Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ขุทฺทสิกฺขา-มูลสิกฺขา • Khuddasikkhā-mūlasikkhā

    ๓๒. นิสฺสยนิเทฺทสวณฺณนา

    32. Nissayaniddesavaṇṇanā

    ๒๓๐. พฺยตฺตสฺสาติ เอตฺถ กิตฺตาวตา พฺยโตฺต โหตีติ เจ? นิสฺสยมุจฺจนเกน ปน สพฺพนฺติเมน ธมฺมปริเจฺฉเทน อตฺถโต จ พฺยญฺชนโต จ เทฺว มาติกา ปคุณา วาจุคฺคตา กาตพฺพา, ปกฺขทิวเสสุ ธมฺมสฺสาวนตฺถาย สุตฺตนฺตโต จตฺตาโร ภาณวารา, สมฺปตฺตานํ ปริสานํ ปริกถนตฺถาย อนฺธกวินฺทมหาราหุโลวาทธมฺมกฺขนฺธสทิโส เอโก กถามโคฺค, สงฺฆภตฺตมงฺคลามงฺคเลสุ อนุโมทนตฺถาย ติโสฺส อนุโมทนา, อุโปสถปฺปวารณาทิวิชานนตฺถํ กมฺมากมฺมวินิจฺฉโย , สมณธมฺมกรณตฺถํ สมาธิวเสน วา วิปสฺสนาวเสน วา อรหตฺตปริโยสานํ เอกํ กมฺมฎฺฐานํ เอตฺตกํ อุคฺคเหตพฺพํฯ เอตฺตาวตา พฺยโตฺต นาม โหติ จาตุทิโส, อิตรถา อพฺยโตฺตฯ

    230.Byattassāti ettha kittāvatā byatto hotīti ce? Nissayamuccanakena pana sabbantimena dhammaparicchedena atthato ca byañjanato ca dve mātikā paguṇā vācuggatā kātabbā, pakkhadivasesu dhammassāvanatthāya suttantato cattāro bhāṇavārā, sampattānaṃ parisānaṃ parikathanatthāya andhakavindamahārāhulovādadhammakkhandhasadiso eko kathāmaggo, saṅghabhattamaṅgalāmaṅgalesu anumodanatthāya tisso anumodanā, uposathappavāraṇādivijānanatthaṃ kammākammavinicchayo , samaṇadhammakaraṇatthaṃ samādhivasena vā vipassanāvasena vā arahattapariyosānaṃ ekaṃ kammaṭṭhānaṃ ettakaṃ uggahetabbaṃ. Ettāvatā byatto nāma hoti cātudiso, itarathā abyatto.

    ๒๓๑. อิทานิ นิสฺสยคฺคหณาการํ ทเสฺสตุํ ‘‘เอกํส’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ เอตฺถ (มหาว. ๑๐๓) อายสฺมโตติ อายสฺมนฺตํฯ

    231. Idāni nissayaggahaṇākāraṃ dassetuṃ ‘‘ekaṃsa’’ntiādi vuttaṃ. Ettha (mahāva. 103) āyasmatoti āyasmantaṃ.

    ๒๓๒. อิทานิ ปฎิปฺปสฺสทฺธิวิธานํ ทเสฺสตุํ ‘‘ปกฺกเนฺต’’ติอาทิ วุตฺตํ, ‘‘ปญฺจิมา, ภิกฺขเว, นิสฺสยปฺปฎิปฺปสฺสทฺธิโย อุปชฺฌายมฺหาฯ อุปชฺฌาโย ปกฺกโนฺต วา โหติ วิพฺภโนฺต วา กาลกโต วา ปกฺขสงฺกโนฺต วา อาณตฺติเยว ปญฺจมี’’ติ (มหาว. ๘๓), ‘‘ฉยิมา, ภิกฺขเว, นิสฺสยปฺปฎิปฺปสฺสทฺธิโย อาจริยมฺหาฯ อาจริโย ปกฺกโนฺต วา โหติ วิพฺภโนฺต วา กาลกโต วา ปกฺขสงฺกโนฺต วา อาณตฺติเยว ปญฺจมี, อุปชฺฌาเยน วา สโมธานคโต โหตี’’ติ อิทํ ปน อุภยํ อิธ ทสฺสิตํฯ สเจ อาจริยุปชฺฌายา สามนฺตวิหาเรสุปิ อปริกฺขิเตฺตสุ เลฑฺฑุปาตทฺวยพฺภนฺตเร วสนฺติ, นิสฺสโย น ปฎิปฺปสฺสมฺภติฯ ปริกฺขิเตฺตสุปิ น ปฎิปฺปสฺสมฺภตีติ เอเกฯ อาจริยา ปน น อิจฺฉนฺติฯ กสฺมาติ เจ? นิสฺสยคฺคหณปฺปฎิปฺปสฺสทฺธีนํ อุปจารสีมาย ปริจฺฉินฺนตฺตาฯ เลฑฺฑุปาเตน อุปจารสีมาปริเจฺฉโท ปน อปริกฺขิเตฺตสุ เอว ลพฺภติ, น ปริกฺขิเตฺตสุฯ ตสฺมา อาจริยานํ วินิจฺฉเยว ฐาตพฺพํฯ

    232. Idāni paṭippassaddhividhānaṃ dassetuṃ ‘‘pakkante’’tiādi vuttaṃ, ‘‘pañcimā, bhikkhave, nissayappaṭippassaddhiyo upajjhāyamhā. Upajjhāyo pakkanto vā hoti vibbhanto vā kālakato vā pakkhasaṅkanto vā āṇattiyeva pañcamī’’ti (mahāva. 83), ‘‘chayimā, bhikkhave, nissayappaṭippassaddhiyo ācariyamhā. Ācariyo pakkanto vā hoti vibbhanto vā kālakato vā pakkhasaṅkanto vā āṇattiyeva pañcamī, upajjhāyena vā samodhānagato hotī’’ti idaṃ pana ubhayaṃ idha dassitaṃ. Sace ācariyupajjhāyā sāmantavihāresupi aparikkhittesu leḍḍupātadvayabbhantare vasanti, nissayo na paṭippassambhati. Parikkhittesupi na paṭippassambhatīti eke. Ācariyā pana na icchanti. Kasmāti ce? Nissayaggahaṇappaṭippassaddhīnaṃ upacārasīmāya paricchinnattā. Leḍḍupātena upacārasīmāparicchedo pana aparikkhittesu eva labbhati, na parikkhittesu. Tasmā ācariyānaṃ vinicchayeva ṭhātabbaṃ.

    ปกฺกเนฺตติ เอตฺถ (มหาว. อฎฺฐ. ๘๓) สเจ อาจริโย อเนฺตวาสิกํ อนามเนฺตตฺวาว อุปจารสีมํ อติกฺกมติ, นิสฺสโย ปฎิปฺปสฺสมฺภติฯ สเจ อุปจารสีมํ อนติกฺกมิตฺวาว นิวตฺตติ, น ปฎิปฺปสฺสมฺภติฯ อาจริยํ อนามเนฺตตฺวา อเนฺตวาสิกสฺส คมเนปิ เอเสว นโยฯ สเจ อาจริโย กตฺถจิ คนฺตุกาโม อเนฺตวาสิกํ อาปุจฺฉติ, อเนฺตวาสิโกปิ ‘‘สาธุ สาธู’’ติ สมฺปฎิจฺฉติ, ตงฺขเณ เอว ปฎิปฺปสฺสมฺภติฯ เอวํ อาจริยํ อาปุจฺฉิตฺวา อเนฺตวาสิกสฺส คมเนปิฯ ทฺวีสุปิ อโนฺตวิหาเรเยว ฐิเตสุ อาจริโย วา อเนฺตวาสิกํ, อเนฺตวาสิโก วา อาจริยํ อนาปุจฺฉิตฺวาว สเจ เทฺว เลฑฺฑุปาเต อติกฺกมติ, ปฎิปฺปสฺสมฺภติฯ ปกฺขสงฺกเนฺต วา วิพฺภเนฺต วา กาลกเต วา ตงฺขเณเยว ปฎิปฺปสฺสมฺภติ ฯ อาณตฺติ นาม นิสฺสยปฺปณามนาฯ ทสฺสนสวนวเสน ทุวิธํ สโมธานํ

    Pakkanteti ettha (mahāva. aṭṭha. 83) sace ācariyo antevāsikaṃ anāmantetvāva upacārasīmaṃ atikkamati, nissayo paṭippassambhati. Sace upacārasīmaṃ anatikkamitvāva nivattati, na paṭippassambhati. Ācariyaṃ anāmantetvā antevāsikassa gamanepi eseva nayo. Sace ācariyo katthaci gantukāmo antevāsikaṃ āpucchati, antevāsikopi ‘‘sādhu sādhū’’ti sampaṭicchati, taṅkhaṇe eva paṭippassambhati. Evaṃ ācariyaṃ āpucchitvā antevāsikassa gamanepi. Dvīsupi antovihāreyeva ṭhitesu ācariyo vā antevāsikaṃ, antevāsiko vā ācariyaṃ anāpucchitvāva sace dve leḍḍupāte atikkamati, paṭippassambhati. Pakkhasaṅkante vā vibbhante vā kālakate vā taṅkhaṇeyeva paṭippassambhati . Āṇatti nāma nissayappaṇāmanā. Dassanasavanavasena duvidhaṃ samodhānaṃ.

    ๒๓๓. อลชฺชินฺติ เอตฺถ –

    233.Alajjinti ettha –

    ‘‘สญฺจิจฺจ อาปตฺติํ อาปชฺชติ;

    ‘‘Sañcicca āpattiṃ āpajjati;

    อาปตฺติํ ปริคูหติ;

    Āpattiṃ parigūhati;

    อคติคมนญฺจ คจฺฉติ;

    Agatigamanañca gacchati;

    เอทิโส วุจฺจติ อลชฺชิปุคฺคโล’’ติฯ (ปริ. ๓๕๙) –

    Ediso vuccati alajjipuggalo’’ti. (pari. 359) –

    เอวํ วุตฺตํฯ ‘‘น ภิกฺขเว อลชฺชินํ นิสฺสาย วตฺถพฺพํฯ โย วเสยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสา’’ติ (มหาว. ๑๒๐) หิ วุตฺตํฯ

    Evaṃ vuttaṃ. ‘‘Na bhikkhave alajjinaṃ nissāya vatthabbaṃ. Yo vaseyya, āpatti dukkaṭassā’’ti (mahāva. 120) hi vuttaṃ.

    ๒๓๔. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อทฺธานมคฺคปฺปฎิปเนฺนน ภิกฺขุนา นิสฺสยํ อลภมาเนน อนิสฺสิเตน วตฺถุ’’นฺติ (มหาว. ๑๒๑) วุตฺตตฺตา ‘‘อทฺธิกสฺสา’’ติ วุตฺตํฯ คิลานุปฎฺฐากสฺส จ ยาจิตสฺสาติ สมฺพโนฺธฯ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, คิลานุปฎฺฐาเกน ภิกฺขุนา นิสฺสยํ อลภมาเนน ยาจิยมาเนน อนิสฺสิเตน วตฺถุ’’นฺติ (มหาว. ๑๒๑) หิ วุตฺตํฯ สลฺลเกฺขเนฺตน ผาสุกนฺติ ผาสุวิหารํ สลฺลเกฺขเนฺตนฯ อิทํ ปน ปริหารํ (มหาว. อฎฺฐ. ๑๒๑) โสตาปนฺนาทิอริยสาวโก วา ถามคตสมถวิปสฺสนาลาภี วา พาลปุถุชฺชโน วา น ลภติฯ ยสฺส โข ปน สมถวิปสฺสนา ตรุณา โหติ, น ถามคตา, อยํ ลภติฯ อสเนฺต นิสฺสยทายเก ‘‘ยทา ปฎิรูโป นิสฺสยทายโก อาคจฺฉิสฺสติ, ตทา ตสฺส นิสฺสาย วสิสฺสามี’’ติ อาโภคํ กตฺวา ยาว อาสาฬฺหีปุณฺณมา, ตาว วสิตุํ ลภติฯ สเจ ปน อาสาฬฺหีมาเส นิสฺสยทายกํ น ลภติ, ยตฺถ อตฺถิ, ตตฺถ คนฺตพฺพํฯ อโนฺตวเสฺส ปน อนิสฺสิเตน วตฺถุํ น วฎฺฎติฯ สภาเค ทายเก อสเนฺต วสิตุํ ลพฺภตีติ สพฺพปเทสุ โยชนา กาตพฺพาฯ นิสฺสยวินิจฺฉโยฯ

    234. ‘‘Anujānāmi, bhikkhave, addhānamaggappaṭipannena bhikkhunā nissayaṃ alabhamānena anissitena vatthu’’nti (mahāva. 121) vuttattā ‘‘addhikassā’’ti vuttaṃ. Gilānupaṭṭhākassa ca yācitassāti sambandho. ‘‘Anujānāmi, bhikkhave, gilānupaṭṭhākena bhikkhunā nissayaṃ alabhamānena yāciyamānena anissitena vatthu’’nti (mahāva. 121) hi vuttaṃ. Sallakkhentena phāsukanti phāsuvihāraṃ sallakkhentena. Idaṃ pana parihāraṃ (mahāva. aṭṭha. 121) sotāpannādiariyasāvako vā thāmagatasamathavipassanālābhī vā bālaputhujjano vā na labhati. Yassa kho pana samathavipassanā taruṇā hoti, na thāmagatā, ayaṃ labhati. Asante nissayadāyake ‘‘yadā paṭirūpo nissayadāyako āgacchissati, tadā tassa nissāya vasissāmī’’ti ābhogaṃ katvā yāva āsāḷhīpuṇṇamā, tāva vasituṃ labhati. Sace pana āsāḷhīmāse nissayadāyakaṃ na labhati, yattha atthi, tattha gantabbaṃ. Antovasse pana anissitena vatthuṃ na vaṭṭati. Sabhāge dāyake asante vasituṃ labbhatīti sabbapadesu yojanā kātabbā. Nissayavinicchayo.

    นิสฺสยนิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Nissayaniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.





    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact