Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā)

    ๒. นีวรณปฺปหานวคฺควณฺณนา

    2. Nīvaraṇappahānavaggavaṇṇanā

    ๑๑. ทุติยสฺสาติ ทุติยวคฺคสฺสฯ เอกธมฺมมฺปีติ เอตฺถ ‘‘เอกสภาวมฺปี’’ติ อิมินา สภาวโตฺถยํ ธมฺมสโทฺท ‘‘กุสลา ธมฺมา’’ติอาทีสุ วิยาติ ทสฺสิตํ โหติฯ ยทเคฺคน จ สภาวโตฺถ, ตทเคฺคน นิสฺสตฺตโตฺถ สิโทฺธ เอวาติ ‘‘นิสฺสตฺตเฎฺฐน ธโมฺม เวทิตโพฺพ’’ติ วุตฺตํฯ สุภนิมิตฺตนฺติ ธมฺมปริยาเยน วุตฺตํฯ ตญฺหิ อตฺถโต กามจฺฉโนฺท วา สิยาฯ โส หิ อตฺตโน คหณากาเรน สุภนฺติ, เตนากาเรน ปวตฺตนกสฺส อญฺญสฺส กามจฺฉนฺทสฺส นิมิตฺตตฺตา ‘‘สุภนิมิตฺต’’นฺติ จ วุจฺจติฯ ตสฺส อารมฺมณํ วา สุภนิมิตฺตํฯ อิฎฺฐญฺหิ อิฎฺฐากาเรน วา คยฺหมานํ รูปาทิอารมฺมณํ ‘‘สุภนิมิตฺต’’นฺติ วุจฺจติฯ อารมฺมณเมว เจตฺถ นิมิตฺตํฯ ตถา หิ วกฺขติ – ‘‘สุภนิมิตฺตนฺติ ราคฎฺฐานิยํ อารมฺมณ’’นฺติฯ สมุจฺจยโตฺถ วา-สโทฺท อเนกตฺถตฺตา นิปาตานํฯ ภิโยฺยภาวายาติ ปุนปฺปุนํ ภาวายฯ เวปุลฺลายาติ วิปุลภาวาย, วฑฺฒิยาติ อโตฺถฯ อชาโต นิชฺชาโตฯ เสสปทานิ ตเสฺสว เววจนานิฯ กาเมสูติ ปญฺจสุ กามคุเณสุฯ กามจฺฉโนฺทติ กามสงฺขาโต ฉโนฺท, น กตฺตุกมฺยตาฉโนฺท น ธมฺมจฺฉโนฺทฯ กามนวเสน รชฺชนวเสน จ กาโม เอว ราโค กามราโคฯ กามนวเสน นนฺทนวเสน จ กาโม เอว นนฺทีติ กามนนฺทีฯ กามนวเสน ตณฺหายนวเสน จ กามตณฺหาฯ อาทิสเทฺทน ‘‘กามเสฺนโห กามปริฬาโห กามมุจฺฉา กามโชฺฌสาน’’นฺติ เอเตสํ ปทานํ สงฺคโห ทฎฺฐโพฺพฯ ตตฺถ วุตฺตนเยเนว กามตฺถํ วิทิตฺวา สิเนหนเฎฺฐน กามเสฺนโห, ปริฬาหนเฎฺฐน กามปริฬาโห, มุจฺฉนเฎฺฐน กามมุจฺฉา, คิลิตฺวา ปรินิฎฺฐาปนเฎฺฐน กามโชฺฌสานํ เวทิตพฺพํฯ กามจฺฉโนฺท เอว กุสลปฺปวตฺติโต จิตฺตสฺส นีวรณเฎฺฐน กามจฺฉนฺทนีวรณํ, โสติ กามจฺฉโนฺทฯ อสมุทาจารวเสนาติ อสมุทาจารภาเวนฯ อนนุภูตารมฺมณวเสนาติ ‘‘อิทํ นาเมต’’นฺติ วตฺถุวเสน อุตฺวา ตสฺมิํ อตฺตภาเว อนนุภูตสฺส อารมฺมณสฺส วเสนฯ รูปสทฺทาทิเภทํ ปน อารมฺมณํ เอกสฺมิมฺปิ อตฺตภาเว อนนุภูตํ นาม นเตฺถว, กิมงฺคํ ปน อนาทิมติ สํสาเรฯ

    11.Dutiyassāti dutiyavaggassa. Ekadhammampīti ettha ‘‘ekasabhāvampī’’ti iminā sabhāvatthoyaṃ dhammasaddo ‘‘kusalā dhammā’’tiādīsu viyāti dassitaṃ hoti. Yadaggena ca sabhāvattho, tadaggena nissattattho siddho evāti ‘‘nissattaṭṭhena dhammo veditabbo’’ti vuttaṃ. Subhanimittanti dhammapariyāyena vuttaṃ. Tañhi atthato kāmacchando vā siyā. So hi attano gahaṇākārena subhanti, tenākārena pavattanakassa aññassa kāmacchandassa nimittattā ‘‘subhanimitta’’nti ca vuccati. Tassa ārammaṇaṃ vā subhanimittaṃ. Iṭṭhañhi iṭṭhākārena vā gayhamānaṃ rūpādiārammaṇaṃ ‘‘subhanimitta’’nti vuccati. Ārammaṇameva cettha nimittaṃ. Tathā hi vakkhati – ‘‘subhanimittanti rāgaṭṭhāniyaṃ ārammaṇa’’nti. Samuccayattho vā-saddo anekatthattā nipātānaṃ. Bhiyyobhāvāyāti punappunaṃ bhāvāya. Vepullāyāti vipulabhāvāya, vaḍḍhiyāti attho. Ajāto nijjāto. Sesapadāni tasseva vevacanāni. Kāmesūti pañcasu kāmaguṇesu. Kāmacchandoti kāmasaṅkhāto chando, na kattukamyatāchando na dhammacchando. Kāmanavasena rajjanavasena ca kāmo eva rāgo kāmarāgo. Kāmanavasena nandanavasena ca kāmo eva nandīti kāmanandī. Kāmanavasena taṇhāyanavasena ca kāmataṇhā. Ādisaddena ‘‘kāmasneho kāmapariḷāho kāmamucchā kāmajjhosāna’’nti etesaṃ padānaṃ saṅgaho daṭṭhabbo. Tattha vuttanayeneva kāmatthaṃ viditvā sinehanaṭṭhena kāmasneho, pariḷāhanaṭṭhena kāmapariḷāho, mucchanaṭṭhena kāmamucchā, gilitvā pariniṭṭhāpanaṭṭhena kāmajjhosānaṃ veditabbaṃ. Kāmacchando eva kusalappavattito cittassa nīvaraṇaṭṭhena kāmacchandanīvaraṇaṃ, soti kāmacchando. Asamudācāravasenāti asamudācārabhāvena. Ananubhūtārammaṇavasenāti ‘‘idaṃ nāmeta’’nti vatthuvasena utvā tasmiṃ attabhāve ananubhūtassa ārammaṇassa vasena. Rūpasaddādibhedaṃ pana ārammaṇaṃ ekasmimpi attabhāve ananubhūtaṃ nāma nattheva, kimaṅgaṃ pana anādimati saṃsāre.

    ยํ วุตฺตํ – ‘‘อสมุทาจารวเสน จา’’ติอาทิ, ตํ อติสํขิตฺตนฺติ วิตฺถารโต ทเสฺสตุํ – ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ ภวคฺคหเณน มหคฺคตภโว คหิโตฯ โส หิ โอฬาริกกิเลสสมุทาจารรหิโตฯ ตชฺชนียกมฺมกตาทิกาเล ปาริวาสิกกาเล จ จริตพฺพานิ เทฺวอสีติ ขุทฺทกวตฺตานิ นามฯ น หิ ตานิ สพฺพาสุ อวตฺถาสุ จริตพฺพานิ, ตสฺมา ตานิ น มหาวเตฺตสุ อโนฺตคธานีติ ‘‘จุทฺทส มหาวตฺตานี’’ติ วุตฺตํฯ ตถา อาคนฺตุกวตฺตอาวาสิกคมิก-อนุโมทนภตฺตคฺค- ปิณฺฑจาริกอารญฺญกเสนาสนชนฺตาฆรวจฺจกุฎิอุปชฺฌาย- สทฺธิวิหาริกอาจริย-อเนฺตวาสิกวตฺตานีติ เอตานิ จุทฺทส มหาวตฺตานิ นามาติ วุตฺตํฯ อิตรานิ ปน ‘‘ปาริวาสิกานํ ภิกฺขูนํ วตฺตํ ปญฺญาเปสฺสามี’’ติ (จูฬว. ๗๕) อารภิตฺวา ‘‘น อุปสมฺปาเทตพฺพํ, น ฉมายํ จงฺกมเนฺต จงฺกเม จงฺกมิตพฺพ’’นฺติ (จูฬว. ๘๑) วุตฺตานิ ปกตเตฺต จริตพฺพวตฺตานิ ฉสฎฺฐิ, ตโต ปรํ ‘‘น, ภิกฺขเว, ปาริวาสิเกน ภิกฺขุนา ปาริวาสิกวุฑฺฒตเรน ภิกฺขุนา สทฺธิํ, มูลายปฎิกสฺสนารเหน, มานตฺตารเหน, มานตฺตจาริเกน, อพฺภานารเหน ภิกฺขุนา สทฺทิํ เอกจฺฉเนฺน อาวาเส วตฺถพฺพ’’นฺติอาทีนิ ปกตเตฺต จริตเพฺพหิ อนญฺญตฺตา วิสุํ วิสุํ อคเณตฺวา ปาริวาสิกวุฑฺฒตราทีสุ ปุคฺคลนฺตเรสุ จริตพฺพตฺตา เตสํ วเสน สมฺปิเณฺฑตฺวา เอเกกํ กตฺวา คณิตานิ ปญฺจาติ เอกสตฺตติวตฺตานิฯ อุเกฺขปนียกมฺมกตวเตฺตสุ วตฺตปญฺญาปนวเสน วุตฺตํ – ‘‘น ปกตตฺตสฺส ภิกฺขุโน อภิวาทนํ ปจฺจุฎฺฐานํ…เป.… ปิฎฺฐิปริกมฺมํ สาทิตพฺพ’’นฺติ อิทํ อภิวาทนาทีนํ อสฺสาทิยนํ เอกํ, ‘‘น ปกตโตฺต ภิกฺขุ สีลวิปตฺติยา อนุทฺธํเสตโพฺพ’’ติอาทีนิ (จูฬว. ๕๑) จ ทสาติ เอวํ ทฺวาสีติ โหนฺติฯ เอเตเสฺวว ปน กานิจิ ตชฺชนียกมฺมกตาทิวตฺตานิ กานิจิ ปาริวาสิกาทิวตฺตานีติ อคฺคหิตคฺคหเณน ทฺวาวีสติวตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ ‘‘จุทฺทส มหาวตฺตานี’’ติ วตฺวาปิ ‘‘อาคนฺตุกคมิกวตฺตานิ จา’’ติ อิเมสํ วิสุํ คหณํ อิมานิ อภิณฺหํ สมฺภวนฺตีติ กตฺวาฯ กิเลโส โอกาสํ น ลภติ สพฺพทา วตฺตปฺปฎิปตฺติยํเยว พฺยาวฎจิตฺตตายฯ อโยนิโสมนสิการนฺติ อนิจฺจาทีสุ ‘‘นิจฺจ’’นฺติอาทินา ปวตฺตํ อนุปายมนสิการํฯ สติโวสฺสคฺคนฺติ สติยา วิสฺสชฺชนํ, สติวิรหนฺติ อโตฺถฯ เอวมฺปีติ วกฺขมานาเปกฺขาย อวุตฺตสมฺปิณฺฑนโตฺถ ปิ-สโทฺทฯ

    Yaṃ vuttaṃ – ‘‘asamudācāravasena cā’’tiādi, taṃ atisaṃkhittanti vitthārato dassetuṃ – ‘‘tatthā’’tiādimāha. Tattha bhavaggahaṇena mahaggatabhavo gahito. So hi oḷārikakilesasamudācārarahito. Tajjanīyakammakatādikāle pārivāsikakāle ca caritabbāni dveasīti khuddakavattāni nāma. Na hi tāni sabbāsu avatthāsu caritabbāni, tasmā tāni na mahāvattesu antogadhānīti ‘‘cuddasa mahāvattānī’’ti vuttaṃ. Tathā āgantukavattaāvāsikagamika-anumodanabhattagga- piṇḍacārikaāraññakasenāsanajantāgharavaccakuṭiupajjhāya- saddhivihārikaācariya-antevāsikavattānīti etāni cuddasa mahāvattāni nāmāti vuttaṃ. Itarāni pana ‘‘pārivāsikānaṃ bhikkhūnaṃ vattaṃ paññāpessāmī’’ti (cūḷava. 75) ārabhitvā ‘‘na upasampādetabbaṃ, na chamāyaṃ caṅkamante caṅkame caṅkamitabba’’nti (cūḷava. 81) vuttāni pakatatte caritabbavattāni chasaṭṭhi, tato paraṃ ‘‘na, bhikkhave, pārivāsikena bhikkhunā pārivāsikavuḍḍhatarena bhikkhunā saddhiṃ, mūlāyapaṭikassanārahena, mānattārahena, mānattacārikena, abbhānārahena bhikkhunā saddiṃ ekacchanne āvāse vatthabba’’ntiādīni pakatatte caritabbehi anaññattā visuṃ visuṃ agaṇetvā pārivāsikavuḍḍhatarādīsu puggalantaresu caritabbattā tesaṃ vasena sampiṇḍetvā ekekaṃ katvā gaṇitāni pañcāti ekasattativattāni. Ukkhepanīyakammakatavattesu vattapaññāpanavasena vuttaṃ – ‘‘na pakatattassa bhikkhuno abhivādanaṃ paccuṭṭhānaṃ…pe… piṭṭhiparikammaṃ sāditabba’’nti idaṃ abhivādanādīnaṃ assādiyanaṃ ekaṃ, ‘‘na pakatatto bhikkhu sīlavipattiyā anuddhaṃsetabbo’’tiādīni (cūḷava. 51) ca dasāti evaṃ dvāsīti honti. Etesveva pana kānici tajjanīyakammakatādivattāni kānici pārivāsikādivattānīti aggahitaggahaṇena dvāvīsativattanti veditabbaṃ. ‘‘Cuddasa mahāvattānī’’ti vatvāpi ‘‘āgantukagamikavattāni cā’’ti imesaṃ visuṃ gahaṇaṃ imāni abhiṇhaṃ sambhavantīti katvā. Kileso okāsaṃ na labhati sabbadā vattappaṭipattiyaṃyeva byāvaṭacittatāya. Ayonisomanasikāranti aniccādīsu ‘‘nicca’’ntiādinā pavattaṃ anupāyamanasikāraṃ. Sativossagganti satiyā vissajjanaṃ, sativirahanti attho. Evampīti vakkhamānāpekkhāya avuttasampiṇḍanattho pi-saddo.

    อนุสนฺธิวเสนาติ ปุจฺฉานุสนฺธิอาทิอนุสนฺธิวเสนฯ ปุพฺพาปรวเสนาติ ปุพฺพาปรคนฺถสลฺลกฺขณวเสนฯ คณฺหนฺตสฺสาติ อาจริยมุขโต คณฺหนฺตสฺสฯ สชฺฌายนฺตสฺสาติ อาจริยมุขโต อุคฺคหิตคนฺถํ สชฺฌายนฺตสฺสฯ วาเจนฺตสฺสาติ ปาฬิํ ตทตฺถญฺจ อุคฺคณฺหาปนวเสน ปเรสํ วาเจนฺตสฺสฯ เทเสนฺตสฺสาติ เทสนาวเสน ปเรสํ ธมฺมํ เทเสนฺตสฺสฯ ปกาเสนฺตสฺสาติ อตฺตโน อตฺตโน สํสยฎฺฐาเน ปุจฺฉนฺตานํ ยาถาวโต อตฺถํ ปกาเสนฺตสฺสฯ กิเลโส โอกาสํ น ลภติ รตฺตินฺทิวํ คนฺถกเมฺมสุเยว พฺยาวฎจิตฺตตายฯ เอวมฺปีติ วุตฺตสมฺปิณฺฑนโตฺถ ปิ-สโทฺทฯ เอวํ เสเสสุปิฯ

    Anusandhivasenāti pucchānusandhiādianusandhivasena. Pubbāparavasenāti pubbāparaganthasallakkhaṇavasena. Gaṇhantassāti ācariyamukhato gaṇhantassa. Sajjhāyantassāti ācariyamukhato uggahitaganthaṃ sajjhāyantassa. Vācentassāti pāḷiṃ tadatthañca uggaṇhāpanavasena paresaṃ vācentassa. Desentassāti desanāvasena paresaṃ dhammaṃ desentassa. Pakāsentassāti attano attano saṃsayaṭṭhāne pucchantānaṃ yāthāvato atthaṃ pakāsentassa. Kileso okāsaṃ na labhati rattindivaṃ ganthakammesuyeva byāvaṭacittatāya. Evampīti vuttasampiṇḍanattho pi-saddo. Evaṃ sesesupi.

    ธุตงฺคธโร โหตีติ วุตฺตเมวตฺถํ ปกาเสติ ‘‘เตรส ธุตงฺคคุเณ สมาทาย วตฺตตี’’ติฯ พาหุลฺลายาติ จีวราทิปจฺจยพาหุลฺลายฯ ยถา จีวราทโย ปจฺจยา พหุลํ อุปฺปชฺชนฺติ, ตถา อาวตฺตสฺส ปวตฺตสฺสาติ อโตฺถฯ ปริหีนชฺฌานสฺสาติ ฌานนฺตรายกเรน วิสภาครูปทสฺสนาทินา เกนจิ นิมิเตฺตน ปริหีนชฺฌานสฺสฯ วิสฺสฎฺฐชฺฌานสฺสาติ อสมาปชฺชนวเสน ปริจฺจตฺตชฺฌานสฺสฯ ภสฺสาทีสูติ อาทิ-สเทฺทน คณสงฺคณิกนิทฺทานวกมฺมาทิํ สงฺคณฺหาติฯ สตฺตสุ วา อนุปสฺสนาสูติ เอตฺถ สตฺต อนุปสฺสนา นาม อนิจฺจานุปสฺสนา ทุกฺขานุปสฺสนา อนตฺตานุปสฺสนา นิพฺพิทานุปสฺสนา วิราคานุปสฺสนา นิโรธานุปสฺสนา ปฎินิสฺสคฺคานุปสฺสนา ขยานุปสฺสนา วยานุปสฺสนา วิปริณามานุปสฺสนา อนิมิตฺตานุปสฺสนา อปฺปณิหิตานุปสฺสนา สุญฺญตานุปสฺสนา อธิปญฺญาธมฺมวิปสฺสนา ยถาภูตญาณทสฺสนํ อาทีนวานุปสฺสนา ปฎิสงฺขานุปสฺสนา วิวฎฺฎานุปสฺสนาติ อิมาสุ อฎฺฐารสสุ มหาวิปสฺสนาสุ อาทิโต วุตฺตา อนิจฺจานุปสฺสนาทิ-ปฎินิสฺสคฺคานุปสฺสนาปริยนฺตา สตฺตฯ เอตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ วิสุทฺธิมคฺคสํวณฺณนาโต (วิสุทฺธิ. มหาฎี. ๒.๗๔๑) คเหตพฺพํฯ

    Dhutaṅgadharo hotīti vuttamevatthaṃ pakāseti ‘‘terasa dhutaṅgaguṇe samādāya vattatī’’ti. Bāhullāyāti cīvarādipaccayabāhullāya. Yathā cīvarādayo paccayā bahulaṃ uppajjanti, tathā āvattassa pavattassāti attho. Parihīnajjhānassāti jhānantarāyakarena visabhāgarūpadassanādinā kenaci nimittena parihīnajjhānassa. Vissaṭṭhajjhānassāti asamāpajjanavasena pariccattajjhānassa. Bhassādīsūti ādi-saddena gaṇasaṅgaṇikaniddānavakammādiṃ saṅgaṇhāti. Sattasu vā anupassanāsūti ettha satta anupassanā nāma aniccānupassanā dukkhānupassanā anattānupassanā nibbidānupassanā virāgānupassanā nirodhānupassanā paṭinissaggānupassanā khayānupassanā vayānupassanā vipariṇāmānupassanā animittānupassanā appaṇihitānupassanā suññatānupassanā adhipaññādhammavipassanā yathābhūtañāṇadassanaṃ ādīnavānupassanā paṭisaṅkhānupassanā vivaṭṭānupassanāti imāsu aṭṭhārasasu mahāvipassanāsu ādito vuttā aniccānupassanādi-paṭinissaggānupassanāpariyantā satta. Ettha yaṃ vattabbaṃ, taṃ visuddhimaggasaṃvaṇṇanāto (visuddhi. mahāṭī. 2.741) gahetabbaṃ.

    อนาเสวนตายาติ ปุริมตฺตภาเว ฌาเนน วิกฺขมฺภิตกิเลสสฺส กามจฺฉนฺทาทิอาเสวนาย อภาวโตฯ อนนุภูตปุพฺพนฺติ ตสฺมิํ อตฺตภาเว อนนุภูตปุพฺพํฯ ชาโตติ เอตเสฺสว เววจนํ สญฺชาโตติอาทิฯ นนุ จ ขณิกตฺตา สพฺพธมฺมานํ อุปฺปนฺนสฺส กามจฺฉนฺทสฺส ตงฺขณํเยว อวสฺสํ นิโรธสมฺภวโต นิรุเทฺธ จ ตสฺมิํ ปุน อญฺญเสฺสว อุปฺปชฺชนโต จ กถํ ตสฺส ปุนปฺปุนภาโว ราสิภาโว จาติ อาห – ‘‘ตตฺถ สกิํ อุปฺปโนฺน กามจฺฉโนฺท’’ติอาทิฯ อฎฺฐานเมตนฺติ อการณเมตํฯ เยน การเณน อุปฺปโนฺน กามจฺฉโนฺท น นิรุชฺฌติ, นิรุโทฺธ จ เสฺวว ปุน อุปฺปชฺชิสฺสติ, ตาทิสํ การณํ นตฺถีติ อโตฺถฯ

    Anāsevanatāyāti purimattabhāve jhānena vikkhambhitakilesassa kāmacchandādiāsevanāya abhāvato. Ananubhūtapubbanti tasmiṃ attabhāve ananubhūtapubbaṃ. Jātoti etasseva vevacanaṃ sañjātotiādi. Nanu ca khaṇikattā sabbadhammānaṃ uppannassa kāmacchandassa taṅkhaṇaṃyeva avassaṃ nirodhasambhavato niruddhe ca tasmiṃ puna aññasseva uppajjanato ca kathaṃ tassa punappunabhāvo rāsibhāvo cāti āha – ‘‘tattha sakiṃ uppanno kāmacchando’’tiādi. Aṭṭhānametanti akāraṇametaṃ. Yena kāraṇena uppanno kāmacchando na nirujjhati, niruddho ca sveva puna uppajjissati, tādisaṃ kāraṇaṃ natthīti attho.

    ราคฎฺฐานิยนฺติ ราคชนกํฯ อนิจฺจาทีสุ นิจฺจาทิวเสน วิปรีตมนสิกาโร, อิธ อโยนิโสมนสิกาโรติ อาห – ‘‘อนิเจฺจ นิจฺจ’’นฺติอาทิฯ อโยนิโสมนสิกาโรติ อนุปายมนสิกาโร, กุสลธมฺมปฺปวตฺติยา อการณภูโต มนสิกาโรติ อโตฺถฯ อุปฺปถมนสิกาโรติ กุสลธมฺมปฺปวตฺติยา อมคฺคภูโต มนสิกาโรฯ สจฺจวิปฺปฎิกูเลนาติ สจฺจาภิสมยสฺส อนุนุโลมวเสนฯ อาวชฺชนาติอาทินา อาวชฺชนาย ปจฺจยภูตา ตโต ปุริมุปฺปนฺนา มโนทฺวาริกา อกุสลชวนปฺปวตฺติ ผลโวหาเรน ตถา วุตฺตาฯ ตสฺส หิ วเสน สา อกุสลปฺปวตฺติยา อุปนิสฺสโย โหติฯ อาวชฺชนาติ ภวงฺคจิตฺตํ อาวชฺชยตีติ อาวชฺชนาฯ อนุ อนุ อาวเชฺชตีติ อนฺวาวชฺชนาฯ ภวงฺคารมฺมณโต อญฺญํ อาภุชตีติ อาโภโคฯ สมนฺนาหรตีติ สมนฺนาหาโรฯ ตเทวารมฺมณํ อตฺตานํ อนุพนฺธิตฺวา อุปฺปชฺชมาโน มนสิ กโรติ ฐเปตีติ มนสิกาโรฯ อยํ วุจฺจติ อโยนิโสมนสิกาโรติ อยํ อนุปายอุปฺปถมนสิการลกฺขโณ อโยนิโสมนสิกาโร นาม วุจฺจติฯ

    Rāgaṭṭhāniyanti rāgajanakaṃ. Aniccādīsu niccādivasena viparītamanasikāro, idha ayonisomanasikāroti āha – ‘‘anicce nicca’’ntiādi. Ayonisomanasikāroti anupāyamanasikāro, kusaladhammappavattiyā akāraṇabhūto manasikāroti attho. Uppathamanasikāroti kusaladhammappavattiyā amaggabhūto manasikāro. Saccavippaṭikūlenāti saccābhisamayassa anunulomavasena. Āvajjanātiādinā āvajjanāya paccayabhūtā tato purimuppannā manodvārikā akusalajavanappavatti phalavohārena tathā vuttā. Tassa hi vasena sā akusalappavattiyā upanissayo hoti. Āvajjanāti bhavaṅgacittaṃ āvajjayatīti āvajjanā. Anu anu āvajjetīti anvāvajjanā. Bhavaṅgārammaṇato aññaṃ ābhujatīti ābhogo. Samannāharatīti samannāhāro. Tadevārammaṇaṃ attānaṃ anubandhitvā uppajjamāno manasi karoti ṭhapetīti manasikāro. Ayaṃ vuccati ayonisomanasikāroti ayaṃ anupāyauppathamanasikāralakkhaṇo ayonisomanasikāro nāma vuccati.

    ๑๒. ทุติเย ภตฺตพฺยาปตฺติ วิยาติ ภตฺตสฺส ปูติภาเวน วิปฺปการปฺปตฺติ วิย, จิตฺตสฺส พฺยาปชฺชนนฺติ จิตฺตสฺส วิการภาวาปาทนํฯ เตเนวาห – ‘‘ปกติวิชหนภาโว’’ติฯ พฺยาปชฺชติ เตน จิตฺตํ ปูติกุมฺมาสาทโย วิย ปุริมปกติํ ชหตีติ พฺยาปาโทฯ ปฎิโฆเยว อุปรูปริ อุปฺปชฺชมานสฺส ปฎิฆสฺส นิมิตฺตภาวโต ปฎิฆนิมิตฺตํ, ปฎิฆสฺส จ การณภูตํ อารมฺมณํ ปฎิฆนิมิตฺตนฺติ อาห – ‘‘ปฎิฆสฺสปิ ปฎิฆารมฺมณสฺสปิ เอตํ อธิวจน’’นฺติฯ อฎฺฐกถายนฺติ มหาอฎฺฐกถายํฯ

    12. Dutiye bhattabyāpatti viyāti bhattassa pūtibhāvena vippakārappatti viya, cittassa byāpajjananti cittassa vikārabhāvāpādanaṃ. Tenevāha – ‘‘pakativijahanabhāvo’’ti. Byāpajjati tena cittaṃ pūtikummāsādayo viya purimapakatiṃ jahatīti byāpādo. Paṭighoyeva uparūpari uppajjamānassa paṭighassa nimittabhāvato paṭighanimittaṃ, paṭighassa ca kāraṇabhūtaṃ ārammaṇaṃ paṭighanimittanti āha – ‘‘paṭighassapi paṭighārammaṇassapi etaṃ adhivacana’’nti. Aṭṭhakathāyanti mahāaṭṭhakathāyaṃ.

    ๑๓. ตติเย ถินตา ถินํ, สปฺปิปิโณฺฑ วิย อวิปฺผาริกตาย จิตฺตสฺส ฆนภาโว พทฺธตาติ อโตฺถฯ เมธตีติ มิทฺธํ, อกมฺมญฺญภาเวน หิํสตีติ อโตฺถฯ ‘‘ยา ตสฺมิํ สมเย จิตฺตสฺส อกลฺยตา’’ติอาทินา (ธ. ส. ๑๑๖๒) ถินสฺส, ‘‘ยา ตสฺมิํ สมเย กายสฺส อกลฺยตา’’ติอาทินา (ธ. ส. ๑๑๖๓) จ มิทฺธสฺส อภิธเมฺม นิทฺทิฎฺฐตฺตา วุตฺตํ – ‘‘จิตฺตสฺส อกมฺมญฺญตา ถินํ, ติณฺณํ ขนฺธานํ อกมฺมญฺญตา มิทฺธ’’นฺติฯ สติปิ อญฺญมญฺญาวิปฺปโยเค จิตฺตกายลหุตาทีนํ วิย จิตฺตเจตสิกานํ ยถากฺกมํ ตํตํวิเสโส สิยา, ยา เตสํ อกลฺยตาทีนํ วิเสสปจฺจยตา, อยเมเตสํ สภาโวติ ทฎฺฐพฺพํฯ กปิมิทฺธสฺสาติ วุตฺตเมวตฺถํ วิภาเวติ ‘‘ปจลายิกภาวสฺสา’’ติฯ อกฺขิทลานํ ปจลภาวํ กโรตีติ ปจลายิโก, ปจลายิกสฺส ภาโว ปจลายิกภาโว, ปจลายิกตฺตนฺติ วุตฺตํ โหติฯ อุภินฺนนฺติ ถินมิทฺธานํฯ ‘‘วิตฺถาโร เวทิตโพฺพ’’ติ อิมินา สมฺพโนฺธ เวทิตโพฺพฯ จิตฺตสฺส อกลฺยตาติ จิตฺตสฺส คิลานภาโวฯ คิลาโน หิ อกลฺยโกติ วุจฺจติฯ วินเยปิ วุตฺตํ – ‘‘นาหํ, ภเนฺต, อกลฺยโก’’ติ (ปารา. ๑๕๑)ฯ กาลํ ขมตีติ หิ กลฺยํ, อโรคตา, ตสฺสํ นิยุโตฺต กลฺยโก, น กลฺยโก อกลฺยโกฯ อกมฺมญฺญตาติ จิตฺตเคลญฺญสงฺขาโตว อกมฺมญฺญตากาโรฯ โอลียนาติ โอลียนากาโรฯ อิริยาปถูปตฺถมฺภิตญฺหิ จิตฺตํ อิริยาปถํ สนฺธาเรตุํ อสโกฺกนฺตํ รุเกฺข วคฺคุลิ วิย ขีเล ลคฺคิตผาณิตวารโก วิย จ โอลียติ ลมฺพติ, ตสฺส ตํ อาการํ สนฺธาย – ‘‘โอลียนา’’ติ วุตฺตํฯ ทุติยปทํ อุปสเคฺคน วฑฺฒิตํฯ กายสฺสาติ เวทนาทิกฺขนฺธตฺตยสงฺขาตสฺส นามกายสฺสฯ อกลฺยตา อกมฺมญฺญตาติ เหฎฺฐา วุตฺตนยเมวฯ เมโฆ วิย อากาสํ โอนยฺหตีติ โอนาโหฯ โอนยฺหตีติ จ ฉาเทติ อวตฺถรติ วาติ อโตฺถ ฯ สพฺพโตภาเคน โอนาโหติ ปริโยนาโหอรติอาทีนํ อโตฺถ วิภเงฺค (วิภ. ๘๕๖) วุตฺตนเยเนว เวทิตโพฺพติ ตตฺถ วุตฺตปาฬิยา ทเสฺสตุํ – ‘‘วุตฺตํ เหต’’นฺติอาทิมาหฯ

    13. Tatiye thinatā thinaṃ, sappipiṇḍo viya avipphārikatāya cittassa ghanabhāvo baddhatāti attho. Medhatīti middhaṃ, akammaññabhāvena hiṃsatīti attho. ‘‘Yā tasmiṃ samaye cittassa akalyatā’’tiādinā (dha. sa. 1162) thinassa, ‘‘yā tasmiṃ samaye kāyassa akalyatā’’tiādinā (dha. sa. 1163) ca middhassa abhidhamme niddiṭṭhattā vuttaṃ – ‘‘cittassa akammaññatā thinaṃ, tiṇṇaṃ khandhānaṃ akammaññatā middha’’nti. Satipi aññamaññāvippayoge cittakāyalahutādīnaṃ viya cittacetasikānaṃ yathākkamaṃ taṃtaṃviseso siyā, yā tesaṃ akalyatādīnaṃ visesapaccayatā, ayametesaṃ sabhāvoti daṭṭhabbaṃ. Kapimiddhassāti vuttamevatthaṃ vibhāveti ‘‘pacalāyikabhāvassā’’ti. Akkhidalānaṃ pacalabhāvaṃ karotīti pacalāyiko, pacalāyikassa bhāvo pacalāyikabhāvo, pacalāyikattanti vuttaṃ hoti. Ubhinnanti thinamiddhānaṃ. ‘‘Vitthāro veditabbo’’ti iminā sambandho veditabbo. Cittassa akalyatāti cittassa gilānabhāvo. Gilāno hi akalyakoti vuccati. Vinayepi vuttaṃ – ‘‘nāhaṃ, bhante, akalyako’’ti (pārā. 151). Kālaṃ khamatīti hi kalyaṃ, arogatā, tassaṃ niyutto kalyako, na kalyako akalyako. Akammaññatāti cittagelaññasaṅkhātova akammaññatākāro. Olīyanāti olīyanākāro. Iriyāpathūpatthambhitañhi cittaṃ iriyāpathaṃ sandhāretuṃ asakkontaṃ rukkhe vagguli viya khīle laggitaphāṇitavārako viya ca olīyati lambati, tassa taṃ ākāraṃ sandhāya – ‘‘olīyanā’’ti vuttaṃ. Dutiyapadaṃ upasaggena vaḍḍhitaṃ. Kāyassāti vedanādikkhandhattayasaṅkhātassa nāmakāyassa. Akalyatā akammaññatāti heṭṭhā vuttanayameva. Megho viya ākāsaṃ onayhatīti onāho. Onayhatīti ca chādeti avattharati vāti attho . Sabbatobhāgena onāhoti pariyonāho. Aratiādīnaṃ attho vibhaṅge (vibha. 856) vuttanayeneva veditabboti tattha vuttapāḷiyā dassetuṃ – ‘‘vuttaṃ heta’’ntiādimāha.

    ตตฺถ ปเนฺตสูติ ทูเรสุ, วิวิเตฺตสุ วาฯ อธิกุสเลสูติ สมถวิปสฺสนาธเมฺมสุฯ อรตีติ รติปฺปฎิเกฺขโปฯ อรติตาติ อรมนากาโรฯ อนภิรตีติ อนภิรตภาโวฯ อนภิรมนาติ อนภิรมนากาโร ฯ อุกฺกณฺฐิตาติ อุกฺกณฺฐนากาโรฯ ปริตสฺสิตาติ อุกฺกณฺฐนวเสเนว ปริตสฺสนา, อุกฺกณฺฐิตเสฺสว ตตฺถ ตตฺถ ตณฺหายนาติ วุตฺตํ โหติฯ ปริตสฺสิตาติ วา กมฺปนาฯ ตนฺทีติ ชาติอาลสิยํ, ปกติอาลสิยนฺติ อโตฺถฯ ตถา หิ กุสลกรเณ กายสฺส อวิปฺผาริกตา ลีนตา ชาติอาลสิยํ ตนฺที นาม, น โรคอุตุชาทีหิ กายเคลญฺญํฯ ตนฺทิยนาติ ตนฺทิยนากาโรฯ ตนฺทิมนตาติ ตนฺทิยา อภิภูตจิตฺตตาฯ อลสสฺส ภาโว อาลสฺยํ, อาลสฺยายนากาโร อาลสฺยายนาฯ อาลสฺยายิตสฺส ภาโว อาลสฺยายิตตฺตํฯ อิติ สเพฺพหิปิ อิเมหิ ปเทหิ กิเลสวเสน กายาลสิยํ กถิตํฯ ถินมิทฺธการณานญฺหิ ราคาทิกิเลสานํ วเสน นามกายสฺส อาลสิยํ, ตเทว รูปกายสฺสาปีติ ทฎฺฐพฺพํฯ ชมฺภนาติ ผนฺทนาฯ ปุนปฺปุนํ ชมฺภนา วิชมฺภนาฯ อานมนาติ ปุรโต นมนาฯ วินมนาติ ปจฺฉโต นมนาฯ สนฺนมนาติ สมนฺตโต นมนาฯ ปณมนาติ ยถา ตนฺตโต อุฎฺฐิตเปสกาโร กิสฺมิญฺจิเทว คเหตฺวา อุชุํ กายํ อุสฺสาเปติ, เอวํ กายสฺส อุทฺธํ ฐปนาฯ พฺยาธิยกนฺติ อุปฺปนฺนพฺยาธิตาฯ อิติ สเพฺพหิปิ อิเมหิ ปเทหิ ถินมิทฺธการณานํ ราคาทิกิเลสานํ วเสน กายพทฺธนเมว กถิตํฯ ภุตฺตาวิสฺสาติ ภุตฺตวโตฯ ภตฺตมุจฺฉาติ ภตฺตเคลญฺญํฯ พลวภเตฺตน หิ มุจฺฉาปโตฺต วิย โหติฯ ภตฺตกิลมโถติ ภเตฺตน กิลนฺตภาโวฯ ภตฺตปริฬาโหติ ภตฺตทรโถฯ ตสฺมิญฺหิ สมเย ปริฬาหุปฺปตฺติยา อุปหตินฺทฺริโย โหติ, กาโย ชีรตีติฯ กายทุฎฺฐุลฺลนฺติ ภตฺตํ นิสฺสาย กายสฺส อกมฺมญฺญตํฯ อกลฺยตาติอาทิ เหฎฺฐา วุตฺตนยเมวฯ ลีนนฺติ อวิปฺผาริกตาย ปฎิกุฎิตํฯ อิตเร เทฺว อาการภาวนิเทฺทสาฯ ถินนฺติ สปฺปิปิโณฺฑ วิย อวิปฺผาริกตาย ฆนภาเวน ฐิตํฯ ถิยนาติ อาการนิเทฺทโสฯ ถิยิภาโว ถิยิตตฺตํ , อวิปฺผารวเสเนว พทฺธตาติ อโตฺถฯ อิเมหิ ปน สเพฺพหิปิ ปเทหิ ถินมิทฺธการณานํ ราคาทิกิเลสานํ วเสน จิตฺตสฺส คิลานากาโร กถิโตติ เวทิตโพฺพฯ ปุริมา จตฺตาโร ธมฺมาติ อรติ, ตนฺที, วิชมฺภิตา, ภตฺตสมฺมโทติ เอเต จตฺตาโร ธมฺมาฯ ยทา ถินมิทฺธํ อุปฺปนฺนํ โหติ, ตทา อรติอาทีนมฺปิ สมฺภวโต ‘‘อุปนิสฺสยโกฎิยา ปน โหตี’’ติ วุตฺตํ, อุปนิสฺสยโกฎิยา ปจฺจโย โหตีติ อโตฺถฯ

    Tattha pantesūti dūresu, vivittesu vā. Adhikusalesūti samathavipassanādhammesu. Aratīti ratippaṭikkhepo. Aratitāti aramanākāro. Anabhiratīti anabhiratabhāvo. Anabhiramanāti anabhiramanākāro . Ukkaṇṭhitāti ukkaṇṭhanākāro. Paritassitāti ukkaṇṭhanavaseneva paritassanā, ukkaṇṭhitasseva tattha tattha taṇhāyanāti vuttaṃ hoti. Paritassitāti vā kampanā. Tandīti jātiālasiyaṃ, pakatiālasiyanti attho. Tathā hi kusalakaraṇe kāyassa avipphārikatā līnatā jātiālasiyaṃ tandī nāma, na rogautujādīhi kāyagelaññaṃ. Tandiyanāti tandiyanākāro. Tandimanatāti tandiyā abhibhūtacittatā. Alasassa bhāvo ālasyaṃ, ālasyāyanākāro ālasyāyanā. Ālasyāyitassa bhāvo ālasyāyitattaṃ. Iti sabbehipi imehi padehi kilesavasena kāyālasiyaṃ kathitaṃ. Thinamiddhakāraṇānañhi rāgādikilesānaṃ vasena nāmakāyassa ālasiyaṃ, tadeva rūpakāyassāpīti daṭṭhabbaṃ. Jambhanāti phandanā. Punappunaṃ jambhanā vijambhanā. Ānamanāti purato namanā. Vinamanāti pacchato namanā. Sannamanāti samantato namanā. Paṇamanāti yathā tantato uṭṭhitapesakāro kismiñcideva gahetvā ujuṃ kāyaṃ ussāpeti, evaṃ kāyassa uddhaṃ ṭhapanā. Byādhiyakanti uppannabyādhitā. Iti sabbehipi imehi padehi thinamiddhakāraṇānaṃ rāgādikilesānaṃ vasena kāyabaddhanameva kathitaṃ. Bhuttāvissāti bhuttavato. Bhattamucchāti bhattagelaññaṃ. Balavabhattena hi mucchāpatto viya hoti. Bhattakilamathoti bhattena kilantabhāvo. Bhattapariḷāhoti bhattadaratho. Tasmiñhi samaye pariḷāhuppattiyā upahatindriyo hoti, kāyo jīratīti. Kāyaduṭṭhullanti bhattaṃ nissāya kāyassa akammaññataṃ. Akalyatātiādi heṭṭhā vuttanayameva. Līnanti avipphārikatāya paṭikuṭitaṃ. Itare dve ākārabhāvaniddesā. Thinanti sappipiṇḍo viya avipphārikatāya ghanabhāvena ṭhitaṃ. Thiyanāti ākāraniddeso. Thiyibhāvo thiyitattaṃ, avipphāravaseneva baddhatāti attho. Imehi pana sabbehipi padehi thinamiddhakāraṇānaṃ rāgādikilesānaṃ vasena cittassa gilānākāro kathitoti veditabbo. Purimā cattāro dhammāti arati, tandī, vijambhitā, bhattasammadoti ete cattāro dhammā. Yadā thinamiddhaṃ uppannaṃ hoti, tadā aratiādīnampi sambhavato ‘‘upanissayakoṭiyā pana hotī’’ti vuttaṃ, upanissayakoṭiyā paccayo hotīti attho.

    ๑๔. จตุเตฺถ อุทฺทตสฺส ภาโว อุทฺธจฺจํฯ ยสฺส ธมฺมสฺส วเสน อุทฺธตํ โหติ จิตฺตํ, ตํสมฺปยุตฺตา วา ธมฺมา, โส ธโมฺม อุทฺทจฺจํฯ กุจฺฉิตํ กตํ กุกตํ, ทุจฺจริตํ สุจริตญฺจฯ อกตมฺปิ หิ กุกตเมวฯ เอวญฺหิ วตฺตาโร โหนฺติ ‘‘ยํ มยา น กตํ, ตํ กุกต’’นฺติฯ เอวํ กตากตํ ทุจฺจริตํ สุจริตญฺจ กุกตํ, ตํ อารพฺภ วิปฺปฎิสารวเสน ปวตฺตํ ปน จิตฺตํ อิธ กุกตนฺติ เวทิตพฺพํฯ ตสฺส ภาโว กุกฺกุจฺจํฯ จิตฺตสฺส อุทฺธตากาโรติ จิตฺตสฺส อวูปสมากาโรว วุโตฺตฯ อวูปสมลกฺขณญฺหิ อุทฺธจฺจํฯ ยถาปวตฺตสฺส กตากตาการวิสิฎฺฐสฺส ทุจฺจริตสุจริตสฺส อนุโสจนวเสน วิรูปํ ปฎิสรณํ วิปฺปฎิสาโรฯ กุกฺกุจฺจสฺสปิ กตากตานุโสจนวเสน จิตฺตวิเกฺขปภาวโต อวูปสมากาโร สมฺภวตีติ อาห – ‘‘เจตโส อวูปสโมติ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจเสฺสวตํ นาม’’นฺติฯ เสฺวว จ เจตโส อวูปสโมติ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจเมว นิทฺทิฎฺฐํฯ ตญฺจ อตฺตโนว อตฺตนา สหชาตํ น โหตีติ อาห – ‘‘อยํ ปน อุปนิสฺสยโกฎิยา ปจฺจโย โหตี’’ติฯ อุปนิสฺสยปจฺจยตา จ ปุริมุปฺปนฺนวเสน เวทิตพฺพาฯ

    14. Catutthe uddatassa bhāvo uddhaccaṃ. Yassa dhammassa vasena uddhataṃ hoti cittaṃ, taṃsampayuttā vā dhammā, so dhammo uddaccaṃ. Kucchitaṃ kataṃ kukataṃ, duccaritaṃ sucaritañca. Akatampi hi kukatameva. Evañhi vattāro honti ‘‘yaṃ mayā na kataṃ, taṃ kukata’’nti. Evaṃ katākataṃ duccaritaṃ sucaritañca kukataṃ, taṃ ārabbha vippaṭisāravasena pavattaṃ pana cittaṃ idha kukatanti veditabbaṃ. Tassa bhāvo kukkuccaṃ. Cittassa uddhatākāroti cittassa avūpasamākārova vutto. Avūpasamalakkhaṇañhi uddhaccaṃ. Yathāpavattassa katākatākāravisiṭṭhassa duccaritasucaritassa anusocanavasena virūpaṃ paṭisaraṇaṃ vippaṭisāro. Kukkuccassapi katākatānusocanavasena cittavikkhepabhāvato avūpasamākāro sambhavatīti āha – ‘‘cetaso avūpasamoti uddhaccakukkuccassevataṃ nāma’’nti. Sveva ca cetaso avūpasamoti uddhaccakukkuccameva niddiṭṭhaṃ. Tañca attanova attanā sahajātaṃ na hotīti āha – ‘‘ayaṃ pana upanissayakoṭiyā paccayo hotī’’ti. Upanissayapaccayatā ca purimuppannavasena veditabbā.

    ๑๕. ปญฺจเม วิคตา จิกิจฺฉา อสฺสาติ วิจิกิจฺฉาฯ สภาวํ วิจินโนฺต ตาย กิจฺฉตีติ วา วิจิกิจฺฉา

    15. Pañcame vigatā cikicchā assāti vicikicchā. Sabhāvaṃ vicinanto tāya kicchatīti vā vicikicchā.

    ๑๖. ฉเฎฺฐ เหตุํ วา ปจฺจยํ วา น ลภตีติ เอตฺถ เหตุคฺคหเณน ชนกํ การณมาห, ปจฺจยคฺคหเณน อนุปาลนกํ การณํฯ เหตุนฺติ วา อุปาทานการณํฯ ปจฺจยนฺติ สหการณํ วุตฺตํฯ นฺติ กิเลสํฯ วิวเฎฺฎตฺวา อรหตฺตํ คณฺหาตีติ วิวฎฺฎาภิมุขํ จิตฺตํ เปเสตฺวา วิปสฺสนํ วเฑฺฒโนฺต อรหตฺตผลํ คณฺหาติฯ ภิกฺขาย จรนฺติ เอตฺถาติ ภิกฺขาจาโร, โคจรคามเสฺสตํ อธิวจนํ, ตสฺมิํ ภิกฺขาจาเรฯ วยํ อาคมฺมาติ ทารภรณานุรูปํ วยํ อาคมฺมฯ อายูหโนฺตติ อุปจินโนฺตฯ องฺคารปกฺกนฺติ วีตจฺจิกงฺคาเรสุ ปกฺกํฯ กิํ นาเมตนฺติ ภิกฺขู ครหโนฺต อาหฯ ชีวมานเปตกสโตฺตติ ชีวมาโน หุตฺวา ‘‘เตเนว อตฺตภาเวน เปตภาวํ ปตฺตสโตฺต ภวิสฺสตี’’ติ ปริกปฺปวเสน วุตฺตํฯ กุฎนฺติ ปานียฆฎํฯ ยาว ทารุณนฺติ อติวิย ทารุณํฯ วิปาโก กีทิโส ภวิสฺสตีติ ตยา กตกมฺมสฺส อายติํ อนุภวิตพฺพวิปาโก กีทิโส ภวิสฺสติฯ

    16. Chaṭṭhe hetuṃ vā paccayaṃ vā na labhatīti ettha hetuggahaṇena janakaṃ kāraṇamāha, paccayaggahaṇena anupālanakaṃ kāraṇaṃ. Hetunti vā upādānakāraṇaṃ. Paccayanti sahakāraṇaṃ vuttaṃ. Tanti kilesaṃ. Vivaṭṭetvā arahattaṃ gaṇhātīti vivaṭṭābhimukhaṃ cittaṃ pesetvā vipassanaṃ vaḍḍhento arahattaphalaṃ gaṇhāti. Bhikkhāya caranti etthāti bhikkhācāro, gocaragāmassetaṃ adhivacanaṃ, tasmiṃ bhikkhācāre. Vayaṃ āgammāti dārabharaṇānurūpaṃ vayaṃ āgamma. Āyūhantoti upacinanto. Aṅgārapakkanti vītaccikaṅgāresu pakkaṃ. Kiṃ nāmetanti bhikkhū garahanto āha. Jīvamānapetakasattoti jīvamāno hutvā ‘‘teneva attabhāvena petabhāvaṃ pattasatto bhavissatī’’ti parikappavasena vuttaṃ. Kuṭanti pānīyaghaṭaṃ. Yāva dāruṇanti ativiya dāruṇaṃ. Vipāko kīdiso bhavissatīti tayā katakammassa āyatiṃ anubhavitabbavipāko kīdiso bhavissati.

    วิสงฺขริตฺวาติ เฉทนเภทนาทีหิ วินาเสตฺวาฯ ทีปกมิคปกฺขิโนติ อตฺตโน นิสินฺนภาวสฺส ทีปนโต เอวํลทฺธนามา มิคปกฺขิโน, เยน อรญฺญํ เนตฺวา เนสาโท เตสํ สเทฺทน อาคตาคเต มิคปกฺขิโน วธิตฺวา คณฺหาติฯ เถรนฺติ จูฬปิณฺฑปาติกติสฺสเตฺถรํฯ อิทฺธิยา อภิสงฺขริตฺวาติ อธิฎฺฐานาทิวเสน อิทฺธิํ อภิสงฺขริตฺวาฯ อุปโยคเตฺถ เจตํ กรณวจนํฯ อคฺคิปปฎิกนฺติ อจฺจิกรณํ, วิปฺผุลิงฺคนฺติ อโตฺถฯ ปสฺสนฺตเสฺสวาติ อนาทเร สามิวจนํฯ ตสฺส เถรสฺสาติ ตสฺส มิลกฺขติสฺสเตฺถรสฺสฯ ตสฺสาติ ตสฺสา อคฺคิปปฎิกายฯ ปฎิพลสฺสาติ อุคฺคหณสชฺฌายาทีสุ ปฎิพลสฺสฯ ทุกฺขํ อุปนิสา การณเมติสฺสาติ ทุกฺขูปนิสา, ทุกฺขนิพนฺธนา ทุกฺขเหตุกา สทฺธาติ วุตฺตํ โหติฯ วตฺตมุเขน กมฺมฎฺฐานสฺส กถิตตฺตา ‘‘วตฺตสีเส ฐตฺวา’’ติ วุตฺตํฯ ปลาลวรณกนฺติ ปลาลปุญฺชํฯ

    Visaṅkharitvāti chedanabhedanādīhi vināsetvā. Dīpakamigapakkhinoti attano nisinnabhāvassa dīpanato evaṃladdhanāmā migapakkhino, yena araññaṃ netvā nesādo tesaṃ saddena āgatāgate migapakkhino vadhitvā gaṇhāti. Theranti cūḷapiṇḍapātikatissattheraṃ. Iddhiyā abhisaṅkharitvāti adhiṭṭhānādivasena iddhiṃ abhisaṅkharitvā. Upayogatthe cetaṃ karaṇavacanaṃ. Aggipapaṭikanti accikaraṇaṃ, vipphuliṅganti attho. Passantassevāti anādare sāmivacanaṃ. Tassa therassāti tassa milakkhatissattherassa. Tassāti tassā aggipapaṭikāya. Paṭibalassāti uggahaṇasajjhāyādīsu paṭibalassa. Dukkhaṃ upanisā kāraṇametissāti dukkhūpanisā, dukkhanibandhanā dukkhahetukā saddhāti vuttaṃ hoti. Vattamukhena kammaṭṭhānassa kathitattā ‘‘vattasīse ṭhatvā’’ti vuttaṃ. Palālavaraṇakanti palālapuñjaṃ.

    อารมฺภถาติ สมถวิปสฺสนาทีสุ วีริยํ กโรถฯ นิกฺกมถาติ โกสชฺชโต นิกฺขมถ, กามานํ วา ปนูทนาย นิกฺขมถ, อุภเยนปิ วีริยเมว วุตฺตํฯ วีริยญฺหิ อารมฺภนกวเสน อารโมฺภ, โกสชฺชโต นิกฺขมนวเสน ‘‘นิกฺกโม’’ติ วุจฺจติฯ ยุญฺชถ พุทฺธสาสเนติ พุทฺธสฺส ภควโต ปริยตฺติปฎิปตฺติปฎิเวธสงฺขาเต ติวิธสาสเน ยุญฺชถ โยคํ กโรถฯ เอวมนุยุญฺชนฺตา มจฺจุโน เสนํ ธุนาถ วิทฺธํเสถฯ ตตฺถ มจฺจุโน เสนนฺติ –

    Ārambhathāti samathavipassanādīsu vīriyaṃ karotha. Nikkamathāti kosajjato nikkhamatha, kāmānaṃ vā panūdanāya nikkhamatha, ubhayenapi vīriyameva vuttaṃ. Vīriyañhi ārambhanakavasena ārambho, kosajjato nikkhamanavasena ‘‘nikkamo’’ti vuccati. Yuñjatha buddhasāsaneti buddhassa bhagavato pariyattipaṭipattipaṭivedhasaṅkhāte tividhasāsane yuñjatha yogaṃ karotha. Evamanuyuñjantā maccuno senaṃ dhunātha viddhaṃsetha. Tattha maccuno senanti –

    ‘‘กามา เต ปฐมา เสนา, ทุติยา อรติ วุจฺจติ;

    ‘‘Kāmā te paṭhamā senā, dutiyā arati vuccati;

    ตติยา ขุปฺปิปาสา เต, จตุตฺถี ตณฺหา ปวุจฺจติฯ

    Tatiyā khuppipāsā te, catutthī taṇhā pavuccati.

    ‘‘ปญฺจมํ ถินมิทฺธํ เต, ฉฎฺฐา ภีรู ปวุจฺจติ;

    ‘‘Pañcamaṃ thinamiddhaṃ te, chaṭṭhā bhīrū pavuccati;

    สตฺตมี วิจิกิจฺฉา เต, มโกฺข ถโมฺภ เต อฎฺฐโมฯ

    Sattamī vicikicchā te, makkho thambho te aṭṭhamo.

    ‘‘ลาโภ สิโลโก สกฺกาโร,

    ‘‘Lābho siloko sakkāro,

    มิจฺฉาลโทฺธ จ โย ยโส;

    Micchāladdho ca yo yaso;

    โย จตฺตานํ สมุกฺกํเส,

    Yo cattānaṃ samukkaṃse,

    ปเร จ อวชานาติฯ

    Pare ca avajānāti.

    ‘‘เอสา นมุจิ เต เสนา, กณฺหสฺสาภิปฺปหารินี;

    ‘‘Esā namuci te senā, kaṇhassābhippahārinī;

    น นํ อสูโร ชินาติ, เชตฺวา จ ลภเต สุข’’นฺติฯ (สุ. นิ. ๔๓๘-๔๔๑) –

    Na naṃ asūro jināti, jetvā ca labhate sukha’’nti. (su. ni. 438-441) –

    เอวมาคตํ กามาทิเภทํ มจฺจุโน เสนํฯ เอตฺถ จ ยสฺมา อาทิโตว อคาริยภูเต สเตฺต วตฺถุกาเมสุ กิเลสกามา โมสยนฺติ, เต อภิภุยฺย อนคาริยภาวํ อุปคตานํ ปเนฺตสุ เสนาสเนสุ อญฺญตรญฺญตเรสุ วา อธิกุสเลสุ ธเมฺมสุ อรติ อุปฺปชฺชติฯ วุตฺตเญฺหตํ – ‘‘ปพฺพชิเตน โข, อาวุโส, อภิรติ ทุกฺกรา’’ติ (สํ. นิ. ๔.๓๓๑)ฯ ตโต เต ปรปฺปฎิพทฺธชีวิกตฺตา ขุปฺปิปาสา พาธติ, ตาย พาธิตานํ ปริเยสนตณฺหา จิตฺตํ กิลมยติฯ อถ เนสํ กิลนฺตจิตฺตานํ ถินมิทฺธํ โอกฺกมติ, ตโต วิเสสมนธิคจฺฉนฺตานํ ทุรภิสมฺภเวสุ อรญฺญวนปเตฺถสุ ปเนฺตสุ เสนาสเนสุ วิหรตํ อุตฺราสสญฺญิตา ภีรุ ชายติฯ เตสํ อุสฺสงฺกิตปริสงฺกิตานํ ทีฆรตฺตํ วิเวกรสมนสฺสาทยมานานํ วิหรตํ ‘‘น สิยา นุ โข เอส มโคฺค’’ติ ปฎิปตฺติยํ วิจิกิจฺฉา อุปฺปชฺชติฯ ตํ วิโนเทตฺวา วิหรตํ อปฺปมตฺตเกน วิเสสาธิคเมน มานมกฺขถมฺภา ชายนฺติฯ เตปิ วิโนเทตฺวา วิหรตํ ตโต อธิกตรํ วิเสสาธิคมนํ นิสฺสาย ลาภสกฺการสิโลกา อุปฺปชฺชนฺติฯ ลาภาทีหิ มุจฺฉิตฺวา ธมฺมปฺปติรูปกานิ ปกาเสโนฺต มิจฺฉายสํ อธิคนฺตฺวา ตตฺถ ฐิตา ชาติอาทีหิ อตฺตานํ อุกฺกํเสนฺติ, ปรํ วเมฺภนฺติ, ตสฺมา กามาทีนํ ปฐมเสนาทิภาโว เวทิตโพฺพฯ นฬาคารนฺติ นเฬหิ วินทฺธติณจฺฉนฺนเคหํฯ

    Evamāgataṃ kāmādibhedaṃ maccuno senaṃ. Ettha ca yasmā āditova agāriyabhūte satte vatthukāmesu kilesakāmā mosayanti, te abhibhuyya anagāriyabhāvaṃ upagatānaṃ pantesu senāsanesu aññataraññataresu vā adhikusalesu dhammesu arati uppajjati. Vuttañhetaṃ – ‘‘pabbajitena kho, āvuso, abhirati dukkarā’’ti (saṃ. ni. 4.331). Tato te parappaṭibaddhajīvikattā khuppipāsā bādhati, tāya bādhitānaṃ pariyesanataṇhā cittaṃ kilamayati. Atha nesaṃ kilantacittānaṃ thinamiddhaṃ okkamati, tato visesamanadhigacchantānaṃ durabhisambhavesu araññavanapatthesu pantesu senāsanesu viharataṃ utrāsasaññitā bhīru jāyati. Tesaṃ ussaṅkitaparisaṅkitānaṃ dīgharattaṃ vivekarasamanassādayamānānaṃ viharataṃ ‘‘na siyā nu kho esa maggo’’ti paṭipattiyaṃ vicikicchā uppajjati. Taṃ vinodetvā viharataṃ appamattakena visesādhigamena mānamakkhathambhā jāyanti. Tepi vinodetvā viharataṃ tato adhikataraṃ visesādhigamanaṃ nissāya lābhasakkārasilokā uppajjanti. Lābhādīhi mucchitvā dhammappatirūpakāni pakāsento micchāyasaṃ adhigantvā tattha ṭhitā jātiādīhi attānaṃ ukkaṃsenti, paraṃ vambhenti, tasmā kāmādīnaṃ paṭhamasenādibhāvo veditabbo. Naḷāgāranti naḷehi vinaddhatiṇacchannagehaṃ.

    วิหสฺสตีติ อุคฺคหณสชฺฌายนมนสิการาทีหิ วิหริสฺสติฯ ชาติสํสารนฺติ ปุนปฺปุนํ ชาติสงฺขาตสํสารวฎฺฎํฯ ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสตีติ ทุกฺขสฺส อนฺตสงฺขาตํ นิพฺพานํ สจฺฉิกริสฺสติฯ ปลาลปุญฺชาหนฺติ ปลาลปุญฺชํ อหนฺติ ปทเจฺฉโทฯ ตติยํ ฐานนฺติ อนาคามิผลํ สนฺธาย วทติฯ

    Vihassatīti uggahaṇasajjhāyanamanasikārādīhi viharissati. Jātisaṃsāranti punappunaṃ jātisaṅkhātasaṃsāravaṭṭaṃ. Dukkhassantaṃ karissatīti dukkhassa antasaṅkhātaṃ nibbānaṃ sacchikarissati. Palālapuñjāhanti palālapuñjaṃ ahanti padacchedo. Tatiyaṃ ṭhānanti anāgāmiphalaṃ sandhāya vadati.

    ติวสฺสภิกฺขุกาเลติ อุปสมฺปทโต ตีณิ วสฺสานิ อสฺสาติ ติวโสฺส, ติวโสฺส จ โส ภิกฺขุ จาติ ติวสฺสภิกฺขุ, ตสฺส, เตน วา อุปลกฺขิโต กาโล ติวสฺสภิกฺขุกาโล, ตสฺมิํฯ ยทา โส ติวโสฺส ภิกฺขุ นาม โหติ, ตทาติ วุตฺตํ โหติฯ กมฺมํ กโรตีติ ภาวนากมฺมํ กโรติฯ คนฺถกมฺมนฺติ คนฺถวิสยํ อุคฺคหณาทิกมฺมํฯ ปิณฺฑาปจิติํ กตฺวาติ อโนฺตวเสฺส เตมาสํ ทินฺนปิณฺฑสฺส กิเลสกฺขยกรเณน อปจิติํ ปูชํ กตฺวาฯ ปิณฺฑาปจิติํ กโรโนฺต หิ ภิกฺขุ เยหิ อตฺตโน โย ปิณฺฑปาโต ทิโนฺน, เตสํ ตสฺส มหปฺผลภาวํ อิจฺฉโนฺต อตฺตโน สนฺตานเมว กิเลสกฺขยกรเณน วิโสเธตฺวา อรหตฺตํ คณฺหาติฯ

    Tivassabhikkhukāleti upasampadato tīṇi vassāni assāti tivasso, tivasso ca so bhikkhu cāti tivassabhikkhu, tassa, tena vā upalakkhito kālo tivassabhikkhukālo, tasmiṃ. Yadā so tivasso bhikkhu nāma hoti, tadāti vuttaṃ hoti. Kammaṃ karotīti bhāvanākammaṃ karoti. Ganthakammanti ganthavisayaṃ uggahaṇādikammaṃ. Piṇḍāpacitiṃ katvāti antovasse temāsaṃ dinnapiṇḍassa kilesakkhayakaraṇena apacitiṃ pūjaṃ katvā. Piṇḍāpacitiṃ karonto hi bhikkhu yehi attano yo piṇḍapāto dinno, tesaṃ tassa mahapphalabhāvaṃ icchanto attano santānameva kilesakkhayakaraṇena visodhetvā arahattaṃ gaṇhāti.

    มหาภูตีติ เอตฺถ ปูชาวจโน มหนฺตสโทฺท, ภูตีติ จ นาเมกเทเสน ติสฺสภูติเตฺถรํ อาลปติฯ ภวติ หิ นาเมกเทเสนปิ โวหาโร ยถา ‘‘เทวทโตฺต ทโตฺต’’ติฯ มหาภูตีติ วา ปิยสมุทาหาโร, โส มหติ ภูติ วิภูติ ปุญฺญญาณาทิสมฺปทา อสฺสาติ มหาภูติฯ ฉนฺนํ เสปณฺณิคจฺฉมูลนฺติ สาขาปลาสาทีหิ ฉนฺนํ ฆนจฺฉายํ เสปณฺณิคจฺฉมูลํฯ อสุภกมฺมฎฺฐานํ ปาทกํ กตฺวาติ เกสาทิอสุภโกฎฺฐาสภาวนาย ปฎิลทฺธํ อุปจารสมาธิํ อปฺปนาสมาธิํ วา ปาทกํ กตฺวาฯ อสุภวิสยํ อุปจารชฺฌานาทิกมฺมเมเวตฺถ อุปริ ปวเตฺตตพฺพภาวนากมฺมสฺส การณภาวโต ฐานนฺติ กมฺมฎฺฐานํฯ

    Mahābhūtīti ettha pūjāvacano mahantasaddo, bhūtīti ca nāmekadesena tissabhūtittheraṃ ālapati. Bhavati hi nāmekadesenapi vohāro yathā ‘‘devadatto datto’’ti. Mahābhūtīti vā piyasamudāhāro, so mahati bhūti vibhūti puññañāṇādisampadā assāti mahābhūti. Channaṃ sepaṇṇigacchamūlanti sākhāpalāsādīhi channaṃ ghanacchāyaṃ sepaṇṇigacchamūlaṃ. Asubhakammaṭṭhānaṃ pādakaṃ katvāti kesādiasubhakoṭṭhāsabhāvanāya paṭiladdhaṃ upacārasamādhiṃ appanāsamādhiṃ vā pādakaṃ katvā. Asubhavisayaṃ upacārajjhānādikammamevettha upari pavattetabbabhāvanākammassa kāraṇabhāvato ṭhānanti kammaṭṭhānaṃ.

    สหสฺสทฺวิสหสฺสสงฺขามตฺตตฺตา ‘‘มหาคเณ’’ติ วุตฺตํฯ อตฺตโน วสนฎฺฐานโต เถรสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวาติ อตฺตโน วสนฎฺฐานโต อากาเสน คนฺตฺวา วิหารสมีเป โอตริตฺวา ทิวาฎฺฐาเน นิสินฺนเตฺถรสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวาฯ กิํ อาคโตสีติ กิํการณา อาคโตสิฯ สเพฺพสุ รตฺติทิวสภาเคสุ โอกาสํ อลภโนฺตติ โส กิร เถโร ‘‘ตุยฺหํ โอกาโส น ภวิสฺสติ, อาวุโส’’ติ วุเตฺตปิ ‘‘วิตกฺกมาฬเก ฐิตกาเล ปุจฺฉิสฺสามิ, ภเนฺต’’ติ วตฺวา ‘‘ตสฺมิํ ฐาเน อเญฺญ ปุจฺฉิสฺสนฺตี’’ติ วุเตฺต ‘‘ภิกฺขาจารมเคฺค, ภเนฺต’’ติ วตฺวา ‘‘ตตฺราปิ อเญฺญ ปุจฺฉนฺตี’’ติ วุเตฺต ทุปฎฺฎนิวาสนฎฺฐาเน, สงฺฆาฎิปารุปนฎฺฐาเน, ปตฺตนีหรณฎฺฐาเน, คาเม จริตฺวา อาสนสาลาย ยาคุปีตกาเล, ภเนฺตติฯ ตตฺถาปิ เถรา อตฺตโน กงฺขํ วิโนเทนฺติ, อาวุโสติฯ อโนฺตคามโต นิกฺขมนกาเล ปุจฺฉิสฺสามิ, ภเนฺตติฯ ตตฺราปิ อเญฺญ ปุจฺฉนฺติ, อาวุโสติฯ อนฺตรามเคฺค, ภเนฺตติฯ โภชนสาลาย ภตฺตกิจฺจปริโยสาเน, ภเนฺตฯ ทิวาฎฺฐาเน ปาทโธวนกาเล, ภเนฺตติฯ ตโต ปฎฺฐาย ยาว อรุณา อปเร ปุจฺฉนฺติ, อาวุโสติฯ ทนฺตกฎฺฐํ คเหตฺวา มุขโธวนตฺถํ คมนกาเล, ภเนฺตติฯ ตทาปิ อเญฺญ ปุจฺฉนฺตีติฯ มุขํ โธวิตฺวา อาคมนกาเล, ภเนฺตติฯ ตตฺราปิ อเญฺญ ปุจฺฉิสฺสนฺตีติฯ เสนาสนํ ปวิสิตฺวา นิสินฺนกาเล, ภเนฺตติฯ ตตฺราปิ อเญฺญ ปุจฺฉนฺติ, อาวุโสติฯ เอวํ สเพฺพสุ รตฺติทิวสภาเคสุ ยาจมาโน โอกาสํ น ลภิ, ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ – ‘‘เอวํ โอกาเส อสติ มรณสฺส กถํ โอกาสํ ลภิสฺสถา’’ติฯ ภเนฺต, นนุ มุขํ โธวิตฺวา เสนาสนํ ปวิสิตฺวา ตโย จตฺตาโร ปลฺลเงฺก อุณฺหาเปตฺวา โยนิโสมนสิการกมฺมํ กโรนฺตานํ โอกาสลาเภน ภวิตพฺพํ สิยาติ อธิปฺปาเยน วทติฯ มณิวเณฺณติ อินฺทนีลมณิวเณฺณฯ

    Sahassadvisahassasaṅkhāmattattā ‘‘mahāgaṇe’’ti vuttaṃ. Attano vasanaṭṭhānato therassa santikaṃ gantvāti attano vasanaṭṭhānato ākāsena gantvā vihārasamīpe otaritvā divāṭṭhāne nisinnattherassa santikaṃ gantvā. Kiṃ āgatosīti kiṃkāraṇā āgatosi. Sabbesu rattidivasabhāgesu okāsaṃ alabhantoti so kira thero ‘‘tuyhaṃ okāso na bhavissati, āvuso’’ti vuttepi ‘‘vitakkamāḷake ṭhitakāle pucchissāmi, bhante’’ti vatvā ‘‘tasmiṃ ṭhāne aññe pucchissantī’’ti vutte ‘‘bhikkhācāramagge, bhante’’ti vatvā ‘‘tatrāpi aññe pucchantī’’ti vutte dupaṭṭanivāsanaṭṭhāne, saṅghāṭipārupanaṭṭhāne, pattanīharaṇaṭṭhāne, gāme caritvā āsanasālāya yāgupītakāle, bhanteti. Tatthāpi therā attano kaṅkhaṃ vinodenti, āvusoti. Antogāmato nikkhamanakāle pucchissāmi, bhanteti. Tatrāpi aññe pucchanti, āvusoti. Antarāmagge, bhanteti. Bhojanasālāya bhattakiccapariyosāne, bhante. Divāṭṭhāne pādadhovanakāle, bhanteti. Tato paṭṭhāya yāva aruṇā apare pucchanti, āvusoti. Dantakaṭṭhaṃ gahetvā mukhadhovanatthaṃ gamanakāle, bhanteti. Tadāpi aññe pucchantīti. Mukhaṃ dhovitvā āgamanakāle, bhanteti. Tatrāpi aññe pucchissantīti. Senāsanaṃ pavisitvā nisinnakāle, bhanteti. Tatrāpi aññe pucchanti, āvusoti. Evaṃ sabbesu rattidivasabhāgesu yācamāno okāsaṃ na labhi, taṃ sandhāyetaṃ vuttaṃ – ‘‘evaṃ okāse asati maraṇassa kathaṃ okāsaṃ labhissathā’’ti. Bhante, nanu mukhaṃ dhovitvā senāsanaṃ pavisitvā tayo cattāro pallaṅke uṇhāpetvā yonisomanasikārakammaṃ karontānaṃ okāsalābhena bhavitabbaṃ siyāti adhippāyena vadati. Maṇivaṇṇeti indanīlamaṇivaṇṇe.

    ฆเฎนฺตเสฺสวาติ วายามนฺตเสฺสวฯ วิสุทฺธิปวารณนฺติ ‘‘ปริสุโทฺธ อห’’นฺติ เอวํ ปวตฺตํ วิสุทฺธิปวารณํฯ อรหนฺตานเมว เหสา ปวารณาฯ กาฬกํ วาติ มหนฺตํ กาฬกํ สนฺธาย วทติ, ติลโก วาติ ขุทฺทกํ สนฺธายฯ อุภเยนปิ สีลสฺส ปริสุทฺธภาวเมว วิภาเวติฯ

    Ghaṭentassevāti vāyāmantasseva. Visuddhipavāraṇanti ‘‘parisuddho aha’’nti evaṃ pavattaṃ visuddhipavāraṇaṃ. Arahantānameva hesā pavāraṇā. Kāḷakaṃ vāti mahantaṃ kāḷakaṃ sandhāya vadati, tilako vāti khuddakaṃ sandhāya. Ubhayenapi sīlassa parisuddhabhāvameva vibhāveti.

    ปธานกมฺมิกาติ ปธานกเมฺม นิยุตฺตาฯ ลทฺธมคฺคนฺติ ลทฺธูปายํ, ปฐมเมว ลทฺธูปเทสนฺติ วุตฺตํ โหติฯ อปตฺตานีติ ฉฑฺฑิตานิฯ อลาพูเนว สารเทติ สรทกาเล วาตาตปหตานิ ตตฺถ ตตฺถ วิปฺปกิณฺณอลาพูนิ วิยฯ กาโปตกานีติ กโปตกวณฺณานิฯ ตานิ ทิสฺวาน กา รตีติ ตานิ เอวรูปานิ อฎฺฐีนิ ทิสฺวา ตุมฺหากํ กา นาม รติ, นนุ อปฺปมตฺตกาปิ รติ กาตุํ น วฎฺฎติเยวาติ อโตฺถฯ ทุติยกถํ อกถิตปุโพฺพติ อตฺตโน วุฑฺฒตเรน สทฺธิํ วุตฺตวจนสฺส ปจฺจนีกํ ทุติยกถํ อกถิตปุโพฺพฯ

    Padhānakammikāti padhānakamme niyuttā. Laddhamagganti laddhūpāyaṃ, paṭhamameva laddhūpadesanti vuttaṃ hoti. Apattānīti chaḍḍitāni. Alābūneva sāradeti saradakāle vātātapahatāni tattha tattha vippakiṇṇaalābūni viya. Kāpotakānīti kapotakavaṇṇāni. Tāni disvāna kā ratīti tāni evarūpāni aṭṭhīni disvā tumhākaṃ kā nāma rati, nanu appamattakāpi rati kātuṃ na vaṭṭatiyevāti attho. Dutiyakathaṃ akathitapubboti attano vuḍḍhatarena saddhiṃ vuttavacanassa paccanīkaṃ dutiyakathaṃ akathitapubbo.

    ตทเงฺคน, ตทงฺคสฺส ปหานํ ตทงฺคปฺปหานํฯ ยญฺหิ รตฺติภาเค สมุชฺชลิเตน ทีเปน อนฺธการสฺส วิย เตน เตน วิปสฺสนาย อวยวภูเตน ญาณเงฺคน ปฎิปกฺขวเสเนว ตสฺส ตสฺส ปหาตพฺพธมฺมสฺส ปหานมิทํ ตทงฺคปฺปหานํ นามฯ ยถา กามจฺฉนฺทาทโย น จิตฺตํ ปริยุฎฺฐาย ติฎฺฐนฺติ, เอวํ ปริยุฎฺฐานสฺส นิเสธนํ อปฺปวตฺติกรณํ วิกฺขมฺภนํ วิกฺขมฺภนปฺปหานํฯ ยญฺหิ สเสวาเล อุทเก ปกฺขิเตฺตน ฆเฎน เสวาลสฺส วิย เตน เตน โลกิยสมาธินา นีวรณาทีนํ ปจฺจนีกธมฺมานํ วิกฺขมฺภนมิทํ วิกฺขมฺภนปฺปหานํ นามฯ สมฺมา อุปจฺฉิชฺชนฺติ เอเตน กิเลสาติ สมุเจฺฉโท, ปหียนฺติ เอเตน กิเลสาติ ปหานํ, สมุเจฺฉทสงฺขาตํ ปหานํ นิรวเสสปฺปหานนฺติ สมุเจฺฉทปฺปหานํฯ ยญฺหิ อสนิวิจกฺกาภิหตสฺส รุกฺขสฺส วิย อริยมคฺคญาเณน สํโยชนาทีนํ ธมฺมานํ ยถา น ปุน วตฺตนฺติ, เอวํ ปหานมิทํ สมุเจฺฉทปฺปหานํ นามฯ ปฎิปฺปสฺสมฺภติ วูปสมฺมติ กิเลสทรโถ เอตายาติ ปฎิปฺปสฺสทฺธิ, ผลํ, สาเยว ปหานนฺติ ปฎิปฺปสฺสทฺธิปฺปหานํฯ สเพฺพ กิเลสา สพฺพสงฺขตา วา นิสฺสรนฺติ อปคจฺฉนฺติ เอเตนาติ นิสฺสรณํ, นิพฺพานํ, ตเทว ปหานนฺติ นิสฺสรณปฺปหานํฯ ปฎิปฺปสฺสมฺภยมานนฺติ ปฎิปฺปสฺสมฺภํ กิเลสวูปสมํ กุรุมานํฯ โลกิยโลกุตฺตเรหีติ ตทงฺควิกฺขมฺภนปฺปหานานํ โลกิยตฺตา, อิตเรสํ โลกุตฺตรตฺตา วุตฺตํฯ

    Tadaṅgena, tadaṅgassa pahānaṃ tadaṅgappahānaṃ. Yañhi rattibhāge samujjalitena dīpena andhakārassa viya tena tena vipassanāya avayavabhūtena ñāṇaṅgena paṭipakkhavaseneva tassa tassa pahātabbadhammassa pahānamidaṃ tadaṅgappahānaṃ nāma. Yathā kāmacchandādayo na cittaṃ pariyuṭṭhāya tiṭṭhanti, evaṃ pariyuṭṭhānassa nisedhanaṃ appavattikaraṇaṃ vikkhambhanaṃ vikkhambhanappahānaṃ. Yañhi sasevāle udake pakkhittena ghaṭena sevālassa viya tena tena lokiyasamādhinā nīvaraṇādīnaṃ paccanīkadhammānaṃ vikkhambhanamidaṃ vikkhambhanappahānaṃ nāma. Sammā upacchijjanti etena kilesāti samucchedo, pahīyanti etena kilesāti pahānaṃ, samucchedasaṅkhātaṃ pahānaṃ niravasesappahānanti samucchedappahānaṃ. Yañhi asanivicakkābhihatassa rukkhassa viya ariyamaggañāṇena saṃyojanādīnaṃ dhammānaṃ yathā na puna vattanti, evaṃ pahānamidaṃ samucchedappahānaṃ nāma. Paṭippassambhati vūpasammati kilesadaratho etāyāti paṭippassaddhi, phalaṃ, sāyeva pahānanti paṭippassaddhippahānaṃ. Sabbe kilesā sabbasaṅkhatā vā nissaranti apagacchanti etenāti nissaraṇaṃ, nibbānaṃ, tadeva pahānanti nissaraṇappahānaṃ. Paṭippassambhayamānanti paṭippassambhaṃ kilesavūpasamaṃ kurumānaṃ. Lokiyalokuttarehīti tadaṅgavikkhambhanappahānānaṃ lokiyattā, itaresaṃ lokuttarattā vuttaṃ.

    นิมียติ ผลํ เอเตน อุปฺปชฺชนฎฺฐาเน ปกฺขิปมานํ วิย โหตีติ นิมิตฺตํ, การณเสฺสตํ อธิวจนํฯ อสุภสฺส นิมิตฺตํ, อสุภเมว วา นิมิตฺตนฺติ อสุภนิมิตฺตํฯ อสุภนิสฺสิตมฺปิ หิ ฌานํ นิสฺสิเต นิสฺสยโวหาเรน อสุภนฺติ โวหรียติ ยถา ‘‘มญฺจา อุกฺกุฎฺฐิํ กโรนฺตี’’ติฯ เตเนวาห – ‘‘ทสสุ อสุเภสุ อุปฺปนฺนํ สารมฺมณํ ปฐมชฺฌาน’’นฺติฯ อนิเจฺจ อนิจฺจนฺติอาทินา นเยน วุตฺตสฺสาติ อิมินา จตุพฺพิธํ โยนิโสมนสิการํ ทเสฺสติฯ เหฎฺฐา เจตฺถ อิธ จ จตุพฺพิธสฺส อโยนิโสมนสิการสฺส โยนิโสมนสิการสฺส จ คหณํ นิรวเสสทสฺสนตฺถํ กตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ เตสุ ปน อสุเภ ‘‘อสุภ’’นฺติ มนสิกาโร อิธาธิเปฺปโต, ตทนุกูลตฺตา วา อิตเรสมฺปิ คหณํ ทฎฺฐพฺพํฯ

    Nimīyati phalaṃ etena uppajjanaṭṭhāne pakkhipamānaṃ viya hotīti nimittaṃ, kāraṇassetaṃ adhivacanaṃ. Asubhassa nimittaṃ, asubhameva vā nimittanti asubhanimittaṃ. Asubhanissitampi hi jhānaṃ nissite nissayavohārena asubhanti voharīyati yathā ‘‘mañcā ukkuṭṭhiṃ karontī’’ti. Tenevāha – ‘‘dasasu asubhesu uppannaṃ sārammaṇaṃ paṭhamajjhāna’’nti. Anicce aniccantiādinā nayena vuttassāti iminā catubbidhaṃ yonisomanasikāraṃ dasseti. Heṭṭhā cettha idha ca catubbidhassa ayonisomanasikārassa yonisomanasikārassa ca gahaṇaṃ niravasesadassanatthaṃ katanti daṭṭhabbaṃ. Tesu pana asubhe ‘‘asubha’’nti manasikāro idhādhippeto, tadanukūlattā vā itaresampi gahaṇaṃ daṭṭhabbaṃ.

    เอกาทสสุ อสุเภสุ ปฎิกูลาการสฺส อุคฺคณฺหนํ, ยถา วา ตตฺถ อุคฺคหนิมิตฺตํ อุปฺปชฺชติ, ตถา ปฎิปตฺติ อสุภนิมิตฺตสฺส อุคฺคโหฯ อุปจารปฺปนาวหาย อสุภภาวนาย อนุยุญฺชนํ อสุภภาวนานุโยโคฯ โภชเน มตฺตญฺญุโน ถินมิทฺธาภิภวาภาวา โอตารํ อลภมาโน กามจฺฉโนฺท ปหียตีติ วทนฺติฯ โภชนนิสฺสิตํ ปน อาหาเร ปฎิกูลสญฺญํ, ตพฺพิปริณามสฺส ตทาธารสฺส ตสฺส จ อุทริยภูตสฺส อสุภตาทสฺสนํ, กายสฺส จ อาหารฎฺฐิติกตาทสฺสนํ โย อุปฺปาเทติ, โส วิเสสโต โภชเน ปมาณญฺญู นาม, ตสฺส จ กามจฺฉโนฺท ปหียเตวฯ ทสวิธญฺหิ อสุภนิมิตฺตนฺติ ปากฎวเสน วุตฺตํฯ กายคตาสติํ ปน คเหตฺวา เอกาทสวิธมฺปิ อสุภนิมิตฺตํ เวทิตพฺพํฯ

    Ekādasasu asubhesu paṭikūlākārassa uggaṇhanaṃ, yathā vā tattha uggahanimittaṃ uppajjati, tathā paṭipatti asubhanimittassa uggaho. Upacārappanāvahāya asubhabhāvanāya anuyuñjanaṃ asubhabhāvanānuyogo. Bhojane mattaññuno thinamiddhābhibhavābhāvā otāraṃ alabhamāno kāmacchando pahīyatīti vadanti. Bhojananissitaṃ pana āhāre paṭikūlasaññaṃ, tabbipariṇāmassa tadādhārassa tassa ca udariyabhūtassa asubhatādassanaṃ, kāyassa ca āhāraṭṭhitikatādassanaṃ yo uppādeti, so visesato bhojane pamāṇaññū nāma, tassa ca kāmacchando pahīyateva. Dasavidhañhi asubhanimittanti pākaṭavasena vuttaṃ. Kāyagatāsatiṃ pana gahetvā ekādasavidhampi asubhanimittaṃ veditabbaṃ.

    อภุตฺวา อุทกํ ปิเวติ ปานียสฺส โอกาสทานตฺถํ จตฺตาโร ปญฺจ อาโลเป อภุตฺวา ปานียํ ปิเวยฺยาติ อโตฺถฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘จตุนฺนํ ปญฺจนฺนํ อาโลปานํ โอกาเส สตี’’ติฯ อภิธมฺมฎีกากาเรน ปเนตฺถ ‘‘จตฺตาโร ปญฺจ อาโลเป, ภุตฺวาน อุทกํ ปิเว’’ติ ปาฐํ ปริกเปฺปตฺวา อญฺญถา อโตฺถ วณฺณิโต, โส อฎฺฐกถาย น สเมติฯ อสุภกมฺมิกติสฺสเตฺถโร ทนฺตฎฺฐิทสฺสาวีฯ

    Abhutvā udakaṃ piveti pānīyassa okāsadānatthaṃ cattāro pañca ālope abhutvā pānīyaṃ piveyyāti attho. Tena vuttaṃ – ‘‘catunnaṃpañcannaṃ ālopānaṃ okāse satī’’ti. Abhidhammaṭīkākārena panettha ‘‘cattāro pañca ālope, bhutvāna udakaṃ pive’’ti pāṭhaṃ parikappetvā aññathā attho vaṇṇito, so aṭṭhakathāya na sameti. Asubhakammikatissatthero dantaṭṭhidassāvī.

    ๑๗. สตฺตเม มิชฺชติ หิตผรณวเสน สินิยฺหตีติ มิโตฺต, หิเตสี ปุคฺคโล, ตสฺมิํ มิเตฺต ภวา, มิตฺตสฺส วา เอสาติ เมตฺตา, หิเตสิตาฯ ตตฺถ ‘‘เมตฺตา’’ติ วุเตฺต อปฺปนาปิ อุปจาโรปิ วฎฺฎติ สาธารณวจนภาวโตติ อาห – ‘‘เมตฺตาติ เอตฺตาวตา ปุพฺพภาโคปิ วฎฺฎตี’’ติฯ อปิ-สโทฺท อปฺปนํ สมฺปิเณฺฑติฯ อปฺปนํ อปฺปตฺตาย เมตฺตาย สุฎฺฐุ มุจฺจนสฺส อภาวโต เจโตวิมุตฺตีติ ‘‘อปฺปนาว อธิเปฺปตา’’ติ วุตฺตํฯ

    17. Sattame mijjati hitapharaṇavasena siniyhatīti mitto, hitesī puggalo, tasmiṃ mitte bhavā, mittassa vā esāti mettā, hitesitā. Tattha ‘‘mettā’’ti vutte appanāpi upacāropi vaṭṭati sādhāraṇavacanabhāvatoti āha – ‘‘mettāti ettāvatā pubbabhāgopi vaṭṭatī’’ti. Api-saddo appanaṃ sampiṇḍeti. Appanaṃ appattāya mettāya suṭṭhu muccanassa abhāvato cetovimuttīti ‘‘appanāva adhippetā’’ti vuttaṃ.

    สเตฺตสุ เมตฺตายนสฺส หิตูปสํหารสฺส อุปฺปาทนํ ปวตฺตนํ เมตฺตานิมิตฺตสฺส อุคฺคโหฯ ปฐมุปฺปโนฺน เมตฺตามนสิกาโร ปรโต อุปฺปชฺชนกสฺส การณภาวโต เมตฺตามนสิกาโรว เมตฺตานิมิตฺตํฯ กมฺมํเยว สกํ เอเตสนฺติ กมฺมสฺสกา, สตฺตา, ตพฺภาโว กมฺมสฺสกตา, กมฺมทายาทตาฯ โทสเมตฺตาสุ ยาถาวโต อาทีนวานิสํสานํ ปฎิสงฺขานวีมํสา อิธ ปฎิสงฺขานํฯ เมตฺตาวิหารีกลฺยาณมิตฺตวนฺตตา อิธ กลฺยาณมิตฺตตาฯ โอทิสฺสกอโนทิสฺสกทิสาผรณานนฺติ อตฺตอติปิยมชฺฌตฺตเวริวเสน โอทิสฺสกตา, สีมาสเมฺภเท กเต อโนทิสฺสกตา, เอกาทิทิสาผรณวเสน ทิสาผรณตา เมตฺตาย อุคฺคหเณ เวทิตพฺพาฯ วิหารรจฺฉคามาทิวเสน วา โอทิสฺสกทิสาผรณํฯ วิหาราทิอุเทฺทสรหิตํ ปุรตฺถิมาทิทิสาวเสน อโนทิสฺสกทิสาผรณํฯ เอวํ วา ทฺวิธา อุคฺคหณํ สนฺธาย – ‘‘โอทิสฺสกอโนทิสฺสกทิสาผรณ’’นฺติ วุตฺตํฯ อุคฺคโห จ ยาว อุปจารา ทฎฺฐโพฺพฯ อุคฺคหิตาย อาเสวนา ภาวนาฯ ตตฺถ สเพฺพ สตฺตา, ปาณา, ภูตา, ปุคฺคลา, อตฺตภาวปริยาปนฺนาติ เอเตสํ วเสน ปญฺจวิธาฯ เอเกกสฺมิํ อเวรา โหนฺตุ, อพฺยาปชฺฌา, อนีฆา, สุขี อตฺตานํ ปริหรนฺตูติ จตุธา ปวตฺติโต วีสติวิธา อโนธิโสผรณา เมตฺตาฯ สพฺพา อิตฺถิโย, ปุริสา, อริยา, อนริยา, เทวา, มนุสฺสา, วินิปาติกาติ สตฺตาธิกรณวเสน ปวตฺตา สตฺตวิธา อฎฺฐวีสติวิธา วา, ทสหิ ทิสาหิ ทิสาธิกรณวเสน ปวตฺตา ทสวิธา จ, เอเกกาย วา ทิสาย สตฺตาทิอิตฺถาทิอเวราทิเภเทน อสีตาธิกจตุสตปฺปเภทา จ โอธิโสผรณา เวทิตพฺพาฯ เมตฺตํ ภาเวนฺตสฺสาติ เมตฺตาฌานํ ภาเวนฺตสฺสฯ ตฺวํ เอตสฺส กุโทฺธติอาทิ ปจฺจเวกฺขณาวิธิทสฺสนํฯ อปฺปฎิจฺฉิตปเหณกํ วิยาติ อสมฺปฎิจฺฉิตปณฺณาการํ วิยฯ ปฎิสงฺขาเนติ วีมํสายํฯ วตฺตนิอฎวิยํ อตฺตคุตฺตเตฺถรสทิเส

    Sattesu mettāyanassa hitūpasaṃhārassa uppādanaṃ pavattanaṃ mettānimittassa uggaho. Paṭhamuppanno mettāmanasikāro parato uppajjanakassa kāraṇabhāvato mettāmanasikārova mettānimittaṃ. Kammaṃyeva sakaṃ etesanti kammassakā, sattā, tabbhāvo kammassakatā, kammadāyādatā. Dosamettāsu yāthāvato ādīnavānisaṃsānaṃ paṭisaṅkhānavīmaṃsā idha paṭisaṅkhānaṃ. Mettāvihārīkalyāṇamittavantatā idha kalyāṇamittatā. Odissakaanodissakadisāpharaṇānanti attaatipiyamajjhattaverivasena odissakatā, sīmāsambhede kate anodissakatā, ekādidisāpharaṇavasena disāpharaṇatā mettāya uggahaṇe veditabbā. Vihāraracchagāmādivasena vā odissakadisāpharaṇaṃ. Vihārādiuddesarahitaṃ puratthimādidisāvasena anodissakadisāpharaṇaṃ. Evaṃ vā dvidhā uggahaṇaṃ sandhāya – ‘‘odissakaanodissakadisāpharaṇa’’nti vuttaṃ. Uggaho ca yāva upacārā daṭṭhabbo. Uggahitāya āsevanā bhāvanā. Tattha sabbe sattā, pāṇā, bhūtā, puggalā, attabhāvapariyāpannāti etesaṃ vasena pañcavidhā. Ekekasmiṃ averā hontu, abyāpajjhā, anīghā, sukhī attānaṃ pariharantūti catudhā pavattito vīsatividhā anodhisopharaṇā mettā. Sabbā itthiyo, purisā, ariyā, anariyā, devā, manussā, vinipātikāti sattādhikaraṇavasena pavattā sattavidhā aṭṭhavīsatividhā vā, dasahi disāhi disādhikaraṇavasena pavattā dasavidhā ca, ekekāya vā disāya sattādiitthādiaverādibhedena asītādhikacatusatappabhedā ca odhisopharaṇā veditabbā. Mettaṃ bhāventassāti mettājhānaṃ bhāventassa. Tvaṃ etassa kuddhotiādi paccavekkhaṇāvidhidassanaṃ. Appaṭicchitapaheṇakaṃ viyāti asampaṭicchitapaṇṇākāraṃ viya. Paṭisaṅkhāneti vīmaṃsāyaṃ. Vattaniaṭaviyaṃ attaguttattherasadise.

    ๑๘. อฎฺฐเม กุสลธมฺมสมฺปฎิปตฺติยา ปฎฺฐปนสภาวตาย ตปฺปฎิปกฺขานํ วิโสสนสภาวตาย จ อารมฺภธาตุอาทิโต ปวตฺตวีริยนฺติ อาห – ‘‘ปฐมารมฺภวีริย’’นฺติฯ ยสฺมา ปฐมารมฺภมตฺตสฺส โกสชฺชวิธมนํ ถามคมนญฺจ นตฺถิ, ตสฺมา วุตฺตํ – ‘‘โกสชฺชโต นิกฺขนฺตตฺตา ตโต พลวตร’’นฺติฯ ยสฺมา ปน อปราปรุปฺปตฺติยา ลทฺธาเสวนํ อุปรูปริ วิเสสํ อาวหนฺตํ อติวิย ถามคตเมว โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ – ‘‘ปรํ ปรํ ฐานํ อกฺกมนโต ตโตปิ พลวตร’’นฺติฯ ปนูทนายาติ นีหรณายฯ ยถา มหโต ปลิฆสฺส อุคฺฆาฎกชนสฺส มหโนฺต อุสฺสาโห อิจฺฉิตโพฺพ, เอวมิธาปีติ ‘‘นิกฺกโม เจตโส ปลิฆุคฺฆาฎนายา’’ติ วุตฺตํฯ มหาปรกฺกโม เอว ปเรน กตํ พนฺธนํ ฉิเนฺทยฺย, เอวมิธาปีติ วุตฺตํ – ‘‘ปรกฺกโม เจตโส พนฺธนเจฺฉทนายา’’ติฯ

    18. Aṭṭhame kusaladhammasampaṭipattiyā paṭṭhapanasabhāvatāya tappaṭipakkhānaṃ visosanasabhāvatāya ca ārambhadhātuādito pavattavīriyanti āha – ‘‘paṭhamārambhavīriya’’nti. Yasmā paṭhamārambhamattassa kosajjavidhamanaṃ thāmagamanañca natthi, tasmā vuttaṃ – ‘‘kosajjato nikkhantattā tato balavatara’’nti. Yasmā pana aparāparuppattiyā laddhāsevanaṃ uparūpari visesaṃ āvahantaṃ ativiya thāmagatameva hoti, tasmā vuttaṃ – ‘‘paraṃ paraṃ ṭhānaṃ akkamanato tatopi balavatara’’nti. Panūdanāyāti nīharaṇāya. Yathā mahato palighassa ugghāṭakajanassa mahanto ussāho icchitabbo, evamidhāpīti ‘‘nikkamo cetaso palighugghāṭanāyā’’ti vuttaṃ. Mahāparakkamo eva parena kataṃ bandhanaṃ chindeyya, evamidhāpīti vuttaṃ – ‘‘parakkamo cetaso bandhanacchedanāyā’’ti.

    อารทฺธํ สํสาธิตํ ปริปูริตํ วีริยํ เอตสฺสาติ อารทฺธวีริโย, นิปฺผนฺนวีริโย, อารทฺธํ ปฎฺฐปิตํ วีริยํ เอตสฺสาติ อารทฺธวีริโยฯ วีริยารมฺภปฺปสุโตติ อาห – ‘‘อารทฺธวีริยสฺสาติ ปริปุณฺณวีริยสฺสเจว ปคฺคหิตวีริยสฺส จา’’ติฯ จตุโทสาปคตนฺติ อติลีนตาทีหิ จตูหิ โทเสหิ อปคตํฯ จตุโทสาปคตตฺตเมว วิภาเวติ ‘‘น จ อติลีน’’นฺติอาทินาฯ อติลีนญฺหิ ภาวนาจิตฺตํ โกสชฺชปกฺขิกํ สิยา, อติปคฺคหิตญฺจ อุทฺธจฺจปกฺขิกํฯ ภาวนาวีถิํ อนโชฺฌคาเหตฺวา สโงฺกจาปตฺติ อติลีนตาฯ อโชฺฌคาเหตฺวา อโนฺตสโงฺกโจ อชฺฌตฺตํ สํขิตฺตตาฯ อติปคฺคหิตตา อจฺจารทฺธวีริยตาฯ พหิทฺธา วิกฺขิตฺตตา พหิวิสฎวิตกฺกานุธาวนาฯ ตเทตํ วีริยํ จงฺกมาทิกายิกปฺปโยคาวหํ กายิกํ, ตทญฺญํ เจตสิกํฯ รตฺติทิวสฺส ปญฺจ โกฎฺฐาเสติ ปุพฺพณฺหสายนฺหปฐมมชฺฌิมปจฺฉิมยามสงฺขาเต ปญฺจ โกฎฺฐาเสฯ ตทุภยมฺปีติ กายิกํ เจตสิกญฺจ วีริยํฯ มิลกฺขติสฺสเตฺถรสฺส มหาสีวเตฺถรสฺส จ วตฺถุ เหฎฺฐา ทสฺสิตเมวฯ

    Āraddhaṃ saṃsādhitaṃ paripūritaṃ vīriyaṃ etassāti āraddhavīriyo, nipphannavīriyo, āraddhaṃ paṭṭhapitaṃ vīriyaṃ etassāti āraddhavīriyo. Vīriyārambhappasutoti āha – ‘‘āraddhavīriyassāti paripuṇṇavīriyassaceva paggahitavīriyassa cā’’ti. Catudosāpagatanti atilīnatādīhi catūhi dosehi apagataṃ. Catudosāpagatattameva vibhāveti ‘‘na ca atilīna’’ntiādinā. Atilīnañhi bhāvanācittaṃ kosajjapakkhikaṃ siyā, atipaggahitañca uddhaccapakkhikaṃ. Bhāvanāvīthiṃ anajjhogāhetvā saṅkocāpatti atilīnatā. Ajjhogāhetvā antosaṅkoco ajjhattaṃ saṃkhittatā. Atipaggahitatā accāraddhavīriyatā. Bahiddhā vikkhittatā bahivisaṭavitakkānudhāvanā. Tadetaṃ vīriyaṃ caṅkamādikāyikappayogāvahaṃ kāyikaṃ, tadaññaṃ cetasikaṃ. Rattidivassa pañca koṭṭhāseti pubbaṇhasāyanhapaṭhamamajjhimapacchimayāmasaṅkhāte pañca koṭṭhāse. Tadubhayampīti kāyikaṃ cetasikañca vīriyaṃ. Milakkhatissattherassa mahāsīvattherassa ca vatthu heṭṭhā dassitameva.

    ปีติมลฺลกเตฺถรสฺส วตฺถุ ปน เอวํ เวทิตพฺพํฯ โส กิร คิหิกาเล มลฺลยุทฺธาย อาหิณฺฑโนฺต ตีสุ รเชฺชสุ ปฎากํ คเหตฺวา ตมฺพปณฺณิทีปํ อาคมฺม ราชานํ ทิสฺวา รญฺญา กตานุคฺคโห เอกทิวสํ กิลญฺจกาสนสาลาทฺวาเรน คจฺฉโนฺต ‘‘รูปํ, ภิกฺขเว, น ตุมฺหากํ, ตํ ปชหถ, ตํ โว ปหีนํ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย ภวิสฺสตี’’ติ (สํ. นิ. ๓.๓๓-๓๔; ๔.๑๐๒; ม. นิ. ๑.๒๔๗) นตุมฺหากวคฺคํ สุตฺวา จิเนฺตสิ – ‘‘เนว กิร รูปํ อตฺตโน, น เวทนา’’ติฯ โส ตํเยว องฺกุสํ กตฺวา นิกฺขมิตฺวา มหาวิหารํ คนฺตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจิตฺวา ปพฺพชิโต อุปสมฺปโนฺน เทฺวมาติกา ปคุณํ กตฺวา ติํส ภิกฺขู คเหตฺวา อวรวาลิยองฺคณํ คนฺตฺวา สมณธมฺมํ อกาสิฯ ปาเทสุ อวหเนฺตสุ ชณฺณุเกหิ จงฺกมติฯ ตเมนํ รตฺติํ เอโก มิคลุทฺทโก ‘‘มิโค’’ติ มญฺญมาโน ปหริ, สตฺติ วินิวิชฺฌิตฺวา คตาฯ โส ตํ สตฺติํ หราเปตฺวา ปหารมุขานิ ติณวฎฺฎิยา ปูราเปตฺวา ปาสาณปิฎฺฐิยํ อตฺตานํ นิสีทาเปตฺวา โอกาสํ กาเรตฺวา วิปสฺสนํ วเฑฺฒตฺวา สห ปฎิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปตฺวา อุกฺกาสิตสเทฺทน อาคตานํ ภิกฺขูนํ พฺยากริตฺวา อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ –

    Pītimallakattherassa vatthu pana evaṃ veditabbaṃ. So kira gihikāle mallayuddhāya āhiṇḍanto tīsu rajjesu paṭākaṃ gahetvā tambapaṇṇidīpaṃ āgamma rājānaṃ disvā raññā katānuggaho ekadivasaṃ kilañcakāsanasālādvārena gacchanto ‘‘rūpaṃ, bhikkhave, na tumhākaṃ, taṃ pajahatha, taṃ vo pahīnaṃ dīgharattaṃ hitāya sukhāya bhavissatī’’ti (saṃ. ni. 3.33-34; 4.102; ma. ni. 1.247) natumhākavaggaṃ sutvā cintesi – ‘‘neva kira rūpaṃ attano, na vedanā’’ti. So taṃyeva aṅkusaṃ katvā nikkhamitvā mahāvihāraṃ gantvā pabbajjaṃ yācitvā pabbajito upasampanno dvemātikā paguṇaṃ katvā tiṃsa bhikkhū gahetvā avaravāliyaaṅgaṇaṃ gantvā samaṇadhammaṃ akāsi. Pādesu avahantesu jaṇṇukehi caṅkamati. Tamenaṃ rattiṃ eko migaluddako ‘‘migo’’ti maññamāno pahari, satti vinivijjhitvā gatā. So taṃ sattiṃ harāpetvā pahāramukhāni tiṇavaṭṭiyā pūrāpetvā pāsāṇapiṭṭhiyaṃ attānaṃ nisīdāpetvā okāsaṃ kāretvā vipassanaṃ vaḍḍhetvā saha paṭisambhidāhi arahattaṃ patvā ukkāsitasaddena āgatānaṃ bhikkhūnaṃ byākaritvā imaṃ udānaṃ udānesi –

    ‘‘ภาสิตํ พุทฺธเสฎฺฐสฺส, สพฺพโลกคฺควาทิโน;

    ‘‘Bhāsitaṃ buddhaseṭṭhassa, sabbalokaggavādino;

    น ตุมฺหากํ อิทํ รูปํ, ตํ ชเหยฺยาถ ภิกฺขโวฯ (ที. นิ. อฎฺฐ. ๒.๓๗๓; ม. นิ. อฎฺฐ. ๑.๑๐๖);

    Na tumhākaṃ idaṃ rūpaṃ, taṃ jaheyyātha bhikkhavo. (dī. ni. aṭṭha. 2.373; ma. ni. aṭṭha. 1.106);

    ‘‘อนิจฺจา วต สงฺขารา, อุปฺปาทวยธมฺมิโน;

    ‘‘Aniccā vata saṅkhārā, uppādavayadhammino;

    อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุชฺฌนฺติ, เตสํ วูปสโม สุโข’’ติฯ (ที. นิ. อฎฺฐ. ๒.๓๗๓; ม. นิ. อฎฺฐ. ๑.๑๐๖; เถรคา. ๑๑๖๘);

    Uppajjitvā nirujjhanti, tesaṃ vūpasamo sukho’’ti. (dī. ni. aṭṭha. 2.373; ma. ni. aṭṭha. 1.106; theragā. 1168);

    กุฎุมฺพิยปุตฺตติสฺสเตฺถรสฺสปิ วตฺถุ เอวํ เวทิตพฺพํฯ สาวตฺถิยํ กิร ติโสฺส นาม กุฎุมฺพิยปุโตฺต จตฺตาลีส หิรญฺญโกฎิโย ปหาย ปพฺพชิตฺวา อคามเก อรเญฺญ วิหรติ, ตสฺส กนิฎฺฐภาตุภริยา ‘‘คจฺฉถ, นํ ชีวิตา โวโรเปถา’’ติ ปญฺจสเต โจเร เปเสสิ, เต คนฺตฺวา เถรํ ปริวาเรตฺวา นิสีทิํสุฯ เถโร อาห – ‘‘กสฺมา อาคตตฺถ อุปาสกา’’ติ? ตํ ชีวิตา โวโรเปสฺสามาติฯ ปาฎิโภคํ เม อุปาสกา คเหตฺวา อเชฺชกรตฺติํ ชีวิตํ เทถาติฯ โก เต, สมณ, อิมสฺมิํ ฐาเน ปาฎิโภโค ภวิสฺสตีติ? เถโร มหนฺตํ ปาสาณํ คเหตฺวา อูรุฎฺฐีนิ ภินฺทิตฺวา ‘‘วฎฺฎติ อุปาสกา ปาฎิโภโค’’ติ อาหฯ เต อปกฺกมิตฺวา จงฺกมนสีเส อคฺคิํ กตฺวา นิปชฺชิํสุฯ เถรสฺส เวทนํ วิกฺขเมฺภตฺวา สีลํ ปจฺจเวกฺขโต ปริสุทฺธสีลํ นิสฺสาย ปีติปาโมชฺชํ อุปฺปชฺชิฯ ตโต อนุกฺกเมน วิปสฺสนํ วเฑฺฒโนฺต ติยามรตฺติํ สมณธมฺมํ กตฺวา อรุณุคฺคมเน อรหตฺตํ ปโตฺต อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ –

    Kuṭumbiyaputtatissattherassapi vatthu evaṃ veditabbaṃ. Sāvatthiyaṃ kira tisso nāma kuṭumbiyaputto cattālīsa hiraññakoṭiyo pahāya pabbajitvā agāmake araññe viharati, tassa kaniṭṭhabhātubhariyā ‘‘gacchatha, naṃ jīvitā voropethā’’ti pañcasate core pesesi, te gantvā theraṃ parivāretvā nisīdiṃsu. Thero āha – ‘‘kasmā āgatattha upāsakā’’ti? Taṃ jīvitā voropessāmāti. Pāṭibhogaṃ me upāsakā gahetvā ajjekarattiṃ jīvitaṃ dethāti. Ko te, samaṇa, imasmiṃ ṭhāne pāṭibhogo bhavissatīti? Thero mahantaṃ pāsāṇaṃ gahetvā ūruṭṭhīni bhinditvā ‘‘vaṭṭati upāsakā pāṭibhogo’’ti āha. Te apakkamitvā caṅkamanasīse aggiṃ katvā nipajjiṃsu. Therassa vedanaṃ vikkhambhetvā sīlaṃ paccavekkhato parisuddhasīlaṃ nissāya pītipāmojjaṃ uppajji. Tato anukkamena vipassanaṃ vaḍḍhento tiyāmarattiṃ samaṇadhammaṃ katvā aruṇuggamane arahattaṃ patto imaṃ udānaṃ udānesi –

    ‘‘อุโภ ปาทานิ ภินฺทิตฺวา, สญฺญเปสฺสามิ โว อหํ;

    ‘‘Ubho pādāni bhinditvā, saññapessāmi vo ahaṃ;

    อฎฺฎิยามิ หรายามิ, สราคมรณํ อหํฯ

    Aṭṭiyāmi harāyāmi, sarāgamaraṇaṃ ahaṃ.

    ‘‘เอวาหํ จินฺตยิตฺวาน, ยถาภูตํ วิปสฺสิสํ;

    ‘‘Evāhaṃ cintayitvāna, yathābhūtaṃ vipassisaṃ;

    สมฺปเตฺต อรุณุคฺคมฺหิ, อรหตฺตํ อปาปุณิ’’นฺติฯ (วิสุทฺธิ. ๑.๒๐; ที. นิ. อฎฺฐ. ๒.๓๗๓; ม. นิ. อฎฺฐ. ๑.๑๐๖);

    Sampatte aruṇuggamhi, arahattaṃ apāpuṇi’’nti. (visuddhi. 1.20; dī. ni. aṭṭha. 2.373; ma. ni. aṭṭha. 1.106);

    อติโภชเน นิมิตฺตคฺคาโหติ อติโภชเน ถินมิทฺธสฺส นิมิตฺตคฺคาโห, ‘‘เอตฺตเก ภุเตฺต ตํ โภชนํ ถินมิทฺธสฺส การณํ โหติ, เอตฺตเก น โหตี’’ติ ถินมิทฺธสฺส การณาการณคฺคาโห โหตีติ อโตฺถฯ พฺยติเรกวเสน เจตํ วุตฺตํ, ตสฺมา เอตฺตเก ภุเตฺต ตํ โภชนํ ถินมิทฺธสฺส การณํ น โหตีติ โภชเน มตฺตญฺญุตาว อตฺถโต ทสฺสิตาติ ทฎฺฐพฺพํฯ เตนาห – ‘‘จตุปญฺจ…เป.… ตํ น โหตี’’ติฯ ทิวา สูริยาโลกนฺติ ทิวา คหิตนิมิตฺตํ สูริยาโลกํ รตฺติยํ มนสิกโรนฺตสฺสปีติ เอวเมตฺถ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ ธุตงฺคานํ วีริยนิสฺสิตตฺตา วุตฺตํ – ‘‘ธุตงฺคนิสฺสิตสปฺปายกถายปี’’ติฯ

    Atibhojanenimittaggāhoti atibhojane thinamiddhassa nimittaggāho, ‘‘ettake bhutte taṃ bhojanaṃ thinamiddhassa kāraṇaṃ hoti, ettake na hotī’’ti thinamiddhassa kāraṇākāraṇaggāho hotīti attho. Byatirekavasena cetaṃ vuttaṃ, tasmā ettake bhutte taṃ bhojanaṃ thinamiddhassa kāraṇaṃ na hotīti bhojane mattaññutāva atthato dassitāti daṭṭhabbaṃ. Tenāha – ‘‘catupañca…pe… taṃ na hotī’’ti. Divā sūriyālokanti divā gahitanimittaṃ sūriyālokaṃ rattiyaṃ manasikarontassapīti evamettha attho veditabbo. Dhutaṅgānaṃ vīriyanissitattā vuttaṃ – ‘‘dhutaṅganissitasappāyakathāyapī’’ti.

    ๑๙. นวเม ฌาเนน วา วิปสฺสนาย วา วูปสมิตจิตฺตสฺสาติ ฌาเนน วา วิปสฺสนาย วา อวูปสมกรกิเลสวิคมเนน วูปสมิตจิตฺตสฺสฯ กุกฺกุจฺจมฺปิ กตากตานุโสจนวเสน ปวตฺตมานํ เจตโส อวูปสมาวหตาย อุทฺธเจฺจน สมานลกฺขณนฺติ อุภยสฺส ปหานการณํ อภินฺนํ กตฺวา วุตฺตํฯ พหุสฺสุตสฺส คนฺถโต อตฺถโต จ สุตฺตาทีนิ วิจาเรนฺตสฺส ตพฺพหุลวิหาริโน อตฺถเวทาทิปฺปฎิลาภสมฺภวโต วิเกฺขโป น โหติฯ ยถา วิธิปฺปฎิปตฺติยา ยถานุรูปปตฺติการปฺปวตฺติยา จ วิเกฺขโป จ กตากตานุโสจนญฺจ น โหตีติ ‘‘พาหุสเจฺจนปิ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ ปหียตี’’ติ อาหฯ ยทเคฺคน พาหุสเจฺจน อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ ปหียติ, ตทเคฺคน ปริปุจฺฉกตาวินยปฺปกตญฺญุตาหิปิ ตํ ปหียตีติ ทฎฺฐพฺพํฯ วุทฺธเสวิตา จ วุทฺธสีลิตํ อาวหตีติ เจตโส วูปสมกรตฺตา ‘‘อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจปฺปหานการี’’ติ วุตฺตํ, วุทฺธตํ ปน อนเปกฺขิตฺวา กุกฺกุจฺจวิโนทกา วินยธรา กลฺยาณมิตฺตาติ วุตฺตาติ ทฎฺฐพฺพํฯ วิเกฺขโป จ ปพฺพชิตานํ เยภุเยฺยน กุกฺกุจฺจเหตุโก โหตีติ ‘‘กปฺปิยากปฺปิยปริปุจฺฉาพหุลสฺสา’’ติอาทินา วินยนเยเนว ปริปุจฺฉกตาทโย นิทฺทิฎฺฐาฯ

    19. Navame jhānena vā vipassanāya vā vūpasamitacittassāti jhānena vā vipassanāya vā avūpasamakarakilesavigamanena vūpasamitacittassa. Kukkuccampi katākatānusocanavasena pavattamānaṃ cetaso avūpasamāvahatāya uddhaccena samānalakkhaṇanti ubhayassa pahānakāraṇaṃ abhinnaṃ katvā vuttaṃ. Bahussutassa ganthato atthato ca suttādīni vicārentassa tabbahulavihārino atthavedādippaṭilābhasambhavato vikkhepo na hoti. Yathā vidhippaṭipattiyā yathānurūpapattikārappavattiyā ca vikkhepo ca katākatānusocanañca na hotīti ‘‘bāhusaccenapi uddhaccakukkuccaṃ pahīyatī’’ti āha. Yadaggena bāhusaccena uddhaccakukkuccaṃ pahīyati, tadaggena paripucchakatāvinayappakataññutāhipi taṃ pahīyatīti daṭṭhabbaṃ. Vuddhasevitā ca vuddhasīlitaṃ āvahatīti cetaso vūpasamakarattā ‘‘uddhaccakukkuccappahānakārī’’ti vuttaṃ, vuddhataṃ pana anapekkhitvā kukkuccavinodakā vinayadharā kalyāṇamittāti vuttāti daṭṭhabbaṃ. Vikkhepo ca pabbajitānaṃ yebhuyyena kukkuccahetuko hotīti ‘‘kappiyākappiyaparipucchābahulassā’’tiādinā vinayanayeneva paripucchakatādayo niddiṭṭhā.

    ๒๐. ทสเม พหุสฺสุตานํ ธมฺมสภาวาวโพธสมฺภวโต วิจิกิจฺฉา อนวกาสา เอวาติ อาห – ‘‘พาหุสเจฺจนปิ…เป.… วิจิกิจฺฉา ปหียตี’’ติฯ กามํ พาหุสจฺจปริปุจฺฉกตาหิ สพฺพาปิ อฎฺฐวตฺถุกา วิจิกิจฺฉา ปหียติ, ตถาปิ รตนตฺตยวิจิกิจฺฉามูลิกา เสสวิจิกิจฺฉาติ อาห – ‘‘ตีณิ รตนานิ อารพฺภ ปริปุจฺฉาพหุลสฺสปี’’ติฯ รตนตฺตยคุณาวโพเธหิ ‘‘สตฺถริ กงฺขตี’’ติอาทิวิจิกิจฺฉาย อสมฺภโวติฯ วินเย ปกตญฺญุตา ‘‘สิกฺขาย กงฺขตี’’ติ (ธ. ส. ๑๐๐๘; วิภ. ๙๑๕) วุตฺตาย วิจิกิจฺฉาย ปหานํ กโรตีติ อาห – ‘‘วินเย จิณฺณวสีภาวสฺสปี’’ติฯ โอกปฺปนิยสทฺธาสงฺขาตอธิโมกฺขพหุลสฺสาติ สเทฺธยฺยวตฺถุโน อนุปฺปวิสนสทฺธาสงฺขาตอธิโมเกฺขน อธิมุจฺจนพหุลสฺสฯ อธิมุจฺจนญฺจ อธิโมกฺขุปฺปาทนเมวาติ ทฎฺฐพฺพํฯ สทฺธาย วา ตํนินฺนโปณตา อธิมุตฺติ อธิโมโกฺข ฯ นีวรณานํ ปจฺจยสฺส เจว ปจฺจยฆาตสฺส จ วิภาวิตตฺตา วุตฺตํ – ‘‘วฎฺฎวิวฎฺฎํ กถิต’’นฺติฯ

    20. Dasame bahussutānaṃ dhammasabhāvāvabodhasambhavato vicikicchā anavakāsā evāti āha – ‘‘bāhusaccenapi…pe… vicikicchā pahīyatī’’ti. Kāmaṃ bāhusaccaparipucchakatāhi sabbāpi aṭṭhavatthukā vicikicchā pahīyati, tathāpi ratanattayavicikicchāmūlikā sesavicikicchāti āha – ‘‘tīṇi ratanāni ārabbha paripucchābahulassapī’’ti. Ratanattayaguṇāvabodhehi ‘‘satthari kaṅkhatī’’tiādivicikicchāya asambhavoti. Vinaye pakataññutā ‘‘sikkhāya kaṅkhatī’’ti (dha. sa. 1008; vibha. 915) vuttāya vicikicchāya pahānaṃ karotīti āha – ‘‘vinaye ciṇṇavasībhāvassapī’’ti. Okappaniyasaddhāsaṅkhātaadhimokkhabahulassāti saddheyyavatthuno anuppavisanasaddhāsaṅkhātaadhimokkhena adhimuccanabahulassa. Adhimuccanañca adhimokkhuppādanamevāti daṭṭhabbaṃ. Saddhāya vā taṃninnapoṇatā adhimutti adhimokkho . Nīvaraṇānaṃ paccayassa ceva paccayaghātassa ca vibhāvitattā vuttaṃ – ‘‘vaṭṭavivaṭṭaṃ kathita’’nti.

    นีวรณปฺปหานวคฺควณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Nīvaraṇappahānavaggavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya / ๒. นีวรณปฺปหานวโคฺค • 2. Nīvaraṇappahānavaggo

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๒. นีวรณปฺปหานวคฺควณฺณนา • 2. Nīvaraṇappahānavaggavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact