Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ธมฺมสงฺคณี-มูลฎีกา • Dhammasaṅgaṇī-mūlaṭīkā |
โนอุปาทาภาชนียกถาวณฺณนา
Noupādābhājanīyakathāvaṇṇanā
๖๔๖. น อุปาทิยเตวาติ น นิสฺสยติ เอว, กินฺตุ นิสฺสยติ จ นิสฺสียติ จาติ อโตฺถฯ
646. Na upādiyatevāti na nissayati eva, kintu nissayati ca nissīyati cāti attho.
๖๔๗. ปุริมา ปนาติ ปญฺจวิธสงฺคเห ปถวีธาตุอาโปธาตุเตโชธาตุวาโยธาตูนํ ปุริมุเทฺทสวเสน วุตฺตํฯ โผฎฺฐพฺพายตนนิเทฺทเส วา วุตฺตานํ ปถวีธาตุอาทีนํ ปุริมา อุเทฺทเส วุตฺตา อาโปธาตูติ อธิปฺปาโย, วุตฺตสฺส วา โผฎฺฐพฺพายตนสฺส อตีตตาย ปจฺฉิมตา, อนาคตตาย จ อาโปธาตุยา ปุริมตา วุตฺตาติ ทฎฺฐพฺพาฯ อายูติ ชีวิตินฺทฺริยํฯ กมฺมชเตชํ อุสฺมาฯ ยํ กิญฺจิ ธาตุํ…เป.… เอกปฺปหาเรน นุปฺปชฺชตีติ เอกสฺมิํ ขเณ อเนกาสุ ปถวีสุ อาปาถคตาสุ ตาสุ ตาสุ สห นุปฺปชฺชติ, ตถา เตชวายูสุ จาติ อโตฺถฯ อเนเกสุ อารมฺมเณสุ สนฺนิปติเตสุ อาภุชิตวเสน อารมฺมณปสาทาธิมตฺตตาวเสน จ ปฐมํ กตฺถจิ อุปฺปตฺติ ทสฺสิตา, อญฺญตฺถ จ ปน อุปฺปตฺติ อตฺถิ เอวฯ สายํ อารมฺมณโต อารมฺมณนฺตรสงฺกนฺติ เยน อุปาเยน โหติ, ตสฺส วิชานนตฺถํ ปุจฺฉติ ‘‘กถํ ปน จิตฺตสฺส อารมฺมณโต สงฺกนฺติ โหตี’’ติฯ
647. Purimā panāti pañcavidhasaṅgahe pathavīdhātuāpodhātutejodhātuvāyodhātūnaṃ purimuddesavasena vuttaṃ. Phoṭṭhabbāyatananiddese vā vuttānaṃ pathavīdhātuādīnaṃ purimā uddese vuttā āpodhātūti adhippāyo, vuttassa vā phoṭṭhabbāyatanassa atītatāya pacchimatā, anāgatatāya ca āpodhātuyā purimatā vuttāti daṭṭhabbā. Āyūti jīvitindriyaṃ. Kammajatejaṃ usmā. Yaṃ kiñci dhātuṃ…pe… ekappahārena nuppajjatīti ekasmiṃ khaṇe anekāsu pathavīsu āpāthagatāsu tāsu tāsu saha nuppajjati, tathā tejavāyūsu cāti attho. Anekesu ārammaṇesu sannipatitesu ābhujitavasena ārammaṇapasādādhimattatāvasena ca paṭhamaṃ katthaci uppatti dassitā, aññattha ca pana uppatti atthi eva. Sāyaṃ ārammaṇato ārammaṇantarasaṅkanti yena upāyena hoti, tassa vijānanatthaṃ pucchati ‘‘kathaṃ pana cittassa ārammaṇato saṅkanti hotī’’ti.
๖๕๑. อยปิณฺฑิอาทีสุ ปถวีธาตุ ตาทิสาย อาโปธาตุยา อนาพทฺธา สนฺตี วิสเรยฺย, ตสฺมา ‘‘ตานิ อาโปธาตุ อาพนฺธิตฺวา พทฺธานิ กโรตี’’ติ วุตฺตํฯ ยถา หิ ยุตฺตปฺปมาณํ อุทกํ ปํสุจุณฺณานิ อาพนฺธิตฺวา มตฺติกาปิณฺฑํ กตฺวา ฐเปติ, เอวํ อโยปิณฺฑิอาทีสุปิ ตทนุรูปปจฺจเยหิ ตเตฺถว อุปฺปนฺนา อาโปธาตุ ตถา อาพนฺธิตฺวา ฐเปตีติ ทฎฺฐพฺพาฯ
651. Ayapiṇḍiādīsu pathavīdhātu tādisāya āpodhātuyā anābaddhā santī visareyya, tasmā ‘‘tāni āpodhātu ābandhitvā baddhāni karotī’’ti vuttaṃ. Yathā hi yuttappamāṇaṃ udakaṃ paṃsucuṇṇāni ābandhitvā mattikāpiṇḍaṃ katvā ṭhapeti, evaṃ ayopiṇḍiādīsupi tadanurūpapaccayehi tattheva uppannā āpodhātu tathā ābandhitvā ṭhapetīti daṭṭhabbā.
อผุสิตฺวา ปติฎฺฐา โหตีติ อาโปธาตุยา อโผฎฺฐพฺพภาวโต วุตฺตํ, ตถา ‘‘อผุสิตฺวาว อาพนฺธตี’’ติฯ น หิ ยถา โผฎฺฐพฺพธาตูนํ โผฎฺฐพฺพภาเวน อญฺญมญฺญนิสฺสยตา, เอวํ โผฎฺฐพฺพาโผฎฺฐพฺพธาตูนํ โหตีติ อธิปฺปาโย เวทิตโพฺพฯ อวินิโพฺภควุตฺตีสุ หิ ภูเตสุ อญฺญมญฺญนิสฺสยตา อญฺญมญฺญปจฺจยภูเตสุ น สกฺกา นิวาเรตุํ, นาปิ สหชาเตสุ อวินิโพฺภคตาย เอกีภูเตสุ ผุสนาผุสนานิ วิจาเรตุํ ยุตฺตานีติฯ น อุณฺหา หุตฺวา ฌายตีติ เตโชสภาวตํเยว ปฎิกฺขิปติ, น สีตตฺตํ อนุชานาติ, เตโชสภาวปฎิเกฺขเปเนว จ สีตตฺตญฺจ ปฎิกฺขิตฺตํ โหติฯ เตโช เอว หิ สีตํ หิมปาตสมยาทีสุ สีตสฺส ปริปาจกตาทสฺสนโต, สีตุณฺหานญฺจ อญฺญมญฺญปฎิปกฺขภาวโต อุเณฺหน สห น สีตํ ภูตนฺตรํ ปวตฺตตีติ ยุชฺชติฯ อุณฺหกลาเป ปน สีตสฺส อปฺปวตฺติ สีตกลาเป จ อุณฺหสฺส ทฺวินฺนํ อญฺญมญฺญปฎิปกฺขตฺตา เตโชวิเสสภาเว ยุชฺชตีติฯ ภาวญฺญถตฺตนฺติ ขรานํ คุฬาทีนํ ทวตา มุทุตา รสาทีนญฺจ ทวานํ ขรตา ปจฺจยวิเสเสหิ โอมตฺตาธิมตฺตปถวีธาตุอาทิกานํ อุปฺปตฺติฯ ลกฺขณญฺญถตฺตํ กกฺขฬาทิลกฺขณวิชหนํ, ตํ เอเตสํ น โหติ, โอมตฺตาธิมตฺตตาสงฺขาตํ ภาวญฺญถตฺตํเยว โหตีติ อโตฺถฯ
Aphusitvā patiṭṭhā hotīti āpodhātuyā aphoṭṭhabbabhāvato vuttaṃ, tathā ‘‘aphusitvāva ābandhatī’’ti. Na hi yathā phoṭṭhabbadhātūnaṃ phoṭṭhabbabhāvena aññamaññanissayatā, evaṃ phoṭṭhabbāphoṭṭhabbadhātūnaṃ hotīti adhippāyo veditabbo. Avinibbhogavuttīsu hi bhūtesu aññamaññanissayatā aññamaññapaccayabhūtesu na sakkā nivāretuṃ, nāpi sahajātesu avinibbhogatāya ekībhūtesu phusanāphusanāni vicāretuṃ yuttānīti. Na uṇhā hutvā jhāyatīti tejosabhāvataṃyeva paṭikkhipati, na sītattaṃ anujānāti, tejosabhāvapaṭikkhepeneva ca sītattañca paṭikkhittaṃ hoti. Tejo eva hi sītaṃ himapātasamayādīsu sītassa paripācakatādassanato, sītuṇhānañca aññamaññapaṭipakkhabhāvato uṇhena saha na sītaṃ bhūtantaraṃ pavattatīti yujjati. Uṇhakalāpe pana sītassa appavatti sītakalāpe ca uṇhassa dvinnaṃ aññamaññapaṭipakkhattā tejovisesabhāve yujjatīti. Bhāvaññathattanti kharānaṃ guḷādīnaṃ davatā mudutā rasādīnañca davānaṃ kharatā paccayavisesehi omattādhimattapathavīdhātuādikānaṃ uppatti. Lakkhaṇaññathattaṃ kakkhaḷādilakkhaṇavijahanaṃ, taṃ etesaṃ na hoti, omattādhimattatāsaṅkhātaṃ bhāvaññathattaṃyeva hotīti attho.
๖๕๒. อนุปาทินฺนาทีนํเยวาติ เอกนฺตอนุปาทินฺนเอกนฺตนจิตฺตสมุฎฺฐานาทีนํ นิเทฺทเสสุ คหเณสุ คหิตาติ อโตฺถฯ ยํ วา ปนญฺญมฺปีติ ปน วจเนน ปุริมานมฺปิ นกมฺมสฺสกตตฺตาภาวาทิกํ ทีเปติฯ ตา หิ อนุปาทินฺนาทินกมฺมสฺสกตตฺตาทิวจนานํ สมานตฺถตฺตา เอเกน อวตฺตพฺพเตฺต อิตเรนปิ อวตฺตพฺพา สิยุํ, วตฺตพฺพเตฺต วา วตฺตพฺพาฯ ตสฺมา เอกนฺตากมฺมชาทีเสฺวว คเหตพฺพตฺตา ตา อเนกเนฺตสุ น คหิตาติ ทฎฺฐพฺพาฯ
652. Anupādinnādīnaṃyevāti ekantaanupādinnaekantanacittasamuṭṭhānādīnaṃ niddesesu gahaṇesu gahitāti attho. Yaṃ vā panaññampīti pana vacanena purimānampi nakammassakatattābhāvādikaṃ dīpeti. Tā hi anupādinnādinakammassakatattādivacanānaṃ samānatthattā ekena avattabbatte itarenapi avattabbā siyuṃ, vattabbatte vā vattabbā. Tasmā ekantākammajādīsveva gahetabbattā tā anekantesu na gahitāti daṭṭhabbā.
๖๖๖. เอกนฺต …เป.… ปญฺญายติ เตสํ วิการตฺตา, อนิปฺผนฺนตฺตา ปน ตสฺส อุปฺปาโท น เกนจิ สกฺกา วตฺตุนฺติ อธิปฺปาโยฯ
666. Ekanta…pe… paññāyati tesaṃ vikārattā, anipphannattā pana tassa uppādo na kenaci sakkā vattunti adhippāyo.
ทุกนิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Dukaniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / อภิธมฺมปิฎก • Abhidhammapiṭaka / ธมฺมสงฺคณีปาฬิ • Dhammasaṅgaṇīpāḷi / รูปวิภตฺติ • Rūpavibhatti
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / อภิธมฺมปิฎก (อฎฺฐกถา) • Abhidhammapiṭaka (aṭṭhakathā) / ธมฺมสงฺคณิ-อฎฺฐกถา • Dhammasaṅgaṇi-aṭṭhakathā / อุปาทาภาชนียกถา • Upādābhājanīyakathā
ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / ธมฺมสงฺคณี-อนุฎีกา • Dhammasaṅgaṇī-anuṭīkā / โนอุปาทาภาชนียกถาวณฺณนา • Noupādābhājanīyakathāvaṇṇanā