Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ขุทฺทสิกฺขา-มูลสิกฺขา • Khuddasikkhā-mūlasikkhā

    ๓๒. นิสฺสยนิเทฺทสวณฺณนา

    32. Nissayaniddesavaṇṇanā

    ๒๓๐. พฺยตฺตสฺสาติ ‘‘การิย’’นฺติ กิตกโยเค กตฺตริ ฉฎฺฐีฯ พฺยโตฺต จ นาม ‘‘ปญฺจหิ, ภิกฺขเว, อเงฺคหิ สมนฺนาคเตน ภิกฺขุนา อนิสฺสิเตน วตฺถพฺพํ, อาปตฺติํ ชานาติ, อนาปตฺติํ ชานาติ, ลหุกํ อาปตฺติํ ชานาติ, ครุกํ อาปตฺติํ ชานาติ, อุภยานิ โข ปนสฺส ปาติโมกฺขานิ วิตฺถาเรน สฺวาคตานิ โหนฺติ สุวิภตฺตานิ สุปฺปวตฺตีนิ สุวินิจฺฉิตานิ สุตฺตโส อนุพฺยญฺชนโสฯ อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปญฺจหิ อเงฺคหิ สมนฺนาคเตน ภิกฺขุนา อนิสฺสิเตน วตฺถพฺพ’’นฺติ (มหาว. ๑๐๓) เอวํ วุตฺตพฺยโตฺต จ พหุสฺสุตพฺยโตฺต จ เวทิตโพฺพฯ

    230.Byattassāti ‘‘kāriya’’nti kitakayoge kattari chaṭṭhī. Byatto ca nāma ‘‘pañcahi, bhikkhave, aṅgehi samannāgatena bhikkhunā anissitena vatthabbaṃ, āpattiṃ jānāti, anāpattiṃ jānāti, lahukaṃ āpattiṃ jānāti, garukaṃ āpattiṃ jānāti, ubhayāni kho panassa pātimokkhāni vitthārena svāgatāni honti suvibhattāni suppavattīni suvinicchitāni suttaso anubyañjanaso. Imehi kho, bhikkhave, pañcahi aṅgehi samannāgatena bhikkhunā anissitena vatthabba’’nti (mahāva. 103) evaṃ vuttabyatto ca bahussutabyatto ca veditabbo.

    ตตฺถ สุวิภตฺตานีติ สุฎฺฐุ วิภตฺตานิ ปทปจฺจาภฎฺฐสงฺกรโทสวิรหิตานิฯ สุปฺปวตฺตีนีติ ปคุณานิ วาจุคฺคตานิฯ สุวินิจฺฉิตานิ สุตฺตโสติ ขนฺธกปริวารโต อาหริตพฺพสุตฺตวเสน สุฎฺฐุ วินิจฺฉิตานิฯ อนุพฺยญฺชนโสติ อกฺขรปทปาริปูริยา สุวินิจฺฉิตานิ อกฺขณฺฑานิ อวิปรีตกฺขรานิฯ เอเตน อฎฺฐกถา ทีปิตาฯ อฎฺฐกถาโต หิ เอส วินิจฺฉโย โหตีติฯ พหุสฺสุตพฺยโตฺต ปน เยน สพฺพนฺติเมน ปริเจฺฉเทน เทฺว มาติกา ปคุณา วาจุคฺคตา, ปกฺขทิวเสสุ ธมฺมสวนตฺถาย สุตฺตนฺตโต จตฺตาโร ภาณวารา, สมฺปตฺตานํ ปริสานํ ปริกถนตฺถาย อนฺธกวินฺทมหาราหุโลวาทอมฺพฎฺฐสทิโส เอโก กถามโคฺค, สงฺฆภตฺตมงฺคลามงฺคเลสุ อนุโมทนตฺถาย ติโสฺส อนุโมทนา, อุโปสถปฺปวารณาทิชานนตฺถํ กมฺมากมฺมวินิจฺฉโย, สมณธมฺมกรณตฺถํ สมาธิวเสน วิปสฺสนาวเสน วา อรหตฺตมคฺคปริโยสานเมกํ กมฺมฎฺฐานํ เอตฺตกํ อุคฺคหิตํ, สฺวายํ วุจฺจติฯ นตฺถิ นิสฺสาย การิยนฺติ อาจริยาทิํ นิสฺสาย วาเสน กตฺตพฺพํ นตฺถิฯ ‘‘นิสฺสยการิย’’นฺติ วา ปาโฐ, นิสฺสเยน การิยนฺติ สมาโสฯ ชีวสฺส ยตฺตโก ปริเจฺฉโท ยาวชีวํ

    Tattha suvibhattānīti suṭṭhu vibhattāni padapaccābhaṭṭhasaṅkaradosavirahitāni. Suppavattīnīti paguṇāni vācuggatāni. Suvinicchitānisuttasoti khandhakaparivārato āharitabbasuttavasena suṭṭhu vinicchitāni. Anubyañjanasoti akkharapadapāripūriyā suvinicchitāni akkhaṇḍāni aviparītakkharāni. Etena aṭṭhakathā dīpitā. Aṭṭhakathāto hi esa vinicchayo hotīti. Bahussutabyatto pana yena sabbantimena paricchedena dve mātikā paguṇā vācuggatā, pakkhadivasesu dhammasavanatthāya suttantato cattāro bhāṇavārā, sampattānaṃ parisānaṃ parikathanatthāya andhakavindamahārāhulovādaambaṭṭhasadiso eko kathāmaggo, saṅghabhattamaṅgalāmaṅgalesu anumodanatthāya tisso anumodanā, uposathappavāraṇādijānanatthaṃ kammākammavinicchayo, samaṇadhammakaraṇatthaṃ samādhivasena vipassanāvasena vā arahattamaggapariyosānamekaṃ kammaṭṭhānaṃ ettakaṃ uggahitaṃ, svāyaṃ vuccati. Natthi nissāya kāriyanti ācariyādiṃ nissāya vāsena kattabbaṃ natthi. ‘‘Nissayakāriya’’nti vā pāṭho, nissayena kāriyanti samāso. Jīvassa yattako paricchedo yāvajīvaṃ.

    ๒๓๑. เตน นิสฺสาย วสเนฺตน เอวํ นิสฺสโย คเหตโพฺพติ ทเสฺสตุํ ‘‘เอกํส’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ เอกํสนฺติ เอโก อํโส อสฺส จีวรสฺสาติ วิคฺคโหฯ กิริยาวิเสสนํ วา ภุมฺมเตฺถ วา อุปโยควจนํ, เอกสฺมิํ อํเสติ อโตฺถฯ อญฺชลิ กรปุโฎฯ ยาวตติยกํ วเทติ อุปสมฺปทาย สฎฺฐิวเสฺสน สตฺตติวเสฺสน วาปิ พฺยตฺตสฺส นวกสฺส สนฺติเก ยาวตติยกํ วจนํ กเรยฺยฯ ยาวตติโย วาโร อสฺสาติ กิริยาวิเสสนสมาโสฯ อายสฺมโตติ อายสฺมนฺตํฯ วจฺฉามีติ วสามิฯ อุปชฺฌํ คณฺหเนฺตนาปิ ‘‘อุปชฺฌาโย เม, ภเนฺต, โหหี’’ติ คเหตพฺพํฯ ตํ ปน ‘‘อาจริโย’’ติ เอตฺถ ‘‘อุปชฺฌาโย’’ติ วจนํ วิเสโสติ เอตฺถ วาจาเภทโต น วิสุํ วุตฺตํฯ น เกวลเมตฺถ นิสฺสยุปชฺฌายคหเณ, คามปฺปเวสนาทีสุปิ เอวเมว กตฺวา ‘‘อหํ อาวุโส’’ติ วา ‘‘ภเนฺต’’ติ วา วตฺวา ‘‘คามปฺปเวสนํ อาปุจฺฉามี’’ติอาทินา วตฺตพฺพํฯ

    231. Tena nissāya vasantena evaṃ nissayo gahetabboti dassetuṃ ‘‘ekaṃsa’’ntiādi vuttaṃ. Ekaṃsanti eko aṃso assa cīvarassāti viggaho. Kiriyāvisesanaṃ vā bhummatthe vā upayogavacanaṃ, ekasmiṃ aṃseti attho. Añjali karapuṭo. Yāvatatiyakaṃ vadeti upasampadāya saṭṭhivassena sattativassena vāpi byattassa navakassa santike yāvatatiyakaṃ vacanaṃ kareyya. Yāvatatiyo vāro assāti kiriyāvisesanasamāso. Āyasmatoti āyasmantaṃ. Vacchāmīti vasāmi. Upajjhaṃ gaṇhantenāpi ‘‘upajjhāyo me, bhante, hohī’’ti gahetabbaṃ. Taṃ pana ‘‘ācariyo’’ti ettha ‘‘upajjhāyo’’ti vacanaṃ visesoti ettha vācābhedato na visuṃ vuttaṃ. Na kevalamettha nissayupajjhāyagahaṇe, gāmappavesanādīsupi evameva katvā ‘‘ahaṃ āvuso’’ti vā ‘‘bhante’’ti vā vatvā ‘‘gāmappavesanaṃ āpucchāmī’’tiādinā vattabbaṃ.

    ๒๓๒. นิสฺสยปฎิปฺปสฺสทฺธิํ ทเสฺสติ ‘‘ปกฺกเนฺต’’ติอาทินาฯ ปกฺกเนฺตติ อุปชฺฌาเย อาจริเย สทฺธิวิหาริเก อเนฺตวาสิเก จ คามาทีสุ ยตฺถ กตฺถจิ อาปุจฺฉิตฺวา วา อนาปุจฺฉิตฺวา วา คเตฯ เตสุ เยน เกนจิ ‘‘อสุกํ นาม คามํ คจฺฉามี’’ติ วุเตฺต เตสุเยว เยน เกนจิ ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฎิจฺฉิเตปิ ตํ ตํ นิยมํ อติกฺกมิตฺวา ปกฺกเนฺตปิ อนาปุจฺฉา ปน อุปจารสีมาติกฺกเมน ปกฺกเนฺตปิ นิสฺสโย สมฺมติ ปฎิปฺปสฺสมฺภติฯ ปกฺขสงฺกเนฺตติ ติตฺถิยปกฺขสงฺกเนฺต จาปิ วิพฺภเนฺต จาปิ มรเณน จ ตงฺขณเญฺญว ปฎิปฺปสฺสมฺภติฯ อาณตฺติ นาม ‘‘ปณาเมมิ ต’’นฺติ วา ‘‘มา อิธ ปวิสา’’ติอาทิกา นิสฺสยปฺปณามนาฯ ตาย ปณามิเตน อาจริยุปชฺฌายา ขมาเปตพฺพาฯ อขมเนฺตสุ ทณฺฑกมฺมํ กตฺวา ตสฺมิํ วิหาเร มหาเถเร คเหตฺวาปิ สามนฺตวิหาเร ภิกฺขู คเหตฺวาปิ ขมาเปตพฺพาฯ น ขมนฺติ เจ, อาจริยุปชฺฌายานํ สภาคานํ สนฺติเก วสิตพฺพํฯ เยน เกนจิ การเณน น สกฺกา โหติ ตตฺร อาจริยุปชฺฌายานํ สภาคานํ สนฺติเก วสิตุํ, ตํเยว วิหารํ อาคนฺตฺวา อญฺญสฺส สนฺติเก นิสฺสยํ คเหตฺวา วสิตพฺพํฯ ตตฺถ ‘‘ปญฺจหิ, ภิกฺขเว, อเงฺคหิ สมนฺนาคตํ สทฺธิวิหาริกํ อปฺปณาเมโนฺต อุปชฺฌาโย สาติสาโร โหติ, ปณาเมโนฺต อนติสาโร โหติฯ อุปชฺฌายมฺหิ นาธิมตฺตํ เปมํ โหติ, นาธิมโตฺต ปสาโท โหติ, นาธิมตฺตา หิรี โหติ, นาธิมโตฺต คารโว โหติ, นาธิมตฺตา ภาวนา โหติฯ อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปญฺจหเงฺคหิ…เป.… โหติ (มหาว. ๖๘)ฯ ปญฺจหิ, ภิกฺขเว , อเงฺคหิ สมนฺนาคตํ อเนฺตวาสิกํ อปฺปณาเมโนฺต อาจริโย…เป.… โหตี’’ติ (มหาว. ๘๑) วุตฺตตฺตา ปน อสมฺมาวตฺตเนฺต อเนฺตวาสิกสทฺธิวิหาริเก อปฺปณาเมนฺตา อาจริยุปชฺฌายา ทุกฺกฎํ อาปชฺชนฺตีติ เวทิตพฺพํฯ ภาวนาติ เมตฺตาภาวนาฯ อุปชฺฌายสโมธานํ ปน ตสฺส ทสฺสนสวนวเสน เวทิตพฺพํฯ

    232. Nissayapaṭippassaddhiṃ dasseti ‘‘pakkante’’tiādinā. Pakkanteti upajjhāye ācariye saddhivihārike antevāsike ca gāmādīsu yattha katthaci āpucchitvā vā anāpucchitvā vā gate. Tesu yena kenaci ‘‘asukaṃ nāma gāmaṃ gacchāmī’’ti vutte tesuyeva yena kenaci ‘‘sādhū’’ti sampaṭicchitepi taṃ taṃ niyamaṃ atikkamitvā pakkantepi anāpucchā pana upacārasīmātikkamena pakkantepi nissayo sammati paṭippassambhati. Pakkhasaṅkanteti titthiyapakkhasaṅkante cāpi vibbhante cāpi maraṇena ca taṅkhaṇaññeva paṭippassambhati. Āṇatti nāma ‘‘paṇāmemi ta’’nti vā ‘‘mā idha pavisā’’tiādikā nissayappaṇāmanā. Tāya paṇāmitena ācariyupajjhāyā khamāpetabbā. Akhamantesu daṇḍakammaṃ katvā tasmiṃ vihāre mahāthere gahetvāpi sāmantavihāre bhikkhū gahetvāpi khamāpetabbā. Na khamanti ce, ācariyupajjhāyānaṃ sabhāgānaṃ santike vasitabbaṃ. Yena kenaci kāraṇena na sakkā hoti tatra ācariyupajjhāyānaṃ sabhāgānaṃ santike vasituṃ, taṃyeva vihāraṃ āgantvā aññassa santike nissayaṃ gahetvā vasitabbaṃ. Tattha ‘‘pañcahi, bhikkhave, aṅgehi samannāgataṃ saddhivihārikaṃ appaṇāmento upajjhāyo sātisāro hoti, paṇāmento anatisāro hoti. Upajjhāyamhi nādhimattaṃ pemaṃ hoti, nādhimatto pasādo hoti, nādhimattā hirī hoti, nādhimatto gāravo hoti, nādhimattā bhāvanā hoti. Imehi kho, bhikkhave, pañcahaṅgehi…pe… hoti (mahāva. 68). Pañcahi, bhikkhave , aṅgehi samannāgataṃ antevāsikaṃ appaṇāmento ācariyo…pe… hotī’’ti (mahāva. 81) vuttattā pana asammāvattante antevāsikasaddhivihārike appaṇāmentā ācariyupajjhāyā dukkaṭaṃ āpajjantīti veditabbaṃ. Bhāvanāti mettābhāvanā. Upajjhāyasamodhānaṃ pana tassa dassanasavanavasena veditabbaṃ.

    ๒๓๓. อลชฺชินฺติ –

    233.Alajjinti –

    ‘‘สญฺจิจฺจ อาปตฺติํ อาปชฺชติ;

    ‘‘Sañcicca āpattiṃ āpajjati;

    อาปตฺติํ ปริคูหติ;

    Āpattiṃ parigūhati;

    อคติคมนญฺจ คจฺฉติ;

    Agatigamanañca gacchati;

    เอทิโส วุจฺจติ อลชฺชิปุคฺคโล’’ติฯ (ปริ. ๓๕๙) –

    Ediso vuccati alajjipuggalo’’ti. (pari. 359) –

    เอวํ วุตฺตลกฺขณํ อลชฺชิํฯ นิสฺสยํ เทเนฺตนาปิ ลชฺชิโนเยว ทาตพฺพํฯ ‘‘น ภิกฺขเว อลชฺชีนํ นิสฺสโย ทาตโพฺพฯ โย ทเทยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสา’’ติ (มหาว. ๑๒๐) หิ วุตฺตํฯ อทิฎฺฐปุพฺพสฺส กติปาหํ อาจารํ อุปปริกฺขิตฺวา ทาตพฺพํฯ อปุพฺพนฺติ เอตฺถ สมฺพนฺธิสทฺทตฺตา ปุพฺพ-สเทฺทน ปุพฺพวาโส คหิโต, นตฺถิ ปุโพฺพ อสฺสาติ อปุพฺพํ, นวนฺติ วุตฺตํ โหติฯ จตฺตาริ ปญฺจ วา ปริมาณเมเตสนฺติ วิคฺคโหฯ เอตฺถ ปน ปริมาณ-สทฺทสนฺนิธาเนน สเงฺขฺยยฺยวาจิโนปิเต สงฺขฺยามตฺตวาจิโน โหนฺตีติ จตุปญฺจสงฺขฺยาปริมาณเมว สเงฺขฺยยฺยมาห, ตสฺมา วิคฺคหปทเตฺถหิ ภิโนฺน อญฺญปทโตฺถ สมฺภวตีติ สมาโสฯ วา-สทฺทสฺส โย วิกปฺปโตฺถ, ตตฺถ จายํ สมาโส, จตฺตาริ วา ปญฺจ วา, จตุปญฺจ อหานิ, เตสํ อหานํ สมาหาโร จตุปญฺจาหํฯ ภิกฺขุสภาคตนฺติ สมาโน ภาโค ลชฺชิตาสงฺขาโต โกฎฺฐาโส เยสํ, ภิกฺขูหิ สภาคา, เตสํ ภาโว ภิกฺขุสภาคตา, ตํ, เปสลภาวนฺติ อโตฺถฯ ‘‘เถโร ลชฺชี’’ติ ชานเนฺตน ปน ปกติยา นิสฺสยทานฎฺฐานํ คเตน จ ตทเหว คเหตโพฺพ, เอกทิวสมฺปิ ปริหาโร นตฺถิฯ สเจ ‘‘โอกาเส อลภเนฺต ปจฺจูสสมเย คเหสฺสามี’’ติ สยติ, อรุณํ อุคฺคตมฺปิ น ชานาติ, อนาปตฺติฯ ลทฺธปริหาเรนาปิ วสิตุํ วฎฺฎตีติฯ

    Evaṃ vuttalakkhaṇaṃ alajjiṃ. Nissayaṃ dentenāpi lajjinoyeva dātabbaṃ. ‘‘Na bhikkhave alajjīnaṃ nissayo dātabbo. Yo dadeyya, āpatti dukkaṭassā’’ti (mahāva. 120) hi vuttaṃ. Adiṭṭhapubbassa katipāhaṃ ācāraṃ upaparikkhitvā dātabbaṃ. Apubbanti ettha sambandhisaddattā pubba-saddena pubbavāso gahito, natthi pubbo assāti apubbaṃ, navanti vuttaṃ hoti. Cattāri pañca vā parimāṇametesanti viggaho. Ettha pana parimāṇa-saddasannidhānena saṅkhyeyyavācinopite saṅkhyāmattavācino hontīti catupañcasaṅkhyāparimāṇameva saṅkhyeyyamāha, tasmā viggahapadatthehi bhinno aññapadattho sambhavatīti samāso. Vā-saddassa yo vikappattho, tattha cāyaṃ samāso, cattāri vā pañca vā, catupañca ahāni, tesaṃ ahānaṃ samāhāro catupañcāhaṃ. Bhikkhusabhāgatanti samāno bhāgo lajjitāsaṅkhāto koṭṭhāso yesaṃ, bhikkhūhi sabhāgā, tesaṃ bhāvo bhikkhusabhāgatā, taṃ, pesalabhāvanti attho. ‘‘Thero lajjī’’ti jānantena pana pakatiyā nissayadānaṭṭhānaṃ gatena ca tadaheva gahetabbo, ekadivasampi parihāro natthi. Sace ‘‘okāse alabhante paccūsasamaye gahessāmī’’ti sayati, aruṇaṃ uggatampi na jānāti, anāpatti. Laddhaparihārenāpi vasituṃ vaṭṭatīti.

    ๒๓๔. ‘‘ลพฺภตี’’ติ กมฺมนิ นิปฺผนฺนตฺตา อวุตฺตกตฺตาติ ‘‘อทฺธิกสฺสา’’ติอาทีสุ กตฺตริ สามิวจนํ, ‘‘อทฺธิเกนา’’ ติอาทิ วุตฺตํ โหติฯ ‘‘สลฺลเกฺขเนฺตนา’’ติ ปน สรูเปเนว นิทฺทิฎฺฐํฯ วสิตุนฺติ วุตฺตกมฺมํฯ ภาเว หิ ตุํ-ปจฺจโย, วาโสติ อโตฺถฯ ยาจิตสฺสาติ ‘‘คิลานุปฎฺฐากสฺส จา’’ติ เอตฺถ วิเสสนํฯ สเจ ปน ‘‘ยาจาหิ ม’’นฺติ วุจฺจมาโนปิ คิลาโน มาเนน น ยาจติ, คนฺตพฺพํฯ อรเญฺญ วา สลฺลเกฺขเนฺตน ผาสุกนฺติ ยตฺถ วสนฺตสฺส ปฎิลทฺธตรุณสมถวิปสฺสนาวิเสสภาคิตาวเสน ผาสุ โหติ, ตสฺมิํ อรเญฺญ ตาทิสํ ผาสุวิหารํ สลฺลเกฺขเนฺตน อารญฺญเกนฯ ทายเก อสเนฺตติ ปทเจฺฉโทฯ ตาวาติ อวธิมฺหิ, อทฺธิกาทีหิ ยาว นิสฺสยทายโก ลพฺภติ, ตาว, อารญฺญเกน ปน ‘‘ปฎิรูเป นิสฺสยทายเก สติ นิสฺสาย วสิสฺสามี’’ติ อาโภคํ กตฺวา ยาว อาสาฬฺหิปุณฺณมา, ตาวาติ อโตฺถฯ ‘‘สเจ ปน อาสาฬฺหิมาเส อาจริโย นาคจฺฉติ, ยตฺถ นิสฺสโย ลพฺภติ, ตตฺถ คนฺตพฺพํ (มหาว. อฎฺฐ. ๑๒๑)ฯ อโนฺตวเสฺส ปน นิพทฺธวาสํ วสิตพฺพํ, นิสฺสโย จ คเหตโพฺพ’’ติ (มหาว. อฎฺฐ. ๑๒๑) หิ อฎฺฐกถายํ วุตฺตํฯ

    234. ‘‘Labbhatī’’ti kammani nipphannattā avuttakattāti ‘‘addhikassā’’tiādīsu kattari sāmivacanaṃ, ‘‘addhikenā’’ tiādi vuttaṃ hoti. ‘‘Sallakkhentenā’’ti pana sarūpeneva niddiṭṭhaṃ. Vasitunti vuttakammaṃ. Bhāve hi tuṃ-paccayo, vāsoti attho. Yācitassāti ‘‘gilānupaṭṭhākassa cā’’ti ettha visesanaṃ. Sace pana ‘‘yācāhi ma’’nti vuccamānopi gilāno mānena na yācati, gantabbaṃ. Araññe vā sallakkhentena phāsukanti yattha vasantassa paṭiladdhataruṇasamathavipassanāvisesabhāgitāvasena phāsu hoti, tasmiṃ araññe tādisaṃ phāsuvihāraṃ sallakkhentena āraññakena. Dāyake asanteti padacchedo. Tāvāti avadhimhi, addhikādīhi yāva nissayadāyako labbhati, tāva, āraññakena pana ‘‘paṭirūpe nissayadāyake sati nissāya vasissāmī’’ti ābhogaṃ katvā yāva āsāḷhipuṇṇamā, tāvāti attho. ‘‘Sace pana āsāḷhimāse ācariyo nāgacchati, yattha nissayo labbhati, tattha gantabbaṃ (mahāva. aṭṭha. 121). Antovasse pana nibaddhavāsaṃ vasitabbaṃ, nissayo ca gahetabbo’’ti (mahāva. aṭṭha. 121) hi aṭṭhakathāyaṃ vuttaṃ.

    อมฺหากํ ปน เกจิ อเนฺตวาสิกเตฺถรา ‘‘น ภิกฺขเว วสฺสํ น อุปคนฺตพฺพํฯ โย น อุปคเจฺฉยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสา’ติ (มหาว. ๑๘๖) จ ‘น ภิกฺขเว ตทหุ วสฺสูปนายิกาย วสฺสํ อนุปคนฺตุกาเมน สญฺจิจฺจ อาวาโส อติกฺกมิตโพฺพฯ โย อติกฺกเมยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสา’ติ (มหาว. ๑๘๖) ปาฬิวจนโต เกนจิ การเณน นิสฺสยํ อลภมาเนนปิ น สกฺกา อโนฺตวเสฺส วสฺสํ อนุปคนฺตุํฯ ‘อโนฺตวเสฺส ปนา’ติอาทีสุ ปน จ-สโทฺท อนฺวาจยโตฺถ, ตสฺมา เตนาปิ วสฺสํ อุปคนฺตพฺพเมวา’’ติ วทิํสุฯ

    Amhākaṃ pana keci antevāsikattherā ‘‘na bhikkhave vassaṃ na upagantabbaṃ. Yo na upagaccheyya, āpatti dukkaṭassā’ti (mahāva. 186) ca ‘na bhikkhave tadahu vassūpanāyikāya vassaṃ anupagantukāmena sañcicca āvāso atikkamitabbo. Yo atikkameyya, āpatti dukkaṭassā’ti (mahāva. 186) pāḷivacanato kenaci kāraṇena nissayaṃ alabhamānenapi na sakkā antovasse vassaṃ anupagantuṃ. ‘Antovasse panā’tiādīsu pana ca-saddo anvācayattho, tasmā tenāpi vassaṃ upagantabbamevā’’ti vadiṃsu.

    มยํ ปเนตฺถ เอวมโวจุมฺห ‘‘ภควตา อนุปคมเน ทุกฺกฎํ อนนฺตรายิกเสฺสว วุตฺตํ, เตเนว ‘เกนจิ อนฺตราเยน ปุริมิกํ อนุปคเตน ปจฺฉิมิกา อุปคนฺตพฺพา’ติ อฎฺฐกถายํ (มหาว. อฎฺฐ. ๑๘๕) วุตฺตํฯ อนฺตราโย จ นาม อนฺตรา เวมเชฺฌ เอตีติ อนฺตราโย, โย โกจิ พาธกปฺปจฺจยตาย อธิเปฺปโต วุจฺจติ ‘น ลภนฺติ ปติรูปํ อุปฎฺฐากํ, เอเสว อนฺตราโยติ ปกฺกมิตพฺพ’นฺติอาทีสุ (มหาว. ๒๐๑) วิย, ตสฺมา พาธกปฺปจฺจยตา อธิเปฺปตา ฯ นิสฺสยาลาโภปิ อนฺตราโยเตฺวว วิญฺญายติฯ สกฺกา หิ วตฺตุํ ‘อนฺตราโย วสฺสูปคโม สนฺนิสฺสยตฺตา ตรุณสมถวิปสฺสนาลาภีนํ กโตกาโส วิยา’ติฯ ตรุณสมถวิปสฺสนาลาภีนมฺปิ หิ กโตกาเสปิ ‘สเจ ปน อาสาฬฺหิมาเส อาจริโย นาคจฺฉติ, ยตฺถ นิสฺสโย ลพฺภติ, ตตฺถ คนฺตพฺพ’นฺติ ทฬฺหํ กตฺวา อฎฺฐกถายํ (มหาว. อฎฺฐ. ๑๒๑) วุตฺตํฯ อมฺหากํ ครูหิ จ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฎี. มหาวคฺค ๓.๑๒๑) ‘อาจริยํ อาคเมนฺตเสฺสว เจ วสฺสูปนายิกทิวโส โหติ, โหตุ, คนฺตพฺพํ ตตฺถ, ยตฺถ นิสฺสยทายกํ ลภตี’ติ วสฺสูปนายิกทิวเสปิ นิสฺสยตฺถาย คมนเมว วุตฺตํฯ อถ จ ปน มหาการุณิโกปิ ภควา ‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, คิลานุปฎฺฐาเกน ภิกฺขุนา นิสฺสยํ อลภมาเนน ยาจิยมาเนน อนิสฺสิตเกน วตฺถุ’นฺติ (มหาว. ๑๒๑) คิลานวิสเยปิ นิสฺสยํ ครุกํ กตฺวา ปฎฺฐเปสิฯ ยํ ปน อนิสฺสยํ, ตํ อนนฺตรายํ นิสฺสยมุตฺตกสฺส วสฺสูปคมนํ วิยฯ อปิจ นาวาย คจฺฉนฺตสฺส ปน วสฺสาเน อาคเตปิ นิสฺสยํ อลภนฺตสฺส อนาปตฺตีติ นาวาย คจฺฉโตเยว อาเวณิกา อนาปตฺติกตา วุตฺตาฯ ตสฺมา นิสฺสยาลาโภ พาธกปฺปจฺจโย วสฺสูปคมนสฺส, น วสฺสูปคมนํ นิสฺสยสฺสาติ อนฺตราโยเยว นิสฺสยาลาโภฯ ตโตเยว ฎีกายํ ‘อโนฺตวเสฺส ปน อนิสฺสิเตน วตฺถุํ น วฎฺฎตี’ติ วุตฺตํฯ ตสฺมาเยว จ ‘อโนฺตวเสฺส ปนา’ติอาทีสุ นิสฺสยทายเก สติ นิพทฺธวาสํ วสิตพฺพญฺจ นิสฺสโย คเหตโพฺพ จ โหตีติ คมนกิริยาย ขียมานตาวเสน จ-สโทฺท สมุจฺจโย คเหตโพฺพ’’ติฯ

    Mayaṃ panettha evamavocumha ‘‘bhagavatā anupagamane dukkaṭaṃ anantarāyikasseva vuttaṃ, teneva ‘kenaci antarāyena purimikaṃ anupagatena pacchimikā upagantabbā’ti aṭṭhakathāyaṃ (mahāva. aṭṭha. 185) vuttaṃ. Antarāyo ca nāma antarā vemajjhe etīti antarāyo, yo koci bādhakappaccayatāya adhippeto vuccati ‘na labhanti patirūpaṃ upaṭṭhākaṃ, eseva antarāyoti pakkamitabba’ntiādīsu (mahāva. 201) viya, tasmā bādhakappaccayatā adhippetā . Nissayālābhopi antarāyotveva viññāyati. Sakkā hi vattuṃ ‘antarāyo vassūpagamo sannissayattā taruṇasamathavipassanālābhīnaṃ katokāso viyā’ti. Taruṇasamathavipassanālābhīnampi hi katokāsepi ‘sace pana āsāḷhimāse ācariyo nāgacchati, yattha nissayo labbhati, tattha gantabba’nti daḷhaṃ katvā aṭṭhakathāyaṃ (mahāva. aṭṭha. 121) vuttaṃ. Amhākaṃ garūhi ca sāratthadīpaniyaṃ (sārattha. ṭī. mahāvagga 3.121) ‘ācariyaṃ āgamentasseva ce vassūpanāyikadivaso hoti, hotu, gantabbaṃ tattha, yattha nissayadāyakaṃ labhatī’ti vassūpanāyikadivasepi nissayatthāya gamanameva vuttaṃ. Atha ca pana mahākāruṇikopi bhagavā ‘anujānāmi, bhikkhave, gilānupaṭṭhākena bhikkhunā nissayaṃ alabhamānena yāciyamānena anissitakena vatthu’nti (mahāva. 121) gilānavisayepi nissayaṃ garukaṃ katvā paṭṭhapesi. Yaṃ pana anissayaṃ, taṃ anantarāyaṃ nissayamuttakassa vassūpagamanaṃ viya. Apica nāvāya gacchantassa pana vassāne āgatepi nissayaṃ alabhantassa anāpattīti nāvāya gacchatoyeva āveṇikā anāpattikatā vuttā. Tasmā nissayālābho bādhakappaccayo vassūpagamanassa, na vassūpagamanaṃ nissayassāti antarāyoyeva nissayālābho. Tatoyeva ṭīkāyaṃ ‘antovasse pana anissitena vatthuṃ na vaṭṭatī’ti vuttaṃ. Tasmāyeva ca ‘antovasse panā’tiādīsu nissayadāyake sati nibaddhavāsaṃ vasitabbañca nissayo gahetabbo ca hotīti gamanakiriyāya khīyamānatāvasena ca-saddo samuccayo gahetabbo’’ti.

    นิสฺสยนิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Nissayaniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.





    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact