Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya

    ๕. ปพฺพตูปมสุตฺตํ

    5. Pabbatūpamasuttaṃ

    ๑๓๖. สาวตฺถินิทานํ ฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข ราชานํ ปเสนทิํ โกสลํ ภควา เอตทโวจ – ‘‘หนฺท, กุโต นุ ตฺวํ, มหาราช, อาคจฺฉสิ ทิวา ทิวสฺสา’’ติ? ‘‘ยานิ ตานิ, ภเนฺต, รญฺญํ ขตฺติยานํ มุทฺธาวสิตฺตานํ อิสฺสริยมทมตฺตานํ กามเคธปริยุฎฺฐิตานํ ชนปทตฺถาวริยปฺปตฺตานํ มหนฺตํ ปถวิมณฺฑลํ อภิวิชิย อชฺฌาวสนฺตานํ ราชกรณียานิ ภวนฺติ, เตสุ ขฺวาหํ, เอตรหิ อุสฺสุกฺกมาปโนฺน’’ติฯ

    136. Sāvatthinidānaṃ . Ekamantaṃ nisinnaṃ kho rājānaṃ pasenadiṃ kosalaṃ bhagavā etadavoca – ‘‘handa, kuto nu tvaṃ, mahārāja, āgacchasi divā divassā’’ti? ‘‘Yāni tāni, bhante, raññaṃ khattiyānaṃ muddhāvasittānaṃ issariyamadamattānaṃ kāmagedhapariyuṭṭhitānaṃ janapadatthāvariyappattānaṃ mahantaṃ pathavimaṇḍalaṃ abhivijiya ajjhāvasantānaṃ rājakaraṇīyāni bhavanti, tesu khvāhaṃ, etarahi ussukkamāpanno’’ti.

    ‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, มหาราช, อิธ เต ปุริโส อาคเจฺฉยฺย ปุรตฺถิมาย ทิสาย สทฺธายิโก ปจฺจยิโกฯ โส ตํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวํ วเทยฺย – ‘ยเคฺฆ, มหาราช, ชาเนยฺยาสิ, อหํ อาคจฺฉามิ ปุรตฺถิมาย ทิสายฯ ตตฺถทฺทสํ มหนฺตํ ปพฺพตํ อพฺภสมํ สเพฺพ ปาเณ นิโปฺปเถโนฺต อาคจฺฉติฯ ยํ เต, มหาราช, กรณียํ, ตํ กโรหี’ติฯ อถ ทุติโย ปุริโส อาคเจฺฉยฺย ปจฺฉิมาย ทิสาย…เป.… อถ ตติโย ปุริโส อาคเจฺฉยฺย อุตฺตราย ทิสาย…เป.… อถ จตุโตฺถ ปุริโส อาคเจฺฉยฺย ทกฺขิณาย ทิสาย สทฺธายิโก ปจฺจยิโกฯ โส ตํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวํ วเทยฺย – ‘ยเคฺฆ มหาราช, ชาเนยฺยาสิ, อหํ อาคจฺฉามิ ทกฺขิณาย ทิสายฯ ตตฺถทฺทสํ มหนฺตํ ปพฺพตํ อพฺภสมํ สเพฺพ ปาเณ นิโปฺปเถโนฺต อาคจฺฉติฯ ยํ เต, มหาราช, กรณียํ ตํ กโรหี’ติฯ เอวรูเป เต, มหาราช, มหติ มหพฺภเย สมุปฺปเนฺน ทารุเณ มนุสฺสกฺขเย 1 ทุลฺลเภ มนุสฺสเตฺต กิมสฺส กรณีย’’นฺติ?

    ‘‘Taṃ kiṃ maññasi, mahārāja, idha te puriso āgaccheyya puratthimāya disāya saddhāyiko paccayiko. So taṃ upasaṅkamitvā evaṃ vadeyya – ‘yagghe, mahārāja, jāneyyāsi, ahaṃ āgacchāmi puratthimāya disāya. Tatthaddasaṃ mahantaṃ pabbataṃ abbhasamaṃ sabbe pāṇe nippothento āgacchati. Yaṃ te, mahārāja, karaṇīyaṃ, taṃ karohī’ti. Atha dutiyo puriso āgaccheyya pacchimāya disāya…pe… atha tatiyo puriso āgaccheyya uttarāya disāya…pe… atha catuttho puriso āgaccheyya dakkhiṇāya disāya saddhāyiko paccayiko. So taṃ upasaṅkamitvā evaṃ vadeyya – ‘yagghe mahārāja, jāneyyāsi, ahaṃ āgacchāmi dakkhiṇāya disāya. Tatthaddasaṃ mahantaṃ pabbataṃ abbhasamaṃ sabbe pāṇe nippothento āgacchati. Yaṃ te, mahārāja, karaṇīyaṃ taṃ karohī’ti. Evarūpe te, mahārāja, mahati mahabbhaye samuppanne dāruṇe manussakkhaye 2 dullabhe manussatte kimassa karaṇīya’’nti?

    ‘‘เอวรูเป เม, ภเนฺต, มหติ มหพฺภเย สมุปฺปเนฺน ทารุเณ มนุสฺสกฺขเย ทุลฺลเภ มนุสฺสเตฺต กิมสฺส กรณียํ อญฺญตฺร ธมฺมจริยาย อญฺญตฺร สมจริยาย อญฺญตฺร กุสลกิริยาย อญฺญตฺร ปุญฺญกิริยายา’’ติ?

    ‘‘Evarūpe me, bhante, mahati mahabbhaye samuppanne dāruṇe manussakkhaye dullabhe manussatte kimassa karaṇīyaṃ aññatra dhammacariyāya aññatra samacariyāya aññatra kusalakiriyāya aññatra puññakiriyāyā’’ti?

    ‘‘อาโรเจมิ โข เต, มหาราช, ปฎิเวเทมิ โข เต, มหาราช, อธิวตฺตติ โข ตํ, มหาราช, ชรามรณํฯ อธิวตฺตมาเน เจ เต, มหาราช, ชรามรเณ กิมสฺส กรณีย’’นฺติ? ‘‘อธิวตฺตมาเน จ เม, ภเนฺต, ชรามรเณ กิมสฺส กรณียํ อญฺญตฺร ธมฺมจริยาย สมจริยาย กุสลกิริยาย ปุญฺญกิริยาย? ยานิ ตานิ, ภเนฺต, รญฺญํ ขตฺติยานํ มุทฺธาวสิตฺตานํ อิสฺสริยมทมตฺตานํ กามเคธปริยุฎฺฐิตานํ ชนปทตฺถาวริยปฺปตฺตานํ มหนฺตํ ปถวิมณฺฑลํ อภิวิชิย อชฺฌาวสนฺตานํ หตฺถิยุทฺธานิ ภวนฺติ; เตสมฺปิ, ภเนฺต, หตฺถิยุทฺธานํ นตฺถิ คติ นตฺถิ วิสโย อธิวตฺตมาเน ชรามรเณฯ ยานิปิ ตานิ, ภเนฺต, รญฺญํ ขตฺติยานํ มุทฺธาวสิตฺตานํ…เป.… อชฺฌาวสนฺตานํ อสฺสยุทฺธานิ ภวนฺติ…เป.… รถยุทฺธานิ ภวนฺติ …เป.… ปตฺติยุทฺธานิ ภวนฺติ; เตสมฺปิ , ภเนฺต, ปตฺติยุทฺธานํ นตฺถิ คติ นตฺถิ วิสโย อธิวตฺตมาเน ชรามรเณฯ สนฺติ โข ปน, ภเนฺต, อิมสฺมิํ ราชกุเล มนฺติโน มหามตฺตา, เย ปโหนฺติ 3 อาคเต ปจฺจตฺถิเก มเนฺตหิ เภทยิตุํฯ เตสมฺปิ, ภเนฺต, มนฺตยุทฺธานํ นตฺถิ คติ นตฺถิ วิสโย อธิวตฺตมาเน ชรามรเณฯ สํวิชฺชติ โข ปน, ภเนฺต, อิมสฺมิํ ราชกุเล ปหูตํ หิรญฺญสุวณฺณํ ภูมิคตเญฺจว เวหาสฎฺฐญฺจ, เยน มยํ ปโหม อาคเต ปจฺจตฺถิเก ธเนน อุปลาเปตุํฯ เตสมฺปิ, ภเนฺต, ธนยุทฺธานํ นตฺถิ คติ นตฺถิ วิสโย อธิวตฺตมาเน ชรามรเณฯ อธิวตฺตมาเน จ เม, ภเนฺต, ชรามรเณ กิมสฺส กรณียํ อญฺญตฺร ธมฺมจริยาย สมจริยาย กุสลกิริยาย ปุญฺญกิริยายา’’ติ?

    ‘‘Ārocemi kho te, mahārāja, paṭivedemi kho te, mahārāja, adhivattati kho taṃ, mahārāja, jarāmaraṇaṃ. Adhivattamāne ce te, mahārāja, jarāmaraṇe kimassa karaṇīya’’nti? ‘‘Adhivattamāne ca me, bhante, jarāmaraṇe kimassa karaṇīyaṃ aññatra dhammacariyāya samacariyāya kusalakiriyāya puññakiriyāya? Yāni tāni, bhante, raññaṃ khattiyānaṃ muddhāvasittānaṃ issariyamadamattānaṃ kāmagedhapariyuṭṭhitānaṃ janapadatthāvariyappattānaṃ mahantaṃ pathavimaṇḍalaṃ abhivijiya ajjhāvasantānaṃ hatthiyuddhāni bhavanti; tesampi, bhante, hatthiyuddhānaṃ natthi gati natthi visayo adhivattamāne jarāmaraṇe. Yānipi tāni, bhante, raññaṃ khattiyānaṃ muddhāvasittānaṃ…pe… ajjhāvasantānaṃ assayuddhāni bhavanti…pe… rathayuddhāni bhavanti …pe… pattiyuddhāni bhavanti; tesampi , bhante, pattiyuddhānaṃ natthi gati natthi visayo adhivattamāne jarāmaraṇe. Santi kho pana, bhante, imasmiṃ rājakule mantino mahāmattā, ye pahonti 4 āgate paccatthike mantehi bhedayituṃ. Tesampi, bhante, mantayuddhānaṃ natthi gati natthi visayo adhivattamāne jarāmaraṇe. Saṃvijjati kho pana, bhante, imasmiṃ rājakule pahūtaṃ hiraññasuvaṇṇaṃ bhūmigatañceva vehāsaṭṭhañca, yena mayaṃ pahoma āgate paccatthike dhanena upalāpetuṃ. Tesampi, bhante, dhanayuddhānaṃ natthi gati natthi visayo adhivattamāne jarāmaraṇe. Adhivattamāne ca me, bhante, jarāmaraṇe kimassa karaṇīyaṃ aññatra dhammacariyāya samacariyāya kusalakiriyāya puññakiriyāyā’’ti?

    ‘‘เอวเมตํ, มหาราช, เอวเมตํ, มหาราช! อธิวตฺตมาเน ชรามรเณ กิมสฺส กรณียํ อญฺญตฺร ธมฺมจริยาย สมจริยาย กุสลกิริยาย ปุญฺญกิริยายา’’ติ? อิทมโวจ ภควา…เป.… สตฺถา –

    ‘‘Evametaṃ, mahārāja, evametaṃ, mahārāja! Adhivattamāne jarāmaraṇe kimassa karaṇīyaṃ aññatra dhammacariyāya samacariyāya kusalakiriyāya puññakiriyāyā’’ti? Idamavoca bhagavā…pe… satthā –

    ‘‘ยถาปิ เสลา วิปุลา, นภํ อาหจฺจ ปพฺพตา;

    ‘‘Yathāpi selā vipulā, nabhaṃ āhacca pabbatā;

    สมนฺตานุปริยาเยยฺยุํ, นิโปฺปเถโนฺต จตุทฺทิสาฯ

    Samantānupariyāyeyyuṃ, nippothento catuddisā.

    ‘‘เอวํ ชรา จ มจฺจุ จ, อธิวตฺตนฺติ ปาณิเน 5;

    ‘‘Evaṃ jarā ca maccu ca, adhivattanti pāṇine 6;

    ขตฺติเย พฺราหฺมเณ เวเสฺส, สุเทฺท จณฺฑาลปุกฺกุเส;

    Khattiye brāhmaṇe vesse, sudde caṇḍālapukkuse;

    น กิญฺจิ 7 ปริวเชฺชติ, สพฺพเมวาภิมทฺทติฯ

    Na kiñci 8 parivajjeti, sabbamevābhimaddati.

    ‘‘น ตตฺถ หตฺถีนํ ภูมิ, น รถานํ น ปตฺติยา;

    ‘‘Na tattha hatthīnaṃ bhūmi, na rathānaṃ na pattiyā;

    น จาปิ มนฺตยุเทฺธน, สกฺกา เชตุํ ธเนน วาฯ

    Na cāpi mantayuddhena, sakkā jetuṃ dhanena vā.

    ‘‘ตสฺมา หิ ปณฺฑิโต โปโส, สมฺปสฺสํ อตฺถมตฺตโน;

    ‘‘Tasmā hi paṇḍito poso, sampassaṃ atthamattano;

    พุเทฺธ ธเมฺม จ สเงฺฆ จ, ธีโร สทฺธํ นิเวสเยฯ

    Buddhe dhamme ca saṅghe ca, dhīro saddhaṃ nivesaye.

    ‘‘โย ธมฺมํ จริ 9 กาเยน, วาจาย อุท เจตสา;

    ‘‘Yo dhammaṃ cari 10 kāyena, vācāya uda cetasā;

    อิเธว นํ ปสํสนฺติ, เปจฺจ สเคฺค ปโมทตี’’ติฯ

    Idheva naṃ pasaṃsanti, pecca sagge pamodatī’’ti.

    ตติโย วโคฺคฯ

    Tatiyo vaggo.

    ตสฺสุทฺทานํ –

    Tassuddānaṃ –

    ปุคฺคโล อยฺยิกา โลโก, อิสฺสตฺตํ 11 ปพฺพตูปมา;

    Puggalo ayyikā loko, issattaṃ 12 pabbatūpamā;

    เทสิตํ พุทฺธเสเฎฺฐน, อิมํ โกสลปญฺจกนฺติฯ

    Desitaṃ buddhaseṭṭhena, imaṃ kosalapañcakanti.

    โกสลสํยุตฺตํ สมตฺตํฯ

    Kosalasaṃyuttaṃ samattaṃ.







    Footnotes:
    1. มนุสฺสกาเย (ก.)
    2. manussakāye (ka.)
    3. เยสํ โหนฺติ (ก.)
    4. yesaṃ honti (ka.)
    5. ปาณิโน (สี. สฺยา. กํ. ปี.)
    6. pāṇino (sī. syā. kaṃ. pī.)
    7. น กญฺจิ (?)
    8. na kañci (?)
    9. ธมฺมจารี (สี. สฺยา. กํ. ปี.)
    10. dhammacārī (sī. syā. kaṃ. pī.)
    11. อิสฺสตฺถํ (สี. สฺยา. กํ.)
    12. issatthaṃ (sī. syā. kaṃ.)



    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๕. ปพฺพตูปมสุตฺตวณฺณนา • 5. Pabbatūpamasuttavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๕. ปพฺพตูปมสุตฺตวณฺณนา • 5. Pabbatūpamasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact