Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga

    ๕. นิสีทนสนฺถตสิกฺขาปทํ

    5. Nisīdanasanthatasikkhāpadaṃ

    ๕๖๕. เตน สมเยน พุโทฺธ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ อถ โข ภควา ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘อิจฺฉามหํ, ภิกฺขเว, เตมาสํ ปฎิสลฺลียิตุํฯ นมฺหิ เกนจิ อุปสงฺกมิตโพฺพ, อญฺญตฺร เอเกน ปิณฺฑปาตนีหารเกนา’’ติฯ ‘‘เอวํ, ภเนฺต,’’ติ โข เต ภิกฺขู ภควโต ปฎิสฺสุณิตฺวา นาสฺสุธ โกจิ ภควนฺตํ อุปสงฺกมติ, อญฺญตฺร เอเกน ปิณฺฑปาตนีหารเกนฯ เตน โข ปน สมเยน สาวตฺถิยา สเงฺฆน กติกา กตา โหติ – ‘‘อิจฺฉตาวุโส, ภควา เตมาสํ ปฎิสลฺลียิตุํฯ น ภควา เกนจิ อุปสงฺกมิตโพฺพ , อญฺญตฺร เอเกน ปิณฺฑปาตนีหารเกนฯ โย ภควนฺตํ อุปสงฺกมติ โส ปาจิตฺติยํ เทสาเปตโพฺพ’’ติฯ อถ โข อายสฺมา อุปเสโน วงฺคนฺตปุโตฺต, สปริโส เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ อาจิณฺณํ โข ปเนตํ พุทฺธานํ ภควนฺตานํ อาคนฺตุเกหิ ภิกฺขูหิ สทฺธิํ ปฎิสโมฺมทิตุํฯ อถ โข ภควา อายสฺมนฺตํ อุปเสนํ วงฺคนฺตปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘กจฺจิ โว, อุปเสน, ขมนียํ กจฺจิ ยาปนียํ, กจฺจิตฺถ อปฺปกิลมเถน อทฺธานํ อาคตา’’ติ? ‘‘ขมนียํ , ภควา, ยาปนียํ, ภควาฯ อปฺปกิลมเถน จ มยํ, ภเนฺต, อทฺธานํ อาคตา’’ติฯ

    565. Tena samayena buddho bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme. Atha kho bhagavā bhikkhū āmantesi – ‘‘icchāmahaṃ, bhikkhave, temāsaṃ paṭisallīyituṃ. Namhi kenaci upasaṅkamitabbo, aññatra ekena piṇḍapātanīhārakenā’’ti. ‘‘Evaṃ, bhante,’’ti kho te bhikkhū bhagavato paṭissuṇitvā nāssudha koci bhagavantaṃ upasaṅkamati, aññatra ekena piṇḍapātanīhārakena. Tena kho pana samayena sāvatthiyā saṅghena katikā katā hoti – ‘‘icchatāvuso, bhagavā temāsaṃ paṭisallīyituṃ. Na bhagavā kenaci upasaṅkamitabbo , aññatra ekena piṇḍapātanīhārakena. Yo bhagavantaṃ upasaṅkamati so pācittiyaṃ desāpetabbo’’ti. Atha kho āyasmā upaseno vaṅgantaputto, sapariso yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Āciṇṇaṃ kho panetaṃ buddhānaṃ bhagavantānaṃ āgantukehi bhikkhūhi saddhiṃ paṭisammodituṃ. Atha kho bhagavā āyasmantaṃ upasenaṃ vaṅgantaputtaṃ etadavoca – ‘‘kacci vo, upasena, khamanīyaṃ kacci yāpanīyaṃ, kaccittha appakilamathena addhānaṃ āgatā’’ti? ‘‘Khamanīyaṃ , bhagavā, yāpanīyaṃ, bhagavā. Appakilamathena ca mayaṃ, bhante, addhānaṃ āgatā’’ti.

    เตน โข ปน สมเยน อายสฺมโต อุปเสนสฺส วงฺคนฺตปุตฺตสฺส สทฺธิวิหาริโก ภิกฺขุ ภควโต อวิทูเร นิสิโนฺน โหติฯ อถ โข ภควา ตํ ภิกฺขุํ เอตทโวจ – ‘‘มนาปานิ เต, ภิกฺขุ, ปํสุกูลานี’’ติ? ‘‘น โข เม, ภเนฺต, มนาปานิ ปํสุกูลานี’’ติฯ ‘‘กิสฺส ปน ตฺวํ, ภิกฺขุ, ปํสุกูลิโก’’ติ? ‘‘อุปชฺฌาโย เม, ภเนฺต, ปํสุกูลิโกฯ เอวํ อหมฺปิ ปํสุกูลิโก’’ติฯ อถ โข ภควา อายสฺมนฺตํ อุปเสนํ วงฺคนฺตปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ปาสาทิกา โข ตฺยายํ, อุปเสน, ปริสาฯ กถํ ตฺวํ, อุปเสน, ปริสํ วิเนสี’’ติ? ‘‘โย มํ, ภเนฺต, อุปสมฺปทํ ยาจติ ตมหํ 1 เอวํ วทามิ – ‘อหํ โข, อาวุโส, อารญฺญิโก ปิณฺฑปาติโก ปํสุกูลิโกฯ สเจ ตฺวมฺปิ อารญฺญิโก ภวิสฺสสิ ปิณฺฑปาติโก ปํสุกูลิโก, เอวาหํ ตํ อุปสมฺปาเทสฺสามี’ติฯ สเจ เม ปฎิสฺสุณาติ อุปสมฺปาเทมิ, โน เจ เม ปฎิสฺสุณาติ น อุปสมฺปาเทมิฯ โย มํ นิสฺสยํ ยาจติ ตมหํ 2 เอวํ วทามิ – ‘อหํ โข, อาวุโส, อารญฺญิโก ปิณฺฑปาติโก ปํสุกูลิโกฯ สเจ ตฺวมฺปิ อารญฺญิโก ภวิสฺสสิ ปิณฺฑปาติโก ปํสุกูลิโก, เอวาหํ เต นิสฺสยํ ทสฺสามี’ติฯ สเจ เม ปฎิสฺสุณาติ นิสฺสยํ เทมิ, โน เจ เม ปฎิสฺสุณาติ น นิสฺสยํ เทมิฯ เอวํ โข อหํ, ภเนฺต, ปริสํ วิเนมี’’ติฯ

    Tena kho pana samayena āyasmato upasenassa vaṅgantaputtassa saddhivihāriko bhikkhu bhagavato avidūre nisinno hoti. Atha kho bhagavā taṃ bhikkhuṃ etadavoca – ‘‘manāpāni te, bhikkhu, paṃsukūlānī’’ti? ‘‘Na kho me, bhante, manāpāni paṃsukūlānī’’ti. ‘‘Kissa pana tvaṃ, bhikkhu, paṃsukūliko’’ti? ‘‘Upajjhāyo me, bhante, paṃsukūliko. Evaṃ ahampi paṃsukūliko’’ti. Atha kho bhagavā āyasmantaṃ upasenaṃ vaṅgantaputtaṃ etadavoca – ‘‘pāsādikā kho tyāyaṃ, upasena, parisā. Kathaṃ tvaṃ, upasena, parisaṃ vinesī’’ti? ‘‘Yo maṃ, bhante, upasampadaṃ yācati tamahaṃ 3 evaṃ vadāmi – ‘ahaṃ kho, āvuso, āraññiko piṇḍapātiko paṃsukūliko. Sace tvampi āraññiko bhavissasi piṇḍapātiko paṃsukūliko, evāhaṃ taṃ upasampādessāmī’ti. Sace me paṭissuṇāti upasampādemi, no ce me paṭissuṇāti na upasampādemi. Yo maṃ nissayaṃ yācati tamahaṃ 4 evaṃ vadāmi – ‘ahaṃ kho, āvuso, āraññiko piṇḍapātiko paṃsukūliko. Sace tvampi āraññiko bhavissasi piṇḍapātiko paṃsukūliko, evāhaṃ te nissayaṃ dassāmī’ti. Sace me paṭissuṇāti nissayaṃ demi, no ce me paṭissuṇāti na nissayaṃ demi. Evaṃ kho ahaṃ, bhante, parisaṃ vinemī’’ti.

    ‘‘สาธุ สาธุ, อุปเสนฯ สาธุ โข ตฺวํ, อุปเสน, ปริสํ วิเนสิ ฯ ชานาสิ ปน ตฺวํ, อุปเสน, สาวตฺถิยา สงฺฆสฺส กติก’’นฺติ? ‘‘น โข อหํ, ภเนฺต, ชานามิ สาวตฺถิยา สงฺฆสฺส กติก’’นฺติฯ ‘‘สาวตฺถิยา โข, อุปเสน, สเงฺฆน กติกา กตา – ‘อิจฺฉตาวุโส, ภควา เตมาสํ ปฎิสลฺลียิตุํฯ น ภควา เกนจิ อุปสงฺกมิตโพฺพ, อญฺญตฺร เอเกน ปิณฺฑปาตนีหารเกนฯ โย ภควนฺตํ อุปสงฺกมติ โส ปาจิตฺติยํ เทสาเปตโพฺพ’ติฯ ‘‘ปญฺญายิสฺสติ, ภเนฺต, สาวตฺถิยา สโงฺฆ สกาย กติกาย, น มยํ อปญฺญตฺตํ ปญฺญเปสฺสาม ปญฺญตฺตํ วา น สมุจฺฉินฺทิสฺสาม, ยถาปญฺญเตฺตสุ สิกฺขาปเทสุ สมาทาย วตฺติสฺสามา’’ติฯ ‘‘สาธุ สาธุ, อุปเสน, อปญฺญตฺตํ น ปญฺญเปตพฺพํ, ปญฺญตฺตํ วา น สมุจฺฉินฺทิตพฺพํ, ยถาปญฺญเตฺตสุ สิกฺขาปเทสุ สมาทาย วตฺติตพฺพํฯ อนุชานามิ, อุปเสน, เย เต ภิกฺขู อารญฺญิกา ปิณฺฑปาติกา ปํสุกูลิกา ยถาสุขํ มํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมนฺตู’’ติฯ

    ‘‘Sādhu sādhu, upasena. Sādhu kho tvaṃ, upasena, parisaṃ vinesi . Jānāsi pana tvaṃ, upasena, sāvatthiyā saṅghassa katika’’nti? ‘‘Na kho ahaṃ, bhante, jānāmi sāvatthiyā saṅghassa katika’’nti. ‘‘Sāvatthiyā kho, upasena, saṅghena katikā katā – ‘icchatāvuso, bhagavā temāsaṃ paṭisallīyituṃ. Na bhagavā kenaci upasaṅkamitabbo, aññatra ekena piṇḍapātanīhārakena. Yo bhagavantaṃ upasaṅkamati so pācittiyaṃ desāpetabbo’ti. ‘‘Paññāyissati, bhante, sāvatthiyā saṅgho sakāya katikāya, na mayaṃ apaññattaṃ paññapessāma paññattaṃ vā na samucchindissāma, yathāpaññattesu sikkhāpadesu samādāya vattissāmā’’ti. ‘‘Sādhu sādhu, upasena, apaññattaṃ na paññapetabbaṃ, paññattaṃ vā na samucchinditabbaṃ, yathāpaññattesu sikkhāpadesu samādāya vattitabbaṃ. Anujānāmi, upasena, ye te bhikkhū āraññikā piṇḍapātikā paṃsukūlikā yathāsukhaṃ maṃ dassanāya upasaṅkamantū’’ti.

    ๕๖๖. เตน โข ปน สมเยน สมฺพหุลา ภิกฺขู พหิทฺวารโกฎฺฐเก ฐิตา โหนฺติ – ‘‘มยํ อายสฺมนฺตํ อุปเสนํ วงฺคนฺตปุตฺตํ ปาจิตฺติยํ เทสาเปสฺสามา’’ติ ฯ อถ โข อายสฺมา อุปเสโน วงฺคนฺตปุโตฺต สปริโส อุฎฺฐายาสนา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิฯ อถ โข เต ภิกฺขู อายสฺมนฺตํ อุปเสนํ วงฺคนฺตปุตฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘ชานาสิ ตฺวํ, อาวุโส อุปเสน, สาวตฺถิยา สงฺฆสฺส กติก’’นฺติฯ ‘‘ภควาปิ มํ, อาวุโส, เอวมาห – ‘ชานาสิ ปน ตฺวํ, อุปเสน, สาวตฺถิยา สงฺฆสฺส กติก’นฺติ? น โข อหํ, ภเนฺต, ชานามิ สาวตฺถิยา สงฺฆสฺส กติก’’นฺติฯ ‘‘สาวตฺถิยา โข, อุปเสน, สเงฺฆน กติกา กตา – อิจฺฉตาวุโส, ภควา เตมาสํ ปฎิสลฺลียิตุํฯ น ภควา เกนจิ อุปสงฺกมิตโพฺพ, อญฺญตฺร เอเกน ปิณฺฑปาตนีหารเกนฯ โย ภควนฺตํ อุปสงฺกมติ โส ปาจิตฺติยํ เทสาเปตโพฺพ’’ติฯ ‘‘ปญฺญายิสฺสติ, ภเนฺต, สาวตฺถิยา สโงฺฆ สกาย กติกาย, น มยํ อปญฺญตฺตํ ปญฺญเปสฺสาม ปญฺญตฺตํ วา น สมุจฺฉินฺทิสฺสาม, ยถาปญฺญเตฺตสุ สิกฺขาปเทสุ สมาทาย วตฺติสฺสามาติฯ อนุญฺญาตาวุโส, ภควตา – ‘เย เต ภิกฺขู อารญฺญิกา ปิณฺฑปาติกา ปํสุกูลิกา ยถาสุขํ มํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมนฺตู’’’ติฯ

    566. Tena kho pana samayena sambahulā bhikkhū bahidvārakoṭṭhake ṭhitā honti – ‘‘mayaṃ āyasmantaṃ upasenaṃ vaṅgantaputtaṃ pācittiyaṃ desāpessāmā’’ti . Atha kho āyasmā upaseno vaṅgantaputto sapariso uṭṭhāyāsanā bhagavantaṃ abhivādetvā padakkhiṇaṃ katvā pakkāmi. Atha kho te bhikkhū āyasmantaṃ upasenaṃ vaṅgantaputtaṃ etadavocuṃ – ‘‘jānāsi tvaṃ, āvuso upasena, sāvatthiyā saṅghassa katika’’nti. ‘‘Bhagavāpi maṃ, āvuso, evamāha – ‘jānāsi pana tvaṃ, upasena, sāvatthiyā saṅghassa katika’nti? Na kho ahaṃ, bhante, jānāmi sāvatthiyā saṅghassa katika’’nti. ‘‘Sāvatthiyā kho, upasena, saṅghena katikā katā – icchatāvuso, bhagavā temāsaṃ paṭisallīyituṃ. Na bhagavā kenaci upasaṅkamitabbo, aññatra ekena piṇḍapātanīhārakena. Yo bhagavantaṃ upasaṅkamati so pācittiyaṃ desāpetabbo’’ti. ‘‘Paññāyissati, bhante, sāvatthiyā saṅgho sakāya katikāya, na mayaṃ apaññattaṃ paññapessāma paññattaṃ vā na samucchindissāma, yathāpaññattesu sikkhāpadesu samādāya vattissāmāti. Anuññātāvuso, bhagavatā – ‘ye te bhikkhū āraññikā piṇḍapātikā paṃsukūlikā yathāsukhaṃ maṃ dassanāya upasaṅkamantū’’’ti.

    อถ โข เต ภิกฺขู – ‘‘สจฺจํ โข อายสฺมา อุปเสโน อาห – ‘น อปญฺญตฺตํ ปญฺญเปตพฺพํ, ปญฺญตฺตํ วา น สมุจฺฉินฺทิตพฺพํ, ยถาปญฺญเตฺตสุ สิกฺขาปเทสุ สมาทาย วตฺติตพฺพ’’’นฺติฯ อโสฺสสุํ โข ภิกฺขู – ‘‘อนุญฺญาตา กิร ภควตา – ‘เย เต ภิกฺขู อารญฺญิกา ปิณฺฑปาติกา ปํสุกูลิกา ยถาสุขํ มํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมนฺตู’’’ติฯ เต ภควนฺตํ ทสฺสนํ ปิเหนฺตา 5 สนฺถตานิ อุชฺฌิตฺวา อารญฺญิกงฺคํ ปิณฺฑปาติกงฺคํ ปํสุกูลิกงฺคํ สมาทิยิํสุฯ อถ โข ภควา สมฺพหุเลหิ ภิกฺขูหิ สทฺธิํ เสนาสนจาริกํ อาหิณฺฑโนฺต อทฺทส สนฺถตานิ ตหํ ตหํ อุชฺฌิตานิฯ ปสฺสิตฺวา ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘กสฺสิมานิ, ภิกฺขเว, สนฺถตานิ ตหํ ตหํ อุชฺฌิตานี’’ติ? อถ โข เต ภิกฺขู ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ อถ โข ภควา เอตสฺมิํ นิทาเน เอตสฺมิํ ปกรเณ ธมฺมิํ กถํ กตฺวา ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘เตน หิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขูนํ สิกฺขาปทํ ปญฺญเปสฺสามิ ทส อตฺถวเส ปฎิจฺจ – สงฺฆสุฎฺฐุตาย, สงฺฆผาสุตาย,…เป.… เอวญฺจ ปน, ภิกฺขเว, อิมํ สิกฺขาปทํ อุทฺทิเสยฺยาถ –

    Atha kho te bhikkhū – ‘‘saccaṃ kho āyasmā upaseno āha – ‘na apaññattaṃ paññapetabbaṃ, paññattaṃ vā na samucchinditabbaṃ, yathāpaññattesu sikkhāpadesu samādāya vattitabba’’’nti. Assosuṃ kho bhikkhū – ‘‘anuññātā kira bhagavatā – ‘ye te bhikkhū āraññikā piṇḍapātikā paṃsukūlikā yathāsukhaṃ maṃ dassanāya upasaṅkamantū’’’ti. Te bhagavantaṃ dassanaṃ pihentā 6 santhatāni ujjhitvā āraññikaṅgaṃ piṇḍapātikaṅgaṃ paṃsukūlikaṅgaṃ samādiyiṃsu. Atha kho bhagavā sambahulehi bhikkhūhi saddhiṃ senāsanacārikaṃ āhiṇḍanto addasa santhatāni tahaṃ tahaṃ ujjhitāni. Passitvā bhikkhū āmantesi – ‘‘kassimāni, bhikkhave, santhatāni tahaṃ tahaṃ ujjhitānī’’ti? Atha kho te bhikkhū bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ. Atha kho bhagavā etasmiṃ nidāne etasmiṃ pakaraṇe dhammiṃ kathaṃ katvā bhikkhū āmantesi – ‘‘tena hi, bhikkhave, bhikkhūnaṃ sikkhāpadaṃ paññapessāmi dasa atthavase paṭicca – saṅghasuṭṭhutāya, saṅghaphāsutāya,…pe… evañca pana, bhikkhave, imaṃ sikkhāpadaṃ uddiseyyātha –

    ๕๖๗. ‘‘นิสีทนสนฺถตํ ปน ภิกฺขุนา การยมาเนน ปุราณสนฺถตสฺส สามนฺตา สุคตวิทตฺถิ อาทาตพฺพา ทุพฺพณฺณกรณาย, อนาทา เจ ภิกฺขุ ปุราณสนฺถตสฺส สามนฺตา สุคตวิทตฺถิํ นวํ นิสีทนสนฺถตํ การาเปยฺย, นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติย’’นฺติฯ

    567.‘‘Nisīdanasanthataṃpana bhikkhunā kārayamānena purāṇasanthatassa sāmantā sugatavidatthi ādātabbā dubbaṇṇakaraṇāya, anādā ce bhikkhu purāṇasanthatassa sāmantā sugatavidatthiṃ navaṃ nisīdanasanthataṃ kārāpeyya, nissaggiyaṃ pācittiya’’nti.

    ๕๖๘. นิสีทนํ นาม สทสํ วุจฺจติฯ

    568.Nisīdanaṃ nāma sadasaṃ vuccati.

    สนฺถตํ นาม สนฺถริตฺวา กตํ โหติ อวายิมํฯ

    Santhataṃ nāma santharitvā kataṃ hoti avāyimaṃ.

    การยมาเนนาติ กโรโนฺต วา การาเปโนฺต วาฯ

    Kārayamānenāti karonto vā kārāpento vā.

    ปุราณสนฺถตํ นาม สกิํ นิวตฺถมฺปิ สกิํ ปารุตมฺปิฯ

    Purāṇasanthataṃ nāma sakiṃ nivatthampi sakiṃ pārutampi.

    สามนฺตา สุคตวิทตฺถิ อาทาตพฺพา ทุพฺพณฺณกรณายาติ ถิรภาวาย วฎฺฎํ วา จตุรสฺสํ วา ฉินฺทิตฺวา เอกเทเส วา สนฺถริตพฺพํ วิชเฎตฺวา วา สนฺถริตพฺพํฯ

    Sāmantā sugatavidatthi ādātabbā dubbaṇṇakaraṇāyāti thirabhāvāya vaṭṭaṃ vā caturassaṃ vā chinditvā ekadese vā santharitabbaṃ vijaṭetvā vā santharitabbaṃ.

    อนาทา เจ ภิกฺขุ ปุราณสนฺถตสฺส สามนฺตา สุคตวิทตฺถินฺติ อนาทิยิตฺวา ปุราณสนฺถตสฺส สามนฺตา สุคตวิทตฺถิํ นวํ นิสีทนสนฺถตํ กโรติ วา การาเปติ วา, ปโยเค ทุกฺกฎํ, ปฎิลาเภน นิสฺสคฺคิยํ โหติฯ นิสฺสชฺชิตพฺพํ สงฺฆสฺส วา คณสฺส วา ปุคฺคลสฺส วาฯ เอวญฺจ ปน, ภิกฺขเว, นิสฺสชฺชิตพฺพํ…เป.… อิทํ เม, ภเนฺต, นิสีทนสนฺถตํ อนาทิยิตฺวา ปุราณสนฺถตสฺส สามนฺตา สุคตวิทตฺถิํ การาปิตํ นิสฺสคฺคิยํฯ อิมาหํ สงฺฆสฺส นิสฺสชฺชามีติ…เป.… ทเทยฺยาติ…เป.… อายสฺมโต ทมฺมีติฯ

    Anādā ce bhikkhu purāṇasanthatassa sāmantā sugatavidatthinti anādiyitvā purāṇasanthatassa sāmantā sugatavidatthiṃ navaṃ nisīdanasanthataṃ karoti vā kārāpeti vā, payoge dukkaṭaṃ, paṭilābhena nissaggiyaṃ hoti. Nissajjitabbaṃ saṅghassa vā gaṇassa vā puggalassa vā. Evañca pana, bhikkhave, nissajjitabbaṃ…pe… idaṃ me, bhante, nisīdanasanthataṃ anādiyitvā purāṇasanthatassa sāmantā sugatavidatthiṃ kārāpitaṃ nissaggiyaṃ. Imāhaṃ saṅghassa nissajjāmīti…pe… dadeyyāti…pe… āyasmato dammīti.

    ๕๖๙. อตฺตนา วิปฺปกตํ อตฺตนา ปริโยสาเปติ, นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํฯ อตฺตนา วิปฺปกตํ ปเรหิ ปริโยสาเปติ, นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํฯ ปเรหิ วิปฺปกตํ อตฺตนา ปริโยสาเปติ, นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํฯ ปเรหิ วิปฺปกตํ ปเรหิ ปริโยสาเปติ, นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํฯ

    569. Attanā vippakataṃ attanā pariyosāpeti, nissaggiyaṃ pācittiyaṃ. Attanā vippakataṃ parehi pariyosāpeti, nissaggiyaṃ pācittiyaṃ. Parehi vippakataṃ attanā pariyosāpeti, nissaggiyaṃ pācittiyaṃ. Parehi vippakataṃ parehi pariyosāpeti, nissaggiyaṃ pācittiyaṃ.

    อญฺญสฺสตฺถาย กโรติ วา การาเปติ วา, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ

    Aññassatthāya karoti vā kārāpeti vā, āpatti dukkaṭassa.

    ๕๗๐. อนาปตฺติ – ปุราณสนฺถตสฺส สามนฺตา สุคตวิทตฺถิํ อาทิยิตฺวา กโรติ, อลภโนฺต โถกตรํ อาทิยิตฺวา กโรติ, อลภโนฺต อนาทิยิตฺวา กโรติ, อเญฺญน กตํ ปฎิลภิตฺวา ปริภุญฺชติ, วิตานํ วา ภูมตฺถรณํ วา สาณิปาการํ วา ภิสิํ วา พิโพฺพหนํ วา กโรติ, อุมฺมตฺตกสฺส อาทิกมฺมิกสฺสาติฯ

    570. Anāpatti – purāṇasanthatassa sāmantā sugatavidatthiṃ ādiyitvā karoti, alabhanto thokataraṃ ādiyitvā karoti, alabhanto anādiyitvā karoti, aññena kataṃ paṭilabhitvā paribhuñjati, vitānaṃ vā bhūmattharaṇaṃ vā sāṇipākāraṃ vā bhisiṃ vā bibbohanaṃ vā karoti, ummattakassa ādikammikassāti.

    นิสีทนสนฺถตสิกฺขาปทํ นิฎฺฐิตํ ปญฺจมํฯ

    Nisīdanasanthatasikkhāpadaṃ niṭṭhitaṃ pañcamaṃ.







    Footnotes:
    1. ตาหํ (ก.)
    2. ตาหํ (ก.)
    3. tāhaṃ (ka.)
    4. tāhaṃ (ka.)
    5. ทสฺสนาย ปิหยมานา (สฺยา.)
    6. dassanāya pihayamānā (syā.)



    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā / ๕. นิสีทนสนฺถตสิกฺขาปทวณฺณนา • 5. Nisīdanasanthatasikkhāpadavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / ๕. นิสีทนสนฺถตสิกฺขาปทวณฺณนา • 5. Nisīdanasanthatasikkhāpadavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / ๕. นิสีทนสนฺถตสิกฺขาปทวณฺณนา • 5. Nisīdanasanthatasikkhāpadavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / ๕. นิสีทนสนฺถตสิกฺขาปทวณฺณนา • 5. Nisīdanasanthatasikkhāpadavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact