Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā |
๓. โอวาทวโคฺค
3. Ovādavaggo
๑. โอวาทสิกฺขาปทวณฺณนา
1. Ovādasikkhāpadavaṇṇanā
๑๔๔. กถานุสาเรนาติ โย ภิกฺขุโนวาทกตฺถิโก กิํสีโล กิํสมาจาโร กตรกุลา ปพฺพชิโตติอาทิ กถานุสาเรนาติ อโตฺถฯ สคฺคมคฺคคมเนปีติ อปิ-สเทฺทน โมกฺขคมเนปิฯ ‘‘ลกฺขณปฺปฎิเวธปฎิสํยุโตฺต’’ติ อฎฺฐครุธมฺมานุสาเรน วตฺตพฺพํ ธมฺมกถํ สนฺธาย วุตฺตํฯ
144.Kathānusārenāti yo bhikkhunovādakatthiko kiṃsīlo kiṃsamācāro katarakulā pabbajitotiādi kathānusārenāti attho. Saggamaggagamanepīti api-saddena mokkhagamanepi. ‘‘Lakkhaṇappaṭivedhapaṭisaṃyutto’’ti aṭṭhagarudhammānusārena vattabbaṃ dhammakathaṃ sandhāya vuttaṃ.
๑๔๕-๑๔๗. นิสฺสีมนฺติ วิหาเร พทฺธสีมโต อญฺญํ อพทฺธสีมํ, คามสีมาทินฺติ อโตฺถฯ ‘‘สุปินเนฺตนปี’’ติ น สเพฺพสนฺติ อิธ พาหุลฺลนเยน วุตฺตํฯ ฉพฺพคฺคิยา หิ เกจิ วีสติวสฺสาปิ อตฺถิ อติเรกวีสติวสฺสาปีติ อิมินา อิมํ มชฺฌิมโพธิกาเล ปญฺญตฺตนฺติ วิญฺญายติฯ ‘‘สีลวา โหตี’’ติ วตฺวา ตสฺส จตุพฺพิธตฺตา อิธ อธิเปฺปตสีลเมว ทเสฺสตุํ ‘‘ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต’’ติอาทิ วุตฺตํฯ คณฺฐานุคณฺฐิปเทสุ ‘‘สติสํวราทโย อิธ นาธิเปฺปตา, เตน วิภงฺคปาฐํ ทเสฺสติ อฎฺฐกถาจริโย’’ติ วุตฺตํฯ อตฺถโตติ ปาฬิอตฺถโตฯ การณโตติ การณูปปตฺติโต, อฎฺฐกถาโตติ อธิปฺปาโยฯ อถ วา การณโตติ ธมฺมโต, เตน อตฺถโต ธมฺมโตติ วุตฺตํ โหติฯ อถ วา อตฺถโตติ ผลโตฯ ‘‘การณโตติ เหตุโตฯ ธมฺมปทมฺปิ ชาตเกน สหา’’ติ ลิขิตํฯ ปญฺหํ กเถตุนฺติ ‘‘ปญฺหํ ปุโฎฺฐ กเถตี’’ติ เอตฺถ ภิกฺขุนิยา ปุเฎฺฐน ‘‘น ชานามี’’ติ น สกฺกา กเถตุํฯ ‘‘น โข ปน ตํ ภควนฺต’’นฺติ ปาโฐฯ ‘‘น โข ปเนต’’นฺติ จ ลิขนฺติ, ตํ น สุนฺทรํฯ ‘‘กาสายวตฺถวสนายา’’ติ วจนโต ปาราชิกายปิ น วฎฺฎติฯ ภิกฺขุนิยา กายสํสคฺคเมว วุตฺตํฯ เมถุเนน หิ ภิกฺขุนีทูสโก โหติฯ
145-147.Nissīmanti vihāre baddhasīmato aññaṃ abaddhasīmaṃ, gāmasīmādinti attho. ‘‘Supinantenapī’’ti na sabbesanti idha bāhullanayena vuttaṃ. Chabbaggiyā hi keci vīsativassāpi atthi atirekavīsativassāpīti iminā imaṃ majjhimabodhikāle paññattanti viññāyati. ‘‘Sīlavā hotī’’ti vatvā tassa catubbidhattā idha adhippetasīlameva dassetuṃ ‘‘pātimokkhasaṃvarasaṃvuto’’tiādi vuttaṃ. Gaṇṭhānugaṇṭhipadesu ‘‘satisaṃvarādayo idha nādhippetā, tena vibhaṅgapāṭhaṃ dasseti aṭṭhakathācariyo’’ti vuttaṃ. Atthatoti pāḷiatthato. Kāraṇatoti kāraṇūpapattito, aṭṭhakathātoti adhippāyo. Atha vā kāraṇatoti dhammato, tena atthato dhammatoti vuttaṃ hoti. Atha vā atthatoti phalato. ‘‘Kāraṇatoti hetuto. Dhammapadampi jātakena sahā’’ti likhitaṃ. Pañhaṃ kathetunti ‘‘pañhaṃ puṭṭho kathetī’’ti ettha bhikkhuniyā puṭṭhena ‘‘na jānāmī’’ti na sakkā kathetuṃ. ‘‘Na kho pana taṃ bhagavanta’’nti pāṭho. ‘‘Na kho paneta’’nti ca likhanti, taṃ na sundaraṃ. ‘‘Kāsāyavatthavasanāyā’’ti vacanato pārājikāyapi na vaṭṭati. Bhikkhuniyā kāyasaṃsaggameva vuttaṃ. Methunena hi bhikkhunīdūsako hoti.
๑๔๘-๙. ภิกฺขูนํ สนฺติเก อุปสมฺปนฺนา นาม ปริวตฺตลิงฺคา, ปญฺจสตา สากิยานิโย วาฯ ‘‘ธมฺมเทสนาปตฺติโมจนตฺถํ ปนา’’ติ วจนโต มาตุคามคฺคหเณน สพฺพตฺถ ภิกฺขุนีสงฺคหํ คจฺฉตีติ สิทฺธํฯ ภิกฺขุนิคฺคหเณน ปน มาตุคาโม ติริยํ ตรณสิกฺขาปเท (ปาจิ. ๑๘๗-๑๙๐) สงฺคหิโต, น อญฺญตฺถฯ ‘‘โอสาเรตพฺพา’’ติ ปาฬิปาโฐ, ปาฬิ โอสาเรตพฺพาติ อโตฺถ ฯ ‘‘โอสาเรตพฺพ’’นฺติ อฎฺฐกถาปาฬิฯ เอกสฺมิํ ฐาเน วนฺทิเต โทสาภาวโต พหูสุ เอกาย วนฺทิเต วฎฺฎตีติ เจ? ภิกฺขูหิ กตฺตพฺพํ นตฺถิ, ภิกฺขุนิยาเยว กตฺตพฺพํ, ตสฺมา น วฎฺฎติ ฯ ‘‘ยตฺถ กตฺถจิ นิสินฺนายาติ อโนฺตทฺวาทสหเตฺถ นิสินฺนายา’’ติ วทนฺติฯ น นิมนฺติตา หุตฺวา คนฺตุกามาติ นิมนฺติตา หุตฺวา คนฺตุกามา ภิกฺขู อิธ นาธิเปฺปตา, วสฺสํ อุปคนฺตุกามาว อธิเปฺปตาติ อโตฺถฯ ยโต ปนาติ ภิกฺขุนีวิหารโตฯ ตตฺถาติ ภิกฺขุนีวิหาเรฯ กิญฺจาปิ ‘‘โอวาททายกา ภิกฺขู’’ติ วจนโต โอวาททายเกเหว สภิกฺขุโก อาวาโส โหติ, น สเพฺพหีติ อาปโนฺน, ตถาปิ อสติ ภิกฺขุโนวาทเก โอวาทสํวาสานํ อตฺถาย ยาจนตฺถาย อวสฺสํ คนฺตพฺพตฺตา อเญฺญหิปิ ภิกฺขูหิ สภิกฺขุโกปิ สภิกฺขุโก เอวาติ เวทิตโพฺพฯ สา รกฺขิตพฺพาติ วสฺสเจฺฉทาปตฺติ รกฺขิตพฺพาฯ กสฺมา? อาปทาสุ หีติอาทิฯ ‘‘อยํ อุโปสโถ จาตุทฺทสิโกติ ปุจฺฉิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ, ตมฺปิ เตรสิยํเยว, เอตรหิ ปน ภิกฺขุนิโย จาตุทฺทสิยํเยว คนฺตฺวา ‘‘กทา อยฺย อุโปสโถ’’ติ ปุจฺฉนฺติฯ ‘‘ชายาโย วา ชาริโย วา’’ติ อธิปฺปาเยน วุตฺตํ กิรฯ ‘‘คเจฺฉยฺย เจ, อาปตฺตี’’ติ ปาโฐฯ เทฺว ติโสฺสติ ทฺวีหิ ตีหิฯ เอกโต อาคตานํ วเสน ‘‘ตาหี’’ติ พหุวจนํ วุตฺตนฺติ อธิปฺปาโยฯ ‘‘เอกา ภิกฺขุนี วา พหู ภิกฺขุนี วา พหูหิ ภิกฺขุนุปสฺสเยหิ โอวาทตฺถาย เปสิตา’’ติ วจนสฺส วิตฺถาโร ‘‘ภิกฺขุนิสโงฺฆ จ อยฺย ภิกฺขุนิโย จา’’ติอาทินา วุโตฺตฯ ‘‘ภิกฺขุนิสโงฺฆ จ อยฺย ภิกฺขุนิโย จา’ติอาทิ นานาอุปสฺสเยหิ เปสิตาย วจน’’นฺติ จ ‘‘อปริปุณฺณสงฺฆปุคฺคลนานาวาสทุติยวจนวเสน ปญฺจกฺขตฺตุํ อุปสงฺกมนํ วุตฺต’’นฺติ จ ลิขิตํฯ ยสฺมิํ อาวาเส ปาติโมกฺขุเทฺทโส น ปวตฺตติ, ตตฺถาปิ ยาจนํ สมฺปฎิจฺฉิตฺวา ปุนทิวเส เยน ปฎิคฺคหิตํ, เตน ‘‘นตฺถิ โกจิ ภิกฺขุ ภิกฺขุโนวาทโก สมฺมโต’’ติอาทิ วตฺตพฺพํฯ อตฺถิ เจ สมฺมโต, นิทฺทิสิตโพฺพฯ ‘‘สยเมว เจ สมฺมโต, อห’นฺติ วตฺตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํฯ สเจ สมฺมโต วา โอวาทปฎิคฺคาหโก วา ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสติ, อเญฺญน อาโรจาเปตพฺพนฺติ เอเก, ‘‘อตฺตนาปิ อาโรเจตุํ วฎฺฎตี’’ติ จ วทนฺติฯ เกสุจิ โปตฺถเกสุ ‘‘อยฺยานํ ปวาเรตี’’ติ ลิขิตํ, เอวํ สติ ‘‘อยฺยสฺส ปวาเรมี’’ติ วตฺตพฺพํ, โปตฺถเก นตฺถิฯ
148-9. Bhikkhūnaṃ santike upasampannā nāma parivattaliṅgā, pañcasatā sākiyāniyo vā. ‘‘Dhammadesanāpattimocanatthaṃ panā’’ti vacanato mātugāmaggahaṇena sabbattha bhikkhunīsaṅgahaṃ gacchatīti siddhaṃ. Bhikkhuniggahaṇena pana mātugāmo tiriyaṃ taraṇasikkhāpade (pāci. 187-190) saṅgahito, na aññattha. ‘‘Osāretabbā’’ti pāḷipāṭho, pāḷi osāretabbāti attho . ‘‘Osāretabba’’nti aṭṭhakathāpāḷi. Ekasmiṃ ṭhāne vandite dosābhāvato bahūsu ekāya vandite vaṭṭatīti ce? Bhikkhūhi kattabbaṃ natthi, bhikkhuniyāyeva kattabbaṃ, tasmā na vaṭṭati . ‘‘Yattha katthaci nisinnāyāti antodvādasahatthe nisinnāyā’’ti vadanti. Na nimantitā hutvā gantukāmāti nimantitā hutvā gantukāmā bhikkhū idha nādhippetā, vassaṃ upagantukāmāva adhippetāti attho. Yato panāti bhikkhunīvihārato. Tatthāti bhikkhunīvihāre. Kiñcāpi ‘‘ovādadāyakā bhikkhū’’ti vacanato ovādadāyakeheva sabhikkhuko āvāso hoti, na sabbehīti āpanno, tathāpi asati bhikkhunovādake ovādasaṃvāsānaṃ atthāya yācanatthāya avassaṃ gantabbattā aññehipi bhikkhūhi sabhikkhukopi sabhikkhuko evāti veditabbo. Sā rakkhitabbāti vassacchedāpatti rakkhitabbā. Kasmā? Āpadāsu hītiādi. ‘‘Ayaṃ uposatho cātuddasikoti pucchitabba’’nti vuttaṃ, tampi terasiyaṃyeva, etarahi pana bhikkhuniyo cātuddasiyaṃyeva gantvā ‘‘kadā ayya uposatho’’ti pucchanti. ‘‘Jāyāyo vā jāriyo vā’’ti adhippāyena vuttaṃ kira. ‘‘Gaccheyya ce, āpattī’’ti pāṭho. Dve tissoti dvīhi tīhi. Ekato āgatānaṃ vasena ‘‘tāhī’’ti bahuvacanaṃ vuttanti adhippāyo. ‘‘Ekā bhikkhunī vā bahū bhikkhunī vā bahūhi bhikkhunupassayehi ovādatthāya pesitā’’ti vacanassa vitthāro ‘‘bhikkhunisaṅgho ca ayya bhikkhuniyo cā’’tiādinā vutto. ‘‘Bhikkhunisaṅgho ca ayya bhikkhuniyo cā’tiādi nānāupassayehi pesitāya vacana’’nti ca ‘‘aparipuṇṇasaṅghapuggalanānāvāsadutiyavacanavasena pañcakkhattuṃ upasaṅkamanaṃ vutta’’nti ca likhitaṃ. Yasmiṃ āvāse pātimokkhuddeso na pavattati, tatthāpi yācanaṃ sampaṭicchitvā punadivase yena paṭiggahitaṃ, tena ‘‘natthi koci bhikkhu bhikkhunovādako sammato’’tiādi vattabbaṃ. Atthi ce sammato, niddisitabbo. ‘‘Sayameva ce sammato, aha’nti vattabba’’nti vuttaṃ. Sace sammato vā ovādapaṭiggāhako vā pātimokkhaṃ uddisati, aññena ārocāpetabbanti eke, ‘‘attanāpi ārocetuṃ vaṭṭatī’’ti ca vadanti. Kesuci potthakesu ‘‘ayyānaṃ pavāretī’’ti likhitaṃ, evaṃ sati ‘‘ayyassa pavāremī’’ti vattabbaṃ, potthake natthi.
โอวาทสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Ovādasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / ๓. โอวาทวโคฺค • 3. Ovādavaggo
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā / ๑. โอวาทสิกฺขาปทวณฺณนา • 1. Ovādasikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / ๑. โอวาทสิกฺขาปทวณฺณนา • 1. Ovādasikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / ๑. โอวาทสิกฺขาปทวณฺณนา • 1. Ovādasikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / ๑. โอวาทสิกฺขาปท-อตฺถโยชนา • 1. Ovādasikkhāpada-atthayojanā