Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วินยสงฺคห-อฎฺฐกถา • Vinayasaṅgaha-aṭṭhakathā

    ๒๒. ปพฺพชฺชาวินิจฺฉยกถา

    22. Pabbajjāvinicchayakathā

    ๑๒๓. ปพฺพชฺชาติ เอตฺถ ปน ปพฺพชฺชาเปกฺขํ กุลปุตฺตํ ปพฺพาเชเนฺตน เย ปาฬิยํ ‘‘น ภิกฺขเว ปญฺจหิ อาพาเธหิ ผุโฎฺฐ ปพฺพาเชตโพฺพ’’ติอาทินา (มหาว. ๘๙) ปฎิกฺขิตฺตา ปุคฺคลา, เต วเชฺชตฺวา ปพฺพชฺชาโทสวิรหิโต ปุคฺคโล ปพฺพาเชตโพฺพฯ ตตฺรายํ วินิจฺฉโย (มหาว. อฎฺฐ. ๘๘) – กุฎฺฐํ คโณฺฑ กิลาโส โสโส อปมาโรติ อิเมหิ ปญฺจหิ อาพาเธหิ ผุโฎฺฐ น ปพฺพาเชตโพฺพ, ปพฺพาเชโนฺต ปน ทุกฺกฎํ อาปชฺชติ ‘‘โย ปพฺพาเชยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสา’’ติ วุตฺตตฺตาฯ ตตฺถ กุฎฺฐนฺติ รตฺตกุฎฺฐํ วา โหตุ กาฬกุฎฺฐํ วา, ยํ กิญฺจิ กิฎิภททฺทอุกจฺฉุอาทิปฺปเภทมฺปิ สพฺพํ กุฎฺฐเมวาติ วุตฺตํฯ ตเญฺจ นขปิฎฺฐิปฺปมาณมฺปิ วฑฺฒนกปเกฺข ฐิตํ โหติ, น ปพฺพาเชตโพฺพฯ สเจ ปน นิวาสนปาวุรเณหิ ปกติปฎิจฺฉนฺนฎฺฐาเน นขปิฎฺฐิปฺปมาณํ อวฑฺฒนกปเกฺข ฐิตํ โหติ, วฎฺฎติฯ ‘‘มุเข ปน หตฺถปาทปิฎฺฐีสุ วา สเจปิ อวฑฺฒนกปเกฺข ฐิตํ, นขปิฎฺฐิโต จ ขุทฺทกตรมฺปิ น วฎฺฎติเยวา’’ติ กุรุนฺทิยํ วุตฺตํฯ ติกิจฺฉาเปตฺวา ปพฺพาเชเนฺตนปิ ปกติวเณฺณ ชาเตเยว ปพฺพาเชตโพฺพ, โคธาปิฎฺฐิสทิสจุณฺณโอกิรณสรีรมฺปิ ปพฺพาเชตุํ น วฎฺฎติฯ

    123.Pabbajjāti ettha pana pabbajjāpekkhaṃ kulaputtaṃ pabbājentena ye pāḷiyaṃ ‘‘na bhikkhave pañcahi ābādhehi phuṭṭho pabbājetabbo’’tiādinā (mahāva. 89) paṭikkhittā puggalā, te vajjetvā pabbajjādosavirahito puggalo pabbājetabbo. Tatrāyaṃ vinicchayo (mahāva. aṭṭha. 88) – kuṭṭhaṃ gaṇḍo kilāso soso apamāroti imehi pañcahi ābādhehi phuṭṭho na pabbājetabbo, pabbājento pana dukkaṭaṃ āpajjati ‘‘yo pabbājeyya, āpatti dukkaṭassā’’ti vuttattā. Tattha kuṭṭhanti rattakuṭṭhaṃ vā hotu kāḷakuṭṭhaṃ vā, yaṃ kiñci kiṭibhadaddaukacchuādippabhedampi sabbaṃ kuṭṭhamevāti vuttaṃ. Tañce nakhapiṭṭhippamāṇampi vaḍḍhanakapakkhe ṭhitaṃ hoti, na pabbājetabbo. Sace pana nivāsanapāvuraṇehi pakatipaṭicchannaṭṭhāne nakhapiṭṭhippamāṇaṃ avaḍḍhanakapakkhe ṭhitaṃ hoti, vaṭṭati. ‘‘Mukhe pana hatthapādapiṭṭhīsu vā sacepi avaḍḍhanakapakkhe ṭhitaṃ, nakhapiṭṭhito ca khuddakatarampi na vaṭṭatiyevā’’ti kurundiyaṃ vuttaṃ. Tikicchāpetvā pabbājentenapi pakativaṇṇe jāteyeva pabbājetabbo, godhāpiṭṭhisadisacuṇṇaokiraṇasarīrampi pabbājetuṃ na vaṭṭati.

    คโณฺฑติ เมทคโณฺฑ วา โหตุ อโญฺญ วา, โย โกจิ โกลฎฺฐิมตฺตโกปิ เจ วฑฺฒนกปเกฺข ฐิโต คโณฺฑ โหติ, น ปพฺพาเชตโพฺพฯ ปฎิจฺฉนฺนฎฺฐาเน ปน โกลฎฺฐิมเตฺต อวฑฺฒนกปเกฺข ฐิเต วฎฺฎติ, มุขาทิเก อปฺปฎิจฺฉนฺนฎฺฐาเน อวฑฺฒนกปเกฺข ฐิเตปิ น วฎฺฎติฯ ติกิจฺฉาเปตฺวา ปพฺพาเชเนฺตนปิ สรีรํ สจฺฉวิํ การาเปตฺวา ปพฺพาเชตโพฺพฯ อุณฺณิคณฺฑา นาม โหนฺติ โคถนกา วิย องฺคุลิกา วิย จ ตตฺถ ตตฺถ ลมฺพนฺติ, เอเตปิ คณฺฑาเยว, เตสุ สติ ปพฺพาเชตุํ น วฎฺฎติฯ ทหรกาเล ขีรปีฬกา โยพฺพนฺนกาเล จ มุเข ขรปีฬกา นาม โหนฺติ, มหลฺลกกาเล นสฺสนฺติ, น ตา คณฺฑสงฺขฺยํ คจฺฉนฺติ, ตาสุ สติ ปพฺพาเชตุํ วฎฺฎติฯ อญฺญา ปน สรีเร ขรปีฬกา นาม, อปรา ปทุมกณฺณิกา นาม โหนฺติ, อญฺญา สาสปพีชกา นาม สาสปมตฺตาเยว สกลสรีรํ ผรนฺติ, สพฺพา กุฎฺฐชาติกาว, ตาสุ สติ น ปพฺพาเชตโพฺพฯ

    Gaṇḍoti medagaṇḍo vā hotu añño vā, yo koci kolaṭṭhimattakopi ce vaḍḍhanakapakkhe ṭhito gaṇḍo hoti, na pabbājetabbo. Paṭicchannaṭṭhāne pana kolaṭṭhimatte avaḍḍhanakapakkhe ṭhite vaṭṭati, mukhādike appaṭicchannaṭṭhāne avaḍḍhanakapakkhe ṭhitepi na vaṭṭati. Tikicchāpetvā pabbājentenapi sarīraṃ sacchaviṃ kārāpetvā pabbājetabbo. Uṇṇigaṇḍā nāma honti gothanakā viya aṅgulikā viya ca tattha tattha lambanti, etepi gaṇḍāyeva, tesu sati pabbājetuṃ na vaṭṭati. Daharakāle khīrapīḷakā yobbannakāle ca mukhe kharapīḷakā nāma honti, mahallakakāle nassanti, na tā gaṇḍasaṅkhyaṃ gacchanti, tāsu sati pabbājetuṃ vaṭṭati. Aññā pana sarīre kharapīḷakā nāma, aparā padumakaṇṇikā nāma honti, aññā sāsapabījakā nāma sāsapamattāyeva sakalasarīraṃ pharanti, sabbā kuṭṭhajātikāva, tāsu sati na pabbājetabbo.

    กิลาโสติ น ภิชฺชนกํ น ปคฺฆรณกํ ปทุมปุณฺฑรีกปตฺตวณฺณํ กุฎฺฐํฯ เยน คุนฺนํ วิย สพลํ สรีรํ โหติ, ตสฺมิํ กุเฎฺฐ วุตฺตนเยเนว วินิจฺฉโย เวทิตโพฺพฯ โสโสติ โสสพฺยาธิฯ ตสฺมิํ สติ น ปพฺพาเชตโพฺพฯ อปมาโรติ ปิตฺตุมฺมาโท วา ยกฺขุมฺมาโท วาฯ ตตฺถ ปุพฺพเวริเกน อมนุเสฺสน คหิโต ทุตฺติกิโจฺฉ โหติ, อปฺปมตฺตเกปิ ปน อปมาเร สติ น ปพฺพาเชตโพฺพฯ

    Kilāsoti na bhijjanakaṃ na paggharaṇakaṃ padumapuṇḍarīkapattavaṇṇaṃ kuṭṭhaṃ. Yena gunnaṃ viya sabalaṃ sarīraṃ hoti, tasmiṃ kuṭṭhe vuttanayeneva vinicchayo veditabbo. Sosoti sosabyādhi. Tasmiṃ sati na pabbājetabbo. Apamāroti pittummādo vā yakkhummādo vā. Tattha pubbaverikena amanussena gahito duttikiccho hoti, appamattakepi pana apamāre sati na pabbājetabbo.

    ๑๒๔. ‘‘น, ภิกฺขเว, ราชภโฎ ปพฺพาเชตโพฺพ, โย ปพฺพาเชยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสา’’ติ (มหาว. ๙๐) วจนโต ราชภโฎปิ น ปพฺพาเชตโพฺพฯ เอตฺถ จ อมโจฺจ วา โหตุ มหามโตฺต วา เสวโก วา กิญฺจิ ฐานนฺตรํ ปโตฺต วา อปฺปโตฺต วา, โย โกจิ รโญฺญ ภตฺตเวตนภโฎ, สโพฺพ ราชภโฎติ สงฺขฺยํ คจฺฉติ, โส น ปพฺพาเชตโพฺพฯ ตสฺส ปน ปุตฺตนตฺตภาตุกา เย ราชโต ภตฺตเวตนํ น คณฺหนฺติ, เต ปพฺพาเชตุํ วฎฺฎติฯ โย ปน ราชโต ลทฺธํ นิพทฺธโภคํ วา มาสสํวจฺฉรปริพฺพยํ วา รโญฺญเยว นิยฺยาเทติ, ปุตฺตภาตุเก วา ตํ ฐานํ สมฺปฎิจฺฉาเปตฺวา ราชานํ ‘‘น ทานาหํ เทวสฺส ภโฎ’’ติ อาปุจฺฉติ, เยน วา ยํการณา เวตนํ คหิตํ, ตํ กมฺมํ กตํ โหติ, โย วา ‘‘ปพฺพชสฺสู’’ติ รญฺญา อนุญฺญาโต โหติ, ตมฺปิ ปพฺพาเชตุํ วฎฺฎติฯ

    124. ‘‘Na, bhikkhave, rājabhaṭo pabbājetabbo, yo pabbājeyya, āpatti dukkaṭassā’’ti (mahāva. 90) vacanato rājabhaṭopi na pabbājetabbo. Ettha ca amacco vā hotu mahāmatto vā sevako vā kiñci ṭhānantaraṃ patto vā appatto vā, yo koci rañño bhattavetanabhaṭo, sabbo rājabhaṭoti saṅkhyaṃ gacchati, so na pabbājetabbo. Tassa pana puttanattabhātukā ye rājato bhattavetanaṃ na gaṇhanti, te pabbājetuṃ vaṭṭati. Yo pana rājato laddhaṃ nibaddhabhogaṃ vā māsasaṃvaccharaparibbayaṃ vā raññoyeva niyyādeti, puttabhātuke vā taṃ ṭhānaṃ sampaṭicchāpetvā rājānaṃ ‘‘na dānāhaṃ devassa bhaṭo’’ti āpucchati, yena vā yaṃkāraṇā vetanaṃ gahitaṃ, taṃ kammaṃ kataṃ hoti, yo vā ‘‘pabbajassū’’ti raññā anuññāto hoti, tampi pabbājetuṃ vaṭṭati.

    ๑๒๕. โจโรปิ ธชพโนฺธ น ปพฺพาเชตโพฺพ ‘‘น, ภิกฺขเว, ธชพโนฺธ โจโร ปพฺพาเชตโพฺพ, โย ปพฺพาเชยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสา’’ติ (มหาว. ๙๑) วุตฺตตฺตาฯ ตตฺถ ธชํ พนฺธิตฺวา วิย วิจรตีติ ธชพโนฺธ, มูลเทวาทโย วิย โลเก ปากโฎติ วุตฺตํ โหติฯ ตสฺมา โย คามฆาตํ วา ปนฺถทุหนํ วา นคเร สนฺธิเจฺฉทาทิกมฺมํ วา กโรโนฺต วิจรติ, ปญฺญายติ จ ‘‘อสุโก นาม อิทํ อิทํ กโรตี’’ติ, โส น ปพฺพาเชตโพฺพฯ โย ปน ราชปุโตฺต รชฺชํ ปเตฺถโนฺต คามฆาตาทีนิ กโรติ, โส ปพฺพาเชตโพฺพฯ ราชาโน หิ ตสฺมิํ ปพฺพชิเต ตุสฺสนฺติ, สเจ ปน น ตุสฺสนฺติ, น ปพฺพาเชตโพฺพฯ ปุเพฺพ มหาชเน ปากโฎ โจโร ปจฺฉา โจรกมฺมํ ปหาย ปญฺจ สีลานิ สมาทิยติ, ตเญฺจ มนุสฺสา เอวํ ชานนฺติ, ปพฺพาเชตโพฺพฯ เย ปน อมฺพลพุชาทิโจรกา สนฺธิเจฺฉทาทิโจรา เอว วา อทิสฺสมานา เถยฺยํ กโรนฺติ, ปจฺฉาปิ ‘‘อิมินา นาม อิทํ กต’’นฺติ น ปญฺญายนฺติ, เตปิ ปพฺพาเชตุํ วฎฺฎติฯ

    125. Coropi dhajabandho na pabbājetabbo ‘‘na, bhikkhave, dhajabandho coro pabbājetabbo, yo pabbājeyya, āpatti dukkaṭassā’’ti (mahāva. 91) vuttattā. Tattha dhajaṃ bandhitvā viya vicaratīti dhajabandho, mūladevādayo viya loke pākaṭoti vuttaṃ hoti. Tasmā yo gāmaghātaṃ vā panthaduhanaṃ vā nagare sandhicchedādikammaṃ vā karonto vicarati, paññāyati ca ‘‘asuko nāma idaṃ idaṃ karotī’’ti, so na pabbājetabbo. Yo pana rājaputto rajjaṃ patthento gāmaghātādīni karoti, so pabbājetabbo. Rājāno hi tasmiṃ pabbajite tussanti, sace pana na tussanti, na pabbājetabbo. Pubbe mahājane pākaṭo coro pacchā corakammaṃ pahāya pañca sīlāni samādiyati, tañce manussā evaṃ jānanti, pabbājetabbo. Ye pana ambalabujādicorakā sandhicchedādicorā eva vā adissamānā theyyaṃ karonti, pacchāpi ‘‘iminā nāma idaṃ kata’’nti na paññāyanti, tepi pabbājetuṃ vaṭṭati.

    ๑๒๖. การเภทโก ปน โจโร น ปพฺพาเชตโพฺพ ‘‘น, ภิกฺขเว, การเภทโก โจโร ปพฺพาเชตโพฺพ, โย ปพฺพาเชยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสา’’ติ (มหาว. ๙๒) วุตฺตตฺตาฯ ตตฺถ กาโร วุจฺจติ พนฺธนาคารํฯ อิธ ปน อนฺทุพนฺธนํ วา โหตุ สงฺขลิกพนฺธนํ วา รชฺชุพนฺธนํ วา คามพนฺธนํ วา นิคมพนฺธนํ วา นครพนฺธนํ วา ปุริสคุตฺติ วา ชนปทพนฺธนํ วา ทีปพนฺธนํ วา, โย เอเตสุ ยํ กิญฺจิ พนฺธนํ ภินฺทิตฺวา วา ฉินฺทิตฺวา วา มุญฺจิตฺวา วา วิวริตฺวา วา อปสฺสมานานํ วา ปลายติ, โส การเภทโกติ สงฺขฺยํ คจฺฉติฯ ตสฺมา อีทิโส การเภทโก โจโร ทีปพนฺธนํ ภินฺทิตฺวา ทีปนฺตรํ คโตปิ น ปพฺพาเชตโพฺพฯ โย ปน น โจโร, เกวลํ หตฺถกมฺมํ อกโรโนฺต ‘‘เอวํ โน อปลายโนฺต กริสฺสตี’’ติ ราชยุตฺตาทีหิ พโทฺธ, โส การํ ภินฺทิตฺวา ปลาโตปิ ปพฺพาเชตโพฺพฯ โย ปน คามนิคมปฎฺฎนาทีนิ เกณิยา คเหตฺวา ตํ อสมฺปาเทโนฺต พนฺธนาคารํ ปเวสิโต โหติ, โสปิ ปลายิตฺวา อาคโต น ปพฺพาเชตโพฺพฯ โยปิ กสิกมฺมาทีหิ ธนํ สมฺปาเทตฺวา ชีวโนฺต ‘‘นิธานํ อิมินา ลทฺธ’’นฺติ เปสุญฺญํ อุปสํหริตฺวา เกนจิ พนฺธาปิโต โหติ, ตํ ตเตฺถว ปพฺพาเชตุํ น วฎฺฎติ, ปลายิตฺวา คตํ ปน คตฎฺฐาเน ปพฺพาเชตุํ วฎฺฎติฯ

    126. Kārabhedako pana coro na pabbājetabbo ‘‘na, bhikkhave, kārabhedako coro pabbājetabbo, yo pabbājeyya, āpatti dukkaṭassā’’ti (mahāva. 92) vuttattā. Tattha kāro vuccati bandhanāgāraṃ. Idha pana andubandhanaṃ vā hotu saṅkhalikabandhanaṃ vā rajjubandhanaṃ vā gāmabandhanaṃ vā nigamabandhanaṃ vā nagarabandhanaṃ vā purisagutti vā janapadabandhanaṃ vā dīpabandhanaṃ vā, yo etesu yaṃ kiñci bandhanaṃ bhinditvā vā chinditvā vā muñcitvā vā vivaritvā vā apassamānānaṃ vā palāyati, so kārabhedakoti saṅkhyaṃ gacchati. Tasmā īdiso kārabhedako coro dīpabandhanaṃ bhinditvā dīpantaraṃ gatopi na pabbājetabbo. Yo pana na coro, kevalaṃ hatthakammaṃ akaronto ‘‘evaṃ no apalāyanto karissatī’’ti rājayuttādīhi baddho, so kāraṃ bhinditvā palātopi pabbājetabbo. Yo pana gāmanigamapaṭṭanādīni keṇiyā gahetvā taṃ asampādento bandhanāgāraṃ pavesito hoti, sopi palāyitvā āgato na pabbājetabbo. Yopi kasikammādīhi dhanaṃ sampādetvā jīvanto ‘‘nidhānaṃ iminā laddha’’nti pesuññaṃ upasaṃharitvā kenaci bandhāpito hoti, taṃ tattheva pabbājetuṃ na vaṭṭati, palāyitvā gataṃ pana gataṭṭhāne pabbājetuṃ vaṭṭati.

    ๑๒๗. ‘‘น, ภิกฺขเว, ลิขิตโก โจโร ปพฺพาเชตโพฺพ, โย ปพฺพาเชยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสา’’ติ (มหาว. ๙๓) วจนโต ปน ลิขิตโก โจโร น ปพฺพาเชตโพฺพฯ ตตฺถ ลิขิตโก นาม โย โกจิ โจริกํ วา อญฺญํ วา ครุํ ราชาปราธํ กตฺวา ปลาโต, ราชา จ นํ ปเณฺณ วา โปตฺถเก วา ‘‘อิตฺถนฺนาโม ยตฺถ ทิสฺสติ, ตตฺถ คเหตฺวา มาเรตโพฺพ’’ติ วา ‘‘หตฺถปาทาทีนิ อสฺส ฉินฺทิตพฺพานี’’ติ วา ‘‘เอตฺตกํ นาม ทณฺฑํ อาหราเปตโพฺพ’’ติ วา ลิขาเปติ, อยํ ลิขิตโก นาม, โส น ปพฺพาเชตโพฺพฯ

    127. ‘‘Na, bhikkhave, likhitako coro pabbājetabbo, yo pabbājeyya, āpatti dukkaṭassā’’ti (mahāva. 93) vacanato pana likhitako coro na pabbājetabbo. Tattha likhitako nāma yo koci corikaṃ vā aññaṃ vā garuṃ rājāparādhaṃ katvā palāto, rājā ca naṃ paṇṇe vā potthake vā ‘‘itthannāmo yattha dissati, tattha gahetvā māretabbo’’ti vā ‘‘hatthapādādīni assa chinditabbānī’’ti vā ‘‘ettakaṃ nāma daṇḍaṃ āharāpetabbo’’ti vā likhāpeti, ayaṃ likhitako nāma, so na pabbājetabbo.

    ๑๒๘. กสาหโต กตทณฺฑกโมฺมปิ น ปพฺพาเชตโพฺพ ‘‘น, ภิกฺขเว, กสาหโต กตทณฺฑกโมฺม ปพฺพาเชตโพฺพ, โย ปพฺพาเชยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสา’’ติ (มหาว. ๙๔) วจนโตฯ เอตฺถ ปน โย วจนเปสนาทีนิ อกโรโนฺต หญฺญติ, น โส กตทณฺฑกโมฺมฯ โย ปน เกณิยา วา อญฺญถา วา กิญฺจิ คเหตฺวา ขาทิตฺวา ปุน ทาตุํ อสโกฺกโนฺต ‘‘อยเมว เต ทโณฺฑ โหตู’’ติ กสาหิ หญฺญติ, อยเมว กสาหโต กตทณฺฑกโมฺมฯ โส จ กสาหิ วา หโต โหตุ อฑฺฒทณฺฑกาทีนํ วา อญฺญตเรน, ยาว อลฺลวโณ โหติ, น ตาว ปพฺพาเชตโพฺพ, วเณ ปน ปากติเก กตฺวา ปพฺพาเชตโพฺพฯ สเจ ปน ชาณูหิ วา กปฺปเรหิ วา นาฬิเกรปาสาณาทีหิ วา ฆาเตตฺวา มุโตฺต โหติ, สรีเร จสฺส คณฺฐิโย ปญฺญายนฺติ, น ปพฺพาเชตโพฺพ, ผาสุกํ กตฺวา เอว คณฺฐีสุ สนฺนิสินฺนาสุ ปพฺพาเชตโพฺพฯ

    128. Kasāhato katadaṇḍakammopi na pabbājetabbo ‘‘na, bhikkhave, kasāhato katadaṇḍakammo pabbājetabbo, yo pabbājeyya, āpatti dukkaṭassā’’ti (mahāva. 94) vacanato. Ettha pana yo vacanapesanādīni akaronto haññati, na so katadaṇḍakammo. Yo pana keṇiyā vā aññathā vā kiñci gahetvā khāditvā puna dātuṃ asakkonto ‘‘ayameva te daṇḍo hotū’’ti kasāhi haññati, ayameva kasāhato katadaṇḍakammo. So ca kasāhi vā hato hotu aḍḍhadaṇḍakādīnaṃ vā aññatarena, yāva allavaṇo hoti, na tāva pabbājetabbo, vaṇe pana pākatike katvā pabbājetabbo. Sace pana jāṇūhi vā kapparehi vā nāḷikerapāsāṇādīhi vā ghātetvā mutto hoti, sarīre cassa gaṇṭhiyo paññāyanti, na pabbājetabbo, phāsukaṃ katvā eva gaṇṭhīsu sannisinnāsu pabbājetabbo.

    ๑๒๙. ลกฺขณาหโต ปน กตทณฺฑกโมฺม น ปพฺพาเชตโพฺพ ‘‘น, ภิกฺขเว, ลกฺขณหโต กตทณฺฑกโมฺม ปพฺพาเชตโพฺพ, โย ปพฺพาเชยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสา’’ติ (มหาว. ๙๕) วจนโตฯ เอตฺถปิ กตทณฺฑกมฺมภาโว ปุริมนเยเนว เวทิตโพฺพฯ ยสฺส ปน นลาเฎ วา อูรุอาทีสุ วา ตเตฺตน โลเหน ลกฺขณํ อาหตํ โหติ, โส สเจ ภุชิโสฺส, ยาว อลฺลวโณ โหติ , ตาว น ปพฺพาเชตโพฺพฯ สเจปิสฺส วณา รุฬฺหา โหนฺติ ฉวิยา สมปริเจฺฉทา, ลกฺขณํ น ปญฺญายติ, ติมณฺฑลํ นิวตฺถสฺส อุตฺตราสเงฺค กเต ปฎิจฺฉโนฺนกาเส เจ โหติ, ปพฺพาเชตุํ วฎฺฎติ, อปฺปฎิจฺฉโนฺนกาเส เจ, น วฎฺฎติฯ

    129. Lakkhaṇāhato pana katadaṇḍakammo na pabbājetabbo ‘‘na, bhikkhave, lakkhaṇahato katadaṇḍakammo pabbājetabbo, yo pabbājeyya, āpatti dukkaṭassā’’ti (mahāva. 95) vacanato. Etthapi katadaṇḍakammabhāvo purimanayeneva veditabbo. Yassa pana nalāṭe vā ūruādīsu vā tattena lohena lakkhaṇaṃ āhataṃ hoti, so sace bhujisso, yāva allavaṇo hoti , tāva na pabbājetabbo. Sacepissa vaṇā ruḷhā honti chaviyā samaparicchedā, lakkhaṇaṃ na paññāyati, timaṇḍalaṃ nivatthassa uttarāsaṅge kate paṭicchannokāse ce hoti, pabbājetuṃ vaṭṭati, appaṭicchannokāse ce, na vaṭṭati.

    ๑๓๐. ‘‘น, ภิกฺขเว, อิณายิโก ปพฺพาเชตโพฺพ, โย ปพฺพาเชยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสา’’ติ (มหาว. ๙๖) วจนโต อิณายิโกปิ น ปพฺพาเชตโพฺพฯ ตตฺถ อิณายิโก นาม ยสฺส ปิติปิตามเหหิ วา อิณํ คหิตํ โหติ , สยํ วา อิณํ คหิตํ โหติ, ยํ วา อาฐเปตฺวา มาตาปิตูหิ กิญฺจิ คหิตํ โหติ, โส ตํ อิณํ ปเรสํ ธาเรตีติ อิณายิโกฯ ยํ ปน อเญฺญ ญาตกา อาฐเปตฺวา กิญฺจิ คณฺหนฺติ, โส น อิณายิโกฯ น หิ เต ตํ อาฐเปตุํ อิสฺสรา, ตสฺมา ตํ ปพฺพาเชตุํ วฎฺฎติ, อิตรํ น วฎฺฎติฯ สเจ ปนสฺส ญาติสาโลหิตา ‘‘มยํ ทสฺสาม, ปพฺพาเชถ น’’นฺติ อิณํ อตฺตโน ภารํ กโรนฺติ, อโญฺญ วา โกจิ ตสฺส อาจารสมฺปตฺติํ ทิสฺวา ‘‘ปพฺพาเชถ นํ, อหํ อิณํ ทสฺสามี’’ติ วทติ, ปพฺพาเชตุํ วฎฺฎติฯ เตสุ อสติ ภิกฺขุนา ตถารูปสฺส อุปฎฺฐากสฺสปิ อาโรเจตพฺพํ ‘‘สเหตุโก สโตฺต อิณปลิโพเธน น ปพฺพชตี’’ติฯ สเจ โส ปฎิปชฺชติ, ปพฺพาเชตโพฺพฯ สเจปิ อตฺตโน กปฺปิยภณฺฑํ อตฺถิ, ‘‘เอตํ ทสฺสามี’’ติ ปพฺพาเชตโพฺพฯ สเจ ปน เนว ญาตกาทโย ปฎิปชฺชนฺติ, น อตฺตโน ธนํ อตฺถิ, ‘‘ปพฺพาเชตฺวา ภิกฺขาย จริตฺวา โมเจสฺสามี’’ติ ปพฺพาเชตุํ น วฎฺฎติฯ สเจ ปพฺพาเชติ, ทุกฺกฎํฯ ปลาโตปิ อาเนตฺวา ทาตโพฺพฯ โน เจ เทติ, สพฺพํ อิณํ คีวา โหติฯ อชานิตฺวา ปพฺพาชยโต อนาปตฺติ, ปสฺสเนฺตน ปน อาเนตฺวา อิณสามิกานํ ทเสฺสตโพฺพ, อปสฺสนฺตสฺส คีวา น โหติฯ

    130. ‘‘Na, bhikkhave, iṇāyiko pabbājetabbo, yo pabbājeyya, āpatti dukkaṭassā’’ti (mahāva. 96) vacanato iṇāyikopi na pabbājetabbo. Tattha iṇāyiko nāma yassa pitipitāmahehi vā iṇaṃ gahitaṃ hoti , sayaṃ vā iṇaṃ gahitaṃ hoti, yaṃ vā āṭhapetvā mātāpitūhi kiñci gahitaṃ hoti, so taṃ iṇaṃ paresaṃ dhāretīti iṇāyiko. Yaṃ pana aññe ñātakā āṭhapetvā kiñci gaṇhanti, so na iṇāyiko. Na hi te taṃ āṭhapetuṃ issarā, tasmā taṃ pabbājetuṃ vaṭṭati, itaraṃ na vaṭṭati. Sace panassa ñātisālohitā ‘‘mayaṃ dassāma, pabbājetha na’’nti iṇaṃ attano bhāraṃ karonti, añño vā koci tassa ācārasampattiṃ disvā ‘‘pabbājetha naṃ, ahaṃ iṇaṃ dassāmī’’ti vadati, pabbājetuṃ vaṭṭati. Tesu asati bhikkhunā tathārūpassa upaṭṭhākassapi ārocetabbaṃ ‘‘sahetuko satto iṇapalibodhena na pabbajatī’’ti. Sace so paṭipajjati, pabbājetabbo. Sacepi attano kappiyabhaṇḍaṃ atthi, ‘‘etaṃ dassāmī’’ti pabbājetabbo. Sace pana neva ñātakādayo paṭipajjanti, na attano dhanaṃ atthi, ‘‘pabbājetvā bhikkhāya caritvā mocessāmī’’ti pabbājetuṃ na vaṭṭati. Sace pabbājeti, dukkaṭaṃ. Palātopi ānetvā dātabbo. No ce deti, sabbaṃ iṇaṃ gīvā hoti. Ajānitvā pabbājayato anāpatti, passantena pana ānetvā iṇasāmikānaṃ dassetabbo, apassantassa gīvā na hoti.

    สเจ อิณายิโก อญฺญํ เทสํ คนฺตฺวา ปุจฺฉิยมาโนปิ ‘‘นาหํ กสฺสจิ กิญฺจิ ธาเรมี’’ติ วตฺวา ปพฺพชติ, อิณสามิโก จ ตํ ปริเยสโนฺต ตตฺถ คจฺฉติ, ทหโร ตํ ทิสฺวา ปลายติ, โส เถรํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘อยํ, ภเนฺต, เกน ปพฺพาชิโต, มม เอตฺตกํ นาม ธนํ คเหตฺวา ปลาโต’’ติ วทติ, เถเรน วตฺตพฺพํ ‘‘มยา, อุปาสก, ‘อณโณ อห’นฺติ วทโนฺต ปพฺพาชิโต, กิํ ทานิ กโรมิ, ปสฺส เม ปตฺตจีวร’’นฺติฯ อยํ ตตฺถ สามีจิฯ ปลาเต ปน คีวา น โหติฯ สเจ ปน นํ เถรสฺส สมฺมุขาว ทิสฺวา ‘‘อยํ มม อิณายิโก’’ติ วทติ, ‘‘ตว อิณายิกํ ตฺวเมว ชานาหี’’ติ วตฺตโพฺพ, เอวมฺปิ คีวา น โหติฯ สเจปิ โส ‘‘ปพฺพชิโต อยํ ทานิ กุหิํ คมิสฺสตี’’ติ วทติ, เถเรน ‘‘ตฺวํเยว ชานาหี’’ติ วตฺตโพฺพฯ เอวมฺปิสฺส ปลาเต คีวา น โหติฯ สเจ ปน เถโร ‘‘กุหิํ ทานิ อยํ คมิสฺสติ, อิเธว อจฺฉตู’’ติ วทติ, โส เจ ปลายติ, คีวา โหติฯ สเจ โส สเหตุโก สโตฺต โหติ วตฺตสมฺปโนฺน , เถเรน ‘‘อีทิโส อย’’นฺติ วตฺตพฺพํฯ อิณสามิโก เจ ‘‘สาธู’’ติ วิสฺสเชฺชติ, อิเจฺจตํ กุสลํ, ‘‘อุปฑฺฒุปฑฺฒํ เทถา’’ติ วทติ, ทาตพฺพํฯ อปเรน สมเยน อติอาราธโก โหติ, ‘‘สพฺพํ เทถา’’ติ วุเตฺตปิ ทาตพฺพเมวฯ สเจ ปน อุเทฺทสปริปุจฺฉาทีสุ กุสโล โหติ พหูปกาโร ภิกฺขูนํ, ภิกฺขาจารวเตฺตน ปริเยสิตฺวาปิ อิณํ ทาตพฺพเมวฯ

    Sace iṇāyiko aññaṃ desaṃ gantvā pucchiyamānopi ‘‘nāhaṃ kassaci kiñci dhāremī’’ti vatvā pabbajati, iṇasāmiko ca taṃ pariyesanto tattha gacchati, daharo taṃ disvā palāyati, so theraṃ upasaṅkamitvā ‘‘ayaṃ, bhante, kena pabbājito, mama ettakaṃ nāma dhanaṃ gahetvā palāto’’ti vadati, therena vattabbaṃ ‘‘mayā, upāsaka, ‘aṇaṇo aha’nti vadanto pabbājito, kiṃ dāni karomi, passa me pattacīvara’’nti. Ayaṃ tattha sāmīci. Palāte pana gīvā na hoti. Sace pana naṃ therassa sammukhāva disvā ‘‘ayaṃ mama iṇāyiko’’ti vadati, ‘‘tava iṇāyikaṃ tvameva jānāhī’’ti vattabbo, evampi gīvā na hoti. Sacepi so ‘‘pabbajito ayaṃ dāni kuhiṃ gamissatī’’ti vadati, therena ‘‘tvaṃyeva jānāhī’’ti vattabbo. Evampissa palāte gīvā na hoti. Sace pana thero ‘‘kuhiṃ dāni ayaṃ gamissati, idheva acchatū’’ti vadati, so ce palāyati, gīvā hoti. Sace so sahetuko satto hoti vattasampanno , therena ‘‘īdiso aya’’nti vattabbaṃ. Iṇasāmiko ce ‘‘sādhū’’ti vissajjeti, iccetaṃ kusalaṃ, ‘‘upaḍḍhupaḍḍhaṃ dethā’’ti vadati, dātabbaṃ. Aparena samayena atiārādhako hoti, ‘‘sabbaṃ dethā’’ti vuttepi dātabbameva. Sace pana uddesaparipucchādīsu kusalo hoti bahūpakāro bhikkhūnaṃ, bhikkhācāravattena pariyesitvāpi iṇaṃ dātabbameva.

    ๑๓๑. ทาโสปิ น ปพฺพาเชตโพฺพ ‘‘น, ภิกฺขเว, ทาโส ปพฺพาเชตโพฺพ, โย ปพฺพาเชยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสา’’ติ (มหาว. ๙๗) วจนโตฯ ตตฺถ จตฺตาโร ทาสา อโนฺตชาโต ธนกฺกีโต กรมรานีโต สามํ ทาสพฺยํ อุปคโตติฯ ตตฺถ อโนฺตชาโต นาม ชาติยา ทาโส ฆรทาสิยา ปุโตฺตฯ ธนกฺกีโต นาม มาตาปิตูนํ สนฺติกา ปุโตฺต วา สามิกานํ สนฺติกา ทาโส วา ธนํ ทตฺวา ทาสจาริตฺตํ อาโรเปตฺวา กีโตฯ เอเต เทฺวปิ น ปพฺพาเชตพฺพาฯ ปพฺพาเชเนฺตน ตตฺถ ตตฺถ จาริตฺตวเสน อทาเส กตฺวา ปพฺพาเชตพฺพาฯ กรมรานีโต นาม ติโรรฎฺฐํ วิโลปํ วา กตฺวา อุปลาเปตฺวา วา ติโรรฎฺฐโต ภุชิสฺสมานุสกานิ อาหรนฺติ, อโนฺตรเฎฺฐเยว วา กตาปราธํ กิญฺจิ คามํ ราชา ‘‘วิลุมฺปถา’’ติ จ อาณาเปติ, ตโต มานุสกานิปิ อาหรนฺติ, ตตฺถ สเพฺพ ปุริสา ทาสา, อิตฺถิโย ทาสิโยฯ เอวรูโป กรมรานีโต ทาโส เยหิ อานีโต, เตสํ สนฺติเก วสโนฺต วา พนฺธนาคาเร พโทฺธ วา ปุริเสหิ รกฺขิยมาโน วา น ปพฺพาเชตโพฺพ, ปลายิตฺวา ปน คโต คตฎฺฐาเน ปพฺพาเชตโพฺพฯ รญฺญา ตุเฎฺฐน ‘‘กรมรานีตเก มุญฺจถา’’ติ วตฺวา วา สพฺพสาธารเณน วา นเยน พนฺธนโมเกฺข กเต ปพฺพาเชตโพฺพวฯ

    131. Dāsopi na pabbājetabbo ‘‘na, bhikkhave, dāso pabbājetabbo, yo pabbājeyya, āpatti dukkaṭassā’’ti (mahāva. 97) vacanato. Tattha cattāro dāsā antojāto dhanakkīto karamarānīto sāmaṃ dāsabyaṃ upagatoti. Tattha antojāto nāma jātiyā dāso gharadāsiyā putto. Dhanakkīto nāma mātāpitūnaṃ santikā putto vā sāmikānaṃ santikā dāso vā dhanaṃ datvā dāsacārittaṃ āropetvā kīto. Ete dvepi na pabbājetabbā. Pabbājentena tattha tattha cārittavasena adāse katvā pabbājetabbā. Karamarānīto nāma tiroraṭṭhaṃ vilopaṃ vā katvā upalāpetvā vā tiroraṭṭhato bhujissamānusakāni āharanti, antoraṭṭheyeva vā katāparādhaṃ kiñci gāmaṃ rājā ‘‘vilumpathā’’ti ca āṇāpeti, tato mānusakānipi āharanti, tattha sabbe purisā dāsā, itthiyo dāsiyo. Evarūpo karamarānīto dāso yehi ānīto, tesaṃ santike vasanto vā bandhanāgāre baddho vā purisehi rakkhiyamāno vā na pabbājetabbo, palāyitvā pana gato gataṭṭhāne pabbājetabbo. Raññā tuṭṭhena ‘‘karamarānītake muñcathā’’ti vatvā vā sabbasādhāraṇena vā nayena bandhanamokkhe kate pabbājetabbova.

    สามํ ทาสพฺยํ อุปคโต นาม ชีวิตเหตุ วา อารกฺขเหตุ วา ‘‘อหํ เต ทาโส’’ติ สยเมว ทาสภาวํ อุปคโต ราชูนํ หตฺถิอสฺสโคมหิํสโคปกาทโย วิยฯ ตาทิโส ทาโส น ปพฺพาเชตโพฺพฯ รโญฺญ วณฺณทาสีนํ ปุตฺตา โหนฺติ อมจฺจปุตฺตสทิสา, เตปิ น ปพฺพาเชตพฺพาฯ ภุชิสฺสิตฺถิโย อสญฺญตา วณฺณทาสีหิ สทฺธิํ วิจรนฺติ, ตาสํ ปุเตฺต ปพฺพาเชตุํ วฎฺฎติฯ สเจ สยเมว ปณฺณํ อาโรเปนฺติ, น วฎฺฎติฯ ภฎิปุตฺตคณาทีนํ ทาสาปิ เตหิ อทินฺนา น ปพฺพาเชตพฺพาฯ วิหาเรสุ ราชูหิ อารามิกทาสา นาม ทินฺนา โหนฺติ, เตปิ ปพฺพาเชตุํ น วฎฺฎติ, ภุชิเสฺส กตฺวา ปน ปพฺพาเชตุํ วฎฺฎติฯ มหาปจฺจริยํ ‘‘อโนฺตชาตธนกฺกีตเก อาเนตฺวา ภิกฺขุสงฺฆสฺส ‘อารามิเก เทมา’ติ เทนฺติ, ตกฺกํ สีเส อาสิตฺตกสทิสาว โหนฺติ, เต ปพฺพาเชตุํ วฎฺฎตี’’ติ วุตฺตํฯ กุรุนฺทิยํ ปน ‘‘อารามิกํ เทมาติ กปฺปิยโวหาเรน เทนฺติ, เยน เกนจิ โวหาเรน ทิโนฺน โหตุ, เนว ปพฺพาเชตโพฺพ’’ติ วุตฺตํฯ ทุคฺคตมนุสฺสา ‘‘สงฺฆํ นิสฺสาย ชีวิสฺสามา’’ติ วิหาเร กปฺปิยการกา โหนฺติ, เอเต ปพฺพาเชตุํ วฎฺฎติฯ ยสฺส มาตาปิตโร ทาสา , มาตา เอว วา ทาสี, ปิตา อทาโส, ตํ ปพฺพาเชตุํ น วฎฺฎติฯ ยสฺส ปน มาตา อทาสี, ปิตา ทาโส, ตํ ปพฺพาเชตุํ วฎฺฎติฯ ภิกฺขุสฺส ญาตกา วา อุปฎฺฐากา วา ทาสํ เทนฺติ ‘‘อิมํ ปพฺพาเชถ, ตุมฺหากํ เวยฺยาวจฺจํ กริสฺสตี’’ติ, อตฺตโน วาสฺส ทาโส อตฺถิ, ภุชิโสฺส กโตว ปพฺพาเชตโพฺพฯ สามิกา ทาสํ เทนฺติ ‘‘อิมํ ปพฺพาเชถ, สเจ อภิรมิสฺสติ, อทาโสฯ วิพฺภมิสฺสติ เจ, อมฺหากํ ทาโสว ภวิสฺสตี’’ติ, อยํ ตาวกาลิโก นาม, ตํ ปพฺพาเชตุํ น วฎฺฎตีติ กุรุนฺทิยํ วุตฺตํฯ นิสฺสามิกทาโส โหติ, โสปิ ภุชิโสฺส กโตว ปพฺพาเชตโพฺพฯ อชานโนฺต ปพฺพาเชตฺวา อุปสมฺปาเทตฺวา วา ปจฺฉา ชานนฺติ, ภุชิสฺสํ กาตุเมว วฎฺฎติฯ

    Sāmaṃ dāsabyaṃ upagato nāma jīvitahetu vā ārakkhahetu vā ‘‘ahaṃ te dāso’’ti sayameva dāsabhāvaṃ upagato rājūnaṃ hatthiassagomahiṃsagopakādayo viya. Tādiso dāso na pabbājetabbo. Rañño vaṇṇadāsīnaṃ puttā honti amaccaputtasadisā, tepi na pabbājetabbā. Bhujissitthiyo asaññatā vaṇṇadāsīhi saddhiṃ vicaranti, tāsaṃ putte pabbājetuṃ vaṭṭati. Sace sayameva paṇṇaṃ āropenti, na vaṭṭati. Bhaṭiputtagaṇādīnaṃ dāsāpi tehi adinnā na pabbājetabbā. Vihāresu rājūhi ārāmikadāsā nāma dinnā honti, tepi pabbājetuṃ na vaṭṭati, bhujisse katvā pana pabbājetuṃ vaṭṭati. Mahāpaccariyaṃ ‘‘antojātadhanakkītake ānetvā bhikkhusaṅghassa ‘ārāmike demā’ti denti, takkaṃ sīse āsittakasadisāva honti, te pabbājetuṃ vaṭṭatī’’ti vuttaṃ. Kurundiyaṃ pana ‘‘ārāmikaṃ demāti kappiyavohārena denti, yena kenaci vohārena dinno hotu, neva pabbājetabbo’’ti vuttaṃ. Duggatamanussā ‘‘saṅghaṃ nissāya jīvissāmā’’ti vihāre kappiyakārakā honti, ete pabbājetuṃ vaṭṭati. Yassa mātāpitaro dāsā , mātā eva vā dāsī, pitā adāso, taṃ pabbājetuṃ na vaṭṭati. Yassa pana mātā adāsī, pitā dāso, taṃ pabbājetuṃ vaṭṭati. Bhikkhussa ñātakā vā upaṭṭhākā vā dāsaṃ denti ‘‘imaṃ pabbājetha, tumhākaṃ veyyāvaccaṃ karissatī’’ti, attano vāssa dāso atthi, bhujisso katova pabbājetabbo. Sāmikā dāsaṃ denti ‘‘imaṃ pabbājetha, sace abhiramissati, adāso. Vibbhamissati ce, amhākaṃ dāsova bhavissatī’’ti, ayaṃ tāvakāliko nāma, taṃ pabbājetuṃ na vaṭṭatīti kurundiyaṃ vuttaṃ. Nissāmikadāso hoti, sopi bhujisso katova pabbājetabbo. Ajānanto pabbājetvā upasampādetvā vā pacchā jānanti, bhujissaṃ kātumeva vaṭṭati.

    อิมสฺส จ อตฺถสฺส ปกาสนตฺถํ อิทํ วตฺถุํ วทนฺติ – เอกา กิร กุลทาสี เอเกน สทฺธิํ อนุราธปุรา ปลายิตฺวา โรหเณ วสมานา ปุตฺตํ ปฎิลภิ, โส ปพฺพชิตฺวา อุปสมฺปนฺนกาเล ลชฺชี กุกฺกุจฺจโก อโหสิฯ อเถกทิวสํ มาตรํ ปุจฺฉิ ‘‘กิํ อุปาสิเก ตุมฺหากํ ภาตา วา ภคินี วา นตฺถิ, น กิญฺจิ ญาตกํ ปสฺสามี’’ติฯ ตาต, อหํ อนุราธปุเร กุลทาสี, ตว ปิตรา สทฺธิํ ปลายิตฺวา อิธ วสามีติฯ สีลวา ภิกฺขุ ‘‘อสุทฺธา กิร เม ปพฺพชฺชา’’ติ สํเวคํ ลภิตฺวา มาตรํ ตสฺส กุลสฺส นามโคตฺตํ ปุจฺฉิตฺวา อนุราธปุรํ อาคมฺม ตสฺส กุลสฺส ฆรทฺวาเร อฎฺฐาสิ, ‘‘อติจฺฉถ, ภเนฺต’’ติ วุเตฺตปิ นาติกฺกมิฯ เต อาคนฺตฺวา ‘‘กิํ, ภเนฺต’’ติ ปุจฺฉิํสุฯ ‘‘ตุมฺหากํ อิตฺถนฺนามา ทาสี ปลาตา อตฺถี’’ติ? ‘‘อตฺถิ, ภเนฺต’’ฯ อหํ ตสฺสา ปุโตฺต, สเจ มํ ตุเมฺห อนุชานาถ, ปพฺพชฺชํ ลภามิ, ตุเมฺห มยฺหํ สามิกาติฯ เต หฎฺฐตุฎฺฐา หุตฺวา ‘‘สุทฺธา, ภเนฺต, ตุมฺหากํ ปพฺพชฺชา’’ติ ตํ ภุชิสฺสํ กตฺวา มหาวิหาเร วสาเปสุํ จตูหิ ปจฺจเยหิ ปฎิชคฺคนฺตาฯ เถโร ตํ กุลํ นิสฺสาย วสมาโนเยว อรหตฺตํ ปาปุณีติฯ

    Imassa ca atthassa pakāsanatthaṃ idaṃ vatthuṃ vadanti – ekā kira kuladāsī ekena saddhiṃ anurādhapurā palāyitvā rohaṇe vasamānā puttaṃ paṭilabhi, so pabbajitvā upasampannakāle lajjī kukkuccako ahosi. Athekadivasaṃ mātaraṃ pucchi ‘‘kiṃ upāsike tumhākaṃ bhātā vā bhaginī vā natthi, na kiñci ñātakaṃ passāmī’’ti. Tāta, ahaṃ anurādhapure kuladāsī, tava pitarā saddhiṃ palāyitvā idha vasāmīti. Sīlavā bhikkhu ‘‘asuddhā kira me pabbajjā’’ti saṃvegaṃ labhitvā mātaraṃ tassa kulassa nāmagottaṃ pucchitvā anurādhapuraṃ āgamma tassa kulassa gharadvāre aṭṭhāsi, ‘‘aticchatha, bhante’’ti vuttepi nātikkami. Te āgantvā ‘‘kiṃ, bhante’’ti pucchiṃsu. ‘‘Tumhākaṃ itthannāmā dāsī palātā atthī’’ti? ‘‘Atthi, bhante’’. Ahaṃ tassā putto, sace maṃ tumhe anujānātha, pabbajjaṃ labhāmi, tumhe mayhaṃ sāmikāti. Te haṭṭhatuṭṭhā hutvā ‘‘suddhā, bhante, tumhākaṃ pabbajjā’’ti taṃ bhujissaṃ katvā mahāvihāre vasāpesuṃ catūhi paccayehi paṭijaggantā. Thero taṃ kulaṃ nissāya vasamānoyeva arahattaṃ pāpuṇīti.

    ๑๓๒. ‘‘น, ภิกฺขเว, หตฺถจฺฉิโนฺน ปพฺพาเชตโพฺพฯ น ปาทจฺฉิโนฺน, น หตฺถปาทจฺฉิโนฺน, น กณฺณจฺฉิโนฺน, น กณฺณนาสจฺฉิโนฺน, น องฺคุลิจฺฉิโนฺน, น อฬจฺฉิโนฺน, น กณฺฑรจฺฉิโนฺน, น ผณหตฺถโก, น ขุโชฺช, น วามโน น คลคณฺฑี, น ลกฺขณาหโต, น กสาหโต, น ลิขิตโก, น สีปที, น ปาปโรคี, น ปริสทูสโก, น กาโณ, น กุณี, น ขโญฺช, น ปกฺขหโต, น ฉินฺนิริยาปโถ, น ชราทุพฺพโล, น อโนฺธ, น มูโค, น พธิโร, น อนฺธมูโค, น อนฺธพธิโร, น มูคพธิโร, น อนฺธมูคพธิโร ปพฺพาเชตโพฺพ, โย ปพฺพาเชยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสา’’ติ (มหาว. ๑๑๙) วจนโต ปน หตฺถจฺฉินฺนาทโยปิ น ปพฺพาเชตพฺพาฯ

    132. ‘‘Na, bhikkhave, hatthacchinno pabbājetabbo. Na pādacchinno, na hatthapādacchinno, na kaṇṇacchinno, na kaṇṇanāsacchinno, na aṅgulicchinno, na aḷacchinno, na kaṇḍaracchinno, na phaṇahatthako, na khujjo, na vāmano na galagaṇḍī, na lakkhaṇāhato, na kasāhato, na likhitako, na sīpadī, na pāparogī, na parisadūsako, na kāṇo, na kuṇī, na khañjo, na pakkhahato, na chinniriyāpatho, na jarādubbalo, na andho, na mūgo, na badhiro, na andhamūgo, na andhabadhiro, na mūgabadhiro, na andhamūgabadhiro pabbājetabbo, yo pabbājeyya, āpatti dukkaṭassā’’ti (mahāva. 119) vacanato pana hatthacchinnādayopi na pabbājetabbā.

    ตตฺถ หตฺถจฺฉิโนฺนติ ยสฺส หตฺถตเล วา มณิพเนฺธ วา กปฺปเร วา ยตฺถ กตฺถจิ เอโก วา เทฺว วา หตฺถา ฉินฺนา โหนฺติฯ ปาทจฺฉิโนฺนติ ยสฺส อคฺคปาเท วา โคปฺผเกสุ วา ชงฺฆาย วา ยตฺถ กตฺถจิ เอโก วา เทฺว วา ปาทา ฉินฺนา โหนฺติฯ หตฺถปาทจฺฉิโนฺนติ ยสฺส วุตฺตปฺปกาเรเนว จตูสุ หตฺถปาเทสุ เทฺว วา ตโย วา สเพฺพ วา หตฺถปาทา ฉินฺนา โหนฺติฯ กณฺณจฺฉิโนฺนติ ยสฺส กณฺณมูเล วา กณฺณสกฺขลิกาย วา เอโก วา เทฺว วา กณฺณา ฉินฺนา โหนฺติฯ ยสฺส ปน กณฺณาวเฎฺฎ ฉิชฺชนฺติ, สกฺกา จ โหติ สงฺฆาเฎตุํ, โส กณฺณํ สงฺฆาเฎตฺวา ปพฺพาเชตโพฺพฯ นาสจฺฉิโนฺนติ ยสฺส อชปทเก วา อเคฺค วา เอกปุเฎ วา ยตฺถ กตฺถจิ นาสา ฉินฺนา โหติฯ ยสฺส ปน นาสิกา สกฺกา โหติ สเนฺธตุํ, โส ตํ ผาสุกํ กตฺวา ปพฺพาเชตโพฺพฯ กณฺณนาสจฺฉิโนฺน อุภยวเสน เวทิตโพฺพฯ องฺคุลิจฺฉิโนฺนติ ยสฺส นขเสสํ อทเสฺสตฺวา เอกา วา พหู วา องฺคุลิโย ฉินฺนา โหนฺติฯ ยสฺส ปน สุตฺตตนฺตุมตฺตมฺปิ นขเสสํ ปญฺญายติ, ตํ ปพฺพาเชตุํ วฎฺฎติฯ อฬจฺฉิโนฺนติ ยสฺส จตูสุ องฺคุฎฺฐเกสุ องฺคุลิยํ วุตฺตนเยเนว เอโก วา พหู วา องฺคุฎฺฐกา ฉินฺนา โหนฺติฯ กณฺฑรจฺฉิโนฺนติ ยสฺส กณฺฑรนามกา มหานฺหารู ปุรโต วา ปจฺฉโต วา ฉินฺนา โหนฺติ, เยสุ เอกสฺสปิ ฉินฺนตฺตา อคฺคปาเทน วา จงฺกมติ, มูเลน วา จงฺกมติ, น ปาทํ ปติฎฺฐาเปตุํ สโกฺกติฯ

    Tattha hatthacchinnoti yassa hatthatale vā maṇibandhe vā kappare vā yattha katthaci eko vā dve vā hatthā chinnā honti. Pādacchinnoti yassa aggapāde vā gopphakesu vā jaṅghāya vā yattha katthaci eko vā dve vā pādā chinnā honti. Hatthapādacchinnoti yassa vuttappakāreneva catūsu hatthapādesu dve vā tayo vā sabbe vā hatthapādā chinnā honti. Kaṇṇacchinnoti yassa kaṇṇamūle vā kaṇṇasakkhalikāya vā eko vā dve vā kaṇṇā chinnā honti. Yassa pana kaṇṇāvaṭṭe chijjanti, sakkā ca hoti saṅghāṭetuṃ, so kaṇṇaṃ saṅghāṭetvā pabbājetabbo. Nāsacchinnoti yassa ajapadake vā agge vā ekapuṭe vā yattha katthaci nāsā chinnā hoti. Yassa pana nāsikā sakkā hoti sandhetuṃ, so taṃ phāsukaṃ katvā pabbājetabbo. Kaṇṇanāsacchinno ubhayavasena veditabbo. Aṅgulicchinnoti yassa nakhasesaṃ adassetvā ekā vā bahū vā aṅguliyo chinnā honti. Yassa pana suttatantumattampi nakhasesaṃ paññāyati, taṃ pabbājetuṃ vaṭṭati. Aḷacchinnoti yassa catūsu aṅguṭṭhakesu aṅguliyaṃ vuttanayeneva eko vā bahū vā aṅguṭṭhakā chinnā honti. Kaṇḍaracchinnoti yassa kaṇḍaranāmakā mahānhārū purato vā pacchato vā chinnā honti, yesu ekassapi chinnattā aggapādena vā caṅkamati, mūlena vā caṅkamati, na pādaṃ patiṭṭhāpetuṃ sakkoti.

    ผณหตฺถโกติ ยสฺส วคฺคุลิปกฺขกา วิย องฺคุลิโย สมฺพทฺธา โหนฺติ, เอตํ ปพฺพาเชตุกาเมน องฺคุลนฺตริกาโย ผาเลตฺวา สพฺพํ อนฺตรจมฺมํ อปเนตฺวา ผาสุกํ กตฺวา ปพฺพาเชตโพฺพฯ ยสฺสปิ ฉ องฺคุลิโย โหนฺติ, ตํ ปพฺพาเชตุกาเมน อธิกํ องฺคุลิํ ฉินฺทิตฺวา ผาสุกํ กตฺวา ปพฺพาเชตโพฺพฯ ขุโชฺชติ โย อุรสฺส วา ปิฎฺฐิยา วา ปสฺสสฺส วา นิกฺขนฺตตฺตา ขุชฺชสรีโรฯ ยสฺส ปน กิญฺจิ กิญฺจิ องฺคปจฺจงฺคํ อีสกํ วงฺกํ, ตํ ปพฺพาเชตุํ วฎฺฎติฯ มหาปุริโส เอว หิ พฺรหฺมุชุคโตฺต, อวเสโส สโตฺต อขุโชฺช นาม นตฺถิฯ วามโนติ ชงฺฆวามโน วา กฎิวามโน วา อุภยวามโน วาฯ ชงฺฆวามนสฺส กฎิโต ปฎฺฐาย เหฎฺฐิมกาโย รโสฺส โหติ, อุปริมกาโย ปริปุโณฺณฯ กฎิวามนสฺส กฎิโต ปฎฺฐาย อุปริมกาโย รโสฺส โหติ, เหฎฺฐิมกาโย ปริปุโณฺณฯ อุภยวามนสฺส อุโภปิ กายา รสฺสา โหนฺติ, เยสํ รสฺสตฺตา ภูตานํ วิย ปริวฎุโม มหากุจฺฉิฆฎสทิโส อตฺตภาโว โหติ, ตํ ติวิธมฺปิ ปพฺพาเชตุํ น วฎฺฎติฯ

    Phaṇahatthakoti yassa vaggulipakkhakā viya aṅguliyo sambaddhā honti, etaṃ pabbājetukāmena aṅgulantarikāyo phāletvā sabbaṃ antaracammaṃ apanetvā phāsukaṃ katvā pabbājetabbo. Yassapi cha aṅguliyo honti, taṃ pabbājetukāmena adhikaṃ aṅguliṃ chinditvā phāsukaṃ katvā pabbājetabbo. Khujjoti yo urassa vā piṭṭhiyā vā passassa vā nikkhantattā khujjasarīro. Yassa pana kiñci kiñci aṅgapaccaṅgaṃ īsakaṃ vaṅkaṃ, taṃ pabbājetuṃ vaṭṭati. Mahāpuriso eva hi brahmujugatto, avaseso satto akhujjo nāma natthi. Vāmanoti jaṅghavāmano vā kaṭivāmano vā ubhayavāmano vā. Jaṅghavāmanassa kaṭito paṭṭhāya heṭṭhimakāyo rasso hoti, uparimakāyo paripuṇṇo. Kaṭivāmanassa kaṭito paṭṭhāya uparimakāyo rasso hoti, heṭṭhimakāyo paripuṇṇo. Ubhayavāmanassa ubhopi kāyā rassā honti, yesaṃ rassattā bhūtānaṃ viya parivaṭumo mahākucchighaṭasadiso attabhāvo hoti, taṃ tividhampi pabbājetuṃ na vaṭṭati.

    คลคณฺฑีติ ยสฺส กุมฺภณฺฑํ วิย คเล คโณฺฑ โหติฯ เทสนามตฺตเมว เจตํ, ยสฺมิํ กิสฺมิญฺจิ ปน ปเทเส คเณฺฑ สติ น ปพฺพาเชตโพฺพฯ ตตฺถ วินิจฺฉโย ‘‘น, ภิกฺขเว, ปญฺจหิ อาพาเธหิ ผุโฎฺฐ ปพฺพาเชตโพฺพ’’ติ (มหาว. ๘๙) เอตฺถ วุตฺตนเยเนว เวทิตโพฺพฯ ลกฺขณาหตกสาหตลิขิตเกสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฎฺฐา วุตฺตเมวฯ สีปทีติ ภารปาโท วุจฺจติฯ ยสฺส ปาโท ถูโล โหติ สญฺชาตปีฬโก ขโร, โส น ปพฺพาเชตโพฺพฯ ยสฺส ปน น ตาว ขรภาวํ คณฺหาติ, สกฺกา โหติ อุปนาหํ พนฺธิตฺวา อุทกอาวาเฎ ปเวเสตฺวา อุทกวาลิกาย ปูเรตฺวา ยถา สิรา ปญฺญายนฺติ, ชงฺฆา จ เตลนาฬิกา วิย โหติ, เอวํ มิลาเปตุํ, ตสฺส ปาทํ อีทิสํ กตฺวา ตํ ปพฺพาเชตุํ วฎฺฎติฯ สเจ ปุน วฑฺฒติ, อุปสมฺปาเทเนฺตนปิ ตถา กตฺวาว อุปสมฺปาเทตโพฺพฯ ปาปโรคีติ อริสภคนฺทรปิตฺตเสมฺหกาสโสสาทีสุ เยน เกนจิ โรเคน นิจฺจาตุโร อเตกิจฺฉโรโค เชคุโจฺฉ อมนาโป, อยํ น ปพฺพาเชตโพฺพฯ

    Galagaṇḍīti yassa kumbhaṇḍaṃ viya gale gaṇḍo hoti. Desanāmattameva cetaṃ, yasmiṃ kismiñci pana padese gaṇḍe sati na pabbājetabbo. Tattha vinicchayo ‘‘na, bhikkhave, pañcahi ābādhehi phuṭṭho pabbājetabbo’’ti (mahāva. 89) ettha vuttanayeneva veditabbo. Lakkhaṇāhatakasāhatalikhitakesu yaṃ vattabbaṃ, taṃ heṭṭhā vuttameva. Sīpadīti bhārapādo vuccati. Yassa pādo thūlo hoti sañjātapīḷako kharo, so na pabbājetabbo. Yassa pana na tāva kharabhāvaṃ gaṇhāti, sakkā hoti upanāhaṃ bandhitvā udakaāvāṭe pavesetvā udakavālikāya pūretvā yathā sirā paññāyanti, jaṅghā ca telanāḷikā viya hoti, evaṃ milāpetuṃ, tassa pādaṃ īdisaṃ katvā taṃ pabbājetuṃ vaṭṭati. Sace puna vaḍḍhati, upasampādentenapi tathā katvāva upasampādetabbo. Pāparogīti arisabhagandarapittasemhakāsasosādīsu yena kenaci rogena niccāturo atekiccharogo jeguccho amanāpo, ayaṃ na pabbājetabbo.

    ๑๓๓. ปริสทูสโกติ โย อตฺตโน วิรูปตาย ปริสํ ทูเสติ, อติทีโฆ วา โหติ อเญฺญสํ สีสปฺปมาณนาภิปฺปเทโส, อติรโสฺส วา อุภยวามนภูตรูปํ วิย, อติกาโฬ วา ฌาปิตเกฺขเตฺต ขาณุโก วิย, อโจฺจทาโต วา ทธิตกฺกาทีหิ ปมชฺชิตตมฺพโลหวโณฺณ, อติกิโส วา มนฺทมํสโลหิโต อฎฺฐิสิราจมฺมสรีโร วิย, อติถูโล วา ภาริยมํโส มโหทโร มหาภูตสทิโส, อภิมหนฺตสีโส วา ปจฺฉิํ สีเส กตฺวา ฐิโต วิย, อติขุทฺทกสีโส วา สรีรสฺส อนนุรูเปน อติขุทฺทเกน สีเสน สมนฺนาคโต, กูฎกูฎสีโส วา ตาลผลปิณฺฑิสทิเสน สีเสน สมนฺนาคโต, สิขรสีโส วา อุทฺธํ อนุปุพฺพตนุเกน สีเสน สมนฺนาคโต, นาฬิสีโส วา มหาเวณุปพฺพสทิเสน สีเสน สมนฺนาคโต, กปฺปสีโส วา ปพฺภารสีโส วา จตูสุ ปเสฺสสุ เยน เกนจิ ปเสฺสน โอนเตน สีเสน สมนฺนาคโต, วณสีโส วา ปูติสีโส วา กณฺณิกเกโส วา ปาณเกหิ ขายิตเกทาเร สสฺสสทิเสหิ ตหิํ ตหิํ อุฎฺฐิเตหิ เกเสหิ สมนฺนาคโต, นิโลฺลมสีโส วา ถูลถทฺธเกโส วา ตาลหีรสทิเสหิ เกเสหิ สมนฺนาคโต, ชาติปลิเตหิ ปณฺฑรเกโส วา ปกติตมฺพเกโส วา อาทิเตฺตหิ วิย เกเสหิ สมนฺนาคโต, อาวฎฺฎสีโส วา คุนฺนํ สรีเร อาวฎฺฎสทิเสหิ อุทฺธเคฺคหิ เกสาวเฎฺฎหิ สมนฺนาคโต, สีสโลเมหิ สทฺธิํ เอกาพทฺธภมุกโลโม วา ชาลพเทฺธน วิย นลาเฎน สมนฺนาคโตฯ

    133.Parisadūsakoti yo attano virūpatāya parisaṃ dūseti, atidīgho vā hoti aññesaṃ sīsappamāṇanābhippadeso, atirasso vā ubhayavāmanabhūtarūpaṃ viya, atikāḷo vā jhāpitakkhette khāṇuko viya, accodāto vā dadhitakkādīhi pamajjitatambalohavaṇṇo, atikiso vā mandamaṃsalohito aṭṭhisirācammasarīro viya, atithūlo vā bhāriyamaṃso mahodaro mahābhūtasadiso, abhimahantasīso vā pacchiṃ sīse katvā ṭhito viya, atikhuddakasīso vā sarīrassa ananurūpena atikhuddakena sīsena samannāgato, kūṭakūṭasīso vā tālaphalapiṇḍisadisena sīsena samannāgato, sikharasīso vā uddhaṃ anupubbatanukena sīsena samannāgato, nāḷisīso vā mahāveṇupabbasadisena sīsena samannāgato, kappasīso vā pabbhārasīso vā catūsu passesu yena kenaci passena onatena sīsena samannāgato, vaṇasīso vā pūtisīso vā kaṇṇikakeso vā pāṇakehi khāyitakedāre sassasadisehi tahiṃ tahiṃ uṭṭhitehi kesehi samannāgato, nillomasīso vā thūlathaddhakeso vā tālahīrasadisehi kesehi samannāgato, jātipalitehi paṇḍarakeso vā pakatitambakeso vā ādittehi viya kesehi samannāgato, āvaṭṭasīso vā gunnaṃ sarīre āvaṭṭasadisehi uddhaggehi kesāvaṭṭehi samannāgato, sīsalomehi saddhiṃ ekābaddhabhamukalomo vā jālabaddhena viya nalāṭena samannāgato.

    สมฺพทฺธภมุโก วา นิโลฺลมภมุโก วา มกฺกฎภมุโก วา อติมหนฺตกฺขิ วา อติขุทฺทกกฺขิ วา มหิํสจเมฺม วาสิโกเณน ปหริตฺวา กตฉิทฺทสทิเสหิ อกฺขีหิ สมนฺนาคโต, วิสมกฺขิ วา เอเกน มหเนฺตน, เอเกน ขุทฺทเกน อกฺขินา สมนฺนาคโต, วิสมจกฺกโล วา เอเกน อุทฺธํ, เอเกน อโธติ เอวํ วิสมชาเตหิ อกฺขิจเกฺกหิ สมนฺนาคโต, เกกโร วา คมฺภีรกฺขิ วา ยสฺส คมฺภีเร อุทปาเน อุทกตารกา วิย อกฺขิตารกา ปญฺญายนฺติ, นิกฺขนฺตกฺขิ วา ยสฺส กกฺกฎเสฺสว อกฺขิตารกา นิกฺขนฺตา โหนฺติ, หตฺถิกโณฺณ วา มหนฺตาหิ กณฺณสกฺขลีหิ สมนฺนาคโต, มูสิกกโณฺณ วา ชตุกกโณฺณ วา ขุทฺทกาหิ กณฺณสกฺขลีหิ สมนฺนาคโต, ฉิทฺทมตฺตกโณฺณ วา ยสฺส วินา กณฺณสกฺขลีหิ กณฺณจฺฉิทฺทมตฺตเมว โหติ, อวิทฺธกโณฺณ วา, โยนกชาติโก ปน ปริสทูสโก น โหติ, สภาโวเยว หิ โส ตสฺสฯ กณฺณภคนฺทริโก วา นิจฺจปูตินา กเณฺณน สมนฺนาคโต, คณฺฑกโณฺณ วา สทา ปคฺฆริตปุเพฺพน กเณฺณน สมนฺนาคโต, ฎงฺกิตกโณฺณ วา โคภตฺตนาฬิกาย อคฺคสทิเสหิ กเณฺณหิ สมนฺนาคโต, อติปิงฺคลกฺขิ วา, มธุปิงฺคลํ ปน ปพฺพาเชตุํ วฎฺฎติฯ นิปฺปขุมกฺขิ วา อสฺสุปคฺฆรณกฺขิ วา ปุปฺผิตกฺขิ วา อกฺขิปาเกน สมนฺนาคตกฺขิ วาฯ

    Sambaddhabhamuko vā nillomabhamuko vā makkaṭabhamuko vā atimahantakkhi vā atikhuddakakkhi vā mahiṃsacamme vāsikoṇena paharitvā katachiddasadisehi akkhīhi samannāgato, visamakkhi vā ekena mahantena, ekena khuddakena akkhinā samannāgato, visamacakkalo vā ekena uddhaṃ, ekena adhoti evaṃ visamajātehi akkhicakkehi samannāgato, kekaro vā gambhīrakkhi vā yassa gambhīre udapāne udakatārakā viya akkhitārakā paññāyanti, nikkhantakkhi vā yassa kakkaṭasseva akkhitārakā nikkhantā honti, hatthikaṇṇo vā mahantāhi kaṇṇasakkhalīhi samannāgato, mūsikakaṇṇo vā jatukakaṇṇo vā khuddakāhi kaṇṇasakkhalīhi samannāgato, chiddamattakaṇṇo vā yassa vinā kaṇṇasakkhalīhi kaṇṇacchiddamattameva hoti, aviddhakaṇṇo vā, yonakajātiko pana parisadūsako na hoti, sabhāvoyeva hi so tassa. Kaṇṇabhagandariko vā niccapūtinā kaṇṇena samannāgato, gaṇḍakaṇṇo vā sadā paggharitapubbena kaṇṇena samannāgato, ṭaṅkitakaṇṇo vā gobhattanāḷikāya aggasadisehi kaṇṇehi samannāgato, atipiṅgalakkhi vā, madhupiṅgalaṃ pana pabbājetuṃ vaṭṭati. Nippakhumakkhi vā assupaggharaṇakkhi vā pupphitakkhi vā akkhipākena samannāgatakkhi vā.

    อติมหนฺตนาสิโก วา อติขุทฺทกนาสิโก วา จิปิฎนาสิโก วา มเชฺฌ อปฺปติฎฺฐหิตฺวา เอกปเสฺส ฐิตวงฺกนาสิโก วา ทีฆนาสิโก วา สุกตุณฺฑสทิสาย ชิวฺหาย เลหิตุํ สกฺกุเณยฺยาย นาสิกาย สมนฺนาคโต, นิจฺจํ ปคฺฆริตสิงฺฆาณิกนาโส วา, มหามุโข วา ยสฺส ปฎงฺคมณฺฑูกเสฺสว มุขนิมิตฺตํเยว มหนฺตํ โหติ, มุขํ ปน ลาพุสทิสํ อติขุทฺทกํ, ภินฺนมุโข วา วงฺกมุโข วา มหาโอโฎฺฐ วา อุกฺขลิมุขวฎฺฎิสทิเสหิ โอเฎฺฐหิ สมนฺนาคโต, ตนุกโอโฎฺฐ วา เภริจมฺมสทิเสหิ ทเนฺต ปิทหิตุํ อสมเตฺถหิ โอเฎฺฐหิ สมนฺนาคโต, มหาธโรโฎฺฐ วา ตนุกอุตฺตโรโฎฺฐ วา ตนุกอธโรโฎฺฐ วา มหาอุตฺตโรโฎฺฐ วา โอฎฺฐฉินฺนโก วา เอฬมุโข วา อุปฺปกฺกมุโข วา สงฺขตุณฺฑโก วา พหิ เสเตหิ อโนฺต อติรเตฺตหิ โอเฎฺฐหิ สมนฺนาคโต, ทุคฺคนฺธกุณปมุโข วา, มหาทโนฺต วา อฎฺฐกทนฺตสทิเสหิ ทเนฺตหิ สมนฺนาคโต, อสุรทโนฺต วา เหฎฺฐา วา อุปริ วา พหิ นิกฺขนฺตทโนฺต, ยสฺส ปน สกฺกา โหติ โอเฎฺฐหิ ปิทหิตุํ, กเถนฺตเสฺสว ปญฺญายติ, โน อกเถนฺตสฺส, ตํ ปพฺพาเชตุํ วฎฺฎติฯ ปูติทโนฺต วา นิทฺทโนฺต วา อติขุทฺทกทโนฺต วา ยสฺส ปน ทนฺตนฺตเร กลนฺทกทโนฺต วิย สุขุมทโนฺต โหติ, ตํ ปพฺพาเชตุํ วฎฺฎติฯ

    Atimahantanāsiko vā atikhuddakanāsiko vā cipiṭanāsiko vā majjhe appatiṭṭhahitvā ekapasse ṭhitavaṅkanāsiko vā dīghanāsiko vā sukatuṇḍasadisāya jivhāya lehituṃ sakkuṇeyyāya nāsikāya samannāgato, niccaṃ paggharitasiṅghāṇikanāso vā, mahāmukho vā yassa paṭaṅgamaṇḍūkasseva mukhanimittaṃyeva mahantaṃ hoti, mukhaṃ pana lābusadisaṃ atikhuddakaṃ, bhinnamukho vā vaṅkamukho vā mahāoṭṭho vā ukkhalimukhavaṭṭisadisehi oṭṭhehi samannāgato, tanukaoṭṭho vā bhericammasadisehi dante pidahituṃ asamatthehi oṭṭhehi samannāgato, mahādharoṭṭho vā tanukauttaroṭṭho vā tanukaadharoṭṭho vā mahāuttaroṭṭho vā oṭṭhachinnako vā eḷamukho vā uppakkamukho vā saṅkhatuṇḍako vā bahi setehi anto atirattehi oṭṭhehi samannāgato, duggandhakuṇapamukho vā, mahādanto vā aṭṭhakadantasadisehi dantehi samannāgato, asuradanto vā heṭṭhā vā upari vā bahi nikkhantadanto, yassa pana sakkā hoti oṭṭhehi pidahituṃ, kathentasseva paññāyati, no akathentassa, taṃ pabbājetuṃ vaṭṭati. Pūtidanto vā niddanto vā atikhuddakadanto vā yassa pana dantantare kalandakadanto viya sukhumadanto hoti, taṃ pabbājetuṃ vaṭṭati.

    มหาหนุโก วา โคหนุสทิเสน หนุนา สมนฺนาคโต, ทีฆหนุโก วา จิปิฎหนุโก วา อโนฺตปวิเฎฺฐน วิย อติรเสฺสน หนุเกน สมนฺนาคโต, ภินฺนหนุโก วา วงฺกหนุโก วา นิมฺมสฺสุทาฐิโก วา ภิกฺขุนีสทิสมุโข, ทีฆคโล วา พกคลสทิเสน คเลน สมนฺนาคโต, รสฺสคโล วา อโนฺตปวิเฎฺฐน วิย คเลน สมนฺนาคโต, ภินฺนคโล วา ภฎฺฐอํสกูโฎ วา อหโตฺถ วา เอกหโตฺถ วา อติรสฺสหโตฺถ วา อติทีฆหโตฺถ วา ภินฺนอุโร วา ภินฺนปิฎฺฐิ วา กจฺฉุคโตฺต วา กณฺฑุคโตฺต วา ททฺทุคโตฺต วา โคธาคโตฺต วา ยสฺส โคธาย วิย คตฺตโต จุณฺณานิ ปตนฺติฯ สพฺพเญฺจตํ วิรูปกรณํ สนฺธาย วิตฺถาริตวเสน วุตฺตํ, วินิจฺฉโย ปเนตฺถ ปญฺจาพาเธสุ วุตฺตนเยน เวทิตโพฺพฯ

    Mahāhanuko vā gohanusadisena hanunā samannāgato, dīghahanuko vā cipiṭahanuko vā antopaviṭṭhena viya atirassena hanukena samannāgato, bhinnahanuko vā vaṅkahanuko vā nimmassudāṭhiko vā bhikkhunīsadisamukho, dīghagalo vā bakagalasadisena galena samannāgato, rassagalo vā antopaviṭṭhena viya galena samannāgato, bhinnagalo vā bhaṭṭhaaṃsakūṭo vā ahattho vā ekahattho vā atirassahattho vā atidīghahattho vā bhinnauro vā bhinnapiṭṭhi vā kacchugatto vā kaṇḍugatto vā daddugatto vā godhāgatto vā yassa godhāya viya gattato cuṇṇāni patanti. Sabbañcetaṃ virūpakaraṇaṃ sandhāya vitthāritavasena vuttaṃ, vinicchayo panettha pañcābādhesu vuttanayena veditabbo.

    ภฎฺฐกฎิโก วา มหาอานิสโท วา อุทฺธนกูฎสทิเสหิ อานิสทมํเสหิ อจฺจุคฺคเตหิ สมนฺนาคโต, มหาอูรุโก วา วาตณฺฑิโก วา มหาชาณุโก วา สงฺฆฎฺฎนชาณุโก วา ทีฆชโงฺฆ วา ยฎฺฐิสทิสชโงฺฆ, วิกโฎ วา สงฺฆโฎฺฎ วา อุพฺพทฺธปิณฺฑิโก วา, โส ทุวิโธ เหฎฺฐา โอรุฬฺหาหิ วา อุปริ อารุฬฺหาหิ วา มหตีหิ ชงฺฆปิณฺฑิกาหิ สมนฺนาคโต, มหาชโงฺฆ วา ถูลชงฺฆปิณฺฑิโก วา มหาปาโท วา มหาปณฺหิ วา ปิฎฺฐิกปาโท วา ปาทเวมชฺฌโต อุฎฺฐิตชโงฺฆ, วงฺกปาโท วา, โส ทุวิโธ อโนฺต วา พหิ วา ปริวตฺตปาโท, คณฺฐิกงฺคุลิ วา สิงฺคิเวรผณสทิสาหิ องฺคุลีหิ สมนฺนาคโต, อนฺธนโข วา กาฬวเณฺณหิ ปูตินเขหิ สมนฺนาคโต, สโพฺพปิ เอส ปริสทูสโกฯ เอวรูโป ปริสทูสโก น ปพฺพาเชตโพฺพฯ

    Bhaṭṭhakaṭiko vā mahāānisado vā uddhanakūṭasadisehi ānisadamaṃsehi accuggatehi samannāgato, mahāūruko vā vātaṇḍiko vā mahājāṇuko vā saṅghaṭṭanajāṇuko vā dīghajaṅgho vā yaṭṭhisadisajaṅgho, vikaṭo vā saṅghaṭṭo vā ubbaddhapiṇḍiko vā, so duvidho heṭṭhā oruḷhāhi vā upari āruḷhāhi vā mahatīhi jaṅghapiṇḍikāhi samannāgato, mahājaṅgho vā thūlajaṅghapiṇḍiko vā mahāpādo vā mahāpaṇhi vā piṭṭhikapādo vā pādavemajjhato uṭṭhitajaṅgho, vaṅkapādo vā, so duvidho anto vā bahi vā parivattapādo, gaṇṭhikaṅguli vā siṅgiveraphaṇasadisāhi aṅgulīhi samannāgato, andhanakho vā kāḷavaṇṇehi pūtinakhehi samannāgato, sabbopi esa parisadūsako. Evarūpo parisadūsako na pabbājetabbo.

    ๑๓๔. กาโณติ ปสนฺนโนฺธ วา โหตุ ปุปฺผาทีหิ วา อุปหตปสาโท, ทฺวีหิ วา เอเกน วา อกฺขินา น ปสฺสติ, โส น ปพฺพาเชตโพฺพฯ มหาปจฺจริยํ ปน เอกกฺขิกาโณ ‘‘กาโณ’’ติ วุโตฺต, ทฺวิอกฺขิกาโณ อเนฺธน สงฺคหิโตฯ มหาอฎฺฐกถายํ ชจฺจโนฺธ ‘‘อโนฺธ’’ติ วุโตฺตฯ ตสฺมา อุภยมฺปิ ปริยาเยน ยุชฺชติฯ กุณีติ หตฺถกุณี วา ปาทกุณี วา องฺคุลิกุณี วา, ยสฺส เอเตสุ หตฺถาทีสุ ยํ กิญฺจิ วงฺกํ ปญฺญายติฯ ขโญฺชติ นตชาณุโก วา ภินฺนชโงฺฆ วา มเชฺฌ สํกุฎิตปาทตฺตา กุณฺฐปาทโก วา ปิฎฺฐิปาทมเชฺฌน จงฺกมโนฺต, อเคฺค สํกุฎิตปาทตฺตา กุณฺฐปาทโก วา ปิฎฺฐิปาทเคฺคน จงฺกมโนฺต, อคฺคปาเทเนว จงฺกมนขโญฺช วา ปณฺหิกาย จงฺกมนขโญฺช วา ปาทสฺส พาหิรเนฺตน จงฺกมนขโญฺช วา ปาทสฺส อพฺภนฺตเรน จงฺกมนขโญฺช วา โคปฺผกานํ อุปริ ภคฺคตฺตา สกเลน ปิฎฺฐิปาเทน จงฺกมนขโญฺช วาฯ สโพฺพเปส ขโญฺชเยว, น ปพฺพาเชตโพฺพฯ

    134.Kāṇoti pasannandho vā hotu pupphādīhi vā upahatapasādo, dvīhi vā ekena vā akkhinā na passati, so na pabbājetabbo. Mahāpaccariyaṃ pana ekakkhikāṇo ‘‘kāṇo’’ti vutto, dviakkhikāṇo andhena saṅgahito. Mahāaṭṭhakathāyaṃ jaccandho ‘‘andho’’ti vutto. Tasmā ubhayampi pariyāyena yujjati. Kuṇīti hatthakuṇī vā pādakuṇī vā aṅgulikuṇī vā, yassa etesu hatthādīsu yaṃ kiñci vaṅkaṃ paññāyati. Khañjoti natajāṇuko vā bhinnajaṅgho vā majjhe saṃkuṭitapādattā kuṇṭhapādako vā piṭṭhipādamajjhena caṅkamanto, agge saṃkuṭitapādattā kuṇṭhapādako vā piṭṭhipādaggena caṅkamanto, aggapādeneva caṅkamanakhañjo vā paṇhikāya caṅkamanakhañjo vā pādassa bāhirantena caṅkamanakhañjo vā pādassa abbhantarena caṅkamanakhañjo vā gopphakānaṃ upari bhaggattā sakalena piṭṭhipādena caṅkamanakhañjo vā. Sabbopesa khañjoyeva, na pabbājetabbo.

    ปกฺขหโตติ ยสฺส เอโก หโตฺถ วา ปาโท วา อทฺธสรีรํ วา สุขํ น วหติฯ ฉินฺนิริยาปโถติ ปีฐสปฺปี วุจฺจติฯ ชราทุพฺพโลติ ชิณฺณภาเวน ทุพฺพโล อตฺตโน จีวรรชนาทิกมฺมมฺปิ กาตุํ อสมโตฺถฯ โย ปน มหลฺลโกปิ พลวา โหติ, อตฺตานํ ปฎิชคฺคิตุํ สโกฺกติ, โส ปพฺพาเชตโพฺพฯ อโนฺธติ ชจฺจโนฺธ วุจฺจติฯ มูโคติ ยสฺส วจีเภโท น ปวตฺตติ, ยสฺสปิ ปวตฺตติ, สรณคมนํ ปน ปริปุณฺณํ ภาสิตุํ น สโกฺกติ, ตาทิสํ มมฺมนมฺปิ ปพฺพาเชตุํ น วฎฺฎติฯ โย ปน สรณคมนมตฺตํ ปริปุณฺณํ ภาสิตุํ สโกฺกติ, ตํ ปพฺพาเชตุํ วฎฺฎติฯ พธิโรติ โย สเพฺพน สพฺพํ น สุณาติฯ โย ปน มหาสทฺทํ สุณาติ, ตํ ปพฺพาเชตุํ วฎฺฎติฯ อนฺธมูคาทโย อุภยโทสวเสน วุตฺตาฯ เยสญฺจ ปพฺพชฺชา ปฎิกฺขิตฺตา, อุปสมฺปทาปิ เตสํ ปฎิกฺขิตฺตาวฯ สเจ ปน เน สโงฺฆ อุปสมฺปาเทติ, สเพฺพปิ สูปสมฺปนฺนา, การกสโงฺฆ ปน อาจริยุปชฺฌายา จ อาปตฺติโต น มุจฺจนฺติฯ

    Pakkhahatoti yassa eko hattho vā pādo vā addhasarīraṃ vā sukhaṃ na vahati. Chinniriyāpathoti pīṭhasappī vuccati. Jarādubbaloti jiṇṇabhāvena dubbalo attano cīvararajanādikammampi kātuṃ asamattho. Yo pana mahallakopi balavā hoti, attānaṃ paṭijaggituṃ sakkoti, so pabbājetabbo. Andhoti jaccandho vuccati. Mūgoti yassa vacībhedo na pavattati, yassapi pavattati, saraṇagamanaṃ pana paripuṇṇaṃ bhāsituṃ na sakkoti, tādisaṃ mammanampi pabbājetuṃ na vaṭṭati. Yo pana saraṇagamanamattaṃ paripuṇṇaṃ bhāsituṃ sakkoti, taṃ pabbājetuṃ vaṭṭati. Badhiroti yo sabbena sabbaṃ na suṇāti. Yo pana mahāsaddaṃ suṇāti, taṃ pabbājetuṃ vaṭṭati. Andhamūgādayo ubhayadosavasena vuttā. Yesañca pabbajjā paṭikkhittā, upasampadāpi tesaṃ paṭikkhittāva. Sace pana ne saṅgho upasampādeti, sabbepi sūpasampannā, kārakasaṅgho pana ācariyupajjhāyā ca āpattito na muccanti.

    ๑๓๕. ปณฺฑโก อุภโตพฺยญฺชนโก เถยฺยสํวาสโก ติตฺถิยปกฺกนฺตโก ติรจฺฉานคโต มาตุฆาตโก ปิตุฆาตโก อรหนฺตฆาตโก โลหิตุปฺปาทโก สงฺฆเภทโก ภิกฺขุนีทูสโกติ อิเม ปน เอกาทส ปุคฺคลา ‘‘ปณฺฑโก, ภิกฺขเว, อนุปสมฺปโนฺน น อุปสมฺปาเทตโพฺพ, อุปสมฺปโนฺน นาเสตโพฺพ’’ติ (มหาว. ๑๐๙) อาทิวจนโต อภพฺพา, เนว เนสํ ปพฺพชฺชา, น อุปสมฺปทา จ รุหติ, ตสฺมา น ปพฺพาเชตพฺพา น อุปสมฺปาเทตพฺพา, ชานิตฺวา ปพฺพาเชโนฺต อุปสมฺปาเทโนฺต จ ทุกฺกฎํ อาปชฺชติฯ อชานิตฺวาปิ ปพฺพาชิตา อุปสมฺปาทิตา จ ชานิตฺวา ลิงฺคนาสนาย นาเสตพฺพาฯ

    135. Paṇḍako ubhatobyañjanako theyyasaṃvāsako titthiyapakkantako tiracchānagato mātughātako pitughātako arahantaghātako lohituppādako saṅghabhedako bhikkhunīdūsakoti ime pana ekādasa puggalā ‘‘paṇḍako, bhikkhave, anupasampanno na upasampādetabbo, upasampanno nāsetabbo’’ti (mahāva. 109) ādivacanato abhabbā, neva nesaṃ pabbajjā, na upasampadā ca ruhati, tasmā na pabbājetabbā na upasampādetabbā, jānitvā pabbājento upasampādento ca dukkaṭaṃ āpajjati. Ajānitvāpi pabbājitā upasampāditā ca jānitvā liṅganāsanāya nāsetabbā.

    ตตฺถ ปณฺฑโกติ อาสิตฺตปณฺฑโก อุสูยปณฺฑโก โอปกฺกมิกปณฺฑโก ปกฺขปณฺฑโก นปุํสกปณฺฑโกติ ปญฺจ ปณฺฑกาฯ เตสุ ยสฺส ปเรสํ องฺคชาตํ มุเขน คเหตฺวา อสุจินา อาสิตฺตสฺส ปริฬาโห วูปสมฺมติ, อยํ อาสิตฺตปณฺฑโกฯ ยสฺส ปเรสํ อชฺฌาจารํ ปสฺสโต อุสูยาย อุปฺปนฺนาย ปริฬาโห วูปสมฺมติ, อยํ อุสูยปณฺฑโกฯ ยสฺส อุปกฺกเมน พีชานิ อปนีตานิ, อยํ โอปกฺกมิกปณฺฑโกฯ เอกโจฺจ ปน อกุสลวิปากานุภาเวน กาฬปเกฺข ปณฺฑโก โหติ, ชุณฺหปเกฺข ปนสฺส ปริฬาโห วูปสมฺมติ, อยํ ปกฺขปณฺฑโกฯ โย ปน ปฎิสนฺธิยํเยว อภาวโก อุปฺปโนฺน, อยํ น ปุํสกปณฺฑโกฯ เตสุ อาสิตฺตปณฺฑกสฺส จ อุสูยปณฺฑกสฺส จ ปพฺพชฺชา น วาริตา, อิตเรสํ ติณฺณํ วาริตาฯ ‘‘เตสุปิ ปกฺขปณฺฑกสฺส ยสฺมิํ ปเกฺข ปณฺฑโก โหติ, ตสฺมิํเยวสฺส ปเกฺข ปพฺพชฺชา วาริตา’’ติ กุรุนฺทิยํ วุตฺตํฯ

    Tattha paṇḍakoti āsittapaṇḍako usūyapaṇḍako opakkamikapaṇḍako pakkhapaṇḍako napuṃsakapaṇḍakoti pañca paṇḍakā. Tesu yassa paresaṃ aṅgajātaṃ mukhena gahetvā asucinā āsittassa pariḷāho vūpasammati, ayaṃ āsittapaṇḍako. Yassa paresaṃ ajjhācāraṃ passato usūyāya uppannāya pariḷāho vūpasammati, ayaṃ usūyapaṇḍako. Yassa upakkamena bījāni apanītāni, ayaṃ opakkamikapaṇḍako. Ekacco pana akusalavipākānubhāvena kāḷapakkhe paṇḍako hoti, juṇhapakkhe panassa pariḷāho vūpasammati, ayaṃ pakkhapaṇḍako. Yo pana paṭisandhiyaṃyeva abhāvako uppanno, ayaṃ na puṃsakapaṇḍako. Tesu āsittapaṇḍakassa ca usūyapaṇḍakassa ca pabbajjā na vāritā, itaresaṃ tiṇṇaṃ vāritā. ‘‘Tesupi pakkhapaṇḍakassa yasmiṃ pakkhe paṇḍako hoti, tasmiṃyevassa pakkhe pabbajjā vāritā’’ti kurundiyaṃ vuttaṃ.

    ๑๓๖. อุภโตพฺยญฺชนโกติ (มหาว. อฎฺฐ. ๑๑๖) อิตฺถินิมิตฺตุปฺปาทนกมฺมโต จ ปุริสนิมิตฺตุปฺปาทนกมฺมโต จ อุภโตพฺยญฺชนมสฺส อตฺถีติ อุภโตพฺยญฺชนโกฯ โส ทุวิโธ โหติ อิตฺถิอุภโตพฺยญฺชนโก ปุริสอุภโตพฺยญฺชนโกติฯ ตตฺถ อิตฺถิอุภโตพฺยญฺชนกสฺส อิตฺถินิมิตฺตํ ปากฎํ โหติ, ปุริสนิมิตฺตํ ปฎิจฺฉนฺนํฯ ปุริสอุภโตพฺยญฺชนกสฺส ปุริสนิมิตฺตํ ปากฎํ, อิตฺถินิมิตฺตํ ปฎิจฺฉนฺนํฯ อิตฺถิอุภโตพฺยญฺชนกสฺส อิตฺถีสุ ปุริสตฺตํ กโรนฺตสฺส อิตฺถินิมิตฺตํ ปฎิจฺฉนฺนํ โหติ, ปุริสนิมิตฺตํ ปากฎํฯ ปุริสอุภโตพฺยญฺชนกสฺส ปุริสานํ อิตฺถิภาวํ อุปคจฺฉนฺตสฺส ปุริสนิมิตฺตํ ปฎิจฺฉนฺนํ โหติ, อิตฺถินิมิตฺตํ ปากฎํ โหติฯ อิตฺถิอุภโตพฺยญฺชนโก สยญฺจ คพฺภํ คณฺหาติ, ปรญฺจ คณฺหาเปติ, ปุริสอุภโตพฺยญฺชนโก ปน สยํ น คณฺหาติ, ปรํ ปน คณฺหาเปตีติ อิทเมเตสํ นานากรณํฯ อิมสฺส ปน ทุวิธสฺสปิ อุภโตพฺยญฺชนกสฺส เนว ปพฺพชฺชา อตฺถิ, น อุปสมฺปทาฯ

    136.Ubhatobyañjanakoti (mahāva. aṭṭha. 116) itthinimittuppādanakammato ca purisanimittuppādanakammato ca ubhatobyañjanamassa atthīti ubhatobyañjanako. So duvidho hoti itthiubhatobyañjanako purisaubhatobyañjanakoti. Tattha itthiubhatobyañjanakassa itthinimittaṃ pākaṭaṃ hoti, purisanimittaṃ paṭicchannaṃ. Purisaubhatobyañjanakassa purisanimittaṃ pākaṭaṃ, itthinimittaṃ paṭicchannaṃ. Itthiubhatobyañjanakassa itthīsu purisattaṃ karontassa itthinimittaṃ paṭicchannaṃ hoti, purisanimittaṃ pākaṭaṃ. Purisaubhatobyañjanakassa purisānaṃ itthibhāvaṃ upagacchantassa purisanimittaṃ paṭicchannaṃ hoti, itthinimittaṃ pākaṭaṃ hoti. Itthiubhatobyañjanako sayañca gabbhaṃ gaṇhāti, parañca gaṇhāpeti, purisaubhatobyañjanako pana sayaṃ na gaṇhāti, paraṃ pana gaṇhāpetīti idametesaṃ nānākaraṇaṃ. Imassa pana duvidhassapi ubhatobyañjanakassa neva pabbajjā atthi, na upasampadā.

    ๑๓๗. เถยฺยสํวาสโกติ ตโย เถยฺยสํวาสกา ลิงฺคเตฺถนโก สํวาสเตฺถนโก อุภยเตฺถนโกติ ฯ ตตฺถ โย สยํ ปพฺพชิตฺวา วิหารํ คนฺตฺวา น ภิกฺขุวสฺสานิ คเณติ, น ยถาวุฑฺฒํ วนฺทนํ สาทิยติ, น อาสเนน ปฎิพาหติ, น อุโปสถปวารณาทีสุ สนฺทิสฺสติ, อยํ ลิงฺคมตฺตเสฺสว เถนิตตฺตา ลิงฺคเตฺถนโก นามฯ โย ปน ภิกฺขูหิ ปพฺพาชิโต สามเณโร สมาโน วิเทสํ คนฺตฺวา ‘‘อหํ ทสวโสฺส วา วีสติวโสฺส วา’’ติ มุสา วตฺวา ภิกฺขุวสฺสานิ คเณติ, ยถาวุฑฺฒํ วนฺทนํ สาทิยติ, อาสเนน ปฎิพาหติ, อุโปสถปวอารณาทีสุ สนฺทิสฺสติ, อยํ สํวาสมตฺตเสฺสว เถนิตตฺตา สํวาสเตฺถนโก นามฯ ภิกฺขุวสฺสคณนาทิโก หิ สโพฺพปิ กิริยเภโท อิมสฺมิํ อเตฺถ ‘‘สํวาโส’’ติ เวทิตโพฺพฯ สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย ‘‘น มํ โกจิ ชานาตี’’ติ ปุน เอวํ ปฎิปชฺชเนฺตปิ เอเสว นโยฯ โย ปน สยํ ปพฺพชิตฺวา วิหารํ คนฺตฺวา ภิกฺขุวสฺสานิ คเณติ, ยถาวุฑฺฒํ วนฺทนํ สาทิยติ, อาสเนน ปฎิพาหติ, อุโปสถปวารณาทีสุ สนฺทิสฺสติ, อยํ ลิงฺคสฺส เจว สํวาสสฺส จ เถนิตตฺตา อุภยเตฺถนโก นามฯ อยํ ติวิโธปิ เถยฺยสํวาสโก อนุปสมฺปโนฺน น อุปสมฺปาเทตโพฺพ, อุปสมฺปโนฺน นาเสตโพฺพ, ปุน ปพฺพชฺชํ ยาจโนฺตปิ น ปพฺพาเชตโพฺพฯ

    137.Theyyasaṃvāsakoti tayo theyyasaṃvāsakā liṅgatthenako saṃvāsatthenako ubhayatthenakoti . Tattha yo sayaṃ pabbajitvā vihāraṃ gantvā na bhikkhuvassāni gaṇeti, na yathāvuḍḍhaṃ vandanaṃ sādiyati, na āsanena paṭibāhati, na uposathapavāraṇādīsu sandissati, ayaṃ liṅgamattasseva thenitattā liṅgatthenako nāma. Yo pana bhikkhūhi pabbājito sāmaṇero samāno videsaṃ gantvā ‘‘ahaṃ dasavasso vā vīsativasso vā’’ti musā vatvā bhikkhuvassāni gaṇeti, yathāvuḍḍhaṃ vandanaṃ sādiyati, āsanena paṭibāhati, uposathapavaāraṇādīsu sandissati, ayaṃ saṃvāsamattasseva thenitattā saṃvāsatthenako nāma. Bhikkhuvassagaṇanādiko hi sabbopi kiriyabhedo imasmiṃ atthe ‘‘saṃvāso’’ti veditabbo. Sikkhaṃ paccakkhāya ‘‘na maṃ koci jānātī’’ti puna evaṃ paṭipajjantepi eseva nayo. Yo pana sayaṃ pabbajitvā vihāraṃ gantvā bhikkhuvassāni gaṇeti, yathāvuḍḍhaṃ vandanaṃ sādiyati, āsanena paṭibāhati, uposathapavāraṇādīsu sandissati, ayaṃ liṅgassa ceva saṃvāsassa ca thenitattā ubhayatthenako nāma. Ayaṃ tividhopi theyyasaṃvāsako anupasampanno na upasampādetabbo, upasampanno nāsetabbo, puna pabbajjaṃ yācantopi na pabbājetabbo.

    ๑๓๘. เอตฺถ จ อสโมฺมหตฺถํ อิทํ ปกิณฺณกํ เวทิตพฺพํ –

    138. Ettha ca asammohatthaṃ idaṃ pakiṇṇakaṃ veditabbaṃ –

    ‘‘ราชทุพฺภิกฺขกนฺตาร, โรคเวริภเยน วา;

    ‘‘Rājadubbhikkhakantāra, rogaveribhayena vā;

    จีวราหรณตฺถํ วา, ลิงฺคํ อาทิยตีธ โยฯ

    Cīvarāharaṇatthaṃ vā, liṅgaṃ ādiyatīdha yo.

    ‘‘สํวาสํ นาธิวาเสติ, ยาว โส สุทฺธมานโส;

    ‘‘Saṃvāsaṃ nādhivāseti, yāva so suddhamānaso;

    เถยฺยสํวาสโก นาม, ตาว เอส น วุจฺจตี’’ติฯ (มหาว. อฎฺฐ. ๑๑๐);

    Theyyasaṃvāsako nāma, tāva esa na vuccatī’’ti. (mahāva. aṭṭha. 110);

    ตตฺรายํ วิตฺถารนโย – อิเธกจฺจสฺส ราชา กุโทฺธ โหติ, โส ‘‘เอวํ เม โสตฺถิ ภวิสฺสตี’’ติ สยเมว ลิงฺคํ คเหตฺวา ปลายติฯ ตํ ทิสฺวา รโญฺญ อาโรเจนฺติ, ราชา ‘‘สเจ ปพฺพชิโต, น ตํ ลพฺภา กิญฺจิ กาตุ’’นฺติ ตสฺมิํ โกธํ ปฎิวิเนติฯ โส ‘‘วูปสนฺตํ เม ราชภย’’นฺติ สงฺฆมชฺฌํ อโนสริตฺวาว คิหิลิงฺคํ คเหตฺวา อาคโต ปพฺพาเชตโพฺพฯ อถาปิ ‘‘สาสนํ นิสฺสาย มยา ชีวิตํ ลทฺธํ, หนฺท ทานิ อหํ ปพฺพชามี’’ติ อุปฺปนฺนสํเวโค เตเนว ลิเงฺคน อาคนฺตฺวา อาคนฺตุกวตฺตํ น สาทิยติ, ภิกฺขูหิ ปุโฎฺฐ วา อปุโฎฺฐ วา ยถาภูตมตฺตานํ อาวิกตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจติ, ลิงฺคํ อปเนตฺวา ปพฺพาเชตโพฺพฯ สเจ ปน โส วตฺตํ สาทิยติ, ปพฺพชิตาลยํ ทเสฺสติ, สพฺพํ ปุเพฺพ วุตฺตํ วสฺสคณนาทิเภทํ วิธิํ ปฎิปชฺชติ, อยํ น ปพฺพาเชตโพฺพฯ

    Tatrāyaṃ vitthāranayo – idhekaccassa rājā kuddho hoti, so ‘‘evaṃ me sotthi bhavissatī’’ti sayameva liṅgaṃ gahetvā palāyati. Taṃ disvā rañño ārocenti, rājā ‘‘sace pabbajito, na taṃ labbhā kiñci kātu’’nti tasmiṃ kodhaṃ paṭivineti. So ‘‘vūpasantaṃ me rājabhaya’’nti saṅghamajjhaṃ anosaritvāva gihiliṅgaṃ gahetvā āgato pabbājetabbo. Athāpi ‘‘sāsanaṃ nissāya mayā jīvitaṃ laddhaṃ, handa dāni ahaṃ pabbajāmī’’ti uppannasaṃvego teneva liṅgena āgantvā āgantukavattaṃ na sādiyati, bhikkhūhi puṭṭho vā apuṭṭho vā yathābhūtamattānaṃ āvikatvā pabbajjaṃ yācati, liṅgaṃ apanetvā pabbājetabbo. Sace pana so vattaṃ sādiyati, pabbajitālayaṃ dasseti, sabbaṃ pubbe vuttaṃ vassagaṇanādibhedaṃ vidhiṃ paṭipajjati, ayaṃ na pabbājetabbo.

    อิธ ปเนกโจฺจ ทุพฺภิเกฺข ชีวิตุํ อสโกฺกโนฺต สยเมว ลิงฺคํ คเหตฺวา สพฺพปาสณฺฑิยภตฺตานิ ภุญฺชโนฺต ทุพฺภิเกฺข วีติวเตฺต สงฺฆมชฺฌํ อโนสริตฺวาว คิหิลิงฺคํ คเหตฺวา อาคโตติ สพฺพํ ปุริมสทิสเมวฯ

    Idha panekacco dubbhikkhe jīvituṃ asakkonto sayameva liṅgaṃ gahetvā sabbapāsaṇḍiyabhattāni bhuñjanto dubbhikkhe vītivatte saṅghamajjhaṃ anosaritvāva gihiliṅgaṃ gahetvā āgatoti sabbaṃ purimasadisameva.

    อปโร มหากนฺตารํ นิตฺถริตุกาโม โหติ, สตฺถวาโห จ ปพฺพชิเต คเหตฺวา คจฺฉติฯ โส ‘‘เอวํ มํ สตฺถวาโห คเหตฺวา คมิสฺสตี’’ติ สยเมว ลิงฺคํ คเหตฺวา สตฺถวาเหน สทฺธิํ กนฺตารํ นิตฺถริตฺวา เขมนฺตํ ปตฺวา สงฺฆมชฺฌํ อโนสริตฺวาว คิหิลิงฺคํ คเหตฺวา อาคโตติ สพฺพํ ปุริมสทิสเมวฯ

    Aparo mahākantāraṃ nittharitukāmo hoti, satthavāho ca pabbajite gahetvā gacchati. So ‘‘evaṃ maṃ satthavāho gahetvā gamissatī’’ti sayameva liṅgaṃ gahetvā satthavāhena saddhiṃ kantāraṃ nittharitvā khemantaṃ patvā saṅghamajjhaṃ anosaritvāva gihiliṅgaṃ gahetvā āgatoti sabbaṃ purimasadisameva.

    อปโร โรคภเย อุปฺปเนฺน ชีวิตุํ อสโกฺกโนฺต สยเมว ลิงฺคํ คเหตฺวา สพฺพปาสณฺฑิยภตฺตานิ ภุญฺชโนฺต โรคภเย วูปสเนฺต สงฺฆมชฺฌํ อโนสริตฺวาว คิหิลิงฺคํ คเหตฺวา อาคโตติ สพฺพํ ปุริมสทิสเมวฯ

    Aparo rogabhaye uppanne jīvituṃ asakkonto sayameva liṅgaṃ gahetvā sabbapāsaṇḍiyabhattāni bhuñjanto rogabhaye vūpasante saṅghamajjhaṃ anosaritvāva gihiliṅgaṃ gahetvā āgatoti sabbaṃ purimasadisameva.

    อปรสฺส เอโก เวริโก กุโทฺธ โหติ, ฆาเตตุกาโม นํ วิจรติฯ โส ‘‘เอวํ เม โสตฺถิ ภวิสฺสตี’’ติ สยเมว ลิงฺคํ คเหตฺวา ปลายติฯ เวริโก ‘‘กุหิํ โส’’ติ ปริเยสโนฺต ‘‘ปพฺพชิตฺวา ปลาโต’’ติ สุตฺวา ‘‘สเจ ปพฺพชิโต, น ตํ ลพฺภา กิญฺจิ กาตุ’’นฺติ ตสฺมิํ โกธํ ปฎิวิเนติฯ โส ‘‘วูปสนฺตํ เม เวริภย’’นฺติ สงฺฆมชฺฌํ อโนสริตฺวาว คิหิลิงฺคํ คเหตฺวา อาคโตติ สพฺพํ ปุริมสทิสเมวฯ

    Aparassa eko veriko kuddho hoti, ghātetukāmo naṃ vicarati. So ‘‘evaṃ me sotthi bhavissatī’’ti sayameva liṅgaṃ gahetvā palāyati. Veriko ‘‘kuhiṃ so’’ti pariyesanto ‘‘pabbajitvā palāto’’ti sutvā ‘‘sace pabbajito, na taṃ labbhā kiñci kātu’’nti tasmiṃ kodhaṃ paṭivineti. So ‘‘vūpasantaṃ me veribhaya’’nti saṅghamajjhaṃ anosaritvāva gihiliṅgaṃ gahetvā āgatoti sabbaṃ purimasadisameva.

    อปโร ญาติกุลํ คนฺตฺวา สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย คิหี หุตฺวา ‘‘อิมานิ จีวรานิ อิธ นสฺสิสฺสนฺติ, สเจปิ อิมานิ คเหตฺวา วิหารํ คมิสฺสามิ, อนฺตรามเคฺค มํ ‘โจโร’ติ คเหสฺสนฺติ, ยํนูนาหํ กายปริหาริยานิ กตฺวา คเจฺฉยฺย’’นฺติ จีวราหรณตฺถํ นิวาเสตฺวา จ ปารุปิตฺวา จ วิหารํ คจฺฉติฯ ตํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา สามเณรา จ ทหรา จ อพฺภุคฺคจฺฉนฺติ, วตฺตํ ทเสฺสนฺติฯ โส น สาทิยติ, ยถาภูตมตฺตานํ อาวิกโรติฯ สเจ ภิกฺขู ‘‘น ทานิ มยํ ตํ มุญฺจิสฺสามา’’ติ พลกฺกาเรน ปพฺพาเชตุกามา โหนฺติ, กาสายานิ อปเนตฺวา ปุน ปพฺพาเชตโพฺพฯ สเจ ปน ‘‘นยิเม มํ หีนายาวตฺตภาวํ ชานนฺตี’’ติ ตํเยว ภิกฺขุภาวํ ปฎิชานิตฺวา สพฺพํ ปุเพฺพ วุตฺตํ วสฺสคณนาทิเภทํ วิธิํ ปฎิปชฺชติ, อยํ น ปพฺพาเชตโพฺพฯ

    Aparo ñātikulaṃ gantvā sikkhaṃ paccakkhāya gihī hutvā ‘‘imāni cīvarāni idha nassissanti, sacepi imāni gahetvā vihāraṃ gamissāmi, antarāmagge maṃ ‘coro’ti gahessanti, yaṃnūnāhaṃ kāyaparihāriyāni katvā gaccheyya’’nti cīvarāharaṇatthaṃ nivāsetvā ca pārupitvā ca vihāraṃ gacchati. Taṃ dūratova āgacchantaṃ disvā sāmaṇerā ca daharā ca abbhuggacchanti, vattaṃ dassenti. So na sādiyati, yathābhūtamattānaṃ āvikaroti. Sace bhikkhū ‘‘na dāni mayaṃ taṃ muñcissāmā’’ti balakkārena pabbājetukāmā honti, kāsāyāni apanetvā puna pabbājetabbo. Sace pana ‘‘nayime maṃ hīnāyāvattabhāvaṃ jānantī’’ti taṃyeva bhikkhubhāvaṃ paṭijānitvā sabbaṃ pubbe vuttaṃ vassagaṇanādibhedaṃ vidhiṃ paṭipajjati, ayaṃ na pabbājetabbo.

    อปโร มหาสามเณโร ญาติกุลํ คนฺตฺวา อุปฺปพฺพชิตฺวา กมฺมนฺตานุฎฺฐาเนน อุพฺพาโฬฺห ปุน ‘‘ทานิ อหํ สามเณโร ภวิสฺสามิ, เถโรปิ เม อุปฺปพฺพชิตภาวํ น ชานาตี’’ติ ตเทว ปตฺตจีวรํ อาทาย วิหารํ คจฺฉติ, ตมตฺถํ ภิกฺขูนํ น อาโรเจติ, สามเณรภาวํ ปฎิชานาติ, อยํ เถยฺยสํวาสโกเยว, ปพฺพชฺชํ น ลภติฯ สเจปิสฺส ลิงฺคคฺคหณกาเล เอวํ โหติ ‘‘นาหํ กสฺสจิ อาโรเจสฺสามี’’ติ, วิหารญฺจ คโต อาโรเจติ, คหเณเนว เถยฺยสํวาสโกฯ อถาปิสฺส คหณกาเล ‘‘อาจิกฺขิสฺสามี’’ติ จิตฺตํ อุปฺปนฺนํ โหติ, วิหารญฺจ คนฺตฺวา ‘‘กุหิํ ตฺวํ, อาวุโส, คโต’’ติ วุโตฺต ‘‘น ทานิ มํ อิเม ชานนฺตี’’ติ วเญฺจตฺวา นาจิกฺขติ, ‘‘นาจิกฺขิสฺสามี’’ติ สห ธุรนิเกฺขเปน อยมฺปิ เถยฺยสํวาสโกวฯ สเจ ปนสฺส คหณกาเลปิ ‘‘อาจิกฺขิสฺสามี’’ติ โหติ, วิหารํ คนฺตฺวาปิ อาจิกฺขติ, อยํ ปุน ปพฺพชฺชํ ลภติฯ

    Aparo mahāsāmaṇero ñātikulaṃ gantvā uppabbajitvā kammantānuṭṭhānena ubbāḷho puna ‘‘dāni ahaṃ sāmaṇero bhavissāmi, theropi me uppabbajitabhāvaṃ na jānātī’’ti tadeva pattacīvaraṃ ādāya vihāraṃ gacchati, tamatthaṃ bhikkhūnaṃ na āroceti, sāmaṇerabhāvaṃ paṭijānāti, ayaṃ theyyasaṃvāsakoyeva, pabbajjaṃ na labhati. Sacepissa liṅgaggahaṇakāle evaṃ hoti ‘‘nāhaṃ kassaci ārocessāmī’’ti, vihārañca gato āroceti, gahaṇeneva theyyasaṃvāsako. Athāpissa gahaṇakāle ‘‘ācikkhissāmī’’ti cittaṃ uppannaṃ hoti, vihārañca gantvā ‘‘kuhiṃ tvaṃ, āvuso, gato’’ti vutto ‘‘na dāni maṃ ime jānantī’’ti vañcetvā nācikkhati, ‘‘nācikkhissāmī’’ti saha dhuranikkhepena ayampi theyyasaṃvāsakova. Sace panassa gahaṇakālepi ‘‘ācikkhissāmī’’ti hoti, vihāraṃ gantvāpi ācikkhati, ayaṃ puna pabbajjaṃ labhati.

    อปโร ทหรสามเณโร มหโนฺต วา ปน อพฺยโตฺตฯ โส ปุริมนเยเนว อุปฺปพฺพชิตฺวา ฆเร วจฺฉกโครกฺขณาทีนิ กมฺมานิ กาตุํ น อิจฺฉติฯ ตเมนํ ญาตกา ตานิเยว กาสายานิ อจฺฉาเทตฺวา ถาลกํ วา ปตฺตํ วา หเตฺถ ทตฺวา ‘‘คจฺฉ, สมโณว โหหี’’ติ ฆรา นีหรนฺติฯ โส วิหารํ คจฺฉติ, เนว นํ ภิกฺขู ชานนฺติ ‘‘อยํ อุปฺปพฺพชิตฺวา ปุน สยเมว ปพฺพชิโต’’ติ, นาปิ สยํ ชานาติ ‘‘โย เอวํ ปพฺพชติ, โส เถยฺยสํวาสโก นาม โหตี’’ติฯ สเจ ปน ตํ ปริปุณฺณวสฺสํ อุปสมฺปาเทนฺติ, สูปสมฺปโนฺนฯ สเจ ปน อนุปสมฺปนฺนกาเลเยว วินยวินิจฺฉเย วตฺตมาเน สุณาติ ‘‘โย เอวํ ปพฺพชติ, โส เถยฺยสํวาสโก นาม โหตี’’ติ, เตน ‘‘มยา เอวํ กต’’นฺติ ภิกฺขูนํ อาจิกฺขิตพฺพํฯ เอวํ ปุน ปพฺพชฺชํ ลภติฯ สเจ ปน ‘‘ทานิ น มํ โกจิ ชานาตี’’ติ นาโรเจติ, ธุรํ นิกฺขิตฺตมเตฺตเยว เถยฺยสํวาสโกฯ

    Aparo daharasāmaṇero mahanto vā pana abyatto. So purimanayeneva uppabbajitvā ghare vacchakagorakkhaṇādīni kammāni kātuṃ na icchati. Tamenaṃ ñātakā tāniyeva kāsāyāni acchādetvā thālakaṃ vā pattaṃ vā hatthe datvā ‘‘gaccha, samaṇova hohī’’ti gharā nīharanti. So vihāraṃ gacchati, neva naṃ bhikkhū jānanti ‘‘ayaṃ uppabbajitvā puna sayameva pabbajito’’ti, nāpi sayaṃ jānāti ‘‘yo evaṃ pabbajati, so theyyasaṃvāsako nāma hotī’’ti. Sace pana taṃ paripuṇṇavassaṃ upasampādenti, sūpasampanno. Sace pana anupasampannakāleyeva vinayavinicchaye vattamāne suṇāti ‘‘yo evaṃ pabbajati, so theyyasaṃvāsako nāma hotī’’ti, tena ‘‘mayā evaṃ kata’’nti bhikkhūnaṃ ācikkhitabbaṃ. Evaṃ puna pabbajjaṃ labhati. Sace pana ‘‘dāni na maṃ koci jānātī’’ti nāroceti, dhuraṃ nikkhittamatteyeva theyyasaṃvāsako.

    ภิกฺขุ สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย ลิงฺคํ อนปเนตฺวา ทุสฺสีลกมฺมํ กตฺวา วา อกตฺวา วา ปุน สพฺพํ ปุเพฺพ วุตฺตํ วสฺสคณนาทิเภทํ วิธิํ ปฎิปชฺชติ, เถยฺยสํวาสโก โหติฯ สิกฺขํ อปฺปจฺจกฺขาย สลิเงฺค ฐิโต เมถุนํ ปฎิเสวิตฺวา วสฺสคณนาทิเภทํ วิธิํ อาปชฺชโนฺต เถยฺยสํวาสโก น โหติ, ปพฺพชฺชามตฺตํ ลภติฯ อนฺธกฎฺฐกถายํ ปน ‘‘เอโส เถยฺยสํวาสโก’’ติ วุตฺตํ, ตํ น คเหตพฺพํฯ

    Bhikkhu sikkhaṃ paccakkhāya liṅgaṃ anapanetvā dussīlakammaṃ katvā vā akatvā vā puna sabbaṃ pubbe vuttaṃ vassagaṇanādibhedaṃ vidhiṃ paṭipajjati, theyyasaṃvāsako hoti. Sikkhaṃ appaccakkhāya saliṅge ṭhito methunaṃ paṭisevitvā vassagaṇanādibhedaṃ vidhiṃ āpajjanto theyyasaṃvāsako na hoti, pabbajjāmattaṃ labhati. Andhakaṭṭhakathāyaṃ pana ‘‘eso theyyasaṃvāsako’’ti vuttaṃ, taṃ na gahetabbaṃ.

    เอโก ภิกฺขุ กาสาเย สอุสฺสาโหว โอทาตํ นิวาเสตฺวา เมถุนํ ปฎิเสวิตฺวา ปุน กาสายานิ นิวาเสตฺวา วสฺสคณนาทิเภทํ วิธิํ อาปชฺชติ, อยมฺปิ เถยฺยสํวาสโก น โหติ, ปพฺพชฺชามตฺตํ ลภติฯ สเจ ปน กาสาเย ธุรํ นิกฺขิปิตฺวา โอทาตํ นิวาเสตฺวา เมถุนํ ปฎิเสวิตฺวา ปุน กาสายานิ นิวาเสตฺวา วสฺสคณนาทิเภทํ วิธิํ อาปชฺชติ, เถยฺยสํวาสโก โหติฯ สามเณโร สลิเงฺค ฐิโต เมถุนาทิอสฺสมณกรณธมฺมํ อาปชฺชิตฺวาปิเถยฺยสํวาสโก น โหติฯ สเจปิ กาสาเย สอุสฺสาโหว กาสายานิ อปเนตฺวา เมถุนํ ปฎิเสวิตฺวา ปุน กาสายานิ นิวาเสติ, เนว เถยฺยสํวาสโก โหติฯ สเจ ปน กาสาเย ธุรํ นิกฺขิปิตฺวา นโคฺค วา โอทาตวโตฺถ วา เมถุนเสวนาทีหิ อสฺสมโณ หุตฺวา กาสายํ นิวาเสติ, เถยฺยสํวาสโก โหติฯ

    Eko bhikkhu kāsāye saussāhova odātaṃ nivāsetvā methunaṃ paṭisevitvā puna kāsāyāni nivāsetvā vassagaṇanādibhedaṃ vidhiṃ āpajjati, ayampi theyyasaṃvāsako na hoti, pabbajjāmattaṃ labhati. Sace pana kāsāye dhuraṃ nikkhipitvā odātaṃ nivāsetvā methunaṃ paṭisevitvā puna kāsāyāni nivāsetvā vassagaṇanādibhedaṃ vidhiṃ āpajjati, theyyasaṃvāsako hoti. Sāmaṇero saliṅge ṭhito methunādiassamaṇakaraṇadhammaṃ āpajjitvāpitheyyasaṃvāsako na hoti. Sacepi kāsāye saussāhova kāsāyāni apanetvā methunaṃ paṭisevitvā puna kāsāyāni nivāseti, neva theyyasaṃvāsako hoti. Sace pana kāsāye dhuraṃ nikkhipitvā naggo vā odātavattho vā methunasevanādīhi assamaṇo hutvā kāsāyaṃ nivāseti, theyyasaṃvāsako hoti.

    สเจ คิหิภาวํ ปตฺถยมาโน กาสายํ โอวฎฺฎิกํ กตฺวา อเญฺญน วา อากาเรน คิหินิวาสเนน นิวาเสติ ‘‘โสภติ นุ โข เม คิหิลิงฺคํ, น โสภตี’’ติ วีมํสนตฺถํ, รกฺขติ ตาวฯ ‘‘โสภตี’’ติ สมฺปฎิจฺฉิตฺวา ปน ปุน ลิงฺคํ สาทิยโนฺต เถยฺยสํวาสโก โหติฯ โอทาตํ นิวาเสตฺวา วีมํสนสมฺปฎิจฺฉเนสุปิ เอเสว นโยฯ สเจ ปน นิวตฺถกาสาวสฺส อุปริ โอทาตํ นิวาเสตฺวา วีมํสติ วา สมฺปฎิจฺฉติ วา, รกฺขติเยวฯ ภิกฺขุนิยาปิ เอเสว นโยฯ สาปิ คิหิภาวํ ปตฺถยมานา สเจ กาสายํ คิหินิวาสนํ นิวาเสติ ‘‘โสภติ นุ โข เม คิหิลิงฺคํ, น โสภตี’’ติ วีมํสนตฺถํ, รกฺขติเยวฯ สเจ ‘‘โสภตี’’ติ สมฺปฎิจฺฉติ, น รกฺขติฯ โอทาตํ นิวาเสตฺวา วีมํสนสมฺปฎิจฺฉเนสุปิ เอเสว นโยฯ นิวตฺถกาสายสฺส ปน อุปริ โอทาตํ นิวาเสตฺวา วีมํสตุ วา สมฺปฎิจฺฉตุ วา, รกฺขติเยวฯ

    Sace gihibhāvaṃ patthayamāno kāsāyaṃ ovaṭṭikaṃ katvā aññena vā ākārena gihinivāsanena nivāseti ‘‘sobhati nu kho me gihiliṅgaṃ, na sobhatī’’ti vīmaṃsanatthaṃ, rakkhati tāva. ‘‘Sobhatī’’ti sampaṭicchitvā pana puna liṅgaṃ sādiyanto theyyasaṃvāsako hoti. Odātaṃ nivāsetvā vīmaṃsanasampaṭicchanesupi eseva nayo. Sace pana nivatthakāsāvassa upari odātaṃ nivāsetvā vīmaṃsati vā sampaṭicchati vā, rakkhatiyeva. Bhikkhuniyāpi eseva nayo. Sāpi gihibhāvaṃ patthayamānā sace kāsāyaṃ gihinivāsanaṃ nivāseti ‘‘sobhati nu kho me gihiliṅgaṃ, na sobhatī’’ti vīmaṃsanatthaṃ, rakkhatiyeva. Sace ‘‘sobhatī’’ti sampaṭicchati, na rakkhati. Odātaṃ nivāsetvā vīmaṃsanasampaṭicchanesupi eseva nayo. Nivatthakāsāyassa pana upari odātaṃ nivāsetvā vīmaṃsatu vā sampaṭicchatu vā, rakkhatiyeva.

    สเจ โกจิ วุฑฺฒปพฺพชิโต วสฺสานิ อคเณตฺวา ปาฬิยมฺปิ อฎฺฐตฺวา เอกปเสฺสน คนฺตฺวา มหาเปฬาทีสุ กฎจฺฉุนา อุกฺขิเตฺต ภตฺตปิเณฺฑ ปตฺตํ อุปนาเมตฺวา เสโน วิย มํสเปสิํ คเหตฺวา คจฺฉติ, เถยฺยสํวาสโก น โหติ, ภิกฺขุวสฺสานิ ปน คเณตฺวา คณฺหโนฺต เถยฺยสํวาสโก โหติฯ สยํ สามเณโรว สามเณรปฎิปาฎิยา กูฎวสฺสานิ คเณตฺวา คณฺหโนฺต เถยฺยสํวาสโก น โหติฯ ภิกฺขุ ภิกฺขุปฎิปาฎิยา กูฎวสฺสานิ คเณตฺวา คณฺหโนฺต ภณฺฑเคฺฆน กาเรตโพฺพฯ

    Sace koci vuḍḍhapabbajito vassāni agaṇetvā pāḷiyampi aṭṭhatvā ekapassena gantvā mahāpeḷādīsu kaṭacchunā ukkhitte bhattapiṇḍe pattaṃ upanāmetvā seno viya maṃsapesiṃ gahetvā gacchati, theyyasaṃvāsako na hoti, bhikkhuvassāni pana gaṇetvā gaṇhanto theyyasaṃvāsako hoti. Sayaṃ sāmaṇerova sāmaṇerapaṭipāṭiyā kūṭavassāni gaṇetvā gaṇhanto theyyasaṃvāsako na hoti. Bhikkhu bhikkhupaṭipāṭiyā kūṭavassāni gaṇetvā gaṇhanto bhaṇḍagghena kāretabbo.

    ๑๓๙. ติตฺถิยปกฺกนฺตโกติ ติตฺถิเยสุ ปกฺกโนฺต ปวิโฎฺฐติ ติตฺถิยปกฺกนฺตโก, โสปิ น ปพฺพาเชตโพฺพฯ ตตฺรายํ วินิจฺฉโย – อุปสมฺปโนฺน ภิกฺขุ ‘‘ติตฺถิโย ภวิสฺสามี’’ติ สลิเงฺคเนว เตสํ อุปสฺสยํ คจฺฉติ, ปทวาเร ปทวาเร ทุกฺกฎํ, เตสํ ลิเงฺค อาทินฺนมเตฺต ติตฺถิยปกฺกนฺตโก โหติฯ โยปิ สยเมว ‘‘ติตฺถิโย ภวิสฺส’’นฺติ กุสจีราทีนิ นิวาเสติ, ติตฺถิยปกฺกนฺตโก โหติเยวฯ โย ปน นโคฺค นหายโนฺต อตฺตานํ โอโลเกตฺวา ‘‘โสภติ เม อาชีวกภาโว, อาชีวโก ภวิสฺส’’นฺติ กาสายานิ อนาทาย นโคฺค อาชีวกานํ อุปสฺสยํ คจฺฉติ, ปทวาเร ปทวาเร ทุกฺกฎํฯ สเจ ปนสฺส อนฺตรามเคฺค หิโรตฺตปฺปํ อุปฺปชฺชติ, ทุกฺกฎานิ เทเสตฺวา มุจฺจติฯ เตสํ อุปสฺสยํ คนฺตฺวาปิ เตหิ วา โอวทิโต อตฺตนา วา ‘‘อิเมสํ ปพฺพชฺชา อติทุกฺขา’’ติ ทิสฺวา นิวตฺตโนฺตปิ มุจฺจติเยวฯ สเจ ปน ‘‘กิํ ตุมฺหากํ ปพฺพชฺชาย อุกฺกฎฺฐ’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘เกสมสฺสุลุญฺจนาทีนี’’ติ วุโตฺต เอกเกสมฺปิ ลุญฺจาเปติ, อุกฺกุฎิกปฺปธานาทีนิ วา วตฺตานิ อาทิยติ, โมรปิญฺฉาทีนิ วา นิวาเสติ, เตสํ ลิงฺคํ คณฺหาติ, ‘‘อยํ ปพฺพชฺชา เสฎฺฐา’’ติ เสฎฺฐภาวํ วา อุปคจฺฉติ, น มุจฺจติ, ติตฺถิยปกฺกนฺตโก โหติฯ สเจ ปน ‘‘โสภติ นุ โข เม ติตฺถิยปพฺพชฺชา, นนุ โข โสภตี’’ติ วีมํสนตฺถํ กุสจีราทีนิ วา นิวาเสติ, ชฎํ วา พนฺธติ, ขาริกาชํ วา อาทิยติ, ยาว น สมฺปฎิจฺฉติ ลทฺธิํ, ตาว รกฺขติ, สมฺปฎิจฺฉิตมเตฺต ติตฺถิยปกฺกนฺตโก โหติฯ อจฺฉินฺนจีวโร ปน กุสจีราทีนิ นิวาเสโนฺต ราชภยาทีหิ วา ติตฺถิยลิงฺคํ คณฺหโนฺต ลทฺธิยา อภาเวน เนว ติตฺถิยปกฺกนฺตโก โหติฯ ‘‘อยญฺจ ติตฺถิยปกฺกนฺตโก นาม อุปสมฺปนฺนภิกฺขุนา กถิโต, ตสฺมา สามเณโร สลิเงฺคน ติตฺถิยายตนํ คโตปิ ปุน ปพฺพชฺชญฺจ อุปสมฺปทญฺจ ลภตี’’ติ กุรุนฺทิยํ วุตฺตํฯ ปุริโม ปน เถยฺยสํวาสโก อนุปสมฺปเนฺนน กถิโต, ตสฺมา อุปสมฺปโนฺน กูฎวสฺสํ คเณโนฺตปิ อสฺสมโณ น โหติฯ ลิเงฺค สอุสฺสาโห ปาราชิกํ อาปชฺชิตฺวา ภิกฺขุวสฺสาทีนิ คณฺหโนฺตปิ เถยฺยสํวาสโก น โหติฯ

    139.Titthiyapakkantakoti titthiyesu pakkanto paviṭṭhoti titthiyapakkantako, sopi na pabbājetabbo. Tatrāyaṃ vinicchayo – upasampanno bhikkhu ‘‘titthiyo bhavissāmī’’ti saliṅgeneva tesaṃ upassayaṃ gacchati, padavāre padavāre dukkaṭaṃ, tesaṃ liṅge ādinnamatte titthiyapakkantako hoti. Yopi sayameva ‘‘titthiyo bhavissa’’nti kusacīrādīni nivāseti, titthiyapakkantako hotiyeva. Yo pana naggo nahāyanto attānaṃ oloketvā ‘‘sobhati me ājīvakabhāvo, ājīvako bhavissa’’nti kāsāyāni anādāya naggo ājīvakānaṃ upassayaṃ gacchati, padavāre padavāre dukkaṭaṃ. Sace panassa antarāmagge hirottappaṃ uppajjati, dukkaṭāni desetvā muccati. Tesaṃ upassayaṃ gantvāpi tehi vā ovadito attanā vā ‘‘imesaṃ pabbajjā atidukkhā’’ti disvā nivattantopi muccatiyeva. Sace pana ‘‘kiṃ tumhākaṃ pabbajjāya ukkaṭṭha’’nti pucchitvā ‘‘kesamassuluñcanādīnī’’ti vutto ekakesampi luñcāpeti, ukkuṭikappadhānādīni vā vattāni ādiyati, morapiñchādīni vā nivāseti, tesaṃ liṅgaṃ gaṇhāti, ‘‘ayaṃ pabbajjā seṭṭhā’’ti seṭṭhabhāvaṃ vā upagacchati, na muccati, titthiyapakkantako hoti. Sace pana ‘‘sobhati nu kho me titthiyapabbajjā, nanu kho sobhatī’’ti vīmaṃsanatthaṃ kusacīrādīni vā nivāseti, jaṭaṃ vā bandhati, khārikājaṃ vā ādiyati, yāva na sampaṭicchati laddhiṃ, tāva rakkhati, sampaṭicchitamatte titthiyapakkantako hoti. Acchinnacīvaro pana kusacīrādīni nivāsento rājabhayādīhi vā titthiyaliṅgaṃ gaṇhanto laddhiyā abhāvena neva titthiyapakkantako hoti. ‘‘Ayañca titthiyapakkantako nāma upasampannabhikkhunā kathito, tasmā sāmaṇero saliṅgena titthiyāyatanaṃ gatopi puna pabbajjañca upasampadañca labhatī’’ti kurundiyaṃ vuttaṃ. Purimo pana theyyasaṃvāsako anupasampannena kathito, tasmā upasampanno kūṭavassaṃ gaṇentopi assamaṇo na hoti. Liṅge saussāho pārājikaṃ āpajjitvā bhikkhuvassādīni gaṇhantopi theyyasaṃvāsako na hoti.

    ๑๔๐. ติรจฺฉานคโตติ นาโค วา โหตุ สุปณฺณมาณวกาทีนํ วา อญฺญตโร อนฺตมโส สกฺกํ เทวราชานํ อุปาทาย โย โกจิ อมนุสฺสชาติโย, สโพฺพว อิมสฺมิํ อเตฺถ ‘‘ติรจฺฉานคโต’’ติ เวทิตโพฺพฯ โส จ เนว อุปสมฺปาเทตโพฺพ น ปพฺพาเชตโพฺพ, อุปสมฺปโนฺนปิ นาเสตโพฺพฯ

    140.Tiracchānagatoti nāgo vā hotu supaṇṇamāṇavakādīnaṃ vā aññataro antamaso sakkaṃ devarājānaṃ upādāya yo koci amanussajātiyo, sabbova imasmiṃ atthe ‘‘tiracchānagato’’ti veditabbo. So ca neva upasampādetabbo na pabbājetabbo, upasampannopi nāsetabbo.

    ๑๔๑. มาตุฆาตกาทีสุ ปน เยน มนุสฺสิตฺถิภูตา ชนิกา มาตา สยมฺปิ มนุสฺสชาติเกเนว สภา สญฺจิจฺจ ชีวิตา โวโรปิตา, อยํ อานนฺตริเยน มาตุฆาตกกเมฺมน มาตุฆาตโกฯ เอตสฺส ปพฺพชฺชา จ อุปสมฺปทา จ ปฎิกฺขิตฺตาฯ เยน ปน มนุสฺสิตฺถิภูตาปิ อชนิกา โปสาวนิกา มาตา วา จูฬมาตา วา ชนิกาปิ วา น มนุสฺสิตฺถิภูตา มาตา ฆาติตา, ตสฺส ปพฺพชฺชา น วาริตา, น จ อานนฺตริโก โหติฯ เยน สยํ ติรจฺฉานภูเตน มนุสฺสิตฺถิภูตา มาตา ฆาติตา, โสปิ อานนฺตริโก น โหติ, ติรจฺฉานคตตฺตา ปนสฺส ปพฺพชฺชา ปฎิกฺขิตฺตาฯ ปิตุฆาตเกปิ เอเสว นโยฯ สเจปิ หิ เวสิยา ปุโตฺต โหติ, ‘‘อยํ เม ปิตา’’ติ น ชานาติ, ยสฺส สมฺภเวน นิพฺพโตฺต, โส เจ อเนน ฆาติโต, ปิตุฆาตโกเตฺวว สงฺขฺยํ คจฺฉติ, อานนฺตริยญฺจ ผุสติฯ

    141.Mātughātakādīsu pana yena manussitthibhūtā janikā mātā sayampi manussajātikeneva sabhā sañcicca jīvitā voropitā, ayaṃ ānantariyena mātughātakakammena mātughātako. Etassa pabbajjā ca upasampadā ca paṭikkhittā. Yena pana manussitthibhūtāpi ajanikā posāvanikā mātā vā cūḷamātā vā janikāpi vā na manussitthibhūtā mātā ghātitā, tassa pabbajjā na vāritā, na ca ānantariko hoti. Yena sayaṃ tiracchānabhūtena manussitthibhūtā mātā ghātitā, sopi ānantariko na hoti, tiracchānagatattā panassa pabbajjā paṭikkhittā. Pitughātakepi eseva nayo. Sacepi hi vesiyā putto hoti, ‘‘ayaṃ me pitā’’ti na jānāti, yassa sambhavena nibbatto, so ce anena ghātito, pitughātakotveva saṅkhyaṃ gacchati, ānantariyañca phusati.

    อรหนฺตฆาตโกปิ มนุสฺสอรหนฺตวเสเนว เวทิตโพฺพฯ มนุสฺสชาติยญฺหิ อนฺตมโส อปพฺพชิตมฺปิ ขีณาสวํ ทารกํ วา ทาริกํ วา สญฺจิจฺจ ชีวิตา โวโรเปโนฺต อรหนฺตฆาตโกว โหติ, อานนฺตริยญฺจ ผุสติ, ปพฺพชฺชา จสฺส วาริตาฯ อมนุสฺสชาติกํ ปน อรหนฺตํ มนุสฺสชาติกํ วา อวเสสํ อริยปุคฺคลํ ฆาเตตฺวา อานนฺตริโก น โหติ, ปพฺพชฺชาปิสฺส น วาริตา, กมฺมํ ปน พลวํ โหติฯ ติรจฺฉาโน มนุสฺสอรหนฺตมฺปิ ฆาเตตฺวา อานนฺตริโก น โหติ, กมฺมํ ปน ภาริยนฺติ อยเมตฺถ วินิจฺฉโยฯ

    Arahantaghātakopi manussaarahantavaseneva veditabbo. Manussajātiyañhi antamaso apabbajitampi khīṇāsavaṃ dārakaṃ vā dārikaṃ vā sañcicca jīvitā voropento arahantaghātakova hoti, ānantariyañca phusati, pabbajjā cassa vāritā. Amanussajātikaṃ pana arahantaṃ manussajātikaṃ vā avasesaṃ ariyapuggalaṃ ghātetvā ānantariko na hoti, pabbajjāpissa na vāritā, kammaṃ pana balavaṃ hoti. Tiracchāno manussaarahantampi ghātetvā ānantariko na hoti, kammaṃ pana bhāriyanti ayamettha vinicchayo.

    โย ปน เทวทโตฺต วิย ทุฎฺฐจิเตฺตน วธกจิเตฺตน ตถาคตสฺส ชีวมานกสรีเร ขุทฺทกมกฺขิกาย ปิวนมตฺตมฺปิ โลหิตํ อุปฺปาเทติ, อยํ โลหิตุปฺปาทโก นามฯ เอตสฺส ปพฺพชฺชา จ อุปสมฺปทา จ วาริตาฯ โย ปน โรควูปสมตฺถํ ชีวโก วิย สเตฺถน ผาเลตฺวา ปูติมํสโลหิตํ หริตฺวา ผาสุกํ กโรติ, พหุํ โส ปุญฺญํ ปสวตีติฯ

    Yo pana devadatto viya duṭṭhacittena vadhakacittena tathāgatassa jīvamānakasarīre khuddakamakkhikāya pivanamattampi lohitaṃ uppādeti, ayaṃ lohituppādako nāma. Etassa pabbajjā ca upasampadā ca vāritā. Yo pana rogavūpasamatthaṃ jīvako viya satthena phāletvā pūtimaṃsalohitaṃ haritvā phāsukaṃ karoti, bahuṃ so puññaṃ pasavatīti.

    โย เทวทโตฺต วิย สาสนํ อุทฺธมฺมํ อุพฺพินยํ กตฺวา จตุนฺนํ กมฺมานํ อญฺญตรวเสน สงฺฆํ ภินฺทติ, อยํ สงฺฆเภทโก นามฯ เอตสฺส ปพฺพชฺชา จ อุปสมฺปทา จ วาริตาฯ

    Yo devadatto viya sāsanaṃ uddhammaṃ ubbinayaṃ katvā catunnaṃ kammānaṃ aññataravasena saṅghaṃ bhindati, ayaṃ saṅghabhedako nāma. Etassa pabbajjā ca upasampadā ca vāritā.

    โย ปน ปกตตฺตํ ภิกฺขุนิํ ติณฺณํ มคฺคานํ อญฺญตรสฺมิํ ทูเสติ, อยํ ภิกฺขุนีทูสโก นามฯ เอตสฺส ปพฺพชฺชา จ อุปสมฺปทา จ วาริตาฯ โย ปน กายสํสเคฺคน สีลวินาสํ ปาเปติ, ตสฺส ปพฺพชฺชา จ อุปสมฺปทา จ น วาริตาฯ พลกฺกาเรน โอทาตวตฺถวสนํ กตฺวา อนิจฺฉมานํเยว ทูเสโนฺตปิ ภิกฺขุนีทูสโกเยว, พลกฺกาเรน ปน โอทาตวตฺถวสนํ กตฺวา อิจฺฉมานํ ทูเสโนฺต ภิกฺขุนีทูสโก น โหติฯ กสฺมา? ยสฺมา คิหิภาเว สมฺปฎิจฺฉิ ตมเตฺตเยว สา อภิกฺขุนี โหติฯ สกิํสีลวิปนฺนํ ปจฺฉา ทูเสโนฺต สิกฺขมานสามเณรีสุ จ วิปฺปฎิปชฺชโนฺต เนว ภิกฺขุนีทูสโก โหติ, ปพฺพชฺชมฺปิ อุปสมฺปทมฺปิ ลภติฯ อิติ อิเม เอกาทส อภพฺพปุคฺคลา เวทิตพฺพาฯ

    Yo pana pakatattaṃ bhikkhuniṃ tiṇṇaṃ maggānaṃ aññatarasmiṃ dūseti, ayaṃ bhikkhunīdūsako nāma. Etassa pabbajjā ca upasampadā ca vāritā. Yo pana kāyasaṃsaggena sīlavināsaṃ pāpeti, tassa pabbajjā ca upasampadā ca na vāritā. Balakkārena odātavatthavasanaṃ katvā anicchamānaṃyeva dūsentopi bhikkhunīdūsakoyeva, balakkārena pana odātavatthavasanaṃ katvā icchamānaṃ dūsento bhikkhunīdūsako na hoti. Kasmā? Yasmā gihibhāve sampaṭicchi tamatteyeva sā abhikkhunī hoti. Sakiṃsīlavipannaṃ pacchā dūsento sikkhamānasāmaṇerīsu ca vippaṭipajjanto neva bhikkhunīdūsako hoti, pabbajjampi upasampadampi labhati. Iti ime ekādasa abhabbapuggalā veditabbā.

    ๑๔๒. อูนวีสติวสฺสสฺส ปน อุปสมฺปทาเยว ปฎิกฺขิตฺตา, น ปพฺพชฺชา, ตสฺมา ปฎิสนฺธิคฺคหณโต ปฎฺฐาย ปริปุณฺณวีสติวโสฺส อุปสมฺปาเทตโพฺพฯ คพฺภวีโสปิ หิ ปริปุณฺณวีสติวโสฺสเตฺวว สงฺขฺยํ คจฺฉติฯ ยถาห ภควา –

    142.Ūnavīsativassassa pana upasampadāyeva paṭikkhittā, na pabbajjā, tasmā paṭisandhiggahaṇato paṭṭhāya paripuṇṇavīsativasso upasampādetabbo. Gabbhavīsopi hi paripuṇṇavīsativassotveva saṅkhyaṃ gacchati. Yathāha bhagavā –

    ‘‘ยํ, ภิกฺขเว, มาตุกุจฺฉิสฺมิํ ปฐมํ จิตฺตํ อุปฺปนฺนํ, ปฐมํ วิญฺญาณํ ปาตุภูตํ, ตทุปาทาย สาวสฺส ชาติฯ อนุชานามิ, ภิกฺขเว, คพฺภวีสํ อุปสมฺปาเทตุ’’นฺติ (มหาว. ๑๒๔)ฯ

    ‘‘Yaṃ, bhikkhave, mātukucchismiṃ paṭhamaṃ cittaṃ uppannaṃ, paṭhamaṃ viññāṇaṃ pātubhūtaṃ, tadupādāya sāvassa jāti. Anujānāmi, bhikkhave, gabbhavīsaṃ upasampādetu’’nti (mahāva. 124).

    ตตฺถ (ปาจิ. อฎฺฐ. ๔๐๔) โย ทฺวาทส มาเส มาตุกุจฺฉิสฺมิํ วสิตฺวา มหาปวารณาย ชาโต, โส ตโต ปฎฺฐาย ยาว เอกูนวีสติเม วเสฺส มหาปวารณา, ตํ อติกฺกมิตฺวา ปาฎิปเท อุปสมฺปาเทตโพฺพฯ เอเตนุปาเยน หายนวฑฺฒนํ เวทิตพฺพํฯ โปราณกเตฺถรา ปน เอกูนวีสติวสฺสํ สามเณรํ นิกฺขมนียปุณฺณมาสิํ อติกฺกมฺม ปาฎิปททิวเส อุปสมฺปาเทนฺติฯ กสฺมา? เอกสฺมิํ วเสฺส ฉ จาตุทฺทสิกอุโปสถา โหนฺติ, อิติ วีสติยา วเสฺสสุ จตฺตาโร มาสา ปริหายนฺติ, ราชาโน ตติเย ตติเย คเสฺส วสฺสํ อุกฺกฑฺฒนฺติ, อิติ อฎฺฐารสวเสฺสสุ ฉ มาสา วฑฺฒนฺติ, ตโต อุโปสถวเสน ปริหีเน จตฺตาโร มาเส อปเนตฺวา เทฺว มาสา อวเสสา โหนฺติ, เต เทฺว มาเส คเหตฺวา วีสติ วสฺสานิ ปริปุณฺณานิ โหนฺตีติ นิกฺกงฺขา หุตฺวา นิกฺขมนียปุณฺณมาสิํ อติกฺกมฺม ปาฎิปเท อุปสมฺปาเทนฺติฯ

    Tattha (pāci. aṭṭha. 404) yo dvādasa māse mātukucchismiṃ vasitvā mahāpavāraṇāya jāto, so tato paṭṭhāya yāva ekūnavīsatime vasse mahāpavāraṇā, taṃ atikkamitvā pāṭipade upasampādetabbo. Etenupāyena hāyanavaḍḍhanaṃ veditabbaṃ. Porāṇakattherā pana ekūnavīsativassaṃ sāmaṇeraṃ nikkhamanīyapuṇṇamāsiṃ atikkamma pāṭipadadivase upasampādenti. Kasmā? Ekasmiṃ vasse cha cātuddasikauposathā honti, iti vīsatiyā vassesu cattāro māsā parihāyanti, rājāno tatiye tatiye gasse vassaṃ ukkaḍḍhanti, iti aṭṭhārasavassesu cha māsā vaḍḍhanti, tato uposathavasena parihīne cattāro māse apanetvā dve māsā avasesā honti, te dve māse gahetvā vīsati vassāni paripuṇṇāni hontīti nikkaṅkhā hutvā nikkhamanīyapuṇṇamāsiṃ atikkamma pāṭipade upasampādenti.

    เอตฺถ ปน โย ปวาเรตฺวา วีสติวโสฺส ภวิสฺสติ, ตํ สนฺธาย ‘‘เอกูนวีสติวสฺส’’นฺติ วุตฺตํฯ ตสฺมา โย มาตุกุจฺฉิสฺมิํ ทฺวาทส มาเส วสิ, โส เอกวีสติวโสฺส โหติฯ โย สตฺต มาเส วสิ, โส สตฺตมาสาธิกวีสติวโสฺสฯ ฉมาสชาโต ปน น ชีวติ, อูนวีสติวสฺสํ ปน ‘‘ปริปุณฺณวีสติวโสฺส’’ติ สญฺญาย อุปสมฺปาเทนฺตสฺส อนาปตฺติ, ปุคฺคโล ปน อนุปสมฺปโนฺนว โหติฯ สเจ ปน โส ทสวสฺสจฺจเยน อญฺญํ อุปสมฺปาเทติ, ตเญฺจ มุญฺจิตฺวา คโณ ปูรติ, สูปสมฺปโนฺนฯ โสปิ จ ยาว น ชานาติ, ตาวสฺส เนว สคฺคนฺตราโย น โมกฺขนฺตราโย, ญตฺวา ปน ปุน อุปสมฺปชฺชิตพฺพํฯ

    Ettha pana yo pavāretvā vīsativasso bhavissati, taṃ sandhāya ‘‘ekūnavīsativassa’’nti vuttaṃ. Tasmā yo mātukucchismiṃ dvādasa māse vasi, so ekavīsativasso hoti. Yo satta māse vasi, so sattamāsādhikavīsativasso. Chamāsajāto pana na jīvati, ūnavīsativassaṃ pana ‘‘paripuṇṇavīsativasso’’ti saññāya upasampādentassa anāpatti, puggalo pana anupasampannova hoti. Sace pana so dasavassaccayena aññaṃ upasampādeti, tañce muñcitvā gaṇo pūrati, sūpasampanno. Sopi ca yāva na jānāti, tāvassa neva saggantarāyo na mokkhantarāyo, ñatvā pana puna upasampajjitabbaṃ.

    ๑๔๓. อิติ อิเมหิ ปพฺพชฺชาโทเสหิ วิรหิโตปิ ‘‘น, ภิกฺขเว, อนนุญฺญาโต มาตาปิตูหิ ปุโตฺต ปพฺพาเชตโพฺพ’’ติ (มหาว. ๑๐๕) วจนโต มาตาปิตูหิ อนนุญฺญาโต น ปพฺพาเชตโพฺพฯ ตตฺถ (มหาว. อฎฺฐ. ๑๐๕) มาตาปิตูหีติ ชนเก สนฺธาย วุตฺตํฯ สเจ เทฺวปิ อตฺถิ, เทฺวปิ อาปุจฺฉิตพฺพาฯ สเจ ปิตา มโต โหติ มาตา วา, โย ชีวติ, โส อาปุจฺฉิ ตโพฺพ, ปพฺพชิตาปิ อาปุจฺฉิตพฺพาวฯ อาปุจฺฉเนฺตน สยํ วา คนฺตฺวา อาปุจฺฉิตพฺพํ, อโญฺญ วา เปเสตโพฺพฯ โส เอว วา เปเสตโพฺพ ‘‘คจฺฉ มาตาปิตโร อาปุจฺฉิตฺวา เอหี’’ติฯ สเจ ‘‘อนุญฺญาโตมฺหี’’ติ วทติ, สทฺทหเนฺตน ปพฺพาเชตโพฺพฯ ปิตา สยํ ปพฺพชิโต ปุตฺตมฺปิ ปพฺพาเชตุกาโม โหติ, มาตรํ อาปุจฺฉิตฺวา ปพฺพาเชตุฯ มาตา วา ธีตรํ ปพฺพาเชตุกามา ปิตรํ อาปุจฺฉิตฺวาว ปพฺพาเชตุฯ ปิตา ปุตฺตทาเรน อนตฺถิโก ปลายิ, มาตา ‘‘อิมํ ปพฺพเชถา’’ติ ปุตฺตํ ภิกฺขูนํ เทติ, ‘‘ปิตาสฺส กุหิ’’นฺติ วุเตฺต ‘‘จิตฺตเกฬิํ กีฬิตุํ ปลาโต’’ติ วทติ, ตํ ปพฺพาเชตุํ วฎฺฎติฯ มาตา เกนจิ ปุริเสน สทฺธิํ ปลาตา โหติ, ปิตา ปน ‘‘ปพฺพาเชถา’’ติ วทติ, เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ ปิตา วิปฺปวุโตฺถ โหติ, มาตา ปุตฺตํ ‘‘ปพฺพาเชถา’’ติ อนุชานาติ, ‘‘ปิตาสฺส กุหิ’’นฺติ วุเตฺต ‘‘กิํ ตุมฺหากํ ปิตรา, อหํ ชานิสฺสามี’’ติ วทติ, ปพฺพาเชตุํ วฎฺฎตีติ กุรุนฺทิยํ วุตฺตํฯ

    143. Iti imehi pabbajjādosehi virahitopi ‘‘na, bhikkhave, ananuññāto mātāpitūhi putto pabbājetabbo’’ti (mahāva. 105) vacanato mātāpitūhi ananuññāto na pabbājetabbo. Tattha (mahāva. aṭṭha. 105) mātāpitūhīti janake sandhāya vuttaṃ. Sace dvepi atthi, dvepi āpucchitabbā. Sace pitā mato hoti mātā vā, yo jīvati, so āpucchi tabbo, pabbajitāpi āpucchitabbāva. Āpucchantena sayaṃ vā gantvā āpucchitabbaṃ, añño vā pesetabbo. So eva vā pesetabbo ‘‘gaccha mātāpitaro āpucchitvā ehī’’ti. Sace ‘‘anuññātomhī’’ti vadati, saddahantena pabbājetabbo. Pitā sayaṃ pabbajito puttampi pabbājetukāmo hoti, mātaraṃ āpucchitvā pabbājetu. Mātā vā dhītaraṃ pabbājetukāmā pitaraṃ āpucchitvāva pabbājetu. Pitā puttadārena anatthiko palāyi, mātā ‘‘imaṃ pabbajethā’’ti puttaṃ bhikkhūnaṃ deti, ‘‘pitāssa kuhi’’nti vutte ‘‘cittakeḷiṃ kīḷituṃ palāto’’ti vadati, taṃ pabbājetuṃ vaṭṭati. Mātā kenaci purisena saddhiṃ palātā hoti, pitā pana ‘‘pabbājethā’’ti vadati, etthāpi eseva nayo. Pitā vippavuttho hoti, mātā puttaṃ ‘‘pabbājethā’’ti anujānāti, ‘‘pitāssa kuhi’’nti vutte ‘‘kiṃ tumhākaṃ pitarā, ahaṃ jānissāmī’’ti vadati, pabbājetuṃ vaṭṭatīti kurundiyaṃ vuttaṃ.

    มาตาปิตโร มตา, ทารโก จูฬมาตาทีนํ สนฺติเก สํวโทฺธ, ตสฺมิํ ปพฺพาชิยมาเน ญาตกา กลหํ วา กโรนฺติ ขิยฺยนฺติ วา, ตสฺมา วิวาทุปเจฺฉทนตฺถํ อาปุจฺฉิตฺวา ปพฺพาเชตโพฺพ, อนาปุจฺฉิตฺวา ปพฺพาเชนฺตสฺส ปน อาปตฺติ นตฺถิฯ ทหรกาเล คเหตฺวา โปสกา มาตาปิตโร นาม โหนฺติ, เตสุปิ เอเสว นโยฯ ปุโตฺต อตฺตานํ นิสฺสาย ชีวติ, น มาตาปิตโรฯ สเจปิ ราชา โหติ, อาปุจฺฉิตฺวาว ปพฺพาเชตโพฺพฯ มาตาปิตูหิ อนุญฺญาโต ปพฺพชิตฺวา ปุน วิพฺภมติ, สเจปิ สตกฺขตฺตุํ ปพฺพชิตฺวา วิพฺภมติ, อาคตาคตกาเล ปุนปฺปุนํ อาปุจฺฉิตฺวาว ปพฺพาเชตโพฺพฯ สเจปิ เอวํ วทนฺติ ‘‘อยํ วิพฺภมิตฺวา เคหํ อาคโต, อมฺหากํ กมฺมํ น กโรติ, ปพฺพชิตฺวา ตุมฺหากํ วตฺตํ น ปูเรติ, นตฺถิ อิมสฺส อาปุจฺฉนกิจฺจํ , อาคตาคตํ นํ ปพฺพาเชยฺยาถา’’ติ, เอวํ นิสฺสฎฺฐํ ปุน อนาปุจฺฉาปิ ปพฺพาเชตุํ วฎฺฎติฯ

    Mātāpitaro matā, dārako cūḷamātādīnaṃ santike saṃvaddho, tasmiṃ pabbājiyamāne ñātakā kalahaṃ vā karonti khiyyanti vā, tasmā vivādupacchedanatthaṃ āpucchitvā pabbājetabbo, anāpucchitvā pabbājentassa pana āpatti natthi. Daharakāle gahetvā posakā mātāpitaro nāma honti, tesupi eseva nayo. Putto attānaṃ nissāya jīvati, na mātāpitaro. Sacepi rājā hoti, āpucchitvāva pabbājetabbo. Mātāpitūhi anuññāto pabbajitvā puna vibbhamati, sacepi satakkhattuṃ pabbajitvā vibbhamati, āgatāgatakāle punappunaṃ āpucchitvāva pabbājetabbo. Sacepi evaṃ vadanti ‘‘ayaṃ vibbhamitvā gehaṃ āgato, amhākaṃ kammaṃ na karoti, pabbajitvā tumhākaṃ vattaṃ na pūreti, natthi imassa āpucchanakiccaṃ , āgatāgataṃ naṃ pabbājeyyāthā’’ti, evaṃ nissaṭṭhaṃ puna anāpucchāpi pabbājetuṃ vaṭṭati.

    โยปิ ทหรกาเลเยว ‘‘อยํ ตุมฺหากํ ทิโนฺน, ยทา อิจฺฉถ, ตทา ปพฺพาเชยฺยาถา’’ติ เอวํ ทิโนฺน โหติ, โสปิ อาคตาคโต ปุน อนาปุจฺฉิตฺวาว ปพฺพาเชตโพฺพฯ ยํ ปน ทหรกาเลเยว ‘‘อิมํ, ภเนฺต, ปพฺพาเชยฺยาถา’’ติ อนุชานิตฺวา ปจฺฉา วุฑฺฒิปฺปตฺตกาเล นานุชานนฺติ, อยํ น อนาปุจฺฉา ปพฺพาเชตโพฺพฯ เอโก มาตาปิตูหิ สทฺธิํ ภณฺฑิตฺวา ‘‘ปพฺพาเชถ ม’’นฺติ อาคจฺฉติ, ‘‘อาปุจฺฉิตฺวา เอหี’’ติ จ วุโตฺต ‘‘นาหํ คจฺฉามิ, สเจ มํ น ปพฺพาเชถ, วิหารํ วา ฌาเปมิ, สเตฺถน วา ตุเมฺห ปหรามิ, ตุมฺหากํ ญาตกานํ วา อุปฎฺฐากานํ วา อารามเจฺฉทนาทีหิ อนตฺถํ อุปฺปาเทมิ, รุกฺขา วา ปติตฺวา มรามิ, โจรมชฺฌํ วา ปวิสามิ, เทสนฺตรํ วา คจฺฉามี’’ติ วทติ, ตํ ตเสฺสว รกฺขณตฺถาย ปพฺพาเชตุํ วฎฺฎติฯ สเจ ปนสฺส มาตาปิตโร อาคนฺตฺวา ‘‘กสฺมา อมฺหากํ ปุตฺตํ ปพฺพาชยิตฺถา’’ติ วทนฺติ, เตสํ ตมตฺถํ อาโรเจตฺวา ‘‘รกฺขณตฺถาย นํ ปพฺพาชยิมฺห, ปญฺญายถ ตุเมฺห ปุเตฺตนา’’ติ วตฺตพฺพาฯ ‘‘รุกฺขา ปติสฺสามี’’ติ อภิรุหิตฺวา ปน หตฺถปาเท มุญฺจนฺตํ ปพฺพาเชตุํ วฎฺฎติเยวฯ

    Yopi daharakāleyeva ‘‘ayaṃ tumhākaṃ dinno, yadā icchatha, tadā pabbājeyyāthā’’ti evaṃ dinno hoti, sopi āgatāgato puna anāpucchitvāva pabbājetabbo. Yaṃ pana daharakāleyeva ‘‘imaṃ, bhante, pabbājeyyāthā’’ti anujānitvā pacchā vuḍḍhippattakāle nānujānanti, ayaṃ na anāpucchā pabbājetabbo. Eko mātāpitūhi saddhiṃ bhaṇḍitvā ‘‘pabbājetha ma’’nti āgacchati, ‘‘āpucchitvā ehī’’ti ca vutto ‘‘nāhaṃ gacchāmi, sace maṃ na pabbājetha, vihāraṃ vā jhāpemi, satthena vā tumhe paharāmi, tumhākaṃ ñātakānaṃ vā upaṭṭhākānaṃ vā ārāmacchedanādīhi anatthaṃ uppādemi, rukkhā vā patitvā marāmi, coramajjhaṃ vā pavisāmi, desantaraṃ vā gacchāmī’’ti vadati, taṃ tasseva rakkhaṇatthāya pabbājetuṃ vaṭṭati. Sace panassa mātāpitaro āgantvā ‘‘kasmā amhākaṃ puttaṃ pabbājayitthā’’ti vadanti, tesaṃ tamatthaṃ ārocetvā ‘‘rakkhaṇatthāya naṃ pabbājayimha, paññāyatha tumhe puttenā’’ti vattabbā. ‘‘Rukkhā patissāmī’’ti abhiruhitvā pana hatthapāde muñcantaṃ pabbājetuṃ vaṭṭatiyeva.

    เอโก วิเทสํ คนฺตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจติ, อาปุจฺฉิตฺวา เจ คโต, ปพฺพาเชตโพฺพฯ โน เจ, ทหรภิกฺขุํ เปเสตฺวา อาปุจฺฉาเปตฺวา ปพฺพาเชตโพฺพฯ อติทูรเญฺจ โหติ, ปพฺพาเชตฺวาปิ ภิกฺขูหิ สทฺธิํ เปเสตฺวา ทเสฺสตุํ วฎฺฎติฯ กุรุนฺทิยํ ปน วุตฺตํ ‘‘สเจ ทูรํ โหติ, มโคฺค จ มหากนฺตาโร, ‘คนฺตฺวา อาปุจฺฉิสฺสามี’ติ ปพฺพาเชตุํ วฎฺฎตี’’ติฯ สเจ ปน มาตาปิตูนํ พหู ปุตฺตา โหนฺติ, เอวญฺจ วทนฺติ ‘‘ภเนฺต, เอเตสํ ทารกานํ ยํ อิจฺฉถ, ตํ ปพฺพาเชยฺยาถา’’ติ, ทารเก วีมํสิตฺวา ยํ อิจฺฉติ, โส ปพฺพาเชตโพฺพฯ สเจปิ สกเลน กุเลน วา คาเมน วา อนุญฺญาโต โหติ ‘‘ภเนฺต, อิมสฺมิํ กุเล วา คาเม วา ยํ อิจฺฉถ, ตํ ปพฺพาเชยฺยาถา’’ติ, ยํ อิจฺฉติ, โส ปพฺพาเชตโพฺพติฯ

    Eko videsaṃ gantvā pabbajjaṃ yācati, āpucchitvā ce gato, pabbājetabbo. No ce, daharabhikkhuṃ pesetvā āpucchāpetvā pabbājetabbo. Atidūrañce hoti, pabbājetvāpi bhikkhūhi saddhiṃ pesetvā dassetuṃ vaṭṭati. Kurundiyaṃ pana vuttaṃ ‘‘sace dūraṃ hoti, maggo ca mahākantāro, ‘gantvā āpucchissāmī’ti pabbājetuṃ vaṭṭatī’’ti. Sace pana mātāpitūnaṃ bahū puttā honti, evañca vadanti ‘‘bhante, etesaṃ dārakānaṃ yaṃ icchatha, taṃ pabbājeyyāthā’’ti, dārake vīmaṃsitvā yaṃ icchati, so pabbājetabbo. Sacepi sakalena kulena vā gāmena vā anuññāto hoti ‘‘bhante, imasmiṃ kule vā gāme vā yaṃ icchatha, taṃ pabbājeyyāthā’’ti, yaṃ icchati, so pabbājetabboti.

    ๑๔๔. เอวํ (มหาว. อฎฺฐ. ๓๔) ปพฺพชฺชาโทสวิรหิตํ มาตาปิตูหิ อนุญฺญาตํ ปพฺพาเชเนฺตนปิ จ สเจ อจฺฉินฺนเกโส โหติ, เอกสีมายญฺจ อเญฺญปิ ภิกฺขู อตฺถิ, เกสเจฺฉทนตฺถาย ภณฺฑุกมฺมํ อาปุจฺฉิตพฺพํฯ ตตฺรายํ อาปุจฺฉนวิธิ (มหาว. อฎฺฐ. ๙๘) – สีมาปริยาปเนฺน ภิกฺขู สนฺนิปาเตตฺวา ปพฺพชฺชาเปกฺขํ ตตฺถ เนตฺวา ‘‘สงฺฆํ, ภเนฺต, อิมสฺส ทารกสฺส ภณฺฑุกมฺมํ อาปุจฺฉามี’’ติ ติกฺขตฺตุํ วา ทฺวิกฺขตฺตุํ วา สกิํ วา วตฺตพฺพํฯ เอตฺถ จ ‘‘อิมสฺส ทารกสฺส ภณฺฑุกมฺมํ อาปุจฺฉามี’’ติปิ ‘‘อิมสฺส สมณกรณํ อาปุจฺฉามี’’ติปิ ‘‘อยํ สมโณ โหตุกาโม’’ติปิ ‘‘อยํ ปพฺพชิตุกาโม’’ติปิ วตฺตุํ วฎฺฎติเยวฯ สเจ สภาคฎฺฐานํ โหติ, ทส วา วีสติ วา ติํสํ วา ภิกฺขู วสนฺตีติ ปริเจฺฉโท ปญฺญายติ, เตสํ ฐิโตกาสํ วา นิสิโนฺนกาสํ วา คนฺตฺวาปิ ปุริมนเยเนว อาปุจฺฉิตพฺพํฯ ปพฺพชฺชาเปกฺขํ วินาว ทหรภิกฺขู วา สามเณเร วา เปเสตฺวาปิ ‘‘เอโก, ภเนฺต, ปพฺพชฺชาเปโกฺข อตฺถิ, ตสฺส ภณฺฑุกมฺมํ อาปุจฺฉามา’’ติอาทินา นเยน อาปุจฺฉาเปตุํ วฎฺฎติฯ สเจ เกจิ ภิกฺขู เสนาสนํ วา คุมฺพาทีนิ วา ปวิสิตฺวา นิทฺทายนฺติ วา สมณธมฺมํ วา กโรนฺติ, อาปุจฺฉกา จ ปริเยสนฺตาปิ อทิสฺวา ‘‘สเพฺพ อาปุจฺฉิตา อเมฺหหี’’ติ สญฺญิโน โหนฺติ, ปพฺพชฺชา นาม ลหุกกมฺมํ, ตสฺมา ปพฺพชิโต สุปพฺพชิโต, ปพฺพาเชนฺตสฺสปิ อนาปตฺติฯ

    144. Evaṃ (mahāva. aṭṭha. 34) pabbajjādosavirahitaṃ mātāpitūhi anuññātaṃ pabbājentenapi ca sace acchinnakeso hoti, ekasīmāyañca aññepi bhikkhū atthi, kesacchedanatthāya bhaṇḍukammaṃ āpucchitabbaṃ. Tatrāyaṃ āpucchanavidhi (mahāva. aṭṭha. 98) – sīmāpariyāpanne bhikkhū sannipātetvā pabbajjāpekkhaṃ tattha netvā ‘‘saṅghaṃ, bhante, imassa dārakassa bhaṇḍukammaṃ āpucchāmī’’ti tikkhattuṃ vā dvikkhattuṃ vā sakiṃ vā vattabbaṃ. Ettha ca ‘‘imassa dārakassa bhaṇḍukammaṃ āpucchāmī’’tipi ‘‘imassa samaṇakaraṇaṃ āpucchāmī’’tipi ‘‘ayaṃ samaṇo hotukāmo’’tipi ‘‘ayaṃ pabbajitukāmo’’tipi vattuṃ vaṭṭatiyeva. Sace sabhāgaṭṭhānaṃ hoti, dasa vā vīsati vā tiṃsaṃ vā bhikkhū vasantīti paricchedo paññāyati, tesaṃ ṭhitokāsaṃ vā nisinnokāsaṃ vā gantvāpi purimanayeneva āpucchitabbaṃ. Pabbajjāpekkhaṃ vināva daharabhikkhū vā sāmaṇere vā pesetvāpi ‘‘eko, bhante, pabbajjāpekkho atthi, tassa bhaṇḍukammaṃ āpucchāmā’’tiādinā nayena āpucchāpetuṃ vaṭṭati. Sace keci bhikkhū senāsanaṃ vā gumbādīni vā pavisitvā niddāyanti vā samaṇadhammaṃ vā karonti, āpucchakā ca pariyesantāpi adisvā ‘‘sabbe āpucchitā amhehī’’ti saññino honti, pabbajjā nāma lahukakammaṃ, tasmā pabbajito supabbajito, pabbājentassapi anāpatti.

    สเจ ปน วิหาโร มหา โหติ อเนกภิกฺขุสหสฺสาวาโส, สเพฺพ ภิกฺขู สนฺนิปาตาเปตุมฺปิ ทุกฺกรํ, ปเคว ปฎิปาฎิยา อาปุจฺฉิตุํ, ขณฺฑสีมาย วา ฐตฺวา นทีสมุทฺทาทีนิ วา คนฺตฺวา ปพฺพาเชตโพฺพฯ โย ปน นวมุโณฺฑ วา โหติ วิพฺภนฺตโก วา นิคณฺฐาทีสุ อญฺญตโร วา ทฺวงฺคุลเกโส วา อูนทฺวงฺคุลเกโส วา, ตสฺส เกสเจฺฉทนกิจฺจํ นตฺถิ, ตสฺมา ภณฺฑุกมฺมํ อนาปุจฺฉิตฺวาปิ ตาทิสํ ปพฺพาเชตุํ วฎฺฎติฯ ทฺวงฺคุลาติริตฺตเกโส ปน โย โหติ อนฺตมโส เอกสิขามตฺตธโรปิ, โส ภณฺฑุกมฺมํ อาปุจฺฉิตฺวาว ปพฺพาเชตโพฺพฯ

    Sace pana vihāro mahā hoti anekabhikkhusahassāvāso, sabbe bhikkhū sannipātāpetumpi dukkaraṃ, pageva paṭipāṭiyā āpucchituṃ, khaṇḍasīmāya vā ṭhatvā nadīsamuddādīni vā gantvā pabbājetabbo. Yo pana navamuṇḍo vā hoti vibbhantako vā nigaṇṭhādīsu aññataro vā dvaṅgulakeso vā ūnadvaṅgulakeso vā, tassa kesacchedanakiccaṃ natthi, tasmā bhaṇḍukammaṃ anāpucchitvāpi tādisaṃ pabbājetuṃ vaṭṭati. Dvaṅgulātirittakeso pana yo hoti antamaso ekasikhāmattadharopi, so bhaṇḍukammaṃ āpucchitvāva pabbājetabbo.

    ๑๔๕. เอวํ อาปุจฺฉิตฺวา ปพฺพาเชเนฺตน จ ปริปุณฺณปตฺตจีวโรว ปพฺพาเชตโพฺพฯ สเจ ตสฺส นตฺถิ, ยาจิตเกนปิ ปตฺตจีวเรน ปพฺพาเชตุํ วฎฺฎติ, สภาคฎฺฐาเน วิสฺสาเสน คเหตฺวาปิ ปพฺพาเชตุํ วฎฺฎติฯ สเจ (มหาว. อฎฺฐ. ๑๑๘) ปน อปกฺกํ ปตฺตํ จีวรูปคานิ จ วตฺถานิ คเหตฺวา อาคโต โหติ, ยาว ปโตฺต ปจฺจติ, จีวรานิ จ กรียนฺติ, ตาว วิหาเร วสนฺตสฺส อนามฎฺฐปิณฺฑปาตํ ทาตุํ วฎฺฎติ, ถาลเกสุ ภุญฺชิตุํ วฎฺฎติฯ ปุเรภตฺตํ สามเณรภาคสมโก อามิสภาโค ทาตุํ วฎฺฎติ, เสนาสนคฺคาโห ปน สลากภตฺตอุเทฺทสภตฺตนิมนฺตนาทีนิ จ น วฎฺฎนฺติฯ ปจฺฉาภตฺตมฺปิ สามเณรภาคสโม เตลตณฺฑุลมธุผาณิตาทิเภสชฺชภาโค วฎฺฎติฯ สเจ คิลาโน โหติ, เภสชฺชมสฺส กาตุํ วฎฺฎติ, สามเณรสฺส วิย สพฺพํ ปฎิชคฺคนกมฺมํฯ อุปสมฺปทาเปกฺขํ ปน ยาจิตเกน ปตฺตจีวเรน อุปสมฺปาเทตุํ น วฎฺฎติฯ ‘‘น, ภิกฺขเว, ยาจิตเกน ปตฺตจีวเรน อุปสมฺปาเทตโพฺพ, โย อุปสมฺปาเทยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสา’’ติ (มหาว. ๑๑๘) วุตฺตํฯ ตสฺมา โส ปริปุณฺณปตฺตจีวโรเยว อุปสมฺปาเทตโพฺพฯ สเจ ตสฺส นตฺถิ, อาจริยุปชฺฌายา จสฺส ทาตุกามา โหนฺติ, อเญฺญ วา ภิกฺขู นิรเปเกฺขหิ นิสฺสชฺชิตฺวา อธิฎฺฐานุปคํ ปตฺตจีวรํ ทาตพฺพํฯ ยาจิตเกน ปน ปเตฺตน วา จีวเรน วา อุปสมฺปาเทนฺตเสฺสว อาปตฺติ โหติ, กมฺมํ ปน น กุปฺปติฯ

    145. Evaṃ āpucchitvā pabbājentena ca paripuṇṇapattacīvarova pabbājetabbo. Sace tassa natthi, yācitakenapi pattacīvarena pabbājetuṃ vaṭṭati, sabhāgaṭṭhāne vissāsena gahetvāpi pabbājetuṃ vaṭṭati. Sace (mahāva. aṭṭha. 118) pana apakkaṃ pattaṃ cīvarūpagāni ca vatthāni gahetvā āgato hoti, yāva patto paccati, cīvarāni ca karīyanti, tāva vihāre vasantassa anāmaṭṭhapiṇḍapātaṃ dātuṃ vaṭṭati, thālakesu bhuñjituṃ vaṭṭati. Purebhattaṃ sāmaṇerabhāgasamako āmisabhāgo dātuṃ vaṭṭati, senāsanaggāho pana salākabhattauddesabhattanimantanādīni ca na vaṭṭanti. Pacchābhattampi sāmaṇerabhāgasamo telataṇḍulamadhuphāṇitādibhesajjabhāgo vaṭṭati. Sace gilāno hoti, bhesajjamassa kātuṃ vaṭṭati, sāmaṇerassa viya sabbaṃ paṭijagganakammaṃ. Upasampadāpekkhaṃ pana yācitakena pattacīvarena upasampādetuṃ na vaṭṭati. ‘‘Na, bhikkhave, yācitakena pattacīvarena upasampādetabbo, yo upasampādeyya, āpatti dukkaṭassā’’ti (mahāva. 118) vuttaṃ. Tasmā so paripuṇṇapattacīvaroyeva upasampādetabbo. Sace tassa natthi, ācariyupajjhāyā cassa dātukāmā honti, aññe vā bhikkhū nirapekkhehi nissajjitvā adhiṭṭhānupagaṃ pattacīvaraṃ dātabbaṃ. Yācitakena pana pattena vā cīvarena vā upasampādentasseva āpatti hoti, kammaṃ pana na kuppati.

    ๑๔๖. ปริปุณฺณปตฺตจีวรํ (มหาว. อฎฺฐ. ๓๔) ปพฺพาเชเนฺตนปิ สเจ โอกาโส โหติ, สยํ ปพฺพาเชตโพฺพฯ สเจ อุเทฺทสปริปุจฺฉาทีหิ พฺยาวโฎ โหติ, โอกาสํ น ลภติ, เอโก ทหรภิกฺขุ วตฺตโพฺพ ‘‘เอตํ ปพฺพาเชหี’’ติฯ อวุโตฺตปิ เจ ทหรภิกฺขุ อุปชฺฌายํ อุทฺทิสฺส ปพฺพาเชติ, วฎฺฎติฯ สเจ ทหรภิกฺขุ นตฺถิ, สามเณโรปิ วตฺตโพฺพ ‘‘เอตํ ขณฺฑสีมํ เนตฺวา ปพฺพาเชตฺวา กาสายานิ อจฺฉาเทตฺวา เอหี’’ติฯ สรณานิ ปน สยํ ทาตพฺพานิฯ เอวํ ภิกฺขุนาว ปพฺพาชิโต โหติฯ ปุริสญฺหิ ภิกฺขุโต อโญฺญ ปพฺพาเชตุํ น ลภติ, มาตุคามํ ภิกฺขุนีโต อโญฺญ, สามเณโร ปน สามเณรี วา อาณตฺติยา กาสายานิ ทาตุํ ลภนฺติ, เกโสโรปนํ เยน เกนจิ กตํ สุกตํฯ

    146. Paripuṇṇapattacīvaraṃ (mahāva. aṭṭha. 34) pabbājentenapi sace okāso hoti, sayaṃ pabbājetabbo. Sace uddesaparipucchādīhi byāvaṭo hoti, okāsaṃ na labhati, eko daharabhikkhu vattabbo ‘‘etaṃ pabbājehī’’ti. Avuttopi ce daharabhikkhu upajjhāyaṃ uddissa pabbājeti, vaṭṭati. Sace daharabhikkhu natthi, sāmaṇeropi vattabbo ‘‘etaṃ khaṇḍasīmaṃ netvā pabbājetvā kāsāyāni acchādetvā ehī’’ti. Saraṇāni pana sayaṃ dātabbāni. Evaṃ bhikkhunāva pabbājito hoti. Purisañhi bhikkhuto añño pabbājetuṃ na labhati, mātugāmaṃ bhikkhunīto añño, sāmaṇero pana sāmaṇerī vā āṇattiyā kāsāyāni dātuṃ labhanti, kesoropanaṃ yena kenaci kataṃ sukataṃ.

    สเจ ปน ภพฺพรูโป โหติ สเหตุโก ญาโต ยสสฺสี กุลปุโตฺต, โอกาสํ กตฺวาปิ สยเมว ปพฺพาเชตโพฺพ, ‘‘มตฺติกามุฎฺฐิํ คเหตฺวา นหายิตฺวา อาคจฺฉาหี’’ติ จ น ปน วิสฺสเชฺชตโพฺพ ฯ ปพฺพชิตุกามานญฺหิ ปฐมํ พลวอุสฺสาโห โหติ, ปจฺฉา ปน กาสายานิ จ เกสหรณสตฺถกญฺจ ทิสฺวา อุตฺรสนฺติ, เอโตฺตเยว ปลายนฺติ, ตสฺมา สยเมว นหานติตฺถํ เนตฺวา สเจ นาติทหโร, ‘‘นหาหี’’ติ วตฺตโพฺพ, เกสา ปนสฺส สยเมว มตฺติกํ คเหตฺวา โธวิตพฺพา ฯ ทหรกุมารโก ปน สยํ อุทกํ โอตริตฺวา โคมยมตฺติกาหิ ฆํสิตฺวา นหาเปตโพฺพฯ สเจปิสฺส กจฺฉุ วา ปิฬกา วา โหนฺติ, ยถา มาตา ปุตฺตํ น ชิคุจฺฉติ, เอวเมวํ อชิคุจฺฉเนฺตน สาธุกํ หตฺถปาทโต จ สีสโต จ ปฎฺฐาย ฆํสิตฺวา ฆํสิตฺวา นหาเปตโพฺพฯ กสฺมา? เอตฺตเกน หิ อุปกาเรน กุลปุตฺตา อาจริยุปชฺฌาเยสุ จ สาสเน จ พลวสิเนหา ติพฺพคารวา อนิวตฺติธมฺมา โหนฺติ, อุปฺปนฺนํ อนภิรติํ วิโนเทตฺวา เถรภาวํ ปาปุณนฺติ, กตญฺญุกตเวทิโน โหนฺติฯ

    Sace pana bhabbarūpo hoti sahetuko ñāto yasassī kulaputto, okāsaṃ katvāpi sayameva pabbājetabbo, ‘‘mattikāmuṭṭhiṃ gahetvā nahāyitvā āgacchāhī’’ti ca na pana vissajjetabbo . Pabbajitukāmānañhi paṭhamaṃ balavaussāho hoti, pacchā pana kāsāyāni ca kesaharaṇasatthakañca disvā utrasanti, ettoyeva palāyanti, tasmā sayameva nahānatitthaṃ netvā sace nātidaharo, ‘‘nahāhī’’ti vattabbo, kesā panassa sayameva mattikaṃ gahetvā dhovitabbā . Daharakumārako pana sayaṃ udakaṃ otaritvā gomayamattikāhi ghaṃsitvā nahāpetabbo. Sacepissa kacchu vā piḷakā vā honti, yathā mātā puttaṃ na jigucchati, evamevaṃ ajigucchantena sādhukaṃ hatthapādato ca sīsato ca paṭṭhāya ghaṃsitvā ghaṃsitvā nahāpetabbo. Kasmā? Ettakena hi upakārena kulaputtā ācariyupajjhāyesu ca sāsane ca balavasinehā tibbagāravā anivattidhammā honti, uppannaṃ anabhiratiṃ vinodetvā therabhāvaṃ pāpuṇanti, kataññukatavedino honti.

    เอวํ นหาปนกาเล ปน เกสมสฺสุํ โอโรปนกาเล วา ‘‘ตฺวํ ญาโต ยสสฺสี, อิทานิ มยํ ตํ นิสฺสาย ปจฺจเยหิ น กิลมิสฺสามา’’ติ น วตฺตโพฺพ, อญฺญาปิ อนิยฺยานิกกถา น วตฺตพฺพา, อถ ขฺวสฺส ‘‘อาวุโส, สุฎฺฐุ อุปธาเรหิ, สติํ อุปฎฺฐาเปหี’’ติ วตฺวา ตจปญฺจกกมฺมฎฺฐานํ อาจิกฺขิตพฺพํฯ อาจิกฺขเนฺตน จ วณฺณสณฺฐานคนฺธาสโยกาสวเสน อสุจิเชคุจฺฉปฎิกฺกูลภาวํ นิชฺชีวนิสฺสตฺตภาวํ วา ปากฎํ กโรเนฺตน อาจิกฺขิตพฺพํฯ สเจ หิ โส ปุเพฺพ มทฺทิตสงฺขาโร โหติ ภาวิตภาวโน กณฺฎกเวธาเปโกฺข วิย ปริปกฺกคโณฺฑ สูริยุคฺคมนาเปกฺขํ วิย จ ปริณตปทุมํ, อถสฺส อารทฺธมเตฺต กมฺมฎฺฐานํ มนสิกาเร อินฺทาสนิ วิย ปพฺพเต กิเลสปพฺพเต จุณฺณยมานํเยว ญาณํ ปวตฺตติ, ขุรเคฺคเยว อรหตฺตํ ปาปุณาติฯ เย หิ เกจิ ขุรเคฺค อรหตฺตํ ปตฺตา, สเพฺพ เต เอวรูปํ สวนํ ลภิตฺวา กลฺยาณมิเตฺตน อาจริเยน ทินฺนนยํ นิสฺสาย, โน อนิสฺสายฯ ตสฺมาสฺส อาทิโตว เอวรูปี กถา กเถตพฺพาติฯ

    Evaṃ nahāpanakāle pana kesamassuṃ oropanakāle vā ‘‘tvaṃ ñāto yasassī, idāni mayaṃ taṃ nissāya paccayehi na kilamissāmā’’ti na vattabbo, aññāpi aniyyānikakathā na vattabbā, atha khvassa ‘‘āvuso, suṭṭhu upadhārehi, satiṃ upaṭṭhāpehī’’ti vatvā tacapañcakakammaṭṭhānaṃ ācikkhitabbaṃ. Ācikkhantena ca vaṇṇasaṇṭhānagandhāsayokāsavasena asucijegucchapaṭikkūlabhāvaṃ nijjīvanissattabhāvaṃ vā pākaṭaṃ karontena ācikkhitabbaṃ. Sace hi so pubbe madditasaṅkhāro hoti bhāvitabhāvano kaṇṭakavedhāpekkho viya paripakkagaṇḍo sūriyuggamanāpekkhaṃ viya ca pariṇatapadumaṃ, athassa āraddhamatte kammaṭṭhānaṃ manasikāre indāsani viya pabbate kilesapabbate cuṇṇayamānaṃyeva ñāṇaṃ pavattati, khuraggeyeva arahattaṃ pāpuṇāti. Ye hi keci khuragge arahattaṃ pattā, sabbe te evarūpaṃ savanaṃ labhitvā kalyāṇamittena ācariyena dinnanayaṃ nissāya, no anissāya. Tasmāssa āditova evarūpī kathā kathetabbāti.

    เกเสสุ ปน โอโรปิเตสุ หลิทฺทิจุเณฺณน วา คนฺธจุเณฺณน วา สีสญฺจ สรีรญฺจ อุพฺพเฎฺฎตฺวา คิหิคนฺธํ อปเนตฺวา กาสายานิ ติกฺขตฺตุํ วา ทฺวิกฺขตฺตุํ วา สกิํ วา ปฎิคฺคาหาเปตโพฺพฯ อถาปิสฺส หเตฺถ อทตฺวา อาจริโย วา อุปชฺฌาโย วา สยเมว อจฺฉาเทติ, วฎฺฎติฯ สเจ อญฺญํ ทหรํ วา สามเณรํ วา อุปาสกํ วา อาณาเปติ ‘‘อาวุโส, เอตานิ กาสายานิ คเหตฺวา เอตํ อจฺฉาเทหี’’ติ, ตเญฺญว วา อาณาเปติ ‘‘เอตานิ คเหตฺวา อจฺฉาเทหี’’ติ, สพฺพํ ตํ วฎฺฎติ, สพฺพํ เตน ภิกฺขุนาว ทินฺนํ โหติฯ ยํ ปน นิวาสนํ วา ปารุปนํ วา อนาณตฺติยา นิวาเสติ วา ปารุปติ วา, ตํ อปเนตฺวา ปุน ทาตพฺพํฯ ภิกฺขุนา หิ สหเตฺถน วา อาณตฺติยา วา ทินฺนเมว กาสายํ วฎฺฎติ, อทินฺนํ น วฎฺฎติฯ สเจปิ ตเสฺสว สนฺตกํ โหติ, โก ปน วาโท อุปชฺฌายมูลเกฯ

    Kesesu pana oropitesu haliddicuṇṇena vā gandhacuṇṇena vā sīsañca sarīrañca ubbaṭṭetvā gihigandhaṃ apanetvā kāsāyāni tikkhattuṃ vā dvikkhattuṃ vā sakiṃ vā paṭiggāhāpetabbo. Athāpissa hatthe adatvā ācariyo vā upajjhāyo vā sayameva acchādeti, vaṭṭati. Sace aññaṃ daharaṃ vā sāmaṇeraṃ vā upāsakaṃ vā āṇāpeti ‘‘āvuso, etāni kāsāyāni gahetvā etaṃ acchādehī’’ti, taññeva vā āṇāpeti ‘‘etāni gahetvā acchādehī’’ti, sabbaṃ taṃ vaṭṭati, sabbaṃ tena bhikkhunāva dinnaṃ hoti. Yaṃ pana nivāsanaṃ vā pārupanaṃ vā anāṇattiyā nivāseti vā pārupati vā, taṃ apanetvā puna dātabbaṃ. Bhikkhunā hi sahatthena vā āṇattiyā vā dinnameva kāsāyaṃ vaṭṭati, adinnaṃ na vaṭṭati. Sacepi tasseva santakaṃ hoti, ko pana vādo upajjhāyamūlake.

    ๑๔๗. เอวํ ปน ทินฺนานิ กาสายานิ อจฺฉาทาเปตฺวา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ การาเปตฺวา เย ตตฺถ สนฺนิปติตา ภิกฺขู, เตสํ ปาเท วนฺทาเปตฺวา อถ สรณคหณตฺถํ อุกฺกุฎิกํ นิสีทาเปตฺวา อญฺชลิํ ปคฺคณฺหาเปตฺวา ‘‘เอวํ วเทหี’’ติ วตฺตโพฺพ, ‘‘ยมหํ วทามิ, ตํ วเทหี’’ติ วตฺตโพฺพฯ อถสฺส อุปชฺฌาเยน วา อาจริเยน วา ‘‘พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามี’’ติอาทินา นเยน สรณานิ ทาตพฺพานิ ยถาวุตฺตปฎิปาฎิยาว, น อุปฺปฎิปาฎิยาฯ สเจ หิ เอกปทมฺปิ เอกกฺขรมฺปิ อุปฺปฎิปาฎิยา เทติ, พุทฺธํ สรณํเยว วา ติกฺขตฺตุํ ทตฺวา ปุน อิตเรสุ เอเกกํ ติกฺขตฺตุํ เทติ, อทินฺนานิ โหนฺติ สรณานิฯ

    147. Evaṃ pana dinnāni kāsāyāni acchādāpetvā ekaṃsaṃ uttarāsaṅgaṃ kārāpetvā ye tattha sannipatitā bhikkhū, tesaṃ pāde vandāpetvā atha saraṇagahaṇatthaṃ ukkuṭikaṃ nisīdāpetvā añjaliṃ paggaṇhāpetvā ‘‘evaṃ vadehī’’ti vattabbo, ‘‘yamahaṃ vadāmi, taṃ vadehī’’ti vattabbo. Athassa upajjhāyena vā ācariyena vā ‘‘buddhaṃ saraṇaṃ gacchāmī’’tiādinā nayena saraṇāni dātabbāni yathāvuttapaṭipāṭiyāva, na uppaṭipāṭiyā. Sace hi ekapadampi ekakkharampi uppaṭipāṭiyā deti, buddhaṃ saraṇaṃyeva vā tikkhattuṃ datvā puna itaresu ekekaṃ tikkhattuṃ deti, adinnāni honti saraṇāni.

    อิมญฺจ ปน สรณคมนุปสมฺปทํ ปฎิกฺขิปิตฺวา อนุญฺญาตอุปสมฺปทา เอกโตสุทฺธิยา วฎฺฎติ, สามเณรปพฺพชฺชา ปน อุภโตสุทฺธิยาว วฎฺฎติ, โน เอกโตสุทฺธิยาฯ ตสฺมา อุปสมฺปทาย สเจ อาจริโย ญตฺติโทสเญฺจว กมฺมวาจาโทสญฺจ วเชฺชตฺวา กมฺมํ กโรติ, สุกตํ โหติฯ ปพฺพชฺชาย ปน อิมานิ ตีณิ สรณานิ พุ-การ ธ-การาทีนํ พฺยญฺชนานํ ฐานกรณสมฺปทํ อหาเปเนฺตน อาจริเยนปิ อเนฺตวาสิเกนปิ วตฺตพฺพานิฯ สเจ อาจริโย วตฺตุํ สโกฺกติ, อเนฺตวาสิโก น สโกฺกติ, อเนฺตวาสิโก วา สโกฺกติ, อาจริโย น สโกฺกติ, อุโภปิ วา น สโกฺกนฺติ, น วฎฺฎติฯ สเจ ปน อุโภปิ สโกฺกนฺติ, วฎฺฎติฯ อิมานิ จ ปน ททมาเนน ‘‘พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามี’’ติ เอวํ เอกสมฺพนฺธานิ อนุนาสิกนฺตานิ วา กตฺวา ทาตพฺพานิ, ‘‘พุทฺธม สรณม คจฺฉามี’’ติ เอวํ วิจฺฉินฺทิตฺวา มการนฺตานิ วา กตฺวา ทาตพฺพานิฯ อนฺธกฎฺฐกถายํ ‘‘นามํ สาเวตฺวา ‘อหํ, ภเนฺต, พุทฺธรกฺขิโต ยาวชีวํ พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามี’’ติ วุตฺตํ, ตํ เอกฎฺฐกถายมฺปิ นตฺถิ, ปาฬิยมฺปิ น วุตฺตํ, เตสํ รุจิมตฺตเมว, ตสฺมา น คเหตพฺพํฯ น หิ ตถา อวทนฺตสฺส สรณํ กุปฺปติฯ เอตฺตาวตา จ สามเณรภูมิยํ ปติฎฺฐิโต โหติฯ

    Imañca pana saraṇagamanupasampadaṃ paṭikkhipitvā anuññātaupasampadā ekatosuddhiyā vaṭṭati, sāmaṇerapabbajjā pana ubhatosuddhiyāva vaṭṭati, no ekatosuddhiyā. Tasmā upasampadāya sace ācariyo ñattidosañceva kammavācādosañca vajjetvā kammaṃ karoti, sukataṃ hoti. Pabbajjāya pana imāni tīṇi saraṇāni bu-kāra dha-kārādīnaṃ byañjanānaṃ ṭhānakaraṇasampadaṃ ahāpentena ācariyenapi antevāsikenapi vattabbāni. Sace ācariyo vattuṃ sakkoti, antevāsiko na sakkoti, antevāsiko vā sakkoti, ācariyo na sakkoti, ubhopi vā na sakkonti, na vaṭṭati. Sace pana ubhopi sakkonti, vaṭṭati. Imāni ca pana dadamānena ‘‘buddhaṃ saraṇaṃ gacchāmī’’ti evaṃ ekasambandhāni anunāsikantāni vā katvā dātabbāni, ‘‘buddhama saraṇama gacchāmī’’ti evaṃ vicchinditvā makārantāni vā katvā dātabbāni. Andhakaṭṭhakathāyaṃ ‘‘nāmaṃ sāvetvā ‘ahaṃ, bhante, buddharakkhito yāvajīvaṃ buddhaṃ saraṇaṃ gacchāmī’’ti vuttaṃ, taṃ ekaṭṭhakathāyampi natthi, pāḷiyampi na vuttaṃ, tesaṃ rucimattameva, tasmā na gahetabbaṃ. Na hi tathā avadantassa saraṇaṃ kuppati. Ettāvatā ca sāmaṇerabhūmiyaṃ patiṭṭhito hoti.

    ๑๔๘. สเจ ปเนส คติมา โหติ ปณฺฑิตชาติโก, อถสฺส ตสฺมิํเยว ฐาเน สิกฺขาปทานิ อุทฺทิสิตพฺพานิฯ กถํ? ยถา ภควตา อุทฺทิฎฺฐานิฯ วุตฺตเญฺหตํ –

    148. Sace panesa gatimā hoti paṇḍitajātiko, athassa tasmiṃyeva ṭhāne sikkhāpadāni uddisitabbāni. Kathaṃ? Yathā bhagavatā uddiṭṭhāni. Vuttañhetaṃ –

    ‘‘อนุชานามิ , ภิกฺขเว, สามเณรานํ ทส สิกฺขาปทานิ, เตสุ จ สามเณเรหิ สิกฺขิตุํฯ ปาณาติปาตา เวรมณิ, อทินฺนาทานา เวรมณิ, อพฺรหฺมจริยา เวรมณิ, มุสาวาทา เวรมณิ, สุราเมรยมชฺชปมาทฎฺฐานา เวรมณิ, วิกาลโภชนา เวรมณิ, นจฺจคีตวาทิต วิสูกทสฺสนา เวรมณิ, มาลาคนฺธ วิเลปน ธารณ มณฺฑน วิภูสนฎฺฐานา เวรมณิ, อุจฺจาสยนมหาสยนา เวรมณิ, ชาตรูปรชตปฎิคฺคหณา เวรมณี’’ติ (มหาว. ๑๐๖)ฯ

    ‘‘Anujānāmi , bhikkhave, sāmaṇerānaṃ dasa sikkhāpadāni, tesu ca sāmaṇerehi sikkhituṃ. Pāṇātipātā veramaṇi, adinnādānā veramaṇi, abrahmacariyā veramaṇi, musāvādā veramaṇi, surāmerayamajjapamādaṭṭhānā veramaṇi, vikālabhojanā veramaṇi, naccagītavādita visūkadassanā veramaṇi, mālāgandha vilepana dhāraṇa maṇḍana vibhūsanaṭṭhānā veramaṇi, uccāsayanamahāsayanā veramaṇi, jātarūparajatapaṭiggahaṇā veramaṇī’’ti (mahāva. 106).

    อนฺธกฎฺฐกถายํ ปน ‘‘อหํ, ภเนฺต, อิตฺถนฺนาโม ยาวชีวํ ปาณาติปาตา เวรมณิสิกฺขาปทํ สมาทิยามี’’ติ เอวํ สรณทานํ วิย สิกฺขาปททานมฺปิ วุตฺตํ, ตํ เนว ปาฬิยํ, น อฎฺฐกถาสุ อตฺถิ, ตสฺมา ยถาปาฬิยาว อุทฺทิสิตพฺพานิฯ ปพฺพชฺชา หิ สรณคมเนเหว สิทฺธา, สิกฺขาปทานิ ปน เกวลํ สิกฺขาปทปูรณตฺถํ ชานิตพฺพานิ, ตสฺมา ปาฬิยา อาคตนเยเนว อุคฺคเหตุํ อสโกฺกนฺตสฺส ยาย กายจิ ภาสาย อตฺถวเสนปิ อาจิกฺขิตุํ วฎฺฎติฯ ยาว ปน อตฺตนา สิกฺขิตพฺพสิกฺขาปทานิ น ชานาติ, สงฺฆาฎิปตฺตจีวรธารณฎฺฐานนิสชฺชาทีสุ ปานโภชนาทิวิธิมฺหิ จ น กุสโล โหติ, ตาว โภชนสาลํ วา สลากภาชนฎฺฐานํ วา อญฺญํ วา ตถารูปฎฺฐานํ น เปเสตโพฺพ, สนฺติกาวจโรเยว กาตโพฺพ, พาลทารโก วิย ปฎิปชฺชิตโพฺพ, สพฺพมสฺส กปฺปิยากปฺปิยํ อาจิกฺขิตพฺพํ, นิวาสนปารุปนาทีสุ อภิสมาจาริเกสุ วิเนตโพฺพฯ เตนปิ –

    Andhakaṭṭhakathāyaṃ pana ‘‘ahaṃ, bhante, itthannāmo yāvajīvaṃ pāṇātipātā veramaṇisikkhāpadaṃ samādiyāmī’’ti evaṃ saraṇadānaṃ viya sikkhāpadadānampi vuttaṃ, taṃ neva pāḷiyaṃ, na aṭṭhakathāsu atthi, tasmā yathāpāḷiyāva uddisitabbāni. Pabbajjā hi saraṇagamaneheva siddhā, sikkhāpadāni pana kevalaṃ sikkhāpadapūraṇatthaṃ jānitabbāni, tasmā pāḷiyā āgatanayeneva uggahetuṃ asakkontassa yāya kāyaci bhāsāya atthavasenapi ācikkhituṃ vaṭṭati. Yāva pana attanā sikkhitabbasikkhāpadāni na jānāti, saṅghāṭipattacīvaradhāraṇaṭṭhānanisajjādīsu pānabhojanādividhimhi ca na kusalo hoti, tāva bhojanasālaṃ vā salākabhājanaṭṭhānaṃ vā aññaṃ vā tathārūpaṭṭhānaṃ na pesetabbo, santikāvacaroyeva kātabbo, bāladārako viya paṭipajjitabbo, sabbamassa kappiyākappiyaṃ ācikkhitabbaṃ, nivāsanapārupanādīsu abhisamācārikesu vinetabbo. Tenapi –

    ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ทสหเงฺคหิ สมนฺนาคตํ สามเณรํ นาเสตุํฯ ปาณาติปาตี โหติ, อทินฺนาทายี โหติ, อพฺรหฺมจารี โหติ, มุสาวาที โหติ, มชฺชปายี โหติ, พุทฺธสฺส อวณฺณํ ภาสติ, ธมฺมสฺส อวณฺณํ ภาสติ, สงฺฆสฺส อวณฺณํ ภาสติ, มิจฺฉาทิฎฺฐิโก โหติ, ภิกฺขุนีทูสโก โหตี’’ติ (มหาว. ๑๐๘) –

    ‘‘Anujānāmi, bhikkhave, dasahaṅgehi samannāgataṃ sāmaṇeraṃ nāsetuṃ. Pāṇātipātī hoti, adinnādāyī hoti, abrahmacārī hoti, musāvādī hoti, majjapāyī hoti, buddhassa avaṇṇaṃ bhāsati, dhammassa avaṇṇaṃ bhāsati, saṅghassa avaṇṇaṃ bhāsati, micchādiṭṭhiko hoti, bhikkhunīdūsako hotī’’ti (mahāva. 108) –

    เอวํ วุตฺตานิ ทส นาสนงฺคานิ อารกา ปริวเชฺชตฺวา อาภิสมาจาริกํ ปริปูเรเนฺตน ทสวิเธ สีเล สาธุกํ สิกฺขิตพฺพํฯ

    Evaṃ vuttāni dasa nāsanaṅgāni ārakā parivajjetvā ābhisamācārikaṃ paripūrentena dasavidhe sīle sādhukaṃ sikkhitabbaṃ.

    ๑๔๙. โย ปน (มหาว. อฎฺฐ. ๑๐๘) ปาณาติปาตาทีสุ ทสสุ นาสนเงฺคสุ เอกมฺปิ กมฺมํ กโรติ, โส ลิงฺคนาสนาย นาเสตโพฺพฯ ตีสุ หิ นาสนาสุ ลิงฺคนาสนาเยว อิธาธิเปฺปตาฯ ยถา จ ภิกฺขูนํ ปาณาติปาตาทีสุ ตา ตา อาปตฺติโย โหนฺติ, น ตถา สามเณรานํฯ สามเณโร หิ กุนฺถ กิปิลฺลิกมฺปิ มาเรตฺวา มงฺคุลณฺฑกมฺปิ ภินฺทิตฺวา นาเสตพฺพตํเยว ปาปุณาติ, ตาวเทวสฺส สรณคมนานิ จ อุปชฺฌายคฺคหณญฺจ เสนาสนคฺคาโห จ ปฎิปฺปสฺสมฺภนฺติ, สงฺฆลาภํ น ลภติ, ลิงฺคมตฺตเมว เอกํ อวสิฎฺฐํ โหติฯ โส สเจ อากิณฺณโทโสว โหติ, อายติํ สํวเร น ติฎฺฐติ, นิกฺกฑฺฒิตโพฺพฯ อถ สหสา วิรชฺฌิตฺวา ‘‘ทุฎฺฐุ มยา กต’’นฺติ ปุน สํวเร ฐาตุกาโม โหติ, ลิงฺคนาสนกิจฺจํ นตฺถิ, ยถานิวตฺถปารุตเสฺสว สรณานิ ทาตพฺพานิ, อุปชฺฌาโย ทาตโพฺพฯ สิกฺขาปทานิ ปน สรณคมเนเนว อิชฺฌนฺติฯ สามเณรานญฺหิ สรณคมนํ ภิกฺขูนํ อุปสมฺปทกมฺมวาจาสทิสํ, ตสฺมา ภิกฺขูนํ วิย จตุปาริสุทฺธิสีลํ อิมินาปิ ทส สีลานิ สมาทินฺนาเนว โหนฺติ, เอวํ สเนฺตปิ ทฬฺหีกรณตฺถํ อายติํ สํวเร ปติฎฺฐาปนตฺถํ ปุน ทาตพฺพานิฯ สเจ ปุริมิกาย ปุน สรณานิ คหิตานิ, ปจฺฉิมิกาย วสฺสาวาสิกํ ลจฺฉติฯ สเจ ปจฺฉิมิกาย คหิตานิ, สเงฺฆน อปโลเกตฺวา ลาโภ ทาตโพฺพฯ อทินฺนาทาเน ติณสลากมเตฺตนปิ วตฺถุนา, อพฺรหฺมจริเย ตีสุ มเคฺคสุ ยตฺถ กตฺถจิ วิปฺปฎิปตฺติยา, มุสาวาเท หสาธิปฺปายตายปิ มุสา ภณิเต อสฺสมโณ โหติ, นาเสตพฺพตํ อาปชฺชติ, มชฺชปาเน ปน ภิกฺขุโน อชานิตฺวาปิ พีชโต ปฎฺฐาย มชฺชํ ปิวนฺตสฺส ปาจิตฺติยํฯ สามเณโร ชานิตฺวา ปิวโนฺตว สีลเภทํ อาปชฺชติ, น อชานิตฺวาฯ ยานิ ปนสฺส อิตรานิ ปญฺจ สิกฺขาปทานิ, เอเตสุ ภิเนฺนสุ น นาเสตโพฺพ, ทณฺฑกมฺมํ กาตพฺพํฯ สิกฺขาปเท ปน ปุน ทิเนฺนปิ อทิเนฺนปิ วฎฺฎติ, ทณฺฑกเมฺมน ปน ปีเฬตฺวา อายติํ สํวเร ฐปนตฺถาย ทาตพฺพเมวฯ

    149. Yo pana (mahāva. aṭṭha. 108) pāṇātipātādīsu dasasu nāsanaṅgesu ekampi kammaṃ karoti, so liṅganāsanāya nāsetabbo. Tīsu hi nāsanāsu liṅganāsanāyeva idhādhippetā. Yathā ca bhikkhūnaṃ pāṇātipātādīsu tā tā āpattiyo honti, na tathā sāmaṇerānaṃ. Sāmaṇero hi kuntha kipillikampi māretvā maṅgulaṇḍakampi bhinditvā nāsetabbataṃyeva pāpuṇāti, tāvadevassa saraṇagamanāni ca upajjhāyaggahaṇañca senāsanaggāho ca paṭippassambhanti, saṅghalābhaṃ na labhati, liṅgamattameva ekaṃ avasiṭṭhaṃ hoti. So sace ākiṇṇadosova hoti, āyatiṃ saṃvare na tiṭṭhati, nikkaḍḍhitabbo. Atha sahasā virajjhitvā ‘‘duṭṭhu mayā kata’’nti puna saṃvare ṭhātukāmo hoti, liṅganāsanakiccaṃ natthi, yathānivatthapārutasseva saraṇāni dātabbāni, upajjhāyo dātabbo. Sikkhāpadāni pana saraṇagamaneneva ijjhanti. Sāmaṇerānañhi saraṇagamanaṃ bhikkhūnaṃ upasampadakammavācāsadisaṃ, tasmā bhikkhūnaṃ viya catupārisuddhisīlaṃ imināpi dasa sīlāni samādinnāneva honti, evaṃ santepi daḷhīkaraṇatthaṃ āyatiṃ saṃvare patiṭṭhāpanatthaṃ puna dātabbāni. Sace purimikāya puna saraṇāni gahitāni, pacchimikāya vassāvāsikaṃ lacchati. Sace pacchimikāya gahitāni, saṅghena apaloketvā lābho dātabbo. Adinnādāne tiṇasalākamattenapi vatthunā, abrahmacariye tīsu maggesu yattha katthaci vippaṭipattiyā, musāvāde hasādhippāyatāyapi musā bhaṇite assamaṇo hoti, nāsetabbataṃ āpajjati, majjapāne pana bhikkhuno ajānitvāpi bījato paṭṭhāya majjaṃ pivantassa pācittiyaṃ. Sāmaṇero jānitvā pivantova sīlabhedaṃ āpajjati, na ajānitvā. Yāni panassa itarāni pañca sikkhāpadāni, etesu bhinnesu na nāsetabbo, daṇḍakammaṃ kātabbaṃ. Sikkhāpade pana puna dinnepi adinnepi vaṭṭati, daṇḍakammena pana pīḷetvā āyatiṃ saṃvare ṭhapanatthāya dātabbameva.

    อวณฺณภาสเน ปน ‘‘อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ’’ติอาทีนํ ปฎิปกฺขวเสน พุทฺธสฺส วา ‘‘สฺวากฺขาโต’’ติอาทีนํ ปฎิปกฺขวเสน ธมฺมสฺส วา ‘‘สุปฺปฎิปโนฺน’’ติอาทีนํ ปฎิปกฺขวเสน สงฺฆสฺส วา อวณฺณํ ภาสโนฺต รตนตฺตยํ นินฺทโนฺต ครหโนฺต อาจริยุปชฺฌายาทีหิ ‘‘มา เอวํ อวจา’’ติ อวณฺณภาสเน อาทีนวํ ทเสฺสตฺวา นิวาเรตโพฺพฯ ‘‘สเจ ยาวตติยํ วุจฺจมาโน น โอรมติ, กณฺฎกนาสนาย นาเสตโพฺพ’’ติ กุรุนฺทิยํ วุตฺตํฯ มหาอฎฺฐกถายํ ปน ‘‘สเจ เอวํ วุจฺจมาโน ตํ ลทฺธิํ นิสฺสชฺชติ, ทณฺฑกมฺมํ กาเรตฺวา อจฺจยํ เทสาเปตโพฺพฯ สเจ น นิสฺสชฺชติ, ตเถว อาทาย ปคฺคยฺห ติฎฺฐติ, ลิงฺคนาสนาย นาเสตโพฺพ’’ติ วุตฺตํ, ตํ ยุตฺตํฯ อยเมว หิ นาสนา อิธาธิเปฺปตาติฯ มิจฺฉาทิฎฺฐิเกปิ เอเสว นโยฯ สสฺสตุเจฺฉทานญฺหิ อญฺญตรทิฎฺฐิโก สเจ อาจริยาทีหิ โอวทิยมาโน นิสฺสชฺชติ, ทณฺฑกมฺมํ กาเรตฺวา อจฺจยํ เทสาเปตโพฺพ, อปฎินิสฺสชฺชโนฺตว นาเสตโพฺพฯ ภิกฺขุนีทูสโก เจตฺถ กามํ อพฺรหฺมจาริคฺคหเณน คหิโตว, อพฺรหฺมจาริํ ปน อายติํ สํวเร ฐาตุกามํ สรณานิ ทตฺวา อุปสมฺปาเทตุํ วฎฺฎติฯ ภิกฺขุนีทูสโก อายติํ สํวเร ฐาตุกาโมปิ ปพฺพชฺชมฺปิ น ลภติ, ปเคว อุปสมฺปทนฺติ เอตมตฺถํ ทเสฺสตุํ ‘‘ภิกฺขุนีทูสโก’’ติ อิทํ วิสุํ ทสมํ องฺคํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ

    Avaṇṇabhāsane pana ‘‘arahaṃ sammāsambuddho’’tiādīnaṃ paṭipakkhavasena buddhassa vā ‘‘svākkhāto’’tiādīnaṃ paṭipakkhavasena dhammassa vā ‘‘suppaṭipanno’’tiādīnaṃ paṭipakkhavasena saṅghassa vā avaṇṇaṃ bhāsanto ratanattayaṃ nindanto garahanto ācariyupajjhāyādīhi ‘‘mā evaṃ avacā’’ti avaṇṇabhāsane ādīnavaṃ dassetvā nivāretabbo. ‘‘Sace yāvatatiyaṃ vuccamāno na oramati, kaṇṭakanāsanāya nāsetabbo’’ti kurundiyaṃ vuttaṃ. Mahāaṭṭhakathāyaṃ pana ‘‘sace evaṃ vuccamāno taṃ laddhiṃ nissajjati, daṇḍakammaṃ kāretvā accayaṃ desāpetabbo. Sace na nissajjati, tatheva ādāya paggayha tiṭṭhati, liṅganāsanāya nāsetabbo’’ti vuttaṃ, taṃ yuttaṃ. Ayameva hi nāsanā idhādhippetāti. Micchādiṭṭhikepi eseva nayo. Sassatucchedānañhi aññataradiṭṭhiko sace ācariyādīhi ovadiyamāno nissajjati, daṇḍakammaṃ kāretvā accayaṃ desāpetabbo, apaṭinissajjantova nāsetabbo. Bhikkhunīdūsako cettha kāmaṃ abrahmacāriggahaṇena gahitova, abrahmacāriṃ pana āyatiṃ saṃvare ṭhātukāmaṃ saraṇāni datvā upasampādetuṃ vaṭṭati. Bhikkhunīdūsako āyatiṃ saṃvare ṭhātukāmopi pabbajjampi na labhati, pageva upasampadanti etamatthaṃ dassetuṃ ‘‘bhikkhunīdūsako’’ti idaṃ visuṃ dasamaṃ aṅgaṃ vuttanti veditabbaṃ.

    ๑๕๐. ‘‘อนุชานามิ , ภิกฺขเว, ปญฺจหเงฺคหิ สมนฺนาคตสฺส สามเณรสฺส ทณฺฑกมฺมํ กาตุํฯ ภิกฺขูนํ อลาภาย ปริสกฺกติ, ภิกฺขูนํ อนตฺถาย ปริสกฺกติ, ภิกฺขูนํ อวาสาย ปริสกฺกติ, ภิกฺขู อโกฺกสติ, ปริภาสติ, ภิกฺขู ภิกฺขูหิ เภเทตี’’ติ (มหาว. ๑๐๗) ‘‘วจนโต ปน อิมานิ ปญฺจ องฺคานิ, สิกฺขาปเทสุ จ ปจฺฉิมานิ วิกาลโภชนาทีนิ ปญฺจาติ ทส ทณฺฑกมฺมวตฺถูนิฯ กิํปเนตฺถ ทณฺฑกมฺมํ กตฺตพฺพ’’นฺติ? ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ยตฺถ วา วสติ, ยตฺถ วา ปฎิกฺกมติ, ตตฺถ อาวรณํ กาตุ’’นฺติ (มหาว. ๑๐๗) วจนโต ยตฺถ (มหาว. อฎฺฐ. ๑๐๗) วสติ วา ปวิสติ วา, ตตฺถ อาวรณํ กาตพฺพํ ‘‘มา อิธ ปวิสา’’ติฯ อุภเยนปิ อตฺตโน ปริเวณญฺจ วสฺสเคฺคน ปตฺตเสนาสนญฺจ วุตฺตํฯ ตสฺมา น สโพฺพ สงฺฆาราโม อาวรณํ กาตโพฺพ, กโรโนฺต จ ทุกฺกฎํ อาปชฺชติ ‘‘น, ภิกฺขเว, สโพฺพ สงฺฆาราโม อาวรณํ กาตโพฺพ, โย กเรยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสา’’ติ วุตฺตตฺตาฯ น จ มุขทฺวาริโก อาหาโร อาวรณํ กาตโพฺพ, กโรโนฺต จ ทุกฺกฎํ อาปชฺชติ ‘‘น, ภิกฺขเว, มุขทฺวาริโก อาหาโร อาวรณํ กาตโพฺพ, โย กเรยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสา’’ติ วุตฺตตฺตาฯ ตสฺมา ‘‘อชฺช มา ขาท มา ภุญฺชา’’ติ วทโตปิ ‘‘อาหารมฺปิ นิวาเรสฺสามี’’ติ ปตฺตจีวรํ อโนฺต นิกฺขิปโตปิ สพฺพปโยเคสุ ทุกฺกฎํฯ อนาจารสฺส ปน ทุพฺพจสามเณรสฺส ทณฺฑกมฺมํ กตฺวา ยาคุํ วา ภตฺตํ วา ปตฺตจีวรํ วา ทเสฺสตฺวา ‘‘เอตฺตเก นาม ทณฺฑกเมฺม อาหเฎ อิทํ ลจฺฉสี’’ติ วตฺตุํ วฎฺฎติฯ ภควตา หิ อาวรณเมว ทณฺฑกมฺมํ วุตฺตํฯ ธมฺมสงฺคาหกเตฺถเรหิ ปน ‘‘อปราธานุรูปํ อุทกทารุวาลิกาทีนํ อาหราปนมฺปิ กาตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ, ตสฺมา ตมฺปิ กาตพฺพํ, ตญฺจ โข ‘‘โอรมิสฺสติ วิรมิสฺสตี’’ติ อนุกมฺปาย, น ‘‘นสฺสิสฺสติ วิพฺภมิสฺสตี’’ติอาทินยปฺปวเตฺตน ปาปชฺฌาสเยนฯ ‘‘ทณฺฑกมฺมํ กโรมี’’ติ จ อุณฺหปาสาเณ วา นิปชฺชาเปตุํ ปาสาณิฎฺฐกาทีนิ วา สีเส นิกฺขิปาเปตุํ อุทกํ วา ปเวเสตุํ น วฎฺฎติฯ

    150. ‘‘Anujānāmi , bhikkhave, pañcahaṅgehi samannāgatassa sāmaṇerassa daṇḍakammaṃ kātuṃ. Bhikkhūnaṃ alābhāya parisakkati, bhikkhūnaṃ anatthāya parisakkati, bhikkhūnaṃ avāsāya parisakkati, bhikkhū akkosati, paribhāsati, bhikkhū bhikkhūhi bhedetī’’ti (mahāva. 107) ‘‘vacanato pana imāni pañca aṅgāni, sikkhāpadesu ca pacchimāni vikālabhojanādīni pañcāti dasa daṇḍakammavatthūni. Kiṃpanettha daṇḍakammaṃ kattabba’’nti? ‘‘Anujānāmi, bhikkhave, yattha vā vasati, yattha vā paṭikkamati, tattha āvaraṇaṃ kātu’’nti (mahāva. 107) vacanato yattha (mahāva. aṭṭha. 107) vasati vā pavisati vā, tattha āvaraṇaṃ kātabbaṃ ‘‘mā idha pavisā’’ti. Ubhayenapi attano pariveṇañca vassaggena pattasenāsanañca vuttaṃ. Tasmā na sabbo saṅghārāmo āvaraṇaṃ kātabbo, karonto ca dukkaṭaṃ āpajjati ‘‘na, bhikkhave, sabbo saṅghārāmo āvaraṇaṃ kātabbo, yo kareyya, āpatti dukkaṭassā’’ti vuttattā. Na ca mukhadvāriko āhāro āvaraṇaṃ kātabbo, karonto ca dukkaṭaṃ āpajjati ‘‘na, bhikkhave, mukhadvāriko āhāro āvaraṇaṃ kātabbo, yo kareyya, āpatti dukkaṭassā’’ti vuttattā. Tasmā ‘‘ajja mā khāda mā bhuñjā’’ti vadatopi ‘‘āhārampi nivāressāmī’’ti pattacīvaraṃ anto nikkhipatopi sabbapayogesu dukkaṭaṃ. Anācārassa pana dubbacasāmaṇerassa daṇḍakammaṃ katvā yāguṃ vā bhattaṃ vā pattacīvaraṃ vā dassetvā ‘‘ettake nāma daṇḍakamme āhaṭe idaṃ lacchasī’’ti vattuṃ vaṭṭati. Bhagavatā hi āvaraṇameva daṇḍakammaṃ vuttaṃ. Dhammasaṅgāhakattherehi pana ‘‘aparādhānurūpaṃ udakadāruvālikādīnaṃ āharāpanampi kātabba’’nti vuttaṃ, tasmā tampi kātabbaṃ, tañca kho ‘‘oramissati viramissatī’’ti anukampāya, na ‘‘nassissati vibbhamissatī’’tiādinayappavattena pāpajjhāsayena. ‘‘Daṇḍakammaṃ karomī’’ti ca uṇhapāsāṇe vā nipajjāpetuṃ pāsāṇiṭṭhakādīni vā sīse nikkhipāpetuṃ udakaṃ vā pavesetuṃ na vaṭṭati.

    อุปชฺฌายํ อนาปุจฺฉาปิ ทณฺฑกมฺมํ น กาเรตพฺพํ ‘‘น, ภิกฺขเว, อุปชฺฌายํ อนาปุจฺฉา อาวรณํ กาตพฺพํ, โย กเรยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสา’’ติ (มหาว. ๑๐๘) วจนโตฯ เอตฺถ ปน ‘‘ตุมฺหากํ สามเณรสฺส อยํ นาม อปราโธ, ทณฺฑกมฺมมสฺส กโรถา’’ติ ติกฺขตฺตุํ วุเตฺต สเจ โส อุปชฺฌาโย ทณฺฑกมฺมํ น กโรติ, สยํ กาตุํ วฎฺฎติฯ สเจปิ อาทิโต อุปชฺฌาโย วทติ ‘‘มยฺหํ สามเณรานํ โทเส สติ ตุเมฺห ทณฺฑกมฺมํ กโรถา’’ติ, กาตุํ วฎฺฎติเยวฯ ยถา จ สามเณรานํ, เอวํ สทฺธิวิหาริกเนฺตวาสิกานมฺปิ ทณฺฑกมฺมํ กาตุํ วฎฺฎติ, อเญฺญสํ ปน ปริสา น อปลาเฬตพฺพา, อปลาเฬโนฺต ทุกฺกฎํ อาปชฺชติ ‘‘น, ภิกฺขเว, อญฺญสฺส ปริสา อปลาเฬตพฺพา, โย อปลาเฬยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสา’’ติ (มหาว. ๑๐๘) วจนโต ฯ ตสฺมา ‘‘ตุมฺหากํ ปตฺตํ เทม, จีวรํ เทมา’’ติ อตฺตโน อุปฎฺฐานกรณตฺถํ สงฺคณฺหิตฺวา สามเณรา วา โหนฺตุ อุปสมฺปนฺนา วา, อนฺตมโส ทุสฺสีลภิกฺขุสฺสปิ ปรสฺส ปริสภูเต ภินฺทิตฺวา คณฺหิตุํ น วฎฺฎติ, อาทีนวํ ปน วตฺตุํ วฎฺฎติ ‘‘ตยา นหายิตุํ อาคเตน คูถมกฺขนํ วิย กตํ ทุสฺสีลํ นิสฺสาย วิหรเนฺตนา’’ติฯ สเจ โส สยเมว ชานิตฺวา อุปชฺฌํ วา นิสฺสยํ วา ยาจติ, ทาตุํ วฎฺฎติฯ

    Upajjhāyaṃ anāpucchāpi daṇḍakammaṃ na kāretabbaṃ ‘‘na, bhikkhave, upajjhāyaṃ anāpucchā āvaraṇaṃ kātabbaṃ, yo kareyya, āpatti dukkaṭassā’’ti (mahāva. 108) vacanato. Ettha pana ‘‘tumhākaṃ sāmaṇerassa ayaṃ nāma aparādho, daṇḍakammamassa karothā’’ti tikkhattuṃ vutte sace so upajjhāyo daṇḍakammaṃ na karoti, sayaṃ kātuṃ vaṭṭati. Sacepi ādito upajjhāyo vadati ‘‘mayhaṃ sāmaṇerānaṃ dose sati tumhe daṇḍakammaṃ karothā’’ti, kātuṃ vaṭṭatiyeva. Yathā ca sāmaṇerānaṃ, evaṃ saddhivihārikantevāsikānampi daṇḍakammaṃ kātuṃ vaṭṭati, aññesaṃ pana parisā na apalāḷetabbā, apalāḷento dukkaṭaṃ āpajjati ‘‘na, bhikkhave, aññassa parisā apalāḷetabbā, yo apalāḷeyya, āpatti dukkaṭassā’’ti (mahāva. 108) vacanato . Tasmā ‘‘tumhākaṃ pattaṃ dema, cīvaraṃ demā’’ti attano upaṭṭhānakaraṇatthaṃ saṅgaṇhitvā sāmaṇerā vā hontu upasampannā vā, antamaso dussīlabhikkhussapi parassa parisabhūte bhinditvā gaṇhituṃ na vaṭṭati, ādīnavaṃ pana vattuṃ vaṭṭati ‘‘tayā nahāyituṃ āgatena gūthamakkhanaṃ viya kataṃ dussīlaṃ nissāya viharantenā’’ti. Sace so sayameva jānitvā upajjhaṃ vā nissayaṃ vā yācati, dātuṃ vaṭṭati.

    อิติ ปาฬิมุตฺตกวินยวินิจฺฉยสงฺคเห

    Iti pāḷimuttakavinayavinicchayasaṅgahe

    ปพฺพชฺชาวินิจฺฉยกถา สมตฺตาฯ

    Pabbajjāvinicchayakathā samattā.





    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact