Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā

    ปพฺพชฺชากถาวณฺณนา

    Pabbajjākathāvaṇṇanā

    ๒๕. เยน สมเยน ภควา ปญฺจวคฺคิเย ปญฺจมิยํ อรหเตฺต ปติฎฺฐาเปตฺวา สตฺตมิยํ นาฬกเตฺถรสฺส นาฬกปฎิปทํ อาจิกฺขิตฺวา ภทฺทปทปุณฺณมายํ ยสสฺส อินฺทฺริยานํ ปริปกฺกภาวํ ญตฺวา ตํ อุทิกฺขโนฺต พาราณสิยํ วิหาสิ, เตน สมเยน ยโส นามาติ สมฺพโนฺธฯ ตสฺส กิร อุปฺปตฺติโต ปฎฺฐาย ตสฺส กุลสฺส กิตฺติสทฺทสงฺขาโต, ปริชนสงฺขาโต วา ยโส วิเสสโต ปวฑฺฒติฯ เตน ตสฺส มาตาปิตโร เอวํ นามมกํสุฯ ‘‘สุขุมาโล’’ติอาทิ กิมตฺถํ อายสฺมตา อุปาลิเตฺถเรน วุตฺตนฺติ? ปจฺฉิมชนสฺส เนกฺขเมฺม สมุสฺสาหนชนนตฺถํฯ เอวํ อุตฺตมโภคสมปฺปิตานมฺปิ อุตฺตเมสุ โภเคสุ อปฺปมตฺตเกนาปิ อสุภนิมิเตฺตน วิตเชฺชตฺวา กาลากาลํ อคเณตฺวา วิเวกาภิรติยา มหนฺตํ โภคกฺขนฺธํ ติณํ วิย ปหาย เคหโต นิกฺขมนา อโหสิ, กสฺส ปนญฺญสฺส น สิยาติ อธิปฺปาโยฯ สมงฺคีภูตสฺสาติ เตหิ เอกตฺตํ อุปคตสฺส, อวิวิตฺตสฺสาติ อโตฺถฯ นิทฺทา โอกฺกมีติ มนาเปสุปิ วิสเยสุ ปวตฺติํ นิวาเรตฺวา ตสฺส จิตฺตํ อติกฺกมิตฺวา อภิภวิตฺวา อตฺตโน วสํ อุปเนสีติ อโตฺถฯ สพฺพรตฺติโย จาติ ตโยปิ ยาเมฯ เตน ปริชนสฺส วิการทสฺสเน การณํ ทเสฺสติฯ รตฺติ-สโทฺท ปเนตฺถ กาเล สูริยาภาเว, ยาเม จ ปวตฺตตีติ วิเญฺญโยฺยฯ ยาเมวิธ วิเญฺญโยฺย ติจีวรวิปฺปวาเส จฯ กเจฺฉติ กจฺฉปเสฺสฯ กเณฺฐติ กณฺฐสฺส เหฎฺฐาฯ มุทิงฺคสฺส หิ อุปริ กณฺฐํ ฐเปตฺวา สยนฺติยา กเณฺฐ มุทิงฺคํ อทฺทสาติ อโตฺถฯ อาฬมฺพรนฺติ ปณวํฯ อุภโตมุขสฺส ตนุกา ทีฆาฯ วิตฺถินฺนสมตลสฺส วาทิตสฺส เอตํ อธิวจนํฯ วิปฺปลปนฺติโยติ สุปินทสฺสนาทิวเสน อสมฺพนฺธปลาปํ วิปฺปลปนฺติโยฯ สุสานํ มเญฺญติ สุสานํ วิย อทฺทส สกํ ปริชนนฺติ สมฺพโนฺธฯ อาทีนโวติ อสุภภาโวฯ นิพฺพิทาย จิตฺตํ สณฺฐาตีติ วิมุจฺจิตุกามตาสงฺขาตาย อุกฺกณฺฐาย จิตฺตํ นมีติ อโตฺถฯ อุทานํ อุทาเนสีติ ‘‘อิโต ปฎฺฐาย อิมาหิ อิตฺถีหิ สห นาหํ ภวิสฺสามี’’ติ อตฺตมนวาจํ นิจฺฉาเรสิฯ เทฺว กิร อาการา ตสฺส ปมาทสุตฺตปริชนทสฺสเน ปากฎา ชาตา กิเลสานํ พลวภาโว, อสุภาการสฺส อติโอฬาริกภาโว จฯ เอวํ สติ โอฬาริกตเร จ อสุภากาเร กิเลสวเสนายํ สโพฺพปิ โลโก เอตฺถ ปีฬิโต มุจฺฉิโตฯ อโห กิเลสา พลวตราติ หิ ปสฺสโต ปสฺสโต ตสฺส เทฺวปิ เต อาการา ปากฎา ชาตา, เยเนวมโวจาติฯ

    25. Yena samayena bhagavā pañcavaggiye pañcamiyaṃ arahatte patiṭṭhāpetvā sattamiyaṃ nāḷakattherassa nāḷakapaṭipadaṃ ācikkhitvā bhaddapadapuṇṇamāyaṃ yasassa indriyānaṃ paripakkabhāvaṃ ñatvā taṃ udikkhanto bārāṇasiyaṃ vihāsi, tena samayena yaso nāmāti sambandho. Tassa kira uppattito paṭṭhāya tassa kulassa kittisaddasaṅkhāto, parijanasaṅkhāto vā yaso visesato pavaḍḍhati. Tena tassa mātāpitaro evaṃ nāmamakaṃsu. ‘‘Sukhumālo’’tiādi kimatthaṃ āyasmatā upālittherena vuttanti? Pacchimajanassa nekkhamme samussāhanajananatthaṃ. Evaṃ uttamabhogasamappitānampi uttamesu bhogesu appamattakenāpi asubhanimittena vitajjetvā kālākālaṃ agaṇetvā vivekābhiratiyā mahantaṃ bhogakkhandhaṃ tiṇaṃ viya pahāya gehato nikkhamanā ahosi, kassa panaññassa na siyāti adhippāyo. Samaṅgībhūtassāti tehi ekattaṃ upagatassa, avivittassāti attho. Niddā okkamīti manāpesupi visayesu pavattiṃ nivāretvā tassa cittaṃ atikkamitvā abhibhavitvā attano vasaṃ upanesīti attho. Sabbarattiyo cāti tayopi yāme. Tena parijanassa vikāradassane kāraṇaṃ dasseti. Ratti-saddo panettha kāle sūriyābhāve, yāme ca pavattatīti viññeyyo. Yāmevidha viññeyyo ticīvaravippavāse ca. Kaccheti kacchapasse. Kaṇṭheti kaṇṭhassa heṭṭhā. Mudiṅgassa hi upari kaṇṭhaṃ ṭhapetvā sayantiyā kaṇṭhe mudiṅgaṃ addasāti attho. Āḷambaranti paṇavaṃ. Ubhatomukhassa tanukā dīghā. Vitthinnasamatalassa vāditassa etaṃ adhivacanaṃ. Vippalapantiyoti supinadassanādivasena asambandhapalāpaṃ vippalapantiyo. Susānaṃ maññeti susānaṃ viya addasa sakaṃ parijananti sambandho. Ādīnavoti asubhabhāvo. Nibbidāya cittaṃ saṇṭhātīti vimuccitukāmatāsaṅkhātāya ukkaṇṭhāya cittaṃ namīti attho. Udānaṃ udānesīti ‘‘ito paṭṭhāya imāhi itthīhi saha nāhaṃ bhavissāmī’’ti attamanavācaṃ nicchāresi. Dve kira ākārā tassa pamādasuttaparijanadassane pākaṭā jātā kilesānaṃ balavabhāvo, asubhākārassa atioḷārikabhāvo ca. Evaṃ sati oḷārikatare ca asubhākāre kilesavasenāyaṃ sabbopi loko ettha pīḷito mucchito. Aho kilesā balavatarāti hi passato passato tassa dvepi te ākārā pākaṭā jātā, yenevamavocāti.

    ‘‘สุวณฺณปาทุกาโย อาโรหิตฺวา’’ติ เอเตนสฺส นิสฺสงฺคตาย วิสฺสฎฺฐคมนํ ทีเปติฯ โส หิ พลวสํเวคาภิตุนฺนหทยตฺตา ปริชนสฺส ปโพเธ สติปิ อตฺตโน คมนนิวารณสมตฺถภาวํ อสหมาโน อตฺตานํ ตเกฺกโนฺต วิสฺสโฎฺฐ อคมาสิฯ อมนุสฺสาติ เทวตาฯ ตา หิ มนุเสฺสหิ สุคติปฎิเวธญาณสณฺฐานาทิคุณสามเญฺญน ‘‘อมนุสฺสา’’ติ วุจฺจนฺติฯ น หิ อสมานชาติกา ติรจฺฉานาทโย ‘‘อพฺราหฺมณา’’ติ วา ‘‘อวสลา’’ติ วา วุจฺจนฺติ, กินฺตุ ชาติสภาคตาย เอว วสลาทโย ‘‘อพฺราหฺมณา’’ติ วุจฺจนฺติ, เอวํ มนุเสฺสหิ เกนจิ อากาเรน สภาคตาย เทวตา ‘‘อมนุสฺสา’’ติ วุตฺตาฯ อญฺญถา มนุสฺสา น โหนฺตีติ ติรจฺฉานคตาปิ ‘‘อมนุสฺสา’’ติ วตฺตพฺพา ภเวยฺยุํฯ

    ‘‘Suvaṇṇapādukāyo ārohitvā’’ti etenassa nissaṅgatāya vissaṭṭhagamanaṃ dīpeti. So hi balavasaṃvegābhitunnahadayattā parijanassa pabodhe satipi attano gamananivāraṇasamatthabhāvaṃ asahamāno attānaṃ takkento vissaṭṭho agamāsi. Amanussāti devatā. Tā hi manussehi sugatipaṭivedhañāṇasaṇṭhānādiguṇasāmaññena ‘‘amanussā’’ti vuccanti. Na hi asamānajātikā tiracchānādayo ‘‘abrāhmaṇā’’ti vā ‘‘avasalā’’ti vā vuccanti, kintu jātisabhāgatāya eva vasalādayo ‘‘abrāhmaṇā’’ti vuccanti, evaṃ manussehi kenaci ākārena sabhāgatāya devatā ‘‘amanussā’’ti vuttā. Aññathā manussā na hontīti tiracchānagatāpi ‘‘amanussā’’ti vattabbā bhaveyyuṃ.

    ๒๖. วนคหนํ ทิสฺวา ‘‘สุมุโตฺตหํ นครโต’’ติ ปมุทิตตฺตา ภควโต อวิทูเร อุทาเนสิฯ อิทํ โข ยสาติ ภควา นิพฺพานํ สนฺธายาหฯ ตญฺหิ ตณฺหาทิกิเลเสหิ อนุปทฺทุตํ, อนุปสฎฺฐตญฺจ ทสฺสนมเตฺตนาปิ อสฺสาทชนนโตฯ ธมฺมํ เทเสสฺสามีติ เยน ตํ นิพฺพานํ อิธ นิสินฺนมโตฺตว ตฺวํ อธิคมิสฺสสีติ อธิปฺปาโยฯ กิราติ อสฺสเทฺธยฺยอพฺยตฺติปริหาเสสุ นิปาโต, อิธ อพฺยตฺติยํฯ สุวณฺณปาทุกาโย โอโรหิตฺวาติ จ สุวณฺณปาทุกาหิ โอตริตฺวาฯ นิสฺสกฺกเตฺถ หิ อิทํ ปจฺจตฺตวจนํฯ ตสฺส นิสินฺนมตฺตเสฺสว อญฺญํ สโมฺมทนียํ กถํ อกตฺวา อนามเนฺตตฺวา อนุปุพฺพิํ กถํ กเถสิฯ สุปริปกฺกินฺทฺริยตฺตา, ปฎิเวธกฺขณานติกฺกมนตฺถํ อนุปทฺทุตานุปสฎฺฐตานํ ปาปกธมฺมเทสนาภิมุขจิตฺตตฺตา, เสฎฺฐิสฺส คหปติโน อจิราคมนทสฺสนโต จฯ กิมตฺถํ ภควา ตสฺส สุฎฺฐุตรํ สํวิคฺคหทยสฺส ภวโต มุจฺจิตุกามสฺส ภวาภวูปายานิสํสกถํ ปฐมเมว กเถสีติ? สพฺพภวาทีนวทสฺสนตฺถํฯ โส หิ มนุสฺสโลกเสฺสว อุปทฺทุตอุปสฎฺฐภาวํ อทฺทส, น สคฺคานนฺติ กทาจิ สคฺคโลกํ สุขโต มเญฺญยฺยฯ ตตฺถ สุขสเญฺญน นิพฺพานาภิมุขํ จิตฺตํ เปเสยฺยาติ สคฺคานมฺปิ อาทีนวํ ทเสฺสตุกามตาย อนุปุพฺพิํ กถํ อารภิฯ เอตฺถ ทานํ, ทานานิสํสํ, สีลานิสํสญฺจ กเถโนฺต ทานสีลกถํ กเถติ นามฯ สคฺควณฺณํ กเถโนฺต สคฺคกถํ กเถติ นามฯ ตตฺถ วตฺถุกามกิเลสกามานํ อนิจฺจตํ, อปสาทตํ, มหาทีนวตญฺจ กเถโนฺต กามานํ อาทีนวํ, โอการํ, สํกิเลสญฺจ ปกาเสติฯ เนกฺขเมฺม ตทภาวโต จ ตํนิสฺสรณโต จ ตพฺพิปรีตํ อานิสํสํ กเถโนฺต เนกฺขเมฺม อานิสํสํ ปกาเสติ นามฯ ตตฺถ โอการนฺติ อวการํ ลามกภาวํฯ สํกิเลสนฺติ สํกิลิสฺสนํ พาธนํ อุปตาปนํ วาติ อโตฺถฯ กลฺลจิตฺตํ ปญฺญินฺทฺริยสฺส อานุภาเวน, ทิฎฺฐิโยควิจิกิจฺฉาโยคานํ ปญฺญินฺทฺริเยน วิหตตฺตาฯ มุทุจิตฺตํ สตินฺทฺริยสมาโยเคน, วิหิํสาสารมฺภาทิกิเลสปเวสํ นิวาเรตฺวา จิตฺตมุทุตาทิกุสลธมฺมปฺปเวสนํ กโรนฺตํ สหชาตํ จิตฺตํ มุทุํ กโรติฯ สมาธินฺทฺริยสฺส อานุภาเวน วินีวรณจิตฺตํฯ ตญฺหิ วิเสสโต นีวรณวิปกฺขภูตนฺติฯ วีริยินฺทฺริยวเสน อุทคฺคจิตฺตํฯ ตญฺหิ ถินมิทฺธสงฺขาตลีนภาววิปกฺขนฺติฯ สทฺธินฺทฺริยสฺส อานุภาเวน ปสนฺนจิตฺตํ ตสฺส ปสาทลกฺขณตฺตาฯ สามุกฺกํสิกาติ เอตํ วิสยวเสน เทสนํ อุปาลิเตฺถโร ปกาเสติฯ สจฺจานิ หิ สามุกฺกํสิกเทสนาย วิสยานิฯ อญฺญถา ทุกฺขาทีนิ สามุกฺกํสิกา ธมฺมเทสนาติ อาปชฺชติ ตสฺส วิภาวเน สจฺจานํ นิทฺทิฎฺฐตฺตาฯ

    26. Vanagahanaṃ disvā ‘‘sumuttohaṃ nagarato’’ti pamuditattā bhagavato avidūre udānesi. Idaṃ kho yasāti bhagavā nibbānaṃ sandhāyāha. Tañhi taṇhādikilesehi anupaddutaṃ, anupasaṭṭhatañca dassanamattenāpi assādajananato. Dhammaṃ desessāmīti yena taṃ nibbānaṃ idha nisinnamattova tvaṃ adhigamissasīti adhippāyo. Kirāti assaddheyyaabyattiparihāsesu nipāto, idha abyattiyaṃ. Suvaṇṇapādukāyo orohitvāti ca suvaṇṇapādukāhi otaritvā. Nissakkatthe hi idaṃ paccattavacanaṃ. Tassa nisinnamattasseva aññaṃ sammodanīyaṃ kathaṃ akatvā anāmantetvā anupubbiṃ kathaṃ kathesi. Suparipakkindriyattā, paṭivedhakkhaṇānatikkamanatthaṃ anupaddutānupasaṭṭhatānaṃ pāpakadhammadesanābhimukhacittattā, seṭṭhissa gahapatino acirāgamanadassanato ca. Kimatthaṃ bhagavā tassa suṭṭhutaraṃ saṃviggahadayassa bhavato muccitukāmassa bhavābhavūpāyānisaṃsakathaṃ paṭhamameva kathesīti? Sabbabhavādīnavadassanatthaṃ. So hi manussalokasseva upaddutaupasaṭṭhabhāvaṃ addasa, na saggānanti kadāci saggalokaṃ sukhato maññeyya. Tattha sukhasaññena nibbānābhimukhaṃ cittaṃ peseyyāti saggānampi ādīnavaṃ dassetukāmatāya anupubbiṃ kathaṃ ārabhi. Ettha dānaṃ, dānānisaṃsaṃ, sīlānisaṃsañca kathento dānasīlakathaṃ katheti nāma. Saggavaṇṇaṃ kathento saggakathaṃ katheti nāma. Tattha vatthukāmakilesakāmānaṃ aniccataṃ, apasādataṃ, mahādīnavatañca kathento kāmānaṃ ādīnavaṃ, okāraṃ, saṃkilesañca pakāseti. Nekkhamme tadabhāvato ca taṃnissaraṇato ca tabbiparītaṃ ānisaṃsaṃ kathento nekkhamme ānisaṃsaṃ pakāseti nāma. Tattha okāranti avakāraṃ lāmakabhāvaṃ. Saṃkilesanti saṃkilissanaṃ bādhanaṃ upatāpanaṃ vāti attho. Kallacittaṃ paññindriyassa ānubhāvena, diṭṭhiyogavicikicchāyogānaṃ paññindriyena vihatattā. Muducittaṃ satindriyasamāyogena, vihiṃsāsārambhādikilesapavesaṃ nivāretvā cittamudutādikusaladhammappavesanaṃ karontaṃ sahajātaṃ cittaṃ muduṃ karoti. Samādhindriyassa ānubhāvena vinīvaraṇacittaṃ. Tañhi visesato nīvaraṇavipakkhabhūtanti. Vīriyindriyavasena udaggacittaṃ. Tañhi thinamiddhasaṅkhātalīnabhāvavipakkhanti. Saddhindriyassa ānubhāvena pasannacittaṃ tassa pasādalakkhaṇattā. Sāmukkaṃsikāti etaṃ visayavasena desanaṃ upālitthero pakāseti. Saccāni hi sāmukkaṃsikadesanāya visayāni. Aññathā dukkhādīni sāmukkaṃsikā dhammadesanāti āpajjati tassa vibhāvane saccānaṃ niddiṭṭhattā.

    ๒๗. จตุทฺทิสาติ จตูสุ ทิสาสุฯ อภิสงฺขเรสีติ อภิสงฺขริฯ กิมตฺถนฺติ เจ? อุภินฺนํ ปฎิลภิตพฺพวิเสสนฺตรายนิเสธนตฺถํฯ ยทิ โส ปุตฺตํ ปเสฺสยฺย, ปุตฺตสฺสปิ ธมฺมจกฺขุปฎิลาโภ อรหตฺตุปฺปตฺติ, เสฎฺฐิสฺสปิ ธมฺมจกฺขุปฎิลาโภ น สิยาฯ ทิฎฺฐสโจฺจปิ ‘‘เทหิ เต มาตุยา ชีวิต’’นฺติ วทโนฺต กิมญฺญํ น กเรยฺยฯ ยโสปิ ตํ วจนํ สุตฺวา อรหาปิ สมาโน สยํ อปฺปฎิกฺขิปิตฺวา ภควนฺตํ อุโลฺลเกโนฺต กิมญฺญาย สณฺฐเหยฺยฯ

    27.Catuddisāti catūsu disāsu. Abhisaṅkharesīti abhisaṅkhari. Kimatthanti ce? Ubhinnaṃ paṭilabhitabbavisesantarāyanisedhanatthaṃ. Yadi so puttaṃ passeyya, puttassapi dhammacakkhupaṭilābho arahattuppatti, seṭṭhissapi dhammacakkhupaṭilābho na siyā. Diṭṭhasaccopi ‘‘dehi te mātuyā jīvita’’nti vadanto kimaññaṃ na kareyya. Yasopi taṃ vacanaṃ sutvā arahāpi samāno sayaṃ appaṭikkhipitvā bhagavantaṃ ullokento kimaññāya saṇṭhaheyya.

    ๒๘. อุโภหิปิ ปตฺตพฺพวิเสสโกฎิยา ปตฺตตฺตา ภควา ปุน ตํ ปฎิปฺปสฺสเมฺภสิฯ ปุเพฺพ อคาริกภูโตติ ตสฺส โสตาปนฺนกาลํ สนฺธายาหฯ โสตาปโนฺน หิ อคารมเชฺฌ วสนารหตฺตา อคาริยภูโต นาม โหติ อปพฺพชิโตฯ สมฺปติ ปพฺพชิโต สมาโน อคารมชฺฌวสนสฺส อภพฺพตฺตา ‘‘อคาริโก’’ติ น วุจฺจติ, ตสฺมา เอวมาหฯ ยสฺส ทิโฎฺฐติ สมฺพโนฺธ, เยน ทิโฎฺฐติ วุตฺตํ โหติฯ ‘‘เสยฺยถาปิ ปุเพฺพ อคาริกภูโต’’ติ วจเนน ลทฺธนยตฺตา ปจฺฉา คหปติ คิหิเวสธาริเมว ยสํ สนฺธายาห ‘‘ยเสน กุลปุเตฺตน ปจฺฉาสมเณนา’’ติฯ ตตฺถ จร พฺรหฺมจริยนฺติ อาภิสมาจาริกสีลํ พฺรหฺมจริยํ จร ปริปูเรหิ ตาว, ยาว สมฺมาทุกฺขสฺสนฺตกิริยา, ยาว จุติจิตฺตาติ อธิปฺปาโยฯ ลิงฺคพฺรหฺมจริยํ สนฺธายาติ โปราณา, ตญฺจ ยุตฺตํฯ ลิงฺคมตฺตญฺหิ สนฺธาย โส อายสฺมา ‘‘ลเภยฺยาหํ, ภเนฺต, ปพฺพชฺชํ อุปสมฺปท’’นฺติ อาหฯ

    28. Ubhohipi pattabbavisesakoṭiyā pattattā bhagavā puna taṃ paṭippassambhesi. Pubbe agārikabhūtoti tassa sotāpannakālaṃ sandhāyāha. Sotāpanno hi agāramajjhe vasanārahattā agāriyabhūto nāma hoti apabbajito. Sampati pabbajito samāno agāramajjhavasanassa abhabbattā ‘‘agāriko’’ti na vuccati, tasmā evamāha. Yassa diṭṭhoti sambandho, yena diṭṭhoti vuttaṃ hoti. ‘‘Seyyathāpi pubbe agārikabhūto’’ti vacanena laddhanayattā pacchā gahapati gihivesadhārimeva yasaṃ sandhāyāha ‘‘yasena kulaputtena pacchāsamaṇenā’’ti. Tattha cara brahmacariyanti ābhisamācārikasīlaṃ brahmacariyaṃ cara paripūrehi tāva, yāva sammādukkhassantakiriyā, yāva cuticittāti adhippāyo. Liṅgabrahmacariyaṃ sandhāyāti porāṇā, tañca yuttaṃ. Liṅgamattañhi sandhāya so āyasmā ‘‘labheyyāhaṃ, bhante, pabbajjaṃ upasampada’’nti āha.

    กิมตฺถํ ภควา ยสสฺส มาตุ, ปชาปติยา จ ภตฺตกิจฺจํ อกตฺวาว ธมฺมํ เทเสสีติ? ยสสฺส ปพฺพชฺชาย โสกสลฺลสมปฺปิตตฺตา ทานญฺจ โสมนสฺสิกจิเตฺตน น ทเทยฺยุํ, สตฺถริ จ โทมนสฺสปฺปตฺตา หุตฺวา มคฺคปฎิเวธมฺปิ น ลเภยฺยุนฺติ ภควา ปฐมํ ตาว ตา วิคตโสกสลฺลหทยาโย กตฺวา ปุน ภตฺตกิจฺจํ อกาสิฯ

    Kimatthaṃ bhagavā yasassa mātu, pajāpatiyā ca bhattakiccaṃ akatvāva dhammaṃ desesīti? Yasassa pabbajjāya sokasallasamappitattā dānañca somanassikacittena na dadeyyuṃ, satthari ca domanassappattā hutvā maggapaṭivedhampi na labheyyunti bhagavā paṭhamaṃ tāva tā vigatasokasallahadayāyo katvā puna bhattakiccaṃ akāsi.

    ๓๐. เสฎฺฐานุเสฎฺฐีนนฺติ อนุกฺกมเสฎฺฐีนนฺติ โปราณาฯ ‘‘เสฎฺฐิโน จานุเสฎฺฐิโน จ ยานิ กุลานิ, ตานิ เสฎฺฐานุเสฎฺฐานิ กุลานิ, เตสํ เสฎฺฐานุเสฎฺฐีนํ กุลาน’’นฺติ ลิขิตํฯ ธมฺมวินโยติ สาสนพฺรหฺมจริยํ ปาวจนนฺติ อิธ อตฺถโต เอกํฯ อถ วา ธเมฺมน วินโย, น ทณฺฑสเตฺถหีติ ธมฺมวินโย, ธมฺมาย วินโย, น หิํสตฺถนฺติ วา ธมฺมโต วินโย, นาธมฺมโตติ วา ธโมฺม วินโย, นาธโมฺมติ วา ธมฺมานํ วินโย, น อเญฺญสนฺติ วา ธมฺมกายตฺตา, ธมฺมสามิตฺตา วา ธโมฺม ภควา, ตสฺส ธมฺมสฺส วินโย, น ตกฺกิกานนฺติ วา ธมฺมวินโยฯ สมานาธิกรณวเสน วา ธมฺมวินโย นีลุปฺปลํ วิย, ธโมฺม จ วินโย จาติ ธมฺมวินโย ผลาผลํ วิย นปุํสกมิติ ปุลฺลิงฺคาปเทสโต อสฺส ลิงฺคภาโว สิโทฺธ, ยสฺส วา ธโมฺม วินโย, โส ธมฺมวินโย เสตปโฎ ปุริโส วิย, ธเมฺมน ยุโตฺต วา วินโย ธมฺมวินโย อสฺสรโถ วิยาติ เอวมาทินา นเยน โยชนา เวทิตพฺพาฯ

    30.Seṭṭhānuseṭṭhīnanti anukkamaseṭṭhīnanti porāṇā. ‘‘Seṭṭhino cānuseṭṭhino ca yāni kulāni, tāni seṭṭhānuseṭṭhāni kulāni, tesaṃ seṭṭhānuseṭṭhīnaṃ kulāna’’nti likhitaṃ. Dhammavinayoti sāsanabrahmacariyaṃ pāvacananti idha atthato ekaṃ. Atha vā dhammena vinayo, na daṇḍasatthehīti dhammavinayo, dhammāya vinayo, na hiṃsatthanti vā dhammato vinayo, nādhammatoti vā dhammo vinayo, nādhammoti vā dhammānaṃ vinayo, na aññesanti vā dhammakāyattā, dhammasāmittā vā dhammo bhagavā, tassa dhammassa vinayo, na takkikānanti vā dhammavinayo. Samānādhikaraṇavasena vā dhammavinayo nīluppalaṃ viya, dhammo ca vinayo cāti dhammavinayo phalāphalaṃ viya napuṃsakamiti pulliṅgāpadesato assa liṅgabhāvo siddho, yassa vā dhammo vinayo, so dhammavinayo setapaṭo puriso viya, dhammena yutto vā vinayo dhammavinayo assaratho viyāti evamādinā nayena yojanā veditabbā.

    ๓๔. ‘‘ขณฺฑสีมํ เนตฺวา’’ติ ภณฺฑุกมฺมาโรจนปฎิหรณตฺถํ วุตฺตํฯ เตน ‘‘สภิกฺขุเก วิหาเร อญฺญมฺปิ เอตสฺส เกเส ฉินฺทา’’ติ วตฺตุํ น วฎฺฎตีติฯ ปพฺพาเชตฺวาติ อิมสฺส อธิปฺปายปกาสนตฺถํ ‘‘กาสายานิ อจฺฉาเทตฺวา เอหี’’ติ วุตฺตํฯ อุปชฺฌาโย เจ เกสมสฺสุโอโรปนาทีนิ อกตฺวา ปพฺพชตฺถํ สรณานิ เทติ, น รุหติ ปพฺพชฺชาฯ กมฺมวาจํ สาเวตฺวา อุปสมฺปาเทติ, รุหติ อุปสมฺปทาฯ อปฺปตฺตจีวรานํ อุปสมฺปทาสิทฺธิทสฺสนโต, กมฺมวิปตฺติยา อภาวโต เจตํ ยุชฺชเตวาติ เอเกฯ โหติ เจตฺถ –

    34.‘‘Khaṇḍasīmaṃ netvā’’ti bhaṇḍukammārocanapaṭiharaṇatthaṃ vuttaṃ. Tena ‘‘sabhikkhuke vihāre aññampi etassa kese chindā’’ti vattuṃ na vaṭṭatīti. Pabbājetvāti imassa adhippāyapakāsanatthaṃ ‘‘kāsāyāni acchādetvā ehī’’ti vuttaṃ. Upajjhāyo ce kesamassuoropanādīni akatvā pabbajatthaṃ saraṇāni deti, na ruhati pabbajjā. Kammavācaṃ sāvetvā upasampādeti, ruhati upasampadā. Appattacīvarānaṃ upasampadāsiddhidassanato, kammavipattiyā abhāvato cetaṃ yujjatevāti eke. Hoti cettha –

    ‘‘สลิงฺคเสฺสว ปพฺพชฺชา, วิลิงฺคสฺสาปิ เจตรา;

    ‘‘Saliṅgasseva pabbajjā, viliṅgassāpi cetarā;

    อเปตปุพฺพเวสสฺส, ตํ ทฺวยํ อิติ จาปเร’’ติฯ

    Apetapubbavesassa, taṃ dvayaṃ iti cāpare’’ti.

    ภิกฺขุนา หิ สหเตฺถน วา อาณตฺติยา วา ทินฺนเมว กาสาวํ วฎฺฎติ, อทินฺนํ น วฎฺฎตีติ ปน สเนฺตเสฺวว กาสาเวสุ, นาสเนฺตสุ อสมฺภวโตติ เตสํ อธิปฺปาโยฯ เอวญฺจ ปน, ภิกฺขเว, ปพฺพาเชตโพฺพ อุปสมฺปาเทตโพฺพปฐมํ…เป.…อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อิเมหิ ตีหิ สรณคมเนหิ ปพฺพชฺชํ อุปสมฺปทนฺติ เอตฺถ อิมินา อนุกฺกเมน ทิเนฺนหิ ตีหิ สรณคมเนหิ ปพฺพชฺชํ อุปสมฺปทํ อนุชานามิ เกวเลหีติ อธิปฺปายทสฺสนโต –

    Bhikkhunā hi sahatthena vā āṇattiyā vā dinnameva kāsāvaṃ vaṭṭati, adinnaṃ na vaṭṭatīti pana santesveva kāsāvesu, nāsantesu asambhavatoti tesaṃ adhippāyo. Evañca pana, bhikkhave, pabbājetabbo upasampādetabbo. Paṭhamaṃ…pe…anujānāmi, bhikkhave, imehi tīhi saraṇagamanehi pabbajjaṃ upasampadanti ettha iminā anukkamena dinnehi tīhi saraṇagamanehi pabbajjaṃ upasampadaṃ anujānāmi kevalehīti adhippāyadassanato –

    อาทินฺนปุพฺพลิงฺคสฺส, นคฺคสฺสาปิ ทฺวยํ ภเว;

    Ādinnapubbaliṅgassa, naggassāpi dvayaṃ bhave;

    เนตรสฺสาติ โน ขนฺติ, สพฺพปาฐานุโลมโตติฯ –

    Netarassāti no khanti, sabbapāṭhānulomatoti. –

    อาจริโย ฯ อาจริเยน อทินฺนํ น วฎฺฎตีติ เอตฺถ ‘‘ปพฺพชฺชา น รุหตีติ วทนฺตี’’ติ ลิขิตํฯ โปราณคณฺฐิปเทปิ ตเถว ลิขิตํฯ อุราทีนิ ฐานานิ นามฯ สํวุตาทีนิ กรณานิ นามฯ ‘‘อนุนาสิกนฺตํ กตฺวา เอกสมฺพนฺธํ กตฺวา ทานกาเล อนฺตรา อฎฺฐตฺวา วตฺตพฺพํฯ วิจฺฉินฺทิตฺวา ทาเนปิ ยถาวุตฺตฎฺฐาเน เอว วิเจฺฉโท, อญฺญตฺร น วฎฺฎตี’’ติ ลิขิตํฯ อนุนาสิกเนฺต ทิยฺยมาเน ขลิตฺวา ‘‘พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามี’’ติ มกาเรน มิสฺสีภูเต เขเตฺต โอติณฺณตฺตา วฎฺฎตีติ อุปติสฺสเตฺถโรฯ มิสฺสํ กตฺวา วตฺตุํ วฎฺฎติ, วจนกาเล ปน อนุนาสิกฎฺฐาเน วิเจฺฉทํ อกตฺวา วตฺตพฺพนฺติ ธมฺมสิริเตฺถโรฯ ‘‘เอวํ กมฺมวาจายมฺปี’’ติ วุตฺตํฯ อุภโตสุทฺธิยาว วฎฺฎตีติ เอตฺถ มหาเถโร ปติตทนฺตาทิการณตาย อจตุรสฺสํ กตฺวา วทติ, พฺยตฺตสามเณโร สมีเป ฐิโต ปพฺพชฺชาเปกฺขํ พฺยตฺตํ วทาเปติฯ มหาเถเรน อวุตฺตํ วทาเปตีติ น วฎฺฎติฯ กมฺมวาจาย อิตโร ภิกฺขุ เจ วทติ, วฎฺฎตีติฯ สโงฺฆ หิ กมฺมํ กโรติ, น ปุคฺคโลติฯ น นานาสีมปวตฺตกมฺมวาจาสามญฺญนเยน ปฎิกฺขิปิตพฺพตฺตาฯ อถ เถเรน จตุรสฺสํ วุตฺตํ ปพฺพชฺชาเปกฺขํ วตฺตุํ อสโกฺกนฺตํ สามเณโร สยํ วตฺวา วทาเปติ, อุภโตสุทฺธิ เอว โหติ เถเรน วุตฺตเสฺสว วุตฺตตฺตาฯ พุทฺธํ สรณํ คจฺฉโนฺต อสาธารเณ พุทฺธคุเณ, ธมฺมํ สรณํ คจฺฉโนฺต นิพฺพานํ, สงฺฆํ สรณํ คจฺฉโนฺต เสกฺขธมฺมํ, อเสกฺขธมฺมญฺจ สรณํ คจฺฉตีติ อคฺคหิตคฺคหณวเสน โยชนา กาตพฺพาฯ อญฺญถา สรณตฺตยสงฺกรโทโสฯ สพฺพมสฺส กปฺปิยากปฺปิยนฺติ ทสสิกฺขาปทวินิมุตฺตํ ปรามาสาปรามาสาทิฯ ‘‘อาภิสมาจาริเกสุ วิเนตโพฺพ’’ติ วจนโต เสขิยอุปชฺฌายวตฺตาทิอาภิสมาจาริกสีลมเนน ปูเรตพฺพํฯ ตตฺถ จาริตฺตสฺส อกรเณ วาริตฺตสฺส กรเณ ทณฺฑกมฺมารโห โหตีติ ทีเปติฯ

    Ācariyo . Ācariyena adinnaṃ na vaṭṭatīti ettha ‘‘pabbajjā na ruhatīti vadantī’’ti likhitaṃ. Porāṇagaṇṭhipadepi tatheva likhitaṃ. Urādīni ṭhānāni nāma. Saṃvutādīni karaṇāni nāma. ‘‘Anunāsikantaṃ katvā ekasambandhaṃ katvā dānakāle antarā aṭṭhatvā vattabbaṃ. Vicchinditvā dānepi yathāvuttaṭṭhāne eva vicchedo, aññatra na vaṭṭatī’’ti likhitaṃ. Anunāsikante diyyamāne khalitvā ‘‘buddhaṃ saraṇaṃ gacchāmī’’ti makārena missībhūte khette otiṇṇattā vaṭṭatīti upatissatthero. Missaṃ katvā vattuṃ vaṭṭati, vacanakāle pana anunāsikaṭṭhāne vicchedaṃ akatvā vattabbanti dhammasiritthero. ‘‘Evaṃ kammavācāyampī’’ti vuttaṃ. Ubhatosuddhiyāva vaṭṭatīti ettha mahāthero patitadantādikāraṇatāya acaturassaṃ katvā vadati, byattasāmaṇero samīpe ṭhito pabbajjāpekkhaṃ byattaṃ vadāpeti. Mahātherena avuttaṃ vadāpetīti na vaṭṭati. Kammavācāya itaro bhikkhu ce vadati, vaṭṭatīti. Saṅgho hi kammaṃ karoti, na puggaloti. Na nānāsīmapavattakammavācāsāmaññanayena paṭikkhipitabbattā. Atha therena caturassaṃ vuttaṃ pabbajjāpekkhaṃ vattuṃ asakkontaṃ sāmaṇero sayaṃ vatvā vadāpeti, ubhatosuddhi eva hoti therena vuttasseva vuttattā. Buddhaṃ saraṇaṃ gacchanto asādhāraṇe buddhaguṇe, dhammaṃ saraṇaṃ gacchanto nibbānaṃ, saṅghaṃ saraṇaṃ gacchanto sekkhadhammaṃ, asekkhadhammañca saraṇaṃ gacchatīti aggahitaggahaṇavasena yojanā kātabbā. Aññathā saraṇattayasaṅkaradoso. Sabbamassa kappiyākappiyanti dasasikkhāpadavinimuttaṃ parāmāsāparāmāsādi. ‘‘Ābhisamācārikesu vinetabbo’’ti vacanato sekhiyaupajjhāyavattādiābhisamācārikasīlamanena pūretabbaṃ. Tattha cārittassa akaraṇe vārittassa karaṇe daṇḍakammāraho hotīti dīpeti.

    ปพฺพชฺชากถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Pabbajjākathāvaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวคฺคปาฬิ • Mahāvaggapāḷi
    ๗. ปพฺพชฺชากถา • 7. Pabbajjākathā
    ๙. ปพฺพชฺชูปสมฺปทากถา • 9. Pabbajjūpasampadākathā

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวคฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvagga-aṭṭhakathā / ปพฺพชฺชากถา • Pabbajjākathā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / ปพฺพชฺชากถาวณฺณนา • Pabbajjākathāvaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / ๗. ปพฺพชฺชากถา • 7. Pabbajjākathā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact