Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เทฺวมาติกาปาฬิ • Dvemātikāpāḷi |
๓. โอวาทวโคฺค
3. Ovādavaggo
๑. โอวาทสิกฺขาปทวณฺณนา
1. Ovādasikkhāpadavaṇṇanā
โอวาทวคฺคสฺส ปฐเม อสมฺมโตติ ยา อฎฺฐงฺคสมนฺนาคตสฺส ภิกฺขุโน ภควตา ญตฺติจตุเตฺถน กเมฺมน (ปาจิ. ๑๔๖) ภิกฺขุโนวาทกสมฺมุติ อนุญฺญาตา, ตาย อสมฺมโตฯ โอวเทยฺยาติ ภิกฺขุนิสงฺฆํ วา สมฺพหุลา วา เอกํ ภิกฺขุนิํ วา ‘‘วสฺสสตูปสมฺปนฺนาย ภิกฺขุนิยา ตทหุปสมฺปนฺนสฺส ภิกฺขุโน อภิวาทนํ ปจฺจุฎฺฐานํ อญฺชลิกมฺมํ สามีจิกมฺมํ กาตพฺพ’’นฺติ อาทิเก (จูฬว. ๔๐๓) อฎฺฐ ครุธเมฺม โอวาทวเสน โอสาเรโนฺต โอวเทยฺยฯ ปาจิตฺติยนฺติ โอวาทปริโยสาเน ปาจิตฺติยํฯ
Ovādavaggassa paṭhame asammatoti yā aṭṭhaṅgasamannāgatassa bhikkhuno bhagavatā ñatticatutthena kammena (pāci. 146) bhikkhunovādakasammuti anuññātā, tāya asammato. Ovadeyyāti bhikkhunisaṅghaṃ vā sambahulā vā ekaṃ bhikkhuniṃ vā ‘‘vassasatūpasampannāya bhikkhuniyā tadahupasampannassa bhikkhuno abhivādanaṃ paccuṭṭhānaṃ añjalikammaṃ sāmīcikammaṃ kātabba’’nti ādike (cūḷava. 403) aṭṭha garudhamme ovādavasena osārento ovadeyya. Pācittiyanti ovādapariyosāne pācittiyaṃ.
สาวตฺถิยํ ฉพฺพคฺคิเย ภิกฺขู อารพฺภ โอวทนวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ, อสาธารณปญฺญตฺติ, อนาณตฺติกํ, อเญฺญน วา ธเมฺมน ภิกฺขุนีสุ อุปสมฺปนฺนมตฺตํ วา โอวทโต ทุกฺกฎํฯ สมฺมตสฺสาปิ ตเญฺจ สมฺมุติกมฺมํ อธมฺมกมฺมํ โหติ, ตสฺมิํ อธมฺมกเมฺม อธมฺมกมฺมสญฺญิโน วเคฺค ภิกฺขุนิสเงฺฆ โอวทโต ติกปาจิตฺติยํ, ตถา เวมติกสฺส ธมฺมกมฺมสญฺญิโน จาติ นว ปาจิตฺติยานิ, สมเคฺคปิ ภิกฺขุนิสเงฺฆน วาติ อธมฺมกมฺมวเสน อฎฺฐารสฯ สเจ ปน ตํ ธมฺมกมฺมํ โหติ, ‘‘ธมฺมกเมฺม ธมฺมกมฺมสญฺญี สมคฺคํ ภิกฺขุนิสงฺฆํ สมคฺคสญฺญี โอวทตี’’ติ (ปาจิ. ๑๕๑) อิทํ อวสานปทํ ฐเปตฺวา เตเนว นเยน สตฺตรส ทุกฺกฎานิ, ‘‘สมคฺคมฺหายฺยา’’ติ จ วุเตฺต อญฺญํ ธมฺมํ, ‘‘วคฺคมฺหายฺยา’’ติ จ วุเตฺต อฎฺฐ ครุธเมฺม ภณนฺตสฺส, โอวาทญฺจ อนิยฺยาเตตฺวา อญฺญํ ธมฺมํ ภณนฺตสฺส ทุกฺกฎเมวฯ โย ปน ธมฺมกเมฺม ธมฺมกมฺมสญฺญี สมคฺคํ ภิกฺขุนิสงฺฆํ สมคฺคสญฺญี โอวทติ, ครุธมฺมปาฬิํ อุเทฺทสํ เทติ, ปริปุจฺฉํ เทติ, ‘‘โอสาเรหิ อยฺยา’’ติ วุจฺจมาโน โอสาเรติ, ปญฺหํ ปุโฎฺฐ กเถติ, ภิกฺขุนีนํ สุณมานานํ อญฺญสฺสตฺถาย ภณติ, สิกฺขมานาย วา สามเณริยา วา ภณติ, ตสฺส, อุมฺมตฺตกาทีนญฺจ อนาปตฺติฯ อสมฺมตตา, ภิกฺขุนิยา ปริปุณฺณูปสมฺปนฺนตา, โอวาทวเสน อฎฺฐครุธมฺมภณนนฺติ อิมาเนตฺถ ตีณิ องฺคานิฯ สมุฎฺฐานาทีนิ ปทโสธมฺมสทิสาเนวาติฯ
Sāvatthiyaṃ chabbaggiye bhikkhū ārabbha ovadanavatthusmiṃ paññattaṃ, asādhāraṇapaññatti, anāṇattikaṃ, aññena vā dhammena bhikkhunīsu upasampannamattaṃ vā ovadato dukkaṭaṃ. Sammatassāpi tañce sammutikammaṃ adhammakammaṃ hoti, tasmiṃ adhammakamme adhammakammasaññino vagge bhikkhunisaṅghe ovadato tikapācittiyaṃ, tathā vematikassa dhammakammasaññino cāti nava pācittiyāni, samaggepi bhikkhunisaṅghena vāti adhammakammavasena aṭṭhārasa. Sace pana taṃ dhammakammaṃ hoti, ‘‘dhammakamme dhammakammasaññī samaggaṃ bhikkhunisaṅghaṃ samaggasaññī ovadatī’’ti (pāci. 151) idaṃ avasānapadaṃ ṭhapetvā teneva nayena sattarasa dukkaṭāni, ‘‘samaggamhāyyā’’ti ca vutte aññaṃ dhammaṃ, ‘‘vaggamhāyyā’’ti ca vutte aṭṭha garudhamme bhaṇantassa, ovādañca aniyyātetvā aññaṃ dhammaṃ bhaṇantassa dukkaṭameva. Yo pana dhammakamme dhammakammasaññī samaggaṃ bhikkhunisaṅghaṃ samaggasaññī ovadati, garudhammapāḷiṃ uddesaṃ deti, paripucchaṃ deti, ‘‘osārehi ayyā’’ti vuccamāno osāreti, pañhaṃ puṭṭho katheti, bhikkhunīnaṃ suṇamānānaṃ aññassatthāya bhaṇati, sikkhamānāya vā sāmaṇeriyā vā bhaṇati, tassa, ummattakādīnañca anāpatti. Asammatatā, bhikkhuniyā paripuṇṇūpasampannatā, ovādavasena aṭṭhagarudhammabhaṇananti imānettha tīṇi aṅgāni. Samuṭṭhānādīni padasodhammasadisānevāti.
โอวาทสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Ovādasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
๒. อตฺถงฺคตสิกฺขาปทวณฺณนา
2. Atthaṅgatasikkhāpadavaṇṇanā
ทุติเย โอวเทยฺยาติ อฎฺฐครุธเมฺมหิ วา อเญฺญน วา ธเมฺมน โอวทนฺตสฺส สมฺมตสฺสาปิ ปาจิตฺติยเมวฯ
Dutiye ovadeyyāti aṭṭhagarudhammehi vā aññena vā dhammena ovadantassa sammatassāpi pācittiyameva.
สาวตฺถิยํ อายสฺมนฺตํ จูฬปนฺถกํ อารพฺภ อตฺถงฺคเต สูริเย โอวทนวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ, อสาธารณปญฺญตฺติ, อนาณตฺติกํ, ติกปาจิตฺติยํ, สูริเย อตฺถงฺคเต อตฺถงฺคตสญฺญิโน เวมติกสฺส วา, เอกโตอุปสมฺปนฺนํ โอวทนฺตสฺส จ ทุกฺกฎํฯ ปุริมสิกฺขาปเท วิย อุเทฺทสาทินเยน อนาปตฺติฯ อตฺถงฺคตสูริยตา, ปริปุณฺณูปสมฺปนฺนตา, โอวทนนฺติ อิมาเนตฺถ ตีณิ องฺคานิฯ สมุฎฺฐานาทีนิ ปทโสธมฺมสทิสาเนวาติฯ
Sāvatthiyaṃ āyasmantaṃ cūḷapanthakaṃ ārabbha atthaṅgate sūriye ovadanavatthusmiṃ paññattaṃ, asādhāraṇapaññatti, anāṇattikaṃ, tikapācittiyaṃ, sūriye atthaṅgate atthaṅgatasaññino vematikassa vā, ekatoupasampannaṃ ovadantassa ca dukkaṭaṃ. Purimasikkhāpade viya uddesādinayena anāpatti. Atthaṅgatasūriyatā, paripuṇṇūpasampannatā, ovadananti imānettha tīṇi aṅgāni. Samuṭṭhānādīni padasodhammasadisānevāti.
อตฺถงฺคตสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Atthaṅgatasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
๓. ภิกฺขุนุปสฺสยสิกฺขาปทวณฺณนา
3. Bhikkhunupassayasikkhāpadavaṇṇanā
ตติเย ภิกฺขุนุปสฺสยนฺติ ภิกฺขุนิยา เอกรตฺตํ วสนฎฺฐานมฺปิฯ โอวเทยฺยาติ อิธ ครุธเมฺมหิ โอวทนฺตเสฺสว ปาจิตฺติยํฯ สเจ ปน อสมฺมโต โหติ, เทฺว ปาจิตฺติยานิฯ สเจ ปน สูริเยปิ อตฺถงฺคเต โอวทติ, ตีณิ โหนฺติฯ สมฺมตสฺส ปน รตฺติํ โอวทนฺตสฺสปิ เทฺว เอว โหนฺติฯ สมฺมตตฺตา หิ ภิกฺขุสฺส ครุธโมฺมวาทมูลกํ ปาจิตฺติยํ นตฺถิฯ คิลานาติ น สโกฺกติ โอวาทาย วา สํวาสาย วา คนฺตุํฯ
Tatiye bhikkhunupassayanti bhikkhuniyā ekarattaṃ vasanaṭṭhānampi. Ovadeyyāti idha garudhammehi ovadantasseva pācittiyaṃ. Sace pana asammato hoti, dve pācittiyāni. Sace pana sūriyepi atthaṅgate ovadati, tīṇi honti. Sammatassa pana rattiṃ ovadantassapi dve eva honti. Sammatattā hi bhikkhussa garudhammovādamūlakaṃ pācittiyaṃ natthi. Gilānāti na sakkoti ovādāya vā saṃvāsāya vā gantuṃ.
สเกฺกสุ ฉพฺพคฺคิเย ภิกฺขู อารพฺภ ภิกฺขุนุปสฺสยํ อุปสงฺกมิตฺวา โอวทนวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ, ‘‘อญฺญตฺร สมยา’’ติ อยเมตฺถ อนุปญฺญตฺติ, อสาธารณปญฺญตฺติ, อนาณตฺติกํ, ติกปาจิตฺติยํ, อนุปสมฺปนฺนาย อุปสมฺปนฺนสญฺญิโน เวมติกสฺส วา, เอกโตอุปสมฺปนฺนํ เยน เกนจิ, อิตรํ อเญฺญน ธเมฺมน โอวทนฺตสฺส จ ทุกฺกฎํฯ สมเย, อนุปสมฺปนฺนาย, ปุริมสิกฺขาปเท วิย อุเทฺทสาทินเยน จ อนาปตฺติฯ อุปสฺสยูปคมนํ, ปริปุณฺณูปสมฺปนฺนตา, สมยาภาโว, ครุธเมฺมหิ โอวทนนฺติ อิมาเนตฺถ จตฺตาริ องฺคานิฯ สมุฎฺฐานาทีนิ ปฐมกถินสทิสานิ, อิทํ ปน กิริยํ โหตีติฯ
Sakkesu chabbaggiye bhikkhū ārabbha bhikkhunupassayaṃ upasaṅkamitvā ovadanavatthusmiṃ paññattaṃ, ‘‘aññatra samayā’’ti ayamettha anupaññatti, asādhāraṇapaññatti, anāṇattikaṃ, tikapācittiyaṃ, anupasampannāya upasampannasaññino vematikassa vā, ekatoupasampannaṃ yena kenaci, itaraṃ aññena dhammena ovadantassa ca dukkaṭaṃ. Samaye, anupasampannāya, purimasikkhāpade viya uddesādinayena ca anāpatti. Upassayūpagamanaṃ, paripuṇṇūpasampannatā, samayābhāvo, garudhammehi ovadananti imānettha cattāri aṅgāni. Samuṭṭhānādīni paṭhamakathinasadisāni, idaṃ pana kiriyaṃ hotīti.
ภิกฺขุนุปสฺสยสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Bhikkhunupassayasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
๔. อามิสสิกฺขาปทวณฺณนา
4. Āmisasikkhāpadavaṇṇanā
จตุเตฺถ อามิสเหตูติ จีวราทีนํ อญฺญตรเหตุฯ ภิกฺขูติ สมฺมตา ภิกฺขู อิธาธิเปฺปตาฯ ปาจิตฺติยนฺติ เอวรูเป ภิกฺขู อวณฺณกามตาย เอวํ ภณนฺตสฺส ปาจิตฺติยํฯ
Catutthe āmisahetūti cīvarādīnaṃ aññatarahetu. Bhikkhūti sammatā bhikkhū idhādhippetā. Pācittiyanti evarūpe bhikkhū avaṇṇakāmatāya evaṃ bhaṇantassa pācittiyaṃ.
สาวตฺถิยํ ฉพฺพคฺคิเย ภิกฺขู อารพฺภ ‘‘อามิสเหตุ โอวทนฺตี’’ติ ภณนวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ, อสาธารณปญฺญตฺติ, อนาณตฺติกํ, ธมฺมกเมฺม ติกปาจิตฺติยํ, อธมฺมกเมฺม ติกทุกฺกฎํ, อสมฺมตํ อุปสมฺปนฺนญฺจ, อนุปสมฺปนฺนญฺจ สมฺมตํ วา อสมฺมตํ วา เอวํ ภณนฺตสฺส ทุกฺกฎเมวฯ ตตฺถ โย ภิกฺขุ กาเล สมฺมุติํ ลภิตฺวา สามเณรภูมิยํ สณฺฐิโต, อยํ สมฺมโต นาม อนุปสมฺปโนฺนฯ ปกติยา จีวราทิเหตุ โอวทนฺตํ ปน เอวํ ภณนฺตสฺส , อุมฺมตฺตกาทีนญฺจ อนาปตฺติฯ อุปสมฺปนฺนตา, ธเมฺมน ลทฺธสมฺมุติตา, อนามิสนฺตรตา, อวณฺณกามตาย เอวํ ภณนนฺติ อิมาเนตฺถ จตฺตาริ องฺคานิฯ สมุฎฺฐานาทีนิ อทินฺนาทานสทิสานิ, อิทํ ปน ทุกฺขเวทนเมวาติฯ
Sāvatthiyaṃ chabbaggiye bhikkhū ārabbha ‘‘āmisahetu ovadantī’’ti bhaṇanavatthusmiṃ paññattaṃ, asādhāraṇapaññatti, anāṇattikaṃ, dhammakamme tikapācittiyaṃ, adhammakamme tikadukkaṭaṃ, asammataṃ upasampannañca, anupasampannañca sammataṃ vā asammataṃ vā evaṃ bhaṇantassa dukkaṭameva. Tattha yo bhikkhu kāle sammutiṃ labhitvā sāmaṇerabhūmiyaṃ saṇṭhito, ayaṃ sammato nāma anupasampanno. Pakatiyā cīvarādihetu ovadantaṃ pana evaṃ bhaṇantassa , ummattakādīnañca anāpatti. Upasampannatā, dhammena laddhasammutitā, anāmisantaratā, avaṇṇakāmatāya evaṃ bhaṇananti imānettha cattāri aṅgāni. Samuṭṭhānādīni adinnādānasadisāni, idaṃ pana dukkhavedanamevāti.
อามิสสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Āmisasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
๕. จีวรทานสิกฺขาปทวณฺณนา
5. Cīvaradānasikkhāpadavaṇṇanā
ปญฺจเม สาวตฺถิยํ อญฺญตรํ ภิกฺขุํ อารพฺภ จีวรทานวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ, เสสกถามโคฺค ปเนตฺถ จีวรปฺปฎิคฺคหณสิกฺขาปเท วุตฺตนเยเนว เวทิตโพฺพฯ ตตฺร หิ ภิกฺขุ ปฎิคฺคาหโก, อิธ ภิกฺขุนี, อยํ วิเสโส, เสสํ ตาทิสเมวาติฯ
Pañcame sāvatthiyaṃ aññataraṃ bhikkhuṃ ārabbha cīvaradānavatthusmiṃ paññattaṃ, sesakathāmaggo panettha cīvarappaṭiggahaṇasikkhāpade vuttanayeneva veditabbo. Tatra hi bhikkhu paṭiggāhako, idha bhikkhunī, ayaṃ viseso, sesaṃ tādisamevāti.
จีวรทานสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Cīvaradānasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
๖. จีวรสิพฺพนสิกฺขาปทวณฺณนา
6. Cīvarasibbanasikkhāpadavaṇṇanā
ฉเฎฺฐ จีวรนฺติ นิวาสนปารุปนุปคํฯ สิเพฺพยฺย วา สิพฺพาเปยฺยา วาติ เอตฺถ สยํ สิพฺพนฺตสฺส สูจิํ ปเวเสตฺวา ปเวเสตฺวา นีหรเณ ปาจิตฺติยํ, สตกฺขตฺตุมฺปิ วิชฺฌิตฺวา สกิํ นีหรนฺตสฺส เอกเมว ปาจิตฺติยํฯ ‘สิพฺพา’ติ วุโตฺต ปน สเจปิ สพฺพํ สูจิกมฺมํ นิฎฺฐาเปติ, อาณาปกสฺส เอกเมว ปาจิตฺติยํฯ อถ ‘‘ยํ เอตฺถ จีวเร กตฺตพฺพํ, สพฺพํ ตํ ตว ภาโร’’ติ วุโตฺต นิฎฺฐาเปติ, ตสฺส อาราปเถ อาราปเถ ปาจิตฺติยํฯ อาณาปกสฺส เอกวาจาย สมฺพหุลานิปิ, ปุนปฺปุนํ อาณตฺติยํ ปน วตฺตพฺพเมว นตฺถิฯ
Chaṭṭhe cīvaranti nivāsanapārupanupagaṃ. Sibbeyya vā sibbāpeyyā vāti ettha sayaṃ sibbantassa sūciṃ pavesetvā pavesetvā nīharaṇe pācittiyaṃ, satakkhattumpi vijjhitvā sakiṃ nīharantassa ekameva pācittiyaṃ. ‘Sibbā’ti vutto pana sacepi sabbaṃ sūcikammaṃ niṭṭhāpeti, āṇāpakassa ekameva pācittiyaṃ. Atha ‘‘yaṃ ettha cīvare kattabbaṃ, sabbaṃ taṃ tava bhāro’’ti vutto niṭṭhāpeti, tassa ārāpathe ārāpathe pācittiyaṃ. Āṇāpakassa ekavācāya sambahulānipi, punappunaṃ āṇattiyaṃ pana vattabbameva natthi.
สาวตฺถิยํ อุทายิเตฺถรํ อารพฺภ จีวรสิพฺพนวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ, อสาธารณปญฺญตฺติ, สาณตฺติกํ, ติกปาจิตฺติยํ, ญาติกาย อญฺญาติกสญฺญิโน วา เวมติกสฺส วา, เอกโตอุปสมฺปนฺนาย สิพฺพนฺตสฺส จ ทุกฺกฎํฯ อญฺญํ ถวิกาทิปริกฺขารํ สิพฺพนฺตสฺส, ญาติกาย, สิกฺขมานสามเณรีนญฺจ จีวรมฺปิ สิพฺพนฺตสฺส, อุมฺมตฺตกาทีนญฺจ อนาปตฺติฯ อญฺญาติกาย ภิกฺขุนิยา สนฺตกตา , นิวาสนปารุปนุปคตา, วุตฺตลกฺขณํ สิพฺพนํ วา สิพฺพาปนํ วาติ อิมาเนตฺถ ตีณิ องฺคานิฯ สมุฎฺฐานาทีนิ สญฺจริตฺตสทิสาเนวาติฯ
Sāvatthiyaṃ udāyittheraṃ ārabbha cīvarasibbanavatthusmiṃ paññattaṃ, asādhāraṇapaññatti, sāṇattikaṃ, tikapācittiyaṃ, ñātikāya aññātikasaññino vā vematikassa vā, ekatoupasampannāya sibbantassa ca dukkaṭaṃ. Aññaṃ thavikādiparikkhāraṃ sibbantassa, ñātikāya, sikkhamānasāmaṇerīnañca cīvarampi sibbantassa, ummattakādīnañca anāpatti. Aññātikāya bhikkhuniyā santakatā , nivāsanapārupanupagatā, vuttalakkhaṇaṃ sibbanaṃ vā sibbāpanaṃ vāti imānettha tīṇi aṅgāni. Samuṭṭhānādīni sañcarittasadisānevāti.
จีวรสิพฺพนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Cīvarasibbanasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
๗. สํวิธานสิกฺขาปทวณฺณนา
7. Saṃvidhānasikkhāpadavaṇṇanā
สตฺตเม สํวิธายาติ สํวิทหิตฺวา, คมนกาเล สเงฺกตํ กตฺวาติ อโตฺถฯ เอกทฺธานมคฺคนฺติ เอกํ อทฺธานสงฺขาตํ มคฺคํ, เอกโต วา อทฺธานมคฺคํฯ สตฺถคมนีโยติ สเตฺถน สทฺธิํ คนฺตโพฺพ, เสสํ อุตฺตานปทตฺถเมวฯ อยํ ปเนตฺถ วินิจฺฉโย – อกปฺปิยภูมิยํ สํวิทหนฺตสฺส สํวิทหนปจฺจยา ตาว ทุกฺกฎํฯ ตตฺถ ฐเปตฺวา ภิกฺขุนุปสฺสยํ อนฺตรารามํ อาสนสาลํ ติตฺถิยเสยฺยญฺจ เสสา อกปฺปิยภูมิ, ตตฺถ ฐตฺวา สํวิทหนฺตสฺสาติ อโตฺถฯ สํวิทหิตฺวา ปน ‘‘อชฺช วา เสฺว วา’’ติ นิยมิตํ กาลํ วิสเงฺกตํ อกตฺวา, ทฺวารวิสเงฺกตํ ปน มคฺควิสเงฺกตํ วา กตฺวาปิ ภิกฺขุนิยา สทฺธิํ คจฺฉนฺตสฺส ยาว อาสนฺนสฺสาปิ อญฺญสฺส คามสฺส ‘‘อยํ อิมสฺส อุปจาโร’’ติ มนุเสฺสหิ ฐปิตํ อุปจารํ น โอกฺกมติ, ตาว อนาปตฺติฯ ตํ โอกฺกมนฺตสฺส ปน ปฐมปาเท ทุกฺกฎํ, ทุติยปาเท ปาจิตฺติยํ, อิติ คามูปจาโรกฺกมนคณนาย ปาจิตฺติยานิฯ อทฺธโยชนาติกฺกเม ปน คาเม อสติ อทฺธโยชนคณนาย ปาจิตฺติยํฯ
Sattame saṃvidhāyāti saṃvidahitvā, gamanakāle saṅketaṃ katvāti attho. Ekaddhānamagganti ekaṃ addhānasaṅkhātaṃ maggaṃ, ekato vā addhānamaggaṃ. Satthagamanīyoti satthena saddhiṃ gantabbo, sesaṃ uttānapadatthameva. Ayaṃ panettha vinicchayo – akappiyabhūmiyaṃ saṃvidahantassa saṃvidahanapaccayā tāva dukkaṭaṃ. Tattha ṭhapetvā bhikkhunupassayaṃ antarārāmaṃ āsanasālaṃ titthiyaseyyañca sesā akappiyabhūmi, tattha ṭhatvā saṃvidahantassāti attho. Saṃvidahitvā pana ‘‘ajja vā sve vā’’ti niyamitaṃ kālaṃ visaṅketaṃ akatvā, dvāravisaṅketaṃ pana maggavisaṅketaṃ vā katvāpi bhikkhuniyā saddhiṃ gacchantassa yāva āsannassāpi aññassa gāmassa ‘‘ayaṃ imassa upacāro’’ti manussehi ṭhapitaṃ upacāraṃ na okkamati, tāva anāpatti. Taṃ okkamantassa pana paṭhamapāde dukkaṭaṃ, dutiyapāde pācittiyaṃ, iti gāmūpacārokkamanagaṇanāya pācittiyāni. Addhayojanātikkame pana gāme asati addhayojanagaṇanāya pācittiyaṃ.
สาวตฺถิยํ ฉพฺพคฺคิเย ภิกฺขู อารพฺภ เอกทฺธานมคฺคปฺปฎิปชฺชนวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ, ‘‘อญฺญตฺร สมยา’’ติ อยเมตฺถ อนุปญฺญตฺติ, อสาธารณปญฺญตฺติ, อนาณตฺติกํ, ติกปาจิตฺติยํ, อสํวิทหิเต สํวิทหิตสญฺญิโน เวมติกสฺส วา, โย จ ภิกฺขุนิยา อสํวิทหนฺติยา เกวลํ อตฺตนาว สํวิทหติ, ตสฺส ทุกฺกฎํฯ สมเย สํวิทหิตฺวาปิ คจฺฉนฺตสฺส, อตฺตนา อสํวิทหนฺตสฺส, วิสเงฺกเตน วา, อาปทาสุ คจฺฉนฺตสฺส, อุมฺมตฺตกาทีนญฺจ อนาปตฺติฯ ทฺวินฺนมฺปิ สํวิทหิตฺวา มคฺคปฺปฎิปตฺติ, อวิสเงฺกตตา, สมยาภาโว, อนาปทา, คามนฺตโรกฺกมนํ วา อทฺธโยชนาติกฺกโม วาติ อิมาเนตฺถ ปญฺจ องฺคานิฯ เอกโตอุปสมฺปนฺนาทีหิ ปน สทฺธิํ มาตุคามสิกฺขาปเทน อาปตฺติ, อทฺธานสมุฎฺฐานํ, กิริยํ, โนสญฺญาวิโมกฺขํ, อจิตฺตกํ, ปณฺณตฺติวชฺชํ, กายกมฺมํ, วจีกมฺมํ, ติจิตฺตํ, ติเวทนนฺติฯ
Sāvatthiyaṃ chabbaggiye bhikkhū ārabbha ekaddhānamaggappaṭipajjanavatthusmiṃ paññattaṃ, ‘‘aññatra samayā’’ti ayamettha anupaññatti, asādhāraṇapaññatti, anāṇattikaṃ, tikapācittiyaṃ, asaṃvidahite saṃvidahitasaññino vematikassa vā, yo ca bhikkhuniyā asaṃvidahantiyā kevalaṃ attanāva saṃvidahati, tassa dukkaṭaṃ. Samaye saṃvidahitvāpi gacchantassa, attanā asaṃvidahantassa, visaṅketena vā, āpadāsu gacchantassa, ummattakādīnañca anāpatti. Dvinnampi saṃvidahitvā maggappaṭipatti, avisaṅketatā, samayābhāvo, anāpadā, gāmantarokkamanaṃ vā addhayojanātikkamo vāti imānettha pañca aṅgāni. Ekatoupasampannādīhi pana saddhiṃ mātugāmasikkhāpadena āpatti, addhānasamuṭṭhānaṃ, kiriyaṃ, nosaññāvimokkhaṃ, acittakaṃ, paṇṇattivajjaṃ, kāyakammaṃ, vacīkammaṃ, ticittaṃ, tivedananti.
สํวิธานสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Saṃvidhānasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
๘. นาวาภิรุหนสิกฺขาปทวณฺณนา
8. Nāvābhiruhanasikkhāpadavaṇṇanā
อฎฺฐเม สํวิธายาติ กีฬาปุเรกฺขาโร สํวิทหิตฺวา, อภิรุหนกาเล สเงฺกตํ กตฺวาติ อโตฺถฯ อุทฺธํคามินินฺติ กีฬาวเสน อุทฺธํ นทิยา ปฎิโสตํ คจฺฉนฺติํฯ อโธคามินินฺติ ตเถว อโธ อนุโสตํ คจฺฉนฺติํฯ ยํ ปน ติตฺถปฺปฎิปาทนตฺถํ อุทฺธํ วา อโธ วา หรนฺติ, เอตฺถ อนาปตฺติฯ อญฺญตฺร ติริยํ ตรณายาติ อุปโยคเตฺถ นิสฺสกฺกวจนํ, ยา ติริยํ ตรณา, ตํ ฐเปตฺวาติ อโตฺถฯ ปาจิตฺติยนฺติ สคามกตีรปเสฺสน คมนกาเล คามนฺตรคณนาย, อคามกตีรปเสฺสน วา โยชนวิตฺถตาย นทิยา มเชฺฌน วา คมนกาเล อทฺธโยชนคณนาย ปาจิตฺติยํ, สมุเทฺท ปน ยถาสุขํ คนฺตุํ วฎฺฎติฯ
Aṭṭhame saṃvidhāyāti kīḷāpurekkhāro saṃvidahitvā, abhiruhanakāle saṅketaṃ katvāti attho. Uddhaṃgāmininti kīḷāvasena uddhaṃ nadiyā paṭisotaṃ gacchantiṃ. Adhogāmininti tatheva adho anusotaṃ gacchantiṃ. Yaṃ pana titthappaṭipādanatthaṃ uddhaṃ vā adho vā haranti, ettha anāpatti. Aññatra tiriyaṃ taraṇāyāti upayogatthe nissakkavacanaṃ, yā tiriyaṃ taraṇā, taṃ ṭhapetvāti attho. Pācittiyanti sagāmakatīrapassena gamanakāle gāmantaragaṇanāya, agāmakatīrapassena vā yojanavitthatāya nadiyā majjhena vā gamanakāle addhayojanagaṇanāya pācittiyaṃ, samudde pana yathāsukhaṃ gantuṃ vaṭṭati.
สาวตฺถิยํ ฉพฺพคฺคิเย ภิกฺขู อารพฺภ นาวาภิรุหนวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ, ‘‘อญฺญตฺร ติริยํ ตรณายา’’ติ อยเมตฺถ อนุปญฺญตฺติ, เสสํ อนนฺตรสิกฺขาปเท วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพนฺติฯ
Sāvatthiyaṃ chabbaggiye bhikkhū ārabbha nāvābhiruhanavatthusmiṃ paññattaṃ, ‘‘aññatra tiriyaṃ taraṇāyā’’ti ayamettha anupaññatti, sesaṃ anantarasikkhāpade vuttanayeneva veditabbanti.
นาวาภิรุหนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Nāvābhiruhanasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
๙. ปริปาจิตสิกฺขาปทวณฺณนา
9. Paripācitasikkhāpadavaṇṇanā
นวเม ภิกฺขุนิปริปาจิตนฺติ ภิกฺขุนิยา ปริปาจิตํ, เนว ตสฺส นาตฺตโน ญาตกปฺปวาริตานํ คิหีนํ สนฺติเก ภิกฺขุสฺส คุณํ ปกาเสตฺวา ‘‘เทถ อยฺยสฺส, กโรถ อยฺยสฺสา’’ติ เอวํ นิปฺผาทิตํ ลทฺธพฺพํ กตนฺติ อโตฺถฯ ปุเพฺพ คิหิสมารมฺภาติ เอตฺถ สมารโมฺภติ สมารทฺธํ, ปฎิยาทิตเสฺสตํ นามํฯ คิหีนํ สมารโมฺภ คิหิสมารโมฺภ, ภิกฺขุนิยา ปริปาจนโต ปุเพฺพ ปฐมตรํเยว ยํ ภิกฺขูนํ อตฺถาย คิหีนํ ปฎิยาทิตภตฺตํ, ญาตกปฺปวาริตานํ วา สนฺตกํ, ตํ ฐเปตฺวา อญฺญํ ชานํ ภุญฺชนฺตสฺส ปาจิตฺติยนฺติ อโตฺถฯ ตญฺจ โข อโชฺฌหรณคณนาย, ปฎิคฺคหเณ ปนสฺส ทุกฺกฎํฯ
Navame bhikkhuniparipācitanti bhikkhuniyā paripācitaṃ, neva tassa nāttano ñātakappavāritānaṃ gihīnaṃ santike bhikkhussa guṇaṃ pakāsetvā ‘‘detha ayyassa, karotha ayyassā’’ti evaṃ nipphāditaṃ laddhabbaṃ katanti attho. Pubbe gihisamārambhāti ettha samārambhoti samāraddhaṃ, paṭiyāditassetaṃ nāmaṃ. Gihīnaṃ samārambho gihisamārambho, bhikkhuniyā paripācanato pubbe paṭhamataraṃyeva yaṃ bhikkhūnaṃ atthāya gihīnaṃ paṭiyāditabhattaṃ, ñātakappavāritānaṃ vā santakaṃ, taṃ ṭhapetvā aññaṃ jānaṃ bhuñjantassa pācittiyanti attho. Tañca kho ajjhoharaṇagaṇanāya, paṭiggahaṇe panassa dukkaṭaṃ.
ราชคเห เทวทตฺตํ อารพฺภ ภิกฺขุนิปริปาจิตปิณฺฑปาตภุญฺชนวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ, ‘‘อญฺญตฺร ปุเพฺพ คิหิสมารมฺภา’’ติ อยเมตฺถ อนุปญฺญตฺติ, อสาธารณปญฺญตฺติ, อนาณตฺติกํ, เอกโตอุปสมฺปนฺนาย ปริปาจิตํ ภุญฺชนฺตสฺส , อปริปาจิเต ปริปาจิตสญฺญิโน, อุภยตฺถ เวมติกสฺส จ ทุกฺกฎํฯ อุภยตฺถ อปริปาจิตสญฺญิโน, คิหิสมารเมฺภ, สิกฺขมานสามเณราทีหิ ปริปาจิเต, ปญฺจ โภชนานิ ฐเปตฺวา อวเสเส, อุมฺมตฺตกาทีนญฺจ อนาปตฺติฯ ภิกฺขุนิยา ปริปาจิตตา, ปริปาจิตภาวชานนํ, คิหิสมารมฺภาภาโว, โอทนาทีนํ อญฺญตรตา, ตสฺส อโชฺฌหรณนฺติ อิมาเนตฺถ ปญฺจ องฺคานิฯ สมุฎฺฐานาทีนิ ปฐมปาราชิกสอสานิ, อิทํ ปน ปณฺณตฺติวชฺชํ, ติจิตฺตํ, ติเวทนนฺติฯ
Rājagahe devadattaṃ ārabbha bhikkhuniparipācitapiṇḍapātabhuñjanavatthusmiṃ paññattaṃ, ‘‘aññatra pubbe gihisamārambhā’’ti ayamettha anupaññatti, asādhāraṇapaññatti, anāṇattikaṃ, ekatoupasampannāya paripācitaṃ bhuñjantassa , aparipācite paripācitasaññino, ubhayattha vematikassa ca dukkaṭaṃ. Ubhayattha aparipācitasaññino, gihisamārambhe, sikkhamānasāmaṇerādīhi paripācite, pañca bhojanāni ṭhapetvā avasese, ummattakādīnañca anāpatti. Bhikkhuniyā paripācitatā, paripācitabhāvajānanaṃ, gihisamārambhābhāvo, odanādīnaṃ aññataratā, tassa ajjhoharaṇanti imānettha pañca aṅgāni. Samuṭṭhānādīni paṭhamapārājikasaasāni, idaṃ pana paṇṇattivajjaṃ, ticittaṃ, tivedananti.
ปริปาจิตสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Paripācitasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
๑๐. รโหนิสชฺชสิกฺขาปทวณฺณนา
10. Rahonisajjasikkhāpadavaṇṇanā
ทสเม สโพฺพปิ กถามโคฺค ทุติยอนิยเต วุตฺตนเยเนว เวทิตโพฺพฯ อิทญฺหิ สิกฺขาปทํ ทุติยอนิยเตน จ อุปริ อุปนนฺทสฺส จตุตฺถสิกฺขาปเทน จ เอกปริเจฺฉทํ, อฎฺฐุปฺปตฺติวเสน ปน วิสุํ ปญฺญตฺตนฺติฯ
Dasame sabbopi kathāmaggo dutiyaaniyate vuttanayeneva veditabbo. Idañhi sikkhāpadaṃ dutiyaaniyatena ca upari upanandassa catutthasikkhāpadena ca ekaparicchedaṃ, aṭṭhuppattivasena pana visuṃ paññattanti.
รโหนิสชฺชสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Rahonisajjasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
โอวาทวโคฺค ตติโยฯ
Ovādavaggo tatiyo.