Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เนตฺติปฺปกรณปาฬิ • Nettippakaraṇapāḷi

    ๑๒. โอตรณหารวิภโงฺค

    12. Otaraṇahāravibhaṅgo

    ๔๒. ตตฺถ กตโม โอตรโณ หาโร? ‘‘โย จ ปฎิจฺจุปฺปาโท’’ติฯ

    42. Tattha katamo otaraṇo hāro? ‘‘Yo ca paṭiccuppādo’’ti.

    ‘‘อุทฺธํ อโธ สพฺพธิ วิปฺปมุโตฺต, อยํ อหสฺมีติ 1 อนานุปสฺสี;

    ‘‘Uddhaṃ adho sabbadhi vippamutto, ayaṃ ahasmīti 2 anānupassī;

    เอวํ วิมุโตฺต อุทตาริ โอฆํ, อติณฺณปุพฺพํ อปุนพฺภวายา’’ติฯ

    Evaṃ vimutto udatāri oghaṃ, atiṇṇapubbaṃ apunabbhavāyā’’ti.

    ‘‘อุทฺธ’’นฺติ รูปธาตุ จ อรูปธาตุ จฯ ‘‘อโธ’’ติ กามธาตุฯ ‘‘สพฺพธิ วิปฺปมุโตฺต’’ติ เตธาตุเก อยํ อเสกฺขาวิมุตฺติฯ ตานิเยว อเสกฺขานิ ปญฺจินฺทฺริยานิ, อยํ อินฺทฺริเยหิ โอตรณาฯ

    ‘‘Uddha’’nti rūpadhātu ca arūpadhātu ca. ‘‘Adho’’ti kāmadhātu. ‘‘Sabbadhi vippamutto’’ti tedhātuke ayaṃ asekkhāvimutti. Tāniyeva asekkhāni pañcindriyāni, ayaṃ indriyehi otaraṇā.

    ตานิเยว อเสกฺขานิ ปญฺจินฺทฺริยานิ วิชฺชา, วิชฺชุปฺปาทา อวิชฺชานิโรโธ, อวิชฺชานิโรธา สงฺขารนิโรโธ, สงฺขารนิโรธา วิญฺญาณนิโรโธ, วิญฺญาณนิโรธา นามรูปนิโรโธ, นามรูปนิโรธา สฬายตนนิโรโธ, สฬายตนนิโรธา ผสฺสนิโรโธ, ผสฺสนิโรธา เวทนานิโรโธ, เวทนานิโรธา ตณฺหานิโรโธ, ตณฺหานิโรธา อุปาทานนิโรโธ, อุปาทานนิโรธา ภวนิโรโธ, ภวนิโรธา ชาตินิโรโธ, ชาตินิโรธา ชรามรณํ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา นิรุชฺฌนฺติฯ เอวเมตสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส นิโรโธ โหติฯ อยํ ปฎิจฺจสมุปฺปาเทหิ โอตรณาฯ

    Tāniyeva asekkhāni pañcindriyāni vijjā, vijjuppādā avijjānirodho, avijjānirodhā saṅkhāranirodho, saṅkhāranirodhā viññāṇanirodho, viññāṇanirodhā nāmarūpanirodho, nāmarūpanirodhā saḷāyatananirodho, saḷāyatananirodhā phassanirodho, phassanirodhā vedanānirodho, vedanānirodhā taṇhānirodho, taṇhānirodhā upādānanirodho, upādānanirodhā bhavanirodho, bhavanirodhā jātinirodho, jātinirodhā jarāmaraṇaṃ sokaparidevadukkhadomanassupāyāsā nirujjhanti. Evametassa kevalassa dukkhakkhandhassa nirodho hoti. Ayaṃ paṭiccasamuppādehi otaraṇā.

    ตานิเยว อเสกฺขานิ ปญฺจินฺทฺริยานิ ตีหิ ขเนฺธหิ สงฺคหิตานิ – สีลกฺขเนฺธน สมาธิกฺขเนฺธน ปญฺญากฺขเนฺธน, อยํ ขเนฺธหิ โอตรณาฯ

    Tāniyeva asekkhāni pañcindriyāni tīhi khandhehi saṅgahitāni – sīlakkhandhena samādhikkhandhena paññākkhandhena, ayaṃ khandhehi otaraṇā.

    ตานิเยว อเสกฺขานิ ปญฺจินฺทฺริยานิ สงฺขารปริยาปนฺนานิ เย สงฺขารา อนาสวา, โน จ ภวงฺคา, เต สงฺขารา ธมฺมธาตุสงฺคหิตาฯ อยํ ธาตูหิ โอตรณาฯ

    Tāniyeva asekkhāni pañcindriyāni saṅkhārapariyāpannāni ye saṅkhārā anāsavā, no ca bhavaṅgā, te saṅkhārā dhammadhātusaṅgahitā. Ayaṃ dhātūhi otaraṇā.

    สา ธมฺมธาตุ ธมฺมายตนปริยาปนฺนา, ยํ อายตนํ อนาสวํ, โน จ ภวงฺคํฯ อยํ อายตเนหิ โอตรณาฯ

    Sā dhammadhātu dhammāyatanapariyāpannā, yaṃ āyatanaṃ anāsavaṃ, no ca bhavaṅgaṃ. Ayaṃ āyatanehi otaraṇā.

    ‘‘อยํ อหสฺมีติ อนานุปสฺสี’’ติ อยํ สกฺกายทิฎฺฐิยา สมุคฺฆาโต, สา เสกฺขาวิมุตฺติ, ตานิเยว เสกฺขานิ ปญฺจินฺทฺริยานิฯ อยํ อินฺทฺริเยหิ โอตรณาฯ

    ‘‘Ayaṃ ahasmīti anānupassī’’ti ayaṃ sakkāyadiṭṭhiyā samugghāto, sā sekkhāvimutti, tāniyeva sekkhāni pañcindriyāni. Ayaṃ indriyehi otaraṇā.

    ตานิเยว เสกฺขานิ ปญฺจินฺทฺริยานิ วิชฺชา, วิชฺชุปฺปาทา อวิชฺชานิโรโธ, อวิชฺชานิโรธา สงฺขารนิโรโธ, เอวํ สโพฺพ ปฎิจฺจสมุปฺปาโทฯ อยํ ปฎิจฺจสมุปฺปาเทหิ โอตรณาฯ

    Tāniyeva sekkhāni pañcindriyāni vijjā, vijjuppādā avijjānirodho, avijjānirodhā saṅkhāranirodho, evaṃ sabbo paṭiccasamuppādo. Ayaṃ paṭiccasamuppādehi otaraṇā.

    สาเยว วิชฺชา ปญฺญากฺขโนฺธฯ อยํ ขเนฺธหิ โอตรณาฯ

    Sāyeva vijjā paññākkhandho. Ayaṃ khandhehi otaraṇā.

    สาเยว วิชฺชา สงฺขารปริยาปนฺนา, เย สงฺขารา อนาสวา, โน จ ภวงฺคา, เต สงฺขารา ธมฺมธาตุสงฺคหิตา, อยํ ธาตูหิ โอตรณาฯ

    Sāyeva vijjā saṅkhārapariyāpannā, ye saṅkhārā anāsavā, no ca bhavaṅgā, te saṅkhārā dhammadhātusaṅgahitā, ayaṃ dhātūhi otaraṇā.

    สา ธมฺมธาตุ ธมฺมายตนปริยาปนฺนา, ยํ อายตนํ อนาสวํ, โน จ ภวงฺคํ, อยํ อายตเนหิ โอตรณาฯ

    Sā dhammadhātu dhammāyatanapariyāpannā, yaṃ āyatanaṃ anāsavaṃ, no ca bhavaṅgaṃ, ayaṃ āyatanehi otaraṇā.

    เสกฺขาย จ วิมุตฺติยา อเสกฺขาย จ วิมุตฺติยา วิมุโตฺต อุทตาริ โอฆํ อติณฺณปุพฺพํ อปุนพฺภวายฯ เตนาห ภควา ‘‘อุทฺธํ อโธ’’ติฯ

    Sekkhāya ca vimuttiyā asekkhāya ca vimuttiyā vimutto udatāri oghaṃ atiṇṇapubbaṃ apunabbhavāya. Tenāha bhagavā ‘‘uddhaṃ adho’’ti.

    ๔๓. ‘‘นิสฺสิตสฺส 3 จลิตํ, อนิสฺสิตสฺส จลิตํ นตฺถิ, จลิเต อสติ ปสฺสทฺธิ, ปสฺสทฺธิยา สติ นติ น โหติ, นติยา อสติ อาคติคติ น โหติ, อาคติคติยา อสติ จุตูปปาโต น โหติ, จุตูปปาเต อสติ เนวิธ น หุรํ น อุภยมนฺตเรน เอเสวโนฺต ทุกฺขสฺสา’’ติฯ

    43. ‘‘Nissitassa 4 calitaṃ, anissitassa calitaṃ natthi, calite asati passaddhi, passaddhiyā sati nati na hoti, natiyā asati āgatigati na hoti, āgatigatiyā asati cutūpapāto na hoti, cutūpapāte asati nevidha na huraṃ na ubhayamantarena esevanto dukkhassā’’ti.

    ‘‘นิสฺสิตสฺส จลิต’’นฺติ นิสฺสโย นาม ทุวิโธ ตณฺหานิสฺสโย จ ทิฎฺฐินิสฺสโย จฯ ตตฺถ ยา รตฺตสฺส เจตนา, อยํ ตณฺหานิสฺสโย; ยา มูฬฺหสฺส เจตนา, อยํ ทิฎฺฐินิสฺสโยฯ เจตนา ปน สงฺขารา, สงฺขารปจฺจยา วิญฺญาณํ, วิญฺญาณปจฺจยา นามรูปํ, เอวํ สโพฺพ ปฎิจฺจสมุปฺปาโทฯ อยํ ปฎิจฺจสมุปฺปาเทหิ โอตรณาฯ

    ‘‘Nissitassa calita’’nti nissayo nāma duvidho taṇhānissayo ca diṭṭhinissayo ca. Tattha yā rattassa cetanā, ayaṃ taṇhānissayo; yā mūḷhassa cetanā, ayaṃ diṭṭhinissayo. Cetanā pana saṅkhārā, saṅkhārapaccayā viññāṇaṃ, viññāṇapaccayā nāmarūpaṃ, evaṃ sabbo paṭiccasamuppādo. Ayaṃ paṭiccasamuppādehi otaraṇā.

    ตตฺถ ยา รตฺตสฺส เวทนา, อยํ สุขา เวทนาฯ ยา สมฺมูฬฺหสฺส เวทนา, อยํ อทุกฺขมสุขา เวทนา, อิมา เทฺว เวทนา เวทนากฺขโนฺธฯ อยํ ขเนฺธหิ โอตรณาฯ

    Tattha yā rattassa vedanā, ayaṃ sukhā vedanā. Yā sammūḷhassa vedanā, ayaṃ adukkhamasukhā vedanā, imā dve vedanā vedanākkhandho. Ayaṃ khandhehi otaraṇā.

    ตตฺถ สุขา เวทนา เทฺว อินฺทฺริยานิ สุขินฺทฺริยํ โสมนสฺสินฺทฺริยญฺจ, อทุกฺขมสุขา เวทนา อุเปกฺขินฺทฺริยํฯ อยํ อินฺทฺริเยหิ โอตรณาฯ

    Tattha sukhā vedanā dve indriyāni sukhindriyaṃ somanassindriyañca, adukkhamasukhā vedanā upekkhindriyaṃ. Ayaṃ indriyehi otaraṇā.

    ตานิเยว อินฺทฺริยานิ สงฺขารปริยาปนฺนานิ, เย สงฺขารา สาสวา ภวงฺคา, เต สงฺขารา ธมฺมธาตุสงฺคหิตาฯ อยํ ธาตูหิ โอตรณาฯ

    Tāniyeva indriyāni saṅkhārapariyāpannāni, ye saṅkhārā sāsavā bhavaṅgā, te saṅkhārā dhammadhātusaṅgahitā. Ayaṃ dhātūhi otaraṇā.

    สา ธมฺมธาตุ ธมฺมายตนปริยาปนฺนา, ยํ อายตนํ สาสวํ ภวงฺคํ, อยํ อายตเนหิ โอตรณาฯ

    Sā dhammadhātu dhammāyatanapariyāpannā, yaṃ āyatanaṃ sāsavaṃ bhavaṅgaṃ, ayaṃ āyatanehi otaraṇā.

    ‘‘อนิสฺสิตสฺส จลิตํ นตฺถี’’ติ สมถวเสน วา ตณฺหาย อนิสฺสิโต วิปสฺสนาวเส วา ทิฎฺฐิยา อนิสฺสิโตฯ ยา วิปสฺสนา อยํ วิชฺชา, วิชฺชุปฺปาทา อวิชฺชานิโรโธ, อวิชฺชานิโรธา สงฺขารนิโรโธ, สงฺขารนิโรธา วิญฺญาณนิโรโธ, เอวํ สโพฺพ ปฎิจฺจสมุปฺปาโทฯ อยํ ปฎิจฺจสมุปฺปาเทหิ โอตรณาฯ

    ‘‘Anissitassa calitaṃ natthī’’ti samathavasena vā taṇhāya anissito vipassanāvase vā diṭṭhiyā anissito. Yā vipassanā ayaṃ vijjā, vijjuppādā avijjānirodho, avijjānirodhā saṅkhāranirodho, saṅkhāranirodhā viññāṇanirodho, evaṃ sabbo paṭiccasamuppādo. Ayaṃ paṭiccasamuppādehi otaraṇā.

    สาเยว วิปสฺสนา ปญฺญากฺขโนฺธฯ อยํ ขเนฺธหิ โอตรณาฯ

    Sāyeva vipassanā paññākkhandho. Ayaṃ khandhehi otaraṇā.

    สาเยว วิปสฺสนา เทฺว อินฺทฺริยานิ – วีริยินฺทฺริยญฺจ ปญฺญินฺทฺริยญฺจฯ อยํ อินฺทฺริเยหิ โอตรณาฯ

    Sāyeva vipassanā dve indriyāni – vīriyindriyañca paññindriyañca. Ayaṃ indriyehi otaraṇā.

    สาเยว วิปสฺสนา สงฺขารปริยาปนฺนา, เย สงฺขารา อนาสวา, โน จ ภวงฺคา, เต สงฺขารา ธมฺมธาตุสงฺคหิตาฯ อยํ ธาตูหิ โอตรณาฯ

    Sāyeva vipassanā saṅkhārapariyāpannā, ye saṅkhārā anāsavā, no ca bhavaṅgā, te saṅkhārā dhammadhātusaṅgahitā. Ayaṃ dhātūhi otaraṇā.

    สา ธมฺมธาตุ ธมฺมายตนปริยาปนฺนา, ยํ อายตนํ อนาสวํ, โน จ ภวงฺคํฯ อยํ อายตเนหิ โอตรณาฯ

    Sā dhammadhātu dhammāyatanapariyāpannā, yaṃ āyatanaṃ anāsavaṃ, no ca bhavaṅgaṃ. Ayaṃ āyatanehi otaraṇā.

    ‘‘ปสฺสทฺธิยา สตี’’ติ ทุวิธา ปสฺสทฺธิ กายิกา จ เจตสิกา จฯ ยํ กายิกํ สุขํ, อยํ กายปสฺสทฺธิฯ ยํ เจตสิกํ สุขํ, อยํ เจตสิกา ปสฺสทฺธิฯ ปสฺสทฺธกาโย สุขํ เวทิยติ 5, สุขิโน จิตฺตํ สมาธิยติ, สมาหิโต ยถาภูตํ ปชานาติ, ยถาภูตํ ปชานโนฺต นิพฺพินฺทติ, นิพฺพินฺทโนฺต วิรชฺชติ, วิราคา วิมุจฺจติ, วิมุตฺตสฺมิํ ‘‘วิมุตฺต’’มิติ 6 ญาณํ โหติ, ‘‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา’’ติ ปชานาติฯ โส น นมติ รูเปสุ, น สเทฺทสุ, น คเนฺธสุ, น รเสสุ, น โผฎฺฐเพฺพสุ, น ธเมฺมสุ ขยา ราคสฺส ขยา โทสสฺส ขยา โมหสฺส เยน รูเปน ตถาคตํ ติฎฺฐนฺตํ จรนฺตํ ปญฺญาปยมาโน ปญฺญาเปยฺย, ตสฺส รูปสฺส ขยา วิราคา นิโรธา จาคา ปฎินิสฺสคฺคา รูปสงฺขเย วิมุโตฺต, ตถาคโต อตฺถีติปิ น อุเปติ, นตฺถีติปิ น อุเปติ, อตฺถิ นตฺถีติปิ น อุเปติ, เนวตฺถิ โน นตฺถีติปิ น อุเปติฯ อถ โข คมฺภีโร อปฺปเมโยฺย อสเงฺขโยฺย นิพฺพุโตติเยว สงฺขํ คจฺฉติ ขยา ราคสฺส, ขยา โทสสฺส, ขยา โมหสฺสฯ

    ‘‘Passaddhiyā satī’’ti duvidhā passaddhi kāyikā ca cetasikā ca. Yaṃ kāyikaṃ sukhaṃ, ayaṃ kāyapassaddhi. Yaṃ cetasikaṃ sukhaṃ, ayaṃ cetasikā passaddhi. Passaddhakāyo sukhaṃ vediyati 7, sukhino cittaṃ samādhiyati, samāhito yathābhūtaṃ pajānāti, yathābhūtaṃ pajānanto nibbindati, nibbindanto virajjati, virāgā vimuccati, vimuttasmiṃ ‘‘vimutta’’miti 8 ñāṇaṃ hoti, ‘‘khīṇā jāti, vusitaṃ brahmacariyaṃ, kataṃ karaṇīyaṃ, nāparaṃ itthattāyā’’ti pajānāti. So na namati rūpesu, na saddesu, na gandhesu, na rasesu, na phoṭṭhabbesu, na dhammesu khayā rāgassa khayā dosassa khayā mohassa yena rūpena tathāgataṃ tiṭṭhantaṃ carantaṃ paññāpayamāno paññāpeyya, tassa rūpassa khayā virāgā nirodhā cāgā paṭinissaggā rūpasaṅkhaye vimutto, tathāgato atthītipi na upeti, natthītipi na upeti, atthi natthītipi na upeti, nevatthi no natthītipi na upeti. Atha kho gambhīro appameyyo asaṅkheyyo nibbutotiyeva saṅkhaṃ gacchati khayā rāgassa, khayā dosassa, khayā mohassa.

    ยาย เวทนาย…เป.… ยาย สญฺญายฯ เยหิ สงฺขาเรหิฯ เยน วิญฺญาเณน ตถาคตํ ติฎฺฐนฺตํ จรนฺตํ ปญฺญาปยมาโน ปญฺญาเปยฺย, ตสฺส วิญฺญาณสฺส ขยา วิราคา นิโรธา จาคา ปฎินิสฺสคฺคา วิญฺญาณสงฺขเย วิมุโตฺต, ตถาคโต อตฺถีติปิ น อุเปติ, นตฺถีติปิ น อุเปติ, อตฺถิ นตฺถีติปิ น อุเปติ, เนวตฺถิ โน นตฺถีติปิ น อุเปติฯ อถ โข คมฺภีโร อปฺปเมโยฺย อสเงฺขโยฺย นิพฺพุโตติเยว สงฺขํ คจฺฉติ ขยา ราคสฺส, ขยา โทสสฺส, ขยา โมหสฺสฯ ‘‘อาคตี’’ติ อิธาคติฯ ‘‘คตี’’ติ เปจฺจภโวฯ อาคติคตีปิ น ภวนฺติ, ‘‘เนวิธา’’ติ ฉสุ อชฺฌตฺติเกสุ อายตเนสุฯ ‘‘น หุร’’นฺติ ฉสุ พาหิเรสุ อายตเนสุฯ ‘‘น อุภยมนฺตเรนา’’ติ ผสฺสสมุทิเตสุ ธเมฺมสุ อตฺตานํ น ปสฺสติฯ ‘‘เอเสวโนฺต ทุกฺขสฺสา’’ติ ปฎิจฺจสมุปฺปาโทฯ โส ทุวิโธ โลกิโย จ โลกุตฺตโร จฯ ตตฺถ โลกิโย อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา, ยาว ชรามรณาฯ โลกุตฺตโร สีลวโต อวิปฺปฎิสาโร ชายติ, ยาว นาปรํ อิตฺถตฺตายาติ ปชานาติฯ เตนาห ภควา ‘‘นิสฺสิตสฺส จลิตํ อนิสฺสิตสฺส จลิตํ นตฺถิ…เป.… เอเสวโนฺต ทุกฺขสฺสา’’ติฯ

    Yāya vedanāya…pe… yāya saññāya. Yehi saṅkhārehi. Yena viññāṇena tathāgataṃ tiṭṭhantaṃ carantaṃ paññāpayamāno paññāpeyya, tassa viññāṇassa khayā virāgā nirodhā cāgā paṭinissaggā viññāṇasaṅkhaye vimutto, tathāgato atthītipi na upeti, natthītipi na upeti, atthi natthītipi na upeti, nevatthi no natthītipi na upeti. Atha kho gambhīro appameyyo asaṅkheyyo nibbutotiyeva saṅkhaṃ gacchati khayā rāgassa, khayā dosassa, khayā mohassa. ‘‘Āgatī’’ti idhāgati. ‘‘Gatī’’ti peccabhavo. Āgatigatīpi na bhavanti, ‘‘nevidhā’’ti chasu ajjhattikesu āyatanesu. ‘‘Na hura’’nti chasu bāhiresu āyatanesu. ‘‘Na ubhayamantarenā’’ti phassasamuditesu dhammesu attānaṃ na passati. ‘‘Esevanto dukkhassā’’ti paṭiccasamuppādo. So duvidho lokiyo ca lokuttaro ca. Tattha lokiyo avijjāpaccayā saṅkhārā, yāva jarāmaraṇā. Lokuttaro sīlavato avippaṭisāro jāyati, yāva nāparaṃ itthattāyāti pajānāti. Tenāha bhagavā ‘‘nissitassa calitaṃ anissitassa calitaṃ natthi…pe… esevanto dukkhassā’’ti.

    ๔๔.

    44.

    ‘‘เย เกจิ โสกา ปริเทวิตา วา, ทุกฺขา 9 จ โลกสฺมิมเนกรูปาฯ

    ‘‘Ye keci sokā paridevitā vā, dukkhā 10 ca lokasmimanekarūpā.

    ปิยํ ปฎิจฺจปฺปภวนฺติ เอเต, ปิเย อสเนฺต น ภวนฺติ เอเตฯ

    Piyaṃ paṭiccappabhavanti ete, piye asante na bhavanti ete.

    ตสฺมา หิ เต สุขิโน วีตโสกา, เยสํ ปิยํ นตฺถิ กุหิญฺจิ โลเก;

    Tasmā hi te sukhino vītasokā, yesaṃ piyaṃ natthi kuhiñci loke;

    ตสฺมา อโสกํ วิรชํ ปตฺถยาโน, ปิยํ น กยิราถ กุหิญฺจิ โลเก’’ติฯ

    Tasmā asokaṃ virajaṃ patthayāno, piyaṃ na kayirātha kuhiñci loke’’ti.

    ‘‘เย เกจิ โสกา ปริเทวิตา วา, ทุกฺขา จ โลกสฺมิมเนกรูปา ปิยํ ปฎิจฺจปฺปภวนฺติ เอเต’’ติ – อยํ ทุกฺขา เวทนาฯ ‘‘ปิเย อสเนฺต น ภวนฺติ เอเต’’ติ – อยํ สุขา เวทนาฯ เวทนา เวทนากฺขโนฺธฯ อยํ ขเนฺธหิ โอตรณาฯ

    ‘‘Ye keci sokā paridevitā vā, dukkhā ca lokasmimanekarūpā piyaṃ paṭiccappabhavanti ete’’ti – ayaṃ dukkhā vedanā. ‘‘Piye asante na bhavanti ete’’ti – ayaṃ sukhā vedanā. Vedanā vedanākkhandho. Ayaṃ khandhehi otaraṇā.

    เวทนาปจฺจยา ตณฺหา, ตณฺหาปจฺจยา อุปาทานํ, อุปาทานปจฺจยา ภโว, ภวปจฺจยา ชาติ, ชาติปจฺจยา ชรามรณํ, เอวํ สพฺพํฯ อยํ ปฎิจฺจสมุปฺปาเทหิ โอตรณาฯ

    Vedanāpaccayā taṇhā, taṇhāpaccayā upādānaṃ, upādānapaccayā bhavo, bhavapaccayā jāti, jātipaccayā jarāmaraṇaṃ, evaṃ sabbaṃ. Ayaṃ paṭiccasamuppādehi otaraṇā.

    ตตฺถ สุขา เวทนา เทฺว อินฺทฺริยานิ – สุขินฺทฺริยํ โสมนสฺสินฺทฺริยญฺจฯ ทุกฺขา เวทนา เทฺว อินฺทฺริยานิ – ทุกฺขินฺทฺริยํ โทมนสฺสินฺทฺริยญฺจฯ อยํ อินฺทฺริเยหิ โอตรณาฯ

    Tattha sukhā vedanā dve indriyāni – sukhindriyaṃ somanassindriyañca. Dukkhā vedanā dve indriyāni – dukkhindriyaṃ domanassindriyañca. Ayaṃ indriyehi otaraṇā.

    ตานิเยว อินฺทฺริยานิ สงฺขารปริยาปนฺนานิ, เย สงฺขารา สาสวา ภวงฺคา, เต สงฺขารา ธมฺมธาตุสงฺคหิตาฯ อยํ ธาตูหิ โอตรณาฯ

    Tāniyeva indriyāni saṅkhārapariyāpannāni, ye saṅkhārā sāsavā bhavaṅgā, te saṅkhārā dhammadhātusaṅgahitā. Ayaṃ dhātūhi otaraṇā.

    สา ธมฺมธาตุ ธมฺมายตนปริยาปนฺนา, ยํ อายตนํ สาสวํ ภวงฺคํฯ อยํ อายตเนหิ โอตรณาฯ

    Sā dhammadhātu dhammāyatanapariyāpannā, yaṃ āyatanaṃ sāsavaṃ bhavaṅgaṃ. Ayaṃ āyatanehi otaraṇā.

    ตสฺมา หิ เต สุขิโน วีตโสกา, เยสํ ปิยํ นตฺถิ กุหิญฺจิ โลเก;

    Tasmā hi te sukhino vītasokā, yesaṃ piyaṃ natthi kuhiñci loke;

    ตสฺมา อโสกํ วิรชํ ปตฺถยาโน, ปิยํ น กยิราถ กุหิญฺจิ โลเกติฯ

    Tasmā asokaṃ virajaṃ patthayāno, piyaṃ na kayirātha kuhiñci loketi.

    อิทํ ตณฺหาปหานํฯ ตณฺหานิโรธา อุปาทานนิโรโธ, อุปาทานนิโรธา ภวนิโรโธ, เอวํ สพฺพํฯ อยํ ปฎิจฺจสมุปฺปาเทหิ โอตรณาฯ

    Idaṃ taṇhāpahānaṃ. Taṇhānirodhā upādānanirodho, upādānanirodhā bhavanirodho, evaṃ sabbaṃ. Ayaṃ paṭiccasamuppādehi otaraṇā.

    ตํเยว ตณฺหาปหานํ สมโถฯ โส สมโถ เทฺว อินฺทฺริยานิ สตินฺทฺริยํ สมาธินฺทฺริยญฺจฯ อยํ อินฺทฺริเยหิ โอตรณาฯ

    Taṃyeva taṇhāpahānaṃ samatho. So samatho dve indriyāni satindriyaṃ samādhindriyañca. Ayaṃ indriyehi otaraṇā.

    โสเยว สมโถ สมาธิกฺขโนฺธฯ อยํ ขเนฺธหิ โอตรณาฯ

    Soyeva samatho samādhikkhandho. Ayaṃ khandhehi otaraṇā.

    โสเยว สมโถ สงฺขารปริยาปโนฺน, เย สงฺขารา อนาสวา, โน จ ภวงฺคา, เต สงฺขารา ธมฺมธาตุสงฺคหิตาฯ อยํ ธาตูหิ โอตรณาฯ

    Soyeva samatho saṅkhārapariyāpanno, ye saṅkhārā anāsavā, no ca bhavaṅgā, te saṅkhārā dhammadhātusaṅgahitā. Ayaṃ dhātūhi otaraṇā.

    สา ธมฺมธาตุ ธมฺมายตนปริยาปนฺนา, ยํ อายตนํ อนาสวํ, โน จ ภวงฺคํฯ อยํ อายตเนหิ โอตรณาฯ เตนาห ภควา ‘‘เย เกจิ โสกา’’ติฯ

    Sā dhammadhātu dhammāyatanapariyāpannā, yaṃ āyatanaṃ anāsavaṃ, no ca bhavaṅgaṃ. Ayaṃ āyatanehi otaraṇā. Tenāha bhagavā ‘‘ye keci sokā’’ti.

    กามํ กามยมานสฺส, ตสฺส เจ ตํ สมิชฺฌติ;

    Kāmaṃ kāmayamānassa, tassa ce taṃ samijjhati;

    อทฺธา ปีติมโน โหติ, ลทฺธา มโจฺจ ยทิจฺฉติฯ

    Addhā pītimano hoti, laddhā macco yadicchati.

    ตสฺส เจ กามยานสฺส, ฉนฺทชาตสฺส ชนฺตุโน;

    Tassa ce kāmayānassa, chandajātassa jantuno;

    เต กามา ปริหายนฺติ, สลฺลวิโทฺธว รุปฺปติฯ

    Te kāmā parihāyanti, sallaviddhova ruppati.

    โย กาเม ปริวเชฺชติ, สปฺปเสฺสว 11 ปทา สิโร;

    Yo kāme parivajjeti, sappasseva 12 padā siro;

    โสมํ วิสตฺติกํ โลเก, สโต สมติวตฺตตีติฯ

    Somaṃ visattikaṃ loke, sato samativattatīti.

    ตตฺถ ยา ปีติมนตา, อยํ อนุนโยฯ ยทาห สลฺลวิโทฺธว รุปฺปตีติ, อิทํ ปฎิฆํฯ อนุนยํ ปฎิฆญฺจ ปน ตณฺหาปโกฺข, ตณฺหาย จ ปน ทสรูปีนิ อายตนานิ ปทฎฺฐานํฯ อยํ อายตเนหิ โอตรณาฯ

    Tattha yā pītimanatā, ayaṃ anunayo. Yadāha sallaviddhova ruppatīti, idaṃ paṭighaṃ. Anunayaṃ paṭighañca pana taṇhāpakkho, taṇhāya ca pana dasarūpīni āyatanāni padaṭṭhānaṃ. Ayaṃ āyatanehi otaraṇā.

    ตานิเยว ทส รูปีนิ รูปกาโย นามสมฺปยุโตฺต, ตทุภยํ นามรูปํ, นามรูปปจฺจยา สฬายตนํ, สฬายตนปจฺจยา ผโสฺส, ผสฺสปจฺจยา เวทนา, เวทนาปจฺจยา ตณฺหา, เอวํ สพฺพํฯ อยํ ปฎิจฺจสมุปฺปาเทหิ โอตรณาฯ

    Tāniyeva dasa rūpīni rūpakāyo nāmasampayutto, tadubhayaṃ nāmarūpaṃ, nāmarūpapaccayā saḷāyatanaṃ, saḷāyatanapaccayā phasso, phassapaccayā vedanā, vedanāpaccayā taṇhā, evaṃ sabbaṃ. Ayaṃ paṭiccasamuppādehi otaraṇā.

    ตเทว นามรูปํ ปญฺจกฺขโนฺธ; อยํ ขเนฺธหิ โอตรณา;

    Tadeva nāmarūpaṃ pañcakkhandho; Ayaṃ khandhehi otaraṇā;

    ตเทว นามรูปํ อฎฺฐารส ธาตุโย; อยํ ธาตูหิ โอตรณา;

    Tadeva nāmarūpaṃ aṭṭhārasa dhātuyo; Ayaṃ dhātūhi otaraṇā;

    ตตฺถ โย รูปกาโย อิมานิ ปญฺจ รูปีนิ อินฺทฺริยานิ, โย นามกาโย อิมานิ ปญฺจ อรูปีนิ อินฺทฺริยานิ, อิมานิ ทส อินฺทฺริยานิฯ อยํ อินฺทฺริเยหิ โอตรณาฯ

    Tattha yo rūpakāyo imāni pañca rūpīni indriyāni, yo nāmakāyo imāni pañca arūpīni indriyāni, imāni dasa indriyāni. Ayaṃ indriyehi otaraṇā.

    ตตฺถ ยทาห –

    Tattha yadāha –

    ‘‘โย กาเม ปริวเชฺชติ, สปฺปเสฺสว ปทา สิโร;

    ‘‘Yo kāme parivajjeti, sappasseva padā siro;

    โสมํ วิสตฺติกํ โลเก, สโต สมติวตฺตตี’’ติฯ

    Somaṃ visattikaṃ loke, sato samativattatī’’ti.

    อยํ สอุปาทิเสสา นิพฺพานธาตุ, อยํ ธาตูหิ โอตรณาฯ

    Ayaṃ saupādisesā nibbānadhātu, ayaṃ dhātūhi otaraṇā.

    สาเยว สอุปาทิเสสา นิพฺพานธาตุ วิชฺชา, วิชฺชุปฺปาทา อวิชฺชานิโรโธ, อวิชฺชานิโรธา สงฺขารนิโรโธ, เอวํ สพฺพํฯ อยํ ปฎิจฺจสมุปฺปาเทหิ โอตรณาฯ

    Sāyeva saupādisesā nibbānadhātu vijjā, vijjuppādā avijjānirodho, avijjānirodhā saṅkhāranirodho, evaṃ sabbaṃ. Ayaṃ paṭiccasamuppādehi otaraṇā.

    สาเยว วิชฺชา ปญฺญากฺขโนฺธฯ อยํ ขเนฺธหิ โอตรณาฯ

    Sāyeva vijjā paññākkhandho. Ayaṃ khandhehi otaraṇā.

    สาเยว วิชฺชา เทฺว อินฺทฺริยานิ – วีริยินฺทฺริยํ ปญฺญินฺทฺริยญฺจฯ อยํ อินฺทฺริเยหิ โอตรณาฯ

    Sāyeva vijjā dve indriyāni – vīriyindriyaṃ paññindriyañca. Ayaṃ indriyehi otaraṇā.

    สาเยว วิชฺชา สงฺขารปริยาปนฺนา, เย สงฺขารา อนาสวา, โน จ ภวงฺคา, เต สงฺขารา ธมฺมธาตุสงฺคหิตาฯ อยํ ธาตูหิ โอตรณาฯ

    Sāyeva vijjā saṅkhārapariyāpannā, ye saṅkhārā anāsavā, no ca bhavaṅgā, te saṅkhārā dhammadhātusaṅgahitā. Ayaṃ dhātūhi otaraṇā.

    สา ธมฺมธาตุ ธมฺมายตนปริยาปนฺนา, ยํ อายตนํ อนาสวํ, โน จ ภวงฺคํฯ อยํ อายตเนหิ โอตรณาฯ เตนาห ภควา ‘‘กามํ กามยมานสฺสา’’ติฯ

    Sā dhammadhātu dhammāyatanapariyāpannā, yaṃ āyatanaṃ anāsavaṃ, no ca bhavaṅgaṃ. Ayaṃ āyatanehi otaraṇā. Tenāha bhagavā ‘‘kāmaṃ kāmayamānassā’’ti.

    เอตฺตาวตา ปฎิจฺจ อินฺทฺริยขนฺธธาตุอายตนานิ สโมสรโณตรณานิ ภวนฺติฯ เอวํ ปฎิจฺจ อินฺทฺริยขนฺธธาตุอายตนานิ โอตาเรตพฺพานิฯ เตนาห อายสฺมา มหากจฺจายโน ‘‘โย จ ปฎิจฺจุปฺปาโท’’ติฯ

    Ettāvatā paṭicca indriyakhandhadhātuāyatanāni samosaraṇotaraṇāni bhavanti. Evaṃ paṭicca indriyakhandhadhātuāyatanāni otāretabbāni. Tenāha āyasmā mahākaccāyano ‘‘yo ca paṭiccuppādo’’ti.

    นิยุโตฺต โอตรโณ หาโรฯ

    Niyutto otaraṇo hāro.







    Footnotes:
    1. อยมหมสฺมีติ (สี.) ปสฺส อุทา. ๖๑
    2. ayamahamasmīti (sī.) passa udā. 61
    3. ปสฺส อุทา. ๗๔
    4. passa udā. 74
    5. เวทยติ (ก.)
    6. วิมุตฺตมฺหีติ (สี. ก.)
    7. vedayati (ka.)
    8. vimuttamhīti (sī. ka.)
    9. ทุกฺขํ (สี. ก.) ปสฺส อุทา. ๗๘
    10. dukkhaṃ (sī. ka.) passa udā. 78
    11. สพฺพเสฺสว (ก.) ปสฺส สุ. นิ. ๗๗๔
    12. sabbasseva (ka.) passa su. ni. 774



    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / ขุทฺทกนิกาย (อฎฺฐกถา) • Khuddakanikāya (aṭṭhakathā) / เนตฺติปฺปกรณ-อฎฺฐกถา • Nettippakaraṇa-aṭṭhakathā / ๑๒. โอตรณหารวิภงฺควณฺณนา • 12. Otaraṇahāravibhaṅgavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / ขุทฺทกนิกาย (ฎีกา) • Khuddakanikāya (ṭīkā) / เนตฺติปฺปกรณ-ฎีกา • Nettippakaraṇa-ṭīkā / ๑๒. โอตรณหารวิภงฺควณฺณนา • 12. Otaraṇahāravibhaṅgavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / ขุทฺทกนิกาย (ฎีกา) • Khuddakanikāya (ṭīkā) / เนตฺติวิภาวินี • Nettivibhāvinī / ๑๒. โอตรณหารวิภงฺควิภาวนา • 12. Otaraṇahāravibhaṅgavibhāvanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact