Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā

    ปพฺพชฺชากถาวณฺณนา

    Pabbajjākathāvaṇṇanā

    ๒๕. อาฬมฺพรนฺติ ปณวํฯ วิเกสิกนฺติ วิปฺปกิณฺณเกสํฯ วิเกฺขฬิกนฺติ วิสฺสนฺทมานลาลํ ฯ สุสานํ มเญฺญติ สุสานํ วิย อทฺทส สกํ ปริชนนฺติ สมฺพโนฺธฯ อุทานํ อุทาเนสีติ สํเวควสปฺปวตฺตํ วจนํ นิจฺฉาเรสิฯ อุปสฺสฎฺฐนฺติ ทุเกฺขน สมฺมิสฺสํ, ทุโกฺขติณฺณํ สพฺพสตฺตกายชาตนฺติ อโตฺถฯ

    25.Āḷambaranti paṇavaṃ. Vikesikanti vippakiṇṇakesaṃ. Vikkheḷikanti vissandamānalālaṃ . Susānaṃ maññeti susānaṃ viya addasa sakaṃ parijananti sambandho. Udānaṃ udānesīti saṃvegavasappavattaṃ vacanaṃ nicchāresi. Upassaṭṭhanti dukkhena sammissaṃ, dukkhotiṇṇaṃ sabbasattakāyajātanti attho.

    ๒๖. อิทํ โข ยสาติ ภควา นิพฺพานํ สนฺธายาหฯ อนุปุพฺพิํ กถนฺติ อนุปฎิปาฎิกถํฯ อาทีนวนฺติ โทสํฯ โอการนฺติ นิหีนตา นิหีนชนเสวิตตฺตาฯ สํกิเลสนฺติ เตหิ สตฺตานํ สํกิเลสนํ, สํกิเลสวิสยนฺติ วา อโตฺถฯ กลฺลจิตฺตนฺติ อโรคจิตฺตํฯ สามํ อตฺตนาว อุกฺกํโส อุกฺขิปนํ เอติสฺสนฺติ สามุกฺกํสิกา, สจฺจเทสนาฯ ตสฺสา สรูปทสฺสนํ ‘‘ทุกฺข’’นฺติอาทิฯ

    26.Idaṃ kho yasāti bhagavā nibbānaṃ sandhāyāha. Anupubbiṃ kathanti anupaṭipāṭikathaṃ. Ādīnavanti dosaṃ. Okāranti nihīnatā nihīnajanasevitattā. Saṃkilesanti tehi sattānaṃ saṃkilesanaṃ, saṃkilesavisayanti vā attho. Kallacittanti arogacittaṃ. Sāmaṃ attanāva ukkaṃso ukkhipanaṃ etissanti sāmukkaṃsikā, saccadesanā. Tassā sarūpadassanaṃ ‘‘dukkha’’ntiādi.

    ๒๗. อสฺสทูเตติ อสฺสอารุเฬฺห ทูเตฯ อิทฺธาภิสงฺขารนฺติ อิทฺธิกิริยํฯ อภิสงฺขเรสิ อกาสิฯ

    27.Assadūteti assaāruḷhe dūte. Iddhābhisaṅkhāranti iddhikiriyaṃ. Abhisaṅkharesi akāsi.

    ๒๘. ยถาทิฎฺฐนฺติ ปฐมมเคฺคน ทิฎฺฐํ จตุสฺสจฺจภูมิํ เสสมคฺคตฺตเยน ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส, ปสฺสนฺตสฺสาติ อโตฺถฯ มาตุ โน ชีวิตนฺติ เอตฺถ โนติ นิปาตมตฺตํ, มาตุ ชีวิตนฺติ อโตฺถฯ ยสสฺส ขีณาสวตฺตา ‘‘เอหิ ภิกฺขุ, สฺวากฺขาโต ธโมฺม, จร พฺรหฺมจริย’’นฺติ เอตฺตเกเนว ภควา อุปสมฺปทํ อทาสิฯ ขีณาสวานญฺหิ เอตฺตเกเนว อุปสมฺปทา อนุญฺญาตา ปุเพฺพว ทุกฺขสฺส ปริกฺขีณตฺตาฯ จร พฺรหฺมจริยนฺติ สาสนพฺรหฺมจริยสงฺขาตํ สิกฺขาปทปูรณํ สนฺธาย วุตฺตํ, น มคฺคพฺรหฺมจริยํฯ

    28.Yathādiṭṭhanti paṭhamamaggena diṭṭhaṃ catussaccabhūmiṃ sesamaggattayena paccavekkhantassa, passantassāti attho. Mātu no jīvitanti ettha noti nipātamattaṃ, mātu jīvitanti attho. Yasassa khīṇāsavattā ‘‘ehi bhikkhu, svākkhāto dhammo, cara brahmacariya’’nti ettakeneva bhagavā upasampadaṃ adāsi. Khīṇāsavānañhi ettakeneva upasampadā anuññātā pubbeva dukkhassa parikkhīṇattā. Cara brahmacariyanti sāsanabrahmacariyasaṅkhātaṃ sikkhāpadapūraṇaṃ sandhāya vuttaṃ, na maggabrahmacariyaṃ.

    ๓๐. เสฎฺฐานุเสฎฺฐีนนฺติ เสฎฺฐิโน จ อนุเสฎฺฐิโน จ ปเวณีวเสน อาคตา เยสํ กุลานํ สนฺติ, เตสํ เสฎฺฐานุเสฎฺฐีนํ กุลานํฯ โอรโกติ ลามโกฯ

    30.Seṭṭhānuseṭṭhīnanti seṭṭhino ca anuseṭṭhino ca paveṇīvasena āgatā yesaṃ kulānaṃ santi, tesaṃ seṭṭhānuseṭṭhīnaṃ kulānaṃ. Orakoti lāmako.

    ๓๒-๓๓. มา เอเกน เทฺวติ เอเกน มเคฺคน เทฺว ภิกฺขู มา อคมิตฺถฯ วิสุเทฺธ สเตฺต, คุเณ วา มาเรตีติ มาโรฯ ปาเป นิยุโตฺต ปาปิมา

    32-33.Mā ekena dveti ekena maggena dve bhikkhū mā agamittha. Visuddhe satte, guṇe vā māretīti māro. Pāpe niyutto pāpimā.

    สพฺพปาเสหีติ สพฺพกิเลสปาเสหิฯ เย ทิพฺพา เย จ มานุสาติ เย ทิพฺพกามคุณนิสฺสิตา, มานุสกกามคุณนิสฺสิตา จ กิเลสปาสา นาม อตฺถิ, สเพฺพหิ เตหิฯ ‘‘ตฺวํ พุโทฺธ’’ติ เทวมนุเสฺสหิ กริยมานสกฺการสมฺปฎิจฺฉนํ สนฺธาย วทติฯ

    Sabbapāsehīti sabbakilesapāsehi. Ye dibbā ye ca mānusāti ye dibbakāmaguṇanissitā, mānusakakāmaguṇanissitā ca kilesapāsā nāma atthi, sabbehi tehi. ‘‘Tvaṃ buddho’’ti devamanussehi kariyamānasakkārasampaṭicchanaṃ sandhāya vadati.

    อนฺตลิเกฺข จรเนฺต ปญฺจาภิเญฺญปิ พนฺธตีติ อนฺตลิกฺขจโร, ราคปาโสฯ มาโร ปน ปาสมฺปิ อนฺตลิกฺขจรํ มญฺญติฯ มานโสติ มโนสมฺปยุโตฺตฯ

    Antalikkhe carante pañcābhiññepi bandhatīti antalikkhacaro, rāgapāso. Māro pana pāsampi antalikkhacaraṃ maññati. Mānasoti manosampayutto.

    ชานาติ มนฺติ โส กิร ‘‘มหานุภาโว อโญฺญ เทวปุโตฺต นิวาเรตีติ ภีโต นิวตฺติสฺสติ นุ โข’’ติสญฺญาย วตฺวา ‘‘นิหโต ตฺวมสิ อนฺตกา’’ติ วุเตฺต ‘‘ชานาติ ม’’นฺติ ทุมฺมโน ปลายิฯ

    Jānāti manti so kira ‘‘mahānubhāvo añño devaputto nivāretīti bhīto nivattissati nu kho’’tisaññāya vatvā ‘‘nihato tvamasi antakā’’ti vutte ‘‘jānāti ma’’nti dummano palāyi.

    ๓๔. ปริวิตโกฺก อุทปาทีติ ยสฺมา เอหิภิกฺขุภาวาย อุปนิสฺสยรหิตานมฺปิ ปพฺพชิตุกามตา อุปฺปชฺชิสฺสติ, พุทฺธา จ เต น ปพฺพาเชนฺติ, ตสฺมา เตสมฺปิ ปพฺพชฺชาวิธิํ ทเสฺสโนฺต เอวํ ปริวิตเกฺกสีติ ทฎฺฐพฺพํฯ อุปนิสฺสยสมฺปนฺนา ปน ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา เอหิภิกฺขุภาเวเนว ปพฺพชนฺติฯ เย ปฎิกฺขิตฺตปุคฺคลาติ สมฺพโนฺธฯ สยํ ปพฺพาเชตโพฺพติ เอตฺถ ‘‘เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา’’ติอาทิวจนโต เกสเจฺฉทนกาสายจฺฉาทนสรณทานานิ ปพฺพชฺชา นาม, เตสุ ปจฺฉิมทฺวยํ ภิกฺขูหิ เอว กาตพฺพํ, กาเรตพฺพํ วาฯ ‘‘ปพฺพาเชหี’’ติ อิทํ ติวิธมฺปิ สนฺธาย วุตฺตํฯ ขณฺฑสีมํ เนตฺวาติ ภณฺฑุกมฺมาโรจนปริหรณตฺถํฯ ภิกฺขูนญฺหิ อนาโรเจตฺวา เอกสีมาย ‘‘เอตสฺส เกเส ฉินฺทา’’ติ อญฺญํ อาณาเปตุมฺปิ น วฎฺฎติฯ ปพฺพาเชตฺวาติ เกสาทิเจฺฉทนเมว สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘กาสายานิ อจฺฉาเทตฺวา’’ติ วิสุํ วุตฺตตฺตาฯ ปพฺพาเชตุํ น ลภตีติ สรณทานํ สนฺธาย วุตฺตํ, อนุปสมฺปเนฺนน ภิกฺขุอาณตฺติยา ทินฺนมฺปิ สรณํ น รุหติฯ

    34.Parivitakko udapādīti yasmā ehibhikkhubhāvāya upanissayarahitānampi pabbajitukāmatā uppajjissati, buddhā ca te na pabbājenti, tasmā tesampi pabbajjāvidhiṃ dassento evaṃ parivitakkesīti daṭṭhabbaṃ. Upanissayasampannā pana bhagavantaṃ upasaṅkamitvā ehibhikkhubhāveneva pabbajanti. Ye paṭikkhittapuggalāti sambandho. Sayaṃ pabbājetabboti ettha ‘‘kesamassuṃ ohāretvā’’tiādivacanato kesacchedanakāsāyacchādanasaraṇadānāni pabbajjā nāma, tesu pacchimadvayaṃ bhikkhūhi eva kātabbaṃ, kāretabbaṃ vā. ‘‘Pabbājehī’’ti idaṃ tividhampi sandhāya vuttaṃ. Khaṇḍasīmaṃ netvāti bhaṇḍukammārocanapariharaṇatthaṃ. Bhikkhūnañhi anārocetvā ekasīmāya ‘‘etassa kese chindā’’ti aññaṃ āṇāpetumpi na vaṭṭati. Pabbājetvāti kesādicchedanameva sandhāya vuttaṃ ‘‘kāsāyāni acchādetvā’’ti visuṃ vuttattā. Pabbājetuṃ na labhatīti saraṇadānaṃ sandhāya vuttaṃ, anupasampannena bhikkhuāṇattiyā dinnampi saraṇaṃ na ruhati.

    ยสสฺสีติ ปริวารสมฺปโนฺนฯ นิชฺชีวนิสฺสตฺตภาวนฺติ ‘‘เกสา นาม อิมสฺมิํ สรีเร ปาฎิเยโกฺก โกฎฺฐาโส อเจตโน อพฺยากโต สุโญฺญ นิสฺสโตฺต ถโทฺธ ปถวีธาตู’’ติอาทินยํ สงฺคณฺหาติ, สพฺพํ วิสุทฺธิมเคฺค (วิสุทฺธิ. ๑.๓๑๑) อาคตนเยน คเหตพฺพํฯ ปุเพฺพติ ปุพฺพพุทฺธุปฺปาเทสุฯ มทฺทิตสงฺขาโรติ วิปสฺสนาวเสน วุตฺตํฯ ภาวิตภาวโนติ สมถวเสนาปิฯ

    Yasassīti parivārasampanno. Nijjīvanissattabhāvanti ‘‘kesā nāma imasmiṃ sarīre pāṭiyekko koṭṭhāso acetano abyākato suñño nissatto thaddho pathavīdhātū’’tiādinayaṃ saṅgaṇhāti, sabbaṃ visuddhimagge (visuddhi. 1.311) āgatanayena gahetabbaṃ. Pubbeti pubbabuddhuppādesu. Madditasaṅkhāroti vipassanāvasena vuttaṃ. Bhāvitabhāvanoti samathavasenāpi.

    กาสายานิ ติกฺขตฺตุํ วา…เป.… ปฎิคฺคาหาเปตโพฺพติ เอตฺถ ‘‘สพฺพทุกฺขนิสฺสรณตฺถาย อิมํ กาสาวํ คเหตฺวา’’ติ วา ‘‘ตํ กาสาวํ ทตฺวา’’ติ วา วตฺวา ‘‘ปพฺพาเชถ มํ, ภเนฺต, อนุกมฺปํ อุปาทายา’’ติ เอวํ ยาจนปุพฺพกํ จีวรํ ปฎิจฺฉาเปติฯ อถาปีติอาทิ ติกฺขตฺตุํ ปฎิคฺคาหาปนโต ปรํ กตฺตพฺพวิธิทสฺสนํฯ อถาปีติ ตโต ปรมฺปีติ อโตฺถฯ เกจิ ปน ‘‘จีวรํ อปฺปฎิคฺคาหาเปตฺวา ปพฺพชนปฺปการเภททสฺสนตฺถํ ‘‘อถาปี’’ติ วุตฺตํ, อถาปีติ จ อถ วาติ อโตฺถ’’ติ วทนฺติฯ ‘‘อทินฺนํ น วฎฺฎตี’’ติ อิมินา ปพฺพชฺชา น รุหตีติ ทเสฺสติฯ

    Kāsāyāni tikkhattuṃ vā…pe… paṭiggāhāpetabboti ettha ‘‘sabbadukkhanissaraṇatthāya imaṃ kāsāvaṃ gahetvā’’ti vā ‘‘taṃ kāsāvaṃ datvā’’ti vā vatvā ‘‘pabbājetha maṃ, bhante, anukampaṃ upādāyā’’ti evaṃ yācanapubbakaṃ cīvaraṃ paṭicchāpeti. Athāpītiādi tikkhattuṃ paṭiggāhāpanato paraṃ kattabbavidhidassanaṃ. Athāpīti tato parampīti attho. Keci pana ‘‘cīvaraṃ appaṭiggāhāpetvā pabbajanappakārabhedadassanatthaṃ ‘‘athāpī’’ti vuttaṃ, athāpīti ca atha vāti attho’’ti vadanti. ‘‘Adinnaṃ na vaṭṭatī’’ti iminā pabbajjā na ruhatīti dasseti.

    ปาเท วนฺทาเปตฺวาติ ปาทาภิมุขํ นมาเปตฺวาฯ ทูเร วนฺทโนฺตปิ หิ ปาเท วนฺทตีติ วุจฺจติฯ อุปชฺฌาเยน วาติ เอตฺถ ยสฺส สนฺติเก อุปชฺฌํ คณฺหาติ, อยํ อุปชฺฌาโยฯ อาภิสมาจาริเกสุ วินยนตฺถํ ยํ อาจริยํ กตฺวา นิยฺยาเตนฺติ, อยํ อาจริโยฯ สเจ ปน อุปชฺฌาโย สยเมว สพฺพํ สิกฺขาเปติ, อญฺญสฺมิํ น นิยฺยาเตติ, อุปชฺฌาโยวสฺส อาจริโยปิ โหติ, ยถา อุปสมฺปทากาเล สยเมว กมฺมวาจํ วาเจโนฺต อุปชฺฌาโยว กมฺมวาจาจริโยปิ โหติฯ

    Pādevandāpetvāti pādābhimukhaṃ namāpetvā. Dūre vandantopi hi pāde vandatīti vuccati. Upajjhāyena vāti ettha yassa santike upajjhaṃ gaṇhāti, ayaṃ upajjhāyo. Ābhisamācārikesu vinayanatthaṃ yaṃ ācariyaṃ katvā niyyātenti, ayaṃ ācariyo. Sace pana upajjhāyo sayameva sabbaṃ sikkhāpeti, aññasmiṃ na niyyāteti, upajjhāyovassa ācariyopi hoti, yathā upasampadākāle sayameva kammavācaṃ vācento upajjhāyova kammavācācariyopi hoti.

    อนุนาสิกนฺตํ กตฺวา ทานกาเล อนฺตรา วิเจฺฉโท น กาตโพฺพติ อาห ‘‘เอกสมฺพนฺธานี’’ติฯ

    Anunāsikantaṃ katvā dānakāle antarā vicchedo na kātabboti āha ‘‘ekasambandhānī’’ti.

    ‘‘อาภิสมาจาริเกสุ วิเนตโพฺพ’’ติ อิมินา เสขิยวตฺตขนฺธกวเตฺตสุ, อเญฺญสุ

    ‘‘Ābhisamācārikesu vinetabbo’’ti iminā sekhiyavattakhandhakavattesu, aññesu

    จ สุกฺกวิสฺสฎฺฐิอาทิโลกวชฺชสิกฺขาปเทสุ สามเณเรหิ วตฺติตพฺพํ, ตตฺถ อวตฺตมาโน อลชฺชี, ทณฺฑกมฺมารโห จ โหตีติ ทเสฺสติฯ

    Ca sukkavissaṭṭhiādilokavajjasikkhāpadesu sāmaṇerehi vattitabbaṃ, tattha avattamāno alajjī, daṇḍakammāraho ca hotīti dasseti.

    ปพฺพชฺชากถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Pabbajjākathāvaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวคฺคปาฬิ • Mahāvaggapāḷi
    ๗. ปพฺพชฺชากถา • 7. Pabbajjākathā
    ๘. มารกถา • 8. Mārakathā
    ๙. ปพฺพชฺชูปสมฺปทากถา • 9. Pabbajjūpasampadākathā

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวคฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvagga-aṭṭhakathā / ปพฺพชฺชากถา • Pabbajjākathā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / ปพฺพชฺชากถาวณฺณนา • Pabbajjākathāvaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / ๗. ปพฺพชฺชากถา • 7. Pabbajjākathā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact