Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ธมฺมสงฺคณี-อนุฎีกา • Dhammasaṅgaṇī-anuṭīkā

    โนอุปาทาภาชนียกถาวณฺณนา

    Noupādābhājanīyakathāvaṇṇanā

    ๖๔๖. ‘‘เอกํ มหาภูตํ ปฎิจฺจ ตโย มหาภูตา ตโย มหาภูเต ปฎิจฺจ เอกํ มหาภูต’’นฺติอาทิวจนโต (ปฎฺฐา. ๑.๑.๕๓) เอกํ มหาภูตํ อวเสสมหาภูเต นิสฺสยติ, เตหิ อุปาทารูเปน จ นิสฺสียตีติ อาห ‘‘นิสฺสยติ จ นิสฺสียติ จา’’ติฯ

    646. ‘‘Ekaṃ mahābhūtaṃ paṭicca tayo mahābhūtā tayo mahābhūte paṭicca ekaṃ mahābhūta’’ntiādivacanato (paṭṭhā. 1.1.53) ekaṃ mahābhūtaṃ avasesamahābhūte nissayati, tehi upādārūpena ca nissīyatīti āha ‘‘nissayati ca nissīyati cā’’ti.

    ๖๔๗. มหาภูตานํ อญฺญมญฺญาวิชหนโต เอกสฺมิมฺปิ กลาเป อเนกํ โผฎฺฐพฺพํ อตฺถีติ โผฎฺฐพฺพสภาเวสุเยว อเนเกสุปิ อารมฺมเณสุ อาปาถคเตสุ อาโภคาทิวเสน เอกํเยว วิญฺญาณุปฺปตฺติเหตุ โหตีติ อยํ วิจาโร ทสฺสิโตฯ อิตเรสุปิ ปน ยถาโยคํ ทเสฺสตโพฺพฯ ตตฺถ รสารมฺมณํ ตาว อินฺทฺริยนิสฺสยํ อลฺลียิตฺวา วิญฺญาณุปฺปตฺติเหตุภาวโต สติปิ อเนเกสํ รสานํ อาปาถคมเน เอกสฺมิํ ขเณ เอกปฺปการํเยว ยถาวุตฺตนเยน ชิวฺหาวิญฺญาณุปฺปตฺติเหตุ โหติ, ตถา คนฺธารมฺมณํฯ รูปสทฺทารมฺมณานิ ปน อินฺทฺริยนิสฺสยํ อสมฺปตฺวาว วิญฺญาณุปฺปตฺติเหตุภาวโต โยคฺยเทเส อวฎฺฐิตานิ ยตฺตกานิ สหการีปจฺจยนฺตรคตํ อุปการํ ลภนฺติ, ตตฺตกานิ เอกสฺมิํ ขเณ เอกชฺฌํ อารมฺมณํ น โหนฺตีติ น วตฺตพฺพานิฯ ตถา หิ สโทฺท นิโคฺฆสาทิโก อเนกกลาปคโต ตถา วโณฺณปิ สิวิกุพฺพหนนิยาเมน เอกชฺฌํ อารมฺมณํ โหตีติฯ เอตฺถาปิ จ อาภุชิตวเสน อารมฺมณาธิมตฺตตาวเสน อเนกกลาปสนฺนิปาเตปิ กตฺถจิ วิญฺญาณุปฺปตฺติ โหติเยวฯ ปสาทาธิมตฺตตา ปิตฺตาทิวิพนฺธาภาเวน ปสาทสฺส ติกฺขตาฯ กถํ ปน จิตฺตสฺสาติ จิตฺตสามญฺญโต เอกตฺตนยวเสน ปุจฺฉติฯ

    647. Mahābhūtānaṃ aññamaññāvijahanato ekasmimpi kalāpe anekaṃ phoṭṭhabbaṃ atthīti phoṭṭhabbasabhāvesuyeva anekesupi ārammaṇesu āpāthagatesu ābhogādivasena ekaṃyeva viññāṇuppattihetu hotīti ayaṃ vicāro dassito. Itaresupi pana yathāyogaṃ dassetabbo. Tattha rasārammaṇaṃ tāva indriyanissayaṃ allīyitvā viññāṇuppattihetubhāvato satipi anekesaṃ rasānaṃ āpāthagamane ekasmiṃ khaṇe ekappakāraṃyeva yathāvuttanayena jivhāviññāṇuppattihetu hoti, tathā gandhārammaṇaṃ. Rūpasaddārammaṇāni pana indriyanissayaṃ asampatvāva viññāṇuppattihetubhāvato yogyadese avaṭṭhitāni yattakāni sahakārīpaccayantaragataṃ upakāraṃ labhanti, tattakāni ekasmiṃ khaṇe ekajjhaṃ ārammaṇaṃ na hontīti na vattabbāni. Tathā hi saddo nigghosādiko anekakalāpagato tathā vaṇṇopi sivikubbahananiyāmena ekajjhaṃ ārammaṇaṃ hotīti. Etthāpi ca ābhujitavasena ārammaṇādhimattatāvasena anekakalāpasannipātepi katthaci viññāṇuppatti hotiyeva. Pasādādhimattatā pittādivibandhābhāvena pasādassa tikkhatā. Kathaṃ pana cittassāti cittasāmaññato ekattanayavasena pucchati.

    ๖๕๑. ตาทิสายาติ ยา ปจุรชนสฺส อตฺถีติปิ น คหิตาฯ สนฺตี สมานาฯ เอวนฺติ ยถาสสมฺภารุทกํ สสมฺภารปถวิยา อาพนฺธกํ, เอวํ ปรมตฺถุทกํ ปรมตฺถปถวิยาติ ทเสฺสติฯ ตทนุรูปปจฺจเยหีติ อตฺตโน อาพนฺธนานุคุเณหิ อาพนฺธิยมาเนหิ สนฺธารณาทิกิเจฺจหิ ปุริเมหิ จ ปถวีอาทีหิฯ อผุสิตฺวา ปติฎฺฐา โหติ, อผุสิตฺวา อาพนฺธตีติ อิมินา ผุสิตพฺพผุสนกภาโว อาโปธาตุยํ นตฺถีติ โผฎฺฐพฺพวเสน อุภยธมฺมตํ อาหฯ อญฺญมญฺญํ นิสฺสยตา อญฺญมญฺญนิสฺสยตาฯ อถ วา อญฺญมญฺญตา จ นิสฺสยตา จ อญฺญมญฺญนิสฺสยตาฯ ยทิ โผฎฺฐพฺพาโผฎฺฐพฺพธาตูนํ โผฎฺฐพฺพภาเวน วินา อญฺญมญฺญนิสฺสยตา, ปถวีอาทีนํ กกฺขฬาทิสภาโว เอว โผฎฺฐพฺพภาโวติ ตพฺพิรเหน กถํ เตสํ อาโปธาตุยา นิสฺสยาทิภาโวติ อาห ‘‘อวินิโพฺภควุตฺตีสู’’ติอาทิฯ อญฺญมญฺญปจฺจยภูเตสูติ เอเตน อุปาทารูปํ นิวเตฺตติฯ อถ วา ปุเพฺพ อฎฺฐกถาธิปฺปาเย ฐตฺวา โผฎฺฐพฺพาโผฎฺฐพฺพธาตูนํ วิสิฎฺฐํ อญฺญมญฺญนิสฺสยตํ วตฺวา อิทานิ อตฺตโน อธิปฺปาเย ฐตฺวา อวิเสเสน ตํ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘อวินิโพฺภควุตฺตีสู’’ติอาทิฯ ตํเยว อวิสิฎฺฐํ อญฺญมญฺญนิสฺสยตํ ทฬฺหํ กตฺวา ทเสฺสโนฺต ‘‘นาปิ สหชาเตสู’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ อผุสนํ ตาว เอกกลาปคตตฺตา น วิจาเรตพฺพํ, ผุสนํ ปน กถนฺติ? เอกกลาปคตตฺตา เอวฯ วิสุํ สิทฺธานํเยว หิ วิสยมหาภูตานํ กายปฺปสาทนิสฺสยภูเตสุ ผุสนํ ทิสฺสติฯ

    651. Tādisāyāti yā pacurajanassa atthītipi na gahitā. Santī samānā. Evanti yathāsasambhārudakaṃ sasambhārapathaviyā ābandhakaṃ, evaṃ paramatthudakaṃ paramatthapathaviyāti dasseti. Tadanurūpapaccayehīti attano ābandhanānuguṇehi ābandhiyamānehi sandhāraṇādikiccehi purimehi ca pathavīādīhi. Aphusitvā patiṭṭhā hoti, aphusitvā ābandhatīti iminā phusitabbaphusanakabhāvo āpodhātuyaṃ natthīti phoṭṭhabbavasena ubhayadhammataṃ āha. Aññamaññaṃ nissayatā aññamaññanissayatā. Atha vā aññamaññatā ca nissayatā ca aññamaññanissayatā. Yadi phoṭṭhabbāphoṭṭhabbadhātūnaṃ phoṭṭhabbabhāvena vinā aññamaññanissayatā, pathavīādīnaṃ kakkhaḷādisabhāvo eva phoṭṭhabbabhāvoti tabbirahena kathaṃ tesaṃ āpodhātuyā nissayādibhāvoti āha ‘‘avinibbhogavuttīsū’’tiādi. Aññamaññapaccayabhūtesūti etena upādārūpaṃ nivatteti. Atha vā pubbe aṭṭhakathādhippāye ṭhatvā phoṭṭhabbāphoṭṭhabbadhātūnaṃ visiṭṭhaṃ aññamaññanissayataṃ vatvā idāni attano adhippāye ṭhatvā avisesena taṃ dassento āha ‘‘avinibbhogavuttīsū’’tiādi. Taṃyeva avisiṭṭhaṃ aññamaññanissayataṃ daḷhaṃ katvā dassento ‘‘nāpi sahajātesū’’tiādimāha. Tattha aphusanaṃ tāva ekakalāpagatattā na vicāretabbaṃ, phusanaṃ pana kathanti? Ekakalāpagatattā eva. Visuṃ siddhānaṃyeva hi visayamahābhūtānaṃ kāyappasādanissayabhūtesu phusanaṃ dissati.

    ฌายตีติ ปริปจฺจติฯ น อุณฺหา หุตฺวาติ เอตสฺส อุณฺหสภาวา หุตฺวาติ อยมโตฺถติ กตฺวา ‘‘เตโชสภาวตํเยว ปฎิกฺขิปตี’’ติ วุตฺตํฯ อุณฺหปฎิปกฺขตฺตา สีตสฺส อุณฺหตาย ปฎิเกฺขเป สีตตาสงฺกา สิยาติ อาห ‘‘น สีตตฺตํ อนุชานาตี’’ติฯ เตโชสภาคตํเยว วา สีตตายปิ ทเสฺสตุํ ‘‘น สีตตฺตํ อนุชานาตี’’ติ วุตฺตํฯ เตเนวาห ‘‘เตโช เอว หิ สีต’’นฺติฯ มเนฺท หิ อุณฺหภาเว สีตพุทฺธีติ เตโช เอว หิ สีตํฯ กถํ ปเนตํ วิญฺญายตีติ? สีตพุทฺธิยา อววตฺถิตภาวโต ปาราปารํ วิยฯ ตถา หิ อาตเป ฐตฺวา ฉายํ ปวิฎฺฐานํ สีตพุทฺธิ โหติ, ตเตฺถว ปถวีคพฺภโต นิคฺคตานํ อุณฺหพุทฺธีติฯ ยทิ เตโชเยว สีตํ, อุณฺหภาเวน สทฺธิํ สีตภาโวปิ เอกสฺมิํ กลาเป อุปลเพฺภยฺยาติ อาห ‘‘สีตุณฺหานญฺจา’’ติอาทิฯ อุณฺหสีตกลาเปสุ สีตุณฺหานํ อปฺปวตฺติฯ ทฺวินฺนํ…เป.… ยุชฺชติ, น อาโปธาตุวาโยธาตูนํ สีตภาเวติ อธิปฺปาโยฯ อาโปธาตุยา หิ วาโยธาตุยา สีตภาเว อุณฺหภาเวน สทฺธิํ เอกสฺมิํ กลาเป สีตภาโว ลเพฺภยฺย, น ปน ลพฺภติฯ น เจตฺถ อาโปธาตุอธิเก วาโยธาตุอธิเก วา กลาเป สีตภาโวติ สกฺกา วิญฺญาตุํ ตาทิเสปิ กตฺถจิ กลาเป อลพฺภมานตฺตา สีตภาวสฺสาติฯ ขรตาทิสภาวาธิกสฺส ภูตสงฺฆาตสฺส ทวตาทิสภาวาธิกตาปตฺติ ภาวญฺญถตฺตํฯ ตํ ปน ยถา โหติ, ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘ปจฺจ…เป.… ปฺปตฺตี’’ติ อาหฯ

    Jhāyatīti paripaccati. Na uṇhā hutvāti etassa uṇhasabhāvā hutvāti ayamatthoti katvā ‘‘tejosabhāvataṃyeva paṭikkhipatī’’ti vuttaṃ. Uṇhapaṭipakkhattā sītassa uṇhatāya paṭikkhepe sītatāsaṅkā siyāti āha ‘‘na sītattaṃ anujānātī’’ti. Tejosabhāgataṃyeva vā sītatāyapi dassetuṃ ‘‘na sītattaṃ anujānātī’’ti vuttaṃ. Tenevāha ‘‘tejo eva hi sīta’’nti. Mande hi uṇhabhāve sītabuddhīti tejo eva hi sītaṃ. Kathaṃ panetaṃ viññāyatīti? Sītabuddhiyā avavatthitabhāvato pārāpāraṃ viya. Tathā hi ātape ṭhatvā chāyaṃ paviṭṭhānaṃ sītabuddhi hoti, tattheva pathavīgabbhato niggatānaṃ uṇhabuddhīti. Yadi tejoyeva sītaṃ, uṇhabhāvena saddhiṃ sītabhāvopi ekasmiṃ kalāpe upalabbheyyāti āha ‘‘sītuṇhānañcā’’tiādi. Uṇhasītakalāpesu sītuṇhānaṃ appavatti. Dvinnaṃ…pe… yujjati, na āpodhātuvāyodhātūnaṃ sītabhāveti adhippāyo. Āpodhātuyā hi vāyodhātuyā sītabhāve uṇhabhāvena saddhiṃ ekasmiṃ kalāpe sītabhāvo labbheyya, na pana labbhati. Na cettha āpodhātuadhike vāyodhātuadhike vā kalāpe sītabhāvoti sakkā viññātuṃ tādisepi katthaci kalāpe alabbhamānattā sītabhāvassāti. Kharatādisabhāvādhikassa bhūtasaṅghātassa davatādisabhāvādhikatāpatti bhāvaññathattaṃ. Taṃ pana yathā hoti, taṃ dassetuṃ ‘‘pacca…pe… ppattī’’ti āha.

    ๖๕๒. เอกนฺตนจิตฺตสมุฎฺฐานาทีติ อาทิ-สเทฺทน เอกนฺตอนุปาทินฺนุปาทานิยาทิํ สงฺคณฺหาติฯ ปุริมานมฺปีติ ‘‘ยํ วา ปนญฺญมฺปี’’ติ เอตสฺมา วจนโต ปุริมานํ อนุปาทินฺนานํ สทฺทายตนกายวิญฺญตฺติอาทีนํ นจิตฺตสมุฎฺฐานานญฺจ จกฺขายตนโสตายตนาทีนํฯ นกมฺมสฺสกตตฺตาภาวาทิกนฺติ นกมฺมสฺสกตตฺตาภาวํ นจิตฺตสมุฎฺฐานภาวนฺติ เอวมาทิกํฯ เอกนฺตากมฺมชาทีสูติ อาทิ-สเทฺทน เอกนฺตาจิตฺตชํ คยฺหติฯ ตา ชรตาอนิจฺจตาฯ อเนกเนฺตสุ น คหิตาติ เอกนฺตโต อกมฺมเชสุ สทฺทายตนาทีสุ อจิตฺตเชสุ จ จกฺขายตนาทีสุ คเหตฺวา จตุสมุฎฺฐานิกตฺตา อเนกเนฺตสุ รูปายตนาทีสุ น คหิตาติ อโตฺถฯ

    652. Ekantanacittasamuṭṭhānādīti ādi-saddena ekantaanupādinnupādāniyādiṃ saṅgaṇhāti. Purimānampīti ‘‘yaṃ vā panaññampī’’ti etasmā vacanato purimānaṃ anupādinnānaṃ saddāyatanakāyaviññattiādīnaṃ nacittasamuṭṭhānānañca cakkhāyatanasotāyatanādīnaṃ. Nakammassakatattābhāvādikanti nakammassakatattābhāvaṃ nacittasamuṭṭhānabhāvanti evamādikaṃ. Ekantākammajādīsūti ādi-saddena ekantācittajaṃ gayhati. jaratāaniccatā. Anekantesu na gahitāti ekantato akammajesu saddāyatanādīsu acittajesu ca cakkhāyatanādīsu gahetvā catusamuṭṭhānikattā anekantesu rūpāyatanādīsu na gahitāti attho.

    ๖๖๖. อนิปฺผนฺนตฺตาติ อญฺญํ อนเปกฺขิตฺวา สภาวโต อสิทฺธตฺตํฯ ตสฺสาติ วิญฺญตฺติทฺวยสฺสฯ

    666. Anipphannattāti aññaṃ anapekkhitvā sabhāvato asiddhattaṃ. Tassāti viññattidvayassa.

    โนอุปาทาภาชนียกถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Noupādābhājanīyakathāvaṇṇanā niṭṭhitā.

    ทุกนิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Dukaniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / อภิธมฺมปิฎก • Abhidhammapiṭaka / ธมฺมสงฺคณีปาฬิ • Dhammasaṅgaṇīpāḷi / รูปวิภตฺติ • Rūpavibhatti

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / อภิธมฺมปิฎก (อฎฺฐกถา) • Abhidhammapiṭaka (aṭṭhakathā) / ธมฺมสงฺคณิ-อฎฺฐกถา • Dhammasaṅgaṇi-aṭṭhakathā / อุปาทาภาชนียกถา • Upādābhājanīyakathā

    ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / ธมฺมสงฺคณี-มูลฎีกา • Dhammasaṅgaṇī-mūlaṭīkā / โนอุปาทาภาชนียกถาวณฺณนา • Noupādābhājanīyakathāvaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact