Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มิลินฺทปญฺหปาฬิ • Milindapañhapāḷi |
๕. ปพฺพชฺชปโญฺห
5. Pabbajjapañho
๕. อถ โข อายสฺมา นาคเสโน เยน มิลินฺทสฺส รโญฺญ นิเวสนํ เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา ปญฺญเตฺต อาสเน นิสีทิฯ อถ โข มิลิโนฺท ราชา อายสฺมนฺตํ นาคเสนํ สปริสํ ปณีเตน ขาทนีเยน โภชนีเยน สหตฺถา สนฺตเปฺปตฺวา สมฺปวาเรตฺวา เอกเมกํ ภิกฺขุํ เอกเมเกน ทุสฺสยุเคน อจฺฉาเทตฺวา อายสฺมนฺตํ นาคเสนํ ติจีวเรน อจฺฉาเทตฺวา อายสฺมนฺตํ นาคเสนํ เอตทโวจ ‘‘ภเนฺต นาคเสน ทสหิ, ภิกฺขูหิ สทฺธิํ อิธ นิสีทถ, อวเสสา คจฺฉนฺตู’’ติฯ
5. Atha kho āyasmā nāgaseno yena milindassa rañño nivesanaṃ tenupasaṅkami, upasaṅkamitvā paññatte āsane nisīdi. Atha kho milindo rājā āyasmantaṃ nāgasenaṃ saparisaṃ paṇītena khādanīyena bhojanīyena sahatthā santappetvā sampavāretvā ekamekaṃ bhikkhuṃ ekamekena dussayugena acchādetvā āyasmantaṃ nāgasenaṃ ticīvarena acchādetvā āyasmantaṃ nāgasenaṃ etadavoca ‘‘bhante nāgasena dasahi, bhikkhūhi saddhiṃ idha nisīdatha, avasesā gacchantū’’ti.
อถ โข มิลิโนฺท ราชา อายสฺมนฺตํ นาคเสนํ ภุตฺตาวิํ โอนีตปตฺตปาณิํ วิทิตฺวา อญฺญตรํ นีจํ อาสนํ คเหตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ, เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข มิลิโนฺท ราชา อายสฺมนฺตํ นาคเสนํ เอตทโวจ ‘‘ภเนฺต นาคเสน, กิมฺหิ โหติ กถาสลฺลาโป’’ติ? ‘‘อเตฺถน มยํ, มหาราช, อตฺถิกา, อเตฺถ โหตุ กถาสลฺลาโป’’ติฯ
Atha kho milindo rājā āyasmantaṃ nāgasenaṃ bhuttāviṃ onītapattapāṇiṃ viditvā aññataraṃ nīcaṃ āsanaṃ gahetvā ekamantaṃ nisīdi, ekamantaṃ nisinno kho milindo rājā āyasmantaṃ nāgasenaṃ etadavoca ‘‘bhante nāgasena, kimhi hoti kathāsallāpo’’ti? ‘‘Atthena mayaṃ, mahārāja, atthikā, atthe hotu kathāsallāpo’’ti.
ราชา อาห ‘‘กิมตฺถิยา, ภเนฺต นาคเสน, ตุมฺหากํ ปพฺพชฺชา, โก จ ตุมฺหากํ ปรมโตฺถ’’ติฯ เถโร อาห ‘‘กินฺติ, มหาราช, อิทํ ทุกฺขํ นิรุเชฺฌยฺย, อญฺญญฺจ ทุกฺขํ น อุปฺปเชฺชยฺยาติฯ เอตทตฺถา, มหาราช, อมฺหากํ ปพฺพชฺชา, อนุปาทา ปรินิพฺพานํ โข ปน อมฺหากํ ปรมโตฺถ’’ติฯ
Rājā āha ‘‘kimatthiyā, bhante nāgasena, tumhākaṃ pabbajjā, ko ca tumhākaṃ paramattho’’ti. Thero āha ‘‘kinti, mahārāja, idaṃ dukkhaṃ nirujjheyya, aññañca dukkhaṃ na uppajjeyyāti. Etadatthā, mahārāja, amhākaṃ pabbajjā, anupādā parinibbānaṃ kho pana amhākaṃ paramattho’’ti.
‘‘ตฺวํ ปน, ภเนฺต, เอตทตฺถาย ปพฺพชิโตสี’’ติ? ‘‘อหํ โข, มหาราช, ทหรโก สโนฺต ปพฺพชิโต, น ชานามิ อิมสฺส นามตฺถาย ปพฺพชามีติ, อปิ จ โข เม เอวํ อโหสิ ‘ปณฺฑิตา อิเม สมณา สกฺยปุตฺติยา, เต มํ สิกฺขาเปสฺสนฺตี’ติ, สฺวาหํ เตหิ สิกฺขาปิโต ชานามิ จ ปสฺสามิ จ ‘อิมสฺส นามตฺถาย ปพฺพชฺชา’’’ติฯ
‘‘Tvaṃ pana, bhante, etadatthāya pabbajitosī’’ti? ‘‘Ahaṃ kho, mahārāja, daharako santo pabbajito, na jānāmi imassa nāmatthāya pabbajāmīti, api ca kho me evaṃ ahosi ‘paṇḍitā ime samaṇā sakyaputtiyā, te maṃ sikkhāpessantī’ti, svāhaṃ tehi sikkhāpito jānāmi ca passāmi ca ‘imassa nāmatthāya pabbajjā’’’ti.
‘‘กโลฺลสิ , ภเนฺต นาคเสนา’’ติฯ
‘‘Kallosi , bhante nāgasenā’’ti.
ปพฺพชฺชปโญฺห ปญฺจโมฯ
Pabbajjapañho pañcamo.
Footnotes: