Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วินยวินิจฺฉย-ฎีกา • Vinayavinicchaya-ṭīkā

    นิสฺสคฺคิยกถาวณฺณนา

    Nissaggiyakathāvaṇṇanā

    ๒๐๙๔-๕. เอวํ สตฺตรสสงฺฆาทิเสเส ทเสฺสตฺวา อิทานิ ตทนนฺตรานิ นิสฺสคฺคิยานิ ทเสฺสตุมาห ‘‘อธิฎฺฐานุปคํ ปตฺต’’นฺติอาทิฯ ‘‘อธิฎฺฐานุปคํ ปตฺต’’นฺติ อิมินา ปเทน เกนจิ การเณน อนธิฎฺฐานุปเค ปเตฺต อนาปตฺติภาวํ ทีเปติฯ ‘‘ตสฺสา’’ติ ต-สทฺทาเปกฺขาย ภิกฺขุนีติ เอตฺถ ‘‘ยา’’ติ ลพฺภติฯ ปตฺตสนฺนิธิการณาติ อนธิฎฺฐาย, อวิกเปฺปตฺวา เอกรตฺตมฺปิ ปตฺตสฺส นิกฺขิตฺตการณาฯ

    2094-5. Evaṃ sattarasasaṅghādisese dassetvā idāni tadanantarāni nissaggiyāni dassetumāha ‘‘adhiṭṭhānupagaṃ patta’’ntiādi. ‘‘Adhiṭṭhānupagaṃ patta’’nti iminā padena kenaci kāraṇena anadhiṭṭhānupage patte anāpattibhāvaṃ dīpeti. ‘‘Tassā’’ti ta-saddāpekkhāya bhikkhunīti ettha ‘‘yā’’ti labbhati. Pattasannidhikāraṇāti anadhiṭṭhāya, avikappetvā ekarattampi pattassa nikkhittakāraṇā.

    ๒๐๙๖. อิธ อิมสฺมิํ สิกฺขาปเท เสโส สโพฺพ วินิจฺฉโย กถามโคฺคติ โยชนา, อวเสสสพฺพวินิจฺฉยกถามโคฺคติ อโตฺถฯ ปตฺตสิกฺขาปเทติ มหาวิภงฺคปฐมปตฺตสิกฺขาปเทฯ

    2096.Idha imasmiṃ sikkhāpade seso sabbo vinicchayo kathāmaggoti yojanā, avasesasabbavinicchayakathāmaggoti attho. Pattasikkhāpadeti mahāvibhaṅgapaṭhamapattasikkhāpade.

    ๒๐๙๗. วิเสโสว วิเสสตา

    2097. Visesova visesatā.

    ปฐมํฯ

    Paṭhamaṃ.

    ๒๐๙๘. อกาเลติ ‘‘อนตฺถตกถิเน วิหาเร เอกาทส มาสา, อตฺถตกถิเน วิหาเร สตฺต มาสา’’ติ (ปาจิ. ๗๔๐ อตฺถโต สมานํ) เอวํ วุเตฺต อกาเลฯ วิกปฺปนฺตรํ ทเสฺสตุมาห ‘‘ทินฺนํ กาเลปิ เกนจี’’ติอาทิฯ วุตฺตวิปริยาเยน กาลนิยโม เวทิตโพฺพฯ เกนจิ อกาเล ยํ จีวรํ ทินฺนํ, กาเลปิ ยํ จีวรํ อาทิสฺส ทินฺนํ, ตํ อกาลจีวรํ นามาติ โยชนาฯ อาทิสฺส ทานปฺปการํ ทเสฺสตุมาห ‘‘สมฺปตฺตา ภาเชนฺตู’’ติฯ นิยามิตนฺติ ‘‘สมฺปตฺตา ภาเชนฺตู’’ติ เอวํ วตฺวา ทินฺนญฺจ ‘‘อิทํ คณสฺส, อิทํ ตุยฺหํ ทมฺมี’’ติ วตฺวา วา ทาตุกามตาย ปาทมูเล ฐเปตฺวา วา ทินฺนญฺจ อาทิสฺส ทินฺนํ นามาติ อโตฺถฯ ยถาห ‘‘สมฺปตฺตา ภาเชนฺตู’ติ วตฺวา วา ‘อิทํ คณสฺส, อิทํ ตุมฺหากํ ทมฺมี’ติ วตฺวา วา ทาตุกมฺยตาย ปาทมูเล ฐเปตฺวา วา ทินฺนมฺปิ อาทิสฺส ทินฺนํ นาม โหตี’’ติ (ปาจิ. อฎฺฐ. ๗๔๐)ฯ

    2098.Akāleti ‘‘anatthatakathine vihāre ekādasa māsā, atthatakathine vihāre satta māsā’’ti (pāci. 740 atthato samānaṃ) evaṃ vutte akāle. Vikappantaraṃ dassetumāha ‘‘dinnaṃ kālepi kenacī’’tiādi. Vuttavipariyāyena kālaniyamo veditabbo. Kenaci akāle yaṃ cīvaraṃ dinnaṃ, kālepi yaṃ cīvaraṃ ādissa dinnaṃ, taṃ akālacīvaraṃ nāmāti yojanā. Ādissa dānappakāraṃ dassetumāha ‘‘sampattā bhājentū’’ti. Niyāmitanti ‘‘sampattā bhājentū’’ti evaṃ vatvā dinnañca ‘‘idaṃ gaṇassa, idaṃ tuyhaṃ dammī’’ti vatvā vā dātukāmatāya pādamūle ṭhapetvā vā dinnañca ādissa dinnaṃ nāmāti attho. Yathāha ‘‘sampattā bhājentū’ti vatvā vā ‘idaṃ gaṇassa, idaṃ tumhākaṃ dammī’ti vatvā vā dātukamyatāya pādamūle ṭhapetvā vā dinnampi ādissa dinnaṃ nāma hotī’’ti (pāci. aṭṭha. 740).

    ๒๐๙๙. อกาลจีวรนฺติ วุตฺตปฺปการํ อกาลจีวรํฯ

    2099.Akālacīvaranti vuttappakāraṃ akālacīvaraṃ.

    ๒๑๐๐. อตฺตนา ปฎิลทฺธนฺติ ตโต ยํ จีวรํ อตฺตนา วสฺสเคฺคน ปฎิลทฺธํฯ นิสฺสชฺชิตฺวา ปฎิลทฺธกาเล กตฺตพฺพวิธิํ ทเสฺสตุมาห ‘‘ลภิตฺวา…เป.… นิโยชเย’’ติฯ ยถาทาเน นิโยชเยติ ยถา ทายเกน ทินฺนํ, ตถา อุปเนตพฺพํ, อกาลจีวรปเกฺขเยว ฐเปตพฺพนฺติ วุตฺตํ โหติฯ

    2100.Attanā paṭiladdhanti tato yaṃ cīvaraṃ attanā vassaggena paṭiladdhaṃ. Nissajjitvā paṭiladdhakāle kattabbavidhiṃ dassetumāha ‘‘labhitvā…pe… niyojaye’’ti. Yathādāne niyojayeti yathā dāyakena dinnaṃ, tathā upanetabbaṃ, akālacīvarapakkheyeva ṭhapetabbanti vuttaṃ hoti.

    ๒๑๐๑. ตสฺสาติ ‘‘ยถาทาเน นิโยชเย’’ติ วจนสฺสฯ วินยกมฺมํ กตฺวา ปฎิลทฺธมฺปิ ตํ ปุน เสวิตุํ น จ วฎฺฎตีติ อยมธิปฺปาโยติ โยชนาฯ

    2101.Tassāti ‘‘yathādāne niyojaye’’ti vacanassa. Vinayakammaṃ katvā paṭiladdhampi taṃ puna sevituṃ na ca vaṭṭatīti ayamadhippāyoti yojanā.

    ๒๑๐๒. กาลจีวเร อกาลวตฺถสญฺญาย ทุกฺกฎนฺติ โยชนาฯ อุภยตฺถปีติ อกาลจีวเรปิ กาลจีวเรปิฯ เวมติกาย ตถา ทุกฺกฎนฺติ โยชนาฯ

    2102. Kālacīvare akālavatthasaññāya dukkaṭanti yojanā. Ubhayatthapīti akālacīvarepi kālacīvarepi. Vematikāya tathā dukkaṭanti yojanā.

    ๒๑๐๓. อุภยตฺถปิ จีวเร กาลจีวเร จ อกาลจีวเร จาติ อุภยจีวเรปิ กาลจีวรสญฺญาย ภาชาเปนฺติยา นโทโสติ โยชนาฯ สจิตฺตกสมุฎฺฐานตฺตยํ สนฺธายาห ‘‘ติสมุฎฺฐานตา’’ติฯ

    2103.Ubhayatthapicīvare kālacīvare ca akālacīvare cāti ubhayacīvarepi kālacīvarasaññāya bhājāpentiyā nadosoti yojanā. Sacittakasamuṭṭhānattayaṃ sandhāyāha ‘‘tisamuṭṭhānatā’’ti.

    ทุติยํฯ

    Dutiyaṃ.

    ๒๑๐๔. สเจ สยํ อจฺฉินฺทติ อญฺญาย ภิกฺขุนิยา สทฺธิํ จีวรํ ปริวเตฺตตฺวา ปจฺฉา ‘‘ตุยฺหํ จีวรํ ตฺวเมว คณฺห, มยฺหํ จีวรํ เทหี’’ติ เอวํ ยทิ สยํ อจฺฉินฺทติฯ เอตฺถ ‘‘สกสญฺญายา’’ติ เสโสฯ สกสญฺญาย คหิตตฺตา ปาจิตฺติยํ, ทุกฺกฎญฺจ วุตฺตํ, อิตรถา ภณฺฑเคฺฆน กาเรตโพฺพฯ

    2104.Sace sayaṃ acchindati aññāya bhikkhuniyā saddhiṃ cīvaraṃ parivattetvā pacchā ‘‘tuyhaṃ cīvaraṃ tvameva gaṇha, mayhaṃ cīvaraṃ dehī’’ti evaṃ yadi sayaṃ acchindati. Ettha ‘‘sakasaññāyā’’ti seso. Sakasaññāya gahitattā pācittiyaṃ, dukkaṭañca vuttaṃ, itarathā bhaṇḍagghena kāretabbo.

    ๒๑๐๕. อิตเรสูติ อพนฺธนญฺจ อาณตฺติพหุตฺตญฺจ สงฺคณฺหาติฯ เตนาห ‘‘วตฺถูนํ ปโยคสฺส วสา สิยา’’ติฯ

    2105.Itaresūti abandhanañca āṇattibahuttañca saṅgaṇhāti. Tenāha ‘‘vatthūnaṃ payogassa vasā siyā’’ti.

    ๒๑๐๖. ‘‘ติกปาจิตฺตี’’ติ อิทมเปกฺขิตฺวา ‘‘อุทฺทิฎฺฐา’’ติ สมฺพนฺธนียํ, อุปสมฺปนฺนาย อุปสมฺปนฺนสญฺญา, เวมติกา, อนุปสมฺปนฺนสญฺญาติ เอตาสํ วเสน ติกปาจิตฺติ วุตฺตาติ อโตฺถฯ อญฺญสฺมิํ ปริกฺขาเรติ อุปสมฺปนฺนานุปสมฺปนฺนานํ อญฺญสฺมิํ ปริกฺขาเรฯ อิตริสฺสาติ อนุปสมฺปนฺนายฯ ติกทุกฺกฎนฺติ อนุปสมฺปนฺนาย อุปสมฺปนฺนสญฺญาเวมติกาอนุปสมฺปนฺนสญฺญานํ วเสน ติกทุกฺกฎํ อุทฺทิฎฺฐํฯ

    2106.‘‘Tikapācittī’’ti idamapekkhitvā ‘‘uddiṭṭhā’’ti sambandhanīyaṃ, upasampannāya upasampannasaññā, vematikā, anupasampannasaññāti etāsaṃ vasena tikapācitti vuttāti attho. Aññasmiṃ parikkhāreti upasampannānupasampannānaṃ aññasmiṃ parikkhāre. Itarissāti anupasampannāya. Tikadukkaṭanti anupasampannāya upasampannasaññāvematikāanupasampannasaññānaṃ vasena tikadukkaṭaṃ uddiṭṭhaṃ.

    ๒๑๐๗. ตาย วา ทียมานํ ตาย อญฺญาย ภิกฺขุนิยา ทุฎฺฐาย วา ตุฎฺฐาย วา ทียมานํ คณฺหนฺติยา, ตสฺสา วิสฺสาสเมว วา คณฺหนฺติยา อนาปตฺตีติ โยชนาฯ ‘‘ติสมุฎฺฐานตา มตา’’ติ อิทํ วุตฺตตฺถเมวฯ

    2107.Tāya vā dīyamānaṃ tāya aññāya bhikkhuniyā duṭṭhāya vā tuṭṭhāya vā dīyamānaṃ gaṇhantiyā, tassā vissāsameva vā gaṇhantiyā anāpattīti yojanā. ‘‘Tisamuṭṭhānatā matā’’ti idaṃ vuttatthameva.

    ตติยํฯ

    Tatiyaṃ.

    ๒๑๐๘. ยา ปน ภิกฺขุนี ‘‘กิํ เต, อเยฺย, อผาสุ, กิํ อาหรียตู’’ติ วุตฺตา อญฺญํ วิญฺญาเปตฺวา ตํ อาหฎํ ปฎิกฺขิปิตฺวา ตญฺจ อญฺญญฺจ คณฺหิตุกามา สเจ อญฺญํ วิญฺญาเปติ, ตสฺสา วิญฺญตฺติทุกฺกฎํ, ลาภา นิสฺสคฺคิยํ สิยาติ สาธิปฺปายโยชนาฯ วิญฺญตฺติยา ทุกฺกฎํ วิญฺญตฺติทุกฺกฎํ

    2108. Yā pana bhikkhunī ‘‘kiṃ te, ayye, aphāsu, kiṃ āharīyatū’’ti vuttā aññaṃ viññāpetvā taṃ āhaṭaṃ paṭikkhipitvā tañca aññañca gaṇhitukāmā sace aññaṃ viññāpeti, tassā viññattidukkaṭaṃ, lābhā nissaggiyaṃ siyāti sādhippāyayojanā. Viññattiyā dukkaṭaṃ viññattidukkaṭaṃ.

    ๒๑๐๙-๑๑. ติกปาจิตฺติยํ วุตฺตนฺติ ‘‘อเญฺญ อญฺญสญฺญา, อเญฺญ เวมติกา, อเญฺญ อนญฺญสญฺญา อญฺญํ วิญฺญาเปตฺวา อญฺญํ วิญฺญาเปติ, นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติย’’นฺติ (ปาจิ. ๗๕๑) ติกปาจิตฺติยํ วุตฺตํฯ อนเญฺญ ทฺวิกทุกฺกฎนฺติ อนเญฺญ อญฺญสญฺญาย, เวมติกาย จ วเสน ทฺวิกทุกฺกฎํฯ ‘‘อนเญฺญนญฺญสญฺญายา’’ติอาทินา อนาปตฺติวิสโย ทสฺสิโตฯ ‘‘อนเญฺญ อนญฺญสญฺญายา’’ติ ปทเจฺฉโทฯ อนเญฺญ อนญฺญสญฺญาย วิญฺญาเปนฺติยา อนาปตฺติฯ ตสฺมิํ ปฐมวิญฺญาปิเต อปฺปโหเนฺต วา ตเญฺญว วา วิญฺญาเปนฺติยา อนาปตฺติฯ อเญฺญนปิ อเตฺถ สติ เตน สทฺธิํ อญฺญํ วิญฺญาเปนฺติยา อนาปตฺติฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – สเจ ปฐมํ สปฺปิ วิญฺญตฺตํ, ‘‘อามกมํสํ ปจิตพฺพ’’นฺติ จ เวเชฺชน วุตฺตตฺตา เตเลน อโตฺถ โหติ, ตโต ‘‘เตเลนาปิ เม อโตฺถ’’ติ เอวํ อญฺญญฺจ วิญฺญาเปตีติฯ อานิสํสญฺจ ทเสฺสตฺวา ตโต อญฺญํ วิญฺญาเปนฺติยาปิ อนาปตฺตีติ ญาตพฺพนฺติ โยชนาฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – สเจ กหาปณสฺส สปฺปิ อาภตํ โหติ, อิมินา มูเลน ทิคุณํ เตลํ ลพฺภติ, เตเลนาปิ จ อิทํ กิจฺจํ นิปฺปชฺชติ, ตสฺมา เตลมาหราติ เอวํ อานิสํสํ ทเสฺสตฺวา วิญฺญาเปตีติฯ

    2109-11.Tikapācittiyaṃ vuttanti ‘‘aññe aññasaññā, aññe vematikā, aññe anaññasaññā aññaṃ viññāpetvā aññaṃ viññāpeti, nissaggiyaṃ pācittiya’’nti (pāci. 751) tikapācittiyaṃ vuttaṃ. Anaññe dvikadukkaṭanti anaññe aññasaññāya, vematikāya ca vasena dvikadukkaṭaṃ. ‘‘Anaññenaññasaññāyā’’tiādinā anāpattivisayo dassito. ‘‘Anaññe anaññasaññāyā’’ti padacchedo. Anaññe anaññasaññāya viññāpentiyā anāpatti. Tasmiṃ paṭhamaviññāpite appahonte vā taññeva vā viññāpentiyā anāpatti. Aññenapi atthe sati tena saddhiṃ aññaṃ viññāpentiyā anāpatti. Idaṃ vuttaṃ hoti – sace paṭhamaṃ sappi viññattaṃ, ‘‘āmakamaṃsaṃ pacitabba’’nti ca vejjena vuttattā telena attho hoti, tato ‘‘telenāpi me attho’’ti evaṃ aññañca viññāpetīti. Ānisaṃsañca dassetvā tato aññaṃ viññāpentiyāpi anāpattīti ñātabbanti yojanā. Idaṃ vuttaṃ hoti – sace kahāpaṇassa sappi ābhataṃ hoti, iminā mūlena diguṇaṃ telaṃ labbhati, telenāpi ca idaṃ kiccaṃ nippajjati, tasmā telamāharāti evaṃ ānisaṃsaṃ dassetvā viññāpetīti.

    จตุตฺถํฯ

    Catutthaṃ.

    ๒๑๑๒-๓. ปุพฺพํ อญฺญํ เจตาเปตฺวาติ โยชนา, อตฺตโน กปฺปิยภเณฺฑน ‘‘อิทํ นาม อาหรา’’ติ ปุพฺพํ อญฺญํ ปริวตฺตาเปตฺวาติ อโตฺถฯ เอวนฺติ เอตฺถ ‘‘วุเตฺต’’ติ เสโสฯ ธเนน นิพฺพตฺตํ ธญฺญํ, อตฺตโน ธเนน นิปฺผาทิตตฺตา เตลาทิ อิธ ‘‘ธญฺญ’’นฺติ อธิเปฺปตํ, น วีหาทิฯ เอวํ วุเตฺต มยฺหํ อญฺญํ ธญฺญํ อาเนตฺวา เทติ อิติ สญฺญาย ปจฺฉา อญฺญํ เจตาเปยฺยาติ โยชนา, น เม อิมินา อโตฺถ, อญฺญํ อาหราติ วุเตฺต อิทญฺจ ทตฺวา อญฺญญฺจ อาหริตฺวา เทตีติ สญฺญาย ‘‘น เม อิทํ รุจฺจติ, อญฺญํ อาหรา’’ติ ปจฺฉา อญฺญํ ปริวตฺตาเปยฺยาติ อโตฺถฯ เจตาปนปโยเคนาติ อาณตฺตาย เจตาปนวเสนฯ มูลฎฺฐายาติ อาณาปิกายฯ เตน จ อเญฺญน วา มูเลน อาภตํ โหตุ, ตสฺส ลาเภ นิสฺสคฺคิยํ โหตีติ โยชนาฯ

    2112-3. Pubbaṃ aññaṃ cetāpetvāti yojanā, attano kappiyabhaṇḍena ‘‘idaṃ nāma āharā’’ti pubbaṃ aññaṃ parivattāpetvāti attho. Evanti ettha ‘‘vutte’’ti seso. Dhanena nibbattaṃ dhaññaṃ, attano dhanena nipphāditattā telādi idha ‘‘dhañña’’nti adhippetaṃ, na vīhādi. Evaṃ vutte mayhaṃ aññaṃ dhaññaṃ ānetvā deti iti saññāya pacchā aññaṃ cetāpeyyāti yojanā, na me iminā attho, aññaṃ āharāti vutte idañca datvā aññañca āharitvā detīti saññāya ‘‘na me idaṃ ruccati, aññaṃ āharā’’ti pacchā aññaṃ parivattāpeyyāti attho. Cetāpanapayogenāti āṇattāya cetāpanavasena. Mūlaṭṭhāyāti āṇāpikāya. Tena ca aññena vā mūlena ābhataṃ hotu, tassa lābhe nissaggiyaṃ hotīti yojanā.

    ๒๑๑๔. เสสนฺติ ติกปาจิตฺติยาทิกํ วินิจฺฉยวิเสสํฯ

    2114.Sesanti tikapācittiyādikaṃ vinicchayavisesaṃ.

    ปญฺจมํฯ

    Pañcamaṃ.

    ๒๑๑๕-๖. อญฺญทตฺถาย ทิเนฺนนาติ อุปาสเกหิ ‘‘เอวรูปํ คเหตฺวา ภาเชตฺวา ปริภุญฺชถา’’ติ อญฺญสฺสตฺถาย ทิเนฺนนฯ ‘‘สงฺฆิเกน ปริกฺขาเรนา’’ติ อิมินา สมฺพโนฺธฯ ปริกฺขาเรนาติ กปฺปิยภเณฺฑนฯ สงฺฆิเกนาติ สงฺฆสฺส ปริจฺจเตฺตนฯ อิธาติ อิมสฺมิํ สาสเนฯ ตสฺสาติ ยาย เจตาปิตํฯ นิสฺสคฺคิยํ สิยาติ เอตฺถ นิสฺสฎฺฐปฎิลทฺธํ ยถาทาเน อุปเนตพฺพนฺติ วตฺตพฺพํฯ ยถาห ‘‘นิสฺสฎฺฐํ ปฎิลภิตฺวา ยถาทาเน อุปเนตพฺพ’’นฺติ (ปาจิ. ๗๖๑)ฯ อิทํ เหฎฺฐา วุตฺตตฺถาธิปฺปายเมวฯ เอตฺถาติ อิมสฺมิํ สิกฺขาปเทฯ ‘‘อนญฺญทตฺถิเก อญฺญทตฺถิกสญฺญา, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อนญฺญทตฺถิเก เวมติกา, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสา’’ติ วุตฺตตฺตา อาห ‘‘อนญฺญทตฺถิเก นิทฺทิฎฺฐํ ทฺวิกทุกฺกฎ’’นฺติฯ อิมินา จ ‘‘อญฺญทตฺถิเก ติกปาจิตฺติย’’นฺติ อิทํ วุตฺตเมวฯ ‘‘อญฺญทตฺถิเก อญฺญทตฺถิกสญฺญา, เวมติกา, อนญฺญทตฺถิกสญฺญา อญฺญํ เจตาเปติ, นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติย’’นฺติ (ปาจิ. ๗๖๑) หิ วุตฺตํฯ

    2115-6.Aññadatthāya dinnenāti upāsakehi ‘‘evarūpaṃ gahetvā bhājetvā paribhuñjathā’’ti aññassatthāya dinnena. ‘‘Saṅghikena parikkhārenā’’ti iminā sambandho. Parikkhārenāti kappiyabhaṇḍena. Saṅghikenāti saṅghassa pariccattena. Idhāti imasmiṃ sāsane. Tassāti yāya cetāpitaṃ. Nissaggiyaṃ siyāti ettha nissaṭṭhapaṭiladdhaṃ yathādāne upanetabbanti vattabbaṃ. Yathāha ‘‘nissaṭṭhaṃ paṭilabhitvā yathādāne upanetabba’’nti (pāci. 761). Idaṃ heṭṭhā vuttatthādhippāyameva. Etthāti imasmiṃ sikkhāpade. ‘‘Anaññadatthike aññadatthikasaññā, āpatti dukkaṭassa. Anaññadatthike vematikā, āpatti dukkaṭassā’’ti vuttattā āha ‘‘anaññadatthike niddiṭṭhaṃdvikadukkaṭa’’nti. Iminā ca ‘‘aññadatthike tikapācittiya’’nti idaṃ vuttameva. ‘‘Aññadatthike aññadatthikasaññā, vematikā, anaññadatthikasaññā aññaṃ cetāpeti, nissaggiyaṃ pācittiya’’nti (pāci. 761) hi vuttaṃ.

    ๒๑๑๗. เสสกนฺติ ยทตฺถาย ทินฺนํ, ตํ เจตาเปตฺวา อาหริตฺวา อติริตฺตํ มูลํ อญฺญทตฺถาย อุปเนนฺติยา อนาปตฺตีติ โยเชตพฺพํฯ สามิเก ปุจฺฉิตฺวาติ ‘‘ตุเมฺหหิ จีวรตฺถาย ทินฺนํ, อมฺหากญฺจ จีวรํ สํวิชฺชติ, เตลาทีหิ ปน อโตฺถ’’ติ เอวํ สามิเก ปุจฺฉิตฺวาฯ นฺติ ตํ เจตาปนฺนํฯ อาปทาสูติ ภิกฺขุนีหิ วิหารํ ปหาย คมนารหมุปทฺทโว คหิโตฯ ยถาห ‘‘อาปทาสูติ ตถารูเปสุ อุปทฺทเวสุ ภิกฺขุนิโย วิหารํ ฉเฑฺฑตฺวา ปกฺกมนฺติ, เอวรูปาสุ อาปทาสุ ยํ วา ตํ วา เจตาเปตุํ วฎฺฎตี’’ติ (ปาจิ. อฎฺฐ. ๗๖๒)ฯ

    2117.Sesakanti yadatthāya dinnaṃ, taṃ cetāpetvā āharitvā atirittaṃ mūlaṃ aññadatthāya upanentiyā anāpattīti yojetabbaṃ. Sāmike pucchitvāti ‘‘tumhehi cīvaratthāya dinnaṃ, amhākañca cīvaraṃ saṃvijjati, telādīhi pana attho’’ti evaṃ sāmike pucchitvā. Tanti taṃ cetāpannaṃ. Āpadāsūti bhikkhunīhi vihāraṃ pahāya gamanārahamupaddavo gahito. Yathāha ‘‘āpadāsūti tathārūpesu upaddavesu bhikkhuniyo vihāraṃ chaḍḍetvā pakkamanti, evarūpāsu āpadāsu yaṃ vā taṃ vā cetāpetuṃ vaṭṭatī’’ti (pāci. aṭṭha. 762).

    ๒๑๑๘. สยํ ยาจิตกํ วินาติ ‘‘สํยาจิตก’’นฺติ ปทํ วินา, เอตฺตกเมว วิสทิสนฺติ วุตฺตํ โหติฯ

    2118.Sayaṃ yācitakaṃ vināti ‘‘saṃyācitaka’’nti padaṃ vinā, ettakameva visadisanti vuttaṃ hoti.

    ฉฎฺฐสตฺตมานิฯ

    Chaṭṭhasattamāni.

    ๒๑๑๙. อธิกวจนํ ทเสฺสตุมาห ‘‘มหาชนิกสญฺญาจิเกนา’’ติฯ ปทตาธิกาติ ปทเมว ปทตาฯ มหาชนิเกนาติ คณสฺส ปริจฺจเตฺตนฯ สญฺญาจิเกนาติ สยํ ยาจิตเกนฯ

    2119. Adhikavacanaṃ dassetumāha ‘‘mahājanikasaññācikenā’’ti. Padatādhikāti padameva padatā. Mahājanikenāti gaṇassa pariccattena. Saññācikenāti sayaṃ yācitakena.

    ๒๑๒๐. อนนฺตรสมา มตาติ อิธ ‘‘ปุคฺคลิเกนา’’ติ ปทํ วินา สมุฎฺฐานาทินา สทฺธิํ สเพฺพ วินิจฺฉยา อนนฺตรสิกฺขาปทสทิสา มตาติ อโตฺถฯ ‘‘ยา ปน ภิกฺขุนี อญฺญทตฺถิเกน ปริกฺขาเรน อญฺญุทฺทิสิเกน ปุคฺคลิเกนา’’ติ หิ สิกฺขาปทํฯ ปุคฺคลิเกนาติ เอกภิกฺขุนิยา ปริจฺจเตฺตนฯ ‘‘กิญฺจิปี’’ติ ลิขนฺติฯ ‘‘โกจิปี’’ติ ปาโฐ สุนฺทโร ‘‘วิเสโส’’ติ อิมินา ตุลฺยาธิกรณตฺตาฯ

    2120.Anantarasamā matāti idha ‘‘puggalikenā’’ti padaṃ vinā samuṭṭhānādinā saddhiṃ sabbe vinicchayā anantarasikkhāpadasadisā matāti attho. ‘‘Yā pana bhikkhunī aññadatthikena parikkhārena aññuddisikena puggalikenā’’ti hi sikkhāpadaṃ. Puggalikenāti ekabhikkhuniyā pariccattena. ‘‘Kiñcipī’’ti likhanti. ‘‘Kocipī’’ti pāṭho sundaro ‘‘viseso’’ti iminā tulyādhikaraṇattā.

    อฎฺฐมนวมทสมานิฯ

    Aṭṭhamanavamadasamāni.

    ปฐโม วโคฺคฯ

    Paṭhamo vaggo.

    ๒๑๒๑-๒. จตฺตาริ กํสานิ สมาหฎานิ, จตุนฺนํ กํสานํ สมาหาโร วา จตุกฺกํสํ, จตุกฺกํสโต อติเรกํ อติเรกจตุกฺกํสํ, เตน อติเรกจตุกฺกํสคฺฆนกํ ปาวุรณมาห, อุปจาเรน ‘‘อติเรกจตุกฺกํส’’นฺติ วุตฺตํฯ กํสปริมาณํ ปเนตฺถ สยเมว วกฺขติ ‘‘กหาปณจตุกฺกํ ตุ, กํโส นาม ปวุจฺจตี’’ติฯ ตสฺมา อติเรกโสฬสกหาปณคฺฆนกนฺติ อโตฺถฯ ครุปาวุรณนฺติ สีตกาเล ปารุปิตพฺพปาวุรณํฯ เจตาเปยฺยาติ วิญฺญาเปยฺยฯ จตฺตาริ สจฺจานิ สมาหฎานิ, จตุนฺนํ วา สจฺจานํ สมาหาโร จตุสจฺจํ, ตํ ปกาเสติ สีเลนาติ จตุสจฺจปฺปกาสี, เตน, จตุนฺนํ อริยสจฺจานํ นิทฺทิสเกน สมฺมาสมฺพุเทฺธนฯ ปโยเคติ ‘‘เทหี’’ติ เอวํ วิญฺญาปนปโยเคฯ ลาเภติ ปฎิลาเภฯ

    2121-2. Cattāri kaṃsāni samāhaṭāni, catunnaṃ kaṃsānaṃ samāhāro vā catukkaṃsaṃ, catukkaṃsato atirekaṃ atirekacatukkaṃsaṃ, tena atirekacatukkaṃsagghanakaṃ pāvuraṇamāha, upacārena ‘‘atirekacatukkaṃsa’’nti vuttaṃ. Kaṃsaparimāṇaṃ panettha sayameva vakkhati ‘‘kahāpaṇacatukkaṃ tu, kaṃso nāma pavuccatī’’ti. Tasmā atirekasoḷasakahāpaṇagghanakanti attho. Garupāvuraṇanti sītakāle pārupitabbapāvuraṇaṃ. Cetāpeyyāti viññāpeyya. Cattāri saccāni samāhaṭāni, catunnaṃ vā saccānaṃ samāhāro catusaccaṃ, taṃ pakāseti sīlenāti catusaccappakāsī, tena, catunnaṃ ariyasaccānaṃ niddisakena sammāsambuddhena. Payogeti ‘‘dehī’’ti evaṃ viññāpanapayoge. Lābheti paṭilābhe.

    จตุนฺนํ สมูโห จตุกฺกํ, กหาปณานํ จตุกฺกํ กหาปณจตุกฺกํฯ กหาปโณ เจตฺถ ตํตํกาเล, ตํตํปเทเส จ โวหารูปโค คเหตโพฺพฯ อิมา วุตฺตปฺปการา นิสฺสคฺคิยาวสานาปตฺติโย ‘‘ญาตกานญฺจ สนฺตเก’’ติ อนาปตฺติวิสเย วกฺขมานตฺตา ‘‘ยทา เยน อโตฺถ, ตทา ตํ วเทยฺยาถา’’ติ เอวํ นิจฺจปวารณํ อกตฺวา ตสฺมิํ กาเล กิสฺมิญฺจิ คุเณ ปสีทิตฺวา ‘‘วเทยฺยาถ เยน อโตฺถ’’ติ เอวํ ปวาริตฎฺฐาเน สมฺภวนฺตีติ ทฎฺฐพฺพาฯ

    Catunnaṃ samūho catukkaṃ, kahāpaṇānaṃ catukkaṃ kahāpaṇacatukkaṃ. Kahāpaṇo cettha taṃtaṃkāle, taṃtaṃpadese ca vohārūpago gahetabbo. Imā vuttappakārā nissaggiyāvasānāpattiyo ‘‘ñātakānañca santake’’ti anāpattivisaye vakkhamānattā ‘‘yadā yena attho, tadā taṃ vadeyyāthā’’ti evaṃ niccapavāraṇaṃ akatvā tasmiṃ kāle kismiñci guṇe pasīditvā ‘‘vadeyyātha yena attho’’ti evaṃ pavāritaṭṭhāne sambhavantīti daṭṭhabbā.

    ๒๑๒๓-๕. อูนกจตุกฺกํเส อติเรกสญฺญา, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อูนกจตุกฺกํเส เวมติกา, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสา’’ติ วุตฺตตฺตา อาห ‘‘อูนเก ตุ จตุกฺกํเส, อุทฺทิฎฺฐํ ทฺวิกทุกฺกฎ’’นฺติฯ อิมินา ‘‘อติเรกจตุกฺกํเส อติเรกสญฺญา, เวมติกา, อูนกสญฺญา เจตาเปติ, นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติย’’นฺติ ติกปาจิตฺติยญฺจ ทสฺสิตํ โหติฯ

    2123-5. Ūnakacatukkaṃse atirekasaññā, āpatti dukkaṭassa. Ūnakacatukkaṃse vematikā, āpatti dukkaṭassā’’ti vuttattā āha ‘‘ūnake tu catukkaṃse, uddiṭṭhaṃ dvikadukkaṭa’’nti. Iminā ‘‘atirekacatukkaṃse atirekasaññā, vematikā, ūnakasaññā cetāpeti, nissaggiyaṃ pācittiya’’nti tikapācittiyañca dassitaṃ hoti.

    ครุกนฺติ ครุปาวุรณํฯ ตทูนํ วาติ จตุกฺกํสโต อูนกํ วาฯ ญาตกานญฺจาติ เอตฺถ -สเทฺทน ปวาริตานํ สงฺคโหฯ ยถาห อนาปตฺติวาเร ‘‘ญาตกานํ, ปวาริตาน’’นฺติ (ปาจิ. ๗๘๗)ฯ เอตฺถ จ ‘‘อติเรกจตุกฺกํสมฺปี’’ติ วตฺตพฺพํ ‘‘ตทูนํ วา’’ติ อิมินา จตุกฺกํสูนสฺส วุตฺตตฺตาฯ ‘‘อปฺปเมว วา’’ติ อิมินา อติเรกจตุกฺกํเสปิ มหคฺฆตรํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ

    Garukanti garupāvuraṇaṃ. Tadūnaṃ vāti catukkaṃsato ūnakaṃ vā. Ñātakānañcāti ettha ca-saddena pavāritānaṃ saṅgaho. Yathāha anāpattivāre ‘‘ñātakānaṃ, pavāritāna’’nti (pāci. 787). Ettha ca ‘‘atirekacatukkaṃsampī’’ti vattabbaṃ ‘‘tadūnaṃ vā’’ti iminā catukkaṃsūnassa vuttattā. ‘‘Appameva vā’’ti iminā atirekacatukkaṃsepi mahagghataraṃ vuttanti veditabbaṃ.

    เอกาทสมํฯ

    Ekādasamaṃ.

    ๒๑๒๖-๗. ‘‘ลหุปาวุรณํ ปน ภิกฺขุนิยา เจตาเปนฺติยา อฑฺฒเตยฺยกํสปรมํ เจตาเปตพฺพ’’นฺติ (ปาจิ. ๗๘๙) วจนโต ลหุปาวุรณนฺติ เอตฺถ ‘‘เจตาเปนฺติยา ภิกฺขุนิยา’’ติ จ อฑฺฒเตยฺยกํสคฺฆนนฺติ เอตฺถ ‘‘เจตาเปตพฺพ’’นฺติ จ เสโสฯ ลหุปาวุรณนฺติ อุณฺหกาเล ปาวุรณํฯ ติณฺณํ ปูรโณ เตโยฺย, อโฑฺฒ เตโยฺย อสฺสาติ อฑฺฒเตโยฺย, อฑฺฒเตโยฺย จ โส กํโส จาติ อฑฺฒเตยฺยกํโส, ตํ อคฺฆตีติ อฑฺฒเตยฺยกํสคฺฆนํ, ทสกหาปณคฺฆนกนฺติ อโตฺถฯ ตโตติ อฑฺฒเตยฺยกํสคฺฆนกโตฯ ยํ ปน ปาวุรณํ อฑฺฒเตยฺยกํสคฺฆนกํ, ตํ ลหุปาวุรณํ ฯ ตโต อฑฺฒเตยฺยกํสคฺฆนกโต ลหุปาวุรณโตฯ อุตฺตรินฺติ อติเรกํฯ อฑฺฒเตยฺยกํสคฺฆนกํ ยํ ปาวุรณํ ยา ภิกฺขุนี เจตาเปติ , ตสฺส ปาวุรณสฺส ปฎิลาเภ ตสฺสา ภิกฺขุนิยา นิสฺสคฺคิยปาจิตฺติยา วุตฺตาติ โยชนาฯ

    2126-7. ‘‘Lahupāvuraṇaṃ pana bhikkhuniyā cetāpentiyā aḍḍhateyyakaṃsaparamaṃ cetāpetabba’’nti (pāci. 789) vacanato lahupāvuraṇanti ettha ‘‘cetāpentiyā bhikkhuniyā’’ti ca aḍḍhateyyakaṃsagghananti ettha ‘‘cetāpetabba’’nti ca seso. Lahupāvuraṇanti uṇhakāle pāvuraṇaṃ. Tiṇṇaṃ pūraṇo teyyo, aḍḍho teyyo assāti aḍḍhateyyo, aḍḍhateyyo ca so kaṃso cāti aḍḍhateyyakaṃso, taṃ agghatīti aḍḍhateyyakaṃsagghanaṃ, dasakahāpaṇagghanakanti attho. Tatoti aḍḍhateyyakaṃsagghanakato. Yaṃ pana pāvuraṇaṃ aḍḍhateyyakaṃsagghanakaṃ, taṃ lahupāvuraṇaṃ . Tato aḍḍhateyyakaṃsagghanakato lahupāvuraṇato. Uttarinti atirekaṃ. Aḍḍhateyyakaṃsagghanakaṃ yaṃ pāvuraṇaṃ yā bhikkhunī cetāpeti , tassa pāvuraṇassa paṭilābhe tassā bhikkhuniyā nissaggiyapācittiyā vuttāti yojanā.

    ‘‘อนนฺตรสมํ เสส’’นฺติ อิทํ สมเตฺถตุมาห ‘‘นตฺถิ กาจิ วิเสสตา’’ติฯ วิเสโสเยว วิเสสตา

    ‘‘Anantarasamaṃ sesa’’nti idaṃ samatthetumāha ‘‘natthi kāci visesatā’’ti. Visesoyeva visesatā.

    ทฺวาทสมํฯ

    Dvādasamaṃ.

    ๒๑๒๘. อิทานิ ปาติโมกฺขุเทฺทเส อาคเตสุ สมติํสนิสฺสคฺคิเยสุ เกสญฺจิ อตฺตโน อวจเน การณญฺจ อวุเตฺตหิ สทฺธิํ วุตฺตานํ คหณญฺจ ทเสฺสตุมาห ‘‘สาธารณานี’’ติอาทิฯ หิ ยสฺมา ภิกฺขุนีนํ ภิกฺขูหิ สาธารณานิ ยานิ สิกฺขาปทานิ เสสานิ อิธ วุเตฺตหิ อญฺญานิ, ตานิ อฎฺฐารส สิกฺขาปทานิ เจว อิธ วุตฺตสรูปานิ ทฺวาทส สิกฺขาปทานิ เจติ อิเจฺจวํ นิสฺสคฺคิยปาจิตฺติยสิกฺขาปทานิ สมติํเสว โหนฺตีติ โยชนาฯ

    2128. Idāni pātimokkhuddese āgatesu samatiṃsanissaggiyesu kesañci attano avacane kāraṇañca avuttehi saddhiṃ vuttānaṃ gahaṇañca dassetumāha ‘‘sādhāraṇānī’’tiādi. Hi yasmā bhikkhunīnaṃ bhikkhūhi sādhāraṇāni yāni sikkhāpadāni sesāni idha vuttehi aññāni, tāni aṭṭhārasa sikkhāpadāni ceva idha vuttasarūpāni dvādasa sikkhāpadāni ceti iccevaṃ nissaggiyapācittiyasikkhāpadāni samatiṃseva hontīti yojanā.

    อิติ วินยตฺถสารสนฺทีปนิยา วินยวินิจฺฉยวณฺณนาย

    Iti vinayatthasārasandīpaniyā vinayavinicchayavaṇṇanāya

    นิสฺสคฺคิยกถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Nissaggiyakathāvaṇṇanā niṭṭhitā.





    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact