฺตาหํ วา, ตาวตกํ กาลํ อาวชฺชติฯ อาวชฺชนายาติ มโนทฺวาราวชฺชนายฯ ทนฺธายิตตฺตนฺติ อวสวตฺติภาโว, อลสภาโว วาฯ สมาปชฺชตีติ ปฎิปชฺชติ, อเปฺปตีติ อโตฺถฯ อธิฎฺฐาตีติ อโนฺตสมาปตฺติยํ อธิกํ กตฺวา ติฎฺฐติฯ วุฎฺฐานวสิยํปฐมํ ฌานนฺติ นิสฺสกฺกเตฺถ อุปโยควจนํ, ปฐมชฺฌานาติ อโตฺถฯ ปจฺจเวกฺขตีติ ปจฺจเวกฺขณชวเนหิ นิวตฺติตฺวา ปสฺสติฯ อยเมตฺถ ปาฬิวณฺณนาฯ
‘‘Vasībhāvatā paññā’’ti (paṭi. ma. 1.34 mātikā) ettha vuttavasiyo vissajjetuṃ vasīti pañca vasiyoti itthiliṅgavohārena vuttaṃ. Vaso eva vasīti vuttaṃ hoti. Puna puggalādhiṭṭhānāya desanāya tā vasiyo vissajjento āvajjanavasītiādimāha. Āvajjanāya vaso āvajjanavaso, so assa atthīti āvajjanavasī. Eseva nayo sesesu. Paṭhamaṃ jhānaṃ yatthicchakanti yattha yattha padese icchati gāme vā araññe vā, tattha tattha āvajjati. Yadicchakanti yadā yadā kāle sītakāle vā uṇhakāle vā, tadā tadā āvajjati. Atha vā yaṃ yaṃ paṭhamaṃ jhānaṃ icchati pathavīkasiṇārammaṇaṃ vā sesārammaṇaṃ vā, taṃ taṃ āvajjati. Ekekakasiṇārammaṇassāpi jhānassa vasitānaṃ vuttattā purimayojanāyeva sundaratarā. Yāvaticchakanti yāvatakaṃ kālaṃ icchati accharāsaṅghātamattaṃ sattāhaṃ vā, tāvatakaṃ kālaṃ āvajjati. Āvajjanāyāti manodvārāvajjanāya. Dandhāyitattanti avasavattibhāvo, alasabhāvo vā. Samāpajjatīti paṭipajjati, appetīti attho. Adhiṭṭhātīti antosamāpattiyaṃ adhikaṃ katvā tiṭṭhati. Vuṭṭhānavasiyaṃpaṭhamaṃ jhānanti nissakkatthe upayogavacanaṃ, paṭhamajjhānāti attho. Paccavekkhatīti paccavekkhaṇajavanehi nivattitvā passati. Ayamettha pāḷivaṇṇanā.
อยํ ปน อตฺถปฺปกาสนา – ปฐมชฺฌานโต วุฎฺฐาย วิตกฺกํ อาวชฺชยโต ภวงฺคํ อุปจฺฉินฺทิตฺวา ปวตฺตาวชฺชนานนฺตรํ วิตกฺการมฺมณาเนว จตฺตาริ ปญฺจ วา ชวนานิ ชวนฺติ, ตโต เทฺว ภวงฺคานิ, ตโต ปุน วิจารารมฺมณํ อาวชฺชนํ วุตฺตนเยเนว ชวนานีติ เอวํ ปญฺจสุ ฌานเงฺคสุ ยทา นิรนฺตรํ จิตฺตํ เปเสตุํ สโกฺกติ, อถสฺส อาวชฺชนวสี สิทฺธาว โหติฯ อยํ ปน มตฺถกปฺปตฺตา วสี ภควโต ยมกปาฎิหาริเยว ลพฺภติฯ อิโต ปรํ สีฆตรา อาวชฺชนวสี นาม นตฺถิฯ อเญฺญสํ ปน อนฺตรนฺตรา ภวงฺควาเร คณนา นตฺถิฯ มหาโมคฺคลฺลานเตฺถรสฺส นโนฺทปนนฺททมเน วิย สีฆํ สมาปตฺติสมาปชฺชนสมตฺถตา สมาปชฺชนวสี นามฯ อจฺฉรามตฺตํ วา ทสจฺฉรามตฺตํ วา ขณํ สมาปตฺติํ ฐเปตุํ สมตฺถตา อธิฎฺฐานวสี นามฯ ตเถว ตโต ลหุํ วุฎฺฐานสมตฺถตา วุฎฺฐานวสี นามฯ ปจฺจเวกฺขณวสี ปน อาวชฺชนวสิยา เอว วุตฺตาฯ ปจฺจเวกฺขณชวนาเนว หิ ตตฺถ อาวชฺชนานนฺตรานีติฯ อิติ อาวชฺชนวสิยา สิทฺธาย ปจฺจเวกฺขณวสี สิทฺธา โหติ, อธิฎฺฐานวสิยา จ สิทฺธาย วุฎฺฐานวสี สิทฺธา โหติฯ เอวํ สเนฺตปิ ‘‘อยํ ปน มตฺถกปฺปตฺตา วสี ภควโต ยมกปาฎิหาริเยว ลพฺภตี’’ติ วุตฺตตฺตา ปาฎิหาริยกาเล ฌานงฺคปจฺจเวกฺขณานํ อภาวโต นานาวิธวณฺณาทินิมฺมานสฺส นานากสิณวเสน อิชฺฌนโต ตํตํกสิณารมฺมณํ ฌานํ สมาปชฺชิตุกามสฺส ยถารุจิ ลหุํ ตสฺมิํ กสิเณ วุตฺตนเยน อาวชฺชนปวตฺตนสมตฺถตา อาวชฺชนวสี, ตทาวชฺชนวีถิยํเยว ตสฺส ฌานสฺส อปฺปนาสมตฺถตาสมาปชฺชนสมตฺถตา สมาปชฺชนวสีฯ เอวญฺหิ วุจฺจมาเน ยุตฺติ จ น วิรุชฺฌติ, วสีปฎิปาฎิ จ ยถากฺกเมเนว ยุชฺชติฯ ฌานงฺคปจฺจเวกฺขณายํ ปน ‘‘มตฺถกปฺปตฺตาเยว ปญฺจ ชวนานี’’ติ วุตฺตตฺตา วุตฺตนเยน สตฺตสุปิ ชวเนสุ ชวเนฺตสุ ปจฺจเวกฺขณวสีเยว โหติฯ เอวํ สเนฺต ‘‘ปฐมชฺฌานํ อาวชฺชตี’’ติ วจนํ น ยุชฺชตีติ เจ? ยถา กสิเณ ปวตฺตํ ฌานํ การโณปจาเรน กสิณนฺติ วุตฺตํ, ตถา ฌานปจฺจยํ กสิณํ ‘‘สุโข พุทฺธานมุปฺปาโท’’ติอาทีสุ (ธ. ป. ๑๙๔) วิย ผโลปจาเรน ฌานนฺติ วุตฺตํฯ ยถาปริจฺฉิเนฺน กาเล ฐตฺวา วุฎฺฐิตสฺส นิทฺทาย ปพุทฺธสฺส ปุน นิโทฺทกฺกมเน วิย ปุน ฌาโนกฺกมเน สติปิ อธิฎฺฐานวสีเยว นาม, ยถาปริเจฺฉเทน วุฎฺฐิตสฺส ปน วุฎฺฐาเนเยว อธิฎฺฐาเน สติปิ วุฎฺฐานวสี นาม โหตีติ อยํ เตสํ วิเสโสฯ
Ayaṃ pana atthappakāsanā – paṭhamajjhānato vuṭṭhāya vitakkaṃ āvajjayato bhavaṅgaṃ upacchinditvā pavattāvajjanānantaraṃ vitakkārammaṇāneva cattāri pañca vā javanāni javanti, tato dve bhavaṅgāni, tato puna vicārārammaṇaṃ āvajjanaṃ vuttanayeneva javanānīti evaṃ pañcasu jhānaṅgesu yadā nirantaraṃ cittaṃ pesetuṃ sakkoti, athassa āvajjanavasī siddhāva hoti. Ayaṃ pana matthakappattā vasī bhagavato yamakapāṭihāriyeva labbhati. Ito paraṃ sīghatarā āvajjanavasī nāma natthi. Aññesaṃ pana antarantarā bhavaṅgavāre gaṇanā natthi. Mahāmoggallānattherassa nandopanandadamane viya sīghaṃ samāpattisamāpajjanasamatthatā samāpajjanavasī nāma. Accharāmattaṃ vā dasaccharāmattaṃ vā khaṇaṃ samāpattiṃ ṭhapetuṃ samatthatā adhiṭṭhānavasī nāma. Tatheva tato lahuṃ vuṭṭhānasamatthatā vuṭṭhānavasī nāma. Paccavekkhaṇavasī pana āvajjanavasiyā eva vuttā. Paccavekkhaṇajavanāneva hi tattha āvajjanānantarānīti. Iti āvajjanavasiyā siddhāya paccavekkhaṇavasī siddhā hoti, adhiṭṭhānavasiyā ca siddhāya vuṭṭhānavasī siddhā hoti. Evaṃ santepi ‘‘ayaṃ pana matthakappattā vasī bhagavato yamakapāṭihāriyeva labbhatī’’ti vuttattā pāṭihāriyakāle jhānaṅgapaccavekkhaṇānaṃ abhāvato nānāvidhavaṇṇādinimmānassa nānākasiṇavasena ijjhanato taṃtaṃkasiṇārammaṇaṃ jhānaṃ samāpajjitukāmassa yathāruci lahuṃ tasmiṃ kasiṇe vuttanayena āvajjanapavattanasamatthatā āvajjanavasī, tadāvajjanavīthiyaṃyeva tassa jhānassa appanāsamatthatāsamāpajjanasamatthatā samāpajjanavasī. Evañhi vuccamāne yutti ca na virujjhati, vasīpaṭipāṭi ca yathākkameneva yujjati. Jhānaṅgapaccavekkhaṇāyaṃ pana ‘‘matthakappattāyeva pañca javanānī’’ti vuttattā vuttanayena sattasupi javanesu javantesu paccavekkhaṇavasīyeva hoti. Evaṃ sante ‘‘paṭhamajjhānaṃ āvajjatī’’ti vacanaṃ na yujjatīti ce? Yathā kasiṇe pavattaṃ jhānaṃ kāraṇopacārena kasiṇanti vuttaṃ, tathā jhānapaccayaṃ kasiṇaṃ ‘‘sukho buddhānamuppādo’’tiādīsu (dha. pa. 194) viya phalopacārena jhānanti vuttaṃ. Yathāparicchinne kāle ṭhatvā vuṭṭhitassa niddāya pabuddhassa puna niddokkamane viya puna jhānokkamane satipi adhiṭṭhānavasīyeva nāma, yathāparicchedena vuṭṭhitassa pana vuṭṭhāneyeva adhiṭṭhāne satipi vuṭṭhānavasī nāma hotīti ayaṃ tesaṃ viseso.
นิโรธสมาปตฺติยา วิภาวนตฺถํ ปน อิทํ ปญฺหกมฺมํ – กา นิโรธสมาปตฺติ, เก ตํ สมาปชฺชนฺติ, เก น สมาปชฺชนฺติ, กตฺถ สมาปชฺชนฺติ, กสฺมา สมาปชฺชนฺติ, กถญฺจสฺสา สมาปชฺชนํ โหติ, กถํ ฐานํ, กถํ วุฎฺฐานํ, วุฎฺฐิตสฺส กินฺนินฺนํ จิตฺตํ โหติ, มตสฺส จ สมาปนฺนสฺส จ โก วิเสโส, นิโรธสมาปตฺติ กิํ สงฺขตา อสงฺขตา โลกิยา โลกุตฺตรา นิปฺผนฺนา อนิปฺผนฺนาติ?
Nirodhasamāpattiyā vibhāvanatthaṃ pana idaṃ pañhakammaṃ – kā nirodhasamāpatti, ke taṃ samāpajjanti, ke na samāpajjanti, kattha samāpajjanti, kasmā samāpajjanti, kathañcassā samāpajjanaṃ hoti, kathaṃ ṭhānaṃ, kathaṃ vuṭṭhānaṃ, vuṭṭhitassa kinninnaṃ cittaṃ hoti, matassa ca samāpannassa ca ko viseso, nirodhasamāpatti kiṃ saṅkhatā asaṅkhatā lokiyā lokuttarā nipphannā anipphannāti?
ตตฺถ กา นิโรธสมาปตฺตีติ? ยา อนุปุพฺพนิโรธวเสน จิตฺตเจตสิกานํ ธมฺมานํ อปฺปวตฺติฯ
Tattha kā nirodhasamāpattīti? Yā anupubbanirodhavasena cittacetasikānaṃ dhammānaṃ appavatti.
เก ตํ สมาปชฺชนฺติ, เก น สมาปชฺชนฺตีติ? สเพฺพปิ ปุถุชฺชนา โสตาปนฺนา สกทาคามิโน สุกฺขวิปสฺสกา จ อนาคามี อรหโนฺต น สมาปชฺชนฺติ, อฎฺฐสมาปตฺติลาภิโน ปน อนาคามิโน จ ขีณาสวา จ สมาปชฺชนฺติฯ
Ke taṃ samāpajjanti, ke na samāpajjantīti? Sabbepi puthujjanā sotāpannā sakadāgāmino sukkhavipassakā ca anāgāmī arahanto na samāpajjanti, aṭṭhasamāpattilābhino pana anāgāmino ca khīṇāsavā ca samāpajjanti.
กตฺถ สมาปชฺชนฺตีติ? ปญฺจโวการภเวฯ กสฺมา? อนุปุพฺพสมาปตฺติสพฺภาวโตฯ จตุโวการภเว ปน ปฐมชฺฌานาทีนํ อุปฺปตฺติเยว นตฺถิ, ตสฺมา น สกฺกา ตตฺถ สมาปชฺชิตุํฯ
Katthasamāpajjantīti? Pañcavokārabhave. Kasmā? Anupubbasamāpattisabbhāvato. Catuvokārabhave pana paṭhamajjhānādīnaṃ uppattiyeva natthi, tasmā na sakkā tattha samāpajjituṃ.
กสฺมา สมาปชฺชนฺตีติ? สงฺขารานํ ปวตฺติเภเท อุกฺกณฺฐิตฺวา ทิเฎฺฐว ธเมฺม อจิตฺตกา หุตฺวา ‘‘นิโรธํ นิพฺพานํ ปตฺวา สุขํ วิหริสฺสามา’’ติ สมาปชฺชนฺติฯ
Kasmā samāpajjantīti? Saṅkhārānaṃ pavattibhede ukkaṇṭhitvā diṭṭheva dhamme acittakā hutvā ‘‘nirodhaṃ nibbānaṃ patvā sukhaṃ viharissāmā’’ti samāpajjanti.
กถํ จสฺสา สมาปชฺชนํ โหตีติ? สมถวิปสฺสนาวเสน อุสฺสกฺกิตฺวา กตปุพฺพกิจฺจสฺส เนวสญฺญานาสญฺญายตนํ นิโรธยโต เอวมสฺสา สมาปชฺชนํ โหติฯ โย หิ สมถวเสเนว อุสฺสกฺกติ, โส เนวสญฺญานาสญฺญายตนสมาปตฺติํ ปตฺวา ติฎฺฐติฯ โย วิปสฺสนาวเสเนว อุสฺสกฺกติ, โส ผลสมาปตฺติํ ปตฺวา ติฎฺฐติฯ โย ปน อุภยวเสน อุสฺสกฺกิตฺวา เนวสญฺญานาสญฺญายตนํ นิโรเธติ, โส ตํ สมาปชฺชตีติ อยเมตฺถ สเงฺขโปฯ
Kathaṃ cassā samāpajjanaṃ hotīti? Samathavipassanāvasena ussakkitvā katapubbakiccassa nevasaññānāsaññāyatanaṃ nirodhayato evamassā samāpajjanaṃ hoti. Yo hi samathavaseneva ussakkati, so nevasaññānāsaññāyatanasamāpattiṃ patvā tiṭṭhati. Yo vipassanāvaseneva ussakkati, so phalasamāpattiṃ patvā tiṭṭhati. Yo pana ubhayavasena ussakkitvā nevasaññānāsaññāyatanaṃ nirodheti, so taṃ samāpajjatīti ayamettha saṅkhepo.
อยํ ปน วิตฺถาโร – อิธ ภิกฺขุ นิโรธํ สมาปชฺชิตุกาโม กตภตฺตกิโจฺจ สุโธตหตฺถปาโท วิวิเตฺต โอกาเส สุปญฺญเตฺต อาสเน นิสีทติ ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา อุชุํ กายํ ปณิธาย ปริมุขํ สติํ อุปฎฺฐเปตฺวาฯ โส ปฐมชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา วุฎฺฐาย ตตฺถ สงฺขาเร อนิจฺจโต ทุกฺขโต อนตฺตโต วิปสฺสติฯ วิปสฺสนา ปเนสา ติวิธา โหติ – สงฺขารปริคฺคณฺหนกวิปสฺสนา, ผลสมาปตฺติวิปสฺสนา, นิโรธสมาปตฺติวิปสฺสนาติฯ ตตฺถ สงฺขารปริคฺคณฺหนกวิปสฺสนา มนฺทา วา โหตุ ติกฺขา วา, มคฺคสฺส ปทฎฺฐานํ โหติเยวฯ ผลสมาปตฺติวิปสฺสนา ติกฺขาว วฎฺฎติ มคฺคภาวนาสทิสาฯ นิโรธสมาปตฺติวิปสฺสนา ปน นาติมนฺทา นาติติกฺขา วฎฺฎติฯ ตสฺมา เอส นาติมนฺทาย นาติติกฺขาย วิปสฺสนาย เต สงฺขาเร วิปสฺสติฯ ตโต ทุติยชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา วุฎฺฐาย ตตฺถ สงฺขาเร ตเถว วิปสฺสติฯ ตโต ตติยชฺฌานํ…เป.… ตโต วิญฺญาณญฺจายตนํ สมาปชฺชิตฺวา วุฎฺฐาย ตตฺถ สงฺขาเร ตเถว วิปสฺสติฯ อถ อากิญฺจญฺญายตนํ สมาปชฺชิตฺวา วุฎฺฐาย จตุพฺพิธํ ปุพฺพกิจฺจํ กโรติ – นานาพทฺธอวิโกปนํ, สงฺฆปฎิมานนํ, สตฺถุปโกฺกสนํ, อทฺธานปริเจฺฉทนฺติฯ
Ayaṃ pana vitthāro – idha bhikkhu nirodhaṃ samāpajjitukāmo katabhattakicco sudhotahatthapādo vivitte okāse supaññatte āsane nisīdati pallaṅkaṃ ābhujitvā ujuṃ kāyaṃ paṇidhāya parimukhaṃ satiṃ upaṭṭhapetvā. So paṭhamajjhānaṃ samāpajjitvā vuṭṭhāya tattha saṅkhāre aniccato dukkhato anattato vipassati. Vipassanā panesā tividhā hoti – saṅkhārapariggaṇhanakavipassanā, phalasamāpattivipassanā, nirodhasamāpattivipassanāti. Tattha saṅkhārapariggaṇhanakavipassanā mandā vā hotu tikkhā vā, maggassa padaṭṭhānaṃ hotiyeva. Phalasamāpattivipassanā tikkhāva vaṭṭati maggabhāvanāsadisā. Nirodhasamāpattivipassanā pana nātimandā nātitikkhā vaṭṭati. Tasmā esa nātimandāya nātitikkhāya vipassanāya te saṅkhāre vipassati. Tato dutiyajjhānaṃ samāpajjitvā vuṭṭhāya tattha saṅkhāre tatheva vipassati. Tato tatiyajjhānaṃ…pe… tato viññāṇañcāyatanaṃ samāpajjitvā vuṭṭhāya tattha saṅkhāre tatheva vipassati. Atha ākiñcaññāyatanaṃ samāpajjitvā vuṭṭhāya catubbidhaṃ pubbakiccaṃ karoti – nānābaddhaavikopanaṃ, saṅghapaṭimānanaṃ, satthupakkosanaṃ, addhānaparicchedanti.
ตตฺถ นานาพทฺธอวิโกปนนฺติ ยํ อิมินา ภิกฺขุนา สทฺธิํ เอกาพทฺธํ น โหติ, นานาพทฺธํ หุตฺวา ฐิตํ ปตฺตจีวรํ วา มญฺจปีฐํ วา นิวาสเคหํ วา อญฺญํ วา ปน กิญฺจิ ปริกฺขารชาตํ, ตํ ยถา น วิกุปฺปติ, อคฺคิอุทกวาตโจรอุนฺทูราทีนํ วเสน น วินสฺสติ, เอวํ อธิฎฺฐาตพฺพํฯ ตตฺริทํ อธิฎฺฐานวิธานํ – ‘‘อิทญฺจิทญฺจ อิมสฺมิํ สตฺตาหพฺภนฺตเร มา อคฺคินา ฌายตุ, มา อุทเกน วุยฺหตุ, มา วาเตน วิทฺธํสตุ, มา โจเรหิ หรียตุ, มา อุนฺทูราทีหิ ขชฺชตู’’ติฯ เอวํ อธิฎฺฐิเต ตํ สตฺตาหํ ตสฺส น โกจิ ปริสฺสโย โหติ, อนธิฎฺฐหโต ปน อคฺคิอาทีหิ วินสฺสติฯ อิทํ นานาพทฺธอวิโกปนํ นามฯ ยํ ปน เอกาพทฺธํ โหติ นิวาสนปารุปนํ วา นิสินฺนาสนํ วา, ตตฺถ วิสุํ อธิฎฺฐานกิจฺจํ นตฺถิ, สมาปตฺติเยว นํ รกฺขติฯ
Tattha nānābaddhaavikopananti yaṃ iminā bhikkhunā saddhiṃ ekābaddhaṃ na hoti, nānābaddhaṃ hutvā ṭhitaṃ pattacīvaraṃ vā mañcapīṭhaṃ vā nivāsagehaṃ vā aññaṃ vā pana kiñci parikkhārajātaṃ, taṃ yathā na vikuppati, aggiudakavātacoraundūrādīnaṃ vasena na vinassati, evaṃ adhiṭṭhātabbaṃ. Tatridaṃ adhiṭṭhānavidhānaṃ – ‘‘idañcidañca imasmiṃ sattāhabbhantare mā agginā jhāyatu, mā udakena vuyhatu, mā vātena viddhaṃsatu, mā corehi harīyatu, mā undūrādīhi khajjatū’’ti. Evaṃ adhiṭṭhite taṃ sattāhaṃ tassa na koci parissayo hoti, anadhiṭṭhahato pana aggiādīhi vinassati. Idaṃ nānābaddhaavikopanaṃ nāma. Yaṃ pana ekābaddhaṃ hoti nivāsanapārupanaṃ vā nisinnāsanaṃ vā, tattha visuṃ adhiṭṭhānakiccaṃ natthi, samāpattiyeva naṃ rakkhati.
สงฺฆปฎิมานนนฺติ ภิกฺขุสงฺฆสฺส ปฎิมานนํ อุทิกฺขนํฯ ยาว เอโส ภิกฺขุ อาคจฺฉติ, ตาว สงฺฆกมฺมสฺส อกรณนฺติ อโตฺถฯ เอตฺถ จ น ปฎิมานนํ เอตสฺส ปุพฺพกิจฺจํ, ปฎิมานนาวชฺชนํ ปน ปุพฺพกิจฺจํฯ ตสฺมา เอวํ อาวชฺชิตพฺพํ – ‘‘สเจ มยิ สตฺตาหํ นิโรธํ สมาปชฺชิตฺวา นิสิเนฺน สโงฺฆ อปโลกนกมฺมาทีสุ กิญฺจิเทว กมฺมํ กตฺตุกาโม โหติ, ยาว มํ โกจิ ภิกฺขุ อาคนฺตฺวา น ปโกฺกสติ, ตาวเทว วุฎฺฐหิสฺสามี’’ติฯ เอวํ กตฺวา สมาปโนฺน หิ ตสฺมิํ สมเย วุฎฺฐาติเยวฯ โย ปน เอวํ น กโรติ, สโงฺฆ จ สนฺนิปติตฺวา ตํ อปสฺสโนฺต ‘‘อสุโก ภิกฺขุ กุหิ’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘นิโรธํ สมาปโนฺน’’ติ วุเตฺต กญฺจิ ภิกฺขุํ เปเสติ ‘‘คจฺฉ ตํ สงฺฆสฺส วจเนน ปโกฺกสา’’ติฯ อถสฺส เตน ภิกฺขุนา สวนูปจาเร ฐตฺวา ‘‘สโงฺฆ ตํ อาวุโส ปฎิมาเนตี’’ติ วุตฺตมเตฺตเยว วุฎฺฐานํ โหติฯ เอวํครุกา หิ สงฺฆสฺส อาณา นามฯ ตสฺมา ตํ อาวชฺชิตฺวา ยถา สยเมว วุฎฺฐาติ, เอวํ สมาปชฺชิตพฺพํฯ
Saṅghapaṭimānananti bhikkhusaṅghassa paṭimānanaṃ udikkhanaṃ. Yāva eso bhikkhu āgacchati, tāva saṅghakammassa akaraṇanti attho. Ettha ca na paṭimānanaṃ etassa pubbakiccaṃ, paṭimānanāvajjanaṃ pana pubbakiccaṃ. Tasmā evaṃ āvajjitabbaṃ – ‘‘sace mayi sattāhaṃ nirodhaṃ samāpajjitvā nisinne saṅgho apalokanakammādīsu kiñcideva kammaṃ kattukāmo hoti, yāva maṃ koci bhikkhu āgantvā na pakkosati, tāvadeva vuṭṭhahissāmī’’ti. Evaṃ katvā samāpanno hi tasmiṃ samaye vuṭṭhātiyeva. Yo pana evaṃ na karoti, saṅgho ca sannipatitvā taṃ apassanto ‘‘asuko bhikkhu kuhi’’nti pucchitvā ‘‘nirodhaṃ samāpanno’’ti vutte kañci bhikkhuṃ peseti ‘‘gaccha taṃ saṅghassa vacanena pakkosā’’ti. Athassa tena bhikkhunā savanūpacāre ṭhatvā ‘‘saṅgho taṃ āvuso paṭimānetī’’ti vuttamatteyeva vuṭṭhānaṃ hoti. Evaṃgarukā hi saṅghassa āṇā nāma. Tasmā taṃ āvajjitvā yathā sayameva vuṭṭhāti, evaṃ samāpajjitabbaṃ.
สตฺถุปโกฺกสนนฺติ อิธาปิ สตฺถุปโกฺกสนาวชฺชนเมว อิมสฺส ปุพฺพกิจฺจํฯ ตสฺมา ตมฺปิ เอวํ อาวชฺชิตพฺพํ – ‘‘สเจ มยิ สตฺตาหํ นิโรธํ สมาปชฺชิตฺวา นิสิเนฺน สตฺถา โอติเณฺณ วตฺถุสฺมิํ สิกฺขาปทํ วา ปญฺญเปติ, ตถารูปาย วา อฎฺฐุปฺปตฺติยา ธมฺมํ เทเสติฯ ยาว มํ โกจิ อาคนฺตฺวา น ปโกฺกสติ, ตาวเทว วุฎฺฐหิสฺสามี’’ติฯ เอวํ กตฺวา นิสิโนฺน หิ ตสฺมิํ สมเย วุฎฺฐาติเยวฯ โย ปน เอวํ น กโรติ, สตฺถา จ สเงฺฆ สนฺนิปติเต ตํ อปสฺสโนฺต ‘‘อสุโก ภิกฺขุ กุหิ’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘นิโรธํ สมาปโนฺน’’ติ วุเตฺต กญฺจิ ภิกฺขุํ เปเสติ ‘‘คจฺฉ ตํ มม วจเนน ปโกฺกสา’’ติฯ อถสฺส เตน ภิกฺขุนา สวนูปจาเร ฐตฺวา สตฺถา อายสฺมนฺตํ อามเนฺตตี’’ติ วุตฺตมเตฺตเยว วุฎฺฐานํ โหติฯ เอวํครุกญฺหิ สตฺถุปโกฺกสนํฯ ตสฺมา ตํ อาวชฺชิตฺวา ยถา สยเมว วุฎฺฐาติ, เอวํ สมาปชฺชิตพฺพํฯ
Satthupakkosananti idhāpi satthupakkosanāvajjanameva imassa pubbakiccaṃ. Tasmā tampi evaṃ āvajjitabbaṃ – ‘‘sace mayi sattāhaṃ nirodhaṃ samāpajjitvā nisinne satthā otiṇṇe vatthusmiṃ sikkhāpadaṃ vā paññapeti, tathārūpāya vā aṭṭhuppattiyā dhammaṃ deseti. Yāva maṃ koci āgantvā na pakkosati, tāvadeva vuṭṭhahissāmī’’ti. Evaṃ katvā nisinno hi tasmiṃ samaye vuṭṭhātiyeva. Yo pana evaṃ na karoti, satthā ca saṅghe sannipatite taṃ apassanto ‘‘asuko bhikkhu kuhi’’nti pucchitvā ‘‘nirodhaṃ samāpanno’’ti vutte kañci bhikkhuṃ peseti ‘‘gaccha taṃ mama vacanena pakkosā’’ti. Athassa tena bhikkhunā savanūpacāre ṭhatvā satthā āyasmantaṃ āmantetī’’ti vuttamatteyeva vuṭṭhānaṃ hoti. Evaṃgarukañhi satthupakkosanaṃ. Tasmā taṃ āvajjitvā yathā sayameva vuṭṭhāti, evaṃ samāpajjitabbaṃ.
อทฺธานปริเจฺฉโทติ ชีวิตทฺธานสฺส ปริเจฺฉโทฯ อิมินา หิ ภิกฺขุนา อทฺธานปริเจฺฉเท กุสเลน ภวิตพฺพํฯ ‘‘อตฺตโน อายุสงฺขารา สตฺตาหํ ปวตฺติสฺสนฺติ, น ปวตฺติสฺสนฺตี’’ติ อาวชฺชิตฺวาว สมาปชฺชิตพฺพํฯ สเจ หิ สตฺตาหพฺภนฺตเร นิรุชฺฌนเก อายุสงฺขาเร อนาวชฺชิตฺวาว สมาปชฺชติ, ตสฺส นิโรธสมาปตฺติ มรณํ ปฎิพาหิตุํ น สโกฺกติฯ อโนฺตนิโรเธ มรณสฺส นตฺถิตาย อนฺตราว สมาปตฺติโต วุฎฺฐาติ, ตสฺมา เอตํ อาวชฺชิตฺวาว สมาปชฺชิตพฺพํฯ อวเสสญฺหิ อนาวชฺชิตุมฺปิ วฎฺฎติ, อิทํ ปน อาวชฺชิตพฺพเมวาติ วุตฺตํฯ โส เอวํ อากิญฺจญฺญายตนํ สมาปชฺชิตฺวา วุฎฺฐาย อิมํ ปุพฺพกิจฺจํ กตฺวา เนวสญฺญานาสญฺญายตนํ สมาปชฺชติฯ อเถกํ วา เทฺว วา จิตฺตวาเร อติกฺกมิตฺวา อจิตฺตโก โหติ, นิโรธํ ผุสติฯ กสฺมา ปนสฺส ทฺวินฺนํ จิตฺตานํ อุปริ จิตฺตานิ นปฺปวตฺตนฺตีติ? นิโรธสฺส ปโยคตฺตาฯ อิทญฺหิ อิมสฺส ภิกฺขุโน เทฺว สมถวิปสฺสนาธเมฺม ยุคนเทฺธ กตฺวา อฎฺฐสมาปตฺติอาโรหนํ อนุปุพฺพนิโรธสฺส ปโยโค, น เนวสญฺญานาสญฺญายตนสมาปตฺติยาติ นิโรธสฺส ปโยคตฺตา ทฺวินฺนํ จิตฺตานํ อุปริ นปฺปวตฺตนฺติฯ
Addhānaparicchedoti jīvitaddhānassa paricchedo. Iminā hi bhikkhunā addhānaparicchede kusalena bhavitabbaṃ. ‘‘Attano āyusaṅkhārā sattāhaṃ pavattissanti, na pavattissantī’’ti āvajjitvāva samāpajjitabbaṃ. Sace hi sattāhabbhantare nirujjhanake āyusaṅkhāre anāvajjitvāva samāpajjati, tassa nirodhasamāpatti maraṇaṃ paṭibāhituṃ na sakkoti. Antonirodhe maraṇassa natthitāya antarāva samāpattito vuṭṭhāti, tasmā etaṃ āvajjitvāva samāpajjitabbaṃ. Avasesañhi anāvajjitumpi vaṭṭati, idaṃ pana āvajjitabbamevāti vuttaṃ. So evaṃ ākiñcaññāyatanaṃ samāpajjitvā vuṭṭhāya imaṃ pubbakiccaṃ katvā nevasaññānāsaññāyatanaṃ samāpajjati. Athekaṃ vā dve vā cittavāre atikkamitvā acittako hoti, nirodhaṃ phusati. Kasmā panassa dvinnaṃ cittānaṃ upari cittāni nappavattantīti? Nirodhassa payogattā. Idañhi imassa bhikkhuno dve samathavipassanādhamme yuganaddhe katvā aṭṭhasamāpattiārohanaṃ anupubbanirodhassa payogo, na nevasaññānāsaññāyatanasamāpattiyāti nirodhassa payogattā dvinnaṃ cittānaṃ upari nappavattanti.
กถํ ฐานนฺติ? เอวํ สมาปนฺนาย ปนสฺสา กาลปริเจฺฉทวเสน เจว อนฺตรา อายุกฺขยสงฺฆปฎิมานนสตฺถุปโกฺกสนาภาเวน จ ฐานํ โหติฯ
Kathaṃ ṭhānanti? Evaṃ samāpannāya panassā kālaparicchedavasena ceva antarā āyukkhayasaṅghapaṭimānanasatthupakkosanābhāvena ca ṭhānaṃ hoti.
กถํ วุฎฺฐานนฺติ? อนาคามิสฺส อนาคามิผลสมาปตฺติยา อรหโต อรหตฺตผลสมาปตฺติยาติ เอวํ เทฺวธา วุฎฺฐานํ โหติฯ
Kathaṃ vuṭṭhānanti? Anāgāmissa anāgāmiphalasamāpattiyā arahato arahattaphalasamāpattiyāti evaṃ dvedhā vuṭṭhānaṃ hoti.
วุฎฺฐิตสฺส กินฺนินฺนํ จิตฺตํ โหตีติ? นิพฺพานนินฺนํฯ วุตฺตเญฺหตํ – ‘‘สญฺญาเวทยิตนิโรธสมาปตฺติยา วุฎฺฐิตสฺส โข, อาวุโส วิสาข, ภิกฺขุโน วิเวกนินฺนํ จิตฺตํ โหติ วิเวกโปณํ วิเวกปพฺภาร’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๔๖๔)ฯ
Vuṭṭhitassa kinninnaṃ cittaṃ hotīti? Nibbānaninnaṃ. Vuttañhetaṃ – ‘‘saññāvedayitanirodhasamāpattiyā vuṭṭhitassa kho, āvuso visākha, bhikkhuno vivekaninnaṃ cittaṃ hoti vivekapoṇaṃ vivekapabbhāra’’nti (ma. ni. 1.464).
มตสฺส จ สมาปนฺนสฺส จ โก วิเสโสติ? อยมฺปิ อโตฺถ สุเตฺต วุโตฺตเยวฯ ยถาห – ‘‘โย จายํ, อาวุโส, มโต กาลงฺกโต, ตสฺส กายสงฺขารา นิรุทฺธา ปฎิปฺปสฺสทฺธา, วจีสงฺขารา, จิตฺตสงฺขารา นิรุทฺธา ปฎิปฺปสฺสทฺธา, อายุ ปริกฺขีโณ, อุสฺมา วูปสนฺตา, อินฺทฺริยานิ ปริภินฺนานิฯ ยฺวายํ ภิกฺขุ สญฺญาเวทยิตนิโรธํ สมาปโนฺน, ตสฺสปิ กายสงฺขารา นิรุทฺธา ปฎิปฺปสฺสทฺธา, วจีสงฺขารา, จิตฺตสงฺขารา นิรุทฺธา ปฎิปฺปสฺสทฺธา, อายุ อปริกฺขีโณ, อุสฺมา อวูปสนฺตา, อินฺทฺริยานิ อปริภินฺนานี’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๕๗)ฯ
Matassa ca samāpannassa ca ko visesoti? Ayampi attho sutte vuttoyeva. Yathāha – ‘‘yo cāyaṃ, āvuso, mato kālaṅkato, tassa kāyasaṅkhārā niruddhā paṭippassaddhā, vacīsaṅkhārā, cittasaṅkhārā niruddhā paṭippassaddhā, āyu parikkhīṇo, usmā vūpasantā, indriyāni paribhinnāni. Yvāyaṃ bhikkhu saññāvedayitanirodhaṃ samāpanno, tassapi kāyasaṅkhārā niruddhā paṭippassaddhā, vacīsaṅkhārā, cittasaṅkhārā niruddhā paṭippassaddhā, āyu aparikkhīṇo, usmā avūpasantā, indriyāni aparibhinnānī’’ti (ma. ni. 1.457).
นิโรธสมาปตฺติ กิํ สงฺขตาติอาทิปุจฺฉายํ ปน ‘‘สงฺขตา’’ติปิ ‘‘อสงฺขตา’’ติปิ ‘‘โลกิยา’’ติปิ ‘‘โลกุตฺตรา’’ติปิ น วตฺตพฺพาฯ กสฺมา? สภาวโต นตฺถิตายฯ ยสฺมา ปน สมาปชฺชนฺตสฺส วเสน สมาปโนฺน นาม โหติ, ตสฺมา นิปฺผนฺนาติ วตฺตุํ วฎฺฎติ, โน อนิปฺผนฺนาติฯ
Nirodhasamāpatti kiṃ saṅkhatātiādipucchāyaṃ pana ‘‘saṅkhatā’’tipi ‘‘asaṅkhatā’’tipi ‘‘lokiyā’’tipi ‘‘lokuttarā’’tipi na vattabbā. Kasmā? Sabhāvato natthitāya. Yasmā pana samāpajjantassa vasena samāpanno nāma hoti, tasmā nipphannāti vattuṃ vaṭṭati, no anipphannāti.
‘‘อิติ สนฺตา สมาปตฺติ, อยํ อริยนิเสวิตา;
‘‘Iti santā samāpatti, ayaṃ ariyanisevitā;
ทิเฎฺฐว ธเมฺม นิพฺพานมิติ สงฺขมุปาคตา’’ติฯ
Diṭṭheva dhamme nibbānamiti saṅkhamupāgatā’’ti.
นิโรธสมาปตฺติญาณนิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Nirodhasamāpattiñāṇaniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ปฎิสมฺภิทามคฺคปาฬิ • Paṭisambhidāmaggapāḷi / ๓๔. นิโรธสมาปตฺติญาณนิเทฺทโส • 34. Nirodhasamāpattiñāṇaniddeso