Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ขุทฺทสิกฺขา-มูลสิกฺขา • Khuddasikkhā-mūlasikkhā |
๓. นิสฺสคฺคิยนิเทฺทสวณฺณนา
3. Nissaggiyaniddesavaṇṇanā
๑๗. อิทานิ จีวรวิธิํ ทเสฺสตุํ ‘‘วิกปฺปน’’นฺตฺยาทิมุทฺธฎํฯ โย ภิกฺขุ อกาลจีวรํ วิกปฺปนญฺจ อธิฎฺฐานญฺจ อกตฺวา ทสาหํ อติกฺกาเมติ, ตสฺส ภิกฺขุโน นิสฺสคฺคิยํ สิยาติ ปิณฺฑโตฺถฯ ตตฺถ อกาลจีวรนฺติ อกาเล จีวรํ, โขมํ กปฺปาสิกํ โกเสยฺยํ กมฺพลํ สาณํ ภงฺคนฺติ ชาติโต ฉ จีวรานิ, ทุกูลํ ปฎฺฎุณฺณํ โสมารปฎฺฎํ จีนปฎฺฎํ อิทฺธิชํ เทวทินฺนนฺติ อิมานิ ปน ฉ อนุโลมจีวรานิฯ เตสุ ทุกูลํ สาณสฺส อนุโลมํ วากมยตฺตาฯ ปฎฺฎุณฺณาทีนิ ตีณิ โกเสยฺยสฺส อนุโลมานิ ปาณเกหิ กตสุตฺตมยตฺตาฯ อิทฺธิชาทีนิ ทฺวยานิ โขมาทีนํ อนุโลมานิ เตสมญฺญตรภาวโต ฯ อิเมสํ ฉนฺนํ จีวรานํ อญฺญตรํ อกาลจีวรํฯ
17. Idāni cīvaravidhiṃ dassetuṃ ‘‘vikappana’’ntyādimuddhaṭaṃ. Yo bhikkhu akālacīvaraṃ vikappanañca adhiṭṭhānañca akatvā dasāhaṃ atikkāmeti, tassa bhikkhuno nissaggiyaṃ siyāti piṇḍattho. Tattha akālacīvaranti akāle cīvaraṃ, khomaṃ kappāsikaṃ koseyyaṃ kambalaṃ sāṇaṃ bhaṅganti jātito cha cīvarāni, dukūlaṃ paṭṭuṇṇaṃ somārapaṭṭaṃ cīnapaṭṭaṃ iddhijaṃ devadinnanti imāni pana cha anulomacīvarāni. Tesu dukūlaṃ sāṇassa anulomaṃ vākamayattā. Paṭṭuṇṇādīni tīṇi koseyyassa anulomāni pāṇakehi katasuttamayattā. Iddhijādīni dvayāni khomādīnaṃ anulomāni tesamaññatarabhāvato . Imesaṃ channaṃ cīvarānaṃ aññataraṃ akālacīvaraṃ.
วิกปฺปนมธิฎฺฐานนฺติ เอตฺถ ปน วิกปฺปนูปคํ อธิฎฺฐานูปคญฺจ เอวํ เวทิตพฺพํฯ ตตฺรายํ ปาฬิ – ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อายาเมน อฎฺฐงฺคุลํ สุคตงฺคุเลน จตุรงฺคุลวิตฺถตํ ปจฺฉิมจีวรํ วิกเปฺปตุ’’นฺติ (มหาว. ๓๕๘)ฯ มชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส ทีฆโส เทฺว วิทตฺถิโย, ติริยํ วิทตฺถิฯ เทฺว วิกปฺปนา สมฺมุขาวิกปฺปนา จ ปรมฺมุขาวิกปฺปนา จฯ กถํ? ‘‘อิมํ จีวรํ ตุยฺหํ วิกเปฺปมี’’ติ วตฺตพฺพํ, อยํ สมฺมุขาวิกปฺปนาฯ ‘‘มยฺหํ สนฺตกํ ปริภุญฺช วา วิสฺสเชฺชหิ วา ยถาปจฺจยํ วา กโรหี’’ติ, เอกสฺส สนฺติเก ‘‘อิมํ จีวรํ ติสฺสสฺส ภิกฺขุโน วิกเปฺปมี’’ติ วตฺตพฺพํ, อยํ อปราปิ สมฺมุขาวิกปฺปนาฯ เตน ภิกฺขุนา ‘‘ติสฺสสฺส ภิกฺขุโน สนฺตกํ ปริภุญฺช วา วิสฺสเชฺชหิ วา ยถาปจฺจยํ วา กโรหี’’ติ, ‘‘อิมํ จีวรํ ตุยฺหํ วิกปฺปนตฺถาย ทมฺมี’’ติ วตฺตพฺพํ, เตน วตฺตโพฺพ ‘‘โก เต มิโตฺต วา สนฺทิโฎฺฐ วา สมฺภโตฺต วา’’ติ, ตโต อิตเรน ‘‘ติโสฺส ภิกฺขู’’ติ วตฺตพฺพํ, ปุน เตน ‘‘อหํ ติสฺสสฺส ภิกฺขุโน ทมฺมี’’ติ วตฺตพฺพํ, อยํ ปรมฺมุขาวิกปฺปนาฯ ‘‘ติสฺสสฺส ภิกฺขุโน สนฺตกํ ปริภุญฺช วา วิสฺสเชฺชหิ วา ยถาปจฺจยํ วา กโรหี’’ติ วุเตฺต ปจฺจุทฺธาโร นาม โหติฯ พหุเก ‘‘อิมานี’’ติ, อหตฺถปาเส ‘‘เอตํ, เอตานี’’ติ วาฯ เอวํ วิกปฺปนญฺจ อกตฺวาติ อโตฺถฯ
Vikappanamadhiṭṭhānanti ettha pana vikappanūpagaṃ adhiṭṭhānūpagañca evaṃ veditabbaṃ. Tatrāyaṃ pāḷi – ‘‘anujānāmi, bhikkhave, āyāmena aṭṭhaṅgulaṃ sugataṅgulena caturaṅgulavitthataṃ pacchimacīvaraṃ vikappetu’’nti (mahāva. 358). Majjhimassa purisassa dīghaso dve vidatthiyo, tiriyaṃ vidatthi. Dve vikappanā sammukhāvikappanā ca parammukhāvikappanā ca. Kathaṃ? ‘‘Imaṃ cīvaraṃ tuyhaṃ vikappemī’’ti vattabbaṃ, ayaṃ sammukhāvikappanā. ‘‘Mayhaṃ santakaṃ paribhuñja vā vissajjehi vā yathāpaccayaṃ vā karohī’’ti, ekassa santike ‘‘imaṃ cīvaraṃ tissassa bhikkhuno vikappemī’’ti vattabbaṃ, ayaṃ aparāpi sammukhāvikappanā. Tena bhikkhunā ‘‘tissassa bhikkhuno santakaṃ paribhuñja vā vissajjehi vā yathāpaccayaṃ vā karohī’’ti, ‘‘imaṃ cīvaraṃ tuyhaṃ vikappanatthāya dammī’’ti vattabbaṃ, tena vattabbo ‘‘ko te mitto vā sandiṭṭho vā sambhatto vā’’ti, tato itarena ‘‘tisso bhikkhū’’ti vattabbaṃ, puna tena ‘‘ahaṃ tissassa bhikkhuno dammī’’ti vattabbaṃ, ayaṃ parammukhāvikappanā. ‘‘Tissassa bhikkhuno santakaṃ paribhuñja vā vissajjehi vā yathāpaccayaṃ vā karohī’’ti vutte paccuddhāro nāma hoti. Bahuke ‘‘imānī’’ti, ahatthapāse ‘‘etaṃ, etānī’’ti vā. Evaṃ vikappanañca akatvāti attho.
ติจีวรสฺส ปน ปมาณํ อุกฺกฎฺฐปริเจฺฉเทน สุคตจีวรโต อูนกํ วฎฺฎติ, ลามกปริเจฺฉเทน สงฺฆาฎิยา, อุตฺตราสงฺคสฺส จ ทีฆโต มุฎฺฐิปญฺจกํ, ติริยํ มุฎฺฐิตฺติกํ, อนฺตรวาสโก ทีฆโต มุฎฺฐิปญฺจโก, ติริยํ ทฺวิหโตฺถปิ อฑฺฒเตโยฺย วา วฎฺฎติฯ วุตฺตปฺปมาณโต อธิกญฺจ อูนกญฺจ ‘‘ปริกฺขารโจฬ’’นฺติ อธิฎฺฐาตพฺพํฯ เทฺว จีวรสฺส อธิฎฺฐานา กาเยน วา อธิเฎฺฐติ, วาจาย วา อธิเฎฺฐติฯ ติจีวรํ อธิฎฺฐหเนฺตน รชิตฺวา กปฺปพินฺทุํ ทตฺวา ปุราณสงฺฆาฎิํ ‘‘อิมํ สงฺฆาฎิํ ปจฺจุทฺธรามี’’ติ ปจฺจุทฺธริตฺวา นวํ สงฺฆาฎิํ หเตฺถน คเหตฺวา ‘‘อิมํ สงฺฆาฎิํ อธิฎฺฐามี’’ติ จิเตฺตน อาโภคํ กตฺวา กายวิการํ กโรเนฺตน กาเยน อธิฎฺฐาตพฺพา, อิทํ กาเยน อธิฎฺฐานํฯ ตํ เยน เกนจิ สรีราวยเวน อผุสนฺตสฺส น วฎฺฎติฯ วาจาย อธิฎฺฐานํ ปน วจีเภทํ กตฺวา วาจาย อธิฎฺฐาตพฺพํ, สเจ หตฺถปาเส ‘‘อิมํ สงฺฆาฎิํ อธิฎฺฐามี’’ติ, สเจ อหตฺถปาเส ฐปิตฎฺฐานํ สลฺลเกฺขตฺวา ‘‘เอตํ สงฺฆาฎิํ อธิฎฺฐามี’’ติ วาจา ภินฺทิตพฺพา ฯ เอส นโย อุตฺตราสเงฺค, อนฺตรวาสเก จฯ ติจีวราทีนิ สพฺพานิ เอกโต กตฺวา ‘‘อิมานิ จีวรานิ ปริกฺขารโจฬานิ อธิฎฺฐามี’’ติ อธิฎฺฐาตุมฺปิ วฎฺฎตีติฯ เอวํ อธิฎฺฐานญฺจ อกตฺวาติ อโตฺถฯ
Ticīvarassa pana pamāṇaṃ ukkaṭṭhaparicchedena sugatacīvarato ūnakaṃ vaṭṭati, lāmakaparicchedena saṅghāṭiyā, uttarāsaṅgassa ca dīghato muṭṭhipañcakaṃ, tiriyaṃ muṭṭhittikaṃ, antaravāsako dīghato muṭṭhipañcako, tiriyaṃ dvihatthopi aḍḍhateyyo vā vaṭṭati. Vuttappamāṇato adhikañca ūnakañca ‘‘parikkhāracoḷa’’nti adhiṭṭhātabbaṃ. Dve cīvarassa adhiṭṭhānā kāyena vā adhiṭṭheti, vācāya vā adhiṭṭheti. Ticīvaraṃ adhiṭṭhahantena rajitvā kappabinduṃ datvā purāṇasaṅghāṭiṃ ‘‘imaṃ saṅghāṭiṃ paccuddharāmī’’ti paccuddharitvā navaṃ saṅghāṭiṃ hatthena gahetvā ‘‘imaṃ saṅghāṭiṃ adhiṭṭhāmī’’ti cittena ābhogaṃ katvā kāyavikāraṃ karontena kāyena adhiṭṭhātabbā, idaṃ kāyena adhiṭṭhānaṃ. Taṃ yena kenaci sarīrāvayavena aphusantassa na vaṭṭati. Vācāya adhiṭṭhānaṃ pana vacībhedaṃ katvā vācāya adhiṭṭhātabbaṃ, sace hatthapāse ‘‘imaṃ saṅghāṭiṃ adhiṭṭhāmī’’ti, sace ahatthapāse ṭhapitaṭṭhānaṃ sallakkhetvā ‘‘etaṃ saṅghāṭiṃ adhiṭṭhāmī’’ti vācā bhinditabbā . Esa nayo uttarāsaṅge, antaravāsake ca. Ticīvarādīni sabbāni ekato katvā ‘‘imāni cīvarāni parikkhāracoḷāni adhiṭṭhāmī’’ti adhiṭṭhātumpi vaṭṭatīti. Evaṃ adhiṭṭhānañca akatvāti attho.
ทส อหานิ ทสาหํฯ อติมาเปตีติ อติกฺกาเมติฯ ตสฺสาติ ตสฺส ภิกฺขุโนฯ นิสฺสคฺคิยนฺติ นิสฺสชฺชนํ นิสฺสคฺคิยํ, ปุพฺพภาเค กตฺตพฺพสฺส วินยกมฺมเสฺสตํ นามํ, นิสฺสคฺคิยมสฺส อตฺถีติ นิสฺสคฺคิยํ, กิํ ตํ? ปาจิตฺติยํ, ตํ อติกฺกามยโต สหนิสฺสคฺคิยวินยกมฺมํ ปาจิตฺติยํ สิยา, อยเมตฺถ อโตฺถฯ ตํ ปเนตํ จีวรํ ยํ ทิวสํ อุปฺปนฺนํ, ตสฺส โย อรุโณ, โส อุปฺปนฺนทิวสนิสฺสิโต, ตสฺมา จีวรุปฺปาททิวเสน สทฺธิํ เอกาทเส อรุณุคฺคมเน ทสาหาติกฺกมิตํ โหตีติฯ จีวรสฺส อตฺตโน สนฺตกตา, ชาติปฺปมาณยุตฺตตา, ฉินฺนปลิโพธภาโว, อติเรกจีวรตา, ทสาหาติกฺกโมติ อิมาเนตฺถ ปญฺจ องฺคานิฯ ปฐมกถินสิกฺขาปทํฯ
Dasa ahāni dasāhaṃ. Atimāpetīti atikkāmeti. Tassāti tassa bhikkhuno. Nissaggiyanti nissajjanaṃ nissaggiyaṃ, pubbabhāge kattabbassa vinayakammassetaṃ nāmaṃ, nissaggiyamassa atthīti nissaggiyaṃ, kiṃ taṃ? Pācittiyaṃ, taṃ atikkāmayato sahanissaggiyavinayakammaṃ pācittiyaṃ siyā, ayamettha attho. Taṃ panetaṃ cīvaraṃ yaṃ divasaṃ uppannaṃ, tassa yo aruṇo, so uppannadivasanissito, tasmā cīvaruppādadivasena saddhiṃ ekādase aruṇuggamane dasāhātikkamitaṃ hotīti. Cīvarassa attano santakatā, jātippamāṇayuttatā, chinnapalibodhabhāvo, atirekacīvaratā, dasāhātikkamoti imānettha pañca aṅgāni. Paṭhamakathinasikkhāpadaṃ.
๑๘. อิทานิ ทุติยํ ทเสฺสตุํ ‘‘ภิกฺขุสมฺมุติยา’’ตฺยาทิมารทฺธํฯ โย ภิกฺขุสมฺมุติํ วเชฺชตฺวา กาลญฺจ วินา อธิฎฺฐิตํ ติจีวรํ เอกาหํ อติกฺกมาเปติ, ตสฺส นิสฺสคฺคิยํ สิยาติ สมฺพโนฺธฯ ตตฺถ ภิกฺขุสมฺมุติยาญฺญตฺราติ ยํ สโงฺฆ คิลานสฺส ภิกฺขุโน ติจีวเรน วิปฺปวาสสมฺมุติํ เทติ , ตํ ฐเปตฺวาฯ ติจีวรมธิฎฺฐิตนฺติ กรณเตฺถ อุปโยควจนํ, เตน ติจีวราธิฎฺฐานนเยน อธิฎฺฐิเตสุ สงฺฆาฎิอาทีสุ เยน เกนจิ จีวเรนฯ เอกาหนฺติ เอกรตฺตํฯ อติมาเปตีติ วิปฺปวสติ, วิยุโตฺต วสตีติ อโตฺถฯ ตสฺส อลทฺธสมฺมุติกสฺส ภิกฺขุโน เอกรตฺตมฺปิ จีวเรน วิปฺปวาสโต นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํ สิยาติ อโตฺถฯ สมยํ วินาติ จีวรกาลํ วเชฺชตฺวาฯ อธิฎฺฐิตจีวรตา, อนตฺถตกถินตา, อลทฺธสมฺมุติตา, รตฺติวิปฺปวาโสติ อิมาเนตฺถ จตฺตาริ องฺคานิฯ ทุติยกถินสิกฺขาปทํฯ
18. Idāni dutiyaṃ dassetuṃ ‘‘bhikkhusammutiyā’’tyādimāraddhaṃ. Yo bhikkhusammutiṃ vajjetvā kālañca vinā adhiṭṭhitaṃ ticīvaraṃ ekāhaṃ atikkamāpeti, tassa nissaggiyaṃ siyāti sambandho. Tattha bhikkhusammutiyāññatrāti yaṃ saṅgho gilānassa bhikkhuno ticīvarena vippavāsasammutiṃ deti , taṃ ṭhapetvā. Ticīvaramadhiṭṭhitanti karaṇatthe upayogavacanaṃ, tena ticīvarādhiṭṭhānanayena adhiṭṭhitesu saṅghāṭiādīsu yena kenaci cīvarena. Ekāhanti ekarattaṃ. Atimāpetīti vippavasati, viyutto vasatīti attho. Tassa aladdhasammutikassa bhikkhuno ekarattampi cīvarena vippavāsato nissaggiyaṃ pācittiyaṃ siyāti attho. Samayaṃ vināti cīvarakālaṃ vajjetvā. Adhiṭṭhitacīvaratā, anatthatakathinatā, aladdhasammutitā, rattivippavāsoti imānettha cattāri aṅgāni. Dutiyakathinasikkhāpadaṃ.
๑๙. อิทานิ ปุราณจีวรํ ทเสฺสตุํ ‘‘อญฺญาติกา’’ตฺยาทิ อารทฺธํฯ ตตฺถ อญฺญาติกาติ อญฺญาติกาย ‘‘ปฎิสงฺขา โยนิโส’’ติอาทีสุ วิย, อญฺญาติกาย เนว มาตุสมฺพเนฺธน น ปิตุสมฺพเนฺธน สมฺพทฺธายาติ วุตฺตํ โหติฯ ภิกฺขุนิยาติ อฎฺฐวาจิกกเมฺมน อุปสมฺปนฺนายฯ อาโกฎาเปตีติ ปหราเปติฯ ตนฺติ นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํ ภเวยฺยาติ อโตฺถฯ ปุราณจีวรตา, อุปจาเร ฐตฺวา อญฺญาติกาย ภิกฺขุนิยา อาณาปนํ, ตสฺสา โธวนาทีนิ จาติ อิมาเนตฺถ ตีณิ องฺคานิฯ ปุราณจีวรสิกฺขาปทํฯ
19. Idāni purāṇacīvaraṃ dassetuṃ ‘‘aññātikā’’tyādi āraddhaṃ. Tattha aññātikāti aññātikāya ‘‘paṭisaṅkhā yoniso’’tiādīsu viya, aññātikāya neva mātusambandhena na pitusambandhena sambaddhāyāti vuttaṃ hoti. Bhikkhuniyāti aṭṭhavācikakammena upasampannāya. Ākoṭāpetīti paharāpeti. Tanti nissaggiyaṃ pācittiyaṃ bhaveyyāti attho. Purāṇacīvaratā, upacāre ṭhatvā aññātikāya bhikkhuniyā āṇāpanaṃ, tassā dhovanādīni cāti imānettha tīṇi aṅgāni. Purāṇacīvarasikkhāpadaṃ.
๒๐. กิญฺจิ มูลกนฺติ กิญฺจิ ปาภตํฯ จีวราทาเนติ จีวรสฺส อาทาเน จีวรปฺปฎิคฺคหเณฯ วิกปฺปนูปคจีวรตา, ปาริวตฺตกาภาโว, อญฺญาติกาย หตฺถโต คหณนฺติ อิมาเนตฺถ ตีณิ องฺคานิฯ จีวรปฺปฎิคฺคหณสิกฺขาปทํฯ
20.Kiñci mūlakanti kiñci pābhataṃ. Cīvarādāneti cīvarassa ādāne cīvarappaṭiggahaṇe. Vikappanūpagacīvaratā, pārivattakābhāvo, aññātikāya hatthato gahaṇanti imānettha tīṇi aṅgāni. Cīvarappaṭiggahaṇasikkhāpadaṃ.
๒๑. อปฺปวาริตนฺติ ‘‘วเทยฺยาถ, ภเนฺต, เยน อโตฺถ’’ติ อิจฺฉาปิตํ อิจฺฉํ รุจิํ อุปฺปาทิตํ, น ปวาริตนฺติ อปฺปวาริตํฯ วิญฺญาเปนฺตสฺสาติ ยาจนฺตสฺสฯ อญฺญตฺร สมยาติ นฎฺฐจีวรกาลํ ฐเปตฺวาฯ วิกปฺปนูปคจีวรตา, สมยาภาโว, อญฺญาตกวิญฺญตฺติ, ตาย จ ปฎิลาโภติ อิมาเนตฺถ จตฺตาริ องฺคานิฯ อญฺญาตกวิญฺญตฺติสิกฺขาปทํฯ
21.Appavāritanti ‘‘vadeyyātha, bhante, yena attho’’ti icchāpitaṃ icchaṃ ruciṃ uppāditaṃ, na pavāritanti appavāritaṃ. Viññāpentassāti yācantassa. Aññatra samayāti naṭṭhacīvarakālaṃ ṭhapetvā. Vikappanūpagacīvaratā, samayābhāvo, aññātakaviññatti, tāya ca paṭilābhoti imānettha cattāri aṅgāni. Aññātakaviññattisikkhāpadaṃ.
๒๒. รชตนฺติ รูปิยํฯ ชาตรูปนฺติ สุวณฺณํฯ มาสกนฺติ ตโย มาสกา โลหมาสโก ทารุมาสโก ชตุมาสโกติฯ ตตฺถ โลหมาสโกติ ตมฺพโลหาทีหิ กตมาสโกฯ ทารุมาสโกติ สารทารุนา วา เวฬุเปสิกาย วา อนฺตมโส ตาลปเณฺณนปิ รูปํ ฉินฺทิตฺวา กตมาสโกฯ ชตุมาสโกติ ลาขาย วา นิยฺยาเสน วา รูปํ สมุฎฺฐาเปตฺวา กตมาสโกฯ กหาปณนฺติ สุวณฺณมยํ วา รูปิยมยํ วา ปากติกํ วาฯ คเณฺหยฺยาติ อตฺตโน อตฺถาย ทียมานํ วา กตฺถจิ ฐิตํ วา นิปฺปริคฺคหํ ทิสฺวา สยํ คเณฺหยฺยฯ คณฺหาเปยฺยาติ ตเทว อเญฺญน คาหาเปยฺยฯ นิสฺสคฺคีติ คหณาทีสุ ยํ กิญฺจิ กโรนฺตสฺส อฆนพเทฺธสุ วตฺถุคณนาย นิสฺสคฺคิ สิยาติ อโตฺถฯ สาทิเยยฺย วาติ กายวาจาหิ อปฺปฎิกฺขิปิตฺวา จิเตฺตน อธิวาเสยฺยฯ ชาตรูปรชตภาโว, อตฺตุเทฺทสิกตา, คหณาทีสุ อญฺญตรภาโวติ อิมาเนตฺถ ตีณิ องฺคานิฯ รูปิยปฺปฎิคฺคหณสิกฺขาปทํฯ
22.Rajatanti rūpiyaṃ. Jātarūpanti suvaṇṇaṃ. Māsakanti tayo māsakā lohamāsako dārumāsako jatumāsakoti. Tattha lohamāsakoti tambalohādīhi katamāsako. Dārumāsakoti sāradārunā vā veḷupesikāya vā antamaso tālapaṇṇenapi rūpaṃ chinditvā katamāsako. Jatumāsakoti lākhāya vā niyyāsena vā rūpaṃ samuṭṭhāpetvā katamāsako. Kahāpaṇanti suvaṇṇamayaṃ vā rūpiyamayaṃ vā pākatikaṃ vā. Gaṇheyyāti attano atthāya dīyamānaṃ vā katthaci ṭhitaṃ vā nippariggahaṃ disvā sayaṃ gaṇheyya. Gaṇhāpeyyāti tadeva aññena gāhāpeyya. Nissaggīti gahaṇādīsu yaṃ kiñci karontassa aghanabaddhesu vatthugaṇanāya nissaggi siyāti attho. Sādiyeyya vāti kāyavācāhi appaṭikkhipitvā cittena adhivāseyya. Jātarūparajatabhāvo, attuddesikatā, gahaṇādīsu aññatarabhāvoti imānettha tīṇi aṅgāni. Rūpiyappaṭiggahaṇasikkhāpadaṃ.
๒๓. รชตาทิจตุพฺพิธํ อกปฺปิยํ กปฺปิเยนาปิ ปริวเตฺตยฺย สหธมฺมิเก ฐเปตฺวา, นิสฺสคฺคิยํ สิยาติ สมฺพโนฺธฯ ตตฺถ อกปฺปิยนฺติ อกปฺปิยวตฺถุํฯ กปฺปิเยนาติ กปฺปิยวตฺถุนาฯ สหธมฺมิเกติ ภิกฺขุภิกฺขุนิสามเณรสามเณริสิกฺขมานสงฺขาเต ปญฺจ สหธมฺมิเกฯ รูปิยภาโว, ปริวตฺตนญฺจาติ อิมาเนตฺถ เทฺว องฺคานิฯ รูปิยปริวตฺตนสิกฺขาปทํฯ
23. Rajatādicatubbidhaṃ akappiyaṃ kappiyenāpi parivatteyya sahadhammike ṭhapetvā, nissaggiyaṃ siyāti sambandho. Tattha akappiyanti akappiyavatthuṃ. Kappiyenāti kappiyavatthunā. Sahadhammiketi bhikkhubhikkhunisāmaṇerasāmaṇerisikkhamānasaṅkhāte pañca sahadhammike. Rūpiyabhāvo, parivattanañcāti imānettha dve aṅgāni. Rūpiyaparivattanasikkhāpadaṃ.
๒๔. ‘‘อิมํ ปตฺตํ ตุยฺหํ วิกเปฺปมี’’ติอาทินา วิกปฺปนญฺจ ‘‘อิมํ ปตฺตํ อธิฎฺฐามี’’ติอาทินา อธิฎฺฐานญฺจ อกตฺวาติ อโตฺถฯ ปมาณิกนฺติ เอตฺถายํ วินิจฺฉโย – อนุปหตปุราณสาลิตณฺฑุลานํ สุโกฎฺฎิตปริสุทฺธานํ เทฺว มคธนาฬิโย คเหตฺวา เตหิ ตณฺฑุเลหิ อนุตฺตณฺฑุลมกิลินฺนมปิณฺฑิตํ สุวิสทํ กุนฺทมกุฬราสิสทิสํ อวสฺสาวิโตทนํ ปจิตฺวา นิรวเสสํ ปเตฺต ปกฺขิปิตฺวา ตสฺส โอทนสฺส จตุตฺถภาคปฺปมาโณ นาติฆโน นาติตนุโก หตฺถหาริโย สพฺพสมฺภารสงฺขโต มุคฺคสูโป ปกฺขิปิตโพฺพ, ตโต อาโลปสฺส อนุรูปํ ยาวจริมาโลปปฺปโหนกํ มจฺฉมํสาทิพฺยญฺชนํ ปกฺขิปิตพฺพํฯ สปฺปิเตลตกฺกรสกญฺชิกาทีนิ ปน อคณนูปคานิ โหนฺติฯ ตานิ หิ โอทนคติกานิ เนว หาเปตุํ, น วเฑฺฒตุํ สโกฺกนฺติฯ เอวเมตํ สพฺพมฺปิ ปกฺขิตฺตํ สเจ ปน ปตฺตสฺส มุขวฎฺฎิยา เหฎฺฐิมราชิสมํ ติฎฺฐติ, สุเตฺตน วา หีเรน วา ฉินฺทนฺตสฺส สุตฺตสฺส วา หีรสฺส วา เหฎฺฐิมนฺตํ ผุสติ, อยํ อุกฺกโฎฺฐ นาม ปโตฺตฯ สเจ ตํ ราชิํ อติกฺกมฺม ถูปีกตํ ติฎฺฐติ, อยํ อุกฺกโฎฺฐมโก นาม ปโตฺตฯ สเจ ตํ ราชิํ น สมฺปาปุณาติ, อโนฺตคตเมว โหติ, อยํ อุกฺกฎฺฐุกฺกโฎฺฐ นามฯ อุกฺกฎฺฐโต อุปฑฺฒปฺปมาโณ มชฺฌิโมฯ มชฺฌิมโต อุปฑฺฒปฺปมาโณ โอมโกฯ เตสมฺปิ วุตฺตนเยเนว ปเภโท เวทิตโพฺพฯ อิเจฺจเตสุ อุกฺกฎฺฐุกฺกโฎฺฐ จ โอมโกมโก จาติ เทฺว อปตฺตา, เสสา สตฺต ปตฺตา ปมาณยุตฺตา นามาติ เอวํ ปมาเณน ยุโตฺต ปมาณิโก, ตํ ปมาณิกํฯ ปตฺตนฺติ สตฺตสุ ปเตฺตสุ อญฺญตรํ ปตฺตํฯ ปตฺตสฺส อตฺตโน สนฺตกตา, ปมาณยุตฺตตา, อธิฎฺฐานูปคตา, อติเรกปตฺตตา, ทสาหาติกฺกโมติ อิมาเนตฺถ ปญฺจ องฺคานิฯ ปฐมปตฺตสิกฺขาปทํฯ
24. ‘‘Imaṃ pattaṃ tuyhaṃ vikappemī’’tiādinā vikappanañca ‘‘imaṃ pattaṃ adhiṭṭhāmī’’tiādinā adhiṭṭhānañca akatvāti attho. Pamāṇikanti etthāyaṃ vinicchayo – anupahatapurāṇasālitaṇḍulānaṃ sukoṭṭitaparisuddhānaṃ dve magadhanāḷiyo gahetvā tehi taṇḍulehi anuttaṇḍulamakilinnamapiṇḍitaṃ suvisadaṃ kundamakuḷarāsisadisaṃ avassāvitodanaṃ pacitvā niravasesaṃ patte pakkhipitvā tassa odanassa catutthabhāgappamāṇo nātighano nātitanuko hatthahāriyo sabbasambhārasaṅkhato muggasūpo pakkhipitabbo, tato ālopassa anurūpaṃ yāvacarimālopappahonakaṃ macchamaṃsādibyañjanaṃ pakkhipitabbaṃ. Sappitelatakkarasakañjikādīni pana agaṇanūpagāni honti. Tāni hi odanagatikāni neva hāpetuṃ, na vaḍḍhetuṃ sakkonti. Evametaṃ sabbampi pakkhittaṃ sace pana pattassa mukhavaṭṭiyā heṭṭhimarājisamaṃ tiṭṭhati, suttena vā hīrena vā chindantassa suttassa vā hīrassa vā heṭṭhimantaṃ phusati, ayaṃ ukkaṭṭho nāma patto. Sace taṃ rājiṃ atikkamma thūpīkataṃ tiṭṭhati, ayaṃ ukkaṭṭhomako nāma patto. Sace taṃ rājiṃ na sampāpuṇāti, antogatameva hoti, ayaṃ ukkaṭṭhukkaṭṭho nāma. Ukkaṭṭhato upaḍḍhappamāṇo majjhimo. Majjhimato upaḍḍhappamāṇo omako. Tesampi vuttanayeneva pabhedo veditabbo. Iccetesu ukkaṭṭhukkaṭṭho ca omakomako cāti dve apattā, sesā satta pattā pamāṇayuttā nāmāti evaṃ pamāṇena yutto pamāṇiko, taṃ pamāṇikaṃ. Pattanti sattasu pattesu aññataraṃ pattaṃ. Pattassa attano santakatā, pamāṇayuttatā, adhiṭṭhānūpagatā, atirekapattatā, dasāhātikkamoti imānettha pañca aṅgāni. Paṭhamapattasikkhāpadaṃ.
๒๕. โย ภิกฺขุ ปญฺจพนฺธนโต อูนปเตฺต สติ ปรํ ปน นวํ ปตฺตํ วิญฺญาเปติ, ตสฺสปิ ภิกฺขุโน นิสฺสคฺคิยํ สิยาติ สมฺพโนฺธฯ ตตฺถ ปรนฺติ อญฺญํ, ‘‘นวํ ปตฺต’’นฺติมินา ตุลฺยาธิกรณํฯ อธิฎฺฐานูปคปตฺตสฺส อูนปญฺจพนฺธนตา, อตฺตุเทฺทสิกตา, กตวิญฺญตฺติ, ตาย จ ปฎิลาโภติ อิมาเนตฺถ จตฺตาริ องฺคานิฯ อูนปญฺจพนฺธนสิกฺขาปทํฯ
25. Yo bhikkhu pañcabandhanato ūnapatte sati paraṃ pana navaṃ pattaṃ viññāpeti, tassapi bhikkhuno nissaggiyaṃ siyāti sambandho. Tattha paranti aññaṃ, ‘‘navaṃ patta’’ntiminā tulyādhikaraṇaṃ. Adhiṭṭhānūpagapattassa ūnapañcabandhanatā, attuddesikatā, kataviññatti, tāya ca paṭilābhoti imānettha cattāri aṅgāni. Ūnapañcabandhanasikkhāpadaṃ.
๒๖. โย สปฺปิเตลาทิกํ ปน เภสชฺชํ ปฎิคฺคเหตฺวา สตฺตาหปรมํ สนฺนิธิการกํ ภุญฺชโนฺต สตฺตาหํ อติกฺกาเมติ , ตสฺส นิสฺสคฺคิยํ สิยาติ อโตฺถฯ ตตฺถ สปฺปิเตลาทิกนฺติ เอตฺถ อาทิ-สโทฺท นวนีตมธุผาณิตํ สงฺคณฺหาติฯ ตตฺถ สปฺปิ นาม ควาทีนํ สปฺปิ, เยสํ มํสํ กปฺปติ, เตสํ สปฺปิ, ตถา นวนีตํฯ เตลํ นาม ติลสาสปมธุกเอรณฺฑวสาทีหิ นิพฺพตฺตํฯ มธุ นาม มกฺขิกามธุเมวฯ อุจฺฉุรสํ อุปาทาย ปน อปกฺกา วา อวตฺถุกปกฺกา วา สพฺพาปิ อุจฺฉุวิกติ ผาณิตนฺติ เวทิตพฺพํฯ เภสชฺชวิธานสิกฺขาปทํฯ
26. Yo sappitelādikaṃ pana bhesajjaṃ paṭiggahetvā sattāhaparamaṃ sannidhikārakaṃ bhuñjanto sattāhaṃ atikkāmeti , tassa nissaggiyaṃ siyāti attho. Tattha sappitelādikanti ettha ādi-saddo navanītamadhuphāṇitaṃ saṅgaṇhāti. Tattha sappi nāma gavādīnaṃ sappi, yesaṃ maṃsaṃ kappati, tesaṃ sappi, tathā navanītaṃ. Telaṃ nāma tilasāsapamadhukaeraṇḍavasādīhi nibbattaṃ. Madhu nāma makkhikāmadhumeva. Ucchurasaṃ upādāya pana apakkā vā avatthukapakkā vā sabbāpi ucchuvikati phāṇitanti veditabbaṃ. Bhesajjavidhānasikkhāpadaṃ.
๒๗. ภิกฺขุสฺส จีวรํ ทตฺวา ปุน ตํ จีวรํ สกสญฺญาย อจฺฉินฺทนฺตสฺส วา อจฺฉินฺทาปยโตปิ วา นิสฺสคฺคิยํ สิยาติ โยชนาฯ ตตฺถ ทตฺวาติ เวยฺยาวจฺจาทีนิ ปจฺจาสีสมาโน ทตฺวาฯ อจฺฉินฺทนฺตสฺสาติ เวยฺยาวจฺจาทีนิ อกโรนฺตํ ทิสฺวา พลกฺกาเรน คณฺหนฺตสฺส, ตถา อจฺฉินฺทาปยโตติฯ วิกปฺปนูปคจีวรตา, สามํทินฺนตา, สกสญฺญิตา, อุปสมฺปนฺนตา, โกธวเสน อจฺฉินฺทนํ วา อจฺฉินฺทาปนํ วาติ อิมาเนตฺถ ปญฺจ องฺคานิฯ อจฺฉินฺทนสิกฺขาปทํฯ
27. Bhikkhussa cīvaraṃ datvā puna taṃ cīvaraṃ sakasaññāya acchindantassa vā acchindāpayatopi vā nissaggiyaṃ siyāti yojanā. Tattha datvāti veyyāvaccādīni paccāsīsamāno datvā. Acchindantassāti veyyāvaccādīni akarontaṃ disvā balakkārena gaṇhantassa, tathā acchindāpayatoti. Vikappanūpagacīvaratā, sāmaṃdinnatā, sakasaññitā, upasampannatā, kodhavasena acchindanaṃ vā acchindāpanaṃ vāti imānettha pañca aṅgāni. Acchindanasikkhāpadaṃ.
๒๘. อปฺปวาริตํ อญฺญาติํ คหปติํ สุตฺตํ ยาจิตฺวา ญาติปฺปวาริเต วเชฺชตฺวา ตนฺตวาเยหิ จีวรํ วายาเปนฺตสฺส นิสฺสคฺคิยํ สิยาติ ปิณฺฑโตฺถฯ ตตฺถ สุตฺตนฺติ ฉพฺพิธํ โขมสุตฺตาทิกํ วา เตสํ อนุโลมํ วาฯ ยาจิยาติ จีวรตฺถาย ยาจิตฺวาฯ จีวรตฺถาย วิญฺญาปิตสุตฺตํ, อตฺตุเทฺทสิกตา, อกปฺปิยตนฺตวาเยน อกปฺปิยวิญฺญตฺติยา วายาปนนฺติ อิมาเนตฺถ ตีณิ องฺคานิฯ สุตฺตวิญฺญตฺติสิกฺขาปทํฯ
28. Appavāritaṃ aññātiṃ gahapatiṃ suttaṃ yācitvā ñātippavārite vajjetvā tantavāyehi cīvaraṃ vāyāpentassa nissaggiyaṃ siyāti piṇḍattho. Tattha suttanti chabbidhaṃ khomasuttādikaṃ vā tesaṃ anulomaṃ vā. Yāciyāti cīvaratthāya yācitvā. Cīvaratthāya viññāpitasuttaṃ, attuddesikatā, akappiyatantavāyena akappiyaviññattiyā vāyāpananti imānettha tīṇi aṅgāni. Suttaviññattisikkhāpadaṃ.
๒๙. โย ภิกฺขุ สงฺฆสฺส ปริณตํ ลาภํ ชานโนฺต อตฺตโน ปริณาเมติ, ตสฺส นิสฺสคฺคิยํ สิยาติ อโตฺถฯ ตตฺถ ชานนฺติ ชานโนฺตฯ ลาภนฺติ ลภิตพฺพํ จีวราทิวตฺถุํฯ ปริณตนฺติ สงฺฆสฺส นินฺนํ สงฺฆสฺส โปณํ สงฺฆสฺส ปพฺภารํ หุตฺวา ฐิตํฯ อตฺตโน ปริณาเมตีติ ‘‘มยฺหํ เทถา’’ติอาทีนิ วทโนฺต อตฺตนิ นินฺนํ กโรติฯ สเงฺฆ ปริณตภาโว, ตํ ญตฺวา อตฺตโน ปริณามนํ, ปฎิลาโภติ อิมาเนตฺถ ตีณิ องฺคานิฯ ปริณามนสิกฺขาปทํฯ
29. Yo bhikkhu saṅghassa pariṇataṃ lābhaṃ jānanto attano pariṇāmeti, tassa nissaggiyaṃ siyāti attho. Tattha jānanti jānanto. Lābhanti labhitabbaṃ cīvarādivatthuṃ. Pariṇatanti saṅghassa ninnaṃ saṅghassa poṇaṃ saṅghassa pabbhāraṃ hutvā ṭhitaṃ. Attano pariṇāmetīti ‘‘mayhaṃ dethā’’tiādīni vadanto attani ninnaṃ karoti. Saṅghe pariṇatabhāvo, taṃ ñatvā attano pariṇāmanaṃ, paṭilābhoti imānettha tīṇi aṅgāni. Pariṇāmanasikkhāpadaṃ.
นิสฺสคฺคิยนิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Nissaggiyaniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.