Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / กงฺขาวิตรณี-อภินว-ฎีกา • Kaṅkhāvitaraṇī-abhinava-ṭīkā |
๓. โอวาทวโคฺค
3. Ovādavaggo
๑. โอวาทสิกฺขาปทวณฺณนา
1. Ovādasikkhāpadavaṇṇanā
อฎฺฐงฺคสมนฺนาคตสฺสาติ ‘‘สีลวา โหตี’’ติอาทีหิ (ปาจิ. ๑๔๗) อฎฺฐหิ อเงฺคหิ สมนฺนาคตสฺสฯ อนุญฺญาตาติ อิมสฺส สิกฺขาปทสฺส นิทาเน อนุญฺญาตา ฯ ‘‘วสฺสสตูปสมฺปนฺนายา’’ติอาทิ วกฺขมานอฎฺฐครุธมฺมทสฺสนํฯ ตตฺถ สามีจิกมฺมนฺติ มคฺคสมฺปทานพีชนปานียาปุจฺฉนาทิกํ อนุจฺฉวิกํ วตฺตํฯ อาทิสเทฺทน –
Aṭṭhaṅgasamannāgatassāti ‘‘sīlavā hotī’’tiādīhi (pāci. 147) aṭṭhahi aṅgehi samannāgatassa. Anuññātāti imassa sikkhāpadassa nidāne anuññātā . ‘‘Vassasatūpasampannāyā’’tiādi vakkhamānaaṭṭhagarudhammadassanaṃ. Tattha sāmīcikammanti maggasampadānabījanapānīyāpucchanādikaṃ anucchavikaṃ vattaṃ. Ādisaddena –
‘‘น ภิกฺขุนิยา อภิกฺขุเก อาวาเส วสฺสํ วสิตพฺพํ, อนฺวทฺธมาสํ ภิกฺขุนิยา ภิกฺขุสงฺฆโต เทฺว ธมฺมา ปจฺจาสีสิตพฺพา อุโปสถปุจฺฉกญฺจ โอวาทูปสงฺกมนญฺจ, วสฺสํวุฎฺฐาย ภิกฺขุนิยา อุภโตสเงฺฆ ตีหิ ฐาเนหิ ปวาเรตพฺพํ ทิเฎฺฐน วา สุเตน วา ปริสงฺกาย วา, ครุธมฺมํ อชฺฌาปนฺนาย ภิกฺขุนิยา อุภโตสเงฺฆ ปกฺขมานตฺตํ จริตพฺพํ, เทฺว วสฺสานิ ฉสุ ธเมฺมสุ สิกฺขิตสิกฺขาย สิกฺขมานาย อุภโตสเงฺฆ อุปสมฺปทา ปริเยสิตพฺพา, น ภิกฺขุนิยา เกนจิ ปริยาเยน ภิกฺขุ อโกฺกสิตโพฺพ ปริภาสิตโพฺพ, อชฺชตเคฺค โอวโฎ ภิกฺขุนีนํ ภิกฺขูสุ วจนปโถ, อโนวโฎ ภิกฺขูนํ ภิกฺขุนีสุ วจนปโถ’’ติ (จูฬว. ๔๐๓; อ. นิ. ๘.๕๑) –
‘‘Na bhikkhuniyā abhikkhuke āvāse vassaṃ vasitabbaṃ, anvaddhamāsaṃ bhikkhuniyā bhikkhusaṅghato dve dhammā paccāsīsitabbā uposathapucchakañca ovādūpasaṅkamanañca, vassaṃvuṭṭhāya bhikkhuniyā ubhatosaṅghe tīhi ṭhānehi pavāretabbaṃ diṭṭhena vā sutena vā parisaṅkāya vā, garudhammaṃ ajjhāpannāya bhikkhuniyā ubhatosaṅghe pakkhamānattaṃ caritabbaṃ, dve vassāni chasu dhammesu sikkhitasikkhāya sikkhamānāya ubhatosaṅghe upasampadā pariyesitabbā, na bhikkhuniyā kenaci pariyāyena bhikkhu akkositabbo paribhāsitabbo, ajjatagge ovaṭo bhikkhunīnaṃ bhikkhūsu vacanapatho, anovaṭo bhikkhūnaṃ bhikkhunīsu vacanapatho’’ti (cūḷava. 403; a. ni. 8.51) –
อิเม สตฺต ธเมฺม สงฺคณฺหาติฯ ครุธเมฺมติ ครุเก ธเมฺมฯ เต หิ คารวํ กตฺวา ภิกฺขุนีหิ สมฺปฎิจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘ครุธมฺมา’’ติ วุจฺจนฺติฯ
Ime satta dhamme saṅgaṇhāti. Garudhammeti garuke dhamme. Te hi gāravaṃ katvā bhikkhunīhi sampaṭicchitabbattā ‘‘garudhammā’’ti vuccanti.
อเญฺญน วา ธเมฺมนาติ ฐเปตฺวา อฎฺฐ ครุธเมฺม อเญฺญน เยน เกนจิ ธเมฺมนฯ ภิกฺขุนีสุ อุปสมฺปนฺนมตฺตํ วา โอวทโตติ ภิกฺขุนีสุ อุปสมฺปนฺนมตฺตํ ครุธเมฺมน โอวทโต วาฯ ภิกฺขูนํ สนฺติเก อุปสมฺปนฺนาย ยถาวตฺถุกเมวฯ ‘‘อธมฺมกเมฺม’’ติอาทีสุ ภิกฺขุโนวาทสมฺมุติกมฺมํ ‘‘กมฺม’’นฺติ เวทิตพฺพนฺติ อาห ‘‘สมฺมตสฺสาปี’’ติอาทิฯ วเคฺค ภิกฺขุนิสเงฺฆ โอวทโต ติกปาจิตฺติยนฺติ วเคฺค ภิกฺขุนิสเงฺฆ โอวทโต วคฺคสญฺญิเวมติกสมคฺคสญฺญีนํ วเสน ตีณิ ปาจิตฺติยานิฯ ตถา เวมติกสฺส จาติ อธมฺมกเมฺม เวมติกสฺส จ วเคฺค ภิกฺขุนิสเงฺฆ โอวทโต ติกปาจิตฺติยนฺติ อโตฺถฯ เอส นโย ธมฺมกมฺมสญฺญิโน จาติ เอตฺถาปิฯ ยถา จ วเคฺค ภิกฺขุนิสเงฺฆ โอวทโต นว ปาจิตฺติยานิ, เอวํ อธมฺมกเมฺม อธมฺมกมฺมสญฺญิโน สมเคฺค ภิกฺขุนิสเงฺฆ โอวทโต ตสฺมิํ สเงฺฆ วคฺคสญฺญิเวมติกสมคฺคสญฺญีนํ วเสน ติกปาจิตฺติยํ, ตถา เวมติกสฺส จ ธมฺมกมฺมสญฺญิโน จาติ นว ปาจิตฺติยานิฯ เตนาห ‘‘สมเคฺคปิ ภิกฺขุนิสเงฺฆ นวา’’ติอาทิฯ ธมฺมกเมฺม ปน อธมฺมกมฺมสญฺญิโน วคฺคํ ภิกฺขุนิสงฺฆํ โอวทโต ติกทุกฺกฎํ, ตถา เวมติกสฺส, ธมฺมกมฺมสญฺญิโน จาติ นว ทุกฺกฎานิฯ สมคฺคํ ปน ภิกฺขุนิสงฺฆํ โอวทโต อฎฺฐาติ สตฺตรส ทุกฺกฎานิฯ เตนาห ‘‘สเจ ปนา’’ติอาทิฯ อญฺญํ ธมฺมนฺติ อญฺญํ สุตฺตนฺตํ วา อภิธมฺมํ วาฯ ‘‘สมคฺคามฺหายฺยา’’ติ วจเนน หิ โอวาทํ ปจฺจาสีสนฺติฯ ตสฺมา ฐเปตฺวา โอวาทํ อญฺญํ ธมฺมํ ภณนฺตสฺส ทุกฺกฎํฯ โอวาทญฺจ อนิยฺยาเตตฺวาติ ‘‘เอโส ภคินิ โอวาโท’’ติ อวตฺวาฯ ปริปุจฺฉํ เทตีติ ตสฺสาเยว ปคุณาย ครุธมฺมปาฬิยา อตฺถํ ภณติฯ โอสาเรหีติ อุจฺจาเรหิ, กเถหีติ อโตฺถฯ โอสาเรตีติ อฎฺฐครุธมฺมปาฬิํ วทติฯ ปญฺหํ ปุโฎฺฐติ ครุธมฺมนิสฺสิตํ วา ขนฺธาทินิสฺสิตํ วา ปญฺหํ ภิกฺขุนิยา ปุโฎฺฐฯ
Aññena vā dhammenāti ṭhapetvā aṭṭha garudhamme aññena yena kenaci dhammena. Bhikkhunīsu upasampannamattaṃ vā ovadatoti bhikkhunīsu upasampannamattaṃ garudhammena ovadato vā. Bhikkhūnaṃ santike upasampannāya yathāvatthukameva. ‘‘Adhammakamme’’tiādīsu bhikkhunovādasammutikammaṃ ‘‘kamma’’nti veditabbanti āha ‘‘sammatassāpī’’tiādi. Vagge bhikkhunisaṅghe ovadato tikapācittiyanti vagge bhikkhunisaṅghe ovadato vaggasaññivematikasamaggasaññīnaṃ vasena tīṇi pācittiyāni. Tathā vematikassa cāti adhammakamme vematikassa ca vagge bhikkhunisaṅghe ovadato tikapācittiyanti attho. Esa nayo dhammakammasaññino cāti etthāpi. Yathā ca vagge bhikkhunisaṅghe ovadato nava pācittiyāni, evaṃ adhammakamme adhammakammasaññino samagge bhikkhunisaṅghe ovadato tasmiṃ saṅghe vaggasaññivematikasamaggasaññīnaṃ vasena tikapācittiyaṃ, tathā vematikassa ca dhammakammasaññino cāti nava pācittiyāni. Tenāha ‘‘samaggepi bhikkhunisaṅghe navā’’tiādi. Dhammakamme pana adhammakammasaññino vaggaṃ bhikkhunisaṅghaṃ ovadato tikadukkaṭaṃ, tathā vematikassa, dhammakammasaññino cāti nava dukkaṭāni. Samaggaṃ pana bhikkhunisaṅghaṃ ovadato aṭṭhāti sattarasa dukkaṭāni. Tenāha ‘‘sace panā’’tiādi. Aññaṃ dhammanti aññaṃ suttantaṃ vā abhidhammaṃ vā. ‘‘Samaggāmhāyyā’’ti vacanena hi ovādaṃ paccāsīsanti. Tasmā ṭhapetvā ovādaṃ aññaṃ dhammaṃ bhaṇantassa dukkaṭaṃ. Ovādañca aniyyātetvāti ‘‘eso bhagini ovādo’’ti avatvā. Paripucchaṃ detīti tassāyeva paguṇāya garudhammapāḷiyā atthaṃ bhaṇati. Osārehīti uccārehi, kathehīti attho. Osāretīti aṭṭhagarudhammapāḷiṃ vadati. Pañhaṃ puṭṭhoti garudhammanissitaṃ vā khandhādinissitaṃ vā pañhaṃ bhikkhuniyā puṭṭho.
โอวาทสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Ovādasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.